โค้งสุดท้ายของแผนการประกาศและเปิดเผยตัว อย่างเป็นทางการ ต่อชาวโลก ของมนุษย์ต่างดาว

Chayutt · 27 เมษายน 2010

(ต่อครับ)

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> ทำไมต้องเป็นปี 2012 ด้วย?

K: แล้วมันมีเหตุผลอะไรไหม๊ครับ ว่าทำไมพวกเขาจึงเลือกปีนั้น?

X: นานมาแล้ว ผมคิดแต่ว่า มันเคยมีอารยธรรมอื่นๆจำนวนมากมายที่เคยมาอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
บางทีอาจจะยังคงอาศัยอยู่ แต่บางกลุ่มบางอารยธรรมที่เคยมาอาศัยอยู่ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่อีกต่อไปแล้ว
การที่ได้เคยรู้เกี่ยวกับวันนั้น และรู้ว่าทำไมมันถึงสำคัญยิ่งนัก

(ประโยคตรงนี้ แปลไม่เข้าใจจริงๆครับท่านผู้ชม จนปัญญาจริงๆครับ
พยายามนั่งจ้อง นั่งอ่านมันจนจะพรุนอยู่แล้วนะเนี่ย ก็ยังไม่เข้าใจเลยครับ...เฮ้อ..chayutt

X: For a long time, I just think there were a lot of civilizations that were on this planet,
maybe still are, but some that were and are not any more,
that knew of that day and why it was so important.)

B: เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นอะไรที่..เหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต...

X: ใช่แล้วครับ

B: งั้น มันก็ใกล้จะมาถึงแล้วหนะสิเนี่ย?

X: ใช่แล้วครับ

B: และเรื่องนี้ ก็ได้ถูกบันทึกเอาไว้แล้วด้วย และในขณะนี้พวกเราก็อยู่ห่างจากปีนั้นอีกไม่นานแล้วหนะสิเนี่ย

X: ไม่เลย พวกเราอยู่ไม่ไกลจากปีนั้นเลย

(ยังมีต่อครับ)
................................

Chayutt · 27 เมษายน 2010

(ต่อครับ)

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> แล้วมันทำให้คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?

B: แล้วเรื่องมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ มันทำให้คุณคิดหรือรู้สึกยังไงบ้างครับ
และที่มันทำให้คุณมีประสบการณ์อย่างที่คุณมีอยู่ในขณะนี้?

X: ผมยินดีต้อนรับมันครับ เพราะว่า ผมไม่คิดว่ามันจะมีความเกลียดชังต่อพวกเรา

ผมคิดว่า สิ่งที่น่าจะเป็นเรื่องที่น่าขุ่นเคืองใจที่สุด ก็คือวิธีการที่รัฐบาลปฏิบัติต่อมัน
และปฏิบัติต่อประชาชนที่ต้องการรู้ข้อมูลมากกว่านี้มากกว่า

B: ตอนนั้น คุณมีข้อสังเกต หรือความคิดอะไรบ้างหรือเปล่า เกี่ยวกับการจัดการเรื่องนี้?

X: ใช่ครับ พวกเขาจัดการได้แย่มากๆครับ

B: คุณคือคนกล้าหาญ ขอบคุณครับ

X: ด้วยความยินดีครับ

(ยังมีต่อครับ)
..........................

Chayutt · 27 เมษายน 2010

(ต่อครับ)

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> แล้วมีอะไรเกิดขึ้นอีก?

ในปลายปี 2008 Mr.X ได้บันทึกข้อความลงในเทปคร่าวๆไว้ เพื่อนำไปร่วมประชุม
ในงานประชุมเกี่ยวกับการกู้ซากยานบินตกในลาสเวกัส ซึ่งนี่จะเป็นการเปิดตัวครั้งใหญ่ของเขา

เขาเกือบจะได้ออกไปปรากฏตัวแบบเต็มรูปแบบมากกว่านี้แล้ว พร้อมกับหลักฐานวีดีโอที่ถืออยู่ในมือ

...แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น...
...ทำไม?...
...เพราะเขาตายแล้ว...

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> เขาเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จนต้องเข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์ทั้งหลายต่างงุนงง เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วจากนั้นไม่นาน เขาก็ตาย ทิ้งภรรยาและลูกน้อยวัยหนึ่งขวบปีให้อยู่กันตามลำพัง

(นี่คือภาพ Mr.X และลูกน้อยตัวจริงครับ)

ภรรยาของเขา โทรหาโครงการ Camelot พร้อมกับความเศร้าโศกอย่างเหลือคณานับ
แล้วพูดว่า

“เขาไม่ได้ต้องการชื่อเสียงหรือเงินทองอะไรเลย เขาเพียงแค่ต้องการช่วยเหลือคนอื่นๆเท่านั้น”

..วันที่คือ 13 ธันวาคม 2008..

ช่วงเวลาแห่งการเสียชีวิตของเขาเช่นนี้ ยิ่งทำให้เราเห็นชัดว่า ข้อมูลของเขาน่าจะถูกต้องมากๆด้วย
รวมถึง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสำคัญของปี 2012 นั้นด้วย<o>

(ยังมีต่อครับ)
.......................
</o>

Chayutt · 27 เมษายน 2010

(ต่อครับ)

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> จบสิ้นวัยเด็ก

เหตุการณ์น่าสลดใจเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา เพราะความลับก็จะยังคงถูกปกปิดไว้ต่อไป
ด้วยพลังอันชั่วร้ายของคนบางกลุ่ม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ใครบางคนที่มีข้อมูลความลับอะไร ที่สามารถจะนำไปสู่การพัฒนาของ
“เทคโนโลยีต้องห้าม” (เช่น เทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานสะอาดและฟรี เป็นต้น
เพราะมันจะทำให้พวกเขาไม่สามารถรวยได้อีกต่อไป – Chayutt) ได้
ก่อนเวลาที่พวกเขาจะยินยอมให้มันถูกปลดปล่อยออกมาได้

