... แล้วเราจะเล่าให้ฟัง ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สายฝนฉ่ำเย็น, 1 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    อย่างที่เกริ่นไว้แล้วเน๊าะ...อะไรๆ มักจะมาแบบไม่ทันตั้งตัว...จู่จู่ วันจันทร์ที่ 9 มกราคม ช่วงบ่ายแก่มากกกกกก....น้องสาวผู้เป็นกัลยาณธรรม...กริ๊งกร๊างเข้ามาเสียงเข้ม ปน ตื่นเต้น และ ดีใจ...(รมณ์ไหนของเค้าเนี่ย 5555+++)...“พี่อ้อ...หนูได้รับข่าวจากสวนโมกกรุงเทพฯ เขาจะไปกราบหลวงปู่ชากัน ครบรอบ 20 ปีละสังขารหลวงปู่...ไปด้วยกันไหมพี่...เท่าที่อ่านรายละเอียด...เป็นการสนับสนุนของ ททท. ...โดยเฉพาะรถที่ไปนะพี่...โหยยยย...ซู้ดยอด...ขอบอก...นั่งสบาย มีจอหนังส่วนตัว...ค่ารถไปกลับ 800 บาท ถูกกว่าหนูนั่งกลับบ้านเสียอีก...แค่เที่ยวเดียวก็ 600 - 700 บาทแล้วพี่...พอหนูได้ข่าว...หนูนึกถึงพี่ทันทีเลย...ไปนะพี่...ไปกราบหลวงปู่ด้วยกัน”....ฉันนึกในใจ...“โห...อะไรจะโชคดีขนาดนี้...ตั้งใจไว้นานแล้ว...ถ้ามีโอกาสไปวัดหนองป่าพง...ฉันจะไปทันที...นี่ยังไม่ทันไรเลย...เมื่อเดือนที่แล้ว...เพิ่งจะได้ไปสวนโมก ไชยา...เดือนนี้ได้ไป วัดหนองป่าพงอีก...สายกรรมฐาน ที่ตั้งใจไว้เลย...ดีใจ ดีใจ...ตอบแบบแทบจะไม่ต้องถามคนข้างๆ ทันที...” “เออๆ ไปด้วย...กี่วันก็จะไป...” ตอบตกลงเสร็จ...หันมามองหน้าสามี...สามีตอบกลับมาทันที...“อะแฮ่ม ๆ...นี่ใจคอจะไม่ถามกันหน่อยเหรอ...ว่าจะให้ไปหรือเปล่า”...“แหมคุณพี่...ไม่ต้องถาม มองตาก็รู้กันแล้ว...ว่าต่อให้เอาช้างมาฉุด...อิฉันก็จะไป....5555++”...เพียงแค่เอ่ยว่า เป็นกิจกรรมจากสวนโมกกรุงเทพฯ เขาก็ให้ไปแล้วหล่ะ...จะอะไรซะอีก...พอพากันไปสวนรถไฟทีไร...วงแตกทันที...ฉันมักจะหมกตัวอ่านหนังสืออยู่ในนั้น...สองพ่อลูกก็พากันปั่นจักรยานเหล่สาวกันไป...หนุกหนานด้วยกันทั้งสองฝ่าย...จนได้เวลาจะกลับนั่นแหละ...ถึงพากันมาสะกิด เรียก...ป้าป้า...กลับบ้านกันได้แล้ว...5555++
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2012
  2. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ฉันตั้งตารอทันที...งานเข้าก็บอกปัดเลย...ไม่อยู่ค่ะ...กลับมาจะทำงานต่อให้ค่ะ...(ดูใจดำ แต่ฉันหวังดี...555++)...เขาบอกให้เอากลด เอาเต้นท์ เอาที่หลับที่นอนไปด้วย ฉันก็หมายใจไว้เลยว่า...เย้...งานนี้ฉันได้ใช้กลดหลังงามของแม่ซะที...ไม่เคย..อยู่กับกลดเลย...คงจะเท่และสง่าน่าดู...ความภาคภูมิใจมาทันที...ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงนาทีนั้น....ต่างคนก็ต่างเอาไป...แขวนกลดไว้ใกล้ๆ กัน...สามีฉันด้วยความเป็นห่วง...โยนถุงนอนใส่รถมาเผื่อไว้...ฉันก็ปฏิเสธที่จะไม่เอา เพราะคิดว่าไม่น่าจะใช้...พอไปถึงจริงๆ...เสื่อที่เอาไปกัน ดันเล็กกว่าตัวกลดของเราทั้งสอง...จึงได้อาศัยมุ้งที่คุณเห็นเป็นกระโจมสีฟ้านั่นแหละ...เอาผ้าห่มที่เผื่อติดไป กับมุ้งกลดของเราสองคน ปิดไว้หัวมุ้ง กันน้ำค้าง...5555++ สุดท้าย สองคน มุดอยู่มุ้งเดียวกัน เพราะเสื่อไม่พอ...ฝันแห่งความภาคภูมิใจที่จะปักกลด...เป็นอันตรธานหายไปทันที...

