เรื่องเด่น ☆☣~ พลังจิตสัมผัส ~☣☆

วันที่ 26 มิถุนายน 2555

^.^ เราก็เป็นแค่กระทู้ๆ นึงในเว๊ปเท่านั้นละคะ ... แค่อยากบอกสิ่งที่เราได้เห็น เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กะใครๆ ได้มั้ง หรือเพ่งจิตดูอนาคตคนอื่น เพื่อเขาจะนำไปใช้ประโยชน์และการตัดสินใจอะไรได้มั้ง...

เดือนนี้ จริงๆ แล้ว ภาพที่เห็นเยอะมาก แต่จะมาไล่รายละเอียดอีกที เดือนหน้านะคะ หลังจบบอล... ช่วงนี้ เหนื่อยๆ กะ การชิงโชคจ้า ... แต่ที่เห็นบอกได้เลยว่า มีภาพที่น่ากลัว ... คือเป็นภาพที่ ตึกสูงใหญ่ มีกระดาษปลิวเต็มพื้นเลย... มีผู้คนวิ่งหนีอะไรสักอย่าง ... มีเศษกระจกร่วงเต็มพื้น... ปูว่า เป็นพวกฝรั่งนะคะ... มีพวกไม่หวังดี มาปล้นของตามร้านค้าด้วย... สงสัยจะเป็นการจลาจลครั้งใหญ่นะ แต่เป็นกลางเมือง และมีตึกระฟ้าเยอะ หรือจะเป็นภาพหลังแผ่นดินไหว ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเห็นประมาณนี้ ...

แต่ตอนนี้ บ้านเรา กลัวน้ำท่วมนะคะ... มันเริ่มตกถี่ขึ้นมาก

 

ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้
ขอแค่ใช้สติคิดแก้ไข
โลกจะสวย จะงามเพราะสิ่งใด
โลกจะงามที่ใจของคน ที่มองมัน

ปูจ๋า แต่งกลอน (กลอนมองโลก) 26 มิ.ย. 55

 

อ้าว..... ไม่มาอ่านแล้วจะรู้เรอะ อันใหนตรง อันใหนไม่ตรง
ใช้หัวคิดบ้างซิจ๊ะ

ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า
อันใหนตรง ก็ยอมรับว่าตรง มันก็มี ชมกันไป
อันใหน เป๋ ก็ยอมรับว่า ไม่ตรง ก็ต้องติงบ้าง
ใช่สักแต่ว่า เชลียร์ลูกเดียว
เฮ้ย..... ตื่นๆๆๆๆๆ
สมองมีไว้คิดนะ ใช่ว่าเชื่อลูกเดียว
จูงไปใหนก็ตามไปเป็นพรวน

:boo::boo:

 

มารอฟังข่าวเช้าวันใหม่ค่ะ จริงๆ ก็รอทุกวันค่ะ ;20

 

วันนี้เข้าfacebookไตปทักปูไม่ได้เลยนะ. ไม่ทราบว่าคนอื่นเป็นกันบ้างมัย

 

เทศบาลในแคลิฟอร์เนีย จ่อเป็นเมืองใหญ่สุดสหรัฐฯ ที่ล้มละลาย

<table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="370"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="370"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> ซีเอ็นเอ็น - เทศบาลสต๊อกตัน ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ลงมติเห็นชอบงบประมาณพิเศษเมื่อค่ำคืนวันอังคาร(26) ตามเวลาท้องถิ่น เปิดทางให้เทศบาลแห่งนี้กำลังกลายเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่ต้องประกาศภาวะล้มละลาย

"เคราะห์ร้ายที่เราไม่มีข้อสรุปของการเจรจากับเจ้าหนี้มานำเสนอกับ คุณ ข้อตกลงที่จะสามารถตัดลดงบประมาณขาดดุล 26 ล้านดอลลาร์และหลีกเลี่ยงการล้มละลาย" บ็อบ เดวิส ผู้จัดการเมืองกล่าวต่อประชุมสภาเทศบาล

อย่างไรก็ตามเขาเผยว่าเจรจากับเจ้าหนี้บางส่วนยังจะดำเนินต่อไป "ผมคิดว่า เราขยับเข้าใกล้การแถลงข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้บางอย่างในการตกลงกับเจ้า หนี้บางรายในอนาคต" เขากล่าว "แต่ความจริงก็คือ แม้จะบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้มากถึง 1 ใน 3 ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างความสมดุลแก่งบประมาณ"

