999 ประสบการณ์วัตถุมงคล หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ 999

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ดู๋ดี๋, 27 มิถุนายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พนมมาลัย

    พนมมาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +173
    ท่านที่จะร่วมทำบุญทอดผ้าป่ากับหลวงปู่ตอนนี้องค์พระพิฆเณศขนาด5นิ้วสำหรับประธานสายสามารถติดต่อได้หลังวันที่15กุมภาพันธ์อยู่ในระหว่างปลุกเสกเข้ากรรมฐานครับ แต่สำหรับพระแม่โพสพกวักสามารถติดต่อรับได้เลยครับ ขออนุโมทนาบุญครับ
     
  2. kanyaw

    kanyaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +204
    ที่สุสานตอนนี้ไม่มีกรรมการครับ มีแต่ทัั่นผู้จัดการครับ ถ้าอยากพบเชิญได้ที่อำเภอปราสาท ห้ามเอาของไปฝากนะครับทัั่นไม่ชอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2011
  3. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    การบริหารความขัดแย้ง
    รศ. ดร.กุญชรี ค้าขาย
    ความหมายและประเภท
    ความขัดแย้ง (conflict) หมายถึง เหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นเมื่อ เมื่อบุคคลหรือทีมมีความเห็นไม่สอดคล้องกัน ความขัดแย้งถือเป็นเหตุการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นในการอยู่ร่วมกันหรือทำงานร่วมกัน คนโดยทั่วไปมักนึกถึงความขัดแย้งในเชิงทำลาย แต่เป็นที่ยอมรับกันว่าหากความขัดแย้งเกิดขึ้นในปริมาณที่พอเหมาะ ความขัดแย้งนั้นจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์
    ความขัดแย้งแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทแล้วแต่จะใช้สิ่งใดเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ดังเช่น แรบพาพอร์ต (Rapparport, cited by Caplow,1975: 276) ได้แบ่งความขัดแย้งเป็น การต่อสู้ เกม และการโต้เถียง หรืออาจแบ่งความขัดแย้งเป็นเชิงลบและเชิงบวกก็ได้ แต่ในที่นี้จะแบ่งประเภทความขัดแย้งโดยนำเอาบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งได้เป็น 5 ประเภทด้วยกัน
    1. ความขัดแย้งภายในตัวบุคคลซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อพบทางเลือกหลายๆทางและต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง
    2. ความขัดแย้งระหว่างบุคคล ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อบุคคลเห็นไม่สอดคล้องกัน
    3. ความขัดแย้งระหว่างปัจเจกบุคคลกับกลุ่ม เกิดขึ้นเมื่อมีสมาชิกกลุ่มไม่ทำตามข้อตกลงของกลุ่ม
    4. ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มหรือทีม เกิดเมื่อแต่ละทีมมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน และต้องขึ้นอยู่กับกันและกันในการทำงานให้บรรลุจุดมุ่งหมายนั้น
    5. ความขัดแย้งระหว่างองค์การ เกิดขึ้นจากระบบการแข่งขันเสรีและจากการแข่งขันก็นำไปสู่ความขัดแย้ง

    สาเหตุของการเกิดความขัดแย้ง
    ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าความขัดแย้งเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นกับบุคคลโดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานร่วมกับบุคคลอื่น ในการทำงานเป็นทีมอาจเห็นว่าสมาชิกของทีมขัดแย้งกันด้วยการใช้วาจาหรือท่าทางจนคนอื่นๆสังเกตเห็นได้ สมาชิกของทีมจะขัดแย้งกันได้ง่ายเมื่อได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กัน เพราะในระหว่างนั้นความคิด ความสนใจ ความรู้สึกและผลประโยชน์ของฝ่ายหนึ่งอาจไม่สอดคล้องกับอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้ต่างฝ่ายต่างต่อต้านกันและเกิดสภาพการณ์ซึ่งทำให้ไม่สามารถหาข้อยุติได้ สาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอาจมาจาก
    การตกอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างกัน

    สิ่งแวดล้อมที่ล้อมรอบตัวสมาชิกแต่ละคนเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้ เนื่องจากสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนที่ทำให้สมาชิกมีลักษณะต่างกันออกไป แม้ไม่มีผลการวิจัยที่ยืนยันถึงเรื่องนี้แต่มีข้อสังเกตว่า การจำแนกงานออกเป็นแผนกย่อยๆหลายแผนกมีผลต่อการเพิ่มปริมาณความขัดแย้งของคนงานในแผนกต่างๆ ทั้งๆที่อยู่ในองค์การเดียวกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนงานเหล่านั้นใช้เวลา เงินและทรัพยากรต่างกัน อันอาจกล่าวได้ว่าตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันซึ่งมีผลก่อให้เกิดลักษณะประจำตังที่ต่างกันขึ้นมา และความขัดแย้งระหว่างแผนกต่างๆขององค์การจะลดลงได้ หากลดข้อจำกัดเฉพาะแผนกลงมาให้มีลักษณะใกล้เคียงกัน นอกไปจากนั้นการกระทำเช่นดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดความร่วมมือกันมากขึ้น
    การมีผลประโยชน์ขัดกัน
    สาเหตุของความขัดแย้งในข้อนี้ คือ ความไม่สอดคล้องกันระหว่างความต้องการของสมาชิกในทีม และแสดงออกเป็นพฤติกรรมให้เห็นอย่างเปิดเผย ความขัดแย้งชนิดนี้อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากสมาชิกมีความต้องการสิ่งเดียวกันในการทำงาน แต่อาจแบ่งปันกันไม่ได้ต่างฝ่ายต่างจึงพยายามกีดกันมิให้อีกฝ่ายหนึ่งบรรลุถึงความต้องการ หรือให้ได้น้อยกว่าฝ่ายตน หรืออาจเกิดขึ้นจากการที่สมาชิกมีความต้องการคนละอย่างในการทำงานร่วมกันก็ได้
    การมีความคาดหวังในบทบาทต่างกัน
    เมื่อคนมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มนั้นตามธรรมชาติแล้วต่างคนต่างจะคาดหวังในพฤติกรรมซึ่งเป็นบทบาทของอีกฝ่ายหนึ่ง ความขัดแย้งของความคาดหวังในบทบาทนี้อาจเกิดขึ้นได้ใน 3 ลักษณะ
    * อาจเกิดจากการรับรู้บทบาทผิดทำให้มีพฤติกรรมต่างจากที่ควรจะเป็นจริง
    * เกิดจากการที่ต้องสรวมบทบาทในขณะเดียวกันทำให้เกิดความสับสนในบทบาท
    * เกิดจากการที่มีบทบาทแย้งกันจนเป็นเหตุให้มีพฤติกรรมขัดแย้งกัน

