WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

ภาพแผนที่แสดงศักยภาพการเกิดน้ำท่วมโดย NASA








ภาพถ่ายสภาพพายุจาก Asia Satellite (Weather Channel)



แผนภาพแสดงปริมาณน้ำฝนใน 24 ชั่วโมง




จุดเสี่ยงที่จะเกิดพายุหมุนเขตร้อน




แผนที่ลม

 

เผยนาทีระทึก...แหกไฟนรกร้านสุกี้ระเบิด เหมืองบึมไล่หลัง ดับอีก 18 ชีวิต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2555 14:26 น.

สภาพความเสียหายยับเยินจากเหตุถังแก๊สระเบิดในภัตราคารอาหารต้มหม้อไฟ สี่หยังหยัง ในโซ่วหยัง มณฑลซานซี วันที่ 23 พ.ย. (ภาพ ซินหวา)
ASTVผู้จัดการออนไลน์/เอเจนซี-- ต่อไปนี้ เป็นคำบอกเล่าของบรรดาผู้รอดชีวิตจากเหตุระเบิดในภัตตาคารสุกี้ ที่คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 14 ราย หลายๆคนกระเสือกกระสน หนีไฟนรกที่ลุกโหมหลังระเบิด พุ่งตัวออกทางหน้าต่างชั้นสอง

ราวสองทุ่มของวันศุกร์ (24 พ.ย.) เสียงระเบิดดังสนั่นแรงสั่นสะเทือนราวแผ่นดินไหวเขย่าภัตตาคารอาหารต้มหม้อไฟ “สี่หยังหยัง” ในเมืองชนบทโซ่วหยัง มณฑลส่านซี

แรงระเบิดทรงพลานุภาพ จนกระจกหน้าต่างรถยนต์แตกกระจาย ประตูเหล็กหน้าร้านค้าที่ตั้งอยู่บนฝั่งตรงข้ามถนน หักงอ

ลูกค้ารายหนึ่งในร้าน นาย หยวน เหอผิง กำลังกินอาหารค่ำกับภรรยาที่ชั้นล่างของภัตตาคาร 3 ชั้น เล่าเหตุการณ์แก่ผู้สื่อข่าวสำนักซินหวา ว่าเขาได้ยินเสียงดังบึ้ม และรู้สึกร้อนบาดเนื้อบาดตัว ควันดำเต็มไปหมดทั้งห้อง

หยวนคว้าเสื้อหนาวตัวนอก ปิดปาก และกระโจนออกจากร้านทางหน้าต่าง ส่วนภรรยาก็รอดชีวิต ทั้งสองบาดเจ็บเล็กน้อย

แพทย์ที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งโซ่วหยังบอกกับสื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่ามอร์นิ่ง โพสต์ ว่า เหยื่อระเบิดจากภัตตาคารสี่หยังหยัง หลายคนมีอาการสาหัสจากไฟลวก หรือโดนเศษซากขยะจากระเบิด

“ครอบครัวของเหยื่อบางคนก็โทรมาให้ช่วยไประบุตัวญาติผู้เสียชีวิตหลังเที่ยงคืน” แพทย์คนหนึ่งกล่าวโดยไม่เผยชื่อ

“เสียงร้องของพวกเขายังหลอนอยู้ในหูของผมนี่ เมืองของพวกเราเป็นชนบทเล็กๆ เราไม่เคยเห็นหายนะร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน”

เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากระเบิด 47 คน มี 11 คน ยังอยู่ในขั้นโคม่าเมื่อวานนี้ สำนักข่าวซินหวาระบุว่า ผู้บาดเจ็บ 31 ราย ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่ในเมืองไท่หยวน

“แรงระเบิดแรงมาก ยังกับแผ่นดินไหว ฉันกลัวมาก ไม่กล้าแม้แต่มองที่ที่นั่นลย

“ผู้คนชอบกินต้มหม้อไฟกันในหน้าหนาว และภัตตาคารทุกแห่งก็ใช้ถังแก๊สเพราะมีราคาถูกกว่าไฟฟ้า” เจ้าของร้านซักรีดใกล้กับที่เกิดเหตุเล่า

