คลังเรื่องเด่น
-
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน ธชัคคปริตรเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจยามหวาดกลัวภัยต่างๆ
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน ธชัคคปริตรเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจยามหวาดกลัวภัยต่างๆ
ธชัคคปริตร หรือธชัคคสูตร หรือบางตำราเรียกว่า ธชัคคสุตตปาฐะ (บทว่าด้วยธชัคคสูตร) เป็นพระสูตรที่นิยมใช้สวดสาธยาย เพื่อป้องกันภัย รวมอยู่ในพระปริตร หรือบทสวดเจ็ดตำนาน และบทสวดสิบสองตำนาน พระสูตรนี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวอุปมาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณว่า เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอันเลิศ เปรียบดั่งชายธงของพระอินทร์ในเรื่องเทวาสุรสงคราม ยามที่เทวดาทั้งหลายกระทำสงครามกับเหล่าอสูร เมื่อมองไปที่ชายธงของพระอินทร์ ทำให้เกิดความมั่นใจฉันใด การระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ทำให้เกิดความมั่นใจหายกลัวฉันนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสพระสูตรนี้ ระหว่างที่ทรงประทับอยู่ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร อันเป็นอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ตั้งอยู่เขตพระนครสาวัตถี ทรงตรัสถึงวิธีการจัดการกับความหวาดกลัว โดยทรงสอนให้ภิกษุทั้งหลายเจริญพุทธานุสสติ นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพทธเจ้ายามที่เกิดความหวาดกลัว เมื่อนึกถึงพระพุทธคุณแล้ว ความหวาดกลัวจะมลายหายไป สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก... -
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน นางวิสาขา ยอดหญิงอุบาสิกา
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน นางวิสาขา ยอดหญิงอุบาสิกา
พระศาสดา เมื่อทรงเข้าไปอาศัยกรุงสาวัตถี ประทับอยู่ที่วัดบุพพาราม ทรงปรารภนางวิสาขา ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 53 นี้
นางวิสาขา เป็นธิดาของเศรษฐีแห่งภัททิยนคร ชื่อธนัญชัย และ นางสุมนาเทวี นางเป็นหลานสาวของเมณฑกเศรษฐี หนึ่งห้ามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยมากในอาณาจักรของพระเจ้าพิมพิสาร เมื่อตอนที่นางวิสาขาอายุได้ 7 ขวบ พระศาสดาได้เสด็จจาริกมาที่ภัททิยนคร ในครั้งนั้นมหาเศรษฐีเมณฑกะได้พานางวิสาขากับหญิงบริวาร 500 นางไปถวายบังคมพระศาสดา หลังจากที่ได้ฟังธรรมของพระศาสดาแล้ว นางวิสาขา พร้อมกับเมณฑกมหาเศรษฐีและหญิงบริวาร 500 นางก็ได้บรรลุพระโสดาปัตติผล
เมื่อนางวิสาขาเจริญวัยได้แต่งงานกับนายปุณณวัฒนะ บุตรชายของมิคารเศรษฐีชาวกรุงสาวัตถี วันหนึ่งขณะที่มิคารเศรษฐีกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่นั้น มีพระภิกษุรูปหนึ่งออกบิณฑบาตไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของ มิคารเศรษฐี แต่มิคารเศรษฐีทำทีมองไม่เห็นพระภิกษุรูปนั้น เมื่อนางวิสาขาซึ่งใช้พัดก้านตาลพัดพ่อสามีอยู่นั้น เห็นเข้าจึงกล่าวกับภิกษุรูปนั้นว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นิมนต์ข้างหน้าเถิดเจ้าข้า... -
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง "เมืองนิพพาน"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง "เมืองนิพพาน"
วันหนึ่งสมเด็จท่านพามาที่วิมาน นิพพานที่มันกว้างลิ่ว และบ้านนี่นะนานๆจะได้ไปสักที ส่วนมากก็ไปนั่งป๋ออยู่ที่วิมานพระพุทธเจ้า
ถ้าเราไปอยู่ที่นั่นแล้ว เวลาเราตายมันจะไปไหน อาตมาเป็นคนเกาะ พุทธานุสสติกรรมฐานเป็นอารมณ์ตลอดเวลา
ถ้าวันไหนไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าวันนั้นตายดีกว่า มันจะเป็นยังไงก็ตาม ยิ่งป่วยยิ่งไข้ยิ่งหนัก ป่วยนิดเดียวจิตจะไม่ยอมคลาดพระพุทธเจ้า
เราถือว่าถ้าเราเกาะพระพุทธเจ้าอยู่ มันจะตายลงนรกก็ยอม ท่านคงไม่ยอมให้ลง
แล้วท่านก็พาไปดูที่วิมาน ชี้ให้ดูบอกว่า "คณะของคุณมันมาก เพราะคุณใช้เวลาบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป และเป็นฝ่ายวิริยาธิกะ"
เป็นอันว่าคณะของเราที่ตามกันมาเป็นระยะ ไอ้ที่เขาหนีไปนิพพานแล้วนับไม่ถ้วน พวกนั้นขี้ขลาดสู้เราไม่ได้ ไอ้เราต้องมาตกระกำลำบาก
ช่วยกันวิ่งโน่นวิ่งนี่ ไอ้ที่จะกินก็ยังไม่มี แต่ยังพยายามหาเลี้ยงคนอื่น ใช่ไหม....
วันนี้มีเวลาลองสอบดูนิดหนึ่ง
ถามว่า "คณะของข้าพระพุทธเจ้ามีกี่สาย จากหลังบ้านไปนี่"
ท่านบอกว่า "มี ๓๗ สาย"
ถามว่า "สายหนึ่งมีระยะยาวเท่าไร....?"
ท่านบอกว่า "สองแสนโยชน์ของนิพพาน"... -
เรื่องฟังเทปหลวงพ่อ แล้วหลับนี่แสดงว่าจิตเข้าฌานตลอด แล้วเป็นทุกคนไหมคะ ?
ถาม : (เรื่องฟังเทปหลวงพ่อ)... ที่หลวงพ่อบอกว่า ฟังๆ แล้วหลับนี่แสดงว่าจิตเข้าฌานตลอด แล้วเป็นทุกคนไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ถึงปฐมฌานหยาบ จะไม่หลับ อย่างน้อยถึงตรงนั้น ถึงได้หลับ แล้วบางคนพอทำไป ๆ ทำไปคล่องตัวมากเลยเพิ่งจะได้ยินเสียง หลับไปแล้ว
ถาม : มันเป็นความพอใจด้วยค่ะ แล้วหลับสนิทเลย ?