แต่เดิมนั้น ผมคิดว่า “การประกาศตัวครั้งยิ่งใหญ่ในปี 2012” ที่ Mr.X กล่าวถึงนั้น
มันน่าจะผ่านทางสื่อมวลชน หรือว่าอะไรซักอย่างทำนองนั้น

แต่ว่าตอนนี้ ผมมีสิ่งบ่งชี้อื่นที่น่าสนใจมากกว่า ที่ชี้บ่งว่า ในช่วงเวลานี้ มันมีอะไรที่คล้ายๆกับเป็น
“ปุ่มปิดความทรงจำชั่วคราว” (amnesia switch) ที่มาปิดความทรงจำของพวกเราเอาไว้ชั่วคราว
ทำให้พวกเราทุกคน นำพลังงานมาใช้การไม่ได้ ไม่ว่าจะเพราะกระบวนการตามธรรมชาติของกาแล็กซี่
และ/หรือ โดยเทคโนโลยีของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพก็ตามแต่

ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ดูเหมือนว่าเพื่อนและครอบครัวของพวกเรา จะมายืนอยู่เคียงข้างเรา
เพื่อช่วยเหลือพวกเรา เมื่อเวลานั้นมาถึง

(ยังมีต่อครับ)

Chayutt · 27 เมษายน 2010

(ต่อครับ)

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> การตื่นรู้

ผลกระทบของการประกาศเปิดเผยตัวครั้งใหญ่ครั้งนี้ อาจจะเกี่ยวโยงถึงการตื่นขึ้นมา
จากโลกแห่งภาพถ่ายขาวดำ 2 มิติซะที พวกเราจะจดจำได้ถึงสิ่งที่พวกเราเคยรู้มาก่อนแล้วมากมาย

มันจะอีกนานแค่ไหน อันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ แต่เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้นำเสนอถึงเหตุการณ์
ที่น่าจะเป็นไปได้ไปแล้วว่า พวกเราบางคน ก็อาจจะเลือกที่จะ “เลื่อนระดับขึ้น” ในช่วงเวลานี้
ซึ่งก็จะได้รับความช่วยเหลือในตลอดกระบวนการนี้

ในขณะที่คนอีกส่วนหนึ่ง อาจจะยังคงต้องการใช้ชีวิตโดยปราศจากการเปลี่ยนรูปแบบใดๆ
แต่ก็จะได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงใหม่แห่งยุคอวกาศ เหมือนกับในหนังเรื่อง Star Trek

แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณสามารถที่จะมีข้อมูลมากมายที่กำลังหลั่งไหลออกมาให้คุณได้มีโอกาสศึกษาก่อนล่วงหน้า

เพียงแต่คุณเปิดใจของคุณเอาไว้ และทำการบ้านบ้าง คุณก็จะพบกับประสบการณ์ “ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ”
(Synchronicity) และเหตุการณ์แปลกประหลาดมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ

ซึ่งนี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมาถูกทางแล้ว

มันก็เป็นไปได้มากว่า ผู้คนที่อยู่ในวงในทั้งหลาย ต่างก็รู้กันแล้วว่านี่คือเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างที่ผมกล่าวซ้ำอยู่เสมอๆ

เพราะฉะนั้น เรื่องราวสกปรกและการกระทำใดๆที่อยู่หลังฉากทั้งหลายนั้น
ก็เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับพวกเรา เมื่อสิ่งนี้มันเกิดขึ้น

เพราะมันไร้ความหวังที่จะพยายามไปควบคุมผลลัพธ์ที่จะออกมา เมื่อมันมาถึงจริงๆ

และมันก็จะนำพาพวกเราไปสู่โค้งสุดท้ายของการประกาศเปิดเผยตัวอย่างเป็นทางการที่ว่านั้นอยู่ดี

(จบตอนนี้จริงๆแล้วครับ)
.................................

tar2199 · 27 เมษายน 2010

ขอบคุณครับ แล้วจะมีตอนอื่นอีกมั๊ยครับ

ผมสนใจเรื่องแนวนี้มากๆ

แล้วก็ขอเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยนะครับ

ติดตามผลงานของท่านตั้งแต่เข้าบอร์ดนี้แรกๆ เลยครับ

tar2199 · 27 เมษายน 2010

มีข่าวจาก สตีเฟ่น ฮ๊อวค์กิ้ง มาฝากครับ

...................................

โลกเสี่ยงพินาศ ถ้าติดต่ิอมนุษย์ต่างดาว!!!

“สตีเฟ่น ฮ๊อวค์กิ้ง”เตือนมนุษย์ชาติอย่าติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ชี้โลกเสี่ยงพินาศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ว่า สตีเฟ่น ฮ๊อวค์กิ้ง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก เจ้าของทฤษฎี “บิ๊กแบง” ให้สัมภาษณ์รายการ “Discovery Channel” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า มนุษย์ต่างดาวอาจมีอยู่จริง และมนุษยชาติควรจะหลีกเลี่ยงที่จะติดต่อกับพวกเขา เพราะผลที่ตามมาอาจหมายถึงความพินาศย่อยยับ เพราะหากมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก ผลลัพธ์อาจเป็นเหมือนโคลัมบัสได้ค้นพบอเมริกา ซึ่งจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมนุษย์โลก และสำหรับเขาคิดว่า มนุษย์ควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว

รายงานระบุว่า ที่ผ่านมา มนุษย์ชาติได้พยายามติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมาหลายครั้งแล้ว เช่น ในปี 2008 องค์การนาซาได้ปล่อยสัญญาณเสียงเป็นเพลงของ “เดอะ บีทเทิ่ลส์” ขึ้นสู่อวกาศ เพื่อส่งสารแสดงไมตรีจิตต่อมนุษย์ต่างดาวในบริเวณดาวเหนือ

ที่มา : มติชน

........................................