ขณะนี้กลุ่มเจ้าหน้าที่กำลังไต่สวนสาเหตุที่แน่นอน โดยสันนิษฐานว่า มาจากแก๊สรั่วจากกระบอกแก๊สใต้โต๊ะอาหาร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยังประหลาดใจกับขนาดความแรงของระเบิด “ผมช็อกและงงมาก ที่มีผู้เสียชีวิตมากขนาดนี้ ถังแก๊สระเบิดแค่ถังเดียว ไม่น่าตายมากขนาดนี้”

เหตุแก๊สบึมในเหมืองถ่านหิน ดับอีก 15 ชีวิต
และในวานนี้(25 พ.ย.) มีรายงานข่าว เกิดเหตุแก๊สในเหมืองถ่านหินลิ่วพานสุ่ย มณฑลกุ้ยโจว มีผู้เสียชีวิตแล้ว อย่างน้อย 18 คน อีก 5 คน ติดอยู่ในเหมือง

ทั้งนี้ ปฏิบัติการเหมืองในจีน มีชื่อเสียกระฉ่อนว่า อันตรายที่สุดในโลก เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ได้ผลักดันความต้องการพลังงาน และเจ้าของเหมืองจำนวนมากเร่งการผลิตถ่านหินปริมาณมากโดยละเลยเข้มงวดมาตรการความปลอดภัย ชีวิตคนงาน

เมื่อปีที่แล้ว (2554) คนงานเหมือง 1,973 คน ต้องสังเวยชีวิตในอุบัติเหตุเหมือง ซึ่งยังนับเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าปีก่อนหน้า 19 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่พยายามกวดขันมาตรการปลอดภัย ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษย์ชนชี้ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเหมืองในจีน น่าจะสูงกว่ารายงานของหน่วยงานรัฐ เนื่องจากการปกปิดข่าวของบรรดาเจ้าของเหมือง ที่กลัวถูกปิดกิจการ

 

ผมได้รับแล้วครับ D1

อยากถามว่าลูกข่ายผม (D1) คือ D2 ,D3....D6

หรือ D1_1, D2_1, D3_1....D5_1


ครับ เนื่องจากผมไม่มีเบอร์ D1_1, D2_1, D3_1....D5_1

ขอบคุณครับ

 

เตือน กทม. ป่วยหวัดใหญ่พุ่ง ระบาดป่วยแล้วนับหมื่น

เขียนโดย nuntarat โพสต์เมื่อ วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2555



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่ กทม. ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวและบางช่วงเวลาก็มีฝนตกลงมา ส่งผลให้ประชาชนป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่จำนวนมาก ล่าสุด มีจำนวนผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ตุลาคม 13,580 ราย คิดเป็นอัตราป่วยสะสม 239.3 รายต่อประชากรแสนคน แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต ซึ่งกลุ่มอายุที่มีผู้ป่วยสูงสุดคือ อายุ 5-9 ขวบ รองลงมา ได้แก่ 0-4 ขวบ และ 10-14 ปี
ส่วนพื้นที่ที่มีอัตราป่วยมากที่สุดคือ เขตบึงกุ่ม 530.11 รายต่อประชากรแสนคน รองลงมา ได้แก่ เขตคันนายาว 469.20 รายต่อประชากรแสนคน และบางกะปิ 441.99 รายต่อประชากรแสนคน โดยเริ่มมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมและเพิ่มสูงสุดในเดือนกันยายน ที่มีกว่า 4,000 ราย มากกว่าในช่วงเดือนเดียวกันเมื่อปี 2554 ที่มีประมาณ 2,000 ราย และเมื่อเดือนตุลาคมพบผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วกว่า 2,000 ราย ขณะที่ในเดือนเดียวกันเมื่อปี 2554 มีผู้ป่วยเพียงประมาณ 700 ราย
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มสูงขึ้นเกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงในพื้นที่กรุงเทพฯ มีฝุ่นละอองในอากาศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากปริมาณรถบนท้องถนนที่มากขึ้น ดังนั้น ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด ด้วยการทำร่างกายให้อบอุ่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายสม่ำเสมอ
MThai News

