ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386

    อ้อยขอกราบขอบพระคุณพี่มากเลยนะคะ ขออนุโมทนาค่ะ ^_^
     
  2. คาเรีย

    คาเรีย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +3,611

    ขอบคุณมากค่ะพี่ หนูจะตั้งตนในความไม่ประมาทค่ะ ^^
    สู้ๆ :VO
     
  3. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    อนุโมทนาค่ะ

    ขอให้ความใฝ่ดีของน้องเป็นบุญนำพาน้องไปสู่จุดหมายเบื้องหน้าคือพระนิพพานค่ะ สาธุ
    พี่ก็ไม่ได้เก่งอะไรนะคะ คือสงสัยว่าองค์พระศาสดาจะชี้แนะให้มาทางนี้มากกว่า
    เพราะอยู่ๆ เรียนอยู่แค่ปี1 มันปิ๊งกับหนังสือวิปัสสนาแบบ "หัวใจกรรมฐาน"
    ( แหะๆ ต้องกราบเรียนสอบถามพี่ Me,myself )
    ไม่ทราบสิคะ กุ้งรู้สึกว่าตรงนี้มันตรงกับจริตเรา เพราะเคยพยายามเพ่งรูปพระพุทธองค์เท่าไหร่ก็ไม่ได้ T_T
    ก็ฝึกสมถะกับวิปัสสนาค่ะ แต่ก็ไม่ทราบว่าตัวเองถึงระดับไหนนะคะ เพราะว่าไม่มีอาจารย์ฝึกให้ แต่เราจะรู้สึกว่าเราจะชอบกับความสงบนิ่ง ว่าง
    ตอนนี้กำลังฝึกถอดกายทิพย์ตอนหลับค่ะ หากว่าได้ผลยังไง จะมาเล่าให้ฟัง
    ( ขออนุญาตหน่อยนะคะพี่ Me,myself พี่สาวใจดีอยู่แล้ว ใช่มั้ยคะ อิๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2009
  4. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615

    เสาร์ อาทิตย์ ไปสัตหีบมา..เอาบุญมาฝากทุกท่านค่ะ ไปทำบุญที่วัดหลวงพ่ออี๋, วัดช่องแสมสาร , วิหารหลวงพ่อดำ และไปสักการะศาลกรมหลวงชุมพร บนเขาปู่เจ้า และที่ นย.

    เมื่อเช้าเข้ามาตามอ่าน..เห็นข้อความที่คุณ Me,myself เขียนไว้ ในใจคิดว่าจะตอบคล้ายๆ กับที่คุณวิณวิญ ตอบเลยค่ะ ขออนุญาต Quote มาให้กำลังใจ คุณ Me, myself อีกครั้งนะคะ

    เพิ่มเติมให้น้องอ้อย ในเรื่องการถ่ายทอดพิธี "มหากฐิน" มาให้ญาติธรรมได้ชมแบบออนไลน์สักนิดนะคะ เข้าใจว่าการถ่ายทอดผ่านเว็บแคม เชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตไร้สาย (ไวไฟ) โดยใช้อุปกรณ์คือ
    1. Notebook
    2. webcam (กล้อง)
    3. เครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ไร้สาย)
    ไม่แน่ใจว่า ในส่วนของวีดีโอ ของเว็บพลังจิต เราต้องไปสร้างการถ่ายทอดไว้ก่อนหรือเปล่านะคะ (เสมือนเป็น Server เพื่อให้คนเข้ามารับชมไปพร้อมๆ กัน) อย่างไรแล้ว พี่หนิงมี IP Camera ที่ต้อง set ค่า ที่เครื่อง Notebook ให้ยืมใช้ค่ะ (ขออนุญาตเจ้าของไว้แล้ว หากต้องการบอกได้นะคะ ส่งการตั้งค่าผ่านทาง PM ได้ค่ะ หรือ จะใช้ช่วงเวลาของ Free Server จำพวกที่ให้พื้นที่สำหรับการออนไลน์วีดีโอ ก็ได้ค่ะ)

    ดูจะยุ่งยากไปหรือเปล่าหนอกับวิธีการที่บอกไว้..แหะๆ แต่อย่างไรแล้ว อย่าลืมถ่ายวิดีโอไว้ให้ยืมก็อปปี้ด้วยนะคะ ไม่ได้ไปร่วมพิธีทั้งๆ ที่อยากไป

    ท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้คุณคาเรีย.. มีสมาธิ และปฏิบัติได้อย่างไม่มีสิ่งใดรบกวนนะคะ (ตัวเอง ยังไม่ได้เริ่มไปไหนเลย..ได้แต่สวดมนต์ และขอถือศีล 5 ให้ครบถ้วนเองค่ะ)
     