คำถามคือ พอทราบมั๊ยครับว่า สตีเฟ่น ฮ๊อวค์กิ้ง เป็นพวก อิลลูมินาติ หรือเปล่าครับ ทำไมนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกถึงคิดอย่างนั้น?

natthapatpun · 27 เมษายน 2010

ขอบคุณคุณชยุตค่ะที่แปลมาให้อ่าน
ได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมากเชียวค่ะ
เป็นการเปิดมุมมอง เปิดโลกทัศน์ และขยายเขตความรู้ออกไปกว้างขวางมาก
อยากจะบอกคุณชยุตว่าบทความที่คุณชยุตแปลนั้น
อ่านเมื่อไรเหมือนยกระดับจิตใจขึ้นทุกครั้ง
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่มีนักอ่านหลายท่านเฝ้าวนเวียนติดตามกระทู้ของคุณชยุต
โดยเฉพาะสำนวนที่คุณชยุตแปล มันตรง จริงใจ จับใจจนไม่ต้องปรุงแต่งอะไรอีก
ถ้าใช้จิตมอง(อ่าน) รู้ก็คือรู้ มันชัดอยู่ในใจเอง
ขอบคุณในความพยายามของท่าน
ขอให้คุณชยุตเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงที่สุด คือ นิพพาน
อนุโมทนา สาธุ

Chayutt · 27 เมษายน 2010

tar2199 said: ↑

มีข่าวจาก สตีเฟ่น ฮ๊อวค์กิ้ง มาฝากครับ

...................................

โลกเสี่ยงพินาศ ถ้าติดต่ิอมนุษย์ต่างดาว!!!

“สตีเฟ่น ฮ๊อวค์กิ้ง”เตือนมนุษย์ชาติอย่าติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ชี้โลกเสี่ยงพินาศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ว่า สตีเฟ่น ฮ๊อวค์กิ้ง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก เจ้าของทฤษฎี “บิ๊กแบง” ให้สัมภาษณ์รายการ “Discovery Channel” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า มนุษย์ต่างดาวอาจมีอยู่จริง และมนุษยชาติควรจะหลีกเลี่ยงที่จะติดต่อกับพวกเขา เพราะผลที่ตามมาอาจหมายถึงความพินาศย่อยยับ เพราะหากมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก ผลลัพธ์อาจเป็นเหมือนโคลัมบัสได้ค้นพบอเมริกา ซึ่งจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมนุษย์โลก และสำหรับเขาคิดว่า มนุษย์ควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว

รายงานระบุว่า ที่ผ่านมา มนุษย์ชาติได้พยายามติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมาหลายครั้งแล้ว เช่น ในปี 2008 องค์การนาซาได้ปล่อยสัญญาณเสียงเป็นเพลงของ “เดอะ บีทเทิ่ลส์” ขึ้นสู่อวกาศ เพื่อส่งสารแสดงไมตรีจิตต่อมนุษย์ต่างดาวในบริเวณดาวเหนือ

ที่มา : มติชน

........................................

คำถามคือ พอทราบมั๊ยครับว่า สตีเฟ่น ฮ๊อวค์กิ้ง เป็นพวก อิลลูมินาติ หรือเปล่าครับ ทำไมนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกถึงคิดอย่างนั้น?

Click to expand...

อิลลูมินาติหรือไม่ผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับ
รู้แต่เพียงว่า วงการนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกด้วยกันเอง
เขาก้มีพวกที่เป็นแบบยุคเก่ากับยุคใหม่ด้วย

ยุคเก่าคืออิงเอาตามสิ่งที่พิสุจนืจับต้องได้อย่างเดียว
ยุคใหม่คือพวกที่ฝึกจิต และมีประสบการณ์ทางจิตลึกล้ำ
รวมถึงได้นำความสามารถเหล่านี้มาใช้ร่วมกับวิชาการความรู้ของพวกเขาด้วย

พวกแรกเอง...ก็ดูจะไม่ค่อยชอบพวกหลังสักเท่าไหร่นัก
แต่พวกหลังนี่แหละคือพวกที่หัวคิดเป็นไปในด้านบวกมากกว่า
และกำลังทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อ "ยกระดับ" หรือ "เลื่อนระดับ"
โลกใบนี้และมวลหมู่มนุษยชาติให้สูงขึ้นอยู่ ไม่ได้ทำสนองตอบ
แต่ค่าจ้าง คำสั่ง และเงินสนับสนุนโครงการจากรัฐบาล หรือองค์กรณ์แต่เพียงอย่างเดียว
เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มแรก....

.................................

kindred · 27 เมษายน 2010

ตอนนี้ เริ่มค่อนข้างเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่า "ความบังเอิญไม่มีในโลก"
เดรดเพิ่งอ่านหนังสือ อมตะจิตวิญญาณภาคปลาย อีกเป็นครั้งที่3หรือ4 เนี่ยแหล่ะ จำไม่ได้แล้ว
มีกล่าวถึง มนุษย์ต่างมิติที่มีอยู่เป็นอนันต์ ทั้งมิติเดียวกับเรา ในวงจรชาติภพ
และต่างมิติ นอกเหนือชาติภพ

Chayutt said: ↑

<style>  </style> x: นานมาแล้ว ผมคิดแต่ว่า มันเคยมีอารยธรรมอื่นๆจำนวนมากมายที่เคยมาอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
บางทีอาจจะยังคงอาศัยอยู่ แต่บางกลุ่มบางอารยธรรมที่เคยมาอาศัยอยู่ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่อีกต่อไปแล้ว
การที่ได้เคยรู้เกี่ยวกับวันนั้น และรู้ว่าทำไมมันถึงสำคัญยิ่งนัก

(ประโยคตรงนี้ แปลไม่เข้าใจจริงๆครับท่านผู้ชม จนปัญญาจริงๆครับ
พยายามนั่งจ้อง นั่งอ่านมันจนจะพรุนอยู่แล้วนะเนี่ย ก็ยังไม่เข้าใจเลยครับ...เฮ้อ..chayutt

X: For a long time, I just think there were a lot of civilizations that were on this planet,
maybe still are, but some that were and are not any more,
that knew of that day and why it was so important.)