เตือน กทม. ป่วยหวัดใหญ่พุ่ง ยอดนับหมื่นราย | ข่าว ข่าวรายวัน ข่าววันนี้ ข่าวการเมือง

 

ปานามาน้ำท่วมหนักตายแล้ว 2 ศพ

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา 07:57 น.



ทางการปานามาประกาศพื้นที่ภัยพิบัติใน 3 จังหวัด หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและโคลนถล่ม มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 ศพ
วันนี้ ( 26 พ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปานามาซิตี ประเทศปานามาว่า ทางการปานามาประกาศพื้นที่ภัยพิบัติใน 3 จังหวัดเมื่อวันอาทิตย์ หลังฝนที่ตกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและโคลนถล่ม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 ศพ


ประธานาธิบดีริคาร์โด มาร์ติเนลลี ผู้นำปานามา แถลงหลังเสร็จสิ้นการลงพื้นที่จังหวัดโคลอน คอร์เรรา และคาปิราว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่คาดคิดมาก โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด อยู่ที่จังหวัดโคลอน ที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลแคริบเบียน รวมถึงจังหวัดคาปิรา ที่ห่างจากกรุงปานามาซิตีไปทางตะวันตกราว 60 กิโลเมตร และจังหวัดคอร์เรรา ที่ระดับน้ำของแม่น้ำสายหลักในตัวเมืองเอ่อล้นตลิ่ง ไหลออกมาท่วมบ้านเรือนประชาชน จึงขอประกาศให้ 3 จังหวัดดังกล่าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถที่สุด


รายงานล่าสุดระบุว่า บ้านเรือนอย่างน้อย 800 หลังได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องอพยพประชาชนราว 94 คนไปยังศูนย์พักพิงเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิตและความเสียหายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่านี้ เนื่องจากฝนยังคงตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง

ปานามาน้ำท่วมหนักตายแล้ว 2 ศพ | เดลินิวส์

 

รับทราบจ้า...ระหว่างรอแม่ข่ายหลัก ก็เช็คเบอร์ลูกข่ายไปพลางๆ

B5 - War Room Falkman

 

กรมวิทยาศาสตร์ฯ เตือน นักเที่ยวป่ากางเต็นท์หน้าหนาว ระวังไรอ่อนกัด



นายแพทย์นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพอากาศในประเทศไทยเริ่มหนาวเย็นลง ประชาชนมักเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น จึงอยากเตือนให้ระมัดระวังตัวไรอ่อน (chigger) กัด ทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือสครับไทฟัส (Scrub typhus) ไรอ่อนนี้จะอาศัยอยู่ในสัตว์รังโรค คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระแต กระรอก เป็นต้น เมื่อกัดคนจะปล่อยเชื้อที่เรียกว่าริกเก็ตเซีย(Rickettsia) โรคไข้รากสาดใหญ่ มีระยะฟักตัวประมาณ 6-21 วัน แต่โดยทั่วไปประมาณ 10-12 วัน โดยไรอ่อนมักจะเข้าไปกัดบริเวณร่มผ้า เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัวบริเวณใต้ราวนม รักแร้ และคอ โรคนี้จะพบมากในช่วงฤดูฝน และต้นฤดูหนาว อาการที่สำคัญ ได้แก่ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงบริเวณขมับและหน้าผาก ตัวร้อนจัด มีไข้สูง 40-40.5 องศาเซลเซียส หนาวสั่น เพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา มีอาการไอแห้งๆ ไต ตับ ม้ามโต และผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (eschar) ตรงบริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด มีสีแดงคล้ำ เป็นรอยบุ๋ม ไม่คัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรค ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20-50 อาจจะมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่การอักเสบที่ปอด สมอง ในรายที่อาการรุนแรงอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วมาก ความดันโลหิตต่ำ อาจถึงขั้นช็อก เสียชีวิตได้