  5. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kung_9894 [​IMG]
    วันก่อนได้เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการระงับความโกรธค่ะ
    จำพระอาจารย์ไม่ได้ ท่านบอกว่าหากใครมาพูดให้เราโกรธก็ให้ถือซะว่าเป็นเพียงลมที่ผ่านหูเท่านั้น จะทำร้ายร่างกายเราให้เจ็บปวดก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปเก็บมาใส่ใจ
    ส่วนกรรมหนักนั้น ยังไม่เกิดขึ้นกับตัวนะคะ แต่ชีวิตที่ผ่านมานั้นได้ทำบุญมาตลอด และโดนกระทำมาตลอดด้วย ก็ไม่เคยจะถือโกรธใครจริงๆ ก็ให้อภัย
    แต่เรื่องทำสมาธินั้นกุ้งไม่ได้ฝึกแบบมโนมยิทธิค่ะ แต่ฝึกแบบวิปัสสนา ก็นั่งมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้ฝึกแบบจริงจังเข้มข้นมาก คือลักษณะฝึกแบบคลายเครียดมากกว่า
    แต่พอได้มาอ่านที่นี่ก็รู้สึกว่ามันตรงกับที่เราสนใจ แต่ด้วยภาระกิจในแต่ละวัน เป็นแม่ลูกอ่อนค่ะ ต้องเลี้ยงลูกด้วย แต่ตั้งแต่เริ่มสมัครเป็นสมาชิกในเวปนี้มา 1 เดือนแล้ว ก็สวดมนต์ทุกวันและพยายามหาเวลาฝึกจิต นั่งสมาธิ ก็รู้สึกเริ่มจะเข้าใจจิตตัวเองมากขึ้น เพราะตามดูจิต อารมณ์ก็เริ่มมั่นคงมากขึ้น ได้อะไรเยอะมากจริงๆ ถ้าไม่เริ่มทำด้วยตนเอง ก็ไม่เข้าใจเหมือนพี่ Me,myself ว่านั่นแหละค่ะ
    ขออนุโมทนา
    ปล.วันนี้ไปทำบุญเดือนสิบที่วัดมา เอาอาหารไปถวายพระ และถวายปัจจัยบังสุกุล ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำมา ขอให้ส่งไปยังบรรดาญาติธรรม และกัลยาณมิตรทั้งหลาย เป็นกุศลปัจจัยนำพาทุกคนไปถึงยังฝั่งพระนิพพานด้วยเทอญ สาธุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ขออนุโมทนากับคุณกุ้งด้วยนะครับ

    และขอเรียนถามเกี่ยวกับการฝึกแบบวิปัสสนาที่คุณกุ้งปฏิบัติมาด้วยครับ
    ใช่การดูจิตรึเปล่าครับ?

    ผมอยากจะพูดคุยกับคุณกุ้งเกี่ยวกับการปฏิบัติ
    ถือว่าแลกเปลี่ยนทัศนะกันนะครับ
    ผมเองเคยฝึกมโนมยิทธิแต่ยังไม่เป็นผลเท่าไหร่ รู้สึกว่าตัวเองยังทำไม่ได้ตามที่หลวงพ่อสอน ผมเลยเปลี่ยนมาศึกษา "มหาสติปัฏฐานสูตร" จากเทปของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ตอนนี้ก็ลองปฏิบัติตามมหาสติปัฏฐานสูตรดูเผื่อจะตรงกับจริตของตัวเอง
    ผมเข้าใจว่าที่คุณกุ้งปฏิบัติแบบดูจิตนั้น
    ก็คือการปฏิบัติตามแบบ "มหาสติปัฏฐานสูตร" นั่นเอง
    ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่านะครับ


    อนุโมทนากับทั้งสองท่านด้วยนะคะ จริงๆแล้วไม่ว่าจะศึกษากรรมฐานสายไหนก็มีประโยชน์ทั้งนั้น จุดหมายปลายทางก็คือสิ่งเดียวกัน ดิฉันเองก็ไม่ได้ยึดเอาแต่มโนมยิทธิอย่างเดียว ก็ศึกษาจากทางสายอื่นเหมือนกัน ทางสายสุขขวิปัสสโกแบบหลวงปู่มั่นก็ศึกษาไปด้วย หลวงพ่ออื่นๆดิฉันก็ศึกษาวิธีปฏิบัติของท่านเหมือนกัน คนเราแต่ละคนมีจริตไม่เหมือนกัน ความชอบในแต่ละสิ่งก็ย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา ดังนั้นก็ต้องหาในสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัดซึ่งก็คือถูกจริตกับตนนั่นเอง ดังนั้นถ้าเห็นว่าคนไหนเขาวิ่งออกไปหาอาจารย์โน้นอาจารย์นี้ก็อย่าไปว่าเขานะคะ บางทีเพราะว่าวิธีปฏิบัตินั่นยังไม่ถูกจริตกับเขาก็ได้

