WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

In this photo released by China's Xinhua News Agency, firefighters work on a damaged building after a 5.5-magnitude earthquake hit Eryuan County of Dali Bai Autonomous Prefecture, southwest China's Yunnan Province, Sunday, March 3, 2013. The moderate earthquake caused hundreds of homes to collapse and injured at least 30 people. (AP Photo/Xinhua, Ge Shangneng) NO SALES

แผ่นดินไหวที่ยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 5.5 ริกเตอร์ ทำให้บ้านเรื่อนเสียหาย 2,500 หลัง และทำให้บ้านถล่ม 700 หลัง 55,000 คนได้รับผลกระทบจากการไหวครั้งนี้ ทางการได้มีการช่วยเหลือในพื้นที่นั้น รวมทั้งกางเต้นท์ 6,000 เต้นท์


SW China quake destroys 700 homes, injures 30

The magnitude-5.5 quake struck 51 kilometers (32 miles) from the city of Dali at a depth of 33 kilometers (20 miles), according to the U.S. Geological Survey.

About 34 aftershocks were recorded after the quake, Xinhua said.

อ่านต่อ SW China quake destroys 700 homes, injures over 20

 

แกะรอย มหาพีระมิด รอบโลก


มหาพีระมิดแห่งกิซ่า



เมื่อใดก็ตามที่คำว่า “พีระมิด” ก้องเข้ามาในโสตประสาท เชื่อได้ว่าภาพแรกที่ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดจะต้องเป็นภาพของมหาพีระมิดแห่งกิซ่า (Giza) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจากประเทศอียิปต์เป็นแน่แท้ แต่จริงๆแล้วโบราณสถานรูปทรง “พีระมิด” นั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ดินแดนไอยคุปต์เพียงแห่งเดียว เพราะ “พีระมิด” นั้นปรากฏอยู่ทั่วโลกเลยล่ะครับ!! และในครั้งนี้ คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนพิเศษจะพาแฟนานุแฟนตะลอนทัวร์ไปทั่วโลกเพื่อแกะรอยโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่เข้าขั้น “มหาพีระมิด” กันครับ

พีระมิดขั้นบันได


พีระมิดขั้นบันได

ไอยคุปต์ เจ้าแห่งพีระมิด

ปฐมบทแห่งพีระมิดต้องยกให้ชาวไอยคุปต์ครับ พวกเขาคืออารยธรรมแรกที่ริเริ่มสร้างพีระมิดขึ้นมา ซึ่งคนค้นคิดก็คือสถาปนิกนามกระเดื่อง อิมโฮเทป (Imhotep) เป็นผู้คิดต้นแบบของ “พีระมิดขั้นบันได” (Step Pyramid) ซึ่งเป็นพีระมิดที่เก่าแก่ที่สุด ด้วยอายุ 4,800 ปีเลยทีเดียวเชียว

หลังจากนั้นฟาโรห์สเนเฟอรู (Sneferu) ก็ออกแบบพีระมิดผิวเรียบที่เรียกกันว่า “พีระมิดแท้” (True Pyramid) ขึ้นมา ซึ่งความพยายามในการสร้างพีระมิดแท้องค์แรกของฟาโรห์สเนเฟอรูต้องล้มเหลว พระองค์ต้องเปลี่ยนมุมชันของพีระมิดแบบกะทันหัน อาจจะเนื่องมาจากประเด็นของการรับน้ำหนัก จนเกิดเป็นพีระมิดหักโค้ง (Bent Pyramid) องค์เดียวในไอยคุปต์ขึ้นมา แต่พระองค์ก็ไม่ละความพยายาม สร้างอีกจนสำเร็จภายใต้ชื่อพีระมิดแดง (Red Pyramid) ซึ่งถือว่าเป็นพีระมิดแท้องค์แรกของไอยคุปต์อย่างแท้จริง

มหาซิกกูแรต

มหาซิกกูแรต

หลังจากยุคของสเนเฟอรูเป็นต้นมา พีระมิดแท้ก็ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด เพียงแค่ว่าวัสดุที่ใช้สร้างอาจจะเปลี่ยนไปบ้างตามแต่ยุคสมัย ทำให้ความคงทนถาวรของพีระมิดลดน้อยถอยลงตามไปด้วย

