คลังเรื่องเด่น
-
ปอบมีจริง??? หลวงปู่ดู่เล่า ครั้งหนึ่งเคยเกือบเรียน “วิชาปอบ” เพราะมีคนนำตำราผีปอบมาให้ จนมีควายตายปริศนา เผาตำราทิ้งแทบไม่ทัน!!
เรื่องของผีปอบ นับเป็น ผีที่ฮือฮามากโดยเฉพาะจากทางภาคอีสาน โดยเชื่อกันว่า ผีปอบคือผู้ที่มีวิชาไสยศาสตร์ มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจอันเข้มขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอยเสกหนังควาย เสกตะปูเข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง
แต่ด้วยวิชาไสยศาสตร์เหล่านี้ก็มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วยเช่นกัน โดยผู้ที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ พระพุทธเจ้าทรงระบุว่า เป็นเดียรฉานวิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิดข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด หากกระทำผิดข้อห้าม ชาวอีสานจะเรียกกันว่า "คะลำ" จะเกิดโทษหนักในข้อ "ผิดครู" วิญญาณบรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็น "ปอบ"
หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่กลายเป็นปอบก็คือ เล่นคาถาอาคมอย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลาย ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัว บาปกลัวกรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเองกลายเป็นปอบไปในที่สุด
เรื่องของผีปอบ ถึงแม้จะโด่งดังในภาคอีสาน ทว่าในภาคอื่นๆก็พบเช่นกัน ครั้งหนึ่งหลวงปู่ดู่ วัดสะแก แห่งพระนครศรีอยุธยา ได้พบกับผู้ที่มีวิชาปอบ... -
รู้จักกับพระโพธิสัตว์ กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ต้องทำแบบนี้
การบำเพ็ญประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น เรียกว่าการบำเพ็ญคุณธรรมที่จะทำให้เป็นพระพุทธเจ้า (พุทธการกธรรม) หรือเรียกว่า “บารมีธรรม” ที่พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญให้บริบูรณ์มี ๑๐ ประการคือ
๑.ทาน ได้แก่ การสละให้สิ่งที่สละให้มี ๓ ระดับ คือ
- ทรัพย์สิ่งของภายนอก
- อวัยวะในร่างกายของตน
- ชีวิตตนเอง หรือสิ่งเสมอด้วยชีวิตตน คือ บุตรภรรยา
๒.ศีล ได้แก่ คุณธรรมเครื่องปราบกิเลสอย่างหยาบได้แก่ กิเลสที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้ไม่สามารถยับยั้งใจไว้ได้ต้องลงมือกระทำความชั่วไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางวาจา ศีลที่พระโพธิสัตว์รักษามี ๒คือ
-นิจศีล (ศีล ๕)
- อุโบสถศีล (ศีล ๘)
๓.เนกขัมมะ ได้แก่ การออกจากกาม มี ๒ คือ
- ออกจากกามโดยสละบ้านเรือนออกบวช
- ออกจากกามโดยบำเพ็ญสมาธิจนได้บรรลุญาณ
๔.ปัญญา ได้แก่ ความรอบรู้ ความรู้อย่างลึกซึ้ง มี๓ คือ
- สุตมยปัญญา ปัญญาอันเกิดจากการศึกษาเล่าเรียน
- จินตามยปัญญาปัญญาอันเกิดจากการคิดพิจารณา
- ภาวนามยปัญญา ปัญญาอันเกิดจากการฝึกจิตอบรมจิต
๕.วิริยะได้แก่ความพากเพียรพยายาม การกระทำอย่างต่อเนื่อง ในทางที่ถูกต้องเรียกว่า สัมมัปปธาน มี๔ อย่างคือ
- สังวรปธาน... -
เสียงธรรม ฟังธรรมคลิปนี้จิตรวมเป็นสมาธิได้ไวมาก รู้ทันจิต โดย หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
ฟังธรรมคลิปนี้จิตรวมเป็นสมาธิได้ไวมาก
รู้ทันจิต โดย หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
ปลดล็อค :- Published on Jul 14, 2017 -
ฆราวาสบรรลุพระอรหันต์ ต้องตายภายใน 7 วันหรือไม่ ?
ฆราวาสบรรลุพระอรหันต์ ต้องตายภายใน 7 วันหรือไม่
ผู้ถาม :- “ทีนี้ถ้าบวชเป็นแม่ชีแล้วสำเร็จเป็นอรหันต์ จะอยู่ได้กี่วันครับ…?”
หลวงพ่อ :- “ถ้าเป็นอรหันต์นะไม่เกินพรุ่งนี้ตาย คือว่าชีหรือฆราวาสก็มีสภาพเท่ากันละ เขาไม่ได้ถือว่าเป็นภิกษุณี คำว่า ชี รักษาศีล ๕ บ้าง รักษาศีล ๘ บ้าง ฆราวาสเขาก็รักษาได้ คือว่ามีเวลาปลีกตัวออกจากบ้านไปนุ่งขาวเท่านั้นเอง และสภาวะทุกอย่างก็เหมือนฆราวาส ฉะนั้นจะทรงความเป็นอรหันต์อยู่ไม่ได้ เป็นอรหันต์ก็ต้องนิพพาน”
พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๘๒-๘๗
****************************
ถาม : อย่างคนที่จะบรรลุอรหันต์ ถ้าไม่บวชเป็นพระแล้วจะตายภายใน ๗ วัน อย่างถ้าบวชเป็นเณรหรือบวชในนิกายอื่นเช่นมหายาน ?
ตอบ : ขอให้เป็นพระภิกษุสงฆ์ก็แล้วกัน เพราะว่าพระอยู่ในเพศสูงที่เขาให้ความเคารพ คนเขาไม่ล่วงเกินอยู่แล้ว ถ้าเราเป็นฆราวาสอยู่ คนที่ไม่รู้เป็นประเภทเพื่อนกันมาตบหัวเล่น ไอ้นั่นก็ซวยไปตลอดชาติและอีกหลายๆ ชาติ เมื่อเป็นดังนั้น ถ้าเป็นฆราวาสอยู่จึงจำเป็นต้องตัดให้ตายไปเลย จะได้ไม่ไปเป็นโทษกับผู้อื่น
ถาม :... -
การตักบาตร มหากุศลอันแรงกล้า ชาวพุทธควรยืดถือปฏิบัติ
การตักบาตร คือการเอาข้าวและกับข้าวใส่ลงไปในบาตรของพระภิกษุสามเณร เราจะตักบาตรเป็นประจำทุกวันหรือเฉพาะวันพระหรือวันคล้ายวันเกิดของตนก็แล้วแต่ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับศรัทธา กำลังทรัพย์ และความสะดวกของตน
การทำบุญตักบาตร เป็นกิจที่ชาวพุทธนิยมทำกัน เป็นการช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา เพราะพระภิกษุสามเณรเป็นผู้สละโลก ไม่ได้ประกอบอาชีพใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อขัดเกลาตนเองและนำความรู้ไปแนะนำสั่งสอนพุทธศาสนิกชนให้ประพฤติดีละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้สะอาด ผ่องใส
การทำบุญตักบาตรที่ถือว่าได้บุญมากนั้นจะต้องมีองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ
๑. วัตถุสิ่งของสำหรับทำบุญต้องบริสุทธิ์ หมายความว่า เงินทองที่นำมาจับจ่ายซื้อสิ่งของมาทำบุญต้องได้มาด้วยความสุจริต ไม่คดโกงหรือขโมยใครมา เป็นของบริสุทธิ์ ไม่ได้เบียดเบียนชีวิตสัตว์ คือไม่ได้ฆ่าสัตว์มาทำบุญ และวัตถุที่นำมาทำบุญนิยมคัดเลือกของที่มีคุณภาพดี อย่างน้อยก็ไม่เลวกว่าที่เรากินเราใช้อยู่เป็นปกติ ชาวพุทธ เมื่อจะใส่บาตรจึงนิยมตักบาตรด้วยข้าวปากหม้อ ถ้าเป็นแกงก็แกงถ้วยแรกที่ตักจากหม้อ เป็นต้น
๒. เจตนาของผู้ถวายต้องบริสุทธิ์ หมายความว่า... -
เปิดตำนาน "วิชาปรอท" ...เผยธรรมเนียมของพระอภิญญา ล้วนกระโดดลงจากยอดเจดีย์ เมื่อสำเร็จวิชาปรอท !