สภาเทศบาลมีมติเห็นชอบแผนนี้ด้วยมติ 6 ต่อ 1 นั่นหมายความว่าเทศบาลสต๊อกตัน จะต้องยื่นขอคุ้มครองล้มละลาย ตามกฎหมายล้มละลายมาตรา 9 ก่อนวันอาทิตย์นี้(1ก.ค.) ซึ่งเป็นเริ่มต้นของปีงบประมาณใหม่

แแผนนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่องบประมาณใหม่ของเมืองที่มีประชากร 291,000 คนและต้องหยุดปฏิบัติการประจำวันภายใต้กฎหมายล้มละลาย อย่างไรก็ตามเทศบาลสต๊อกตัน บอกว่าจะยังคงจ่ายเงินแก่ลูกจ้าง และผู้ให้บริการต่างๆ แต่จะตัดทอนการใช้จ่ายเงินส่วนอื่นๆเกือบทั้งหมด อาทิภาระหนี้ที่ทางเมืองต้องรับผิดชอบ

ผู้บริหารหลายเทศบาลเมืองทั่วสหรัฐฯ ได้ยื่นขอล้มละลายนับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินเมื่อปี 2008 โดยปีที่แล้ว เจฟเฟอร์สัน เคาน์ตี ในมลรัฐแอละบามา ก็ดำเนินการดังกล่าวเช่นกัน ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเทศบาลนครใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯที่ ต้องยื่นขอล้มละลาย หลังมีหนี้สินกว่า 4,200 ล้านดอลลาร์

ที่มา: Around the World - Manager Online - เทศบาลในแคลิฟอร์เนีย จ่อเป็นเมืองใหญ่สุดสหรัฐฯ ที่ล้มละลาย

 

อยากให้คุณปูเข้าถึงธรรมกายจังจะได้เห็นอะไรชัดๆกว่านี้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไหน เมื่อไร เพราะคนที่เข้าถึงกายภายในตั้งแต่กายทิพย์หยาบเป็นต้นไปก็จะเริ่มรู้อะไรดีๆขึ้น สามารถรู้เหตุล่วงหน้าและเรื่องราวในโลกสวรรค์-นรก(แต่ไม่เห็นโลกันต์ ต้องใช้ตาพระธรรมกายจึงจะมองเห็นโลกันต์) เพียงแค่ใช้ใจตรึกถามไปที่กายที่ตนเองเข้าถึง กายนั้นก็จะตอบด้วยเสียงกังวาลก้องมาจากภายใน ถ้าให้ดีควรทำให้ถึงธรรมกายจึงจะรู้เรื่องราวได้ละเอียดชัดเจนกว่ากายในภพ 3 (ทิพย์-รูปพรหม-อรูปพรหม) และธรรมกายก็ยังมีหยาบละเอียดออกไปอีกครับ ยิ่งใจสงบมากเท่าไรก็จะเห็นพระธรรมกายใสสว่างและหน้าตักขยายกว้างออกไปมากเท่านั้น ความสว่าง-ความใสจะมาพร้อมกับความสงบของจิตภายใน ยิ่งจิตใจสงบละเอียดลึกซึ้งเข้าไปมากเพียงไร กระแสจิตที่สงบจะมีความสะอาด(กิเลสนิวรณ์ตกตะกอนนอนเนื่องสงบระงับไปชั่วคราว)และส่งผลให้กายภายในมีความใสและสว่างมากเพียงนั้น

และจะเห็นว่าเทพที่มีภูมิจิตสูงๆในสวรรค์มีกายสีทองแต่ใสเหมือนแก้วสีทอง แต่เวลาเราใช้กายทิพย์ไปสัมผัสจะมีความนิ่มไม่ได้แข็งเหมือนแก้วหรือพลาสติกในโลกมนุษย์ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้นระดับโสดาบัน-สกิทาคามี จะเห็นกายท่านเป็นแก้วสีทองสว่างระยิบระยับ แพรวพราวสวยงามมาก...

วิธีเข้าถึงกายภายในสามารถเข้าถึงได้หลายวิธี เช่น อานาปานสติ หรือใช้กสินแสงสว่างแบบที่หลวงพ่อวัดปากน้ำนำมาใช้ก็ได้ครับ คือเพ่งลูกแก้ว หรือหากคนที่นับถือศาสนาอื่นยังไม่ค่อยเชื่อก็ไม่เป็นไร เช่นคนนับถือคริสต์ ก็เคยมีหลายท่านหลวงพ่อภาวนาโกศลเถระ รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ องค์ปัจจุบัน เคยให้ใช้ไม้กางเขน เป็นนิมิตในการภาวนา โดยให้น้อมไปไว้ที่ศูนย์กลางกาย พอจิตสงบระงับจากนิวรณ์จนก้าวเข้าสู่สภาวปฐมฌาน ก็จะเห็นไม้กางเขนหายวับไปแล้วจิตก็จะตกศุนย์ลงไปฐานที่ 6 (ตรงราวสะดือ)แล้วก็จะเห็นดวงใสๆผุดขึ้นมาเหนือสะดือ 2 นิ้วมือ เป็นดวงใส พอกำหนดจิตไปอีกระยะให้ใจนิ่งๆ จะเห็นจุดเล็กใสสว่างวาบที่กลางดวงปรากฎขึ้นมา ก็ส่งใจนิ่งแน่นไปที่กลางดวงเล็กใสนั้นเรื่อยๆก็จะมีกายต่างๆผูดขึ้นมาทีละกายๆ

ยิ่งใจนิ่งมากเพียงไร กายต่างๆก็จะผุดออกมาให้เห็นเป็นสาย แล้วแต่ละกายที่ผุดขึ้นมาเมื่อเราสรวมใจเราไปที่ศูนย์กลางกายนั้นๆ เราจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของแต่ละกายด้วยครับ เพราะกายที่ผุดนี้ไม่ใช่นิมิตธรรมดาที่แค่เห็นแล้วรู้สึกเฉย ๆ แต่ยังสัมผัสถึงความสุขและอารมณ์ที่เข้าถึงในแต่ละกาย เข้าถึงกายทิพย์ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง พอเข้าถึงกายพรหมก็มีความรู้สึกอีกอย่างนึง เข้าถึงกายอรูปพรหมก็มีความรู้สึกสุขุมสุขมากขึ้นไปอีก ความรู้(ญาณ)ก็ละเอียดมากขึ้นไปอีก เห็นอะไรละเอียดมากกว่ารูปพรหม (แฝงเกร็คความรู้ไว้นิดนึง ความจริงพรหมนั้นมีหน้าเดียว แต่ดวงตาหรือญาณท่านสามารถมองเห็นได้รอบทิศครับ คือมองเห็นพร้อมกันในเวลาเดียวกันทั้งซ้าย-ขวา / หน้า-หลัง แต่คนรุ่นหลังเอาไปสร้างเชิงอุปมาว่ามี 4 หน้า แต่ความจริงท่านมีแค่หน้าเดียวแต่ญาณท่านมองเห็นได้ 4 ทิศครับ)

พอใจสงบระงับนิ่งแน่วแน่ที่ศูนย์กลางกายจนถึงกายธรรมก็จะรู้สึกลึกซึ้งยิ่งไปอีก รู้สึกว่าการเกิดเป็นทุกข์จริงๆแล้วเห็นกายในภพทั้ง 3 ที่กล่าวมาว่าเป็นทุกข์อย่างไรด้วย พอถึงกายธรรมเพียงกระดิกใจนิดเดียวก็สามารถเห็นภพต่างๆได้ชัดเจน หมดทุกชั้นดุจเวลาเที่ยงวัน เวลาเห็นก็เห็นเหนือกว่าพรหมคือ "เห็นได้รอบตัว" ในเวลาเดียวกัน คือ ซ้าย-ขวา/ หน้า-หลัง/ ล่าง-บน เห็นไปถึงโลกันต์ที่เทวทัตไปตกอยู่...แล้วการเห็นก็เห็นไปจากภายในกายโดยมองผ่านไปยังศูนย์กลางกาย ซึ่งเปรียบเสมือนประตูมิติที่จะสามารถเข้าไปเห็นภพภูมิต่างๆได้อย่างละเอียดละออ ต่างจากการเห็นวิธีอื่นที่ส่งจิตออกไปนอกตัว โอกาสที่จะถูกวิญญาณที่มีอำนาจจิตสูงกว่าทำร้ายได้สูง มีโอกาสเสียสติได้เพราะจิตส่งออกนอกตัวทำให้ขาดสติ ส่วนการเห็นแบบวิชชาธรรมกายนั้นเห็นไปจากภายในที่ศูนย์กลางกาย พอจะกลับเข้ากายมนุษย์ก็เพียงแค่นึกถึงศูนย์กลางกายมนุษย์หยาบ จิตก็จะถูกดูดออกจากภพนั้นแล้วมานิ่งแน่นที่ศูนย์กลางกายมนุษย์หยาบทันที เหมือนเราก้มหน้ามองลงไปที่กลางท้อง อย่างไรเสียใจก็ยังอยู่กับตัวอยู่กับที่ไม่ได้ส่งออกไปภายนอก จึงไม่มีโอกาสเสียสติเพราะมีสติเห็นอริยาบทตัวเองตลอดเวลา(สัมปชัญญะคือความรู้ตัว) ยิ่งคนที่เข้าถึงกายธรรมพวกวิญญาณร้ายๆจะไม่กล้าเข้าใกล้ครับเพราะเกรงกลัวในพุทธานุภาพและแสงสว่างที่เปล่งรัศมีออกมาจากพระธรรมกาย (เคยมีคนได้ธรรมกายไปยืนตรงที่เข้าทำพิธีทรงเจ้าที่ภูเก็ตปรากฏว่าเทพเจ้าไม่สามารถเข้าร่างม้าทรงได้เพราะเทพเจ้าจะเห็นองค์พระปรากฏครอบกายหยาบของคนที่ได้ธรรมกายองค์ใหญ่มาก)