วัตถุประสงค์ในการสร้างพีระมิดของชาวไอยคุปต์ก็คือเพื่อใช้เป็น “สุสาน” สำหรับฝังมัมมี่พระศพของฟาโรห์หรือราชินีในยุคนั้น แต่ในช่วงหลัง ชาวไอยคุปต์เริ่มเปลี่ยนมาสร้างสุสานแบบเจาะเข้าในไปหุบผาแทน ดังที่ปรากฏในหุบผากษัตริย์และหุบผาราชินี (Valley of the Kings & Queens) หลังจากนั้นความนิยมในการสร้างพีระมิดของชาวไอยคุปต์ ก็ลดลงเป็นลำดับ

พีระมิดสุริยัน


พีระมิดสุริยัน

เมโสโปเตเมียและซิกกูแรตแห่งอูร์

อารยธรรมที่มีความเก่าแก่เทียบชั้นอียิปต์โบราณ นั้นคงจะหนีไม่พ้นอารยธรรมเมโสโปเตเมียแห่งสองลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส (Tigris & Euphrates) อย่างแน่นอน ชนเผ่าแรกสุดที่อาศัยอยู่ในอารยธรรมสองลุ่มน้ำนี้มาตั้งแต่ห้าพันปีก่อนคริสต์กาลก็คือชาว ซูเมอร์ (Sumer) ครับ

ซูเมอร์เป็นหนึ่งในอาณาจักรโบราณที่รุ่งเรืองอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิรัก ใกล้กับทางออกไปยังอ่าวเปอร์เซีย ภายในอาณาจักรแบ่งออกเป็นนครรัฐมากมายหลายนคร รวมทั้งนครที่โดดเด่นที่สุดของเมโสโปเตเมียอย่างอูร์ (Ur) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ย้อนกลับไปได้ตั้งแต่หกพันปีก่อนคริสต์กาลด้วย นครอูร์แห่งนี้เป็นที่ตั้งของ “มหาพีระมิด” แห่งเมโสโปเตเมียที่เรารู้จักกันในนาม “ซิกกูแรต” (Ziggurat)

พีระมิดหักโค้ง


พีระมิดหักโค้ง

มหาซิกกูแรตแห่งอูร์สร้างขึ้นในยุครุ่งเรืองของนครอูร์เมื่อประมาณ 2,112 ปีก่อนคริสต์กาล ซึ่งเป็นยุคที่กษัตริย์ชาวซูเมอร์นามว่า อูร์-นัมมู (Ur-Nammu) ขึ้นครองราชย์ พระองค์เป็นคนบัญชาให้สร้างมหาซิกกูแรตขึ้นเพื่อเป็นวิหารบูชาเทพเจ้านันนา (Nanna) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ตามความเชื่อของชาวเมโสโปเตเมีย

วัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างมหาซิกกูแรตแห่งนครอูร์อาจจะแตกต่างไปจากชาวไอยคุปต์อยู่บ้าง เนื่องจากในยุคพีระมิดของชาวไอยคุปต์นั้น พวกเขาสร้างศิลาคารเหล่านั้นด้วยหินปูน ทำให้มีความมั่นคงและแข็งแรงทนทานมากกว่ามหาซิกกูแรตที่สร้างจากอิฐตากแห้ง แต่เมื่อเทียบกับพีระมิดของชาวไอยคุปต์ในสมัยราชอาณาจักรกลางที่สร้างจากอิฐดิบเช่นกันแล้ว มหาซิกกูแรตแห่งอูร์ยังคงสภาพดีกว่ามากเลยทีเดียว

แต่เป็นที่น่าเสีย ดายครับที่ปัจจุบันชั้นบนสุดของซิกกูแรตพังทลายลงไปจนไม่เห็นเค้าเดิมเสียแล้ว

พีระมิดแห่งชิเชน อิตซา


พีระมิดแห่งชิเชน อิตซา

มหาพีระมิดแห่งอเมริกาโบราณ

สามชนเผ่าหลักในดินแดนอเมริกาโบราณที่มีโบราณสถานที่เข้าข่ายนิยาม “พีระมิด” ก็คือชาวเตโอติฮัวคาน (Teotihuacan) ชาวมายา (Maya) และชาวแอสเท็กซ์ (Aztecs) ผู้โหดร้าย เรามาเริ่มเยี่ยมชมกันที่พีระมิดที่เก่าแก่ที่สุดในสามชนเผ่านี้กันเลยดีกว่า นั่นก็คือพีระมิดแห่งเตโอติฮัวคานที่เริ่มสร้างขึ้นเมื่อประมาณ ค.ศ. 100 ครับ