    เราออกจากสวนรถไฟ เวลา ๒๐.๐๐ น. และถึงที่วัดหนองป่าพง เกือบๆ ตี ๕ ของวันที่ ๑๔ มกราคม...เมื่อจัดของเป็นที่เรียบร้อย...เราก็พากันไปกราบหลวงปู่กันที่เจดีย์...และเดินจงกลมรอบเจดีย์...หายใจให้เต็มปอด ให้สมกับที่ได้มาปฏิบัติ...คนเยอะมาก แต่เยอะแบบไม่แกร่งแย่ง มีแต่สีขาวสะอาดตา...ฉันประทับใจกับการใส่ผ้าซิ่นสีดำ และเสื้อแขนกระบอกสีขาว...ของวัดพระป่า...เห็นแล้วชื่นใจ...และสักวัน...ฉันก็คงนุ่งห่มแบบนั้นเช่นเดียวกัน....เมื่อได้เดินจงกลมแบบสั้นๆ รอบเจดีย์แล้ว...เราก็พากันมาหาของเข้าท้อง...ตกใจกับโรงทาน ที่มีเป็นสิบๆ ร้าน ออกร้านกันแต่เช้าและเรื่อยไปตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเวลา ๑๙.๐๐ น. ... ผู้ใจบุญ ได้ออกโรงทานให้ทั้งกับผู้ปฏิบัติ และผู้ยากไร้...ฉันและน้องเห็นอย่างนั้น...ก็ซาบซึ้งในน้ำใจไมตรี...และความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาและพระสุปฏิปันโน...ของเหล่าชาวอิสาน ที่มั่นคง และแน่วแน่...ฉันและน้องพูดออกเป็นคำเดียวกันว่า...วันหนึ่ง ฉันจะมีร้านแบบนี้...ด้วยความศรัทธาและเต็มกำลังที่ฉันมี...ในการสร้างทานบารมีของฉันและ...เพื่อต่อยอดให้พระศาสนาสืบยาวนานขึ้นไป...ฉันไปนั่งทาน ก๋วยจั๊บญวน ได้นั่งคุยกับคุณป้าท่านหนึ่ง ... ท่านมาทั้งปฏิบัติธรรมและออกโรงทาน ... ท่านบอกว่า ท่านมาจากโคราช...ก่อนหน้านี้ ... ท่านมีทรัพย์น้อย และใจที่แน่วแน่และตั้งมั่น ... ท่านนำของขึ้นรถไฟมา และ มาออกโรงทาน ตามกำลังที่ท่านมีอยู่ ณ ตอนนั้น ท่านบอกว่า นั่นเป็นครั้งแรก และ มีครั้งต่อๆ มาเรื่อยๆ จากของที่นำมาพอประมาณ จนวันนี้ ท่านนำของมามากพอ...ฉันนั่งคุยกับท่าน เห็นรอยยิ้มและใบหน้าแห่งความสุข...ฉันก็พลอยที่มีความสุขกับคุณป้าด้วย...จึงได้ขออนุโมทนาบุญกับคุณป้าและผองเพื่อนไป...ท่านบอกกับฉันว่า...“บ่ต้องรอให้มีมากดอก มีเท่าไหร่อยากทำ ทำโลดลูกเอ๋ย ได้บุญคือกัน”...ฉันยิ้มรับ...

    เมื่ออิ่มหมีพลีมันกันแล้ว...พวกเราก็พากันมานั่งฟัง...ธรรมจากพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ...ฟังไปใจก็เคลิ้มไป...วันแรก เป็นไปอย่างเรื่อยๆ มาเรียงๆ เพราะโปรแกรมไม่มีอะไรมาก...เนื่องจากเรามาไม่ทันทำวัตรเช้า...ที่นี่เขาทำวัตรเช้ากันเวลา ๐๓.๑๕ น. ...แล้วก็เดินจงกลมรอบเจดีย์รอบใหญ่ ๓ รอบ นำโดยพระภิกษุสงฆ์ แม่ชี และ อุบาสกอุบาสิกา...ฉันก็พากันมาลองเดินรอบใหญ่กันดูมั่ง....

    ปรากฏว่า...เดินได้แค่รอบเดียว...ก็มองตากันเหมือนรู้ใจกัน...ว่า...เราพอแค่นี้เหอะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเดินไม่ไหว...เนื่องจาก เราลองอนุมานกันดูว่า ๑ รอบ น่าจะประมาณ ๒ ก.ม. กว่า ถ้า ๓ รอบ น่าจะอยู่ที่ประมาณ ๗ ก.ม. ... เราก็หมายมั่นกันว่า ... OK พรุ่งนี้เราจะเร่ิมกันใหม่ .... พระธรรมเทศนา มีเกือบทั้งวัน และจะแบ่งเป็นภาคเช้า ภาคบ่าย และ หลังทำวัตรเย็น ... ฉันเหมือนหายใจเต็มปอด .... ใจเป็นสุขเหลือเกิน .... พอตกเย็น...ฉันก็เห็นผู้คนจำนวนมาก มากจริงๆ....ที่ไม่ได้นุ่งห่มขาว...เข้ามารับของแจกจากโรงทาน...อย่างที่บอก เห็นแล้วเป็นตาน่าชื่นใจแท้ๆ...มองไป มองมา...สายตาก็ดันไปป๊ะเข้ากับ....ตำบักหุ่ง...ที่น้องคนหนึ่งถือมา...ฉันบอกน้องสาวว่า...แหมๆๆๆๆ....มารมาไวจริงๆ....ยังไม่ทันไร จะให้ฉันศีลขาดเสียตั้งแต่วันแรกเสียแล้ว....เดี๋ยวก่อนเถอะ...ถ้าเปิดร้านแต่เช้า....พรุ่งนี้เราได้เจอกันแน่.....คิดได้เพียงเท่านี้ พวกเราก็หาเสื่อหาสาดกันมานั่งเรียงแถวกันที่ ธรรมศาลา เพื่อทำวัตรเย็น และ ฟังธรรมเทศนากัน....ฉันรู้สึกดีจัง...ผู้เฒ่าผู้แก่ คนหนุ่ม คนสาว ครอบครัว ลูกเล็กเด็กแดง...พากันนุ่งขาว มานั่งทำวัตรเย็น...สวดมนต์กันเสียงจ๋อยๆๆๆ...เห็นแล้วใจมันลื้น มันตื้น มันตัน...ได้แต่หวังใจว่า...ขอให้ฉันได้นำพาครอบครัวฉันทุกคน มาทำแบบนี้ ปล่อยใจ แบบนี้ เหมือนคนที่นี่เขาทำกัน....ไม่มีมาแกร่งแย่งที่นั่ง หรือเบียดเสียดยัดเยียด...มีแต่รอยยิ้ม น้ำใจไมตรีเอื้อให้กันและกัน...ทางเดินระหว่างประตู...เพื่อเข้าไปธรรมศาลา...เนืองแน่นไปด้วยอุบาสกอุบาสิกา...แน่นไปจนถึงธรรมศาลา...ฉันไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนเลย...คำว่าคนเรือนพันเรือนหมื่น....ตอนแรกที่ได้ยิน...จะเป็นอย่างไรหนอ...คงเบียดเสียดยัดเยียดกันน่าดู...แต่ที่นี่ไม่มีภาพแบบนั้นเลย...ต่างคน ต่างมาสร้างบุญของตนเอง...และเอื้ออำนวยให้แก่ ผู้ปฏิบัติด้วยกันอีก....นี่แหละหนอ...ลูกศิษย์หลวงปู่ชา...พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ...ศรัทธาที่สาธุชน...ต่างมุ่งมั่นและตั้งใจ....