................................

Click to expand...

ในเรื่องอารยธรรมอันนี้ บนโลกนี้ ก็มีกล่าวถึง อารยธรรมเก่าแก่ที่มีมานานมาก
ก่อนมนุษย์ในยุคหินเสียอีก และพวกนี้ก็เป็นพวกที่มีวิวัฒนาการทางจิตสูงมากๆ
พวกเขาใช้เสียง
(อันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจ คล้ายๆกับว่า พวกเขามีความสามารถในเรื่องการแปลงพลังงานเสียงเป็นวัตถุธาตุได้)
พวกเรารุ่นหลังๆ บางพวกก็สืบเชื้อสายมาจากพวกเขา

เลยไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่คุณชยุต นำมาแปลไหม
แค่รู้สึกว่า เรื่องมันค่อนข้างพ้องกัน

Chayutt said: ↑

แต่ว่าตอนนี้ ผมมีสิ่งบ่งชี้อื่นที่น่าสนใจมากกว่า ที่ชี้บ่งว่า ในช่วงเวลานี้ มันมีอะไรที่คล้ายๆกับเป็น
“ปุ่มปิดความทรงจำชั่วคราว” (amnesia switch) ที่มาปิดความทรงจำของพวกเราเอาไว้ชั่วคราว
ทำให้พวกเราทุกคน นำพลังงานมาใช้การไม่ได้ ไม่ว่าจะเพราะกระบวนการตามธรรมชาติของกาแล็กซี่
และ/หรือ โดยเทคโนโลยีของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพก็ตามแต่

ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ดูเหมือนว่าเพื่อนและครอบครัวของพวกเรา จะมายืนอยู่เคียงข้างเรา
เพื่อช่วยเหลือพวกเรา เมื่อเวลานั้นมาถึง

Click to expand...

Chayutt said: ↑

(ต่อครับ)

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> การตื่นรู้

แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณสามารถที่จะมีข้อมูลมากมายที่กำลังหลั่งไหลออกมาให้คุณได้มีโอกาสศึกษาก่อนล่วงหน้า

เพียงแต่คุณเปิดใจของคุณเอาไว้ และทำการบ้านบ้าง คุณก็จะพบกับประสบการณ์ “ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ”
(Synchronicity) และเหตุการณ์แปลกประหลาดมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ

ซึ่งนี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมาถูกทางแล้ว

.................................

Click to expand...

เพื่อนและครอบครัวทางจักรวาลของพวกเรา ก็คือมนุษย์ต่างมิติทั้งหลายนี่เอง
ที่มีระดับพัฒนาการทางจิตแตกต่างกันไป ซึ่งมีหลากหลายเผ่าพันธ์
มีวัฒนธรรมแตกต่างกันไป
และมาคอยดูแลช่วยเหลือเรา คอยสอนและเตือนความรู้ ความทรงจำให้เราเสมอๆ
ในโนวา อนาลัย ใช้คำว่า จิตวิญญาณต่างร่าง เสมือนร่าง อะไรประมาณนี้

การติดต่อกับพวกเขาเป็นไปอยู่ตลอดเวลา
แต่เราไม่มีสติสัมปชัญญะตามทันที่จะรับรู้ได้ทั้งหมดเราเลยเหมือน
มีปุ่มที่คุณชยุตว่ามา ว่ามันปิดความทรงจำเรา

การเปิดใจให้กว้าง ยอมรับว่า อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้
จะทำให้เราหลุดกรอบของข้อจำกัด ที่ขังความรู้ความสามารถของพวกเราไว้ได้
จิตวิญญาณเหล่านี้ หรือรูปธรรมต่างๆมิติเหล่านี้ ติดต่อสื่อสารกับเราเสมอๆ
ผ่านจุดประสานมิติ ที่ทุกคน(เน้นย้ำว่าทุกๆคน) สามารถจะติดต่อกับพวกเขาได้

แต่ต้องมีสติสัมปชัญญะที่คมชัดและลุ่มลึกพอ จึงจะรับรู้ได้
อาจด้วยการฝึกฝนการทำสมาธิ หรือความฝัน
ส่วนตัวเอง ถนัดที่จะเรียนรู้จากความฝัน และมักจะได้ข้อมูลความรู้ผ่านมาทางความฝันอยู่บ่อยๆ

ซึ่งกระบวนการในการฝึกจิตเราก็ทราบกันดีอยู่ว่า ไม่พ้นการฝึกฝนการทำสมาธิ

ไม่รู้ว่า ที่แสดงความคิดเห็นออกมาจะตรงกับ บทแปลชุดนี้ไหม?
แต่...ตัวเองได้ประโยชน์ แล้วตีความออกมาได้มาแบบนี้จ้า

ขอบคุณคุณ ชยุต เจ้า...ที่มาคอยกระตุ้นเตือน และเสริมความเชื่อมั่นให้ข้าเจ้า
ขอบคุณหลายๆเจ้า

Chayutt · 27 เมษายน 2010

และต่อคำถาม หรือข้อสงสัยของคนอื่นๆอีกหลายคนที่อาจจะมีตามมา
จากการได้อ่านข่าวของนายสตีเฟ่น เฮอรืคิงคนนี้ ถ้าให้ผมเสนอความคิดเห็น

ผมก็จะบอกว่า...