    โดยสรุปแล้วความขัดแย้งที่เกิดจากความคาดหวังในบทบาท คือ การที่ต่างฝ่ายต่างทำนายพฤติกรรมของอีกฝ่ายหนึ่งไว้ แต่กลับประเมินได้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับที่ตนทำนายความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น
    การมีอคติ
    พฤติกรรมต่างๆที่คนๆหนึ่งแสดงออกมาต่อคนอื่นๆย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกส่วนตัวของคนผู้นั้น ความขัดแย้งอันเกิดจากอคตินี้เป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายมีความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่ดีต่อกัน และแสดงออกมาให้เห็นในขณะที่มีการติดต่อสื่อสารกันจนเป็นเหตุให้ก้าวร้าวกัน สำหรับลักษณะที่จะลดอคติลงได้นั้นสรุปได้ว่า ขึ้นอยู่กับการมองโลกในแง่ดีเพราะการมองโลกในแง่ดีเป็นเหตุให้แต่ละคนเต็มใจที่จะค้นหาวิธีแก้ไขความขัดแย้ง และการไม่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางจะช่วยอำนวยความสะดวกต่อการยอมรับผู้อื่นได้ง่ายเข้า
    การมีปทัสถาน ค่านิยมและการรับรู้ที่ต่างกัน
    ความขัดแย้งที่เกิดจากสาเหตุนี้เป็นความขัดแย้งที่หาข้อยุติได้ยาก หากทั้งสองฝ่ายยังคงยึดวิธีการเดิมในการมองสิ่งแวดล้อมและตัดสินตามเกณฑ์ที่ตนมีอยู่ ทั้งๆที่ตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมอย่างเดียวกัน คนแต่ละคนอาจมองสิ่งที่ปรากฏอยู่ไปคนละอย่างและต่างก็ยืนยันในความเห็นของตน โดยหาข้อตกลงร่วมกันไม่ได้ ความขัดแย้งย่อมเกิดขึ้นได้
     
  4. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    การให้เกียรติผู้อื่น <SUP></SUP>


    เกียรติคือการให้ความยอมรับ
    เช้าวันนี้ผมมีคิวต้องอบรมนักเรียนในหอประชุมในหัวข้อ "การให้เกียรติผู้อื่น" ผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย จึงขอนำมาฝากเพื่อนๆ ด้วยครับ

    การให้เกียรติผู้อื่น

    ทุกๆ เช้าอาจารย์ได้ยินเด็กๆ เดินแถวด้วยความพร้อมเพียงตามเสียงร้องว่า "ชาติ - เกียรติ - วินัย - กล้าหาญ - อดทน...." ก็ต้องถามว่านักเรียนทราบหรือไม่ว่าเกียรตินั้นคืออะไร

    เกียรติ คือการให้ความยอมรับ การนับถือ การไม่ดูถูก ความภาคภูมิใจในชื่อเสียงในทางที่ดี เมื่อรู้แล้วว่าเกียรติคืออะไร ก็ต้องถามต่อว่าพวกเรานักเรียนที่นั่งอยู่ที่นี่มีเกียรติกันหรือเปล่า

    ดังนั้น ก่อนที่เราจะรู้จักให้เกียรติผู้อื่นนั้น เราต้องรู้จักให้เกียรติตนเองเสียก่อน ซึ่งได้แก่การที่เรามีความภาคภูมิใจในพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และวงศ์ตระกูลของเรา นอกจากนี้ ก็ต้องภูมิใจในความเป็นนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย

    เมื่อเราทุกคนในที่นี้ต่างก็มีเกียรติด้วยกันทั้งนั้น เราก็ต้องรู้จักที่จะให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตามลำดับฐานะ เช่น นักเรียนต้องให้เกียรติต่อผู้บังคับการ ผู้กำกับคณะ ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ หัวหน้านักเรียน เพื่อนๆ และแม้แต่นักเรียนรุ่นน้อง คู่ต่อสู้ในการแข่งขันกีฬา หรือคนที่อยู่ในฐานะต่ำกว่าเราก็ควรได้รับเกียรติตามสมควรด้วย

    การให้เกียรติกันนั้นทำได้ทั้งทางกาย วาจา และใจ ได้แก่ การกระทำ เช่นการทำความเคารพผู้ใหญ่ การเชื่อฟังครู การไม่พูดแทรกขึ้นในระหว่างที่ผู้อื่นกำลังพูด การไหว้ และการรับไหว้ การแสดงความยินดี หรือแสดงความเสียใจ ทั้งนี้ ผู้ที่รู้จักให้เกียรติผู้อื่น ย่อมได้รับความนิยมชมชอบว่าเป็นผู้มีมารยาทงามและเป็นคนน่ารัก