    คืนนั้น...ฉันกลับมานอน มุ้งน้อยกรอยใจของพวกเรา...และตั้งใจจะตื่นทำวัตรเช้าให้ทัน....แต่ด้วยความเหนื่อยล้า กับการปล้ำมุ้งน้อยกรอยใจนั่นแหละ...อีกทั้งแทบจะไม่ได้หลับเลย ในขณะที่อยู่บนรถ...ทำให้เรา หลับเป็นตายด้วยกันทั้งคู่...มาตกใจตื่นอีกที..."_" !!!! ตอนที่พระท่านขึ้น “โยโส ภะคะวา...” เอาแล้ว เขาทำวัตรเช้ากันแล้ว พวกเรายังไม่ได้อาบน้ำเลย...รีบพากันอาบน้ำ...ไปไม่ทันแล้ว...ทำวัตรเช้ากันในมุ้งเนี่ยแหละ...สักพักใหญ่...เขาก็พากันเดินจงกลมรอบใหญ่...คนเป็นพันๆ คน เดินกันทิวแถว ไม่มีเบียดเสียด ไม่มีแบ่งแยก เห็นแล้วงามตาเหลือเกิน....แต่ฉันสองคน ไม่ได้เข้าไปร่วมแถวกับเขา...เพราะ...เดินไม่ทันเขา....5555+++ ด้วยความที่การเดินจงกลมของเราทั้งสอง เป็นแบบ เดินด้วยสติตั้งมั่น จะมาก้าว ย่าง เยียบอยู่...ไม่ทันกินเขาแน่ๆ...เลยตกลงกันว่า เขาเดินเสร็จ เราค่อยเดินกันสองยายต่อแล้วกัน ไม่รีบไม่เร่ง ตามแบบฉบับของเรา...พอเดินไปได้ครึ่งทาง....มีพี่ผู้ใจบุญ เขียนป้ายไว้ว่า...อาหารเจ...ไอ้เราก็คิดว่าเขานำมาขาย...เห็นป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม...ว่าขายหรือใส่บาตร...เขาว่า เขานำมาแจก ของเขาน้อย ไม่ได้ไปโรงทาน แต่ตั้งใจทำบุญเช่นเดียวกัน ... เราสองคนหยุดเดินแล้วเข้าไปร่วมแจมด้วยทันที ... เพราะเห็นกล้วยน้ำว้า ที่พี่เขาแจกด้วยนั่นแหละ ... ไม่รู้วิญญาณลิงเข้าตอนไหน ... เห็นกล้วย ก็อยากกินกล้วยด้วยกันทั้งคู่ ... ปรากฏว่า พี่เขาให้อาหารทั้งคาวหวานและกล้วยเสร็จสรรพ...มีตบท้ายเป็นนัยๆ ว่า...น้องคะ...ถ้าอยากกินส้มตำ มาหาพี่นะคะ พี่จะตำให้...อุเหม่...รู้ใจอิฉันได้ไงเนี่ย...คุณพี่ขา...ว่าอยากรับประทานตำบักหุ่งมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว...หันมายิ้มให้กันทันที...อิอิ...ฉันได้กินตำบักหุ่งอิสานแล้ว ไม่ผิดศีลด้วย เพราะเป็นมื้อเพล...จากนั้นพวกเราก็พากันเดินต่อไปจนครบรอบ...555 สุดท้ายเราก็ได้แค่รอบเดียว...ลิ้นห้อยด้วยกันทั้งคู่...เลยพากันไปหาน้ำปานะดื่ม...และเข้าไปนั่งฟังธรรมกันที่ธรรมศาลา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2012
  3. Honey~

    Honey~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +435
    สาธุอนุโทนา กับบุญกุศลที่พี่ทำไว้ทุกประการนะคะ ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าตั้งใจทำไว้ดีแล้วสำเร็จแก่พี่สายฝนฉ่ำเย็น แลเทวดาที่ปกปักรักษาพี่เช่นกันนะค๊ะ ........
    สิ่งที่ทำให้หนูเวียนหัวคือเจ้ากรรมนายเวรของหนูหรอคะพี่ และอย่าคิดมากเรื่องอะไรอ่ะคะ (หรือพี่อยากบอกว่าอย่าฟุ้งซ่านนั่นเอง แห่ๆ)
    แต่หนูขอความเมตตาถามพี่อีกสักครั้งนะคะ เคยถามจากหลวงพ่อท่านนึง เรื่องการแผ่เมตตาน่ะค่ะ(หนูลองปฏิบัติสายหลวงพ่อเทียน คือ รู้สึกตัว และดูความรู้สึก) หลวงพ่อท่านบอกว่า การดูความรู้สึกหรือรู้สึกตัวทั่วพร้อมเป็นการแผ่เมตตาไปในตัวแล้ว ไม่ต้องแผ่อีก หนูเลย งง?????
    (หรือว่าท่านไม่ได้หมายรวมถึงการแผ่แบบเฉพาะเจาะจง แต่หนูก็ยังแผ่เมตตาบ่้างบางครั้งเพราะเคยฟังหลวงพ่อจรัญมาก่อนเหมือนกันจ่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  4. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบ...อย่าฟุ้งซ่าน...ดูใจตนเองให้มากที่สุด...รู้สึกตัวทั่วพร้อมตามที่ได้อ่านได้ร่ำเรียนมานั่นแหละ...ถึงแม้การรู้สึกตัวทั่วพร้อมตามครูอาจารย์ท่านสอน...จะเป็นการแผ่เมตตาไปในตัวแล้ว...แต่ถ้าได้ทำด้วยจิตใต้สำนึกบ่อยๆ สม่ำเสมอ...ก็ไม่ผิดแปลกอะไร...อย่างหนึ่ง...ยังถือได้ว่า...ได้ให้ด้วยใจที่บริสุทธิ์และปรารถนาจะให้จริงๆ....ศรัทธาและตั้งมั่น...ไม่ว่าจะทางไหน หรือ สายไหน .... ปลายทางคือแห่งเดียวกัน ... อย่าติดสงสัย ... ลองทำ ... อะไรที่ทำแล้ว ใจสบาย ใจมันเบา .... เอาสิ่งนั้นตั้งมั่น ... และพุ่งชน ... มัวแต่สงสัย .... แล้วเมื่อไหร่จะถึงปลายทางล่ะคะ คนสวย.....^ ^