26/11 กรมวิทยาศาสตร์ฯ เตือน นักเที่ยวป่ากางเต็นท์หน้าหนาว ระวังไรอ่อนกัด :: มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ


ไรอ่อนจะกินน้ำเหลืองของสัตว์เลือดอุ่น เช่น นก หนู สัตว์เลื้อยคลาน รวมทั้งคนที่เดินผ่านด้วย จุดที่ไรอ่อนมักชอบกัดคือในบริเวณร่มผ้า ได้แก่ อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัว รักแร้ และคอ ผู้ที่ถูกไรอ่อนกัดร้อยละ 30 จะพบแผลบุ๋มคล้ายโดนบุหรี่จี้ (Eschar) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ ตรงกลางรอยแผล จะเป็นสะเก็ดสีดำ ส่วนรอบๆ แผลจะแดง หลังถูกกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก ปวดเมื่อยตามตัว ตาแดง อาจมีอาการทางปอดและสมองได้ ควรรีบไปพบแพทย์ หากรักษาไม่ทันอาจทำให้เสียชีวิตได้ ในการรักษา ประชาชนควรต้องแจ้งประวัติการไปเที่ยวป่าให้แพทย์ทราบด้วย

การป้องกันไม่ให้ไรอ่อนกัด ผู้ที่จะไปเดินป่าหรือกางเต็นท์นอนในป่า ควรใส่รองเท้า สวมถุงเท้ายาวหุ้มปลายขากางเกงไว้ และเหน็บปลายเสื้อเข้าในกางเกง ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ ใช้ยาทากันแมลงกัดตามแขนขา แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในรายที่ผิวหนังมีรอยถลอกหรือมีแผล และไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=baanbayview&month=25-12-2008&group=19&gblog=1

 

ปภ.เตือนประชาชนรับมือสภาพอากาศ

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา 14:08 น.



มหาดไทย เตือน 37 จังหวัดเหนือ อีสาน เตรียมพร้อมรับมือฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ส่วนระหว่างวันที่ 25-28 พย.ย.นี้ ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยต้องระวังฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก

วันนี้ ( 26 พ.ย.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนระลอกใหม่แผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ในขณะที่บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 37 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี พิษณุโลก ตาก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ เลย และหนองบัวลำภู

ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวติดตามสภาวะอากาศอย่างใกล้ชิด เตรียมการป้องกันพืชผลทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหาย ตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพิ่มความระมัดระวังการใช้เครื่องมือสื่อสารในที่โล่งแจ้งขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง เพื่อป้องกันการถูกฟ้าผ่า

นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า ปภ. ได้กำชับทั้ง 37 จังหวัด แจ้งเตือนประชาชน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพปลอดภัย ตัดแต่งกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่อาจโค่นล้ม เพื่อป้องกันความสูญเสียชีวิตและความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน พร้อมทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุลมแรงสามารถติดต่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

นายฉัตรชัย ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จากการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ช่วงวันที่ 25 – 28 พ.ย.กระแสลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางแห่ง อ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก คลื่นลมแรง ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบสิ่งผิดปกติทางธรรมชาติที่แสดงว่าอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากหรือดินโคลนถล่ม เช่น น้ำเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับสีดินบนภูเขา สัตว์ป่าแตกตื่น มีเสียงดังอื้ออึงมาจากป่าต้นน้ำ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นต้น ให้รีบอพยพไปตามเส้นทางและจุดอพยพที่กำหนดไว้ สำหรับชาวเรือและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ปภ. ได้ประสานทั้ง 9 จังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง จัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์ เครื่องจักรกลประจำจุดเสี่ยงพร้อมให้การช่วยเหลือทันทีที่เกิดภัย พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยที่อยู่ประจำหมู่บ้านเสี่ยงภัยเฝ้าระวัง
ติดตามสถานการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนให้สามารถอพยพได้อย่างทันท่วงที สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากฝนตกหนัก สามารถติดต่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ปภ.เตือนประชาชนรับมือสภาพอากาศ | เดลินิวส์

B5 - War Room Falkman

 

สดร.เชิญชมฝนดาวตกเจมินิดส์ 13-14 ธ.ค.

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 8:16น.



สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ ชวนชมฝนดาวตก กลุ่มดาวคนคู่ ส่งท้ายปี 2555 ซึ่งดาวตกเจมินิดส์ จะเกิดขึ้นมากที่สุด 13-14 ธ.ค. นี้ โดยจะสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน มากกว่า 120 ดวงต่อชั่วโมง

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. เผยตารางของปรากฏการณ์ฝนดาวตกในปี2555 โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา ฝนดาวตกลีโอนิดส์ ได้ปรากฏการณ์ให้เห็นกันไปบ้างแล้ว ส่วนมาก จะบนที่ดอยสูงๆ โดยฝนดาวตกลีโอนิดส์ ตกถี่มากขึ้นประมาณ 20 ดวงต่อชั่วโมง ทำให้ประชาชนที่ร่วมสังเกตการณ์ฝนดาวตกด้วยต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ตามการปรากฏของดาวตกแต่ละดวง

อย่างไรก็ตาม สดร. เผยว่า เดือน ธ.ค. นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ในดาวตกส่งท้ายปี 2555 อีกครั้ง และจะมากกว่าฝนดาวตกลีโอนิดส์ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. โดยจะเป็นฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือ กลุ่มดาวคนคู่ ซึ่งฝนดาวตกเจมินิดส์จะเกิดขึ้นมากที่สุดในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ และสามารถสังเกตได้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 13 ธ.ค. ต่อเนื่องไปจนถึงเช้ามืดวันที่ 14 ธ.ค. โดยคาดว่าในปีนี้ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมจะได้ชมความสวยงามของฝนดาวตกเจมินิดส์ อย่างเต็มอิ่ม เนื่องจากเป็นช่วงคืนเดือนมืด ข้างแรม 15 ค่ำ จึงไม่มีแสงจากดวงจันทร์มารบกวน โดย นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะสามารถสังเกตเห็นฝนดาวตกเจมินิดส์ได้มากกว่า 120 ดวงต่อชั่วโมง และจะสังเกตเห็นได้ชัด เนื่องจากความเร็วของดาวตกไม่มากนัก อยู่ที่ประมาณ 35 กิโลเมตรต่อวินาที

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=418764

B5 - War Room Falkman

 

จ.สุรินทร์สภาพอากาศแปรปรวนหนัก

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา 12:27 น.



วันนี้ (26 พ.ย. 55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศที่จังหวัดสุรินทร์ ในช่วงนี้ ปรากฏว่า ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะๆ แทบทุกทุกวัน ซึ่งจากสภาพอากาศ ที่ฝนตกลงมาทุกวัน ในช่วงนี้ สร้างปัญหาความยากลำบากให้แก่เกษตรกรชาวนา ที่อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าว เพราะต้องลำบากในการนำข้าวมาตากแดด ให้แห้งลดความชื่น เมื่อนำไปขาย หรือ จำนำข้าวกับโครงการรัฐบาล จะได้ราคาสูงขึ้น