เตโอติฮัวคาน ถูกขนานนามว่าเป็นมหานครแห่งมหาพีระมิด เนื่องด้วยมีพีระมิด 3 องค์เด่นๆตั้งอยู่กลางนคร ชื่อของพีระมิดในนครแห่งนี้ฟังดูเท่ไม่หยอกครับ ด้วยว่าพอเรียกเป็นภาษาไทยแล้วก็จะเป็นพีระมิดสุริยันและพีระมิดจันทรา (Pyramid of the Sun & Moon) อีกทั้งยังมีพีระมิดองค์เล็กอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างออกไปอีกเล็กน้อยที่เรารู้จักกันในชื่อพีระมิดงูใหญ่ประดับขนนก (Feathered Serpent Pyramid) ซึ่งพีระมิดทั้ง 3 แห่งนี้เชื่อมต่อกันด้วยถนนสายเดี่ยวที่มีนามน่าเกรงขามว่า “ถนนมรณะ” (Avenue of the Dead)


พีระมิดจันทรา


พีระมิดจันทรา

ฐานของพีระมิดสุริยันนั้นมีขนาดใหญ่กว่าฐานของมหาพีระมิดแห่งกิซ่าของฟาโรห์คูฟู (Khufu) เล็กน้อย แต่มีความสูงน้อยกว่าอยู่มากทีเดียว เรียกได้ว่าความชันของพีระมิดสุริยันน้อยกว่ามหาพีระมิดแห่งกิซ่าอยู่โขเลยล่ะครับ พีระมิดแห่งนี้ เมื่อพินิจพิจารณาดูดีๆแล้วก็จะพบว่ามันเหมือนกับพีระมิดขั้นบันได 4 ขั้นที่มีวิหารอยู่ด้านบนสุด แต่น่าเสียดายครับที่วิหารด้านบนพีระมิดสุริยันนั้นเสียหายไปหมดแล้ว เราจึงไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับวิหารแห่งนี้เลย

ทางด้านพีระมิดจันทราเองก็ถือได้ว่าใหญ่เป็นอันดับสองรองจากพีระมิดสุริยัน สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ค.ศ. 200 ลานกว้างด้านบนพีระมิดอุทิศให้แด่เทพเจ้าแห่งฝนและพระจันทร์ ด้านหน้าของพีระมิดจันทรายังมีพีระมิดขั้นบันไดองค์เล็กๆอีกนับสิบองค์เรียงรายอยู่ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือการค้นพบของนักโบราณคดีเมื่อประมาณปี ค.ศ. 2004 ที่ขุดเจอบรรดาศพไร้ศีรษะ รวมทั้งซากสัตว์ต่างๆทั้งสิงโตภูเขา หมาป่า นกอินทรี ศพเหล่านี้เป็นเครื่องบูชายัญในการต่อเติมพีระมิดจันทราแต่ละครั้ง ซากศพมนุษย์เห็นได้ชัดว่าถูกจับมัดมือไพล่หลังแล้วก็ฝังทั้งเป็น บ้างก็ถูกหินคมกริบบั่นศีรษะออก ที่ภายใต้พีระมิดงูใหญ่ประดับขนนกก็มีหลักฐานการบูชายัญกลุ่มทหารเพื่ออุทิศแด่เทพงูใหญ่ประดับขนนกด้วยเช่นกันครับ

อีกหนึ่งพีระมิดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เป็นของอารยธรรมมายาในนครชิเชน อิตซา (Chichen Itza) วิหารทรงพีระมิดแห่งนี้คือ “วิหารแห่งคูคุลคัน” (Temple of Kukulcan) ซึ่งเป็นเทพเจ้าองค์เดียวกันกับเทพงูใหญ่ประดับขนนกในนครเตโอติฮัวคาน