บางคนก็ว่าเป็นนิมิตลวง หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านก็ว่าสิ่งใดที่เป็นสัจจธรรมที่มีอยู่จริงเอาอะไรมาปิดก็ไม่สามารถปกปิดได้ เหมือนกับพูดว่าในร่างกายคนเรามีกระเพาะ, หัวใจ ทุกคนเมื่อผ่าออกมาแล้วก็จะเห็นเหมือนกันทุกคน ทำนองเดียวกัน ศูนย์กลางภพนั้นสถิตอยู่ที่ศูนย์กลางกาย เมื่อใจสงบระงับจากนิวรณ์แล้วจะต้องเห็นเหมือนกันหมดทุกคน จะทำจิตใจสงบแบบใดก็ตามเมื่อใจไปสงบนิ่งแน่นที่ศุนย์กลางกายแล้วก็จะเห็นกายต่างๆผุดขึ้นมาให้เห็นเหมือนกันทุกคน เพราะมันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง เป็นสัจจธรรม ถ้าเป็นนิมิตลวงทำไมการรู้เห็นของแต่ละกายจึงต่างกัน ถ้าเป็นนิมิตธรรมดาการรู้เห็นจะต้องไม่แตกต่างกันเหมือนเรามองเห็นรูปภาพธรรมดา แต่นี่ไม่ใช่ครับ พอเข้าถึงแต่ละกายความรู้(ญาณ)ความสุขก็สงบละเอียดประณีตแตกต่างกันไป ยิ่งเข้าถึงกายละเอียดสูงๆมากเท่าไรก็ยิ่งสุขทวีคูณและเห็นละเอียดละออมากเพียงนั้น...แท้จริงแล้วกายภายในนั้นก็คือเปลือกของจิต เป็นเครื่องสะท้อนสภาวจิตภายในของคนนั้นว่ามีภูมิธรรมระดับใด เมื่อใจสะอาดมากจนพ้นภพสามกายภายในจะสะท้อนออกมาสว่างไสวเป็นองค์พระ แก่นแท้นั้นก็คือ จิต นั่นเองที่เป็นตัวแปรให้กายภายในมีสภาพหยาบ-ประณีตเช่นไร ข้อนี้ลองพิจารณาจากคนธรรมดาดูก็ได้ครับ ให้เขาไปทำชั่วมากๆ เสพยาเยอะๆ ดื่มสุราทุกวัน จะเห็นว่าผิวพรรณ หน้าตาของเขาจะมัวหมองไม่มีสง่าราศี ต่างจากคนที่ปฏิบัติธรรมทุกวันจะมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่สัมผัสได้คือ "ความเย็น" แม้ยังไม่ได้สนทนาพูดคุยด้วยแต่พออยู่ใกล้ ก็จะเกิดความรู้สึกเย็นครับ นั่นคือกระแสจิตภายในของเขาที่สะท้อนออกมาภายนอก จนบางทีเราเองยังแอบชมว่าทำไมดูมีสง่าราศีจัง ใบหน้าผ่องใส แววตาก็สดชื่น บุคลิกภาพก็ดูหนักแน่นมั่นคง ไม่รอกแรก จิตจึงเป็นแก่นแท้สำคัญในการปฏิบัติธรรม เมื่อจิตสะอาดหมดจดกายภายในที่เป็นสุคติภูมิก็จะปรากฏออกมาให้เห็นภายในแล้วส่งผลให้กายมนุษย์หยาบดูมีสง่าราศี ทำนองเดียวกันคนที่เข้าถึงกายทิพย์, พรหม หากพลั้งเผลอไปทำความชั่วเข้า กายทุคติภูมิก็จะมาปรากฏแทนที่ทันทีเป็นไปตามหลักปฏิจจสมุปบาทธรรม(คือ จะเห็นเป็นกายมนุษย์โทรมๆอยู่ภายในก่อน หนักเข้าก็เห็นเป็นรูปร่างเปรต หรือ อสุรกายในที่สุด แล้วเวลาจะทำความดีคืนเพื่อทวนกระแสกลับมาสู่กายสุคติดังเดิม ก็แสนยากแสนเข็ญเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาเช่นกัน เพราะกระแสจิตมันอ่อนมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้พวกเราอยู่อย่างคนไม่ประมาท เพราะเวลาจะทำความดีกลับคืนมันยากมากๆครับ) ตัวอย่างเหล่านี้มีเรื่องเล่ามากมายลองสอบถามจากแม่ชีที่วัดปากน้ำดูก็ได้ครับ