    อิอิ...เดี๋ยวจะกลับมาเล่าต่อนะจ๊ะ ช่วงนี้ ชีพจรลงเท้า...ไม่ค่อยอยู่ติดกับที่เลย....
     
  5. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,315
    ค่าพลัง:
    +19,459
    ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะคะ คุณ อ้อ ปีนี้ลินไม่ได้ไปร่วมงานหลวงปู่ ชา ท่านเลยค่ะ ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจกทาน เหมือนทุกปีแต่ก็โดนสอบจิตอยู่ ผลคือยังไม่ผ่าน..... ปีก่อนลินและเพื่อนๆจะไปแจกน้ำดื่ม-ผลไม้ แจกแบบง่ายๆปิดท้ายรถแจกกันเลย แจกเสร็จก็กลับบ้านกันค่ะ ไม่เกินกำลัง อิ่มบุญ อิ่มใจ ดีค่ะ
     
  6. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ขอคั่นเวลาสักหน่อยเถอะ...(ฮา คั่นอีกแล้ว 2 เรื่องแล้วที่ยังเล่าไม่จบ ฮา ฮา)

    # แรงอิจฉา #

    ฉันได้รู้จักคนคนหนึ่ง....ถือได้ว่า เป็นมนุษย์เต็มขั้น ทีเดียว...รูปร่างหน้าตาดี...ดีกว่าใครหลายๆ คน...โอกาสดี ชีวิตดี ครอบครัวดี....แต่...ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่...เขาเคยให้ฉันบอกเขาถึงเรื่องการงานที่มีปัญหาตลอดเวลา....ฉันตอบกลับเขาไปว่า....ให้เห็นค่าของตนที่มีอยู่...พอใจ และ เป็นสุขกับของที่ตนมีอยู่....เท่านั้น ปัญหาเรื่องงานก็จะหมดไป....แต่เขาไม่เข้าใจ....ฉันจึงต้องบอกกับเขาว่า “รู้ไหม!!! ในชีวิตของคุณตอนนี้ ดีกว่าคนนับร้อยนับพัน มากมายทวีนัก....คนที่เขาไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ คนที่เขาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเงินซื้อข้าวสารใส่หม้อ หรือเปล่า...คนที่ไม่รู้ว่า อาทิตย์หน้าจะมีเงินให้ค่าเช่าบ้านหรือเปล่า????....วันนี้ คุณมีพร้อมทุกอย่าง แต่....กลับไปมองคนที่เขา “มีดีกว่า มีพร้อมกว่า หรือ โชคดีกว่า” แล้ว อิจฉาเขา นำเขามาต่อว่า ต่อขานให้คนอื่นฟัง ในมุมที่คุณไม่รู้ว่า “เขาเป็นอย่างที่คุณคิด หรือ เห็น จริงๆ หรือเปล่า” เห็นเพียงแค่ความโชคดีของเขา....ก็อยากให้เป็นเราบ้าง “ทำไมเราไม่ได้อย่างนั้นบ้างนะ ทั้งๆ ที่ เราเป็น “คนดี” กว่าเขา” แค่เพียงคิด “กรรม” ก็พร้อมรอคุณอยู่ข้างหน้าแล้ว ยิ่งไปคิดว่า “เป็นคนดี” กว่าเขา ยิ่งแล้วใหญ่ ... เอาอะไรไปตัดสิน ว่า คนนั้นที่คุณอิจฉาเขา “เป็นคนไม่ดี” ” ฉันบอกว่า ถ้าให้ฉันบอก ต้องเปิดใจให้กว้างๆ และรับเอาความเห็นต่าง มาคิดและทบทวน ไม่อย่างนั้น การงานที่มีปัญหา ก็จะมีปัญหากับบริวารรอบๆ อยู่ร่ำไป...เดี๋ยวคนนั้นเลียเจ้านาย เดี๋ยวคนนี้ขี้เกียจทำงาน ต้องเป็นภาระของตนอยู่ตลอดเวลา...เดี๋ยวคนนั้นเอาใจเจ้านาย และเจ้านายก็ชอบเสียด้วย...สุดท้าย...ปัญหาแบบนี้ เกิดขึ้นกับทุกๆ ที่ ที่คนนี้ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนั้น.....