1). ชาวโลกไม่ได้เพิ่งพยายามติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว แต่ประการใด
เพราะว่ามีรายงานลับของทั้ง Majestic 12 และจาก Mr.X ที่ผมนำเสนอไปแล้ว
บันทึกไว้ชัดเจนว่า เขาติดต่อกันได้แล้ว และรวมถึงมีสนธิสัญญากันไปแล้ว
ตั้งแต่ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำ

เพียงแต่ว่าทั้งหมดนั้น ถูกดำเนินการโดย กลุ่มผู้มีอำนาจครอบครองโลก
หรือกลุ่ม Illuminati นั่นเอง จึงไม่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป

2). สืบเนื่องจากการติดต่อในข้อ 1 ข้อเท็จจริงมันไปไกลเกินกว่าที่นายเฮอร์คิงจะมานั่งหวั่นวิตกซะแล้วหละครับ
เพราะ เขามีเทคโนโลยีที่เดินทางย้อนกาลเวลาไปทำงานได้แล้วด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้น J-ROD ที่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาจากอนาคต จึงมาที่โลกนี้ได้
เพื่อมาให้ทันก่อนยุคปี 2012 เพื่อมาแก้ไขปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับพุนธุกรรมของพวกเขา

จะเห็นว่า ปี 2012 นี้เป็นคีย์ของเหตุการณ์หลายๆอย่างเลยนะครับ

ถ้าหากว่าคุณได้อ่านกระทู้ของผมมานานพอสมควร คุณก็อาจจะคุ้นเคยกับปี 2012
ที่ผมจะกล่าวถึงไว้ในแง่ดี และแง่บวกซะเป็นส่วนเดียวแล้วใช่ไหมครับ

เพราะว่า มนุษย์ต่างดาว - ต่างมิติ นักวิทยาศาสตร์พลังจิตกล้าทั้งหลาย
เขาก็พูดถึงปีนี้ในทำนองเดียวกันหมด

ว่ามันจะเป็นปีที่วิวัตนาการของมนุษย์โลกจะก้าวกระโดดครั้งใหญ่

คุณลองสงสัยบ้างหรือเปล่าครับว่า ถ้าทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็น มันมี
อยู่อย่างที่เราๆท่านๆเห็นมัน รับรู้มัน อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันบนโลกใบนี้
อะไรมันจะก้าวกระโดด มันจะเอาที่ไหนมาก้าวกระโดด ใครจะไปสร้างอะไรได้ทันเวลา
จนจะทำให้วิวัฒนาการของมนุษย์และของโลกก้าวกระโดดได้ไว ภายใน 2 ปีที่เหลือนี้ขนาดนั้น

ประเด็นคำตอบมันก็จะย้อนขึ้นไปข้อความข้างบนของผมนั่นแหละ
ที่ว่า

"เพราะว่ามันมีเทคโนโลยี มีวิวัฒนาการ และอะไรต่ออะไร พร้อมไว้หมดแล้ว"
"เพียงแต่ว่ามนุษย์โลกเราส่วนใหญ่ยังไม่รู้เท่านั้นเอง"

เพราะฉะนั้น เราจึงไม่เคยระแคะระคายอะไรเลย

3). เพราะความเป็นจริงก็คือ มนุษย์ต่างดาว - ต่างมิติ ที่กำลังมาเกี่ยวข้องกับโลกเราอยู่นี้
มีทั้ง 2 ฝ่าย คือฝ่ายดี คือมาช่วย และฝ่ายชั่วคือมาครองงำ

และข้อเท็จจริงอีกอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ พวกเขาล้ำหน้ากว่าพวกเราทุกด้าน ทั้งคู่เลย

เพราะฉะนั้น ประเด็นมันจะอยู่ตรงที่คุณหรือเรา อยากจะติดต่อกับเขาหรือไม่หรือเปล่า
เขาต้องรอถามเราก่อนไหม๊ ว่าขอมาที่โลกนี้หน่อยนะ อะไรแบบนั้น

แล้วถ้าพวกเขาจะมาหรือจะไป คุณจะทำอะไรได้ คุณจะห้ามหรือไม่ห้ามพวกเขาอย่างไร

สิ่งร้ายๆที่คุณจินตนาการขึ้นเพราะความกลัวพวกเขาไปต่างๆนาๆนั้น
มันได้ช่วยป้องกัน หรือแก้ไข ไม่ให้พวกเขาไม่มาติดต่อกับคุณได้ไหม๊

และอย่าลืมว่า ความจริงก้คือ พวกเขามาติดต่อนานแล้วด้วยนะครับ...ย้ำว่านานมาแล้ว

ผมกำลังจะบอกว่า..โอ้โห..เรื่องราวมันเกิดไปจนถึงไหนต่อไหนแล้ว
แต่ว่าคุณเพิ่งมารู้ แล้วก็เลยเพิ่งจะมากะโตกกะตากตื่นกลัวกันในตอนนี้
แล้วมันจะช่วยอะไรให้ดีขึ้นได้ไหม๊นั่นหนะ??