การเข้าถึงธรรมกายโคตรภูจนถึงกายพระอรหัตนั้นยังไม่ถือว่าหมดกิเลสนะครับ ต้องมาอบรมวิปัสนาต่อในขั้นสูง เพราะในเบื้องต้นคนที่ยังมีกิเลสกายต่างๆเหล่านี้สามารถดับ หรือรัศมีลดลงตามระดับภูมิธรรม ยิ่งถ้าไปผิดศีลกายธรรมจะหมอง และหากไปดื่มสุราก็จะดับไปเลย กายเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะคุณธรรมภายใน เมื่อผิดศีลคุณธรรมภายใน(จิต)ก็เสื่อมทำให้กายภายในหมองจนสุดท้ายดับ แต่ถ้าตั้งใจปฏิบัติธรรม(วิปัสสนา)จนบรรลุธรรมจะเห็นกายธรรมสว่างไสวตลอดเวลาไม่หมองบ้าง สว่างบ้างเหมือนปุถุชน คือ ถ้าเป็นพระอริยบุคคลแล้วจะเห็นกายภายในใสเป็นแก้วเป็นองค์พระตลอดเวลาครับ ลองให้คนที่ได้ธรรมกายไปดูกายพระอริยสงฆ์วัดป่าก็ได้จะเห็นกายภายในท่านใสเป็นแก้วแทบทั้งนั้น (หลวงปู่แหวนยังเคยทักชมหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ซึ่งเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เหมือนกันว่ากายท่านใสเป็นแก้วทั้งแท่ง คนไม่รู้ก็นึกว่าหลวงปู่แหวนพูดเชิงอุปมาอุปมัย แต่ความจริงแล้ว กายภายในของหลวงปู่ฝั้นท่านใสเป็นแก้วจริงๆ หลวงตามหาบัวท่านอธิบายว่า "พระอริยสงฆ์ท่านใช้ใจที่มีพลังอำนาจจิตระดับสูงฟอกธาตุขันธ์ตลอดเวลา เมื่อใจพ้นจากการยึดมั่นในขันธ์ 5 แล้วก็เป็นจิตที่บริสุทธ์เมื่อจิตที่บริสุทธิ์ไปสัมผัส(พิจารณา)ธาตุขันธ์ตลอดเวลาก็ทำให้กายภายในมีสภาพเป็นทิพย์ใสสว่างไปในตัว ต่างจากปุถุชนที่ไม่เคยฟอกธาตุขันธ์ เอาใจเพ่งออกไปภายนอกไม่ได้เข้ามาเพ่งพิจารณาธาตุขันธ์ภายในตัว ทำให้จิตมืดมัวไม่สะอาดไม่มีพลัง ธาตุขันธ์จึงกลายเป็นของสกปรกเช่นเดิม) นี่คือคำตอบว่าทำไมกระดูก(อัฐิ)ของพระอริยสงฆ์เวลาเผาแล้ว ต่อมากลายสภาพใสเป็นแก้ว ก็เพราะใจของพระปฏิบัติซึ่งมีกระแสจิตที่สูงได้ฟอกธาตุขันธ์ตลอดเวลา(ดำเนินวิปัสสนาญาณ)ทำให้ธาตุขันธ์ของท่านกลายเป็นของสะอาดบริสุทธิ์ไป และกลายเป็นพระธาตุในที่สุดครับ)