    ส่วนดิฉันจะถูกกับมโนมยิทธิเป็นพิเศษก็เพราะของเก่าทำมาแบบนั้น ซึ่งบางคนก็หาว่าเป็นเรื่องงมงาย ไม่เป็นจริง หลวงพ่อท่านก็เคยถูกคนปรามาสมาก็เยอะ อยากให้คิดกันสักนิดคือดิฉันเองได้วิชามโนมยิทธิมาตั้งแต่ยังไม่เคยรู้จักหลวงพ่อเลยด้วยซ้ำ แถมมาเองอีกต่างหากแล้วตัวเองก็ไม่ได้รู้จักซะด้วยว่ามันคืออะไร จนตอนหลังมาอ่านเจอเรื่องราวของหลวงพ่อแล้วมาศึกษาจริงจังก็ปีนี้เอง (ผ่านมายี่สิบกว่าปี เพิ่งมาหายโง่) หากว่าผู้ที่ปรามาสหลวงพ่อว่าเอาเรื่องไม่จริงมาสอน ก็แปลกที่ว่าทำไมดิฉันได้วิชานี้มาทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักหลวงพ่อ ไม่เคยพบตัวจริงท่านตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ ไม่เคยรู้จักเกี่ยวกับมโนมยิทธิมาก่อน ถ้าวิชานี้ไม่มีจริง ทำไมดิฉันถึงได้มันมาแล้วก็มาตรงกับของหลวงพ่อ ก็แค่บอกเล่าสู่กันฟังค่ะ อย่าซีเรียส

    ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีสองด้านเสมอ มโนมยิทธิเองหากคนได้แล้วใช้ไม่เป็นก็อาจจะกลายเป็นเหตุให้หลงไปได้เหมือนกัน แล้ววิชานี้จริงอยู่ว่ามันเอาไปใช้ดูนรกดูสวรรค์แทนที่จะมาดูจิตตัวเองเหมือนที่หลวงพ่อท่านก็โดนปรามาสมาอย่างนี้ ดิฉันไม่เถียงค่ะว่า จริงๆวิชามโนมยิทธิก็คือการเอาจิตออกนอก แต่ถ้าศึกษาให้ลึกซึ้งจริงๆสิ่งสำคัญมันไม่ใช่เรื่องการได้ออกไปเที่ยวดูโน่นดูนี่หรอกค่ะ สุดท้ายหลวงพ่อท่านก็สอนให้เราละตัวตนให้ได้ ท่านก็ให้วกกลับมาดูที่จิตตัวเองอยู่ดีนั่นแหละ ให้พิจารณาขันธุ์ห้าว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ ให้พิจารณาถึงทุกข์นั่นเอง ไอ้เรื่องไปเที่ยวน่ะมันผลพลอยได้ วิชานี้มันเอาไว้สอนพวกที่ไม่เชื่อ พวกอยากรู้อยากเห็น ต้องรู้ต้องเห็นก่อนถึงจะเชื่อ

    ดิฉันเองก็ไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้มามันจะดีกว่าคนอื่นตรงไหน แถมแทบจะไม่ค่อยได้เปิดจิตหรือฝึกซ้อมอะไรซะด้วย ลึกๆสนใจในข้อธรรมมะที่หลวงพ่อแล้วก็ที่สมเด็จองค์ปฐมและพระศาสดาสอนซะมากกว่า จะมีดีกว่าคนอื่นตรงที่ว่าได้ขึ้นไปเฝ้าพระศาสดาแล้วก็ทูลถามเรื่องธรรมะโดยตรงเท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นธรรมะที่ท่านสอนมันก็เหมือนๆกับที่เราๆท่านๆรู้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าใครจะรับไปปฏิบัติหรือไม่ก็แค่นั้นเอง มโนมยิทธิก็เป็นเพียงกุศโลบายอันนึงเพื่อให้เราเข้าถึงธรรมะเท่านั้น หากใครไปหลงติดก็พลาดจากหนทางแห่งการหลุดพ้น หลวงพ่อท่านสอนให้ละสักกายทิฏฐิให้ได้ในที่สุด ปล่อยวางทุกสิ่ง นั่นคือหัวใจสำคัญ

    แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากซึ่งไม่สามารถเข้าถึงธรรมะได้โดยง่าย ซึ่งพระศาสดาท่านก็จัดไว้เป็นสี่เหล่า หลวงพ่อท่านเองก็กล่าวให้ฟังบ่อยๆว่า คนเราบางคนก็อ่านปุ๊ปเห็นปุ๊ปเข้าใจได้ทันที บางคนต้องอธิบายอีกหน่อยถึงเข้าใจ บางคนก็ต้องอธิบายมากหน่อยใช้เวลาแต่ก็พอจะยังเข้าใจ ส่วนบางคนไม่รับฟังอะไรทั้งนั้นอันนี้ท่านก็ว่าให้ปล่อยไปค่ะ สอนไปก็ป่วยการเปล่า