ธรรมเนียมของพระอภิญญา
วิชาปรอท เป็นหนึ่งในวิชามหัศจรรย์ที่คนโบราณพยายามคิดค้นและพยายามทำให้สำเร็จ แต่มีน้อยคนนักที่จะสำเร็จปรอทขึ้นมาได้ ปรอทตามธรรมชาติเป็นโลหะธาตุเหลว และแม้ว่าจะเป็นโลหะเหลวที่ยังไม่ได้หุง แต่ก็มีอำนาจในตัว เช่นมีอำนาจด้านการกันไข้ป่า และโรคภัยต่างๆ และหากนำมาฆ่าพิษปรอท และหุงขึ้นรูปจนสำเร็จปรอทออกมาแล้วก็ยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นทั้งคงกระพันชาตรี มีตบะอำนาจ เมตตามหานิยม กันโรคภัยไข้เจ็บและทำให้อายุวัฒนะยืนยาวอีกด้วย คนที่มีปรอทวิเศษ ท่านว่ารางกายจะเบาเหมือนประหนึ่งว่าจะลอยได้ แต่หากสำเร็จขั้นสูงสุดก็จะสามารถเหิรฟ้านภากาศไปไหนต่อไหนได้ตามใจชอบ จะไปฟ้าป่าหิมพานต์ก็ยังได้
สมัยที่หลวงพ่อโอภาสีอยู่วัดบวรนิเวศน์ เคยสร้างข่าวครึกโครมตื่นตระหนก ด้วยหลังจากหุงปรอทและสำเร็จปรอท ท่านก็ปีนเจดีย์ไปถึงยอดแล้วกระโดดลงมาตัวปลิว ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใดกระโดดลงมาเสร็จก็เดินเข้ากุฏิหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่ท่านไปปักกลดที่วัดศรีประวัติ... -
อานิสงส์ปล่อยปลา - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
<< อานิสงส์ปล่อยปลา >>
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาปล่อยปลาครั้งแรกเมื่อ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "เล็ก..แกเป็นทหารมาทุกชาติ ฆ่าเขาเอาไว้เยอะ เศษกรรมจะทำให้ป่วยบ่อย เพราะฉะนั้น ให้ไปปล่อยปลาที่เขาขายเพื่อฆ่าสักเดือนละตัวสองตัวเป็นประจำ จะช่วยให้บรรเทาเศษกรรมตรงนี้ได้"
อาตมาจึงถามว่า "ปล่อยปลามันต่ออายุไม่ใช่หรือครับ? ผมไม่อยากอายุยืน" หลวงพ่อบอกว่า "แกอย่าเพิ่งเข้าใจผิด การปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะถูกฆ่า จะเป็นการต่ออายุก็ต่อเมื่อเรามีอุปฆาตกรรมเข้ามา แต่ถ้าไม่มีอุปฆาตกรรมเข้ามา การปล่อยปลาตรงนี้จะทำให้ชีวิตสะดวกสบาย"
หลังจากที่ปล่อยมาได้ประมาณ ๒๐ ปี ก็ได้ยามาตัวหนึ่งที่พอบรรเทาอาการป่วยได้ ไม่อย่างนั้นโยมมาเจออาตมานั่งหน้าเหี่ยวอยู่ตรงนี้แน่ ไม่ได้รื่นเริงอย่างที่เห็นหรอก ก็แสดงว่าที่หลวงพ่อพูดมันบรรเทากรรมที่มาจากปาณาติบาตได้จริง อาตมาอยากจะลองดูว่าถ้าครบ ๔๐ ปีแล้วมันจะหายไหม? ปล่อยใช้ชีวิตเขาไปเรื่อย ๆ
เวลาป่วยหนัก ๆ ก่อนจะหาย อาตมาจะเห็นภาพว่าตัวเองไปทำอะไรมาจึงป่วย อาตมาเกิดเป็นทหารมาทุกชาติ บางครั้งก็กวาดเขาหมดทั้งกองทัพเลย"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
(หลวงพ่อเล็ก... -
เสียงธรรม หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง อาจารย์ของขุนพันธ์จอมขมังเวทย์
หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง อาจารย์ของขุนพันธ์จอมขมังเวทย์
หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง อาจารย์ของขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงพุทธาคมของหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง -
VDOและภาพงานถวายตุงสุริยัน-จันทราและเครื่องจักพรรดิ์(ชเวดากอง-อินแขวน) ประเทศพม่า
สวัสดีญาติธรรมและท่านเจ้าภาพที่ได้ร่วมบุญในครั้งนี้ทุกๆท่าน
การเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศพม่าในครั้งนี้ ถือเป็นทริปที่วิเศษอีกทริปหนึ่ง ที่สร้างความประทับใจกับคณะที่ติดตามทุกๆท่าน
ครั้งนี้เราได้ถือโอกาสไปทำบุญในช่วงอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูฝน แต่พวกเราก็ไม่หวั่น มีศรัทธาอันแรงกล้าที่จะนำเครื่อง"จักรพรรดิ" และ”ตุงสุริยัน-จันทรา”ไปถวายให้ทันในวันอาสาฬหบูชาเพื่อจะได้ถวายในพิธี"ห่มผ้าพระ"ของชาวพม่าในวันเพ็ญขึ้น15ค่ำเดือน8 ของทุกปี โตจิตนาการไม่ออกจริงๆว่าในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของประเทศพม่าจะเป็นเช่นใด เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลย
เคยได้ยินแต่คำบอกเล่าจากผู้ประสานงานที่ประเทศพม่าว่าต้องมาให้ได้ ครั้งที่แล้วที่ไปพม่า คือหลังออกพรรษาแล้ว ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมในวันสำคัญทางพระศาสนาจริงๆ ซึ่งทำให้ได้เข้าใจถึงวิถีชีวิตและศรัทธาของประชาชนชาวพม่าอย่างลึกซึ้ง(และสร้างความตราตรึงใจไม่รู้ลืม) อีกเหตุการณ์หนึ่งที่โตและน้องๆเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมาพม่าในครั้งนี้เพราะเมื่อครั้งที่แล้วได้มีโอกาสไปกราบสักการะวัดพระจีนที่ในตัวเมือง(China Town)... -
ปิดรับบริจาค เชิญร่วมทอดกฐินกับโครงการกฐินแสนกอง ปีที่ 12 พ.ศ. 2560
เชิญร่วมทอดกฐินกับโครงการกฐินแสนกอง ปีที่ 12 พ.ศ. 2560
เริ่มทอด เดือน ตุลาคม 2560
บุญใหญ่ หนึ่งปีมีครั้งเดียว เราทอดกฐิน 1กองต่อ1 วัด
เราทยอยทอดไปเรื่อยๆหลายปี รวมจนให้ครบแสนกอง
ในปี 2559 โครงการเราได้ทอดกฐินไปแล้ว 5,201 กอง
โครงการกฐินแสนกองเปรียบเสมือนสายฝนตกลงมาเม็ดเล็กๆ
ที่ตกกระจายครอบคลุมพื้นที่จำนวณมาก
สร้างประโยชน์ให้พระในวัด กระจายในวงกว้าง ครอบคลุมทั่วประเทศไทยและในต่างประเทศ เป็นการจรรโลงพระศาสนาให้รุ่งเรืองถาวรสืบไป
ผู้ที่ได้ทำบุญก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้ำจุนพระศาสนาผู้ที่ได้รับคือพระภิกษุ สงฆ์ได้อาศัยปัจจัยสี่เป็นการดำรงขึ้นให้มีติดอยู่เพื่อปฏิบัติธรรม เพื่อสั่งสอนธรรมแก่ชาวโลกเป็นการสืบศาสนาให้ถาวร ซึ่งชาวพุทธควรจะปฏิบัติพิธีอันดีงามนี้ให้ถาวรสืบไป
กำหนดจิตแสนครั้ง ฝึกจิตแสนครั้ง
ได้อานิสงส์ คูณแสน ได้พลังบุญมหาศาลแสนเท่าตัว
ดำเนินการโดยเราเปิดรับบริจาคและเราจะโอนเงินทางธนาคารเข้ากับกองกฐินวัดโดยตรงและคณะกฐินอื่นๆเพื่อไปทอดกฐินกับวัด-สำนักสงฆ์
และแบ่งเงินออกเท่าๆกัน เงินทีท่านบริจาคมาส่วนหนึ่งจะเฉลี่ยออกเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงการกฐิน เช่น... -
“สัตว์ที่เกิดมาแล้วจักไม่ตายไม่มี” แม้แต่หลวงปู่สรวงก็ไม่ปฏิเสธ
วันนี้จะพูดถึงเรื่องความตาย เพื่อให้ระลึกถึงความตาย ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งคิดว่าไม่เป็นมงคล เพราะแท้จริงแล้วนั้น ผู้ใดระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ถือว่าได้เจริญมรณานุสสติกรรมฐาน มีอานิสงส์มาก เป็นผู้ไม่ประมาทในธรรม ความไม่ประมาทในธรรมนี้ ชื่อว่าเป็นมงคลอย่างสูงสุดทีเดี่ยว เราทั้งหลายเคารพและบูชาหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ซึ่งเราทั้งหลายเชื่อว่าท่านอายุมากไม่น้อยกว่าร้อยปีหรือหลายร้อยปี แต่ก็ไม่มีใครทราบอายุที่แน่นอนของท่าน ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ เล่าลือกันว่าท่านเป็นอมตะ ไม่รู้จักมรณะ (ตาย) แต่แท้ที่สุดแล้วหลวงปู่ท่านก็ไม่อาจจะหลีกหนีพ้นความตายไปได้ หลวงปู่ได้ละสังขารเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๓ บัดนี้ก็ล่วงแล้วก้าวเข้าสู่ปีที่ ๑๗ ดังนั้น วันนี้จึงจะกล่าวถึงความตาย เพื่อย้ำเตือนสติให้ทุกท่านอย่าได้หลงว่าเราอายุยืน จากคำสอนพระพุทธเจ้าอ้างอิงเอาพระสูตรเดียวก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่าชีวิตนี้ไม่ควรประมาทเลยแม้ตลอดทุกลมหายใจเข้าออก
ซึ่งความตายที่ปรากฎใน อรกสูตร ว่าด้วยครูชื่ออรกะ ท่านอุปมาอุปมัยไว้หลายประการ เพื่อให้เราได้กำหนดพิจารณาว่า ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายมีประมาณน้อย เล็กน้อย รวดเร็ว... -
เสียงธรรม หลวงปู่ฤาษีลิงดำ ธุดงค์13และปฏิปทาปฏิบัติ
หลวงปู่ฤาษีลิงดำ ธุดงค์13และปฏิปทาปฏิบัติ
ช่างเล็กบ้านทีวี เมืองมะขาม :- Published on Feb 1, 2017 -
"เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง" อิทธิเหนือโลก พาศิษย์ดู..เหล็กไหลใต้แม่น้ำโขง เหาะบนอากาศให้ถ่ายรูป "หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน"...
"เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง"
ขอรายงานตัวอีกหนึ่งศิษย์ลป.สรวงครับ....ตัวผมเริ่มรู้เรื่องลป.สรวงก็เมื่อประมาณ 10 ปีเห็นจะได้ เพราะไปเห็นรูปถ่ายในกระเป๋าตังค์ของรุ่นพี่ท่านหนึ่ง ก็เลยถามว่าเป็นใคร พี่เค้าก็บอกว่า ชื่อลป.สรวง แล้วเค้าก็เล่าความเป็นมาของรูปนี้ให้ฟังว่า....