ปล.คุณปูมีพรสวรรค์ด้านนี้หากตั้งใจทำจริงคงสำเร็จได้ไม่ยาก และไปได้ไกลทีเดียว...

รูปภาพกายต่างๆภายในที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้เป็นของมีอยู่จริงในตัวเรา และภาพตัวอย่างนี้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ปัจจุบันครับ (ท่านพระภาวนาโกศลเถระ) เครื่องแต่งกายของพวกเทวดาที่จิตกรเขาวาดตามฝาผนังนั้น แท้จริงแล้วคนโบราณ(พระปฏิบัติ)ท่านไปเห็นมาแล้วจึงมาบอกให้ช่างวาดตามที่ท่านไปรู้เห็นมาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหนๆถ้าทำสมาธิจนจิตสงบระงับตั้งแต่ระดับปฐมฌานขึ้นไป จะเห็นกายภายในแต่งกายแบบนี้ทั้งนั้นครับ ตอนหลวงพ่อวัดปากน้ำยังมีชีวิตอยู่ก็พิสูจน์มาหมดแล้วครับ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอิสลาม, คริสต์ ,พุทธ พอจิตสงบก็เห็นเหมือนกันหมด ขอเพียงแต่เอาใจไปจรดที่ศูนย์กลางภพตรงศูนย์กลางกายเราเป็นต้องเห็นเหมือนกันหมดทุกคน ท่านว่าของที่เป็นสัจจธรรมจะปิดอย่างไรก็ไม่มิด ขอเพียงเข้าให้ถูกช่องก็ต้องเห็นทุกคน ใครอยากรู้ว่าป่าหิมพานต์มีจริงอย่างไรก็ลองปฏิบัติให้เข้าถึงกายธรรมแล้วไปดูคนครึ่งสัตว์ที่ทำทั้งบาปและบุญที่เนื่องด้วยสัตว์ทำให้เขาได้รับวิบากกรรม มีกายครึ่งคนครึ่งสัตว์แต่มีสภาพเป็นทิพย์ครับว่ามีอยู่จริงอย่างไร ไม่ใช่เรื่องแต่งในวรรณคดีดังที่เคยได้ยินได้ฟังมา หรืออยากเห็นมนุษย์ในโลกอื่นว่ามีหน้าตา กินอยู่อย่างไรก็สามารถไปพิสูจน์ได้แต่ต้องพิสูจน์ด้วยเครื่องมือที่ถูกต้อง ถูกวิธี ของละเอียดก็ต้องใช้เครื่องมือที่ละเอียดเสมอกันหรือเหนือกว่าจึงจะพบความจริง เหมือนเราจะดูเชื้อโรคที่มีความเล็กละเอียดมาก จะใช้ตามนุษย์ธรรมดามองดูจะเห็นได้อย่างไรก็ต้องใช้เครื่องมือที่มีความละเอียดกว่าดวงตามนุษย์ คือ กล้องจุลทัศน์จึงจะมองเห็นเชื้อโรค ทำนองเดียวกันกายของพวก ทิพย์, รูปพรหม, อรูปพรหม ,คนธรรพ์, พญานาค,สัตว์ในป่าหิมพานต์นั้นมีความละเอียดกว่าหลายร้อยเท่า พันเท่าต้องใช้จิตที่ละเอียดไปสัมผัสครับจึงจะเห็น

 

ยกเลิกแล้ว



เว็บไซต์องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ เผยยกเลิกภารกิจโครงการสำรวจสภาพอากาศ หรือ SEAC4RS ที่ไทยแล้ว ระบุการประสานงานยุ่งยาก พร้อมแจงเป็นโครงการใหญ่ ​

เว็บไซต์ทางการขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือ นาซา เปิดเผย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า นาซาได้ยกเลิกภารกิจโครงการสำรวจสภาพอากาศ หรือ SEAC4RS ซึ่งถูกกำหนดให้เริ่มในเดือนสิงหาคมปีนี้ เนื่องจากขาดการอนุมัติที่จำเป็นจากหน่วยงานระดับภูมิภาค ในระยะเวลาที่จำเป็น เพื่อสนับสนุนการใช้งานตามแผนภารกิจทางวิทยาศาสตร์ ​

ทั้งนี้ นายไบรอัน ทูน อาจารย์มหาวิทยาลัยโคโลราโด ผู้นำในการวางแผนโครงการนี้ กล่าวว่า มีการประสานงานที่ยุ่งยากมากในการวางแผนโครงการ และนี่คือหนึ่งในแคมเปญที่ใหญ่ที่สุด ที่นาซาได้ดำเนินการ​

ขณะที่ นายเจฟฟรีย์ เรด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการวิจัยทหารเรือ ของเรือเดินสมุทร กองอุตุนิยมวิทยา ในมอนเทอร์ แคลิฟอเนียร์ ระบุว่า ไม่มีที่ไหนในโลกที่มีอุตุนิยมวิทยาซับซ้อน เท่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น การตรวจสอบอย่างละเอียดในภูมิภาคนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง



เพราะมัวแต่มองแง่ร้าย... เลยต้องแห้วไปตามระเบียบ
​

 

^.^ เรื่องการมองเห็นอนาคต ไม่ใช่สิ่งที่เราตั้งใจให้ได้มาค่ะ... แต่มันน่าจะเป็นเพราะ อุบัติเหตุครั้งนั้นมากกว่าค่ะ

ก็พยายามทำบุญ กรวดน้ำ นั่งสมาธิ กรรมฐานให้บ่อยขึ้นค่ะ... ^.^

 

อนุโมทนาบุญกับคุณปูด้วยจ๊ะ...เป็นกำลังใจให้เสมอจ๊ะ

 

คุณ INTERPOO ดิฉันมีความเห็นว่าในสถานะการณ์บ้านเมืองเราในขณะนี้ที่ผู้คนมีความคิดแบ่งแยก เห็นต่างกันอยู่ รัฐบาลก็ไม่ควรที่จะทำำอะำไรที่มันสุ่มเสี่ยงกับการมีปัญหาเกิดขึ้นอีกเลย นี่ยังไม่รวมที่ข่าวเมื่อเช้านี้ รมต.ต่างประเทศไปแถลงถึงดูไบ(เมืองที่นช.ทักษิณ อยู่ไง) สรุปความได้ว่า การที่นาซ่ายกเลิกไม่มาไทยแล้วหากปีนี้น้ำท่วมใหญ่อีกจะโทษฝ่ายค้าน (ดูความคิดมัน) และอยากให้ไอ้กัน ช่วยลองหันกลับไปคิดซิว่ามันควรจะช่วยตรวจสอบประเทศตัวเองให้ดีก่อนมั๊ย เพราะย้อนไปเมืองนิวออร์ลีน โดนพายุถล่มเมืองซะ ยังไม่รวมอีกตั้งหลายเมืองที่เกิดภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงน่ะ

 

อย่าไปเชื่อไอ้กันมันมากหนัก มันเคยช่วยใครโดยไม่หวังผลประโยชน์บ้าง ลองคิดดูดีๆครับ ตั้งแต่สงครามเวียดนาม สงครามอิรัก อัฟกานิชถาน แล้วตอนนี้จะมาใช้ไทยเป็นฐานในการสอดแนม แล้วที่บ้านมันบรรยากาศก็วิปริตมากกว่าเราอีก ทำไมมันแก้ไขไม่ได้ ทั้งพายุ น้ำท่วม ไฟป่า แล้วไงละ ช่วยตัวเองก่อนเถอะไอ้กัน

 

เห็นด้วยกับคุณ Max&Min ครับ อเมริกาต้องการมาสอดแนมจีนและเกาหลีเหนือแค่นั้นแหละครับ

 

ปีนี้ไอ้กันก็โดนไปหลายลูกแล้ว บ้านมันดันไม่ตรวจสอบ แต่ดันจะมาตรวจสอบอีกฝากของโลก

 

"ใต้ประภาคารนั้นมืดมิด"

Toodai moto kurashi.