    ดังนั้นหลวงพ่อท่านถึงยังต้องมีการไปเที่ยวดูนรกสวรรค์แล้วก็เอามาเล่าให้ลูกหลานฟังเพื่อให้รู้ถึงกฏแห่งกรรมเพราะว่าคนเรามันมีจริตไม่เหมือนกันไงคะ แล้วที่ดิฉันยังต้องเอามาเล่าให้ฟังก็เพราะเหตุผลเดียวกัน แต่อยู่ที่ผู้อ่านว่าจะใช้ปัญญาพิจารณากันได้ขนาดไหน ใครจะอ่านเป็นนิยายสนุกแล้วผ่านเลยไปก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ว่ากัน เพราะคนเรามีกรรมมาไม่เหมือนกันค่ะ อย่างเรื่องของชบากับลำดวนที่เอามาเล่าให้ฟังกัน บางคนก็อาจจะหาว่าเราอุปทาน ไม่เชื่อบ้างละ คนอะไรมันจะไปนิพพานง่ายขนาดนั้น ดิฉันก็ไม่เคยขอให้ใครเชื่อ ให้ใช้ปัญญาพิจารณากัน เพราะของอย่างนี้เป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน แล้วไม่เชื่อก่อนอ่ะดีแล้ว เพราะพระศาสดาก็สอนว่าไม่ให้เชื่ออะไรในทันทีตามกฏกาลามสูตร มันต้องไปทำก่อนแล้วดูว่ามันจริงไม่จริง แต่ถ้าจะให้ดิฉันพูดอีกทีในเรื่องของชบากับลำดวน หากว่าใครมีปัญญาพิจารณาดูไม่ได้อ่านเอามันส์ ก็จะมองเห็นว่าท้ายที่สุดที่ทั้งสองคนขึ้นไปบนนั้นได้เพราะอะไร เพราะทั้งคู่ละเรื่องสักกายทิฏฐิได้หมดในตอนสุดท้ายนั่นเอง

    ส่วนบางคนก็บอกว่าให้ฝึกสมาธิจนให้ถึงฌานสี่ ไม่ต้องไปสนใจอยากเห็นอะไรหรอก ให้ฝึกให้ได้ฌานสี่ก็พอ ถ้าเป็นแค่นั้นก็ไม่เกิดผล ถ้าฝึกให้ได้ฌานสี่แล้วคุณต้องหันมาจับวิปัสสนาพิจารณาถึงทุกข์ทั้งหลายด้วย แล้วก็ฝึกละสังโยชน์เพื่อความหลุดพ้นมันถึงจะไปถึงจุดหมาย จริงๆทุกทางมันก็ต้องมาจบลงกับการที่เราต้องละ ปล่อยวางทั้งหมดนั่นแหละค่ะ ไม่ว่าจะฝึกมาสายไหนๆอยู่ที่ว่าคุณเข้าใจในธรรมะเพื่อการหลุดพ้นหรือเปล่าเท่านั้นแหละ

    สำหรับดิฉันเองก็ไม่ได้ว่าตัวเองดี ตัวเองยังเลวอยู่อีกมาก ศีลก็ไม่ค่อยบริสุทธิ์หรอกค่ะ เพราะอะไร เพราะทุกวันก็ต้องรบกับมดที่บ้านอยู่เลย พยายามหลีกเลี่ยงยังไงมันก็ต้องมีการตายเกิดขึ้นทุกที ซึ่งบางทีก็รู้ว่าไม่ควรเอามาคิดมากเพราะอาจจะเป็นด้วยกรรมของมดด้วย แต่ก็อ่ะนะก็ไม่ค่อยสบายใจเหมือนกันแหละ เรื่องอารมณ์โกรธ โมโหก็มีเป็นปกติเพราะว่าเป็นคนธรรมดาๆอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราต้องรู้ตัวแล้วระงับอารมณ์นั้นเท่านั้นเอง ทุกวันนี้ไม่เคยคิดจะไปว่าใคร เพราะนั่นทำกับว่าเราเลวกว่าเขา พระศาสดาสอนว่าให้ดูที่ตัวเรา ต้องเพ่งโทษตัวเองอยู่เสมอ จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำไม่ใช่คนอื่นทำให้เราเป็น ก็เลยฝึกพรหมวิหารสี่ไว้ตลอด รู้สึกว่าตัวอุเบกขาจะใช้บ่อยมากๆๆ ฮา

    ก็บอกเล่าสู่กันฟัง แล้วแต่พวกท่านจะใช้ปัญญาพิจารณาว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี อันไหนเหมาะหรือไม่เหมาะกับตัวท่าน ขอให้พระรัตนตรัยคุ้มครองทุกท่านให้พบทางสว่างนะคะ และขอให้ได้ถึงซึ่งนิพพานในชาตินี้ค่ะ สาธุ
     
  6. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    พี่ Me,myself ขา
    ลองย้อนไปดูคำตอบข้างบน อ่านแล้วคล้ายๆกันป่าวคะ ( ใจตรงกันนะคะเนี่ยะ อิๆ )
     
  7. titaporn

    titaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +418
    ตอนนี้เจี๊ยบกำลังฝึกสมาธิเพื่อระงับอารมย์โกรธอารมย์ห่วงค่ะ แต่ไม่ทราบจะได้มากน้อยเพียงใด มีวิธีใดบ้างค่ะ พอจะแนะนำได้หรือไม่
     
  8. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    บันทึกวันที่ 5 ก.ย. 52 ได้ขึ้นไปเฝ้าพระศาสดา ไปถึงก็ไปที่วิหารท่าน แต่เอ๊..ทำไมวิหารวันนี้มันแปลกๆวุ้ย

    ดิฉัน - นมัสการพระศาสดาค่ะ

    พระศาสดา - นมัสการจ้ะ

    ดิฉัน - (คิดในใจ.. เอาละเหวย..ใครอีกละนี่ ดันมานมัสการตรูซะได้นี่) ท่านเป็นใครอ่ะ

    พระศาสดา (ตัวปลอม) - นั่งหัวเราะ

    ดิฉันก็เลยนั่งมันเฉยๆ กำหนดจิตดู แล้วอยู่ๆกายก็มีแสงออกมาเฉยๆ จนไปโดนพระศาสดาปลอมจนต้องคืนร่างเดิมออกมา เป็นเทวบุตรมารมาคอยแกล้งนี่เอง จากนั้นก็เห็นพระศาสดาเสด็จมา แล้วท่านก็ให้ตามท่านไป

    พระศาสดา - ไปที่วิมานเธอกัน

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ

    พอไปถึงที่วิมานก็เห็นพวกบริวารวิ่งกันวุ่นเลย

    บริวาร - พระศาสดาเสด็จมา เร็วๆ

    จากนั้นพระศาสดาก็เสด็จเข้าไปประทับยังข้างใน ดิฉันและบริวารก็ได้นมัสการกราบพระองค์ท่าน แล้วท่านก็สอบถามเรื่องชีวิตประจำวันนิดหน่อย แล้วท่านก็กล่าวว่า

    พระศาสดา - ว่าไง เจ้าอ้อยเขาอยากรวมวิมานเรอะ

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ

    พระศาสดา - อืมม...ไม่ค่อยไปดูวิมานตัวเองเลย มืดมัวไปหมด

    ดิฉัน - ค่ะ แล้วจริงๆรวมได้ไหมเจ้าคะ

    พระศาสดา - รวมได้ มันอยู่ที่เธอ เธอจะอนุญาตหรือเปล่าละ

    ดิฉัน - ค่ะ งั้นรวมก็รวม เพราะไม่ยังงั้นวิมานก็หมอง บริวารก็หมองค่ะ

    พระศาสดา - ได้ ตกลงว่ารวมวิมานเป็นบริเวณเดียวกัน

    พอท่านพูดจบกำแพงแก้วที่มันคั่นกลางระหว่างวิมานของเราทั้งสองคนก็หายไป แล้วแสงสว่างก็ไล่จากวิมานดิฉันไปจนทั่ววิมานของน้องอ้อย ก็ทำให้ทั่วทั้งบริเวณสว่างขึ้นมาทันที

    พระศาสดา - ตอนนี้วิมานของเธอสองคนก็ใหญ่กว่าใครในบริเวณนี้แล้ว เอาละพระศาสดาจะกลับวิหารละ เธอไม่ต้องไปส่งหรอกนะ อยู่ดูวิมานไปก่อนแล้วกัน

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ นมัสการค่ะ

    บริวาร - นมัสการค่ะ/ครับ

    หลังจากนั้นพระองค์ก็เสด็จกลับวิหาร หลังคล้อยหลังพระศาสดาเท่านั้นแหละ เหล่าบริวารทั้งหลาย กระโดดเข้ากอดกันใหญ่เลย

    --------------------------------------------------------------------------

    โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน กรุณาอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กันยายน 2009
  9. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    สวัสดีครับ คุณอ้อย ถ้าจะสอบถามอะไรเพิ่มเติมติดต่อทาง pm ได้เลยครับ ยินดี

    ขอบคุณครับ อาจารย์แม่
     
  10. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    กราบขอบพระคุณสำหรับน้ำใจงามๆของพี่Doughnutด้วยนะคะ
    ช่วงนี้อ้อยกำลังศึกษาอยู่ค่ะ หากจำเป็นต้องใช้ยังไง อ้อยจะขออนุญาตรบกวนไปทาง pm อีกทีนะคะ ^_^
     
  11. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    และต้องขอกราบขอบพระคุณอาจารย์แม่ของคุณณัฐเดช และคุณณัฐเดชอีกครั้งนะคะ
    อยากให้อาจารย์แม่มางานนี้ด้วยค่ะ แต่เสียดายที่ช่วงเวลาวันที่ 23-25 ต.ค อาจารย์แม่ติดธุระ ยังไงอ้อยจะพยายามหาวิธีถ่ายทอดสดให้ได้นะคะ ส่วนการถ่ายวีดีโอเพื่อทำเป็นไฟล์มาโพสในกระทู้นั้น ก็จะทำด้วยค่ะ เผื่ออาจารย์แม่และเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่านจะได้มาดูด้วยกันค่ะ

    คุณณัฐคะ ถ้ายังไงอ้อยจะขออนุญาตรบกวนไปทาง pm นะคะ แต่ตอนนี้ขอศึกษาก่อนค่ะ ภาษาเหนือเรียก งมๆซวามๆค่ะ อิอิ
     
  12. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    สาธุ ขออนุโมทนากับข้อความของพี่me,myself ที่ได้กรุณานำเอาธรรมะของพระพุทธองค์มาเผยแพร่

    ธรรมะของพระพุทธองค์เปรียบเหมือนแสงสว่างที่จะทำให้พวกเรามุ่งสู่จุดหมายปลายทาง คือพระนิพพานนั่นเอง

    สังโยชน์ 10 หากละได้มากเท่าไหร่ ยิ่งดี
    แต่ตอนนี้ตัวอ้อยเองยังเขลาอยู่นัก ทุกวัน พิจารณาถึงความผิดพลาดของตัวเอง ก็มีเยอะอยู่ บางทีก็พลาดแล้วพลาดอีก จนอายตัวเอง

    บางทีก็ทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความเขลาเบาปัญญาของอ้อยเองบางทีทำให้พลั้งเผลอ หากข้อความของอ้อยข้อความใดทำให้บางท่านไม่สบายใจก็ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    พี่me,myselfคะ ดีจังเลยค่ะ ได้รวมกันแล้ว สงสารพี่ลำดวนน่ะค่ะ อ้อยไปไม่ถึงสักที
    ขึ้นไปคราใดแวะหาพี่ชบาก่อน คุยไปคุยมาหลับซะนี่ เลยไม่ถึงวิมานตัวเองสักที
    กราบแทบพระบาทพระศาสดาค่ะ และกราบขอบพระคุณพี่ด้วยความรักและความศรัทธาค่ะ
     
  13. คาเรีย

    คาเรีย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +3,611



    ขอบพระคุณมากนะคะ สำหรับกำลังใจที่มีให้หนู T^T หนูจะพยายามปฏิบัติค่ะ :z5


    แล้วก็ขอบคุณพี่ Me,Myself อีกครั้ง ถึงจะไม่มีอะไร (หวังว่านะเจ้าคะ)
    อย่างน้อย ก็ทำให้หนูตื่นตัวขึ้นมาอีกนิดนึง (แค่นิดนึงเหรอเนี้ย แหะๆ)



    ปล. แอบอยากไปนิพพานแบบ ท่านเจ้าตูบบ้าง T^T (ต้องเรียกว่าอะไรหว่า)
    แหม ไปไม่ได้ ดูท่าจะอายหมาจริงๆ เหอๆ ;k01
     
  14. paitoon01

    paitoon01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +4,160
    ขออนุโมทนา

    ขออนุโมทนากับข้อความข้างต้นของคุณ Me,myself ด้วยครับ

     
  15. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    ดีใจจังมีคนมาเที่ยวแถวบ้านผมด้วย (บ้านอยู่สัตหีบ) วิหารหลวงพ่อดำวิวสวยดีไหมครับ ผมคนพื้นที่เองไปมายังรู้สึกว่าเป็นวัดที่วิวสวยดีจัง (เพราะเป็นเขาติดทะเลเลย)

    ไงก็ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  16. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะพี่

    จริงๆหนูต้องกราบขอบคุณพี่ Me,myself นะคะ
    กุ้งก็บอกไม่ถูกว่าทำไมจิตใจถึงมาด้านนี้ เหมือนกับโดนกำหนดมาแล้ว
    อย่างที่พี่ว่าทุกคนชอบไม่เหมือนกัน ของอย่างนี้ทุกคนจะรับรู้ด้วยตนเองว่าชอบทางด้านไหน พระธรรมของพระพุทธองค์ก็คือหลักธรรมเดียวกันที่ช่วยให้พ้นทุกข์ สังสารวัฏ เวียนว่ายตายเกิด หลุดพ้นไปสู่พระนิพพาน
    เพราะถ้าได้ศึกษาจากหลวงพ่อฯจริงๆ ก็ตามที่พี่ Me,myself ได้กรุณาเอามา
    อธิบายได้อย่างละเอียด เพราะว่าจริงๆคนที่ได้มโนมยิทธิ จะต้องผ่านขั้นตอนการปล่อยวางขันธ์5 ก่อนถึงจะได้ ใช่มั้ยคะพี่ ( ผิดถูกประการใดคะ พี่ Me,myself กรุณาชี้แนะด้วยนะคะ หนูยังความรู้น้อย )
     
  17. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    ขำๆอีกสักเรื่องๆ สดๆร้อนๆ จากเมื่อคืน

    เมื่อคืนก่อนนอนก็ได้ไหว้พระ สวดมนต์ และนั่งสมาธิก่อนนอน

    จับลมหายใจเข้าออก ภาวนาพุทโธ พิจารณาสังขาร พิจารณาความตายได้ไม่ถึง 5นาที....

    ตึง!...(ชั้นลอยที่ผมนอนพื้นเป็นไม้) เกิดอะไรขึ้น เท้าเราตวัดไปข้างหน้าทำไมหว่า ทำไมมือเราเจ็บ ความสงสัยเกิดขึ้น ถามตัวเองไปด้วย

    แป่ว.....พอสังเกตุอาการของร่างกายถึงรู้ว่า หลับหงายหลังเกือบฟาดพื้น มือข้างขวาฟาดลงไปกับพื้นเพื่อยันตัวเองไม่ให้หัวฟาดพื้น เท้าตวัดไปข้างหน้าเพราะเสียหลักจากการหงายหลัง

    เป็นครั้งแรกที่หลับแล้วหงายหลัง หุหุหุ ปกติถ้าหลับขณะนั่งเมื่อจะรู้สึกตัวแต่ก็ยังคงนั่งอยู่

    แต่ครั้งนี้ หงายหลังเงิบเลย อารายมานจะหลับได้ลึกขนาดน้านนนนนนน ขำๆ จากการนั่งสมาธิครับ คิคิ
     
  18. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    สู้ๆครับ ปลอดภัยแน่ๆ ถ้าเราตั้งตนไว้ในความไม่ประมาท

    สมเด็จพระองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ พระอริยทุกๆพระองค์ พรหม เทวดาทั่วสากลพิภพ ท้าวมหาราชทั้ง4 ท่านปู่ ท่านย่า แม่ศรี ลุงพุฒิ ได้โปรดคุ้มครองให้ปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งปวงด้วยครับ
     
  19. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    อูย...ดีนะเนี่ยที่หัวไม่ฟาดพื้น ไม่งั้นน๊อคนับสิบเลยนะคะ พยายามต่อไปค่ะ สู้ๆ
     
  20. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856

    อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ตรงนักนะครับ พอดีอ่านเจอของหลวงพี่เล็ก เผื่อมีประโยชน์ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ


    ถาม : กรรมฐานกองไหนเหมาะนักปฏิบัติที่หวังจะให้หลุดอย่างจริงจัง ?

    ตอบ : จริง ๆ แล้วกรรมฐานทุกกองใช้ได้ทั้งหมด สมัยที่ปฏิบัติอยู่นะ พอพูดถึงเรื่องกามราคะขึ้นมามันจะหนักใจมาก โดยเฉพาะผู้ชายทุกคนน่ะเป็นเหมือนกันหมด คราวนี้ว่าตัวกรรมฐานคู่ศึกของมันจริง ๆ คือกายคตานุสสติกับอสุภกรรมฐาน

    แต่ปรากฏว่า อสุภกรรมทฐานนี่ถึงขนาดพี่สุรินทร์น่ะ พี่สุรินทร์ตอนนั้นแกอยู่ห้องผ่าตัดของนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกัน นั่นขนาดเขาเปิดห้องผ่าตัดให้พระเข้าไปดูเลยนะ

    เข้าไปใหม่ ๆ นี่อ้วกแตกอ้วกแตนกินข้าวกันไม่ได้ไป ๒-๓ วันเลย แต่พอนานไป ๆ ความระยำของจิตมันก็ปรากฏ มันเลือกดูแต่ที่ดี ๆ ไอ้ตรงที่ผ่ามันก็ไม่ดู ยิ่งวันไหนมีศพสวย ๆ นี่พี่สุรินทร์เขาจะโทรบอกเลย รีบมา เดี๋ยวจะผ่าให้ นั่นเจตนาดีของเขา

    แต่คราวนี้ไอ้ของเรานี่แรก ๆ มันก็ไม่ชิน มันก็ได้ผล แต่ปรากฏว่าดูไปดูมามันตายด้าน มันชักจะชินกับสภาพของมัน พอชินกับสภาพของมัน ๆ ก็เลือกไปดูตรงที่ดี ๆ ตรงผ่าเราก็ไม่ดู มันก็แย่ละวา กรรมฐานคู่ศึกมันก็ทำไม่ได้ ตัวกายคตานุสสติพยายามแยกทุกอย่างเลยนะ

    ก็ทำไม่ได้ อสุภกรรมฐานนี่ทำถึงขนาดนอนอยู่กับโครงกระดูก ๓ ปี น่ะ พิจารณาอยู่ เวลาคุยกับผู้หญิงสวย ๆ นี่เอากระดูกใส่มันครึ่งหนึ่ง ให้มันเป็นกระดูกครึ่งหนึ่งเป็นเนื้อครึ่งหนึ่ง นั่งดูมันอ้าปากแง็บ ๆๆ อยู่มันรู้สึกตลกก็ตลก แต่อีกครึ่งมันก็ยังสวย เอากะมันสิวะ ถึงเวลาแล้วใจมันสู้ไม่ได้

    ปรากฏว่า ...พอดีปีนั้นเรียนนักธรรมโท ก็จะมีอนุพุทธประวัติ คือ ประวัติของพระอรหันต์อสีติมหาสาวก ๘๐ องค์ ไปถึงประวัติของพระรัฐบาลเถระ พระเจ้าอุเทนก็อย่างว่าพระราชาใช่ไหม นางสนมเยอะ

    ท่านก็สงสัยมากถามพระรัฐบาลเถระว่า “ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นคนหนุ่ม ย่อมมากด้วยกามราคะ เหตุใดจึงทรงอยู่ในพรหมจรรย์ได้” ท่านข้องใจมากเลยตัวท่านเองท่านไปไม่รอดแน่แล้วทำไมพระทำได้

    พระรัฐบาลเถระตรัสว่า “มหาราชะ ดูก่อนมหาราช ภิกษุใน ธรรมวินัยนี้พิจารณาดังนี้ มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งมารดาก็ตั้งไว้ในที่แห่งมารดา มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาวก็ตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาว มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาวก็ตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาว มาตุคามนี้สมควรตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาวก็ตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว ดูก่อน มหาราชะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาดังนี้จึงตั้งอยู่ในพรหมจรรย์ได้”

    โอ้โห พออ่านมาถึงตรงนี้ ๓ โลกสว่างหมดเลย เห็นชัดเลยว่าเนี่ยเป็นตัวเมตตาบารมี เห็นผู้อื่นเป็นคนครอบครัวเดียวกับเราก็เลยรักเขาเสมือนคนครอบครัวเดียวกับ เรา ไอ้อารมณ์ใจที่มันจะไปคิดเรื่องระหว่างเพศแบบคนอื่นเขาก็เลยไม่มี

    พอเห็นตรงนี้นี่รู้แจ้งแทงตลอดไปเลยว่า อ๋อ มิน่าล่ะ ว่ากรรมฐาน ๔๐ กอง ๆ ใดกองหนึ่งก็สามารถไปนิพพานได้ทั้งนั้น เพราะว่าจริตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ไอ้ของเรานี่จะเอาตัวนี้ไปสู้มันสู้ไม่ได้หรอก กรรมฐานคู่ศึกมันสู้ไม่ได้ แต่ปรากฏว่าตัวพรหมวิหาร ๔ กลับสู้ได้ มันกลายเป็นเราไปถนัดอย่างนั้นแทน เพราะฉะนั้นถ้าถามว่า ไอ้ตัวไหนที่มันเด็ดขาด มันก็ต้องดูว่าตัวเราถนัดแบบไหน แล้วก็ใช้กรรมฐานกองนั้น

    ถาม : จะรู้ได้ยังไงครับ ?

    ตอบ : ค่อย ๆ คลำไป เดี๋ยวถึงเวลาเมื่อไหร่มันก็อ๋อเองแหละ อันนั้นก็คลำอยู่ตั้งนานเหมือนกัน บังเอิญวันนั้นกำลังจะไปกิจนิมนต์ แล้วบ้านโยมก็แหม ลูกสาวสวยซะด้วย ไปกราบลาหลวงพ่อขออนุญาตไปกิจนิมนต์ครับ

    หลวงพ่อท่านว่า “อ้าวไปกิจนิมนต์เหรอ นึกว่าจะไปงานแต่ง” ไอ้เราฟังก็สะดุ้งใช่ไหม ครูบาอาจารย์ทักอย่างนี้ มันต้องยิ่งระวังตัวเองให้หนักยิ่งขึ้น ก็พอดีไปท่องตำราเจอตรงนี้เข้าพอดี พอเจอตรงนั้นปุ๊บ อารมณ์ใจมันแทงตลอดไปรุ่งขึ้นไม่หนักใจแล้วมาเท่าไหร่ก็มาเหอะ


    คัดมาจากกระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่2 หน้าที่6

    ปล. พี่สาวๆครับ สู้ๆครับ หาวิธีชนะมดให้ได้นะครับ ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...