....ประมาณปี 35 พี่เค้าเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการธนาคารอะไรซักแห่งที่สกลนครครับ ซึ่งตอนนั้นเค้าเป็นคริสเตียนอยู่ แล้ววันหนึ่งพี่เค้าก็เดินทางโดยรถของธนาคารไปธุระต่างจังหวัด ขับๆมาเลียบน้ำโขง จนมาถึงระยะหนึ่งพี่เค้าก็ปวดห้องน้ำมากๆ(เบาครับ) ก็เลยขอลงข้างทางพอเรียบร้อย
นึกยังไงไม่รู้ว่าขออยู่ข้างน้ำโขงนี้ก่อน ให้รถเข้าเมืองไปก่อนแล้วค่อยกลับมารับ(ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าทำไม) พี่เค้าบอกว่าก็อยากเดินๆดูอะไรข้างน้ำโขงนี้แหละ สักพักพอจะเดินกลับหันหลังก็ตกใจ มีพระแก่ๆนุ่งผ้าไม่เรียบร้อยสะพายย่าม มายืนอยู่ ตัวแกซึ่งตอนนั้นเป็นคริสก็ถามไปว่า"หลวงตามายังไงเนี๊ยะ" ลป.สรวงก็บอกว่า "ก็มารอมึงไง"(ท่านพูดภาษาไทยครับ)
พี่เค้าก็เลยถามว่า "รอทำไม" ลป.สรวงว่า "ก็ไม่ได้เจอกันนาน" พี่เค้าก็คุยๆไปเรื่อยเปื่อยถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย... -
เรื่องเล่าปริศนาธรรมกับไซอิ๋วโดยท่านเขมา นันทะ ตอน บทที่ ๑ การเดินทาง (กิเลสมูล ๓ ดุจ ๓ ปีศาจ)
เรื่องเล่าปริศนาธรรมกับไซอิ๋วโดยท่านเขมา นันทะ ตอน บทที่ ๑ การเดินทาง (กิเลสมูล ๓ ดุจ ๓ ปีศาจ)
ดูโน่นแน่ะ พระถังซัมจั๋งนั่งบนหลังม้าพระราชทาน กำลังดุ่มไปตามทางสู่ป่าใหญ่ เช้าตรู่ของวันแรกของการเดินทางนี้ มีหมอกลงจัดสองข้างทาง พระถังซัมจั๋งจึงเดินวนเวียนหลงทางไปถึงภูเขาซังขี้ซัว(สองแพร่ง) และทันใดนั้น พื้นดินก็พลันยุบฮวบลง พร้อมด้วยเสียงหัวเราะดังก้องป่าของปีศาจเสืออิ๊มเจียงกุนท่วนหม้ออ๋อง เพราะมันสะใจที่จะได้กินเนื้อพระภิกษุผู้อุตริคิดจะไปไซที
พระถังอกสั่นขวัญหาย เมื่อปีศาจตะโกนเรียกเพื่อนอีกสองตน คือ ปีศาจหมีซัวกุนอ๋องและปีศาจควายดำเต็กชู้ลืออ๋องดังขรมเพื่อให้มากินเลี้ยงกัน
รูป : แหม สนุกจริงครับ น่าหวาดเสียว พระถังซัมจั๋งผจญปีศาจทั้ง ๓ ตั้งแต่วันเริ่มออกเดินทางไปอินเดียทีเดียว
โหงว : นี่แน่ ถ้าหากเจ้ามีจิตเลื่อนลอยมาอยู่ที่รสสนุกของเรื่องราวภูตผีชั้นเปลือกเหล่านี้ เจ้าจะพลาดจากสาระ
รูป : สาระของไซอิ๋วก็อยู่ตรงสนุกนี่ พระถังผจญผี โกหกมดเท็จไปตลอดทาง จนถึงอินเดียมิใช่หรือ ?
โหงว : เจ้าเซ่อ มองเข้าไปในใจของเจ้าที่นี่และเดี๋ยวนี้ ก็จะพบพระถังซัมจั๋งกำลังหล่นลงในหล่มปีศาจ
รูป :... -
เผยวิธีแก้เคล็ด คนเข้าสู่วัย “เบญจเพส” กับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ตามวันเกิด !!
เรื่องราวของความเชื่อในเลขอาถรรพ์ 25 ที่ว่ากันว่าเป็นวัยที่เข้าสู่ เบญจเพส ที่วัยรุ่นทุก ๆ คนจะต้องผ่านช่วงเวลานี้ ซึ่งมักจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ เกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยทางร่างกาย หรือมีปัญหาต่าง ๆ นานา รุมเร้าเข้ามาให้คิดไม่ตก ซึ่งไม่ว่าจะเหตุการณ์อะไรก็ตามที่มาเกิดในช่าวงอายุ 25 นี้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีทั้งสิ้น เนื่องจากหมอดูชื่อดังเคยบอกเอาไว้ว่า เป็นช่วงเวลาที่ การจัดธาตุในดวงชะตาของเรานั้น มีความแปรปรวนเกิดขึ้น ทำให้ดวงชะตามีความไม่แน่นอนชัดเจน คาดเดาได้ลำบาก
หมอดูบางท่านบอกว่า เบญจเพส ไม่ได้หมายถึงอายุ 25 เพียงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงช่วงอายุที่ลงท้ายด้วยเลข 5 เสมอ เช่น 35,45,55 ซึ่งเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถแบ่งออกเป็นตามวันเกิดของแต่ละคนได้
คนเกิดวันอาทิตย์ ช่วงหกเดือนแรกต้องระวังจะเกิดคดีความ จะถูกใส่ร้ายป้ายสีจะเสียทรัพย์สินเสียชื่อเสียงสุขภาพเสื่อมโทรมลง สายตามีปัญหา จะเป็นโรคลมโรคหัวใจ พอถึงหกเดือนหลังความร้ายเริ่มคลี่คลาย
คนเกิดวันจันทร์ ช่วงหกเดือนแรกจะได้พบคู่ที่ถูกใจจะ เป็นที่ต้องตาต้องใจจากเพศตรงข้าม... -
“หลวงพ่อสุ่น” สอน “หลวงพ่อปาน” ฝึกสมาธิขั้นต้น ด้วยวิชา “สะเดาะกุญแจ”
เมื่อครั้งที่หลวงพ่อปานได้บวชเรียนใหม่ๆ หลวงพ่อสุ่นก็เรียกเข้าไป หลวงพ่อปานก็เข้าไปกราบ หลวงพ่อสุ่นก็เอามือลูบหัวบอกว่า
“ปานเอ๊ย อยู่กับพ่อนะ จะได้ดีนะ นับตั้งแต่นี้ต่อไปเป็นลูกของพ่อ เอาล่ะ”
ท่านหันไปบอกพ่อของท่าน “เอ็งน่ะกลับไปบ้านได้แล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วงไอ้เจ้าปาน มันเป็นลูกของข้าแล้ว”
“แล้วแกไม่ต้องห่วง เจ้าปานของข้ามันไม่สึก แล้วต่อไปน่ะข้ามีอะไรข้าจะถ่ายทอดให้มันทั้งหมด ไอ้นี่ข้ามองมาตั้งแต่เล็กแล้ว ตั้งแต่ ๔-๕ ขวบข้าก็มองๆ มา นึกว่าถ้าเจ้าปานนี่มันบวชก่อนข้าตายแล้ว ข้าจะต้องเอามาไว้ วิชาความรู้ของข้านี่ถ่ายทอดใครไม่ได้ ไม่มีใครรับเอาไปได้หมด ข้ามองมานานแล้วว่าเจ้าปานมันรับของข้าได้”
ท่านบอกว่า พอฟังเท่านั้นแหละ ปลื้มใจบอกไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนที่หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอต้องการตัว เพราะเวลานั้นหลวงพ่อสุ่นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในสมัยนั้นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็มี หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล, หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน แล้วก็หลวงพ่อแสง วัดพะเนียงแตก จังหวัดนครปฐม ชื่อก้องเมือง พระ ๔-๕ องค์นี้ชื่อก้องเมืองขนาดหนัก... -
เรื่องเล่าพระธรรมบท ตอน ภิกษุสองสหายผู้เป็นปฏิบัติ และ ปริยัติ
เรื่องเล่าพระธรรมบท ตอน ภิกษุสองสหายผู้เป็นปฏิบัติ และ ปริยัติ
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่พระเชตวันกรุงสาวัตถี ได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 19 และพระคาถาที่ 20 โดยปรารภภิกษุสองสหาย
ครั้งหนึ่งมีภิกษุสองรูปเป็นสหายกันจากตระกูลคฤหบดีในกรุงสาวัตถี ในภิกษุสองรูปนี้รูปหนึ่งศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฏกจนมีความเชี่ยวชาญสามารถท่องจำความในพระคัมภีร์ต่างๆได้มากมาย ท่านรูปนี้ยังได้สอนพระภิกษุอื่นอีกเป็นจำนวน 500 รูป และยังได้เป็นผู้แนะนำภิกษุอื่นๆอีก 18 กลุ่มด้วยกัน ส่วนภิกษุอีกรูปหนึ่งนั้นมีความขยันหมั่นเพียรตามแนวทางของวิปัสสนากัมมัฏฐานจนได้บรรลุพระอรหัตตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา
ครั้งหนึ่งเมื่อพระภิกษุรูปที่สองนี้มาเฝ้าพระศาสดาที่วัดพระเชตวัน พระภิกษุทั้งสองรูปนี้ก็ได้มาพบกัน พระภิกษุรูปที่เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกไม่ทราบว่าพระภิกษุอีกรูปหนึ่งได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว จึงดูหมิ่นพระภิกษุรูปที่เป็นพระอรหันต์โดยคิดว่าท่านเป็นพระภิกษุชรารู้เรื่องคัมภีร์ต่างๆแต่เพียงเล็กน้อย ไม่ความรู้เรื่องนิกายต่างๆสักนิกาย หรือไม่มีความรู้เรื่องในปิฎกใดปิฎกหนึ่งในพระไตรปิฎก... -
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน คาถาพญาไก่เถื่อนยอดคาถาสำเร็จทั้งปวง
.