    เชื่อไหมคะ...ความอิจฉา...เป็นกรรมตัวหนึ่งเหมือนกัน...คนที่ได้รับ ไม่ใช่คนที่คุณไปอิจฉาเขา...แต่เป็นตัวคุณเองนั่นแหละ...ที่ได้รับกรรมนั้นอยู่ตลอดเวลา....ถึงเวลานี้ สิ่งที่ฉันสัมผัส...เป็นจริงขึ้นไปทุกขณะ...ได้แต่หวังว่า...วันหนึ่ง เขาจะเข้าใจสัจจธรรมของชีวิต อย่างที่เขาพร่ำบอกว่า “วันนี้ เขาสวดมนต์ภาวนาแล้ว เขานั่งสมาธิแล้ว” แล้ว...ทำไม ไม่วาง “ใจ” เสียที

    ขอเรื่องกรรมนี้ เป็นธรรมทานให้แก่ผู้ที่กำลังคิดนะคะ ... อย่าให้กรรมได้เกิดอีกเลย ... เพราะสิ่งที่คุณคิด ไม่ได้ลอยไปไหน อย่างที่เข้าใจ .... แต่เหล่านั้น .... ทั้งหมด .... วนเวียนอยู่ในตัวคุณเองนั่นแหละ....หนอ


    สาธุธรรมค่ะ
     
  7. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    อนุโมทนา ด้วยเช่นกันค่ะ คุณลิน ^ ^ คงมีโอกาสได้ไปอีกแน่นอนค่ะ
    แค่ได้ยินคุณลินเขียนมาเล่า ก็อิ่มบุญ อิ่มใจ ไปด้วยค่ะ ^ ^
     
  8. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ### วัดหนองป่าพง วารินชำราบ อุบลราชธานี ### (ต่อ)

    พวกเราสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันเสร็จก็หมายใจว่า จะไปนั่งฟังพระธรรมเทศนากันที่ ที่พักของพวกเรา....แล้วก็นอนหลับ....น้องกลัวเพื่อนๆ สรรพสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลายจะมาเยี่ยนเยือน...ฉันจึงอธิษฐานจิต...ขออาศัยได้หลับนอน ได้ปฏิบัติ และน้อมบุญส่งแด่เขาเหล่านั้น...คืนนั้น ทั้งฉันและน้อง หลับไปด้วยใจที่เป็นสุข ไม่ได้รู้สึกหวาดระแวงเลย....แต่....กลางดึกช่วงประมาณตี 2 ฝนได้ตกปรอยๆ....ฉันพะวงว่า....กระโจมน้อยกรอยใจของเรา....คงไม่อาจต้านทานสายฝนได้....หากตกลงมาเป็นสาย....พอรุ่งเช้า...ก็หันรีหันขวางด้วยกันทั้งคู่...ว่าจะทำอย่างไรดี....กลัวเสื้อผ้า ที่หลับที่นอนจะเปียก....มองไปมองมา...ก็เจอเต้นท์ที่เขากำลังจะเก็บ...เราสองคนปรี่เข้าไปทันที...

    ...พี่คะ...พี่จะกลับแล้วหรือคะ...
    ...ค่ะ...พี่จะไปอีกวัดหนึ่งค่ะ....
    งั้น....หนูขอซื้อเต้นท์พี่ต่อได้ไหมคะ...
    เอ่อ...พี่เพิ่งซื้อมาและนอนได้ 2 ครั้งเองค่ะ
    ค่ะ...หนูขอซื้อต่อค่ะ...นะคะ
    เอ่อ....เอ่อ....เอ่อ....(คิดอยู่นาน)...พี่คงขายให้ไม่ได้ค่ะ
    เพราะเต้นท์นี้....พี่ซื้อจากวัดหลวงปู่....เป็นเหมือนของที่ระลึกค่ะ
    พี่อีกคน...หันมายิ้มให้ฉัน...แล้วบอกกับพวกเราว่า.....
    “ฝนบ่ตกดอก....งานหลวงปู่เพิ่น....ฝนบ่ตก...เพิ่นพรมน้ำมนต์ให้เด้อ”
    ฉัน....(- - !!!!)....ค่ะ ไม่ตกก็ไม่ตก...แต่ถ้าตก...หนูจะซื้อเต้นท์ได้จากที่ไหนคะ
    “หน้าวัดเลยค๊า...มีขายทู๊กอย่าง” (- -!!!) ...อ๋อค่ะ...ความที่มายังไม่เคยไปหน้าวัดเลย แหะ แหะ....ฉันก็หมายใจไว้ว่าจะต้องไปหาดูให้ได้ เผื่อฝนตก ข้าวของจะได้ไม่เปียก...ครั้นจะไปโยนแหมะไว้ที่เต้นท์อื่น ก็กระไรอยู่...เน๊าะ..

    พอทำธุระปฏิบัติธรรมกันเสร็จเราสองคนก็เดินลัลลา...ไปหน้าวัด...โอ้แม่เจ้า...เหมือนกระเหรี่ยงเข้ากรุงเลย...ของขายเยอะแยะไปหมด...มีสารพัดอย่างที่จะใช้...หันมามองตากันแล้วยิ้มแบบอายๆ....แหมๆๆๆ...มาด้วยกัน ก็ต้องเหมือนกัน...สิ...ถึงจะถูก..55555....สรุปเราไม่ได้เต้นท์....เพราะคำนี้แหละ...“งานหลวงปู่ เพิ่นบ่ให้ฝนตกดอก”....ซื้อของที่ต้องใช้เสร็จ...เราก็เดินกลับมาที่วัด...ปรากฏว่า...มาเจอพี่คนนั้นแหละ...เจ้าของคำพูด...เขาเห็นฉัน...เขาเดินตรงปรี่มาหาฉันทันที....เขากำลังจะไปวัดป่านานาชาติ....จะมีพิธีอะไรสักอย่าง...ฉันฟังไม่ถนัด...แต่ก็ยินดีมากที่จะไปด้วย...เพราะฉันไม่เคยไปเลย...พวกเราไปกัน 9 คน...พอไปถึง...ฉันรู้สึกได้ถึงความเย็น สบาย สงบ และสันติ....ดีจังเลย....ทุกอย่างดูเรียบ ง่าย สะอาด สว่าง สงบ....ฉันตรงเข้าไปกราบพระที่ศาลาใหญ่ และ ศาลาปฏิบัติธรรม ตามคำเชิญของพี่ทิพวัลย์ (เจ้าของคำพูด)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2012
  9. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,315
    ค่าพลัง:
    +19,459
    ลินอยู่อุบลค่ะ คุณอ้อ ถ้าแวะมาอีกก็โทรมาหาแวะมาทักทายกันได้นะคะ คงมีโอกาศได้ร่วมบุญด้วยกันค่ะ :VO
     
  10. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070


    .................^ ^ สาธุบุญค่ะ ^ ^............
     