""""""""""""""""""""

Chayutt · 27 เมษายน 2010

ขอต่ออีกนิดนึงนะครับ

พอดีเห็นข้อความของคุณเดรด ก็เลยนึกขึ้นได้อีกว่า

กาลเวลา มันไม่ได้เป็นแบบเส้นตรงอย่างที่เราคิดและเชื่อหัวปักหัวปำกันอยู่นี่นะครับ

เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเขาสามารถเดินทางย้อนไป-ย้อนมาในกาลเวลาได้
พวกเขาจึงสื่อสารถึงพวกเราอยู่ตลอดเวลาด้วย อันนี้อีกนัยยะหนึ่งนะครับ

บางทีพวกเขาก็อาจจะเป็นตัวเราเอง ในอนาคตเองนั่นแหละ ที่กำลังมาติดต่อกับตัวเองอยู่นี่
แต่ว่าตัวตนในอดีตของเราเอง กลับหวาดหวั่น ครั่นคร้ามตัวตนในอนคตจนไม่กล้าติดต่อด้วย

และพอเห็นว่าจะมีอะไรที่ผิดจากที่เคยรู้ เคยเห็นมา ในชีวิตประจำวันหน่อย

สัญชาตญาณดิบ ก็จะผลิต "ความกลัว" ออกมาเป็นพลังงานแรกสุดเลย

ก็เลยกลายเป็นว่า "ความกลัว" คือตัวตน ของสรณะ คือสิ่งยึดเหนี่ยวสูงสุด
ที่จีรังยั่งยืน และทรงคุณค่าที่สุด ที่ไม่อาจหาอะไรมาลบล้าง หรือมาเสมอเหมือนได้

เพราะฉะนั้น ผมก็อยากจะสนับสนุนให้ใครก็ตามที่ชอบอยู่แต่ในความกลัว
ก็จงมีความสุขอยู่กับมันต่อไปเถอะนะครับ เพราะชีวิตนี้คุณคงขาดมันไม่ได้

แม้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว หากเกิดสถานการณ์อันใดอันหนึ่งขึ้นมา
เราเลือกได้ ว่าเราจะตอบสนองมันด้วยพลังงานแบบไหน

ถ้ากลัวมันแล้ว มันจะหายไปรึ..หรือว่าถ้ากลัวมันแล้วมันจะดีขึ้นรึ..

ก็เอาครับ อันไหนทำแล้วดี ก็เอาเลยครับ...

.......................................

tar2199 · 27 เมษายน 2010

โอ้ววว โดนใจผมสุดๆ ครับคุณชยุต

ผมพร้อมที่จะรับข้อมูลจากท่านต่อแล้วครับ

ท่านชยุย พอทีข้อมูลเกี่ยวกับชายคนที่ชื่อ Alex Collier หรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมแปะลิ๊งวีดีโอให้

http://www.youtube.com/results?search_query=Alex+Collier&search_type=&aq=f

แล้วนี่ก็ เวบของ David Icke ที่มีรายละเอียดน่าสนใจมากมาย -- http://www.davidicke.com/content/category/6/27/32/

ส่วนนี่ก็บทสัมภาษณ์ Alex Jones, David Icke and the Reptilians

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=gx0jQAh0aaw"]YouTube- Alex Jones, David Icke and the Reptilians - 1/2[/ame]

โนอาร์ · 27 เมษายน 2010

แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณสามารถที่จะมีข้อมูลมากมายที่กำลังหลั่งไหลออกมาให้คุณได้มีโอกาสศึกษา ก่อนล่วงหน้า

เพียงแต่คุณเปิดใจของคุณเอาไว้ และทำการบ้านบ้าง คุณก็จะพบกับประสบการณ์ “ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ”
(Synchronicity) และเหตุการณ์แปลกประหลาดมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ

ซึ่งนี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมาถูกทางแล้ว

สวัสดีครับ คุณ Chayutt ติดตามอ่านมานาน...แต่ต้องมาสะดุดข้อความข้างบน.....สุดยอดในที่สุดก็มีคนที่อธิบายให้ผมเข้าใจได้แล้ว...และผมกล้าที่จะเปิดเผยโดยที่ ไม่กลัวว่าคนที่อ่านจะมองว่า "บ้า" ผมเองมีประสบการณ์ทีแปลกมาก.....ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนผมหรือป่าว......ผมขอยกตัวอย่าง..ก็แล้วกันครับ....
๑. ผมเคยเผลอหลับช่วงกลางวันระหว่างรอภรรยา...เหมือผมฝันว่าภรรยาเดินมาหาผม ที่กำลังนอนในรถ...เธอใส่เสื้อสีแดง...พอตื่น "ภาพที่ฝันนั้นเป็นจริงเปะเลย"(ไม่ใช่เป็นแค่ครั้งเเดียว ๓-๔ ครั้งได้ ลักษณะคล้ายกัน) ผมยังหาคำตอบไม่ได้เลย...
๒.เมื่อปลายปีก่อนผมพบเห็นยานอวกาศ แบบเดียวที่มีคนเห็นที่แถวจ.มหาสารคามที่ออกข่าว.... และหลังจากนั้นก็เจอบ่อย...บนท้องฟ้า...
๓. ผมฝึกสมาธิมา ปีกว่าๆ...พบว่าเวลาจะเผลอหลับได้ยินเสียงการสื่อสารที่ไม่ใช่ภาษาที่เราเคยได้ยินบนโลก...ก็แปลกดี...
๔. มีบ่อยครั้งที่ จู่ๆก็เหมือนได้ยินเสียงเหมือน ไมค์โครโฟนหอน หรือหวีด..แต่ไม่นาน....

ผมเองพบอะไรต่างๆที่เข้ามาแปลกๆ ประจำ...ไม่รู้จะถามใครกลัวเขาว่าเราบ้า...วันนี้ได้มาอ่านข้อความคุณ Chayutt ก็มีความรู้ไประดับหนึ่ง....ถ้ามีข้อมูลแนวนี้อีก..ก็ แนะนำด้วยนะครับ.......ขอบคุณมากๆครับสำหรับข้อมูล

chanwen · 27 เมษายน 2010

ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการเปิดเผยสักนิดครับ
นาย Lloyd Pye (ลอยด์ เพย์) ผู้ที่ได้รับการดูแลครอบครองกะโหลกศรีษะของ StarChild(เด็กจากดวงดาว) ที่นายลอยด์ เพย์ เชื่อว่าเป็นการผสมพันธุ์กันระหว่าง เผ่าพันธ์จากต่างดาว(มนุษย์ต่างดาว)และเผ่าพันธ์ดั่งเดิมของมนุษย์โลก(มนุษย์ลิง) ตอนนี้ได้ทำการสกัดDNAมาจากกระโหลกศรีษะนี้ได้แล้ว ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ถึงการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวตั่งแต่สมัยโบราณ และต้นกำเนิดของสายพันธุ์ของมนุษย์และคำตอบของ Missing Link (จุดเชื่อมโยงที่หายไป จากการวิวัฒนาการมนุษย์)

