…

ใช่ครับเพราะหากทดลองทำแล้ว ก็รู้เอง เป็น "ปัจจัตตัง"(รู้ได้เฉพาะตน)

แต่ปัญหาคือ "คนส่วนใหญ่เขาเข้าใจว่าทำ" นั่นแหละ เลยต้องมาเถียงกันไปเรื่อยๆในเว็บ แต่หากเป็นผู้มีปัญญา ย่อมรู้ว่า "ไม่มีใครฉลาดที่สุดในโลก แม้แต่ขอทานก็มีความรู้ที่เศรษฐีไม่รู้" ดังนั้นควรฟังทุกคน "แต่ไม่ควรเชื่อ" สิ่งที่ควรจะเชื่อคือ "ผลลัพธ์" ที่แสดงออกมาครับ เพราะมันเป็นความจริง(สัจธรรม) จากการทำครับพี่สาว

 

ยาจกสอนเศรษฐีได้ ถ้ามี "วิธีทำ" ครับ แต่ส่วนใหญ่ เวลาคนเขา "ด่ากัน" ในบอร์ดนี้มันเป็น "อภิปราย" หรือบางคน "เป็นสมมุติฐาน" ดังนั้นมันไร้ประโยชน์ทั้งหมดเลยถ้า "ไม่มีวิธีทำ" ที่พี่สาวโพสท์มาจริงๆมันดีในกรณีของแนวคิด(ใช้ทางโลก) แต่สำหรับการปฏิบัติธรรมมันยังไม่ใช่นั่นแหละครับ ผมเลยมาบอกพี่สาวน่ะ แต่อยู่ที่พี่สาวจะเข้าใจไหม(เข้าใจจากการทดลองทำ) นั่นแลฮับ

 

และในกรณีเดินฌาน พี่สาว สามารถ "เร่งสภาวะธรรมที่ปรากฏได้" เพราะฌาน คือ "ตน" นั่นแหละ เหมือนที่พี่สาว "ซ่านออกไป" นั่นแหละสามารถเร่งจนซ่านขึ้น ฟินขึ้นได้นะครับ

และสังเกตุไหมครับ เวลาที่พี่สาวทำ "ความรู้สึกตัว" มันไม่ทั้งตัว และสภาวะธรรมบางส่วนมันไม่เหมือนกัน ควรแก้โดยการ "มีความรู้สึกทั่วตัวและทั้งตัว" และ เปลี่ยนสภาวะพร้อมๆกันนะครับ หากทำได้แม้เดินอยู่ก็เข้าฌานได้ครับ

 

สภาวะที่ปรากฏ เช่นแน่น หรือ ซ่านออกไป ให้เพิ่มอาการของสภาวะนั้นเพิ่มขึ้นเหมือนเร่งความรู้สึกตัวครับ

 

ใช่ครับ แบบที่ผมเขียนมาคือ วิธีทำ/วิธีตรวจสอบ ขณะที่หลายๆคน "พูดไปเฉยๆแต่ไม่มีวิธีทำแล้วคนอื่นจะรู้ได้ยังไงว่าคำพูดของเขานั้น ใช่แล้ว" นี่แหละคือที่มาของคำว่า "ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม" เพราะความจริงไม่ว่ายังไงมันก็เป็นความจริงอยู่ดีใครจะค้านไม่ได้ฮับ

 

ยังบ่ใช่ฮับพี่สาว ความคิดไม่มีซ่าน ให้พี่สาวลองทดลองคิดดู ขณะที่ยังอยู่ในความรู้สึกตัว มันจะมีอาการเหมือนฟองอากาศลอยขึ้นมา

ดังนั้น ฌาน คือความรู้สึกตัวที่เปลี่ยนสภาวะไปตามอารมณ์ฮับ แต่จะไม่ตั้งมั่น(สมาธิ) ถ้าจิตสอดส่ายไปทั่วจึงต้องหาฐานให้มันอยู่ไม่ว่าจะ ลมหายใจ หรือ กาย ฮับ

 

ไม่จำเป็น แต่ต้องทำยังไงให้รู้ถึง สภาวะตามจริงของ "อัตตาจิต"(ตัวเพ่ง) กับ เวทนา(ความรู้สึกตัว) และ ธรรมารมณ์(อารมณ์) ดังนั้นจะกินยาแบบไหนก็ตามสะดวกเลยครับ ถ้ายานั้นทำให้รู้ถึงสามสิ่งนี้