    นอกจากนี้ นักเรียนยังต้องรู้จักให้เกียรติสถานที่ด้วย เช่น ในโรงเรียนนี้ซึ่งถือว่าเป็นเขตพระราชฐานนั้น นักเรียนต้องแต่งกายให้เหมาะสม ไม่ปล่อยให้เสื้อหลุดออกมานอกกางเกง ให้เกียรติหอประชุม ห้องเรียน หรือแม้แต่เวลาไปสถานที่ราชการ หรือการไปบ้านผู้อื่น เราที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีเกียรติต้องรู้จักการให้เกียรติสถานที่ด้วย

    โดยสรุปแล้วก็คือ เราต้องรู้จักให้เกียรติต่อตัวเราเอง เชื่อและภาคภูมิใจในเกียรติของเรา แล้วก็รู้จักที่จะให้เกียรติผู้อื่นที่อยู่ร่วมในสังคมของเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่พี่น้อง ครูบาอาจารย์ และบุคคลอื่นๆ ถ้าเราทุกคนทำได้ สังคมที่เราอยู่ก็จะเป็นที่ที่น่าอยู่ แต่ในทางตรงกันข้าม สังคมที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกันก็จะเป็นสังคมที่เสื่อมโทรม แล้วใครละที่อยากจะอยู่ในสังคมที่คนไม่ให้เกียรติกัน
     
  5. ta_eka

    ta_eka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +2,190

    ขอบคุณ "พนมมาลัย" นะครับที่ช่วยแจ้งช่วยๆกันครับหลวงปู่ไม่ใช่สิ่งของแต่ท่านมีชีวิตอยากให้ท่านมีความสบายใจขอให้หลวงปู่แข็งแรงนะครับผมไม่ใช้ศิษย์ใกล้ชิดท่านนะครับแต่ผมรักหลวงปู่ครับ ขอให้คนที่แอบเกาะหลวงปู่กิน โดยอ้างว่าใกล้ชิดอย่างงั้นอย่างนี้ ติดตามมานาน แต่ทำตัวเหมือนนายหน้าเฝ้าประตูคอยเก็บค่าผ่าน ว่างๆเงินหมดก็ทำพระ สร้างพระไปหลอกขายต่างชาติ สิงค์โปร มาเลย์ และคอยขัดแข้งขัดขาคนที่เจตนาดีๆ ที่คิดว่าจะเหมือนตนเองจงได้รับผลของกรรมที่ทำลงไปด้วยเทอญ
     
  6. ta_eka

    ta_eka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +2,190
    ไปด้วยกันไหมครับ


    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ta_eka [​IMG]
    รบกวนกรรมการช่วยแสดงตน ลงชื่อให้ทราบหน่อยได้ไหมครับ วันไหนไปวัดเพื่อกราบหลวงปู่จะได้ไปกราบท่านก่อนพบหลวงปู่:boo:
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่สุสานตอนนี้ไม่มีกรรมการครับ มีแต่ทัั่นผู้จัดการครับ ถ้าอยากพบเชิญได้ที่อำเภอปราสาท ห้ามเอาของไปฝากนะครับทัั่นไม่ชอบ<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kanyaw : วันนี้ เมื่อ 09:36 PM
     
  7. kanyaw

    kanyaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +204

    ที่สุสานกรรมการไม่มีครับ มีแต่ ไวยาวัจกร ท่านเดียวไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง อะไร

    คนที่มาเปิดประเด็นได้อ่านแน่นอนครับ แต่อาจจะแอ๊บแบ๊ว ป่านนี้ไปรายงานแล้วครับ แต่จะสำนึกมั้ยนี่อีกเรืองครับ แล้วแต่ปัญญาของแต่ละบุคคล

    ส่วนทั่นผู้จัดการสูงสุด น่าจะทราบนะครับเพราะลูกน้องทั่นเยอะ แต่ทั่นคงไม่สนใจอะไร ในเมื่อสิทธิ์ขาดอยู่ที่ทั่น จะให้ใครทำอะไรก้ได้ที่สุสาน ถือสะว่ารังแกเด็กแล้วก้แล้วกันไปคิดไรมาก มันร้องเองได้มัเดี๋วมันนก็หยุดเอง

    เรื่องจะไม่เกิดหรอกครับ ถ้าทั่นไม่ถือตัวรับฟังเหตุผล เพราะมันมีที่มามีเจตนา มีวัตถุประสงค์ให้มันถูกต้องให้มันดี เพราะมันเป็นงานบุญงานกุศล อยากช่วยหลวงปู่ใครบ้างที่ไม่อยากช่วยครับก็อยากช่วยกันทั้งนั้นครับ ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์ท่านอะ แทนที่จะให้คนเข้ามามากๆ กลับมาไล่คนสะงั้น ไหวเหรอครับแบบนี้
     
  8. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    ธรรมะจากเจ้าคุณนรรัตน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ta_eka

    ta_eka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +2,190
    :cool: :cool: :cool:

     
  10. kanyaw

    kanyaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +204
    ใกล้จะบรรลุหรือยังพี่ 5555 แต่ที่ผมรู้ทะลุแล้วแน่ๆๆๆ

    แทงข้างหน้าทะลุถึงหัวใจ ฉึก ฉึก ชิมิชิมิ
     
  11. นน บึงกุ่ม

    นน บึงกุ่ม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +98
    ขอเป็นกำลังใจคร๊าบบบบบบบบบ:cool:

    คุณแซม ครับ

    1.ชุดกรรมการใหญ่ หมายเลข 26 (ล็อกเก็ต ตะกรุด 4 ดอก รูปข้าวหลามตัดมีปฐวีธาตุ)

    2.วัตถุมงคลของคุณถาวร
    3.ซีดี ของนน กับ ถาวร (จองพระบูชา )
    4.สองอย่างนี้ไม่รีบครับ (4.1ล็อกเก็ตที่สัญญากันไว้ 4.2 เหรียญเนื้อชนวน) 55555 ไม่ได้ไม่เป็นไรนะครับ 5555

    ขอบคุณทีมงาน ครับ ที่บอกบุญและได้ของไว้เป็นที่ระลึกไว้ได้ร่วมซื้อที่ดินสร้างปราสาทพระเจ้าห้าพระองค์ตั้งแต่พระกริ่งพระเจ้าห้าพระองค์ ถึงฉลองมงคล 93

    เห็นรูปหล่อหลวงปู่รุ่นนี้ ผมคงมีอะไรให้จดจำไปตลอด อย่างน้อยก็พี่ เพื่อน ที่ควรคบ

    นับถือครับ

    ปล. ขอบคุณแซมครับ ที่ให้โอกาสผม ทำให้ผมได้หลวงปู่สรวง ,พระอินทร์(บรรจุปฐวีธาตุด้วย) ที่ได้เสกจากหลวงปู่หงษ์นานมากด้วย

    ขอบคุณ สุทธิพงษ์ ที่ให้ปฐวีธาตุอุดหลังล็อกเก็ต และรูปหล่อหลวงปู่หมุน
    (อย่าลืมหลวงปู่หงษ์ เนื้อไม้สะพาน ให้ผมด้วยนะครับ 5555555)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2011
  12. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    ความสุขที่แท้จริง

    ผมเคยอ่านนิทานเรื่องหนึ่งนานมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าอาจารย์ท่านหนึ่งลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง แล้วบอกให้นักเรียนทำเส้นตรงเส้นนี้ให้สั้นลงโดยไม่ต้องลบ
    นักเรียนต่างหาวิธีทำให้เส้นตรงเส้นนั้นสั้นลงไม่ได้เพราะทุกคนติดอยู่กับภาพลักษณ์การลบเส้นเดิมทิ้งไป เพื่อให้เส้นเดิมสั้นลงไป อาจารย์ท่านนั้นจึงขอให้นักเรียนท่านหนึ่ง เขียนเส้นตรงเส้นใหม่ให้ยาวกว่าเส้นเดิม ภายหลังที่นักเรียนลากเส้นตรงเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเส้นเดิมแล้วนั้น อาจารย์ท่านนั้นอธิบายให้นักเรียนฟังว่า

    การที่มีคนลากเส้นตรงขึ้นมาหนึ่งเส้น ไม่ว่าเส้นตรงที่ลากมาจะยาวแค่ไหน เราสามารถทำให้เส้นตรงเส้นนั้นสั้นลง โดยที่เราลากเส้นของเราให้ยาวขึ้น ยิ่งเราลากเส้นออกไปยาวมากเท่าไหร่ เส้นเดิมที่ลากไว้ก็จะสั้นลงไปทุกที เปรียบเสมือนที่ใครซักคนหนึ่งทำในสิ่งหนึ่งที่ดีประสพความสำเร็จอยู่ เราไม่ควรให้ความอิจฉาริษยามาก่อให้จิตใจเรารุ่มร้อนและหาทางกลั่นแกล้งคนๆนั้นด้วยการหาทางทำลาย โดยมิได้ดูเจตนา หรือศึกษาให้แน่ชัดก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป เหมือนกับการพยายามลบเส้นของคนอื่นให้สั้นลง ตรงกันข้ามควรยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น เหมือนกับที่เรามองความยาวของเส้นตรงที่คนอื่นลากไว้
    แต่เราหาทางพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับการพยายามลากเส้นตรงเส้นใหม่ให้ยาวขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ไปลบเส้นของคนอื่น เส้นตรงที่เราลากก็จะยาวขึ้นเรื่อยๆ

    การคิดในเชิงสร้างสรรค์แบบนี้ทำให้จิตใจเราโปร่งสบาย ไม่รุ่มร้อนเพราะเราไม่รู้สึกว่าเราต้องแข่งกับใครแต่เราแข่งกับตัวของเราเองตลอดเวลาและเราไม่ได้ไปสร้างศัตรูหรือก่อเวรกับคนอื่น ตรงกันข้ามการแข่งขันระหว่างกันเป็นไปในทางเกื้อกูลกัน ทำให้ระบบต่างๆดีขึ้น มีการเติบโตในเชิงบวกตลอดเวลา คงไม่สำคัญว่าคุณต้องชนะคนทั้งหมด สิ่งสำคัญคงอยู่ที่คุณพยายามชนะตัวของคุณเองตลอดเวลาต่างหาก เพียงแต่เมื่อใดคุณสามารถชนะตัวของคุณเองได้ ชัยชนะที่ได้ ก็จะมีความหมายและจะทำให้คุณเกิดความภูมิใจ และถ้าคุณยังไม่หยุดพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง คุณก็จะชนะตัวคุณเองไปเรื่อยๆ เมื่อคุณมองย้อนกลับมาเมื่อไหร่คุณก็จะมีความภูมิใจในชัยชนะที่ขาวสะอาด เป็นชัยชนะที่มีแรงขับดันให้คุณพยายามพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

    การประสพความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนมีอยู่หลายวิธี บางครั้งผู้คนต่างพยายามเลียนแบบ เส้นทางประสพความสำเร็จของคนอื่น แต่เมื่อเดินตามเส้นทางนั้นกลับพบว่าไม่ประสพความสำเร็จนัก ความสำเร็จในชีวิตของผู้คนคงไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบเดียวกันเสมอไป และเส้นทางไปสู่ความสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นทางเดียวกันเสมอไป สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่ความสุขใจที่ได้เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตนเองที่สุดมากกว่า

    จงอย่าพยายามเลียนแบบเส้นทางไปสู่ความสุขของผู้อื่น เพราะนิยามของความสุขผู้คนนั้นแตกต่างกัน ความสุขที่เราเห็นผู้อื่นมีความสุขอยู่ ถ้าเราไปอยู่ในสถานะนั้นเราอาจจะไม่มีความสุขอย่างที่เราเข้าใจก็ได้ สุขและทุกข์แท้จริงอยู่ที่ใจของเรากำหนดต่างหาก ลองมองทุกอย่างอย่างเป็นกลางๆ ไม่เอาความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อคติมาครอบงำ แล้ววันหนึ่งเราอาจจะค้นพบความหมาย ของคำว่า ความสุขที่แท้จริงของตัวเราเอง
     
  13. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    การมองโลกในแง่ดี

    1. รู้จักตัวเอง การรู้จักว่าคุณมีจุดอ่อนและจุดแข็งอยู่ตรงไหน ทบทวนถึงความผิดพลาดล้มเหลวที่ผ่านมาในชีวิตของคุณ และมองย้อนไปว่าจุดอ่อนที่ควรปรับปรุงของคุณอยู่ที่ไหน ถ้าพบแล้วก็จงปรับปรุงแก้ไขจุดที่บกพร่องนั้น เช่น ถ้าคุณเป็นคนพูดจาไม่เพราะ แต่มีจิตใจดีสิ่งที่ควรจะปรับ คือ การพูดจาให้นุ่มนวล ชวนฟัง ก็จะทำให้คุณได้รับความร่วมมือจากคนรอบข้างมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนใจร้อนหงุดหงิดง่าย ทำงานด้วยอารมณ์ที่ไม่แจ่มใส เพื่อนร่วมงานก็ไม่ชอบ คุณก็ควรจะปรับความใจร้อนหงุดหงิดลง ดูอารมณ์ของตนอยู่ตลอดเวลาถ้าจะเริ่มหงุดหงิดก็ควรหาวิธีหยุดยั้งตัวเอง อาจจะเป็นการนับ 1-10 หรือใช้วิธีการเดินออกจากเหตุการณ์ที่ทำให้คุณเริ่มหงุดหงิด ฯลฯ การมีอารมณ์ที่เยือกเย็นขึ้นจะทำให้เพื่อนร่วมงานยอมรับคุณมากขึ้นพูดคุยกันรู้เรื่องเข้าใจกันด้วยดี ส่วนจุดแข็งหรือสิ่งที่ดีที่คุณมีก็ให้คงไว้และทำให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

    2. เลือกมองแต่แง่ที่ดี การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เมื่อคุณโชคร้าย ไม่สมหวังในสิ่งที่ต้องการคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอ นั่นจะเป็นการซ้ำเติมตนเองและทำให้รู้สึกสงสารตัวเอง และดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไปอย่างทุกข์ระทมและขาดความสุขในชีวิต คุณจะรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า คงจะไม่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับคุณอีกต่อไปแล้ว อยากจะบอกคุณว่า แม้เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณจะร้ายแรงแค่ไหน จนคุณคิดว่าคงไม่มีมนุษย์ไหนในโลกนี้ที่จะทำได้ คุณก็ต้องเผชิญกับมันต่อไปและต่อไป ในเมื่อคุณจะต้องพบกับสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ ทำไมคุณจึงไม่อยู่กับมันอย่างมีสติและมองหาสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับคุณ เลิกมองตนอย่างไร้ค่าและรู้สึกว่าตนเองเป็นคนไม่ดี ตนเองเป็นคนโชคร้าย เลิกสงสารตนเองและหันมาเริ่มต้นทำในสิ่งที่ดีๆ กับตนเอง และคนรอบข้างแล้วคุณจะพบว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ดีหรือเลวเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณคนเดียวที่จะเป็นผู้บันดาลให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับชีวิตคุณบ้าง

    3. อยู่ใกล้ชิดหรือเลือกคบคนที่มองชีวิตในแง่ดี การคบคนเช่นไรคุณก็จะเป็นเช่นนั้น การอยู่ใกล้คนที่มีอารมณ์ดีมีมุมมองในการมองชีวิตในแง่ดี จะทำให้คุณซึมซับสิ่งเหล่านี้เข้าไปในใจของคุณและจดจำที่จะเลือกมองชีวิตในแง่ดีๆเช่นที่คนใกล้ชิดหรือคนในแวดวงของคุณ แต่ถ้าคุณมีกลุ่มเพื่อนหรือคนในแวดวงเป็นคนหงุดหงิดง่ายใจร้อน ขี้กังวล หวาดวิตกไปกับเรื่องต่างๆในชีวิตทุกเรื่อง มองคนและเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตเป็นเรื่องที่เลวร้ายและไม่ดีไปเสียทั้งหมด จะทำให้คุณพลอยซึมซับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เข้าไปในจิตใจของคุณ การอยู่กับคนที่เคร่งเครียดจริงจังกับชีวิตในทุกเรื่อง คุณก็จะพลอยเคร่งเครียดไปด้วย