su_ra · 28 เมษายน 2010

เจตนาได้ถูกส่งผ่านไป และทุกสิ่งจะไม่ย้อนกลับมาอีก
บางสิ่ง อาจดูแล้วร้ายและน่ากลัว แต่มันก็ได้ชุกซ่อน
และถูกวางแผนถึงผลลัพย์ที่น่าอัศจรรย์ถึงการก้าวสู่ยุคใหม่
และทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปด้วยความรัก

Misha · 29 เมษายน 2010

su_ra said: ↑

สวัสดีครับคุณ Misha อย่าเพิ่งเอาคิ้วชนกันนะครับ "ความรักมีอยู่ทุกหนทุกแห่งเมื่อเราเรียกหา" สิ่งที่คุณ Misha พูด มันเป็นประเด็นที่น่าสนใจครับ ขอให้ผมคิดและวิเคราห์ในมุมมองของมนุษย์นะครับ ความจริงเรื่องพวกนี้มีอยู่มานานแล้วเพียงแต่ว่าในอดีตสื่อไม่ได้นำเสนอและสนใจอย่างมากมากเหมือนในตอนนี้ การนำเสนอสื่อส่วนใหญ่จะดึงดูดเรื่องพวกนี้เป็นอันดับต้นๆ...?? ความจริงมีข่าวสารมากมายที่จรรโลงใจ แต่พวกเขาเลือกที่จะนำเสนอสิ่งเหล่านี้และให้ความสนใจ ผมไม่ใด้กล่าวโทษสื่อ แต่ขอให้คุณคิดตามนะครับ เมื่อสื่อนำเสนอข่าวสารด้านลบ ทุกเช้าพวกเราส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับข่าว ฆาตกรรม ขมขืน ลักทรัพย์ อุบัติเหตุ ฯลฯ...... มันประทับเข้าไปในจิต ทุกวันโดยที่เราไม่รู้ตัว....!!! แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อ....??? ใช่...!!! เรามีความเชื่อและคิดว่ามันเป็นจริง...!!! เรากำลังสร้างพลังด้านลบโดยไม่รู้ตัวเรากำลังสนับสนุนพลังงานด้านลบโดยไม่รู้ตัว (ผู้สนันสนุนหลักอย่างเป็นทางการ...) มันเป็นเรื่องน่าขำจริงๆ..... เชื่อว่าผู้ที่เข้ามาในกระทู้ของคุณชยุต ส่วนใหญ่ เป็นผู้มุ่งพัฒนาจิตวิญญาณตนเอง แล้วเราจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ "มีสติ" ลองตรึกตรองว่าคุณมีความรู้สึกอย่่างไรกับข่าวสารที่ได้รับถ้าคุณรู้สึกด้านลบ โอ้...มันมีงานใหญ่ที่คุณต้องทำแล้ว "จงแสดงความรักต่อข่าวสารนั้นจงแสดงความรักต่อผู้ถูกกระทำและผู้กระทำจงให้ความรักต่อเหตุการนั้น" ถ้าคุณทำสิ่งนี้ได้ด้วยความรักพลังงานในตัวคุณจะเกิดการสั่นสะเทือนและเติบโต มันจะส่งผลดีต่อโลกด้วยเพราะคุณกำลัง "กำจัดกรรม" มันจะแตกต่างอย่างมาก ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลยและรอให้ทุกอย่างเกิดขึ้น.....แล้วมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อเราไม่ได้ทำสิ่งไดเลยเลย....
Click to expand...

ขอบคุนค่ะ สัมผัสได้เลยว่าที่นี่มีแต่พลังงานด้านบวกจิงๆ
ที่ๆค้นหามานาน แต่มันก้อเปนแค่ที่ๆอยู่ในบอร์ด
ในชีวิตจิงไม่เหนเจอเลย ท้ออีกแล้วเห็นมั้ย 55
ที่เราระบายไปนั้นคือเรารู้สึกเสียใจและท้อแท้แค่นั้นเอง
สงสารโลกที่มีคนเลวๆอาศัยอยู่ สงสารธรรมชาติที่ถูกมนุษย์รุกราน
เราเสียใจได้ง่ายๆแค่เห็นคนทำลายธรรมชาติ แค่ตัดต้นไม้
ก้อคิดว่า ไปทำเค้าทำไม
ทุกวันนี้ไม่เคยอยากเปิดทีวี
รู้สึกว่าโลกนี้ไม่ใช่ที่ๆเราควรอยู่ ไม่ได้หมายความว่าตัวเองดี
แต่หมายความว่าอยากไปอยู่ในที่ๆมีแต่สิ่งสวยงาม สิ่งดีงาม
อยากไปอยู่โลกใบใหม่ที่มีแต่ความรัก ความเมตตา ความอบอุ่น
แต่ทุกวันนี้ยังหาที่นั้นไม่เจอ

Misha · 29 เมษายน 2010

Chayutt said: ↑

โอ..ชอบประโยคที่เน้นไว้ข้างบนนั้นมากเลยครับ
เพราะผมก็คิดว่า มันกำลังเป็นเช่นนั้นอยู่จริงๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวกันเลย

ทุกวันนี้ ผมเห็นกระทู้ที่ก่อให้เกิดความหวั่นวิตก ความหวาดกลัว ขึ้นมากันให้พรึบไปหมด
ผมเลยต้องรีบตั้งกระทู้ขึ้นมาระบายพลังด้านลบจากความกลัวของผู้คนออกไปบ้างไงหละครับ