"โทได" หมายถึง จานใส่น้ำมันเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงจุดไฟให้แสงสว่าง หรือหมายถึงเชิงเทียนก็ได้ แม้ว่าไฟที่จุดอยู่นั้นจะส่องแสงสว่างไปในบริเวณรอบๆ ก็ตาม
แต่ใต้เชิงเทียนนั้นจะเกิดเป็นเงามืดขึ้น เปรียบเสมือนสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวแต่กลับไม่ค่อยรู้และไม่ได้นึกถึง

คนไทยเราเองก็มีปัญญาความสามารถอย่าได้มองข้ามภูมิปัญญาและความสามารถของเราเอง....
อย่าได้เห็นเพียงแค่ผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆที่ไอ้กันมันหยิบยื่นให้เผลอๆผลประโยชน์นั้นมันแฝงด้วยยาพิษก็เป็นได้....

 

เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านข้างบนครับ

 

ขอบคุณมากครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ .....

 

วันที่ 29 มิถุนายน 2555

วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง... เป็นเรื่อง ที่เพื่อนสนิทสุดๆ ตั้งแต่เด็ก ชื่อ กั้ง ... อยู่แถวดอนเมือง... เขาถามเรื่องหมาหาย (ขอเรียกง่ายๆ ละกันเนอะ ไม่เขียนสุนัข) ... เป็นหมาของพี่ชายเค้า... ซึ่งบ้านอยู่แถวบางรัก... ซึ่งเค้าก็ถามว่า หมามันหายไปได้อย่างไง ใครอุ้มไปหรือเปล่า เพราะเป็นหมาอายุ 5 ปีแต่ตัวเล็กน่ารัก... เราก็บอกว่า เพ่งจิตแล้ว หมายังอยู่นะ (หายไป 1 อาทิตย์) แต่ตอนนี้ โทรมเชียว ขนมอมไปหมด... มีโดนหมากัดด้วย ผอมเลยละ... เค้าก็เลยบอกว่า แล้วจะหามันอย่างไง ปูก็แนะนำว่า "หาเองไม่เจอหรอกนะ ให้เอารูปและรายละเอียดหมา ไปติดที่ ATM เซเว่น

เค้าก็ทำตาม... แล้วก็ผ่านไปอีก 2 อาทิตย์ ... จู่ๆ ก็มีคนโทรมาว่า เจอหมาแล้ว... ให้นัดที่ และไปรับหมา ซึ่งเค้าก็ให้เงิน 1 พัน ตามประกาศหาหมา... ในที่สุดก็ได้น้องหมาคืน... หลังจากผ่านไป 3 อาทิตย์ ตามคำที่บอกปูเลย... คือ เขาจะหาเองไม่เจอ แต่ถ้าติดประกาศจะเจอ... เพื่อนเลย ทึ่งในความสามารถนี้ และไปแนะนำคนมาให้ปูเพ่งจิตช่วยคน อีก

ส่วนวันนี้ ... ได้ทองจากเป๊บซี่อีก 2 สลึง... และได้กิ๊ฟเซตมูลค่า 1500 เมื่อวาน... แต่ที่แปลกก็คือ เป็นชื่อที่ปู เห็นว่า จะได้จริงๆ ชื่อ วาสนา เส็งสิน... เป็นคนตาบอดที่ปู เห็นชื่อนี้ ว่าเค้าจะได้ และไปหาเจอเบอร์โทรเขา (เขาย้ายไปอำเภออื่น) และโทรหาเขาหลังจากไม่เจอกันมา 1 ปี... เขาก็ยังแปลกใจว่า เราโทรมาทำไม เราก็บอกว่า "พี่ว่า วาด(ชื่อเค้า) จะได้รางวัลนะ" ถ้าได้ เดี๋ยววาดส่งบัตรประชาชนให้พี่ด้วยเดี๋ยวโอนให้ 500 ค่าชื่อนะจ๊ะ" ... ซึ่งวันนี้ก็เป็นไปตามนั้น ได้ชื่อเค้าจริงๆ ... อาที่บ้าน ขนลุกเลย... พึ่งคุยกัน อาทิตย์ที่แล้วเอง ว่า จะได้ชื่อนี้

 

พรุ่งนี้จะเฉลยเกมแล้วนะคะ ... ใครยังไม่ได้เล่น ย้อนไปดู สัก 2-3 ที่แล้ว ^.^"