  11. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ### วัดหนองป่าพง วารินชำราบ อุบลราชธานี ### (ต่อ2)

    พี่เขาพยายามบอกกับพวกเราว่า...จะมีพิธีอะไรสักอย่าง ซึ่งสำคัญมาก เขาดีใจที่พาพวกเรามา และอยากให้เราได้อยู่ในพิธีเดียวนี้เช่นเดียวกันกับเขา...ช่วงที่กำลังรอ ฉันได้เข้ามาช่วยในศาลา ที่เขากำลังจัดเตรียมหนังสือธรรมะจากครูอาจารย์ เพื่อมอบแด่ผู้มีเกียรติที่มาเป็นประธานในงานและร่วมเป็นสักขีพยาน ในงานนี้ด้วย....ฉันดีใจ....นึกไม่ถึงว่า...จะได้มาถึงที่นี่...เหมือนโอกาสได้เอื้ออำนวย...ปูทางให้เดินมาถึง...ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เข้ามาสัมผัส...ความเป็นพระป่า...สถานที่น้อมนำกุศล...และพระกรรมฐานจริงๆ.....ฉันพูดติดตลกว่า....หนังสือน่าอ่านทั้งนั้นเลย...ถ้าพอมีเหลือ...หนูขอบริจาคด้วยได้ไหมคะ....คณะผู้จัดทำเลยเอ่ยปากว่า....หนังสือ ณ ตรงนี้ อาจมีไม่พอสำหรับแขกที่มาในงานด้วยซ้ำไป....ถ้าฉันสนใจจริงๆ ให้แวะไปที่โรงเรียนทอสี สุขุมวิท ในนั้นมีหนังสือมากมาย .... และเอ่ยชวนให้ฉัน แวะเวียนไปที่โรงเรียนทอสีให้ได้....ฉันยิ้มด้วยความปิติอีกครั้ง....สักพัก...พี่ทิพวัลย์เดินมาบอกฉันว่า ให้รีบไปหาที่นั่งในศาลา เพราะเดี๋ยวจะมีคนมาที่นี่มากมาย....ฉันไปนั่งรอในศาลาที่เขาปูอาสนะไว้เป็นทิวแถว เรียงราย และจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย....คนเริ่มทะยอยเข้ามากันแล้ว แต่ก็ดูเป็นระเบียบเช่นเดียวกัน....สักพัก...ท่านภิกษุณีหลายรูปได้เดินเข้ามา....ถึงตอนนี้...ฉันน้ำตาซึม....“ช่างงดงามเหลือเกิน”....ในใจฉันบอกอย่างนั้น และมีแต่ชาวต่างชาติทั้งสิ้น...ใบหน้าท่านอิ่มเอิบไปด้วยตัวบุญกุศล...แทบจะไม่ต้องแต่งหน้าใดๆ ทั้งสิ้น....ท่านงดงามจริงๆ งดงามด้วยตัวบุญกุศลจริงๆ....ฉันก้มลงกราบ ณ บริเวณที่ฉันนั่ง น้อมนำจิต กราบท่านที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือด้านหน้าของบริเวณศาลาธรรมแห่งนั้น....ด้วยความที่ฉันไม่มีกล้องติดตัวไป อีกทั้งมือถือที่นำไป ก็มีไว้เพียงเพื่อติดต่อสื่อสารที่สำคัญ จึงต้องสำรองแบตเตอรี่ไว้ใช้ในคราวที่จำเป็นจริงๆ เลยได้ภาพมาฝากเพียงน้อยนิดเท่านั้น....สักพัก ก็มีพิธีกรบรรยายให้ฟังว่า....ต่อจากนี้ในเวลา ๑๔.๐๐ น. จะมีพิธีมอบพระไตรปิฏกฉบับภาษาอังกฤษ ฉบับแรกของโลก ที่ทรงสร้างโดย พระพี่นางฯลฯ ..... ในใจตอนนั้น รู้สึกว่า ดีจังเลย ฉันได้มาร่วมพิธีนี้ด้วย ได้เข้าร่วมในพิธีส่งมอบ...ที่อัญเชิญโดย พณฯ ท่านพระนาย สุวรรณรัตน์....

    ยิ่งตอนที่เห็น หลวงพ่อสุเมโธ (ลูกศิษย์หลวงปู่ชา) และบรรดาพระสงฆ์ของวัดป่านานาชาติ ขึ้นนั่งเรียงราย....ฉันเห็นถึงบารมีของหลวงปู่ชา...ฉันนึกในใจว่า....กราบขอบคุณ ครูอาจารย์ ที่นำฉันมาถึงที่นี่ ถึงอุบลราชธานี...เพราะเคยนึกไว้ว่า...เมื่อใดที่เรื่องทางโลกของฉัน หยุดนิ่ง และพร้อมจะแสวงบุญด้วยกำลังที่มีอยู่แล้ว....ฉันจะนำครอบครัว....ได้กราบไหว้ครูบาอาจารย์ สายพระป่า ได้เดินทางการไปเรื่อยๆ....ไปสร้างบุญกุศลด้วยกัน....แต่แล้ว....ฉันกลับได้ไปก่อนเพื่อนทุกทีเลย...ตั้งแต่ปีที่แล้ว จนเรื่อยมาถึงปีนี้....ไม่คิดว่า...นี่เพียงต้นปี ก็ได้ไปกราบครูบาอาจารย์ถึงที่ทีเดียว....