    4. อย่าลุ่มหลงงมงายปักใจเชื่อในความเชื่อผิดๆ ความเชื่อที่นำความรู้สึกเลวร้ายมาสู่ใจคุณ การให้ความเชื่อต่างๆ มาครอบงำในจิตใจคุณ เมื่อคุณประสบกับเหตุการณ์ที่ได้รับการบอกเล่าจากผู้หลักผู้ใหญ่ในเรื่องโชคลาภต่างๆ จนนำมาเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิต และจะวิตกกังวลอย่างมากมายเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาว่าไม่ดีนั้น จนเป็นเหตุให้คุณไม่กล้าตัดสินใจไม่กล้าลงมือกระทำสิ่งใดๆ ในชีวิต จนทำให้คุณสูญเสียโอกาสที่ดีๆ ของชีวิตไป

    5. ฝึกการใช้เทคนิคมองตนเองในด้านบวก การฝึกให้คุณมีภาพแห่งความดี ความเก่ง ความเชื่อมั่น ในตัวเองไว้ในจิตใจ ของคุณ ถ้าคุณมีความวิตกกังวล มีความกลัว มีความเครียด ในจิตใจบ่อยๆคุณรู้สึกไม่มีความสุขในจิตใจเลย หามุมเงียบๆ สงบๆ แล้วหลับตานึกถึงภาพของตัวคุณในเวลาที่มีความสุขที่สุด เก่งที่สุดและเก็บภาพนั้นไว้ในทุกวัน วันละ 5 นาที คุณจะรู้สึกมีความสุขและความกังวล ความหวาดกลัวในจิตใจของคุณจะลดลง
     
  14. modxsuper_1

    modxsuper_1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +373
    ไปกันใหญ่ ผมเองที่จริงก็ไม่อยากจะเสนอหน้าเข้ามาตอนนี้ เพราะกลัวว่าอาจจะถูกหางเลข แต่ผมว่าผมพอที่จะเข้าใจเรื่องราวความเป็นไปของทุกฝ่ายพอสมควร เลยอยากจะแสดงความคิดสักนิดหน่อย
    เข้าใจว่าทางคณะจัดสร้างรุ่น 93 นี้เจตนาดีและผมก็เอาใจช่วยอยู่เสมอ และทางคณะเองก็อาจจะ อยากจะให้เคลียร์เงินไว ๆ เพราะถึงแม้จะเป็นงานบุญแต่มันก็มีทุน และอีกอย่างอาจกลัวเรื่องสุขภาพของหลวงปู่ ฯ ท่าน ถ้ารอถึงวันไหว้ครูก็กลัวว่าจะมีเหตุขัดข้องอีก เลยเร่งรัดให้ทุกอย่างจบเร็วที่สุด
    แต่ถ้าเป็นผมนะ เสกเมื่อวันที่ 13 .. น่ะเสกได้จะเอาไปเข้าพิธีจัดขันธ์ 8 เอาไปแจมเอาไปแซมยังไงก็ได้ แต่จะยังไม่เอาออกให้บูชาจะรอให้ผ่านพิธีไหว้ครูเสียก่อนถึงจะสมใจที่ทุก ๆ คนอุตส่าห์ตั้งใจทำกันมาหลายต่อหลายเดือน ผมพูดตรง ๆ นะจะโกรธก็ได้(แต่ถ้าไม่โกรธก็ดี) พวกคุณใจร้อนไปนิดนึง ผมน่ะเชื่อมั่นว่าของที่หลวงปู่ ฯ ท่านเสกน่ะ อึดใจเดียวก็ใช้ได้อยู่ที่เราศัทธา
    แต่สำหรับเราที่เป็นคนสร้างน่ะ อุตส่าห์ทำมาจนสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างอย่างดี แต่ใจร้อนอยากให้เสร็จเร็ว ๆ เพราะความกังวลในเรื่องต่าง ๆ มันรุมล้อมใจเหมือนสร้างบ้าน ใหญ่โตสวยงามอย่างกะวังแต่ใจร้อนอยากเข้าอยู่เร็ว ๆ สร้างจนเสร็จหมดทุกอย่างเหลือแต่สียังไม่ได้ทา ก็ไปบอกช่างว่า ช่างเอ้ย สีไม่ต้องทาแล้วใจร้อนจะเข้าอยู่มันวันนี้แหละเอาแค่นี้พอ คุณว่ามันจะเป็นยังไง คนเขามองเห็นจากไกล ๆ เห็นกำแพงรั้ว ยอดจั่วหลังคาบ้าน ก็อู้หู อ้าหา ไปทั่วทุกคน เพี่ยงแต่เขาไม่ได้เห็นตัวบ้าน ที่เจ้าของบ้านไม่ได้ทาสีให้สวยงาม โอ่อ่าสมภาคภูมิ ถ้าชาวบ้านเขาเห็นตัวบ้าน จากที่ร้อง อู้หู อ้าหา อาจจะกลายเป็นร้องว่า ไอ้หย๋า ไปแทนก็ได้
    ผมเองก็ยังไม่ได้คุยกับ เสกสรรค์ กับ ป๋อง หรือคนที่สุสานคนไหนเรื่องนี้นะ แต่ผมเชื่อว่าจะต้องมีสักคนทักทางคณะว่า น่าจะเอาเข้าพิธีไหว้ครูเสียก่อน ใช่หรือไม่ เรื่องนี้ไม่ต้องถามใคร เพราะถ้าผมพอจะรู้จักทางผู้จัดสร้างผมก็ต้องทักเหมือนกัน
    สำหรับคณะจัดสร้างผมก็มีแค่นี้ ผมเองก็ลูกศิษย์ปลายแถวคนนึง ผมแค่เสนอมุมที่ผมมองไปอย่างนี้ อาจจะผิดหรือถูกใจ หรืออาจจะผิดหรือถูกต้อง ในความคิดของใครต่อใครเขาก็ได้ แต่ใจผมไม่เป็นขี้ข้าลมปากใครมานานแล้ว เลยขอเสนอหน้าออกความคิดซึ่งเป็นของผมคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว ถ้าถูกใจใครไม่ต้องมาชมผม แต่ไม่ถูกใจใครเชิญเจริญพรผมได้ตามอัทธยาศัย แต่ผม แบบสะบาย สะบาย ถูกใจก็คบกันไป
     