วิธีทำใดๆที่ทำแล้วรู้ถึง "สามสิ่งนี้" เป็นสัมมาทิษฏิทั้งหมดนะฮับ

 

ยินดีด้วยคุณได้รับความสุขในการทำงานกลับมาแล้วนะครับ ต่อไปความสุขเกี่ยวกับผองเพื่อนคนรู้จักก็จะตามมาครับ

 

"คนรู้จัก" ก็นับเป็นเพื่อนนะฮับ ขอบอกกก

 

5555 โอเคครับพี่สาวเอาไปนินทาเลยฮับ. ตามสะดวก

 

อุ่ย... มานั่งฟังด้วยคน

 

ฮูหยิน นัมเบอร์ แปด ?

 

รออวยพรน้องหนิงก่อน เรื่องนั้นขอเก็บไว้ก่อน เอิ้กๆๆ

 

หลายนัมเบอร์เชียวฮับ 555

 

กินหนมระวังอ้วนนะฮับ โรคจิตนี่ผมไม่เกี่ยวนะฮับ ยังไม่ได้อะไรเลยนะเอ้อ

 

สัจธรรม(ความจริง)ไม่เคยหลบซ่อนจากใคร เพราะพี่สาวก็รู้อยู่กับใจตน ณ ปัจจุบัน ขณะเลยว่า "ตนนั้นทุกข์อยู่" ไม่ว่าใครจะรู้หรือไม่รู้ เราก็รู้อยู่ดี ดังนั้นความจริงไม่เคยซ้อนอยู่ "แต่เราไม่เห็นมันเองตังหาก" และเมื่อคิด = อยู่ในความคิด สภาวะรู้(วิชชา)รอบกาย หดไป กลายเป็นไม่รู้(อวิชชา)[ตัวอย่างเช่นขณะที่กำลังจะหลับการรับรู้สภาวะภายนอกจะเริ่มไม่รู้ขึ้นเรื่อยๆ] และเมื่อ เพ่ง/ดู บางสิ่งมากๆ สภาวะรอบข้างก็ไม่รู้(อวิชชา)เช่นกัน ทดลองโดยการเพ่งทำงาน เราไม่รู้รอบกายไม่รู้อะไรเลย


"ดังนั้นหากพี่สาวไม่อยากทุกข์อีกแล้ว" ก็ลองเรียนรู้ดูเอาฮับว่า "ทุกข์เพราะอะไร?" ไม่ว่าจะทุกข์เพราะไม่รู้ ทุกข์เพราะคิด และทุกข์เพราะยึด ใช่หรือไม่
ดังนั้น ใต้ภูเขาน้ำแข็งจะเป็นยังไงก็ได้ บนภูเขาจะเป็นยังไงก็ได้ "ภูเขาน้ำแข็ง" นั้นมันก็อยู่อย่างงั้นของมัน "แต่เราไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็ง" นะฮับ "เราจะเป็นภูเขาน้ำแข็ง ก็ต่อเมื่อ เพ่ง/ดู/ยึด มันเป็นเรา" นะครับ

 

ขณะที่เปลี่ยนคิดว่ามันสวยดี เหตุผลที่เปลี่ยนเพราะอารมณ์ล้วนๆฮับ

 

สวัสดีครับ คนมีเสน่ห์ ฮ่าๆ

 

การมีภรรยา และนึกถึงความรักที่งดงามตอนเราเป็นวัยรุ่น ที่ยังไม่ใช่แบบแย่งชิง เหมือนเรื่อง ผัวๆไเมียๆ
แต่เป็นเรื่อง รักแบบ รักใสใสหัวใจสี่ดวง ก็ทำให้เรากระชุ่มกระชวยอีกครั้งครับ

 

มีอะไร มันพัง ไป
เชิญเอามาที่เรา
หนักเบาเราซ่อม ได้
( จะซ่อมให้ )
วีดีโอ ซีดี
อารมณ์ดี ที่ยังมิดี
จะซ่อมให้
( ละซ่อมได้ )
เรามีความยินดี
ที่จะคอย มาบริการ
เรามีความชำนาญ
เราเชี่ยวชาญโดยตรง
คุณจงเรียกใช้ ด่วน