    พระสงฆ์ที่เป็นผู้ช่วยหลวงพ่อสุเมโธ ท่านกล่าวว่า เมื่อผู้อัญเชิญพระไตรปิฎก มาถึง...ให้พวกเราสวดชยันโต รับพระไตรปิฎก....จนกว่าจะครบจำนวนเล่มที่ได้อัญเชิญมา....

    เมื่อเสร็จพิธี....พี่ทิพย์วัล บอกกับรถว่า เธอจะเข้าบ้านเลย ให้รถนำพวกเรากลับมาส่งที่วัดหนองป่าพง....เราร่ำลากัน....และเธอยังเอ่ยปากชวนฉันว่า....สงกรานต์มานะ เอาเบอร์พี่ไป พี่จะพาไปกราบหลวงปู่เณรคำกัน....ไปปฏิบัติธรรมกัน...มาให้ได้นะ....ฉันยิ้มรับ...และบอกกลับไปว่า....ฉันไม่รับปากนะ....แต่ถ้ามา ฉันจะโทรหาเธอ....ฉันขอบคุณที่เธอนำฉันมาที่นี่ ฉันยกเธอเป็นกัลยาณธรรมของฉันคนหนึ่ง....ขอบคุณอีกครั้ง

    ฉันกลับมาที่วัดหนองป่าพง....เราเดินซื้อของกันอยู่สักพัก...ก็หาของรองท้องกัน....ด้วยความที่ไปวัดป่านานาชาติ พระท่านให้สมาทานศีล ๕ ก็เท่ากับพวกเราได้ออกจากศีล ๘ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...จึงได้หม่ำๆ อาหารเย็นกันได้...ฉันเล็งอาสนะที่เป็นเสื่อกกไว้...แต่ได้แค่เล็ง เพราะราคาสูงสำหรับฉัน....เราอาบน้ำและพากันมานั่งทำวัตรเย็นกัน...ฉันไม่มีอะไรรองนั่งกันเลย เพราะที่รองนอนของเราทั้งคู่ ได้วางคลุมของทั้งหมดที่อยู่ในกระโจมไว้ ด้วยความที่กลัวว่าฝนจะตก แล้วของจะเปียก....ฉันและน้อง เรานั่งกับพื้นปูนแบบนั้น....คุณยายที่อยู่ด้านหลังเรา ส่งกระดาษหนังสือพิมพ์มาให้....เราหันไปกราบของคุณท่าน.....จากนั้น ช่วงที่รอจะทำวัตรเย็น....ก็มีพระทำให้ธรรมเทศนา....เราสองคนนั่งสมาธิและฟังอย่างตั้งใจ.....จนได้ทำวัตรเย็นเสร็จสิ้น....ก็พากันกลับไปนั่งในกระโจม ฟังธรรมเทศนาต่ออีก......และหลับด้วยความสุข

    เช้าวันรุ่งขึ้น....เป็นวันสำคัญของงาน ซึ่งเป็นวันที่ ๑๖ มกราคม เป็นวันละสังขารของหลวงปู่ชา และเป็นวัดเผาสรีระสังขารของหลวงปู่เช่นเดียวกัน....ฉันเพิ่งจะทราบในวันนั้นว่า...เจดีย์ที่เราได้เดินทักษิณากันอยู่ทุกเช้านั้น....เป็นที่เผาสรีระสังขารของหลวงปู่ และ ที่บรรจุอัฐิธาตุของหลวงปู่....ฉันและน้องตื่นไม่ทันทำวัตรเช้า....แต่เราก็พากันอาบน้ำแล้วเดินจงกลมรอบเจดีย์ รอบใหญ่....เราตั้งใจกันมาก....เพราะสองวันที่ผ่านมา...ฉันรู้สึกได้เลยว่า....ฉันนั่งสมาธิและจิตไม่นิ่งเลย....วันนี้ ฉันก้มลงกราบที่พื้น หันหน้าไปยังพระเจดีย์ และ อธิษฐานจิตถึงหลวงปู่ว่า....วันนี้ ขอให้จิตฉันสว่าง สะอาด และ สงบ ด้วยเทอญ....เมื่อทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย...ฟังพระธรรมเทศนาของครูอาจารย์กันแล้ว เราก็พากันไปที่พิพิธภัณฑ์ ที่มีหีบศพ ของหลวงปู่ และเดินชมนิทรรศการที่เขาไว้ ได้รู้เรื่องหลวงปู่อีกหลายอย่างที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน....จนกระทั่งช่วงบ่ายพวกเราก็จัดเตรียมของเพื่อจะต้องเดินทางในเวลา ๒๐.๐๐ น.กัน....ฉันและน้องพากันมานั่งรอเวลาที่จะทำพิธีบูชาครูอาจารย์ ณ พระเจดีย์....ตอนนี้ ฉันนั่งหันหน้าเข้าเจดีย์และนั่งสมาธิ....ฟังธรรมเทศนาของครูอาจารย์หลายท่าน รวมไปถึง หลวงพ่อสเมโธ ที่ท่านพูดภาษไทยได้ชัดเจน ในแต่ละถ้อยคำมีความหมายและเต็มไปด้วยคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยทั้งหมดทั้งสิ้น....จิตฉันแน่วแน่ และเป็นสมาธิมาก....ผิดกับเมื่อสองวันที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง....จนกระทั่ง....ถึงพิธีสำคัญ.....ฉันน้ำตาคลอ....น้ำตาแห่งความปีติยินดี....ไม่มีการสะอื้นไห้...แต่น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย....ไม่มีใครเลย ณ เวลานั้น....มีเพียงดวงจิตของฉันเพียงคนเดียว....กับคำสอนของหลวงปู่ที่ก้องในหูตลอดเวลา....