  15. modxsuper_1

    modxsuper_1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +373
    ไปกันใหญ่ ผมเองที่จริงก็ไม่อยากจะเสนอหน้าเข้ามาตอนนี้ เพราะกลัวว่าอาจจะถูกหางเลข แต่ผมว่าผมพอที่จะเข้าใจเรื่องราวความเป็นไปของทุกฝ่ายพอสมควร เลยอยากจะแสดงความคิดสักนิดหน่อย
    เข้าใจว่าทางคณะจัดสร้างรุ่น 93 นี้เจตนาดีและผมก็เอาใจช่วยอยู่เสมอ และทางคณะเองก็อาจจะ อยากจะให้เคลียร์เงินไว ๆ เพราะถึงแม้จะเป็นงานบุญแต่มันก็มีทุน และอีกอย่างอาจกลัวเรื่องสุขภาพของหลวงปู่ ฯ ท่าน ถ้ารอถึงวันไหว้ครูก็กลัวว่าจะมีเหตุขัดข้องอีก เลยเร่งรัดให้ทุกอย่างจบเร็วที่สุด
    แต่ถ้าเป็นผมนะ เสกเมื่อวันที่ 13 .. น่ะเสกได้จะเอาไปเข้าพิธีจัดขันธ์ 8 เอาไปแจมเอาไปแซมยังไงก็ได้ แต่จะยังไม่เอาออกให้บูชาจะรอให้ผ่านพิธีไหว้ครูเสียก่อนถึงจะสมใจที่ทุก ๆ คนอุตส่าห์ตั้งใจทำกันมาหลายต่อหลายเดือน ผมพูดตรง ๆ นะจะโกรธก็ได้(แต่ถ้าไม่โกรธก็ดี) พวกคุณใจร้อนไปนิดนึง ผมน่ะเชื่อมั่นว่าของที่หลวงปู่ ฯ ท่านเสกน่ะ อึดใจเดียวก็ใช้ได้อยู่ที่เราศัทธา
    แต่สำหรับเราที่เป็นคนสร้างน่ะ อุตส่าห์ทำมาจนสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างอย่างดี แต่ใจร้อนอยากให้เสร็จเร็ว ๆ เพราะความกังวลในเรื่องต่าง ๆ มันรุมล้อมใจเหมือนสร้างบ้าน ใหญ่โตสวยงามอย่างกะวังแต่ใจร้อนอยากเข้าอยู่เร็ว ๆ สร้างจนเสร็จหมดทุกอย่างเหลือแต่สียังไม่ได้ทา ก็ไปบอกช่างว่า ช่างเอ้ย สีไม่ต้องทาแล้วใจร้อนจะเข้าอยู่มันวันนี้แหละเอาแค่นี้พอ คุณว่ามันจะเป็นยังไง คนเขามองเห็นจากไกล ๆ เห็นกำแพงรั้ว ยอดจั่วหลังคาบ้าน ก็อู้หู อ้าหา ไปทั่วทุกคน เพี่ยงแต่เขาไม่ได้เห็นตัวบ้าน ที่เจ้าของบ้านไม่ได้ทาสีให้สวยงาม โอ่อ่าสมภาคภูมิ ถ้าชาวบ้านเขาเห็นตัวบ้าน จากที่ร้อง อู้หู อ้าหา อาจจะกลายเป็นร้องว่า ไอ้หย๋า ไปแทนก็ได้
    ผมเองก็ยังไม่ได้คุยกับ เสกสรรค์ กับ ป๋อง หรือคนที่สุสานคนไหนเรื่องนี้นะ แต่ผมเชื่อว่าจะต้องมีสักคนทักทางคณะว่า น่าจะเอาเข้าพิธีไหว้ครูเสียก่อน ใช่หรือไม่ เรื่องนี้ไม่ต้องถามใคร เพราะถ้าผมพอจะรู้จักทางผู้จัดสร้างผมก็ต้องทักเหมือนกัน
    สำหรับคณะจัดสร้างผมก็มีแค่นี้ ผมเองก็ลูกศิษย์ปลายแถวคนนึง ผมแค่เสนอมุมที่ผมมองไปอย่างนี้ อาจจะผิดหรือถูกใจ หรืออาจจะผิดหรือถูกต้อง ในความคิดของใครต่อใครเขาก็ได้ แต่ใจผมไม่เป็นขี้ข้าลมปากใครมานานแล้ว เลยขอเสนอหน้าออกความคิดซึ่งเป็นของผมคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว ถ้าถูกใจใครไม่ต้องมาชมผม แต่ไม่ถูกใจใครเชิญเจริญพรผมได้ตามอัทธยาศัย แต่ผม แบบสะบาย สะบาย ถูกใจก็คบกันไป
     
  16. modxsuper_1

    modxsuper_1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +373
    ...อีกเรื่อง เรื่องลูกศิษย์ด่าว่ากันเอง คุณว่าผมผมว่าคุณ คนเขาได้ยินได้ฟัง เขาคิดยังไงทราบไหมครับ เขาก็แค่คิดว่า ทั้งคุณทั้งผม...พอกันไม่มีใครดีสักคน เพราะไม่มีใครชมใคร มีแต่ด่ากันไป ด่ากันมา จริงบ้าง เท็จบ้าง ปน ๆกันไป ฟังแล้ววัยรุ่นปวดขมับ จี๊ด.....ปรี๊ดแตกเลย
    ...แต่ยังไงผมยืนยันครับว่า ท่านผู้จัดการ ณ. สุสานทุ่งมน ของผมน่ะเป็นคนดีจริง ใครจะไม่เชื่อเหมือนผมก็ได้ ผมเชื่อของผมคนเดียวก็พอ ผมรู้จัก ท่านผจก. มาตั้งแต่ท่านยังไม่เกณฑ์ทหาร จนตอนนี้ไปสมัครเป็นทหารเขาก็ไม่รับแล้ว เพราะหน้าตาแกไม่ผ่าน ไม่ใช่อายุเกิน ทำทุกสิ่งทุกอย่างมาก็เพื่อหลวงปู่ ฯ ท่านมาตลอด แกจบป.ตรีนะครับ อนาคตที่ฝันว่าจะเป็นครูรออยู่ข้างหน้า เห็นอย่างชัดเจน แต่เพราะหลวงปู่ ฯ ท่านสั่งให้มาดูแลงานที่สุสาน นี้เพราะท่านไว้ใจมากกว่าใคร ๆ เลยทิ้งอนาคต ทิ้งชีวิตทีคนทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ เป็นอยู่ มารับใช้สนองพระคุณ หลวงปู่ ฯ ท่าน เพราะครูบาอาจารย์สั่งเท่านั้นเอง

    ...คนอย่างนี้ถ้าเป็นผม ๆ ด่าว่าเขาไม่ลงหรอกนะ แต่ใครอื่นจะด่าจะว่ายังไงก็ได้ มันห้ามกันไม่ได้ แล้วแต่ระดับของจิตใจคน
     
  17. modxsuper_1

    modxsuper_1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +373
    ... ป.ล.ผมเองก็ชอบไปเดินเล่นที่สระน้ำนะ ไปนั่งเล่น นอนเล่นบ่อย ๆ ผมยืนยันว่าไม่มีปลิงครับ ท่านที่ไม่เคยไปก็ไม่ต้องตกใจ ยืนยันว่าไม่มี
    ....แต่แว่ว ๆ ว่ามีคนเห็นปลิงตัวใหญ่ คงจะเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ หรือถ้าท่านบังเอิญเห็นปลิงจริง และกลัวปลิงมาก ๆ แนะนำว่าวันหลังก็อย่าเฉียดเข้าไปใกล้รัศมี 100 กิโลเมตร จากจุดเกิดเหตุนะครับ ด้วยความเป็นห่วงครับ
     
  18. คชบุตร

    คชบุตร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,637
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ธรรมะจากเจ้าคุณนรรัตน์<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>

    เป็นข้อธรรม ที่ดีนะครับ ขออนุโมทนา
     
  19. คชบุตร

    คชบุตร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,637
    ค่าพลัง:
    +4,388
  20. คชบุตร

    คชบุตร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,637
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ก็ควรที่จะอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ สาธารณะชนได้เข้าใจ เพื่อ ไม่ให้เกิดความเข้าใจที่ผิด พลาด คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง เหตุการณ์เป็นอย่างไร ก็ว่ากันไปตามนั้น มีปัญหา หรือข้อขัดแย้ง ก็เอาออกมาพูดกัน

    ไม่แปลกที่คนหลาย ๆ คนมาอยู่ร่วมกันแล้วจะให้เข้าใจเหมือนกันนั้น คงเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกอย่างที่ทำเราต้องอธิบายได้ สังคมอยู่กันได้ด้วยเหตุผล และกฏระเบียบ (แต่ถ้าเหตุผล และกฏระเบียบบางอย่างไม่มีคำอธิบาย หรือไม่ได้ทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ต่อส่วนรวมแล้วมันก็น่าคิดนะครับ)

    ถ้าเป็นคนดี ไม่ต้องกลัว หรอกครับ เทพรู้ เทวดารู้ ครูบาอาจารย์รู้ครับ

    ลป.ท่านเคยให้โอวาทกับทางคณะผู้จัดสร้างไว้ หลายครั้งด้วยกัน เพื่อให้เป็นหลักยึดและกำลังใจในการจัดสร้างว่า

    "ทุกๆอย่างหากเราตั้งใจทำ ทำดี งานอะไรก็สำเร็จ บางคนก็ชอบ บางคนไม่ชอบเขาจะว่าก็ช่างเขา ไม่ต้องไปสนใจ หลายคนอยากทำแต่ทำไม่ได้ เขาก็อิจฉาเจตนาไม่ดี เทวดาไม่ช่วย จึงทำไม่สำเร็จ แต่ลูกๆทำไม่เป็น ไม่เป็นไร เจตนาดีบริสุทธิ์ ครูบาอาจารย์ คอยช่วยเหลืออยู่ ก็ดีใจด้วย ที่ทำสำเร็จ ทำได้ดีแล้ว ให้ทำต่อไป"

    "เหนื่อยนักก็พัก ตื่นมาก็ทำต่อ ๆไป ก็สำเร็จ"

    "ตาอยู่ส่วนตา หูอยู่ส่วนหู ใจอยู่ส่วนใจ ปากอยู่ส่วนปาก
    ให้เราคิดเสมอว่าเราทำอะไรก็พอแล้ว ให้ตั้งมั่นเอาไว้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2011
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...