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน คาถาพญาไก่เถื่อนยอดคาถาสำเร็จทั้งปวง
พระเถราวุฒาจารย์ ครูบารุ่งเรือง ได้สอนพระคาถา แก่ สมเด็จพระสังฆราชสุก กล่าวว่าเป็นคาถานํา พระคาถาทั้งปวง ใช้ในทางสําเร็จประโยชน์ ผู้ใช้พระคาถานี้ ต้องมีสมาธิจิตเป็นเอกัคตาจิตชั้นสูง ถึงเมตตาเจโตวิมุตติ จึงจะใช้พระคาถานี้ได้
เพราะเป็นพระคาถา ปลดปล่อยสัตว์ และปลดปล่อยจิตตัวเอง
พระอริยเถราจารย์ครูบารุ่งเรือง ท่านเห็นธรรมอะไร ในพระคาถา พระยาไก่เถื่อนบ้าง พระอาจารย์สุกนั้นทรงใกล้ชิดกับไก่ป่า มาแต่ยังทรงพระเยาว์ และทรงเรียนรู้ พระคัมภีร์มิลินท์ปัญหา มาแล้ว พระองค์ท่านจึงทราบธรรม ที่เกียวกับไก่ป่าอย่างมากมาย
ทรงกล่าวกับพระอริยเถราจารย์ว่า
ไก่ป่านี้ปราศเปรียว คอยหนีคน หนีภัยอย่างเดียว เหมือนกับจิตของคน ไก่ป่าเชื่องคนยากเหมือนจิตของคนเรา ซึ่งเชื่องต่ออารมณ์ยากมากเหมือนกัน ไก่ป่าแม้เสกข้าวด้วยเมตตาให้กิน แรกๆมันก็ไม่กล้าเข้ามาหาคน นานๆเข้าจึงจะกล้าเข้ามาหาคน เหมือนจิตคนเราก็ชอบท่องเทียว ไปไก :040:ลตามธรรมารมณ์ต่าง ฝึกตั้งจิตเป็นสมาธิแรกๆนั้น จิตมักจะอยู่พักเดียวก็เตลิดไป ต่อๆนาน จิตชินกับอารมณ์ดีเเล้ว จึงจะเชื่องและ... -
เหตุที่ทำให้อายุยืน-อายุสั้น ควรรู้ไว้ก่อนจะสาย
คนทั่วไปต้องการให้มีอายุยืนไม่ต้องการให้อายุสั้น ข้อนี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุให้อายุสั้นและอายุยืนไว้ ดังนี้
เหตุที่ทำให้อายุสั้น คือ
๑.สร้างความทุกข์กายทุกข์ใจ แก่ตนเอง
๒.ไม่รู้จักพอในการแสวงหาความสุข
๓.กินของย่อยยากและแสลงต่อสุขภาพ
๔.เสียความประพฤติ ชอบฆ่าสัตว์ เป็นต้น
๖.ชอบเที่ยวไปในที่ไม่ควร (ปัญ.อัง.)
ถ้าทำอย่างนี้อายุสั้นแน่ และทรงแสดงเหตุทำให้อายุยืน คือ
๑.ทำความสงบกายใจ แก่ตน
๒.รู้จักประมาณในการหาความสุข
๓.กินของย่อยง่ายมีประโยชน์
๔.มีความประพฤติดี มีศีล ไม่ชอบการฆ่าสัตว์
๕.มีเพื่อนดีคอยแนะนำตักเตือน
ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ก็มีหวังอายุจะยืน แต่ที่ทงแสดงนี้หมายถึงเหตุทั่วไป ถ้าเป็นเรื่องของกรรมเก่าแต่ปางก่อนแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ที่มา ๑ใน๘๔,๐๐๐ -
บุญพระกรรมฐาน : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
เมื่อปี ๒๕๐๔ อาตมาไปเทศน์ที่ อ.สรรค์บุรี จ.ชัยนาท มีตาอะไรหรือ อีตานี่เมื่อก่อนมาอยู่กรุงเทพฯ ขึ้นไปแกก็มาเฝ้าอยู่ตลอด ถ้ายังไม่กลับเพียงใดแกก็ยังไม่กลับบ้าน ให้ลูกสาวเอาข้าวต้มมาถวายเช้า ตอนเพลเอาข้าวสวยมาถวาย ตัวแกเองต้องมาอยู่ตลอดเวลา
พอแกตายไปแล้ว ลูกสาวก็มาหาที่กรุงเทพฯ บอกว่าอยากจะทำศพพ่อและบวชน้องชายในวันเดียวกัน อยากจะให้หลวงน้าเป็นประธาน ก็เลยบอกว่า
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าเป็นประธานก็ได้ แต่ว่าถ้างานเอ็งจะมีบาปแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้นะ แม้แต่ไข่ลูกหนึ่งก็ห้ามทุบ ถึงเขาบอกว่าไข่ไม่มีตัวก็ไม่ได้ ใจมันไม่สบาย
ประการที่ ๒ เวลาจัดงานศพ ควรตั้งคนรับรองแขกให้แทนตัวเอง ใจจะได้ไม่กังวล เวลาพระให้ศีลต้องรับศีลให้จบและตั้งใจรับศีลด้วยความเคารพ เวลาพระสวดก็ต้องตั้งใจฟังพระสวดจนจบด้วยความเคารพ เวลาถวายทานก็เหมือนกันให้ตั้งใจถวายทานด้วยความเคารพ เวลาพระเทศน์ฟังเทศน์ด้วยความเคารพและอย่าให้มีสุรายาเมาเข้ามาเจือปน