ตอบ : อันนั้นดี ให้เราตั้งใจไว้แล้วกันว่า ตอนนี้เราฟังเสียงหลวงพ่ออยู่ เหมือนกับหลวงพ่อเทศน์อยู่บนนิพพาน สิ่งที่หลวงพ่อเทศน์มาก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง นึกถึงภาพของพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุด นึกให้เห็นเป็นภาพของดอกมะลิแก้ว ลอยจากพระพุทธรูปนั้นผ่านองค์หลวงพ่อ จากองค์หลวงพ่อก็มาที่ตัวเราให้มาในลักษณะนี้ คิดว่าถ้าเราตายตอนนี้ขอไปอยู่กับหลวงพ่อ ขอไปอยู่กับพระท่าน ถ้ามันหลับตายไปเลย มันไปจริง ๆ ถ้าทำอย่างนั้นเป็น ระดับพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ
ถาม : อย่างหนูฟังอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดอะไร ?
ตอบ : อย่างนั้นเหลือเฟือแล้ว อย่าลืมว่างูเหลือมฟังธรรม ค้างคาวฟังธรรม นั่นเขาไม่รู้ว่าเป็นพระ แต่ฟังแล้วเขาชอบใจ แต่บังเอิญเขาฟังเสียงของพระ กำลังใจเขาเกาะเสียงแค่นั้นเอง... -
หิริ โอตัปปะ ธรรมของเทวดา (อรรถกถา เทวธรรมชาดก)
อรรถกถา เทวธรรมชาดก ว่าด้วย ธรรมของเทวดา
พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้มีภัณฑะมาก จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา ดังนี้.
ได้ยินว่า กุฎุมพีชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง เมื่อภรรยาตายก็บวชกุฎุมพีนั้น เมื่อจะบวชได้ให้ทำบริเวณ โรงไฟและห้องเก็บสิ่งของ ทำห้องเก็บสิ่งของให้เต็มด้วยเนยใสและข้าวสารเป็นต้นสำหรับตน แล้วจึงบวช ก็แหละครั้นบวชแล้วให้เรียกทาสของตนมา ให้หุงต้มอาหารตามชอบใจ แล้วจึงบริโภค และได้เป็นผู้มีบริขารมาก.
ในเวลากลางคืน มีผ้านุ่งและผ้าห่มผืนหนึ่ง เวลากลางวัน มีอีกผืนหนึ่งอยู่ท้ายวิหาร. วันหนึ่ง เมื่อภิกษุนั้นนำจีวรและเครื่องปูลาดเป็นต้น ออกมาคลี่ตากไว้ในบริเวณ ภิกษุชาวชนบทมากด้วยกัน เที่ยวจาริกไปตามเสนาสนะ ไปถึงบริเวณ เห็นจีวรเป็นต้น จึงถามว่า จีวรเป็นต้นเหล่านี้ของใคร? ภิกษุนั้นกล่าวว่า ของผมครับ ท่านผู้มีอายุ. ภิกษุเหล่านั้นถามว่า จีวรนี้ก็ดี ผ้านุ่งนี้ก็ดี เครื่องลาดนี้ก็ดี ทั้งหมดเป็นของท่านเท่านั้นหรือ? ภิกษุนั้นกล่าวว่า ขอรับ เป็นของผมเท่านั้น. ภิกษุทั้งหลายกล่าวว่า ท่านผู้มีอายุ... -
ช้างป่าจอมเกเร ชอบแกล้งพระ เจอ "หลวงปู่เอี่ยม" เป่าเพียงเบาๆถึงกับขาทรุดกองกับพื้น
หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง นนทบุรี
หลวงปู่เอี่ยม ท่านจะมีคาถาบทหนึ่งซึ่งมีอานุภาพมาก ใช้เป็นมหาปราบได้ ท่านเคยใช้ปราบเทวดา ที่เป็นเจ้าพ่อคลองไทร จนอยู่ไม่ได้ และให้รื้อศาลออก จนคนรุ่นหลังไม่รู้ว่าสมัยก่อนมีศาลเจ้าพ่อคลองไทร
สมัยที่หลวงปู่เอี่ยม ยังมีชีวิตอยู่ มีนางตะเคียนเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาไม่ทราบ พอตกกลางคืน มีใครเดินผ่าน จะออกมาหลอกหลอนเขา จนหัวโกร๋นเป็นไข้จับสั่น ต้องหามกันมาให้หลวงปู่เอี่ยมลดน้ำมนต์ ตอนแรกท่านก็ยังวางเฉย แต่ตอนหลังนี่ชักถี่ เจอใครเที่ยวหลอกหลอนเขาไปหมด หลวงปู่เอี่ยม เมื่อทำพิธีรดน้ำมนต์เสร็จ จึงเอ่ยปากว่า อย่างนี้เห็นจะไม่ได้การ อย่างนี้คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ท่านจึงเดินไปที่ต้นตะเคียนนั้น นั่งภาวนาคาถาบทอำนาจนั้น และก็เป่าไปที่ต้นตะเคียนนั้น ท่านทำอยู่สามวัน ต้นตะเคียนนั้นก็เฉาเหี่ยวแห้งตาย หลังจากนั้นไม่เคยปรากฎว่า มีตะเคียนมาหลอกหลอนคนอีกเลย
เมื่อสมัยหลวงปู่เอี่ยมยังแข็งแรงอยู่ พอออกพรรษา ท่านจะนำลูกวัดออกธุดงค์ พอทำหลายปีเข้า ก็มีพระวัดอื่นมาขอขึ้นธุดงค์กับท่านด้วย ตอนหลังจึงกลายเป็นคณะใหญ่ ในสมัยนั้นวัดสะพานสูงยังอยู่ในป่า... -
ไม่ทันข้ามเดือนพายุ 5 ลูก มีลุ้นอีก 1 อุตุฯ เวียดนามบอกปีนี้ฟ้าวิปริต
เริ่มจากตรงนี้ .. ภาพดาวเทียม Himawari ของญี่ปุ่น เมื่อเวลา 20.30 น.วันศุกร์ — ซ้ายเป็นดีเปรสชั่นลูกใหม่ พร้อมจะเป็นพายุโซนร้อนวันอาทิตย์นี้ (ดูภาพที่ 3 ประกอบ) .. ขวาเป็นไต้ฝุ่นเนสาต กำลังบ่ายหน้าไปไต้หวัน เพื่อเลยไปขึ้นฝั่งตะวันออกเฉียงใต้จีน (ดูภาพที่ 4 ประกอบ) ทั้งสองลูกมุ่งไปขึ้นบกบริเวณเดียวกัน วันเดียวกัน .. นี่อาจจะเป็นพายุลูกที่ 5 และ 6 ที่เกิดขึ้นในเดือน ก.ค. เดือนเดียว แถบอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงเจอเข้า 2 ลูกก็แย่แล้ว .. ผอ.ศูนย์พยากรณ์อากาศเวียดนามบอกว่า ปีนี้ฟ้าวิปริตเพราะภูมิอากาศโลกเปลี่ยนไป พายุกำลังเปลี่ยนแพ็ตเทิร์นให้เห็น และ อาจไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์เดิมๆ อีก.
MGRออนไลน์ — ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางเวียดนาม กล่าวว่าปีนี้ฝนฟ้าไม่ปรกติ และ เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะว่า ยังไม่ข้ามเดือนดี ได้เกิดพายุรุนแรง ทั้งไต้ฝุ่น และ พายุโซนร้อนถึง 4 ลูก ในขณะลูกที่้ 5 ก่อตัววันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และ วนอยู่บริเวณจุดก่อเกิด 24 ชั่วโมงเต็ม ก่อนกลับทิศทาง บ่ายหน้าขึ้นเหนือมุ่งไปยังเกาะไต้หวัน ในเวลาเช้าตรู่วันเสาร์ 29 ก.ค.นี้ กับ ลูกที่ 6 ซึ่งเป็นไต้ฝุ่น... -
คำสอนสมเด็จองค์ปฐม เรื่อง วิธีพ้นภัยตนเอง
คำสอนสมเด็จองค์ปฐม เรื่อง วิธีพ้นภัยตนเอง
อยู่ที่การหมั่นตรวจสอบจิต ให้มีอารมณ์ผ่องใสอยู่ในธรรมให้เสมอ ตั้งแต่เช้าลืมตาขึ้นมา พยายามตั้งอารมณ์ให้อยู่ในพรหมวิหาร 4 และพยายามตั้งอยู่ให้มั่นคง ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งหลับตานอนหลับไป
หากทำได้ จิตจะผ่องใส เจริญอยู่ในธรรมตลอดเวลา เพราะอำนาจของพรหมวิหาร 4 จักบังคับจิต ไม่ให้เบียดเบียนตนเอง เมื่อสิ้นความเบียดเบียนตนเองแล้ว คำว่าจักไปเบียดเบียนบุคคลอื่นนั้นย่อมไม่มี
ภัยร้ายแรงที่สุด ในการปฏิบัติธรรมเพื่อนำไปสู่ความพ้นทุกข์ ก็คือภัยจากอารมณ์จิต ของตัวเราเอง ทำร้ายจิตของเราเอง ดังนั้น หากเราทรงอารมณ์ให้อยู่ในพรหมวิหาร 4 ได้ครบทั้ง 4 ประการ ได้มั่นคงตลอดเวลา จิตเราก็ผ่องใสตลอดเวลา เท่ากับสิ้นความเบียดเบียน ตนเองแล้ว หรือพ้นภัยตนเองแล้วอย่างถาวร
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ 7
พระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
********************************************************************** -
“สุโขทัย” พนังกั้นน้ำแตกน้ำทะลักชุมชน 200 ครอบครัว
200 ชุมชนเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีวิกฤต พนังกั้นน้ำยมแตก 5 จุด ระดับกว้าง 1-2 เมตรน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ชุมชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมแก้ปัญหา คาดอีก 1-2 วันถึงจะทรงตัวขึ้นกับปริมาณน้ำที่ไหลมาจากแพร่
วันนี้ (28 ก.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้รายงานสถานการณ์น้ำเมื่อเวลา 10.00 น. หลังจากน้ำจากแม่น้ำยมที่ล้นตลิ่ง และทะลุกำแพงพนังกั้นน้ำตั้งแต่เวลา 17.30 น.ของวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี พบโพรงน้ำทะลุจำนวน 5 โพรง ขณะนี้เหลืออีก 1 โพรง ความกว้างประมาณ 1-2 เมตร มีมวลน้ำไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 27ก.ค.ทำให้เกิดน้ำท่วม มีบ้านเรือนประสบอุทกภัยจำนวน 200 ครัวเรือน
ขณะนี้จังหวัดสุโขทัย ร่วมกับเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี กำลังพลจากสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสุโขทัย ตำรวจ ตชด.นักศึกษาจากสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตสุโขทัย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดสุโขทัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง... -
น่าห่วง น้ำท่วม “คำชะโนด” แนวโน้มสูงขึ้น จมหมดเหลือเพียงศาลปู่ศรีสุทโธ …
อุดรธานี – ยังน่าห่วง! น้ำท่วม “คำชะโนด” จ.อุดรฯ ไม่มีท่าทีลดแต่มีแนวโน้มน้ำหนุนสูงขึ้น เตือนประชาชนเดินทางเข้ากราบสักการะ “ปู่ศรีสุทโธ” ที่คำชะโนดอย่าเข้าไปบริเวณต้นมะเดื่อยักษ์เด็ดขาด อันตรายทั้งสัตว์เลื้อยคลานมีพิษ งู ตะขาบ
วันนี้ (28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากอิทธิพลพายุเซินกามีฝนตกหนักติดต่อหลายวันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานีได้รับผลกระทบน้ำท่วม ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เข้าตรวจสอบระดับน้ำท่วมในจุดพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างคำชะโนด ระดับน้ำยังคงไม่มีท่าทีลดจากเมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) และมีแนวโน้มน้ำหนุนสูงขึ้น
โดยน้ำจากห้วยสงครามยังหนุนสูง บริเวณทุ่งนาชาวบ้านรอบ เกาะชะโนด น้ำได้ไหลท่วมและเอ่อล้นมาท่วมเกาะคำชะโนด ส่วนบริเวณรอบเกาะที่เป็นลานจอดรถบางจุดน้ำได้ท่วมสูง รถยนต์ไม่สามารถจอดได้
นายพงษ์ศักดิ์ ศรีชนะ กำนันตำบลบ้านม่วง เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมเกาะคำชะโนดตอนนี้น้ำได้ท่วมภายในเกาะคำชะโนดหมดแล้ว เหลือเพียงบริเวณศาลปู่ศรีสุทโธและบริเวณบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น อีก 5 เมตรน้ำจะท่วมถึงศาลปู่ศรีสุทโธ... -
รายงานสถานการณ์น้ำท่วม อิทธิพล “พายุเซินกา” เหนือ-อีสาน-กลาง อ่วม
เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดในภาคอีสาน หลายพื้นที่จมบาดาลมีน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร
23.00 น. >>>น้ำท่วมสกลนครยังคงทรงตัว ขณะเดียวกันปริมาณฝนตกน้อยลงแล้ว
19.00 น. >>>อ่วม! กาฬสินธุ์น้ำท่วมเขตเทศบาลจม 2 เมตร
18.00 น. >>>กรมชลฯยัน “อ่างเก็บน้ำห้วยทราย” ไม่แตก ระบุเป็นน้ำกัดเซาะ
17.48 น. >>>น้ำป่าหลากท่วม อ.ดงหลวง ชัยภูมิทำ คอสะพานขาด
17.00 น. >>>น้ำท่วมสกลนครยังวิกฤต เร่งช่วย 35 คนติดในโรงแรม
15.00 น. >>>พิษน้ำท่วม! ท่าอากาศยานสกลนครประกาศปิดสนามบิน
สถานการณ์น้ำท่วมรายละเอียดตามแต่ละจังหวัด
สถานการณ์น้ำท่วมลพบุรี ยังอ่วม สูง 2 เมตร บ้าน 2,000 หลังคา จมบาดาล ส่วน กาฬสินธุ์ นาข้าว 2 หมื่นไร่เสียหาย ขณะที่ สกลนคร ท่วมหนักสุดในรอบ 20 ปี ด้าน ปภ. รายงานน้ำไหลหลาก 16 จว. เตรียมพร้อมรับมือ
นายส่งศักดิ์ เรืองศรี ปลัดอำเภอลำสนธิ จ.ลพบุรี เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในอ.ลำสนธิ ยังคงทรงตัว โดยมีแนวโน้มลดลงหลังฝนหยุดตก จากการตรวจสอบพบมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 5 ตำบล จาก 6 ตำบล ประกอบด้วย ต.ลำสนธิ, ซับสมบูรณ์, หนองรี, กุดตาเพชร และ เขารวก... -
28 ก.ค.2560 สรุปน้ำท่วม 15 จังหวัด ในพื้นที่ 58 แห่ง ผ่านเส้นทางไม่ได้ 6 …
กรมทางหลวงสรุปเหตุการณ์น้ำท่วมพื้นที่ 15 จังหวัด มีเส้นทางถูกน้ำท่วมทั้งสิ้น 40 เส้นทาง มีพื้นที่ถูกน้ำท่วม 58 แห่ง การจราจรสามารถผ่านได้ 52 แห่ง ผ่านไม่ได้ 6 แห่ง
วันนี้ (28 ก.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมทางหลวงรายงานสรุปเหตุการณ์ภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินในเส้นทางสายหลัก ซึ่งจากการเกิดอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา มีสภาวะน้ำท่วมพื้นที่ 15 จังหวัด มีเส้นทางที่มีสภาวะน้ำท่วมจำนวนทั้งสิ้น 40 เส้นทาง มีสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ 58 แห่ง การจราจรสามารถผ่านได้ 52 แห่ง ผ่านไม่ได้ 6 แห่ง ดังนี้ 1. จ.ขอนแก่น ได้แก่ – ทางหลวงหมายเลข 2301 หินตั้ง หนองสองห้อง ในพื้นที่ อ.หนองสองห้อง ช่วงกม.ที่ 25+800 ระดับน้ำสูง 560 ซม. แนะนำใช้เส้นทางเลี่ยง ทางหลวงหมายเลข 23 ถ.แจ้งสนิท จ่อทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ หรือทางหลวงหมายเลข 2301 ที่ กม.21+300 เลี่ยงไปถนนทางหลวงชนบท
2. จ.มุกดาหาร ได้แก่ – ทางหลวงหมายเลข 2287 ดงหลวง สานแว้ ในพื้นที่ อ.ดงหลวง ช่วง กม.ที่ 18 ระดับน้ำสูง 120 ซม. ไม่มีเส้นทางเลี่ยง และทางหลวงหมายเลข 2287 ดงหลวง สานแว้ ในพื้นที่ อ.ดงหลวง ช่วง กม.ที่ 20 22 ระดับน้ำสูง 120 ซม.... -
ผอ.สนง.พุทธฯ ศรีสะเกษ ชี้ ปลดภาพ’อดีตเณรคำ’ ควรทำ แต่ปรับความเข้าใจคนที่ยังศรัทธา
ผอ.สนง.พุทธศาสนาฯ จ.สรีสะเกษ ชี้ การปลดภาพ ‘อดีตเณรคำ’ ควรทำ แต่ต้องค่อยๆปรับความเข้าใจกับคนที่ยังศรัทธา เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 ก.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ ศาลากลางจังหวัด อ.เมืองฯ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ พบกับ นายสุริยันต์ สาระบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกรณีรูปขนาดใหญ่ของอดีตพระเณรคำ ยังคงติดตั้งอยู่ภายในวัดสามัคคิยาราม หรือชื่อเดิมคือวัดป่าขันติธรรม ตั้งแต่สมัยที่อดีตพระเณรคำเป็นเจ้าอาวาสวัดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปลดรูปภาพของอดีตพระเณรคำที่แต่ก่อนมีการติดตั้งภายในวัดจำนวนมากออก ส่วนบริเวณที่ยังไม่มีการปลดภาพของอดีตพระเณรคำลง คือ จุดปากทางเข้าศาลาวัด จุดหน้ากุฏิซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่จำพรรษาของหลวงปู่สมบูรณ์ ขันติโก ตลอดจนบริเวณด้านหน้าและด้านในรอบศาลาสามัคคีธรรม
นายสุริยันต์ สาระบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ
ซึ่งจากกรณีดังกล่าว นายสุริยันต์ สาระบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า... -
‘วัดไทยพุทธคยา’ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล
‘วัดไทยพุทธคยา’ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล
‘เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา’นำคณะสงฆ์ไทยในเมืองพุทธคยา-พุทธศาสนิกชนประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
วานนี้( 28 ก.ค.60) เวลา 17.00 น. พระเดชพระคุณ พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ได้นำคณะสงฆ์ไทยจากวัดต่างๆ อยู่ในเมืองพุทธคยา อาทิ วัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา , วัดพุทธสาวิกา , วัดป่ามุจลินท์ , สถานปฏิบัติธรรมภูริปาโล เป็นต้น ตลอดจนพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาปฏิบัติธรรมในแดนพุทธภูมิ รวมทั้งสั้น จำนวน 166 รูป / คน ร่วมกันประกอบพิธี เจริญพระพุทธมนต์ ณ ปริมณฑลต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่องค์พระมหาบุรุษเจ้าทรงเอาชนะพญามารและตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อถวายพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปริมนทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และ ถวายพระพรชัยมงคลกับถวายพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา 28 กรกฎาคม 2560
โดยในงานนี้ ท่านกงสุลใหญ่... -
"อุบายภาวนาละกิเลส" (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
"อุบายภาวนาละกิเลส"
" .. การภาวนาละกิเลสให้หมดไปจริง ๆ นั้น ต้องปฎิบัติดังนี้ "เมื่อกำหนดคำบริกรรม กำหนดลมหายใจจนจิตตั้งมั่นดีแล้ว ต้องกำหนดรูปร่างกายของเราเอง นับตั้งแต่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง" ไปตลอดหมดในร่างกายนี้
"ให้เห็นตามความเป็นจริง ที่มันตั้งอยู่ มันเสื่อมไป ทรุดโทรมไปด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วย มีทวารทั้ง ๙ เป็นสถานที่ไหลออกไหลเข้าซึ่งสิ่งของไม่งาม"
คนที่เกิดแล้วมักหลง ไม่ค่อยกำหนดดูว่า "ตัวเรานี้เมื่อมาปฏิสนธิ มาเกิดในท้องของมารดา ต้องมาเอาก้อนอสุภกรรมฐาน อยู่ในท้องมารดานานถึงสิบเดือน" จึงได้คลอดออกมา "ในวันคลอดนั้นปฎิกูลขนาดไหน ในบริเวณคลอดเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง กลิ่นเหม็น กลิ่นคาว"
นี้แหละรูปกายนี้เป็นของไม่งาม "จงกำหนดให้เห็น ถ้ายังไม่เห็น ก็ให้พิจารณาจนถึงวันตาย" สุดท้ายเมื่อได้ฟังธรรมนี้แล้ว "จงพากันกำหนดกาย" อันเป็นอุบายให้กิเลสหมดไป .. "
ธรรมเมตตา ฉบับที่ ๙ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๐๖
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร -
เสียงธรรม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่องคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า, คาถาปราโมทย์
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่องคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า, คาถาปราโมทย์
FungKhorKid :- Published on Jul 28, 2017 -
น่าเวทนายิ่ง.. ฝูงเปรต ๓๕๐ ตน ร้องโหยหวน รอผู้มาปลดปล่อย เจอ "หลวงปู่จาม" เมตตาร่วมกับญาติโยม อุทิศบุญกุศลให้ได้หลุดพ้นไป...
หลวงปู่จามผจญฝูงเปรต!! ถูกมัดผูกติดกัน ๓๕๐ ตน โหยหวนขอส่วนบุญ ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าเวสภู
ครั้งหนึ่งหลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงปู่จามก็บอกลาอาจารย์พัน บอกลาหมู่แม่ออกว่าจะอยู่พักวิเวกภาวนาอยู่ภูจ้อก้อ บ้านแวง เป็นอุบายของหลวงปู่จามจะหนีจากบ้าน ในใจใคร่ครวญไว้แต่เมื่อกลางพรรษาว่าจะขึ้นเมืองเหนือ จะไปเสาะหาศึกษาธรรมกับเพิ่นครูอาจารย์มั่น(ภูริทตฺโต) จึงค่อยๆ หาทางขยับออกจากบ้าน
ออกจากวัดหนองน่อง บ้านห้วยทราย เดือน ๑๒ เพ็ญ ทำอุโบสถแล้วก็ไปอยู่บ้านแวงภูจ้อก้อ ไปพบปะกับอาจารย์ขาว คนลำปางอยู่บ้านหนองสูง จึงได้ชวนกันไปอยู่ภาวนาบ้านแวง เดิมอาจารย์ขาวคนนี้เป็นคนลำปางลงมาค้าขายทางเมืองอุบลแล้วมาพบปะกับเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) เพิ่นอาจารย์กงแก้ว (ขนฺติโก) จากนั้นก็สละออกบวชติดตาม เพิ่นอาจารย์กงแก้ว(ขนฺติโก) มาอยู่กลางสนามก็ติดตามมา จึงได้ชวนกันไปภูจ้อก้อ ซี่งอาจารย์ขาวบวชแล้ว ๒ พรรษา หลวงปู่จามบวชได้พรรษาเดียว
เมื่อถึงที่ภูจ้อก้อ ไปเห็นถ้ำแล้ว อาจารย์ขาวอยากสร้างพระพุทธรูปไว้ในถ้ำจึงได้ตกลงปั้นพระปรับปรุงพื้นถ้ำอยู่หลายวัน จากนั้นเริ่มปั้นด้วยปูนแต่งให้เป็นรูปพระพุทธเจ้าขึ้นมา... -
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน ปาฏิกาชีวกผู้สาบแช่งผู้เคารพพระรัตนตรัย
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน ปาฏิกาชีวกผู้สาบแช่งผู้เคารพพระรัตนตรัย
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภอาชีวกชื่อปาฏิกะ ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 50 นี้
เศรษฐินีคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี รับอาชีวกคนหนึ่งชื่อปาฏิกะมาเป็นบุตรบุญธรรม และคอยเอาใจใส่ดูแลเรื่องความต้องการทั้งหลายของอาชีวกนี้ เมื่อนางเศรษฐินีได้ยินพวกคนบ้านใกล้เรือนเคียงกล่าวสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้านางก็อยากไปนิมนต์พระองค์มาถวายทานที่บ้านของนางบ้าง ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาและได้มีการถวายภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว ขณะที่พระศาสดาจะทรงอนุโมทนาอยู่นั้น ปาฏิกาชีวกซึ่งอยู่ในห้องถัดไป ได้แสดงความโกรธออกมาอย่างรุนแรง ออกมาด่าว่าและสาปแช่งนางเศรษฐินีที่หันมานับถือพระพุทธเจ้า เมื่อนางเศรษฐินีได้ฟังคำด่าและคำสาปแช่งนั้นก็มีความรู้สึกละอายใจมากจนไม่อาจจะส่งจิตไปตามกระแสแห่งเทศนาได้ พระศาสดาตรัสกะนางไม่ให้สนใจในคำแช่งด่าและคำคุกคามนั้นแต่ให้สนใจเฉพาะเรื่องที่ทำดีหรือไม่ดีของตนเองเท่านั้น ดังสำนวนในบาลีว่า “ไม่ควรระลึกถึงถ้อยคำที่ชนไม่เสมอภาคกันเห็นปานนี้กล่าว การไม่คำนึงถึงถ้อยคำเห็นปานนี้แล้ว... -
ระยองกระตุ้นเด็กเข้าวัดทำบุญ เพื่อให้ศรัทธาในพุทธศาสนา
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ศาลาการเปรียญ ณ.วัดคลองทราย ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เทศบาลตำบลพลา โดย กองการศึกษา เปิดโครงการ “สร้างเสริมคุณธรรม-จริยธรรม วัยเรียน วัยใส พัฒนาทักษะชีวิต” โดยมีนายสมพร เหลือล้น นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพลา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และกล่าวในพิธีเปิดงานว่า เด็กนักเรียนระดับชั้นประถม เป็นเด็กที่เรียกได้ว่าวัยใส ก็เพราะว่าพวกเขาอยู่ในช่วงของวัยเจริญเติบโต วัยอยากรู้อยากเห็น จากความเป็นจริงเรายังพบว่าสมัยนี้เมื่อเวลามีการทำบุญที่วัด หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่จัดให้มีการทำบุญตักบาตร กลับพบว่าสถานที่ดังกล่าวไม่มีเด็กๆเข้าร่วมทำกิจกรรม หรือหากมีก็จำนวนน้อย โครงการสร้างเสริมคุณธรรมจริยธรรม จึงเป็นโครงการที่จะช่วยกระตุ้นให้เด็กๆรักที่จะเข้าวัดทำบุญ มีความรักและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ประเทศไทยประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ คุณธรรม จริยธรรมอันดีงามเด็กๆทุกคนจึงควรจะได้รับการฝึกสอน
ที่มา
https://www.dailynews.co.th/article/587392 -
“หมู่บ้านศีล 5 –อปต.” บรรจุแผนปฏิรูปกิจการพุทธ
วันนี้(27 ก.ค.)พระราชวรมุนี (พล อาภากโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม ในฐานะคณะกรรมการประสานงานแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา(คปพ.) กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการจัดประชุมชี้แจงแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาทั้ง 6 บวก 1 ด้าน คือ ด้านการปกครอง ด้านการเผยแผ่ ด้านสาธารณูปการ ด้านศาสนศึกษา ด้านศึกษาสงเคราะห์ ด้านสาธารณสงเคราะห์ และการพัฒนาพุทธมณฑล ไปตามเขตการปกครองคณะสงฆ์ครบทั้ง 4 หน หลังจากนี้คณะกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาในระดับหน จะต้องมีการจัดประชุมชี้แจงเพื่อนำแนวทางปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาลงไปสู่ในระดับภาค และระดับจังหวัด เพื่อให้มีการทำแผนงานรองรับว่าจะมีการดำเนินการอะไรบ้าง จากนั้นให้แจ้งมายังคณะกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาชุดใหญ่ ภายในปี 2560 เพื่อแจ้งมหาเถรสมาคม(มส.) รับทราบต่อไป
พระราชวรมุนี กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการเร่งด่วนที่จำเป็นต้องดำเนินการ คือ โครงการพระพุทธศาสนา 4.0 เช่น การจัดทำฐานข้อมูลพระภิกษุสามเณร เพื่อเตรียมพร้อมในการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดพระภิกษุสามเณร เป็นต้น และโครงการธรรมาภิวัฒน์ เช่น การเร่งผลักดันพ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นต้น... -
สมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑๐ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่ ในหลวง ร.๙ และสมเด็จพระราชินี อัญเชิญพระแก้วมรกตเป็นพุทธปฏิมาประธาน
เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๐๐ น. เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปยังมณฑลพิธี พระลานพระราชวังดุสิต ทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ พร้อมทั้งทรงนำคณะสงฆ์และประชาชนเจริญจิตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลด้วย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร จากพระที่นั่งอัมพรสถาน ออกประดิษฐานเป็นพระพุทธปฏิมาประธาน
อนึ่ง พระพุทธมณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับขัดสมาธิเพชร ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นสำหรับประดิษฐานเป็นปูชนียวัตถุสำคัญประจำพระราชวังดุสิต สร้างด้วยวัสดุศิลาหยกโดยห้างอัญมณีประจำพระราชสำนักรัสเซีย เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๗ ประดิษฐานบนพระแท่นพุทธสิงหาสน์ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร... -
เชิญชวนชาวไทยร่วมกันถวายพระพร เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกร บดินทรเทพยวรางกูร
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (พระราชสมภพ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี
เสด็จขึ้นทรงราชย์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น. มีพระเชษฐภคินี คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินีสองพระองค์คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
ขณะพระชนมายุได้หนึ่งพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชทานพระนาม ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นผู้ตั้งพระนามถวายตามดวงพระชะตา ว่า... -
"ศาสนาของปัญญาสูงสุด" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"ศาสนาของปัญญาสูงสุด"
- สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นจากการได้ยินได้ฟัง
- จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นจากการคิดอ่านไตร่ตรอง
- ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นจากการภาวนา
ดังพระพุทธเจ้าของเราเป็นศาสดาเอกของโลก "เกิดขึ้นจากภาวนามยปัญญา" สำคัญมากอันนี้ "ปัญญานี้เกิดขึ้นแล้วครอบโลกธาตุ ... ภาวนามยปัญญา"
อันหนึ่งอันสองเป็นพื้นฐานค่อยไสเข้าไป "พอไปถึงภาวนามยปัญญานี้ แตกกระจายครอบโลกธาตุ ใครยังไม่เคยภาวนาให้ภาวนาเสียบ้าง" อย่าหาตั้งแต่ศาสนาเปรตศาสนาผีเข้ามาเหยียบย่ำทำลายพุทธศาสนา "ซึ่งเป็นองค์ภาวนามยปัญญา เป็นศาสนาที่เอก ออกจากภาวนามยปัญญา" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3132&CatID=2 -
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน บทสวดพระพุทธเจ้าสิบทิศ สวดภาวนากันโรคภัยทั้ง ๑๐ ทิศ
ตำนานบทสวดมนต์ ตอน บทสวดพระพุทธเจ้าสิบทิศ สวดภาวนากันโรคภัยทั้ง ๑๐ ทิศ
ตามปกติลัทธิศาสนาพราหมณ์มีคติว่าในทุกทิศทุกที่จะมีเทวดาประจำอยู่ทั้งสิ้น เหตุการณ์ต่างๆทั้งดีและร้ายล้วนเป็นอานุภาพของเทวดานั้นๆดลบันดาลให้เป็นไป ศาสนาพราหมณ์จึงต้องมีการทำยัญญพิธีที่เชื่อว่าเป็นการดลบันดาลของเทวดา ทั้งในทางดี ก็เรียกว่าบวงสรวงบุชา ในทางน้ายก็ว่าเพื่อแก่อุบาทว์และเชื่อว่าเมื่อเทพเทวดาเหล่านั้นรับเครื่องบวงสรวงแล้วที่ดีอยู่ก็จะบันดาลให้ดียิ่งๆขึ้น ที่ร้ายก็จะแก้ไขให้ดีสิ่งอัปมงคลก็จะมลายไปสิ้น
แต่ในพระพุทธศาสนานั้นไม่นิยมการทำยัญญพิธี เมื่อพุทธศาสนิกชนเชื่อว่าตนเองมีเคราะห์ภัย ก็จะเน้นการทำบุญ นักปราชญ์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ในเมืองลังกา จึงคิด บทสวดมนต์ที่อัญเชิญพุทธบารมี ของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆๆหน้านี้ และพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน รวมถึงพระอนาคตพุทธเจ้าในภายภาคหน้า เข้าประจำในทิศต่างๆแทนที่ลัทธิศาสนาพราหมณ์ และไม่ทำการยัญญบูชาเพื่อฆ่าสัตว์ทั้งหลาย เปลี่ยนเป็นการเจริญพุทธมนต์บทที่เป็นบารมีพระพุทธเจ้าทั้ง๑๐ทิศ เพื่อขอพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้าทั้งสิบทิศคุ้มครองป้องกันภัย... -
เพราะเหตุไรจึงไม่เชื่อเรื่องกรรม
ในจิตใจที่มีสามัญสำนึกของทุกๆ คน ย่อมมีความรู้สึกว่ามีความดีความชั่ว มีผลของความดีความชั่ว และผู้ทำนั้นเองเป็นผู้มีความดีความชั่วติดตัวอยู่ เพราะใครทำกรรมอันใด กรรมนั้นย่อมจารึกอยู่ในจิตใจ และผู้ทำนั้นเองต้องเป็นผู้รับผล คือ รับผิดชอบต่อการกระทำของตน ความพิสดารในเรื่องนี้ได้แสดงแล้ว แต่การที่คนไม่น้อยยังไม่มีความเชื่อตั้งมั่นลงไปในกรรมตามหลักที่กล่าว ซึ่งรวบรัดโดยย่อว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ก็เพราะเหตุ ๒ ประการ คือ
๑. ความลำเอียงเข้ากับตนเอง หรือถือเอาแต่ใจตน
๒. ไม่เห็นผลสนองที่สาสมทันตาทันใจ
ความลำเอียงเข้ากับตนเองนั้น คือ มุ่งประโยชน์ตน หรือมุ่งจะได้เพื่อตนเท่านั้น ไม่คำนึงถึงความเสียหายทุกข์ยากของผู้อื่น ดังเช่นเมื่อโกรธขึ้นมาก็ทำร้ายเขา เมื่ออยากได้ขึ้นมา ก็ลักของเขา เมื่อทำได้สำเร็จดังนี้ ก็มีความยินดีและอาจเข้าใจว่าทำดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายตัวเรามาลักของเรา ถ้าใครมาทำเข้าเราก็ต้องว่าเขาไม่ดี ถึงเราจะไปยั่วให้เขาโกรธ เมื่อเขาโกรธขึ้นมาทำร้ายร่างกายเราเรา ก็ยังว่าเขาไม่ดีอยู่นั้นเอง การกระทำอย่างเดียวกันจะดีบ้างไม่ดีบ้าง
อย่างไรได้... -
สติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
สติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้
โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
จากหนังสือกฎแห่งกรรม เล่มที่ ๓ ภาคกฎแห่งกรรม
ญาติโยมเอ๋ย โปรดได้ทราบไว้เถอะ บุญกรรมมีจริง บาปกรรมมี ยมบาลจดไม่มี จิตนี้เป็นผู้จด จดทุกวันคือ อารมณ์ เรื่องจริงแน่ จดทุกกระเบียดนิ้ว บาปบุญคุณโทษบันทึกเข้าไว้ พอวิญญาณออกจากร่างไป มันก็ขยายออกมาใช้กรรมไป ถ้าเราทำดีก็ไปบังเกิดในสวรรค์ ทำชั่วก็ลงนรกไปแบบนี้ อาตมามาคิดดูนะว่าสวรรค์อยู่บนฟ้า นรกอยู่ใต้ดินก็คงไม่ใช่ ดูตัวอย่างที่เคยเล่าให้ญาติโยมฟัง
ตาเล่งฮ่วยผูกคอตาย วิญญาณไปเข้ายายเภา ยายเภาเป็นคนไทยแท้ๆ เกิดพูดภาษาจีนได้ ตอนนั้นอาตมาอยู่วัดพรหมบุรี อาตมาเป็นหมอไล่ผีแต่ไม่มีคาถา ถ้าเป็นหมอผีไม่ต้องใช้คาถา ทำปากขมุบขมิบ เทน้ำมนต์ราดส่งไป ผีจริงก็ร้อง ผีปลอมก็ร้อง พวกนี้โดนน้ำไม่ได้ร้องหมด อาตมาจับผีได้หมดแล้ว จริงปลอมรู้หมด
คนที่เป็นลมเพลมพัดไม่ต้องเสกคาถาหรอก เอาน้ำพ่นไปยังร้องเลย ร้องหวีดหวาดๆ คนสติไม่ดี ไม่ใช่อะไรหรอก คนไม่มีสติเขาสวดภาณยักษ์กัน คนไม่มีสติดิ้นกันจะตาย คนมีสติเขาเฉย นี่จำไว้มีสตินี่มีประโยชน์ คนไม่มีสติผีเข้าเจ้าสิง มีคนมาตามอาตมาไป... -
ผีเล่าเรื่องพระเจ้าตากที่ไม่เหมือนประวัติศาสตร์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ผีเล่าเรื่องพระเจ้าตากที่ไม่เหมือนประวัติศาสตร์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
108*** 1009 :-
Published on Jul 21, 2017
เผยแพร่เมื่อ 21 กรกฎาคม 2560 -
พระรัฐบาลเถระ เอตทัคคะในทางผู้บวชด้วยศรัทธา
พระรัฐบาลเถระ เอตทัคคะในทางผู้บวชด้วยศรัทธา
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระรัฐบาล เป็นบุตรของเศรษฐี ผู้ชื่อว่ารัฐบาลเหมือนกัน และรัฐบาลเศรษฐีผู้เป็นบิดา ของท่าน เป็นหัวหน้าหมู่บ้านถุลลโกฏฐิตนิคม ในแคว้นกุรุ
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปสู่แคว้นกุรุ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ สาวกเป็น บริวาร ประทับอยู่ที่ถุลลโฏฐิตนิคมนั้น ขณะนั้น ชาวบ้าน ซึ่งประกอบด้วยพราหมณ์ และคฤหบดี จำนวนมาก ได้ทราบข่าวการเสด็จมา ก็พากันไปเฝ้าพระบรมศาสดา และมีชายหนุ่มชื่อรัฐบาลไป ด้วย ได้ถวายบังคม แล้วนั่งในที่อันสมควรแก่ตน ส่วนบรรดาชนอื่น ๆ เหล่านั้น บางพวกถวาย บังคม บางพวกได้แต่พูดจาปราศรัย บางพวกเพียงแต่ประนมมือไหว้ และบางพวกก็ประกาศชื่อ โคตรของตน
พระพุทธองค์ ทรงแสดงพระธรรมเทศนา โปรดชาวบ้านทั้งหลายเหล่านั้น ให้เกิด ความเลื่อมใสทั่วกัน ครั้นจบพระธรรมเทศนา ประชาชนทั้งหลาย พากันกราบทูลลากลับสู่บ้าน ของตน ๆ ส่วนนายรัฐบาลนั้น เกิดศรัทธาเลื่อมใสอย่างแรงกล้า เมื่อประชาชนกลับกันหมดแล้ว จึงได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลขออุปสมบท... -
"ใส่บาตรเป็งปุ๊ด" หรือ "ใส่บาตรพระอุปคุต" ตามความเชื่อของชนชาวล้านนา
ประเพณี "ใส่บาตรเป็งปุ๊ด" หรือ "ใส่บาตรพระอุปคุต" ตามความเชื่อของชนชาวล้านนาซึ่งจะมีขึ้นในทุกปีที่มีวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ โดยไม่เจาะจงว่าต้องอยู่ในเดือนใด
ที่ จ.เชียงใหม่ จะใส่บาตรคืนวันอังคารหลังเวลา 00.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่วันพุธ ในขณะที่ จ.เชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน จะใส่บาตรในคืนวันพุธเวลา 00.00 น. เป็นต้นไป
สำหรับประวัติความเป็นมาของประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่เข้าใจว่าทางภาคเหนือหรือดินแดนล้านนาคงรับอิทธิพลนี้มาจากพม่าอีกต่อหนึ่ง โดยพม่ามีความเชื่อว่า พระอุปคุตซึ่งเป็นภิกษุที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสพยากรณ์ว่าเป็นพระอรหันต์ผู้ปราบพญามารได้ ได้ลงไปจำศีลภาวนาอยู่ ณ สะดือทะเล ในรอบ 1 ปี จะขึ้นมาโปรดชาวเมืองก่อนเวลารุ่งอรุณ
"พระอุปคุตปางจกบาตร" เป็นปางหนึ่งที่พระอุปคุตแหงนหน้าหยุดพระอาทิตย์เพื่อฉันข้าวก่อนเลยเที่ยงวันไป แม้แต่พระอาทิตย์ไม่ว่าใหญ่แค่ไหนก็ต้องหยุดด้วยอานุภาพของท่าน
การนิยมสร้างพระอุปคุตปางนี้ไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล และเชื่อกันในเรื่องของความสมบูรณ์พูนสุข... -
“เอ็งเห็นดอกไม้ที่ร่วงไหม?”....หลวงปู่บุดดา ถาวโร
“เอ็งเห็นดอกไม้ที่ร่วงไหม?”
“มีทั้งดอกอ่อนที่ยังไม่ตูม ดอกที่ตูมแล้วยังไม่บาน
ดอกที่บานแล้วยังไม่โรย ดอกที่โรยแล้วยังไม่เหี่ยว
ดอกที่เหี่ยวแล้วยังไม่แห้ง ดอกที่แห้งแล้วเป็นที่สุดก็มี
นี่มันร่วงลงมาจากต้นไม้เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่สภาวะของมันไม่เท่านั้น”
“ชีวิตร่างกายของคนก็เหมือนกัน บางรายตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์
บางรายคลอดออกมาแล้วตาย บางรายตายตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
บางรายตายตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว บางรายตายตอนวัยกลางคน
บางรายตายเมื่อแก่ อย่างข้านี่ตายเมื่อแก่ก็ไม่ต่างกับดอกไม้ที่แห้งคาต้น
แล้วร่วงหล่นลงมา สภาวะความจริงมันเป็นอย่างนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในโลกมีอนัตตาเป็นที่สุด
อย่างร่างกายก็คือตายไปในที่สุด”
“แล้วเอ็งเห็นดอกไม้ร่วงหล่นอยู่นี่ เอ็งมีความเศร้าโศกบ้างหรือไม่” (ก็ตอบว่า ไม่)
“นั่นซิ มันร่วงมันหล่นมากมายเกลื่อนกลาดอย่างนี้ มันก็เป็นปกติของมัน
ร่างกายก็เหมือนกัน มันร่วงมันหล่นก็เป็นปกติของมัน
จะมัวเศร้าโศกเสียใจอยู่ทำไม ภาวะปกติมันเป็นอยู่อย่างนี้
มันเป็นธรรมดา ก็จงอย่าไปฝืนมัน ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาแล้วไม่ตาย”
หลวงปู่บุดดา ถาวโร
หน้า 363 ของ 419