ด้านบนสุดมีแท่นบูชายัญที่เรียกว่า “ชาคมุล” (Chac Mool) ซึ่งเป็นหินรูปมนุษย์นอนเอนกายถือชามหรือถาดเอาไว้เหนือท้อง นักโบราณคดีคาดกันว่าชาคมุลคือสัญลักษณ์แห่งการบูชายัญมนุษย์ ซึ่งในวันพิเศษอย่างวันวิษุวัตทั้งในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง (ตรงกับวันที่ 21 มีนาคมและ 21 กันยายน) แสงอาทิตย์ที่ส่องบันไดทางด้านทิศเหนือของพีระมิดจะทำให้เกิดเงาของ “งูยักษ์” ขนาดมหึมากำลังเลื้อยขึ้นพีระมิดไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนตัวสูงขึ้นไปบนฟากฟ้า เรียกได้ว่า ณ เวลานั้น คงเพิ่มความขลังให้กับพิธีกรรมบูชายัญได้เป็นอย่างมาก

มหาพีระมิดในอเมริกาโบราณแห่งสุดท้ายที่ขอนำเสนอเป็นพีระมิดกลางนครหลวงทีโนชติตลาน (Tenochtitlan) ของชาว แอสเท็กซ์ นั่นก็คือ “เทมพลอ มายอร์” (Templo Mayor) ครับ เทมพลอ มายอร์เป็นวิหารทรงพีระมิดขั้นบันไดที่มีห้องบูชาด้านบนสองห้อง ประหนึ่งวิหารคู่ที่สร้างถวายแด่เทพเจ้าเวทเซลโอพอคทลิ (Huitzilopochtli) ซึ่งเป็นเทพอุปถัมภ์แห่งนครทีโนชติตลาน และเทพเจ้าทลาลอค (Tlaloc) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งฝน
นอกจากนี้ทั่วโลกยังมีโบราณสถานรูปทรงพีระมิดอีกมากมายหลายแห่งเลยทีเดียวครับ ทั้งสุสานของจักรพรรดิแห่งจีนโบราณในนครซีอาน (Xi’an) ที่เป็นเนินดินทรงพีระมิดปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจี แต่ภายในเป็นสุสานของเหล่าจักรพรรดิทั้งจากราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่งที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงประมาณ 200 ปีก่อนคริสต์กาล หรืออย่างเนินดินที่ซิลเบอรี่ ฮิลล์ (Silbury Hill) ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ก็เป็นเนินดินรูปทรงคล้ายพีระมิดเช่นกัน นอกจากนั้นก็ยังมีกลุ่มอาคารทรงพีระมิดอีกมากมายผุดขึ้นมาในโลกโบราณ คำถามที่สำคัญก็คือทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

คำตอบที่ฟังดูสมเหตุสมผลที่สุดก็คือ ในทางวิศวกรรมแล้ว โครงสร้างแบบพีระมิดที่มีฐานกว้างและยอดแคบนั้นสามารถรับน้ำหนักได้ดีกว่า และมั่นคงกว่าในการรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติต่างๆ อีกทั้งในเชิงศาสนาและความเชื่อแล้ว พีระมิดเปรียบเสมือน “บันได” ที่ชนชาติต่างๆพยายามผูกเข้ากับการเดินทางไปรวมกับเทพเจ้าบนฟากฟ้า ทำให้ทั้งสุสานและวิหารที่มีความเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าและตำนานที่ต้องการความมั่นคงของอาคารจึงได้รับการออกแบบให้เป็นรูปทรงของ “พีระมิด” ยังไงล่ะครับ.


โดย ‘‘ณัฐพล เดชขจร’’
ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน


ที่มา แกะรอย มหาพีระมิด รอบโลก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

พวกเราจะได้เย็นๆ กันต่ออีก 1-2 วัน

 

ตัว H อย่างกะตัวอะมีบ้า แหน่ะ....

 

จ๊าก พี่วิจิตรก็ :boo:

_/\_ ขอบพระคุณอย่างสูงจ้า (f)

 

กราบขอบพระคุณทุกท่าน ขอพรอันดีจงกลับไปยังพวกท่านและครอบครัวทุกคน

วันนี้ได้ไปทำบุญมา ขอให้ผลบุญทั้งหลายทุกคน จงได้รับผลบุญนี้ด้วยทุกประการ สาธุ _/\_


(f)