และในช่วงเช้าทุกวันในช่วงนี้ก็ปรากฏว่า มีหมอก น้ำค้างลงอย่างหนาแน่นทุกวัน ตั้งแต่ช่วงค่ำคืน จนกระทั่งถึงช่วงเวลา 08.00 น.ประชาชนที่เดินทางในช่วงเช้าๆ ต่างก็แปลกใจ ที่สภาพอากาศแปรปรวน ตามถนนสายต่างๆ หมู่บ้านและชุมชน พบว่ามีหมอก น้ำค้างลงอย่างหนาแน่น ถนนทุกสายถูกปกคลุมด้วยหมอกและน้ำค้าง ทุกคนต่างก็แปลกว่า ว่า สภาพอากาศ เปลี่ยนแปลงไปมาก กลางวัน มีสภาพอากาศ ที่ร้อน สลับกับ ฝนตก และช่วงกลางคืน สภาพอากาศ ค่อนข้างเย็น และช่วงเช้า ปรากฏว่า มีหมอก น้ำค้าง ลงปกคลุมพื้นที่อย่างหนาแน่นทุกวัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ทั้งที่ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาว แล้วก็ตาม

ด้านนายแพทย์ธงชัย ตรีวิบูลย์วณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า ช่วงนี้จังหวัดสุรินทร์มีฝนตกบ้างในบางวันและเริ่มเข้าสู่ปลายฝนต้นหนาวมีการเปลี่ยนแปลงของอากาศ จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพให้ดี เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคได้เป็นปกติ ซึ่งช่วงเปลี่ยนฤดูมักจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดและโรคปอดบวม ซึ่งมักจะมีผู้ป่วยเกิดขึ้นจำนวนมาก

นอกจากนี้ โรคไข้หวัด 2009 ยังเป็นเชื้อที่รุนแรงและมีโอกาสเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนได้ วิธีการป้องกัน คือ การรักษาความอบอุ่นในร่างกาย ที่จะต้องมีความอบอุ่น เพราะเวลาหนาว จะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงอาจจะทำให้เป็นไข้หวัดได้ง่าย เวลาเป็นไข้หวัด ถ้าหากไม่ดูแลให้ดี โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันไม่ดี อาจจะทำให้เป็นสาเหตุของการเป็นโรคปอดบวม บางรายอาจจะเสียชีวิตได้ หากต้องอยู่ในกลุ่มที่ภูมิคุ้มกันมีปัญหา หรือผู้ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง รวมทั้งผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หรือเด็ก สามารถมาติดต่อฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดกับโรงพยาบาลสุรินทร์ได้ทุกวัน ในวันและเวลาราชการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ยังมีโรคไข้เลือดออก ที่จะต้องระวังไม่ให้ยุงลายกัด โดยอาการของโรคไข้เลือดออก จะมีอาการเหมือนไข้หวัดทุกประการ เกิดจากยุงลายกัด ถ้าเป็นแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจจะทำให้เกิดการเสียชีวิต การใช้ยาไม่ถูกต้องของประชาชน เช่น ยาแอสไพริน ที่ไปหาซื้อมารับประทานเอง ดังนั้น ถ้าเกิดอาการเจ็บป่วย มีไข้ ให้รับประทานยาพาราเซตามอล และเช็ดตัว เพื่อให้ไข้ลดลง และดื่มน้ำมากๆ หากมีจุดแดงๆ เป็นจุดๆ หลายจุด ตามแขน ขา หรือมีการอาเจียน หรือซึม ให้รีบนำผู้ป่วยมาให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยโรค อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรช่วยกันป้องกันการเกิดโรคตั้งแต่แรก คือการไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านเรือนของตน





จ.สุรินทร์สภาพอากาศแปรปรวนหนัก | เดลินิวส์

B5 - War Room Falkman

 

ได้ข้อมูลจากคุณจอยเรียบร้อย ทำให้ติดต่อลูกข่ายได้ครบเช่นกัน ขอบคุณคุณจอยด้วยจ้า

B5-1 Boriphat - OK

B5-2 Tassa - OK

B5-3 Pipatphe -OK

B5 - War Room Falkman

 

อยูธยาเริ่มฝนตกโปรยปรายหลังจากตั้งเค้ามาตั้งแต่ 18.00น.ตอนนี้เริ่มตกแล้ว