ประการที่ ๓ มหรสพอย่ามีแม้แต่ปี่พาทย์ จงอย่ามีปี่พาทย์กลองยาว มันกินเหล้ากัน
แกก็เอาตามนั้นจริง ๆ งานเรียบร้อย ตอนเช้าบวชน้องชาย ตอนสายก็ชักศพขึ้นศาลา ตอนเพลเลี้ยงพระตั้ง ๓๐... -
ด้วยความสงสัยหลวงปู่มั่นไม่ลงมาร่วมฉันข้าวที่ละหลายวัน จนหลวงปู่ตื้อต้องแอบไปพิสูจน์จึงรู้ความจริงจนต้องร้องว่าสาธุ
หลวงปู่ตื้อแอบดูหลวงปู่มั่นเหาะไปบิณฑบาต
เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่ หลวงปู่มั่น พักภาวนาที่ ถ้ำเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ท่านอยู่ในถ้ำข้างบน บรรดาพระศิษย์ก็กระจายอยู่ที่ต่ำลงมา และออกไปอยู่ในสถานที่ใกล้เคียง อยู่ตามถ้ำผาปล่อง ถ้ำปากเปียง อยู่กระจายกันออกไป ทำตูบ(กระต๊อบ) ใครตูบมัน หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ ตูบใครก็ตูบมัน ท่านไม่ได้อยู่ในถ้ำรวมกัน
ที่ ถ้ำเชียงดาว หลวงปู่มั่น ท่านอยู่ข้างบน แล้วงมาฉันข้างล่าง ๔ วันท่านจะลงมาฉันข้างล่างรวมกับลูกศิษย์ทีหนึ่ง ๔ วันจึงจะลงมาร่วมฉันครั้งหนึ่ง
ที่นี้ หลวงปู่ตื้อ ท่านไม่เชื่อว่า หลวงปู่มั่น ท่านอดข้าว ในระหว่าง ๔ วัน ไม่ฉันข้าว ไม่ลงมาร่วมฉันเลย ไม่ลงมาติดต่อกันเป็นวันที่ ๕ แล้ว
หลวงปู่ตื้อ ท่านก็เลยแอบขึ้นไปตั้งแต่ตี ๔ โน่น ไปดูหลวงปู่มั่น คลานขึ้นไปในถ้ำ ไปนอนลี้ (แอบ) อยู่ หมอบลี้อยู่
เมื่อสว่างมา หลวงปู่ตื้อท่านก็เห็นหลวงปู่มั่นคลุมผ้าจีวร คล้องบาตร จากนั้นท่านก็เข้าฌานแล้วเหาะลอยข้ามหัวหลวงปู่ตื้อ ออกไปบิณฑบาตที่เชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อแอบเห็นอยู่ ๒ วัน แล้วท่านก็ไม่ต้องขึ้นไปดูอีก... -
เฉลยที่มาของ "ไม้เท้าคู่กาย" ของหลวงปู่โง่น อันลึกลับ ได้จาก "ท้าวหิรัญพนาสูร" มอบให้! เพราะบารมีของหลวงปู่โง่นแท้ๆ ศักดิ์สิทธิ์มาก!!..สาธุ
จากหนังสือ เรื่องราวที่หลวงปู่โง่นบันทึกไว้ด้วยตัวของท่านเอง ถึง รอยกรรมตำนานพระสุพรรณกัลยา ที่ก่อนหน้านั้นไม่มีใครรู้จัก หลวงปู่เลย แล้วท่านได้ ถูกแรงกรรม ดลบันดาลใจให้ท่าน ไปอยู่เมืองพม่า และได้สัมผัส ดวงวิญญาณของ พระสุพรรณกัลยา แบบไม่ได้ตั้งใจ หลวงปู่ท่านได้ ปลดปล่อย พันธนาการแห่งอาคมหมอผีพม่า ที่ได้กักขัง ดวงวิญญาณพระสุพรรณกัลยา ตั้งแต่ เสด็จสวรรคต ก่อนที่พระนเรศวรเจ้า ท่านจะกอบกู้กรุงศรีอยุธยาครั้งนั้น ซึ่งระหว่างเดินทางท่านได้พบกับ อทิสมารกาย ชื่อ หิรัญพนาสูร ที่อยู่ในป่าแถบด่านเจดีย์สามองค์ .........เนื้อความมีว่า ...
เวลาอัสดงของวันนั้น เรากำลังเดินจงกรม อยู่ด้วยความสงบ เดินไปเดินมาอย่างช้า ได้ยินแต่เสียงวิหค นกกามาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว หาที่นอนตามธรรมชาติของมัน ในขณะนั้นเอง เราเห็นนายพรานป่า ที่น่าสะพรึงกลัว เพราะบนหัว แกโพกผ้าสีแดง มือทั้งสองถือปืนยาว แบกปืนโบราณ ใช้เหล็กนกนับหิน คงเป็นปืนที่ใช้ล่าเนื้อ สะพายย่ามใบใหญ่ ด้านหลังมีมีดเล่มใหญ่ ใส่ฝัก ออกปากทักคำเดียวว่า พระคุณท่าน
แล้วแกก็คุกเข่า เอาปืนวางไว้ข้างๆ ถอดมีดอีโต้ ออกมาจากเอวข้างหลัง... -
มีอยู่จริง ไม่ใช่แค่ตำนาน!? "เมืองหนองหาร" ที่ถูกพญานาคถล่ม จนจมลงใต้บาดาล! และนี่คือภาพปัจจุบัน มนต์ขลังยังคงอยู่!!
หากพูดถึงเรื่องราว "พญานาคถล่มเมือง" หลายคนคงจะสงสัยไม่น้อยว่าเรื่องราวเหล่านี้มีจริงหรือไม่? หรือเป็นแค่ฉากเพื่อเพิ่มอรรถรสในละครเท่านั้น! ซึ่งวันนี้ Tsood.com มีเรื่องราวของ "เมืองหนองหาร" มาเล่าสู่กันฟัง ที่ว่ากันว่าเป็นตำนานพญานาคถล่มเมืองของจริง!? โดยตามตำนานปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้จมลงอยู่ใต้บาดาล "หนองหาร" หนองน้ำน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน ซึ่งตั้งอยู่ที่อ.เมืองสกลนคร อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร
โดยมูลเหตุที่ทำให้เกิด "หนองหาร" นั้นเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับวรรณคดีพื้นบ้านอีสาน "ผ่าแดงนางไอ่" ตำนานรักลึกซึ้งของหนึ่งหญิงสองชาย เมื่อฝ่ายหนึ่งพลาดรักและถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ก็กลายเป็นสงครามทำให้บ้านเมืองถล่มทลาย กลายเป็นหนองน้ำใหญ่
"เมืองสุวรรณโคมคำ" หรือเอกธีตา อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหนองแส มีพระยาขอมเป็นผู้ปกครอง มีธิดาสาวสวยคนหนึ่งชื่อ "นางไอ่คำ" ซึ่งเป็นสตรีที่มีสิริโฉมงดงามเป็นที่เลื่องลือไปยังนครต่างๆ ทั้งโลกมนุษย์และบาดาล ต่างมีชายหนุ่มหมายปองจะได้อภิเษกกับนางมากมาย
โดยในจำนวนผู้ที่มาหลงรักนางไอ่คำ คือ "ท้าวผาแดง" กษัตริย์เมืองผาโพง และ "ท้าวภังคี"... -
วิธีแก้ดวงไม่ดี : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
ใครว่าดวงดีดวงไม่ดี จะไปแก้ดวงกันได้อย่างไรนอกจากปฏิบัติดีเท่านั้น วิธีแก้ดวงไม่ดีเอาอย่างนี้ซิ ให้ไหว้พระสวดมนต์ เริ่มต้นด้วย อะระหัง.. สวากขาโต.. สุปะฏิปันโน จบแล้วก็ นะโม ๓ จบ สวดอิติปิโส..สวากขาโต.. สุปะฏิปันโน จบแล้วแผ่เมตตาพรหมวิหาร
มาอธิษฐานจิตขอบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจงช่วยดลบันดาลให้ดวงข้าพเจ้าดีขึ้น
แล้วก็สำรวมจิต สวดเฉพาะบทอิติปิโสบทเดียว
สวดให้ได้เท่าอายุตัวเอง หรือจะชักลูกปะคำสวดให้มันได้ ๑๐๘ จบ ยิ่งดี
ทีแรกเราสวด ๓ บทต่อเนื่องกันไปก่อน พออธิษฐานจิตแล้วเราสวดเฉพาะบทอิติปิโสบทเดียว สวดทุกวันๆ เอาบทนี้แหละแทนบทภาวนาเลย ทีนี้พอสวดไปๆ
ถ้าเราสวดทุกวัน สวดหนัก ๆ เข้า เราจะมีอาการกายเบาจิตเบา กายสงบจิตสงบ บางทีจิตวูบไปนิ่งสว่าง... หยุดสวดมนต์ปล่อยให้มันหยุดอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องสวดอีก จิตหยุดนิ่ง ...สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน
อิติปิโสนี่เป็นพุทธคุณ พรรณนาคุณของพระพุทธเจ้า เมื่อเราสวดไม่หยุด จิตเราถึงพุทธคุณแล้ว นิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน คุณของพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นที่จิตของเราแล้ว เราหยุดสวดทันที กำหนดรู้อยู่เฉย ๆ ทำใจเฉย ๆ อยู่... -
อธิษฐานเรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆ
อธิษฐานเรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆ
ในการภาวนานั้นมีอยู่กรณีหนึ่งที่แม้ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหนก็ตามแต่ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้นั่นเพราะ " ติดอธิษฐาน "
ขอเท้าความก่อนว่าเรื่องการติดอธิษฐานนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลหลายคน แต่จะขอยกตัวอย่างเรื่องนางวิสาขา นางวิสาขานั้นเป็นผู้มี " บารมีทางธรรม " มา ตามประวัตินั้นนางบรรลุเป็นอริยบุคคลระดับโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ปี แต่ต่อมาทั้งชีวิตของนางก็ไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูงกว่านั้นได้ เพราะนางติดอธิษฐานมาแต่อดีตว่าจะขอเป็นผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์นี้ให้ครบ 5 พระองค์ก่อน (จบที่พระศรีอาริยเมตไตร) จากอธิษฐานดังกล่าวทำให้นางไม่สามารถบรรลุอรหันตผลได้ตราบใดที่นางยังอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าไม่ครบ 5 พระองค์ตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้
ท่านว่ายทวนน้ำเองก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับการติดอธิษฐานจากในอดีต ท่านเล่าให้ฟังว่าวันหนึ่งท่านระลึกได้ว่าในอดีตนานมาแล้วท่านเคยอธิษฐานที่ศาลาร้างแห่งหนึ่งว่า " จะขอช่วยให้สัตว์โลกทั้งหลายพ้นทุกข์ก่อน ตัวเองไม่พ้นทุกข์ไม่เป็นไร " ซึ่งเป็นการอธิษฐานแนวโพธิสัตว์ เมื่อท่านรู้สาเหตุที่การภาวนาไม่ก้าวหน้าแล้วท่านถอนอธิษฐานนั้นเสีย... -
เรื่องขันธ์ ๕ มันเป็นแผนกหนึ่ง หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ
ถ้าเราพิจารณาดูตามเป็นจริงแล้ว ขันธ์ ๕ ไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่ตัณหา ไม่ใช่บุญ ไม่ใช่บาป
พูดกันง่ายๆ ว่าผมมันมีกิเลสไหม ขนมีกิเลสไหม หนังมีกิเลสไหม มันรักใคร มันชังใคร
ท่านจึงว่า "เป็นอัพยากตธรรม " เป็นธรรมที่ปราศจากจิต ปราศจากวิญญาณไม่รู้อะไร เป็นอัพยากตธรรม
เพราะฉะนั้นพระ " โสดาบัน " ท่านล่ะสังโยชน์ตัวนี้ได้
หมายความว่า วัฏฏะไม่มีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัววัฏฏะมีอยู่ในกรรม
กรรมกิเลส โทสะ โมหะ โลภ โกรธ หลง นี่ท่านล่ะอย่างหยาบได้
บาปบุญคุณโทษสังขารมันไม่มีในกรรมกิเลสนี้ ความเศร้าหมองอันนี้
เพราะฉะนั้น พระโสดาบันท่านจึงเชื่อต่อกรรมและผลของกรรม
กรรมก็หมายถึง ความเจตนานั่นเอง มีกรรมในใจของเรา เป็นอนุสัยนอนอยู่นี่
อ้า! กิเลส ละความชั่วได้โดยเด็ดขาดแล้ว ท่านจึงมีศีล ๕ บริสุทธิ์เป็นบริสุทธิศีล
ถ้าเป็นฆราวาสก็ไม่สามารถทำบาปทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง
มีหิริโอตตัปปะ ความละอายและความเกรงกลัวต่อบาป ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
ที่แจ้งไม่ทำบาป ไม่สามารถทำบาปด้วยกายด้วยวาจา
ที่ลับไม่สั่งสมบาปที่กรรมกิเลสไว้ที่ใจให้มีกำลังขึ้น มีแต่กำลังละเท่านั้น "
หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ
เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ. -
เรื่องเล่าพระธรรมบท ตอน ธัมมิกอุบาสกผู้มี พระมาหา เทวดามารับเวลาตาย
เรื่องเล่าพระธรรมบท ตอน ธัมมิกอุบาสกผู้มี พระมาหา เทวดามารับ
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่วัดพระเชตวันในกรุงสาวัตถี ได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 16 โดยปรารภอุบาสกชื่อธรรมิกะ
ครั้งหนึ่งในกรุงสาวัตถีมีอุบาสกคนหนึ่งชื่อธรรมิกะ เป็นผู้ใจบุญใจกุศลชอบทำบุญให้ทาน เขาจะถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์อย่างสม่ำเสมอทุกวัน และในโอกาสสำคัญต่างๆ เขาเป็นหัวหน้าของอุบาสกอีกจำนวน 500 คนซึ่งอยู่ในนครสาวัตถีนี้ เขามีบุตร 7 คน และธิดา 7 คน และบุตรธิดาทุกคนก็เหมือนกับบิดาคือเป็นผู้มีใจบุญใจกุศลชอบถวายทาน อยู่มาวันหนึ่งธรรมิกอุบาสกเกิดป่วยหนักมีอาการใกล้จะตาย เขาได้ขอร้องบุตรธิดาให้ส่งคนไปนิมนต์พระสงฆ์มาสวดพระสูตรศักดิ์สิทธิ์ขณะที่เขานอนอยู่บนเตียงขณะใกล้จะตาย ขณะที่พระภิกษุสงฆ์กำลังสวดมหาสติปัฏฐานสูตรอยู่นั้น ก็มีรถที่ประดับตกแต่งงดงามมากจำนวน 6 คันจากสวรรค์ชั้นต่างๆมาจอดรอเขาเพื่อเชิญให้เขาไปอยู่ในสวรรค์ในชั้นต่างๆ ธรรมิกอุบาสกได้บอกรถเหล่านั้นให้รอก่อนสักครู่อย่าได้เพิ่งมาเพราะจะรบกวนขัดจังหวะการสวดพระสติปัฏฐานสูตรของพระภิกษุสงฆ์... -
ตำรวจหนังเหนียวและเคล็ดลับของเสือ -เรื่องเล่าจากตา
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่ตาผมเคยเล่าให้ฟังในตอนที่ผมได้เคยอ่านหนังสือที่ชื่อ " ขุนพันธ์ มือปราบสี่แผ่นดิน "
แล้วผมก็ได้ถามตาถึงในสมัยอดีตยุคของขุนพันธ์นั้นมีพวกตำรวจที่มีวิชาหนังเหนียวอะไรแบบนี้อยู่จริงมั้ย ?
ตาของผมท่านก็บอกว่าไอ้ว่ามีมันก็มีอยู่หรอกแต่มันไม่เหมือนกับในหนังในละครหรอกนะที่ว่าเวลาพอโดนฟันโดนยิงแล้วจะยืนนิ่งไร้ความรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้พวกหนังเหนียวนั้นคือแค่เวลาโดนยิงแล้วไม่ทะลุเนื้อหนังแต่ก็จุกและเจ็บรวมถึงอาจมีรอยช้ำรอยเขียวเกิดขึ้นตามแรงอัดของปืนนั้นๆ ไม่ต้องพูดถึงลูกซองที่แรงอัดหนักๆขนาดนั้น ต่อให้หนังเหนียวถ้าโดนลูกซองเป่าเข้าเต็มๆก็กระเด็นและจุกจนสลบไปก็มี
ตาผมเล่าต่อว่า ตำรวจที่ว่ามีวิชามีของดีในยุคสมัยก่อนนั้นมีจริง !! เพราะยุคสมัยนั้นมันคือยุคเสือยุคโจรถ้าไม่แน่จริงก็ตายอย่างเดียวน่ะตำรวจ ฉะนั้นตำรวจจึงมักตระเวนเสาะหาของดีมาติดตัว บ้างก็ลงทุนไปสักยันต์ตามร่างกายกันเลยทีเดียว
แต่ก็ใช่ว่ารอดเสมอไป ตำรวจบางคนถึงแม้จะมีตะกรุดจากวัดดัง หรือ... -
ผู้นำที่ดีที่เห็นแล้วไม่เปลี่ยนช่อง พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่างไร
คุณสมบัติของบุคคลผู้จะเป็นผู้นำ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้มากมาย เป็นต้นว่า
๑.เป็นผู้อดทนต่อความลำบากกายใจ ต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์ เป็นต้น
๒.ตื่นตัวทันโลก เตรียมตัวไม่ประมาท
๓.ขยันทำงาน
๔.จำแนกเหตุการณ์ได้ถูกต้อง แบ่งงาน แบ่งบุคคลสำหรับงานได้เหมาะสม
๕.มีความกรุณา
๖.สอดส่อง ตรวจตรา ติดตามงาน (ฉัก.อัง.)
อีกข้อหนึ่ง
๑.สามารถในการค้นหาปัญหา
๒.สามารถในการแก้ปัญหาต่างๆ (จตุ.อัง.)
และ
๑.สงเคราะห์ประชาชน
๒.สร้างมิตรภาพกับผู้อื่น
๓.รู้จักพูด
๔.ใจกว้าง
๕.เป็นผู้นำเขา (ปาฏิ.ที)
และ
๑.องอาจ ฉลาด
๒.คงแก่เรียน
๓.เอาธุระหน้าที่ดี
๔.มีหลักธรรมประจำใจ
๕.เป็นคนมีใจอันประเสริฐ
๖.เป็นสัตตบุรษ
๗.เป็นคนมีปัญญา ความคิดอ่านดี (ธ.ขุ.)
ประเทศใดได้ผู้นำอย่างนี้ ประเทศนั้นย่อมมีความสุข ความเจริญ มีความก้าวหน้าอย่างแน่นอน
จากหนังสือ ๑ใน๘๔,๐๐๐ -
ชวนขนลุก! จริงหรือนี่..ที่มิสแกรนด์กาฬสินธุ์ ล้มบนเวทีถึง2 ครั้ง เพราะอาถรรพ์ชุด "นางฟ้าหยาด" โศกนาฏกรรมความรักของสาวงามเมื่อกว่าพันปีก่อน!!
ชวนขนลุก! จริงหรือนี่..ที่มิสแกรนด์กาฬสินธุ์ ล้มบนเวทีถึง2 ครั้ง เพราะอาถรรพ์ชุด "นางฟ้าหยาด" โศกนาฏกรรมความรักของสาวงามเมื่อกว่าพันปีก่อน!!
ต้องบอกว่าสร้างกระแสฮือฮาทั่วแผ่นดินไทย สำหรับรอบชุดประจำชาติยอดเยี่ยม จากเวทีมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ Miss Grand Thailand 2017 จัดไปอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาที่ ฮอลล์ 100 ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา
สาวงามจาก 77 จังหวัดสวยเด่นจริงในชุดหลากสไตล์ ที่ดึงอัตลักษณ์ของจังหวัดตัวเองออกมา แต่ที่เรียกเสียงฮือฮามากที่สุด ก็ต้องยกให้"บีบี วันวิสา อิสระพายัพ " มิสแกรนด์กาฬสินธุ์ ในชุดเทวีมณีฟ้าหยาด Ta We Ma Ne Fah Yard ที่ออกมา ก็พลาดล้มถึง 2 ครั้ง 2 ครา จนทำให้หน้านางด้านหน้าหลุด ทำเอาคนดูแตกตื่นตกใจ ทีมงานต้องเข้ามาช่วยกันประคอง แต่ถึงกระนั้นด้วยสปริตเธอก็ลุกขึ้นมาเดินเฉิดฉายดั่้งต้องมนต์สะกด ทั้งนี้กองประกวดมิสแกรนด์กาฬสินธุ์ เผยว่า น่าจะเป็นเพราะพระนางฟ้าหยาดต้องการให้ชุดไม่มีหน้านาง เพื่อให้ชุดดูเด่นขึ้น ถึงทำให้น้อง ล้ม 2 ครั้ง จนหน้านางหลุด
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องความลึกลับจากนางฟ้าหยาดหรือเปล่า โดยคุณ Jaruvat Chanposri...
หน้า 368 ของ 419