คุณ sura สรุปเอาไว้ได้ดีครับ แต่ผมรู้ว่ามันยังไม่ง่ายนักหรอกที่ผู้คนจะเปลี่ยนวิธีคิดได้
เพราะพวกเขายังไม่แน่ใจว่ามันจริงอย่างที่ว่านี้แน่หรือเปล่า เพราะศาสนาหลักที่พวกเขานับถืออยู่ไม่ได้สอนอย่างนี้
และรวมถึง การที่จะดูดซับแสงสว่างเข้าไว้จนมากพอ จนใจเปิดออกมาสู่แสงสว่างแล้ว
มีแต่กระแสจิตด้านบวกแล้วนี่ มันก้ต้องค่อยๆซึมซับครับ ด้วยวิธีการทั้งปวงที่มีสอนกันเกลื่อนกลาด
เช่นนั่งสมาธิ เป็นต้น และอื่นๆ ซึ่งมันต้องใช้เวลาพอสมควรครับ

เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่รีบร้อนนัก ที่จะอัดพลังบวกจากเนื้อความในกระทู้ของผมเข้าไปสักเท่าไหร่

รูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลายบอกว่า ช้าหรือเร็ว ทุกๆคนก็ต้องตื่นขึ้นมาสักวัน
และะทุกๆคน ก็มีเวลาตื่นเป็นของตนเองอยู่แล้วครับ ไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อๆไป
จึงไม่น่าห่วงอะไร

กลับมาที่เนื้อหาของกระทู้นี้ต่อนะครับ
อีกวันสองวัน ผมจะมาโพสต์เพิ่มอีกหลายตอนทีเดียวครับ
เพราะตอนนี้กำลังแปลให้จบเนื้อหาของตอนนี้อยู่
แล้วท่านจะได้รู้อะไรดีๆอย่างที่ท่านยังไม่เคยได้อ่าน (ภาคภาษาไทย) ที่ไหนมาก่อน

................................................
Click to expand...

ขอบคุนค่ะ ทุกวันนี้รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกนี้อย่างโดดเดี่ยว
เพราะผู้คนไม่ค่อยมีความรักต่อกัน มีแต่รักตัวเองกันทั้งนั้น
ผู้คนรอบข้าง ข่าวสารรอบด้านทำให้เราท้อและเริ่มปลงๆอยู่ไปวันๆ
แบบว่าเขาส่งให้มาอยู่ก้ออยู่ =*=
แต่หลังจากนี้เราคนนึงจะพยายามยกระดับจิตใจเราให้ได้มากขึ้น
ตอนนี้มีกำลังใจขึ้นเยอะ รู้สึกสัมผัสพลังงานด้านบวกเยอะ
เพราะรู้สึกว่ามีหลายๆคนในที่นี้กำลังพร้อมที่จะยกระดับ
ไปพร้อมๆกัน กะทู้นี้ดีมากๆ จะติดตามกะทู้ต่อไปเรื่อยๆนะคะ ^^,,
เปนกำลังใจให้จขกทค่ะ

chanwen · 29 เมษายน 2010

มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หัวกระโหลกStarChild ที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านะครับว่าผลตรวจสอบของกระโหลกนี้มีข้อมูลโดยสรุปคร่าวๆว่า
เป็นกระโหลกศรีษะอย่างแน่นอน และมีขนาดใหญ่กว่ากระโหลกทั่วๆไป และในเนื้อกระดูกนั้นมีความหนาแน่นแข็งแรงกว่ากระดูกทั่วไปโดยที่มีน้ำหนักเบากว่ากระโหลกทั่วไปหลายเท่า เนื่องจากในเนื้อกระดูกนั้นมีโครงสร้างไฟเบอร์แบบพิเศษที่มนุษย์ทั่วไปไม่มี ถัดมาก็คือ กระโหลกนี้ไม่มีโพรงเหนือจมูกหรือที่เรารู้จักกันในชื่อไซนัส ในเบ้าตานั้นไม่ลึกเหมือนกับเบ้าตาของคนทั่วไป แต่ถ้าหากเป็นขนาดของลูกตาของมนุษย์ทั่วไปแล้วตาจะหลุดออกจากเบ้าไปแล้ว
และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ได้รับการยืนยันจากการตรวจ DNA แล้วว่า StarChild นี้มี มารดาเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน แต่บิดานั้นยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดไหนแต่หาใช่มนุษย์ไม่ ในขณะนี้ทางนายลอยด์จึงทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบDNAกับสัตว์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆต่อไปอีก
ด้านล่างนี้คือภาพเปรียบเทียบกระโหลกศรีษะ

tar2199 · 29 เมษายน 2010

คุณชยุยไปไหนแล้วครับ ยังรออ่านอยู่ครับ

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

โค้งสุดท้ายของแผนการประกาศและเปิดเผยตัว อย่างเป็นทางการ ต่อชาวโลก ของมนุษย์ต่างดาว

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

ไฟล์ที่แนบมา:

mr_x_lg.jpg

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

tar2199 เป็นที่รู้จักกันดี

tar2199 เป็นที่รู้จักกันดี

natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

kindred เป็นที่รู้จักกันดี

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

tar2199 เป็นที่รู้จักกันดี

โนอาร์ Active Member

chanwen Active Member

su_ra เป็นที่รู้จักกันดี

Misha เป็นที่รู้จักกันดี

Misha เป็นที่รู้จักกันดี

chanwen Active Member

tar2199 เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

โค้งสุดท้ายของแผนการประกาศและเปิดเผยตัว อย่างเป็นทางการ ต่อชาวโลก ของมนุษย์ต่างดาว

ไฟล์ที่แนบมา:

mr_x_lg.jpg

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา