โชคเหนือเมฆ-กำไลเหนือดวง- มูลนิธิเทียนฟ้า 2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย bat119, 20 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    หวัดดีจ้า.gif
     
  2. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,882
    ค่าพลัง:
    +14,126
  3. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    หวัดดียามเช้า.gif
     
  4. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,882
    ค่าพลัง:
    +14,126
  5. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ปิด4.png
     
  6. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,882
    ค่าพลัง:
    +14,126
    สวัสดียามสายครับป๋า:):):)
     
  7. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,882
    ค่าพลัง:
    +14,126
    สวัสดียามสายครับป๋า:):):)
     
  8. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    เหาะเหินเดินอากาศล่องหนหายตัว..
    มีครูบาอาจารย์หลายท่าน และผู้ที่เป็นลูกศิษย์ขององค์หลวงปู่กล่าวกันว่า.. " หลวงปู่พิศดูท่านเป็นพระที่มีฤทธิ์มีเดช (อภิญญา) "

    บ้างก็บอกว่า.. " พระอย่างหลวงปู่ ท่านสามารถเหาะเหินเดินอากาศ ล่องหนหายตัวได้ "

    ถ้ามาวิเคราะห์ตีแตกแยกธาตุกันจริงๆแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็คงไม่เกินวิสัยของหลวงปู่ท่าน เพราะองค์แห่งฤทธิ์อภิญญาทั้งหลาย ล้วนมีธาตุกสิณเป็นบาท ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งในกัมมัฏฐาน 40 กอง ซึ่งองค์หลวงปู่พิศดูท่านก็สามารถเจริญได้จบครบถ้วนแล้วทั้งหมด กัมมัฏฐานทั้ง 40 กองดังกล่าวนั้นประกอบด้วย..
    1. กสิณกัมมัฏฐาน 10 กอง
    2. อสุภกัมมัฏฐาน 10 กอง
    3. อนุสสติกัมมัฏฐาน 10 กอง
    4. พรหมวิหารกัมมัฏฐาน 4 กอง
    5. อรูปกัมมัฏฐาน 4 กอง
    6. อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1 กอง
    7. จตุธาตุววัฏฐาน 1 กอง
    รวมทั้ง 7 หมวดเป็น 40 อย่างพอดี
    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบถึงความเหมาะสมในกัมมัฏฐานต่างๆ ที่เหมาะสมกับจริตของแต่ละบุคคล เมื่อใดอารมณ์จิตของท่านผู้ใดข้องอยู่ในอารมณ์ชนิดใด ก็ให้เอากัมมัฏฐานที่พระองค์ทรงประทานไว้ว่าเหมาะสมกัน เข้าพิจารณาหรือภาวนาแก้ไข เพื่อความผ่องใสของอารมณ์จิต เพื่อการเจริญวิปัสสนาญาณ เพื่อมรรคผลนิพพานต่อไป...
    (ซึ่งรายละเอียดในกัมมัฏฐานทั้งหลายนี้จะไม่ขอกล่าวถึงให้มากเนื้อความ หากท่านใดต้องการทราบ ให้หาศึกษาได้ใน Google)

    เพียงแค่ 1 ในกัมมัฏฐานทั้ง 40 กองนี้ หากผู้ใดตั้งใจเจริญด้วยความวิริยะอุตสาหะแท้จริงแล้ว ประกอบกับใช้วิปัสสนาญาณ ก็สามารถจะบรรลุธรรมได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกท่านจะสามารถเจริญได้จบครบถ้วนทั้งหมด 40 กองก็หาไม่ มีแต่เพียงพระผู้ทรงความเป็นอัจฉริยภาพจริงๆเท่านั้น ที่สามารถเจริญได้ครบถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วท่านผู้นั้นก็จะได้อภิญญาสมาบัติ..

    จะว่าไปคำว่า " เหาะเหิน เดินอากาศ ล่องหน หายตัว " นั้นเป็นคำกล่าวที่แสดงถึงผู้มีฤทธิ์ประเภทเหนือวิสัยของปุถุชนธรรมดา
    แต่สำหรับในส่วนขององค์หลวงปู่พิศดู ที่มีลูกศิษย์ของท่านเคยพบเห็นกันมาก็มีหลายคน เรื่องที่ผู้เขียนเคยได้ยินได้ฟังมาจากผู้มีประสบการณ์ตรง ที่ว่า
    " ล่องหน หายตัว และเดินอากาศ " นั้นมีจริงอย่างแน่นอน แถมผู้ที่พบเจอ ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่สำหรับเรื่อง " เหาะเหิน " นี้ก็ยังไม่ทราบว่ามีใครเคยเห็นท่านแสดงบ้างหรือไม่ แต่ถ้าจะว่าเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงหน่อยก็จะเป็นเรื่องที่มีคนเห็นหลวงปู่ท่านนอนภาวนา แล้วตัวท่านก็ลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ ห่างจากพื้นที่ท่านนอนร่วมเมตรกว่าๆ แบบนี้จะว่าเป็นการเหาะได้หรือไม่..? แต่สำหรับเรื่องหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต และรู้วาระจิตนั้น เป็นเรื่องปกติที่ลูกศิษย์ของท่านมีประสบการณ์กันแทบทุกคน..

    หลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีจริตชอบอยู่แบบสงบวิเวกเป็นพระปัจเจกบุคคล ถ่อมตน ไม่โอ้อวดหรือชอบแสดงอะไรให้ใครดูบ่อยครั้งนัก แต่ก็ยังมีคนเจอประสบการณ์แนวนี้กันมาก ซึ่งเป็นเรื่องเหนือวิสัยคนธรรมดา ทั้งนี้ก็ตามแต่วาสนาของแต่ละบุคคลไป..(ข้อมูลสิรภพ)
    16473410_762635103888632_2231820510624775077_n.jpg
     
  9. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    มีผู้เคยถามหลวงปู่พิศดูว่า ใช้คาถาอย่างไรจึงจะขลัง และได้ผล..??
    หลวงปู่ตอบว่า..
    " จะใช้คาถาอะไรนั้น สำคัญที่จิต(มีสมาธิ) และต้องสวดด้วยใจเคารพ ไม่ใช่สักแต่ว่าสวดเล่นๆไป แบบนั้นก็ไม่ได้ผล.."
    " สวดมนต์สวดได้ทุกอิริยาบท แต่ต้องมีใจเคารพ.."

    สำหรับคาถาที่เกี่ยวกับทางพุทธคุณนั้น เปรียบเสมือนพระธรรมคำสอน หรือเป็นบทที่สรรเสริญคุณพระ ถึงแม้คาถาบางบทที่อริยครูท่านสอนถ่ายทอดสืบต่อกันมาเป็นเพียงคำสั้นๆ นั่นก็เป็นการตัดทอนย่อลงมาจากพระพุทธมนต์บทใหญ่ ให้เหลือเพียงหัวข้อที่เรียกกันว่า " หัวใจ " ก็สมควรสวดด้วยใจที่เคารพอย่างที่หลวงปู่ท่านกล่าวไว้เช่นกันครับ

    คนสมัยโบราณที่เรียนธรรมบาลี หรือมูลกัจจายน์สูตร เวลาเขาเขียนชอล์คลงแผ่นกระดาน ยังต้องกล่าวบทไหว้ครูก่อน และต้องตั้งใจเขียน และต้องปู่ผ้าขาวรองไว้ เวลาลบอักษรจะต้องระวังไม่ให้ผงชอล์คหล่นลงพื้น (ต่อมาผงนี้นิยมเก็บไว้สร้างพระผงเพื่อสืบอายุพระศาสนา) เพราะยึดถือเป็นอุปาทานว่า อักขระตัวหนึ่ง หมายถึงพระ 1 องค์ คนโบราณจึงทำอะไรได้ขลังจริง เพราะใจเคารพมั่นคง..
    หน้าปกเฟส.jpg
     
  10. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,882
    ค่าพลัง:
    +14,126
    สวัสดียามสายครับป๋า:):):)
     
  11. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    สวัสดีครับ.gif
     
  12. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ev546011051th คุณนิธิรุจน์
     
  13. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    เหรียญพระอุปคุต รุ่นแรก หลวงปู่พิศดู
    อุปคุต เขาน้ำซับ.jpg
    อุปคุต เขาน้ำซับ2.jpg
    อุปคุตลงยา.jpg
    วัดเขาน้ำซับ
    อุปคุตวัดเทพ.jpg
    วัดเทพธารทอง
    อุปคุต ปาต๊ะ.jpg
    วัดปาต๊ะ

    เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่องค์หลวงปู่ท่านสั่งการให้สร้างด้วยองค์เอง รุ่นนี้เป็นของวัดเทพธารทอง หลวงปู่ท่านได้ปรารภว่า " ให้สร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ให้ลูกศิษย์ของท่านใช้ ต่อไปจะมีภัยต่างๆรอบด้าน ให้สร้างพระรูปท่านพ่ออุปคุตมาบูชา แล้วจะทำให้ปลอดภัย ในยุคนี้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลลงมา พระที่มีฤทธิ์ไม่มีใครเกินท่านพ่ออุปคุต ท่านปราบพยามารซะงอเลย แต่ไม่ใช่แค่ฤทธิ์อย่างเดียวหรอก ทางลาภก็ไม่แพ้ใครนะ.."

    เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2550 โดยทางลูกศิษย์ชุดดูแลอุปัฏฐาก และลูกศิษย์ใกล้ชิดร่วมกันบริจาคปัจจัยสร้างถวายให้ท่าน เพื่อสนองความประสงค์ขององค์ท่าน และเป็นการบูชาพระคุณแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ นับว่าเป็นเหรียญพระมหาอุปคุตที่สร้างอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางวัดเอง และองค์หลวงปู่ได้เมตตาให้บท พระคาถาวันโลกดับ ขึ้นประทับเอาไว้ล้อมยันต์ที่ด้านหลังของเหรียญ คาถาวันโลกดับ เป็นคาถาที่พบในศิลาจารึก ในวัดเชตวันวิหาร ประเทศอินเดีย เขียนจารึกโดยท่านพระอานนท์เอกองค์อรหันต์พุทธอนุชา ตามพุทธทำนาย ให้ชาวพุทธไว้สวดป้องกันอันตราย ยามที่โลกมีภัยสงคราม ภัยอันตรายต่างๆ จะมีมหันตภัยอันใหญ่หลวง จึงได้รจนาแต่งขึ้นไว้ พระคาถาดังกล่าวว่าไว้ดังนี้
    " ทิตะทิรา ทันมันฑะโล กะลิลา กะละลา สะติโส จะถิโท คะหะตะเน ฯ " (พระคาถาบทนี้เป็นบทย่อ หรือเป็นบทหัวใจ)
    เหรียญพระมหาอุปคุตนี้ด้านหน้าเป็นรูปท่านมหาพระอุปคุตประทับนั่งอยู่บนผิวน้ำ มีดอกบัวผุดขึ้นขนาบข้างพระวรกายทั้งสองข้าง พระหัตถ์หนึ่งจกบาตรเป็นการแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ ความมั่งคั่งร่ำรวย พระหัตถ์อีกหนึ่งถือดอกบัวและแหงนหน้าขึ้นมองเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระทศพล บ้างก็ว่าเป็นปางชำเลืองแลมาร หรือเป็นการคอยเหลือบมองดูพระยามารมิให้มีโอกาสทำอันตรายต่อผู้ที่ศรัทธาต่อพระศาสนาได้ ด้านข้างมีอักขระขอม อ่านว่า อุปคุตโต นะโมพุทธายะ ด้านบนสุดเป็น ยันต์อุนาโลม ส่วนด้านหลังมียันต์ตรงกลาง เรียกว่า ยันต์ลงเครื่อง ซึ่งยันต์นี้เป็นยันต์ใช้ลงได้ทุกอย่าง มีพุทธคุณรอบด้าน และเป็นแคล้วคลาด เมตตามหาโชคลาภ-ปราบมาร ล้อมรอบด้วยอักขระขอมจารึก พระคาถาวันโลกดับ เหรียญชุดนี้องค์หลวงปู่ท่านได้อธิษฐานจิต และอัญเชิญบารมีท่านพระมหาอุปคุตมาเสกให้เองเลย จึงนับว่าเป็นเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรกขององค์หลวงปู่..


    เหรียญพระมหาอุปคุต ออกให้ธุดงคสถานเขาน้ำซับ

    - เหรียญรุ่นนี้ สร้างในปี พ.ศ.2550 พร้อมกับเหรียญพระมหาอุปคุตของวัดเทพธารทอง โดย พระอาจารย์หนึ่ง เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์เขาน้ำซับ(ในเครือวัดเทพธารทอง) เหรียญนี้ลักษณะด้านหน้าเหมือนกันกับเหรียญของวัดเทพธารทองทุกอย่าง ต่างกันแต่ด้านหลัง คือเป็นยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า มีทั้งแบบมีห่วงและไม่มีห่วง จำนวนสร้างทั้งหมดดังนี้
    - เนื้อทองแดง รมมันปู ไม่มีห่วง 500 องค์
    - เนื้อทองแดง จ่าเงา ไม่มีห่วง 500 องค์
    - เนื้อทองแดง จ่าเงา มีห่วง 500 องค์
    - เนื้อทองเหลืองไม่ลงยา มีห่วง 500 องค์
    - เนื้อทองเหลืองลงยา ไม่มีห่วง 300 องค์

    เหรียญพระมหาอุปคุต ทรงระฆัง ออกให้วัดปะต๊ะ หรือวัดปาต๊ะ(พระหัตถ์ 4 รอย) เมืองลา(สิบสองปันนา) ประเทศจีน

    - เหรียญรุ่นนี้ สร้างในปี พ.ศ.2552 โดยท่านเจ้าอาวาสวัดปาต๊ะ เพื่อแจกให้พี่น้องญาติโยมในแถบนั้น เพื่อใช้ป้องกันอันตราย และเพื่อใช้หาทุนสร้างถาวรวัตถุต่างๆของทางวัดต่อไป รูปร่างของเหรียญเป็นทรงระฆัง ด้านหน้าของเหรียญเป็นรูปพระมหาอุปคุตปางมารวิชัยแบบหงายพระหัตถ์ ประทับนั่งอยู่บนผิวน้ำ มีดอกบัวผุดขึ้นขนาบข้างพระวรกายทั้งสองข้าง บนดอกบัวมีอักขระขอมอ่านว่า พุทโธ พระหัตถ์ข้างหนึ่งอุ้มบาตร พระหัตถ์อีกข้างหนึ่งหงายวางบนพระชานุ(เข่า)โดยถือดอกบัวเอาไว้ด้วย ด้านบนพระประภามณฑลมีอักขระภาษา ตัวเมืองล้านนา อ่านว่า ปาฏิหารมารฮ้ายบ่หัน แปลว่า ปาฏิหาริย์มารร้ายไม่เห็น ด้านบนสุดตรงบริเวณคอระฆังเป็นรูปดอกบัว 5 ดอก อันสื่อความหมายถึงพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในภัทรกัปนี้ มีอยู่ 5 พระองค์ .ส่วนด้านหลังป็น รูปหินปาต๊ะ หรือหินรูปพระหัตถ์ 4 รอย อยู่บนฐานดอกบัวรองรับ มีอักขระตัวเมืองด้านข้างดอกบัวอ่านว่า วัดปาต๊ะ--เมืองลา ด้านข้างหินปาต๊ะจะมียันต์ทั้งสองข้าง เรียกว่า ยันต์นะพระเจ้า 5 พระองค์ มีอักขระขอมอยู่ใต้ยันต์ด้านซ้ายอ่านว่า สุสะปะวะ และอักขระขอมใต้ยันต์ด้านขวาอ่านว่า ธัมมะจารี ถัดจากหินปาต๊ะ ขึ้นไปเป็นรูปโบว์ มีอักขระตัวเมืองล้านนาอ่านว่า พระหัตถ์ สี่รอย เหรียญที่สร้างทั้งหมดมี
    - เนื้อนวะโลหะ 600 องค์
    - เนื้อทองเหลือง 5,000 องค์
    - เนื้อทองแดง 5,000 องค์

    และทางวัดปาต๊ะได้ถวายหลวงปู่พิศดูเอาไว้แจกลูกศิษย์อยู่ส่วนหนึ่ง พอจะประมาณคร่าวๆได้ว่ามี เหรียญทองเหลืองทองแดงรวมกันได้ประมาณ 200 องค์ เนื้อนวะโลหะ อีก 100 องค์ เนื้อนวะโลหะตอกโค๊ตกำกับเพียงเนื้อเดียว
    รวมความแล้ว เหรียญชุดปาต๊ะนี้อยู่ในประเทศไทยประมาณ 300 องค์ เท่านั้น
     
  14. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,882
    ค่าพลัง:
    +14,126
  15. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    AW300761_00.gif
     
  16. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ***วิชา...บังตา***

    เรื่องนี้ ได้รับการบอกเล่าจากคุณลุงวันชัย ลูกศิษย์รุ่นเก่าของหลวงปู่พิศดู คุณลุงวันชัยได้เล่าว่า คุณน้าของคุณลุงวันชัย เป็นลูกศิษย์ยุคแรกๆของหลวงปู่ สมัยที่หลวงปู่ มาอยู่ที่วัดเทพธารทองใหม่ๆ

    มีอยู่วันหนึ่ง ได้มีเหตุการณ์ที่ชวนให้ตื่นเต้น ทำให้คุณน้า ต้องจดจำอย่างไม่มีวันลืม วันนั้น เป็นช่วงเวลาประมาณบ่ายคล้อย คุณน้าอยู่กับหลวงปู่ 2 คน

    หลวงปู่ ท่านได้บอกกับคุณน้า ว่า

    "เดี๋ยวจะมีคนขึ้นมาบนกุฏิ 2 คน ห้ามไปทัก และ อย่าตกใจ ให้อยู่เฉยๆ"

    ผ่านไปสักประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ ก็ได้มีชาย 2 คน ถือปืนเดินขึ้นมาที่กุฏิ พอคุณน้าเห็นเท่านั้น รู้ได้ทันทีว่าเจ้า 2 คนนี้ ต้องเป็นโจร จะมาปล้นแน่ๆ ดีที่หลวงปู่ท่านได้สั่งเอาไว้แล้วว่า ห้ามไปทัก และ อย่าตกใจ ให้อยู่เฉยๆ

    คุณน้าจึงไม่กล้าทำอะไร ได้แต่มอง ชาย 2 คนนั้น เดินไปมาทั่วกุฏิ แถมได้รื้อค้นหาของมีค่า แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับไป และดูเหมือนว่า พวกเขายังมองไม่เห็นหลวงปู่ และ คุณน้า ที่นั่งอยู่ตรงนี้อีกด้วย แต่กลับเดินเฉียดไปเฉียดมา

    ครั้นแล้วคน 2 คนนั้น ก็พูดขึ้นว่า

    "เอ๊ะ...แปลกนะ ประตูก็เปิดอยู่ แต่ทำไมทั้งวัดไม่มีใครอยู่เลย ของมีค่า ก็ไม่มีสักอย่าง ไปกันเถอะ"

    พอเหตุการณ์ระทึก ผ่านพ้นไป หลวงปู่ก็บอกว่า "มันไปแล้ว"

    เมื่อคุณน้าหายตกใจแล้ว ก็เลยถามหลวงปู่ว่า 2 คนนั้นเป็นใคร แล้วทำไมเรานั่งอยู่ตรงนี้ เขาถึงมองไม่เห็นเรา

    หลวงปู่ กล่าวว่า "2 คนนั้น มันเป็นโจร จะมาปล้นเราน่ะสิ แต่มันมองไม่เห็น เพราะเราบังตามันอยู่"

    เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้คุณน้าของคุณลุงวันชัย เชื่อมั่นในอภินิหารขององค์หลวงปู่ อย่างสุดใจ เพราะท่านได้แสดงให้เห็นคุณวิเศษ 2 อย่างพร้อมกัน คือ

    1. ท่านสามารถ ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ได้อย่างแม่ยำ

    2. ท่านสามารถ ใช้วิชาบังตา ให้คนมองไม่เห็น ทั้งตัวท่านเอง และ คุณน้าไปพร้อมๆกัน
    (ข้อมูลสิรภพ)
    รูปทำโฟโต้ช็อป.jpg
     
  17. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,882
    ค่าพลัง:
    +14,126
  18. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    สวัสดียามบ่ายครับเสี่ยเฟริส์ท
     
  19. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    " ก็นอนก่ายเกก สวดมนต์(คาถาป้องกันภัย)อยู่ที่กุฏิ เฉยๆ "

    ***เหตุการณ์...ที่ทำให้คนรู้จัก...หลวงปู่พิศดู***

    เมื่อปี พ.ศ.2542 ได้เกิดฝนตกหนัก บริเวณพื้นที่ กิ่งอ.เขาคิชฌกูฏ และ อ.ใกล้เคียง ติดต่อกันหลายวัน ทำให้ภูเขาที่มีลักษณะเป็นดินทรายปนหิน พังถล่มลงมา ทั้งท่อนไม้ ต้นไม้ หักโค่งลงมา อย่างถอนรากถอนโคน ก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่นี้เพียง 7 วัน

    หลวงปู่ ได้บอกเตือนชาวบ้าน ที่มาทำบุญที่วัด ถึงภัยธรรมชาติอันจะเกิดขึ้น อีกเพียงไม่กี่วัน แต่ไม่มีใครสนใจ กับคำเตือนเท่าที่ควร ท่านก็ได้แต่ปลงธรรมสังเวช แต่ท่านก็รับรอง สถานที่ๆปลอดภัยที่สุด ให้กับผู้ที่เชื่อท่านว่า

    " ที่อื่น เราไม่รับรองนะ แต่ที่วัดเทพธารทอง ปลอดภัยแน่นอน "

    พอผ่านไปได้ 7 วัน ได้เกิดฝนตกหนัก บริเวณพื้นที่ กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฎ ทางฝั่งต้นน้ำสายหนึ่ง ก็เกิดพังถล่มลงมา ทำให้ท่อนไม้ ท่อนซุงจำนวนหลายร้อยหลายพันท่อน ไหลลงมาตามกระแสน้ำ อันเชี่ยวกราก อย่างบ้าคลั่ง ด้วยกำลังมหาศาล ยากที่สิ่งใดจะต้านทานได้

    แต่ด้วยเดชะบุญ มหาบารมีธรรม ขององค์หลวงปู่พิศดู กระแสน้ำทะเลซุง ที่กำลังโหมลงมา ผ่านพื้นที่ของวัดนั้น ปรากฏว่าได้มีท่อนซุงขนาดใหญ่ ที่ไหลลงมาจากภูเขา ผ่านลำธารทองวัดเทพธารทอง กลับเรียงซ้อนกัน ตามแนวขอบเขตริมฝั่งคลองของวัด ทำให้กระแสน้ำที่ไหลมา ได้ปะทะกับท่อนซุงอย่างจัง ทำให้กระแสน้ำ ได้หักเหเปลี่ยนทิศทาง ไม่เข้ามาในวัด จึงเกิดเป็นคลองสายที่สองขึ้น ขนาบกับคลองเก่า ที่มีอยู่แต่เดิม

    วัดเทพธารทอง จึงรอดพ้นจากภัย ด้วยปาฏิหาริย์ ทั้งๆที่มีกุฏิริมน้ำตั้งอยู่ ก็เป็นแนวขวางกระแสน้ำนั้นด้วย แต่กลับหาอันตรายได้ไม่ กระแสน้ำทะเลซุงนั้น ได้ไหลลงไปตามลำคลอง ไหลพัดถล่มทำให้สถานีตำรวจเก่า เกิดความเสียหาย ถนน และการคมนาคม ถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง

    ข่าวการรอดพ้น จากภัยธรรมชาติของ วัดเทพธารทอง ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คน รวมทั้งสื่อวิทยุ หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ต่างประโคมข่าวปาฏิหาริย์ ในครั้งนี้ ด้วยบารมีองค์หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง จึงทำให้เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป นับตั้งแต่บัดนั้น ได้เคยกราบเรียนถามองค์หลวงปู่ฯว่า เหตุการณ์ตอนนั้น องค์หลวงปู่ฯ ทำอย่างไร ท่านตอบว่า

    " ก็นอนก่ายเกก สวดมนต์(คาถาป้องกันภัย)อยู่ที่กุฏิ เฉยๆ "

    พ่อแม่ครูอาจารย์บางท่าน เมตตาเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ครั้งนั้น หลวงปู่ฯท่านเข้าสมาบัติโดยฉัพพรรณ(ในอิริยาบท นอนก่ายเกก)ใช้กระแสจิต บังคับท่อนซุงขนาดใหญ่ ให้มาเรียงซ้อนกัน ตามแนวขอบเขตริมฝั่งคลองของวัด เป็นที่อัศจรรย์ นับเป็นความเชี่ยวชาญ ในการใช้อำนาจจิต ด้วยฤทธิ์อภิญญาขององค์หลวงปู่ฯ เป็นอย่างยิ่ง

    ***ขอขอบคุณ...ข้อมูลโดย...คุณสิรภพ สายพานิช***

    ปกพลังจิต.jpg
     
  20. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ***หลวงปู่พิศดู...ครูบากฤษดา***

    สมัยที่องค์หลวงปู่พิศดู ยังอยู่ที่วัดเทพธารทอง ท่านครูบากฤษดา ได้มาหาหลวงปู่ฯบ่อยๆ แทบจะทุกเดือนก็ว่าได้ ทั้งที่หนทางจากวัดสันพระเจ้าแดง อยู่ไกลถึง จ.ลำพูน จะมา จ.จันทบุรี ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ด้วยความรัก และเคารพในองค์หลวงปู่ฯ ก็ดูเหมือนว่า ระยะทางไม่ใช่อุปสรรค

    บางครั้ง ที่ท่านครูบากฤษดา มีกิจธุระที่กรุงเทพฯ พอคิดถึงหลวงปู่ฯ แต่ว่ามีเวลาน้อย ท่านก็จะเดินทางมากราบ และอยู่สนทนากับหลวงปู่ฯเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่านก็จะลากลับ จ.ลำพูน เลย แต่ถ้าคราวไหน ท่านครูบากฤษดามีเวลามากหน่อย ท่านจะมาค้างอยู่กับหลวงปู่ฯ ที่วัดเทพธารทองเสมอ เพื่อมาดูแล เริ่มตั้งแต่หลวงปู่ฯตื่นจากจำวัด ท่านจะคอยเช็ดตัว ทาแป้ง หรือแม้กระทั่งเช็ดอุจจาระ ที่หลวงปู่ฯขับถ่าย พร้อมทั้งบีบนวด ป้อนภัตตาหาร สนทนาธรรม และพาหลวงปู่ฯออกไปตรวจบริเวณวัด เพื่อผ่อนคลายอิริยาบท

    แม้แต่ตอนก่อนกลับ ท่านครูบากฤษดา ยังได้ถวายของ และจตุปัจจัยต่างๆ แด่องค์หลวงปู่ฯมิได้ขาด ฯลฯ ครูบาฯท่าน จะใช้เวลาที่อยู่กับหลวงปู่ฯได้อย่างเต็มที่ที่สุด และจะเป็นผู้แนะนำ คอยบอกกล่าว ให้คำปรึกษากับลูกศิษย์ที่ดูแลอุปัฏฐากองค์หลวงปู่ฯ และคอยช่วยเหลือในเรื่องงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับองค์หลวงปู่ฯ และวัดเทพธารทองเสมอ ฯลฯ ซึ่งถ้าใครได้ทันเห็นท่านครูบาฯ ตอนที่มาอยู่กับหลวงปู่ฯ จะรู้สึกประทับใจและศรัทธาท่านมาก ด้วยจริยาวัตรที่งดงามของท่านครูบาฯ ถึงกระนั้น ครูบาฯท่านยังได้บอกเสมอๆว่า

    " นี่ถ้าเราไม่มีภาระอะไรมากมาย อยากจะมาจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ฯด้วยน่ะ หลวงปู่ฯเป็นพระที่อยู่ใกล้แล้ว เย็นจิตเย็นใจจริงๆ "

    แม้แต่องค์หลวงปู่ฯก็เช่นกัน เวลาที่ท่านครูบาฯ กลับไปวัดสันพระเจ้าแดงแล้ว หลวงปู่ฯก็มักจะถามถึงท่านครูบากฤษดาเสมอๆ และมักจะถามว่าเมื่อไหร่จะมาอีก ซึ่งจิตของท่านครูบาอาจารย์ทั้งสองนั้น จะถึงกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เกิดมีเรื่องเล่าต่างๆนาๆในหมู่ศิษย์ ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเหนือวิสัยของปุถุชนทั่วไป แต่บอกได้เลยว่า เกิดมา เพิ่งจะพบของจริง ก็ตอนที่มาอยู่กับองค์หลวงปู่พิศดู และได้พบท่านครูบากฤษดา นี่แหละ
    (ข้อมูล คุณสิรภพ)
    16427243_762635823888560_367426609415039232_n.jpg 16427667_762636497221826_4960749052031738951_n.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...