คลังเรื่องเด่น
-
พิษ”เซินกา”ทำไทยตอนบน มีฝนตกชุกเหนือ-อีสาน-ตอ.
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 28 ก.ค. 60นี้
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ ( 24 ก.ค. 60) พายุโซนร้อน “เซินกา” (SONCA) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 500 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 17.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 111.3 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 35 นอต หรือ 65 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 และจะเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในภาคเหนือ... -
อุตุฯเตือนเหนือ-อีสานระวังผลกระทบจากพายุโซนร้อน25-26ก.ค.นี้
กรมอุตุฯเตือนภาคเหนือ-อีสานระวังผลกระทบจากพายุโซนร้อน “เซินกา” ที่คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามในวันที่ 25-26ก.ค.นี้
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. เวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเรื่อง “พายุโซนร้อน “เซินกา” (SONCA) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน” ฉบับที่ 1 ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (23 ก.ค. 60) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “เซินกา” (SONCA) แล้ว มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 500 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 17.6 องศาเหนือ ลองจิจูด 111.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 35 นอต หรือ 65 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 25-26 ก.ค. 2560 พายุนี้จะมีผลกระทบต่อภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงวันดังกล่าว
ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดไว้ด้วย
ขอบคุณที่มา
http://www.posttoday.com/social/env/504847 -
หลวงปู่เจี๊ยะ พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง ปราบผีดุมาก
หลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม ท่านเป็นพระสายอาจารย์มั่น
ที่มีลีลาการเทศน์การสอนที่เป็นเอกลักษณ์ ตามแบบฉบับของท่าน
อุปนิสัยส่วนตัวท่าน เป็นคนดุพูดจาโผงผางคล้ายนักเลงไม่กลัวคน
ลองมาดู...ลีลาการปราบผีของท่านครับ
ในขณะที่พักที่สิงคโปร์ มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่น่านำมาพิจารณา
และเป็นคติ คือ มีโยมคนอินโดนีเซียมานิมนต์ท่านไปที่เกาะบาตั้ม
อินโดนีเซีย เพราะที่นั่นเขาร่ำลือกันว่าผีดุมาก เฮี้ยนมาก คนงาน
ที่โรงงานล้มป่วยมากโดยไม่ทราบสาเหตุของโรคที่เป็น เจ้าของ
โรงงานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะไม่มีใครกล้ามาทำงาน
คนงานกลัว หนีหมดเลย หาหมอผีมาจากที่ต่างๆ ก็เอาไม่อยู่
เฮี้ยนมากๆ เขาจึงมานิมนต์หลวงปู่ไป นั่งเรือไฮโดรสปีด
จากสิงคโปร์ ไปเกาะบาตั้มประมาณ ๔๐ นาที
เมื่อไปถึงที่โรงงานแห่งนั้น หลวงปู่ท่านอุทานว่า
“ โอ้โฮ ! ผีเยอะฉิบหายเลย” ท่านจึงให้เขาเอาผ้าขาว ผ้าแดง
มาเขียนยันต์ แล้วนำมาห่อก้อนหินแล้วจึงนั่งสมาธิปลุกเสก
ในขณะที่ทำพิธีอยู่นั้นหลวงปู่กระซิบบอกพระว่า
“เฮ้ย! อย่าไปบอกใครนะ เดี๋ยวถึงหูอาจารย์มหาบัวเข้า ด่าผมแน่เลย”
เมื่อปลุกเสกเสร็จ ท่านขึ้นนั่งรถเข็นให้พระเข็นไปตามทิศทางที่... -
เกิดไปเป็นเปรตเพราะด่าพระสงฆ์ เรื่องในพระไตรปิฏก...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
เกิดไปเป็นเปรตเพราะด่าพระสงฆ์ ในพระไตรปิฏก
คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา :-
Published on Jul 18, 2017
เกิดเป็นเปรตเพราะด่าพระสงฆ์ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ -
พระพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ตอน ตถาคตเกิดขึ้นในโลกเพื่อแสดงแบบแห่งการครองชีวิตอันประเสริฐแก่โลก
พระพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ตอน ตถาคตเกิดขึ้นในโลกเพื่อแสดงแบบแห่งการครองชีวิตอันประเสริฐแก่โลก
ภิกษุ ท. ! ตถาคตเกิดขึ้นในโลก นี้ เป็นพระอรหันต์ ผู้ตรัสรู้ชอบด้วย
ตนเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควร
ฝึกไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้วจำแนกธรรม
ออกสั่งสอนสัตว์.
ภิกษุ ท. ! ตถาคตนั้น ได้ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหมซึ่ง
หมู่สัตว์กับทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ด้วยป๎ญญาอันยิ่งเองแล้ว
ประกาศให้ผู้อื่นรู้แจ้งตาม.
ตถาคตนั้น แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดประกาศ
พรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง.
คฤหบดี หรือลูกคฤหบดี หรือคนที่เกิดในตระกูลอื่นใดในภายหลังย่อม
ฟ๎งธรรมนั้น. ครั้นฟ๎งแล้ว ย่อมเกิดศรัทธาในตถาคต. กุลบุตรนั้นผู้ประกอบอยู่
ด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า "ฆราวาส คับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี; ส่วน
บรรพชา เป็นโอกาสว่าง. มันไม่เป็นไปได้โดยง่ายที่เราผู้อยู่ครองเรือนเช่นนี้ จะ
ประพฤติพรหมจรรย์นั้น ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัด... -
ตำนานเขมร : เมื่อหญิงสาวถูกพ่อแม่บังคับเรียนแบบ ให้แต่งงานกับงู จนเกิดตำนานโลมา
ชาวกัมพูชาเชื่อว่า โลมานั้น ถือกำเนิดมาจากหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่ถูกบังคับให้เเต่งงานกับงูเหลือม จนเกิดเรื่องราวแห่งโศกนาฏกรรมขึ้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามรับชม -
ฆราวาสเนี่ย จริง ๆ แล้วเป็นเพศที่คับแคบหรือขัดข้อง
ฆราวาสเนี่ย จริง ๆ แล้วเป็นเพศที่คับแคบหรือขัดข้อง เพราะฆราวาสมีหน้าที่การงานที่ทำให้การภาวนานั้นเป็นไปได้ไม่สะดวกเท่าไร เพราะปัญหาเดี๋ยวก็เรื่องลูกน้อง เดี๋ยวคนที่มาติดต่ออะไรต่างๆ เป็นปัญหาเยอะ สองก็คือปัญหาภายในครอบครัวที่เป็นภาระ เพราะว่าอารมณ์มันเยอะต้องเกี่ยวข้องกับสังคมเลยยาก
การสนับสนุนฆราวาสให้ภาวนาเป็นไปได้มันก็ต้องหาโอกาสมาอยู่วัด เพราะอยู่ในสังคมอยู่ในบ้านในหน้าที่การงานในครอบครัวมันภาวนายาก มันทำได้แต่ไม่สามารถที่จะต้านทานอารมณ์ได้ เพราะจิตไม่ทันต่ออารมณ์ มันกระทบ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นสัมผัสรส กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง อารมณ์มันเกิดขึ้นที่ใจ แล้วมันเกิดขึ้นบ่อยมาก มันเกิดดับเกิดดับอยู่นั่น แล้วสติเรารู้ไม่ทัน
ทีนี้เขาจึงว่า ให้มาฝึกเนกขัมมบารมี ไกลจากบ้านไกลจากที่ทำงาน มาอยู่วัดเนี่ย หลีกเร้นมาอยู่ในสถานที่สงบสงัดเพื่อที่จะให้กายวิเวกจิตวิเวก ทีนี้การบำเพ็ญภาวนาก็จะเป็นไปได้ง่าย แต่ฆราวาสไม่สามารถที่จะมาอยู่วัดได้บ่อยหรือมาได้ประจำเพราะว่ามีภาระในหน้าที่การงานครองเรือน เพราะฉะนั้น หากจะมาได้ช่วงสั้น ๆ ก็ยังดี
พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตฺโต -
เรื่อง พระพุทธเจ้าทรงประกาศพุทธศาสนา ครบ 5000 ปีที่ประเทศไทย
เรื่อง พระพุทธเจ้าทรงประกาศพุทธศาสนาครบ 5000 ปีที่ประเทศไทย
หนังสือสนทนาธรรม เล่มที่ 10
โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) -
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ตอน โลกที่กำลังมัวเมา ก็ยังสนใจในธรรมของพระตถาคต
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ตอน โลกที่กำลังมัวเมา ก็ยังสนใจในธรรมของพระตถาคต
ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุที่ตถาคต ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะเกิดขึ้นจึงเกิดมี
ของน่าอัศจรรย์ไม่เคยมี สี่อย่างนี้ปรากฏขึ้น. สี่อย่างอะไรเล่า?
๑. ภิกษุ ท. ! ประชาชนทั้งหลาย พอใจในกามคุณ ยินดีในกามคุณ
บันเทิงอยู่ในกามคุณ, ครั้นตถาคตแสดง ธรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับกามคุณ
ประชาชนเหล่านั้นก็ฟ๎ง เงี่ยหูฟ๎ง ตั้งใจฟ๎ง เพื่อให้เข้าใจทั่วถึง. ภิกษุ ท. ! นี่คือ
ของน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี อย่างที่หนึ่ง, มีขึ้นมา เพราะการบังเกิดของตถาคต ผู้
อรหันตสัมมาสัมพุทธะ.
๒. ภิกษุ ท. ! ประชาชนทั้งหลาย พอใจในการถือตัว ยินดีในการถือตัว
บันเทิงอยู่ในการถือตัว, ครั้นตถาคตแสดง ธรรมที่ก าจัดการถือตัว
ประชาชนเหล่านั้นก็ฟ๎ง เงี่ยหูฟ๎ง ตั้งใจฟ๎ง เพื่อให้เข้าใจทั่วถึง. ภิกษุ ท. ! นี่คือของ
น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี อย่างที่สอง, มีขึ้นมา เพราะการบังเกิดของตถาคต
ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ.พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. ธรรมที่ตถาคต
แสดง พรหมจรรย์ที่ตถาคตประกาศ นี้แล คือ ระเบียบวินัยของพระสุคต.
ภิกษุ ท. ! เมื่อพระสุคตก็ดี... -
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน พระสงฆ์ผู้อยากสึกเพราะเบื่อการเรียนรู้ในพระศาสนา
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน พระสงฆ์ผู้อยากสึกเพราะเบื่อการเรียนรู้ในพระศาสนา
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ที่พระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันจะสึกรูปใดรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 36 นี้
ครั้งหนึ่งมีบุตรเศรษฐีผู้หนึ่งอยู่ในกรุงสาวัตถี ได้สอบถามพระภิกษุผู้ไปรับบิณฑบาตที่บ้านของเขาว่า หากเขาต้องการจะพ้นทุกข์เขาควรจะทำอย่างไร พระภิกษุรูปนั้นได้แนะนำเขาให้แบ่งสมบัติออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนหนึ่งใช้ในการดำเนินธุรกิจ ส่วนหนึ่งใช้เลี้ยงบุตรและภรรยา และอีกส่วนหนึ่งใช้ในการทำทาน บุตรเศรษฐีได้ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น และต่อมาเขาได้เรียนถามพระภิกษุรูปเดียวกันนั้นอีกว่า เขาควรทำอะไรอีกต่อไป พระภิกษุนั้นบอกว่า ข้อที่ 1. ให้ถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง และให้รักษาศีล 5 ข้อ 2. ให้รักษาศีล 10 และ ข้อที่ 3. ให้สละโลกออกบวชเป็นภิกษุ บุตรเศรษฐีได้ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นและได้บวชเป็นพระภิกษุในที่สุด
เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว อาจารย์รูปหนึ่งสอนท่านในเรื่องพระอภิธรรม ส่วนอีกรูปหนึ่งก็สอนในเรื่องพระวินัย เมื่อท่านถูกสอนแบบนี้ ท่านก็มีความรู้สึกว่าต้องมาศึกษาเล่าเรียนมาก... -
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน อุบาสิกาผู้ตามส่องใจพระ
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน อุบาสิกาผู้ตามส่องใจพระ
เมื่อพระศาสดา เมื่อประทับอยู่ที่วัดพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 35 นี้
ครั้งหนึ่ง ภิกษุจำวน 60 รูป หลังจากที่ได้รับพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้ว ก็ได้ไปที่หมู่บ้านมาติกะที่เชิงเขาแห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นนางมาติกมาตา มารดาของหัวหน้าหมู่บ้าน ได้ถวายอาหารบิณฑบาตแก่ภิกษุเหล่านั้น และนางก็ยังได้สร้างวิหารสำหรับเป็นที่อยู่ในช่วงเข้าจำพรรษาถวายแก่ภิกษุเหล่านั้นด้วย อยู่มาวันหนึ่งนางได้นิมนต์ให้พระภิกษุเหล่านี้สอนวิธีปฏิบัติพระกัมมัฏฐานแก่นาง พวกพระภิกษุได้สอนให้นางพิจารณาอาการ 32 ของร่างกายซึ่งจะนำไปสู่ความตระหนักในความเสื่อมและความสิ้นไปของร่างกาย นางมาติกมาตาปฏิบัติพระกัมมัฏฐานนั้นด้วยความขยันหมั่นเพียรจนได้บรรลุ มรรค 3 และผล 3 พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณและโลกิยอภิญญา ก่อนภิกษุเหล่านั้น
เมื่อนางออกจากสุขอันเกิดจากมรรคและผลแล้ว ได้ตรวจดูด้วยทิพยจักษุเห็นว่า ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นยังมิได้บรรลุมรรคผลใดๆ นางได้ทราบด้วยว่าภิกษุเหล่านี้มีศักยภาพที่จะบรรลุพระอรหัตตผลได้... -
"เหตุผลที่หลวงปู่ชา ท่านบิณฑบาตที่เมืองนอก"
"เหตุผลที่หลวงปู่ชา ท่านบิณฑบาตที่เมืองนอก"
" .. ครูบาอาจารย์ผู้สอนมานั้นลำบาก อย่างเช่น "อาตมาออกไปเมืองนอกซึ่งเขาไม่มีพระเหมือนบ้านเรา" ก็เป็นเหตุให้มองเห็นพระพุทธเจ้าเสียแล้ว "พอเราออกไปบิณฑบาต เขามองไม่เป็นพระเลย เขามองเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้" คนที่คิดจะใส่บาตรสักคนหนึ่งก็ไม่มี "มีแต่เขาพากันมองว่า ตัวอะไรน่ะมานั่น"
โอ้โฮ "นึกถึงพระพุทธองค์ อาตมากราบท่านเลย" มันแสนยากแสนลำบากที่จะฝึกคนเพราะเขาไม่เคยทำ ผู้คนที่ไม่เคยทำไม่รู้จักนี่มันลำบากมาก "พอมานี่นึกถึงเมืองไทยเรา ออกจากป่าไปบิณฑบาตเท่านั้นแหละ ไม่อดแล้ว ไปที่ไหนมันก็สบายมาก"
แต่เมื่อเราไปเมืองนอกอย่างนั้น มอง ๆ "ดูไม่มีใครตั้งใจจะมาตักบาตรพระ" บาตรเขายังไม่รู้จักเลย "เราสะพายบาตรไป เขานึกว่าเป็นเครื่องดนตรีเสียอีก" ถึงอย่างนั้นอาตมาก็ยังดีใจในสิ่งที่ได้ทำมาแล้ว "โดยมากพระท่านไปเมืองนอก ท่านไม่บิณฑบาตหรอก"
อาตมามองเห็นข้อนี้ "นึกถึงพระพุทธเจ้า อาตมาต้องบิณฑบาต ใครจะห้ามก็จะบิณฑบาต ไปบิณฑบาต ไปทำกิจอันนี้ที่กรุงลอนดอนได้ ดีใจเหลือเกิน" พวกพระไปด้วยกันก็ว่า "บิณฑบาตทำไม มันไม่ได้อาหาร อย่าเอาอาหารซิ ไปบิณฑบาตเอาคน"... -
วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมืองปาร์กเกอร์ มลรัฐโคโลราโด
วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมืองปาร์กเกอร์ มลรัฐโคโลราโด
พระผู้อยู่จำนำพรรษา (ปัจจุบัน)
พระอธิการจำรัส จนฺทโชโต
ตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส
ภูมิลำเนา อ.บ้านม่วง จังหวัดสกลนคร
หมายเหตุ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดเจริญสมณกิจ (วัดหลังศาล) จ.ภูเก็ต
พระภูสิต ขนฺติธโร
ภูมิลำเนา อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
สังกัด วัด
พระครูปลัดมงคลวัฒน์ (พระมหาสมาน กตปุญฺโญ)
ภูมิลำเนา อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร
สังกัด วัดสุวรรณจินดาราม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
พระยอดลักษ์ ฉินฺนาลโย
ภูมิลำเนา อ.บ้างแพง จ.นครพนม
สังกัด วัดเหล่าหลวง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
พระเอกชัย ปณฺฑิตวงฺโส
ภูมิลำเนา อ.บ้านม่วง จังหวัดสกลนคร
สังกัด วัดท่าสะอาด อ.เซกา จ.หนองคาย
พระปภากร ปภงฺกโร
ภูมิลำเนา กรุงเทพมหานคร
สังกัดวัด สุวรรณจินดาราม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
พระวิทยา วฑฺฒโน
ภูมิลำเนา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
สังกัด วัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร
พระธนินพัฒน์ คุตฺตสีโล
ภูมิลำเนา เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
สังกัดวัดธรรมมงคล -
ดูละครแล้วเที่ยวชม “นาค” ตำนานการเกิดรัฐในอุษาคเนย์
หลังจากละคร “นาคี” ครองอันดับละครดังแห่งปี 2559 ตามที่สื่อหลายสำนักยกให้ไปแล้ว เพื่อให้ได้สาระความรู้อันเข้มข้นทางประวัติศาสตร์และการเรียนรู้ทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับนาคี มติชน อคาเดมี จึงจัดทริปพิเศษ “เที่ยวปราสาทเมืองเก่า เล่าเรื่องนาคี” ใน 3 จังหวัด นครราชสีมา-บุรีรัมย์-สุรินทร์ ในวันที่ 20-22 มกราคม 2560
ก่อนจะพาไปทริปสุดพิเศษ รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับนาค ไฮไลต์ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในครั้งนี้
“นาค” ในตำนานพื้นเมืองอุษาคเนย์ที่สำคัญและน่าจะ เป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานทางวัฒนธรรมอินเดียกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ตำนานการเกิดขึ้นของอาณาจักรฟูนัน (ฝูหนาน) ซึ่งมีหลักฐานการเล่าขานสืบเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบันในชื่อเรื่องว่า “พระทอง-นางนาค”
ตำนานพระทอง-นางนาค ที่เก่าแก่ที่สุดปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกภาษาสันสกฤตกล่าวว่า พราหมณ์โกณฑินยะผู้ได้รับหอกจากพราหมณ์อัศวัตถามันบุตรแห่งพราหมณ์โทรณะ ได้พุ่งหอกไปเพื่อสร้างราชธานี ต่อจากนั้นจึงได้สมรสกับธิดาพญานาคนามว่า โสมา และได้สืบเชื้อวงศ์ต่อมา
ส่วนบันทึกของราชทูตชาวจีนที่เข้ามายังอาณาจักรฟูนัน... -
ระทึก!!!เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เมียนมา ล้มลงแม่น้ำต่อหน้า ปชช.
เกิดเหตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำอิระวดี ของวัด Pakokku เกิดล้มลงไปในแม่น้ำอิระวดี ต่อหน้าประชาชนที่เดินทางไปสักการะ
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ว่าสื่อออนไลน์เมียนมา รวมไปถึง U Zaw Win Htwe เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เมืองมาเกว ประเทศเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพเหตุการณ์เกิดเหตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำอิระวดี วัด Pakokku ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในเขตมาเกว ตั้งอยู่ประมาณ 30 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของพุกาม บนแม่น้ำอิระวดี เกิดล้มลงไปในแม่น้ำอิระวดี ต่อหน้าประชาชนที่เดินทางมาสักการะ ก่อนล้มเพียง 30 นาที ท่ามกลางเสียงร้องโห่ร้องด้วยความเสียใจ ต่างยกมือไหวจากชาวพุทธที่ศรัทธาอย่างแรงกล้า
สำหรับสาเหตุมาจากเหตุอุทุกภัยในเมียนมาที่ประสพภัยมากว่า 2 สัปดาห์ สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ทั้งด้านการคมนาคมเป็นอย่างมาก
----------------
ที่มา ::
http://www.krobkruakao.com/local/48531 -
สิ่งที่ใจต้องระวัง
สิ่งที่ต้องคอยใช้สติสัมปชัญญะ กำกับใจอยู่เสมอนั้นมีอยู่มาก สิ่งเหล่านี้เป็นอารมณ์ของใจ ถ้าไม่ใช้สติทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้เศร้าหมอง ดังนั้นจึงต้องใช้สติสำรวจดูใจว่า มีอารมณ์เหล่านี้อยู่ในใจหรือเปล่าให้เสมอ เพื่อความปลอดโปร่งทางใจ สิ่งที่ควรระวังเหล่านั้น ทางพระพุทธศาสนาได้แสดงไว้จำนวนหนึ่ง เรียกว่าอุปกิเลส ดังปรากฏในมูลปัณณาสก์ มัชฌิมนิกายความไทยว่าดังนี้
๑.อยากได้ของเขา
๒.คิดร้ายต่อเข้า
๓.โกรธ
๔.ผูกใจเจ็บ
๕.ลพหลู่คุณท่าน
๖.ตีเสมอ
๗.ริษยา เห็นคนอื่นดี ทนอยู่ไม่ได้
๘.ตระหนี่
๙.เจ้าเลห์
๑๐.โอ้อวด
๑๑.ดื้อดาน ดึงดัน
๑๒.แข่งดี
๑๓.ถือตัว
๑๔.ดูหมิ่นความสามารถตนเอง และดูหมิ่นผู้อื่น
๑๕.มัมเมา งมงาย
๑๖.เลินเล่อ ลืมตัว
สิ่งเหล่านี้ควรระวังอย่าให้เกิดกับใจ จะทำให้เสียงาน เสียการ ผู้มีอารมณ์ร้ายเหล่านี้
"ถ้าเป็นฆราวาสก็เข้ากับใครเขาได้ยาก เมื่อเข้ากับใครเขายาก ก็หาพวกพ้องได้ยาก ทำให้ลำบากต่อการดำเนินชีวิต "
"ถ้าเป็นบรรพชิตก็จะเป็นคนมีใจห่างเหินจากความเป็นบรรพชิต สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องกั้นคุณงามความดีทางใจ และดึงใจให้ตกต่ำ"
เครื่องกั้นสิ่งเหล่านี้ คือ สติ... -
หลวงตามหาบัวกล่าวถึงพระอาจารย์สุชาติ
“ ท่านสุชาติ ดูลักษณะท่าทางมีหลักใจ มีหลักมีเกณฑ์ในการภาวนา ท่านอยู่วัดป่าบ้านตาดมาหลายปี พอออกจากวัดป่าบ้านตาดก็ไปอยู่วัดญาณสังวรฯ แล้วไม่ได้โยกย้ายไปไหนจนกระทั่งป่านนี้ละ สถานที่นั่นเป็นที่สงบสงัดดีด้วยนะ เราเคยไปพักอยู่ที่นั่น มันมีป่าอยู่บนเขาวัดญาณสังวรฯ ส่วนที่ข้างล่างคนจุ้นจ้านเราไม่ไป พอเราไปนี้ปั๊บ เราเข้าป่าขึ้นเขาเลย เราไปพักภาวนาอยู่บนเขานะ
ท่านสุชาติ ท่านมักน้อยสันโดษมาก ท่านยึดหลักปฏิปทาของครูบาอาจารย์ไว้ได้ดีนะ ลูกศิษย์วัดป่าบ้านตาดนี้มากนะ ถ้าหากว่าจะยึดเอาหลักของครูบาอาจารย์ไปปฏิบัติก็รู้สึกจะชุ่มเย็นทั่วๆไป สายพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ถือพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเป็นหลักใหญ่ แตกกระจายไปก็เป็นกิ่งแขนง
ทีนี้ก็มารุ่นลูกรุ่นหลานแล้วแหละ เราจะว่าเป็นลูกก็ไม่เชิง เป็นรุ่นหลานไปละเรา ครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้ใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเพชรน้ำหนึ่งๆ จากหลวงปู่มั่นเรานี้มีน้อยเมื่อไร เพชรน้ำหนึ่งก็คือเป็นพระอรหันต์นั่นเอง ไม่น้อยนะ
ลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นเรา ที่เด่นๆ อยู่ทุกวันนี้ก็คือท่านอาจารย์พรหม ท่านอาจารย์แหวน-หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงปู่คำดี มีแต่พระผู้ใหญ่ๆ หลวงปู่ตื้อ... -
เรื่อง ห่างพระศาสนา
เรื่อง ห่างพระศาสนา
หนังสือสนทนาธรรม เล่มที่10 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) -
"ไม่ยอมวาง เพราะไม่เห็นโทษ" (หลวงปู่ศรี มหาวีโร)
"ไม่ยอมวาง เพราะไม่เห็นโทษ"
" .. "หากไม่รู้ไม่เห็นเองแล้วเป็นไม่ยอมวางง่าย ๆ" ถ้าเทียบทางโลกง่าย หมายความว่า คนอื่นว่าไม่ยอมเชื่อง่าย ๆ อาจจะเชื่อบ้างแต่ไม่ลงถึงใจ คือไม่เห็นชัด เช่น "เทียบกับคนไปทอดแห งมลงไปในน้ำจับถูกงู นึกว่าเป็นปลาไหล จึงจับจนแน่น พอยกขึ้นพ้นน้ำรู้ว่าเป็นงู ไม่รู้ว่ามือมันวางตั้งแต่เมื่อไร ไม่ได้บอกให้มันวางยาก" ใจมันสั่งให้มือวางตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เพราะกลัว
"ลักษณะของจิตก็เหมือนกัน" ร่างกายก้อนนี้ ถ้าหากไม่เห็นโทษหรือความสวยความงามซึ่งโลกนิยมกัน "ยังไม่เห็นโทษเห็นภัยเกิดขึ้นกับจิตใจเองแล้ว มันไม่ยอมละวางง่าย ๆ ติดแน่นอยู่อย่างนั้นแหละ" ไม่ยอมละยอมวางง่าย ๆ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม แม้เราบอกให้ฟังก็ไม่ยอม
อย่างความเกิดขึ้น ความทุกข์ความร้อนต่าง ๆ เกิดขึ้นในจิตใจ บอกว่าอย่าโกรธ สิ่งนั้นมันเป็นรูปนั้นวิธีนี้ กล่าวไปตามเรื่องของธรรม เช่นว่า "เป็นของไม่เทียงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นของไม่สวยไม่งาม ว่าอย่างไรมันก็ไม่ยอมฟัง" มันเป็นไปตามเรื่องของมัน
"เพราะจิตยังไม่ได้ดูดดื่มรสของธรรมะ หรือจิตใจยังไม่เคยเห็น" นี่คือปัญหาสำคัญ "ถ้าจิตได้ประสบการณ์เอง เกิดขึ้นเอง... -
หนึ่งคนตาย...หลายชีวิตรอด! หลวงปู่มั่นเอ่ยวาจา...แสดงเมตตาพลานุภาพ "ผมขอไม่ตายที่นี่ เพราะถ้าตายตรงนี้ ชีวิตมากมายจะล้มหายเพราะผมคนเดียว"!!
"หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" คือพระวิปัสสนาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรูปหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน ท่านเป็นคนยุคต้นรัชกาลที่ ๕ (เกิด พ.ศ. ๒๔๑๓) แต่กิตติศัพท์และแบบอย่างชีวิตของท่านยังคงมีอิทธิพลอย่างยิ่งจวบจนทุกวันนี้
ชีวิตของหลวงปู่มั่นนับแต่เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เป็นชีวิตที่แนบเนื่องอยู่กับการหลีกเร้นบำเพ็ญธรรมในป่าเขาสมัยที่ยังเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์นานาชนิด ท่านเป็นแบบอย่างของผู้สูงส่งด้วยภูมิปัญญา มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่เบียดเบียน เต็มเปี่ยมด้วยเมตตาต่อสรรพชีวิต
แม้ในยามที่หลวงปู่มั่นใกล้จะมรณภาพ ท่านก็ยังคำนึงถึงสัตว์น้อยใหญ่ที่อาจเดือดร้อนเพราะการดับขันธ์ของท่าน ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเร่งรัดให้ลูกศิษย์พาท่านออกจากหมู่บ้านหนองผือซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร โดยมีจุดมุ่งหมายปลายทางคือตัวเมืองสกลนครอันเป็นสถานที่ที่สามารถรองรับการหลั่งไหลของผู้คนที่จะมาเคารพศพท่านได้
ในการกล่าวเตือนลูกศิษย์ลูกหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลวงปู่มั่นได้พูดตอนหนึ่งว่า
"ผมน่ะต้องตายแน่นอนในคราวนี้ ดังที่เคยพูดไว้แล้วหลายครั้ง แต่การตายของผมเป็นเรื่องใหญ่ของสัตว์และประชาชนทั่ว ๆ... -
จริงไหม!? ผีกระหังใช้กระด้งแทนปีก ไขปัญหาคาใจโดย "หลวงตาม้า"
ตามหัวข้อเรื่องเลยครับ ท่านเล่าให้ฟัง ผมก็นำมาเล่าต่อเลยละกันนะครับ หลวงตาม้าท่านเล่าให้ผมฟังได้ใจความว่าผีกระสือเนี่ย เกิดจากผู้ที่มีวิชาอาคมหรือเล่นไสยศาสตร์ เมื่อตายลงไปแล้ว วิญญาณก็จะไปเข้าสิงทายาทผู้ที่มีสายเลือดเดียวกัน หรือผู้สืบสกุล มักจะกินของดิบๆ
ผมเลยกราบเรียนถามท่านหลวงตาว่า "แล้วถ้าเราน้อมนำบุญหลวงปู่ส่งให้เขาไป เขาจะไปเกิดใหม่ครับ แล้วเขามีกายเนื้อจับต้องได้ไหม"
หลวงตาม้าท่านเมตตาตอบว่า "ไปเกิดสิเคยไปส่งอยู่เหมือนกัน มันเป็นเนื้อ ๆ เหมือนเราเนี่ยแหละ จับต้องได้ เวลามันจะออกจากร่างนะ มันถอดหัวพร้อมเครื่องในออกไปเลย"(หัวเราะ)
ส่วนผีปอบนั้นหลวงตาม้าท่านเล่าให้ฟังว่า เกิดจากผู้ที่เล่นไสยศาสตร์เช่นเดียวกัน เป็นพลังงานของคาถาอาคม ท่านเคยบอกว่า ภาคอีสานนี่มีปอบเยอะมาก
จึงถามหลวงตาว่า ทำไมต้องเป็นภาคอีสาน
หลวงตาม้าท่านจึงตอบได้ใจความว่า พวกนี้มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีคนเล่นคาถาอาคมหรือไสยศาสตร์ สมัยก่อนที่มันมีเยอะเพราะความเจริญยังไม่มี คนมันเลยไม่รู้จะไปเล่นอะไร มันก็เล่นคาถาอาคมนี่แหละ แต่สมัยนี้มีทั้งคอมพิวเตอร์ ทั้งเครื่องเล่นเทป cd ทั้งทีวี ทั้งโทรศัพท์ มีหมด... -
คาถาบารมี 30 ทัศ - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เมตตาบอกคาถาบารมี 30 ทัศต่อด้วยนะโมพุทธายะ ให้นำไปภาวนาทุกวัน แล้วอฐิษฐานนึกถึงภาพพระครอบตัวของเรา, คนในครอบครัวของเรา, บ้านของเรา จะได้ผ่อนกรรมหนักให้เป็นกรรมเบาลง
ถ้าทุกคนช่วยกันภาวนาพระคาถาบทนี้ ก็จะเป็นการช่วยผ่อนกรรมของประเทศได้อีกด้วย.
**************************************** -
พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ว่า “ปาฏิหาริย์มีจริง แต่แบบไหนละที่ดีต่อชาวพุทธ” ท่านเจ้าพระคุณประยุทธ์!!! เมตตาเฉลยไว้
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ได้เคยบรรยายธรรมในหนังสือ "คำถามสำหรับชาวพุทธ (สำรวจตัวเองก่อนปฏิบัติธรรม)" เพื่อเป็นแนวทางที่ถูกต้องในเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้เคยตรัสเกี่ยวกับ “ปาฏิหาริย์” ในรูปแบบต่างๆ ว่าเป็นเช่นไร และแบบไหนจึงเรียกปาฏิหาริย์ที่เป็นแบบที่แท้จริง น่านับถือมากที่สุด สมควรยกย่องเรียนแบบอย่างยิ่ง ปาฏิหาริย์นั้นพระพุทธเจ้าสอนไว้ว่ามี ๓ อย่าง คือ
๑. อิทธิปาฏิหาริย์ เป็นปาฏิหาริย์ในเรื่องฤทธิ์ คือการแสดงฤทธิ์หรือความเป็นผู้วิเศษ ดลบันดาลอะไรต่าง ๆ เหาะเหินเดินอากาศ หูทิพย์ ตาทิพย์ เป็นต้น
๒. อาเทศนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการทายใจได้ ทายใจโยมได้ว่า อ้อโยมกำลังคิดเรื่องนี้ โยมกำลังคิดว่าหลังจากฟังธรรมนี้แล้วจะไปโน่น หรือว่าฟังองค์แสดงธรรมแล้ว คิดต่อองค์แสดงธรรมว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อะไรทำนองนี้ คือทายใจได้อันนี้เรียกว่าอาเทศนาปาฏิหาริย์
๓. อนุศาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือคำสอนที่เป็นอัศจรรย์ คำสอนที่แสดงความจริงให้ผู้ที่ฟังรู้เข้าใจ มองเห็นความจริงเป็นอัศจรรย์ แล้วก็สามารถนำประพฤติปฏิบัติตามได้ผลจริงเป็นอัศจรรย์ อันนี้คือให้โยมเกิดปัญญา รู้ความจริง... -
คำถามที่พระพุทธเจ้าไม่ตอบ, ความเห็นเป็นกลางๆ
ตัวอย่างพุทธพจน์ที่แสดงเหตุผลในการไม่ตรัสตอบปัญหาเหล่านี้ เช่น
ถาม: “ท่านพระโคดมผู้เจริญ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นทั้งหลาย เมื่อถูกถามอย่างนี้ว่า
๑. โลกเที่ยง (ยั่งยืนนิรันดร) หรือ?
๒. โลกไม่เที่ยงหรือ?
๓. โลกมีที่สุดหรือ ?
๔. โลกไม่มีที่สุดหรือ ?
๕. ชีวะอันนั้น สรีระก็อันนั้นหรือ?
๖. ชีวะก็อย่าง สรีระก็อย่างหรือ?
๗. สัตว์ * หลังจากตายแล้ว มีอยู่หรือ?
๘. สัตว์หลังจากตายแล้ว ไม่มีหรือ?
๙. สัตว์หลังจากตายแล้ว ทั้งมี ทั้งไม่มีหรือ?
๑๐. สัตว์หลังจากตายแล้ว จะว่ามีอยู่ ก็ไม่ใช่ ไม่มีอยู่ก็ไม่ใช่หรือ?
จึงพยากรณ์ (ตอบ) ว่า “โลกเที่ยง” บ้าง “โลกไม่เที่ยง” บ้าง ฯลฯ “สัตว์หลังจากตายแล้ว จะว่ามีอยู่ก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่ใช่” บ้าง แต่อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ท่านพระโคดมผู้เจริญ เมื่อถูกถามอย่างนั้น จึงไม่พยากรณ์ (ตอบ) ไปว่า “โลกเที่ยง” หรือ “โลกไม่เที่ยง” ฯลฯ “
ตอบ: “แน่ะท่านวัจฉะ เหล่าปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น ย่อมเข้าใจว่า รูปเป็นอัตตา บ้าง ว่าอัตตามีรูป บ้าง... -
อานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่แห่งธรรมทาน การเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พุทธพจน์
“...ดูกรสุภูติ หากชายคนหนึ่งทำทานโดยการ
ถวายทานด้วยสมบัติกองสูงเท่ากับภูเขาพระสุเมรุทั้ง
จักรวาลมารวมกัน ส่วนอีกคนหนึ่ง รับฟังคำสอนไว้
ในใจ อ่าน เรียนรู้ จดจำ แล้วสั่งสอนผู้อื่น
บุญกุศลของชายคนแรกยังไม่มากเท่าหนึ่งใน
ร้อย หนึ่งในพัน หนึ่งในแสน ของบุญกุศลที่ชายคน
ที่สองได้รับ เพราะไม่สามารถจะเปรียบกันได้เลย ”
ธรรมทานประเสริฐที่สุด
ยกเว้นพระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว
แม้พระสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น
ผู้เป็นเลิศด้วยปัญญาญาณ สามารถนับเม็ดฝนที่ตกอยู่ตลอดกัปได้
ก็ยังไม่สามารถจะบรรลุอริยผล มีโสดาปัตติผล เป็นต้น โดยลำพังตนเองได้
ต่อเมื่อได้ฟังธรรม จากพระอัสสชิเป็นต้นแล้ว จึงทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
และบรรลุธรรมสูงสุด ด้วยพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา
เพราะเหตุนี้ "ธรรมทานจึงประเสริฐที่สุด"
การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง
รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง
ความยินดีในธรรมชนะความยินดีทั้งปวง
ความสิ้นไปแห่งตัณหาชนะทุกข์ทั้งปวง
ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่ในเชตวันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถี... -
พระภิกษุณีนันทาเถรี เอตทัคคะผู้เลิศกว่า ภิกษุณีทั้งหลายผู้ยินดีในฌาน
สตรีผู้สูงศักดิ์บรรลุพระอรหันต์
เจ้าหญิง “นันทา” บ้าง “รูปนันทา เป็นพระธิดาของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ และพระนางมหาปชาบดีโคตมี เป็นพระขนิษฐภคินีของเจ้าชายนันทะ ส่วนเจ้าหญิงอภิรูปนันทา นั้น อรรถกถากล่าวว่า เป็นพระธิดาของพระเจ้าเขมกศากยะ มีคู่หมั้นชื่อ เจ้าชายสัจจกุมาร แต่พระคู่หมั้นก็ได้สิ้นพระชนม์ลงในวันหมั้นนั่นเอง
พระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมาหามายา
มีพระโอรสชื่อ“เจ้าชายสิทธัตถะ”
พระเจ้าสุทโธทนะและพระนางมหาปชาบดีโคตมี
มีโอรสชื่อ นันทะ
มีพระธิดาชื่อ นันทา หรือรุปนันทา
พระรูปนันทา หรือนันทา เป็นเหมือนน้องสาวพระพุทธเจ้า
พระนางรูปนันทาออกทรงผนวช
ต่อมา เมื่อพระเจ้าสุทโธทนมหาราชเสด็จปรินิพพานแล้ว และเมื่อพระมหาปชาบดีโคตมีและพระนางพิมพาบวชแล้ว พระนางก็คิดว่า พระเชษฐภาดาของเราทรงละความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิออกบวชเป็นพระพุทธเจ้าผู้อัครบุคคลในโลก แม้ราหุลกุมารผู้เป็นพระโอรสของพระองค์ก็บวช เจ้าชายนันทราชภัสดาของเราก็ดี พระมหาปชาบดีโคตมีพระมารดาก็ดี พระนางพิมพาพระภคินีก็ดี ก็บวชกันหมดแล้ว บัดนี้ตัวเราจักทำอะไรอยู่ในวังเล่า เราก็ควรจักบวชด้วยเหมือนกัน... -
"อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน" - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
"อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน"
"วิชาการต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ที่ศึกษาแล้วไม่ค่อยได้ผล เพราะคน ขาดความอดทนมาก ต้องบอกว่าขาดมากจริง ๆ โยมบางคนมาถามเรื่องกสิณ บอกว่าผมจับภาพกสิณ ภาวนาแล้วแต่ทำไมยังไม่เกิดผล
อาตมาถามว่าคุณภาวนากี่ครั้ง ถึงร้อยครั้งหรือยัง ? เขาก็อึ้งไปสักพักหนึ่ง แสดงว่าร้อยครั้งยังไม่ถึงเลย จึงบอกเขาไปว่า "คุณไปเปิดหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐาน หรือหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ของหลวงพ่อวัดท่าซุงดู ในเรื่องการฝึกกสิณ ท่านบอกว่า ให้ลืมตามองภาพ หลับตาลงนึกถึงภาพนั้น พร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา
พอภาพเลือนไปให้ลืมตาดูใหม่ หลับตาลงกำหนดนึกถึงภาพนั้น พร้อมกับลมหายใจและคำภาวนา ทำอย่างนั้นเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง จนกว่าภาพนั้นจะเริ่มติดตาติดใจ" ทีนี้เขาเองหลักร้อยยังไม่ผ่านเลยแล้วจะไปกล่าวถึงเป็นหมื่นเป็นแสนได้อย่างไร
เมื่อตอนบ่ายมีโยมมาปรารภว่า ตอนนี้การทำมาหากินลำบากมาก จะแก้ไขด้วยวิธีไหน ? อาตมาก็แจ้งแก่โยมไปว่า ให้ใช้คาถาเงินล้านเป็นกรรมฐาน เขาบอกว่าภาวนาเป็นประจำเช้าเย็นอยู่แล้ว
อาตมาถามว่ากี่จบ ? เขาบอกว่าเช้า ๙ จบ เย็น ๙ จบ อาตมาจึงบอกว่า "โยมรู้ไหมว่า ถ้าอาตมาแนะนำให้ภาวนา... -
ทำไมต้องอยู่ใต้กฎของกรรม
ทำไมต้องอยู่ใต้กฎของกรรม
ถาม : ทำไมคนเราต้องอยู่ใต้กฎของกรรม ?
ตอบ : คุณทำคุณถึงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตามคุณทำเอง ถ้าหากคุณเลิกทำ ก็สามารถหลุดพ้นไปได้ ไม่ต้องอยู่ใต้กฎของกรรม อย่างพระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า สิ่งที่เราทำผลต้องเกิดอยู่แล้ว ลองเขกหัวตัวเองดูซิ ต้องการเขกหรือไม่ต้องการเขก ถ้าเขกเมื่อไรก็เจ็บ นั่นแหละ...ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น
เพราะฉะนั้น...มีอยู่ตัวหนึ่งที่น่าเวทนาคนบางคนก็คือ ตัวอธิษฐานบารมี คนเขาทำบุญเสร็จเขานั่งอธิษฐานแล้วอีกคนบอกนี่โลภ ทำบุญแล้วยังขอโน่นขอนี่ ความจริงการอธิษฐานบารมีนี่เป็นเรื่องของคนฉลาด เป็นการกำหนดเจาะจงในสิ่งที่ตัวเองทำ ๆ แล้วต้องการหรือไม่ต้องการผลนั้นเกิดแน่นอน แต่คนใช้อธิษฐานบารมีเขาฉลาด เขารู้จักเจาะจงว่าจะให้เกิดอย่างไร ? เกิดเมื่อไร ? ขณะเดียวกันว่าอีกคนหนึ่งไม่ยอมอธิษฐาน สมมติว่าหิวข้าวตอนนี้แต่อีก ๓ วันข้าวค่อยมา ก็ทรมานตัวเองไปก่อน แล้วเรื่องของการอธิษฐานบารมี เหมือนยิงปืนแล้วเล็งเป้าย่อมแม่นยำกว่า ในขณะที่อีกคนหนึ่งยิงขึ้นฟ้าลงดินไปเรื่อย แล้วหวังจะให้ถูกเป้า ก็รอไปก่อนเถอะ
ถาม :... -
ทางเจริญของชีวิต
คนทุกคนย่อมต้องการความเจริญก้าวหน้าในชีวิต พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงวิธีการที่ใช้ได้ทั่วไปหลายประการเพื่อความเจริญ เช่น
๑. จงเดินไปตามทางแห่งความดีที่เดินมาแล้ว อย่าถอยหลัง ถ้าเป็นทางชั่วจงกลับ อย่าเดินต่อไป
๒. จงอย่าทำลายฝ่ามืออันชุ่มด้วยเหงื่อ(คือ ความขยันช่วยตนเองและช่วยผู้อื่น)
๓. อย่าประทุษร้ายมิตร (ไม่ว่าจะในทางร่างกาย ความคิด ทรัพย์ หรือชีวิต)
๔. อย่าอยู่ในอำนาจหญิง
และทรงแสดงหลักปฏิบัติอันทำให้เกิดความไม่เสื่อมมีแต่ความเจริญในชีวิต คือ
๑. คบคนดี
๒. สนใจในคำแนะนำของคนดี
๓. ไตร่ตรองให้รู้ดีรู้ชั่วโดยแยบคาย
๔. ปฏิบัติตนตามควรแก่ความดีความชั่วนั้น
ทางเจริญอื่นๆ ยังมีอีกมากมาย เมื่อได้ดำเนินตามทางดังกล่าวแล้วย่อมได้ประสบความเจริญในชีวิตแน่นอน
จาก 1ใน84,000 -
ธรรมทานเลิศกว่าทานทั้งหลาย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พลสูตร
[๒๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ กำลัง คือ ปัญญา ๑ กำลัง คือ ความเพียร ๑ กำลัง คือ การงานอันไม่มีโทษ ๑ กำลัง คือ การสงเคราะห์ ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กำลัง คือ ปัญญาเป็นไฉน ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล นับว่าเป็นกุศล ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล นับว่าเป็นอกุศล ธรรมเหล่าใดมีโทษ นับว่ามีโทษ ธรรมเหล่าใดไม่มีโทษ นับว่าไม่มีโทษ ธรรมเหล่าใดดำนับว่าดำ ธรรมเหล่าใดขาว นับว่าขาว ธรรมเหล่าใดไม่ควรเสพ นับว่าไม่ควรเสพ ธรรมเหล่าใดควรเสพ นับว่าควรเสพ ธรรมเหล่าใดไม่สามารถทำความเป็นพระอริยะ นับว่าไม่สามารถทำความเป็นอริยะ ธรรมเหล่าใดสามารถทำความเป็นพระอริยะ นับว่าสามารถทำความเป็นพระอริยะ ธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมอันบุคคลเห็นแจ้ง ประพฤติได้ด้วยปัญญานี้เรียกว่ากำลัง คือ ปัญญา ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กำลัง คือ ความเพียรเป็นไฉน ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล นับว่าเป็นอกุศล ธรรมเหล่าใดมีโทษ นับว่ามีโทษ ธรรมเหล่าใดดำนับว่าดำ ธรรมเหล่าใดไม่ควรเสพนับว่าไม่ควรเสพ ธรรมเหล่าใดไม่สามารถทำความเป็นพระอริยะ นับว่าไม่สามารถทำความเป็นพระอริยะ...
หน้า 366 ของ 419