    จนกระทั่งเสร็จสิ้น....พวกเรามาที่กระโจมกัน...ทำความสะอาดร่างกายกันและเก็บสัมภาระที่จะกลับบ้าน....พวกเราถึงสวนโมกข์ฯ (สวนรถไฟ) ด้วยความเรียบร้อย....อิ่มบุญไปตามๆ กัน

    สุดท้าย....กราบนมัสการ กราบ กราบ กราบ พ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ได้นำดวงจิตของฉัน ไปได้เรียนรู้ ได้เข้าใจในส่วนที่ฉันยังไม่เข้าใจดีนัก...ได้รู้จักกัลยาณธรรมที่น้อมนำบุญเช่นเดียวกัน....ได้วางใจไว้....ไม่ยึดติดกับสิ่งใด....ได้เข้าใจคำสอน....รู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้.....เห็นในสิ่งที่ยังมีอีกมายในจักรวาลนี้....ที่ยังไม่เคยเห็นและสัมผัส.....

    ขอบคุณน้องกัลยาณธรรมที่....พอเห็นกิจกรรมนี้....เธอตรงดิ่งมาหาฉัน...ทั้งๆ ที่เธอมีนัดจะต้องไปคิชกูฏ ในวันเดียวกับที่จะต้องมาวัดหนองป่าพง.....แต่เธอเลือกที่จะนำฉันมา....กับเธอ....ด้วยกัน

    ขอบคุณพี่ทิพย์วัลและกัลยาณธรรมทุกท่าน....ที่ได้ร่วมบุญร่วมกุศลด้วยกัน...ไม่ว่าจะเป็นที่สวนโมกข์ วัดหนองป่าพง และวัดป่านานาชาติ


    ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ ^ ^

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2012
  12. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีเช้าวันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ค่ะ ทุกท่าน....

    วันนี้คงจะได้เข้าเรื่อง “วัดแก้วประเสริฐ” จ.ชุมพร ซะที....ว่า ไปเจอเข้า โดยบังเอิญ (ซึ่งความบังเอิญไม่เคยมีบนโลกใบนี้) ได้อย่างไร....

    กลับมาจากการฟังธรรมเทศนา ของท่านพระอาจารย์มิตซูโอะ แล้ว .... จะกลับมาเล่า “วัดแก้วประเสริฐ กับความตั้งใจร่วมสร้างพระ โดยศรัทธาที่แรงกล้า” ให้ฟังนะคะ...อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ....

    สาธุธรรมค่ะ ^ ^
     
  13. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดียามดึกของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

    ก่อนอื่น...อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ...กุศลจากการฟังธรรมเทศนา...จาก ท่านอาจารย์มิซูโอะ...ที่สวนโมกข์กรุงเทพฯ....ก่อนไปใจก็สงบ...ช่วงอยู่ในระหว่างปฏิบัติธรรม...ใจก็สงบ...อธิษฐานจิต เช่นเดียวกัน กับตอนที่นั่งอยู่....บริเวณ พระเจดีย์ ของหลวงปู่ชา....“ขอให้จิตของลูก สว่าง สะอาด และ สงบ ด้วยเทอญ”....นั่งสมาธิตั้งแต่เริ่มต้น จนจบการแสดงธรรม....ด้วยใจที่สว่าง ดังคำอธิษฐานจริงๆ.....สาธุ

    ว่าแล้วก็เข้าเรื่อง “วัดแก้วประเสริฐ กับความตั้งใจมั่นร่วมสร้างพระองค์ขาว สูง 29.99 เมตร” (ฮา ฮา ฮา อินเดียยังไม่จบเลย....แต่ไม่เป็นไร....ยังคงอยู่ในความทรงจำตลอดเวลา)

    ช่วงที่เข้า trend thai flood กับเขาไปโดยไม่ตั้งใจ....ฮา ฮา....ช่วงนั้น ถูกอุ้มไปอยู่ลาดพร้าว....ที่ ที่ กัลยาณมิตร....พร้อมให้อยู่อาศัย....ให้ความสะดวกสบาย ทั้ง กาย และ ใจ...พร้อมทุกอย่างจริงๆ....ก่อนจะไป ก็เกรงใจเขามาก...ไม่อยากรบกวนเขา...อุตส่าห์ หอบหิ้วคอมพิวเตอร์ ไปได้ 1 ตัว ก็ถือว่าเก่งมากๆ แล้ว...สำหรับการฝ่าระดับความสูงของน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว....ความที่กลัวว่า ถ้าไม่ได้พักกับเพื่อน....ยังไงซะ มี cd มี net แค่นี้....ก็จัดการกับลิงน้อยได้แล้ว...ไม่อย่างนั้น...ปวดหัวแน่นอน....ขนาดอยู่บ้านกันแค่สองคน...ยังรบกันทั้งวัน....นี่ต้องไปอยู่ในที่ๆ จำกัด....คงไม่ไหวแน่...และก็คงต้องขอบคุณ....น้ำใจอันงามมากๆๆๆๆ ของเพื่อนสาว....เพราะเธอตั้งใจมากที่จะช่วยเหลือ....เธอโทรมาก่อนที่น้ำจะท่วมเกือบเดือน....ถามแล้วถามอีก....เราก็ปฏิเสธไปสองครั้งสองครา...สุดท้าย พอน้ำมาจริงๆ เธอ...ให้เพื่อนเอาเรือมารับ....แถมยังเอารถมารอที่แยกไฟแดง บริเวณถนนใหญ่อีก....ซึ่งจริงๆ แล้ว....เธอเป็นเพื่อนที่ใช้คำว่า “เพื่อน” จริงๆ .... เพราะปีหนึ่ง คุยกันสองหนได้มั๊ง...หนแรก....ถามไถ่ทุกข์กันตามวาระ....หนสอง....ถึงดิวจะต้องต่อประกันรถยนต์....ฮา ฮา.....แต่เราคบกันแบบนั้นจริงๆ...ไม่ผูกพัน....ไม่สนิทชิดเชื้อ....แต่เมื่อใดที่ได้คุย....เราจะต่อกันติดเสมอ....จากวันนั้นจนวันนี้เวลาผ่านมา 15 ปีแล้ว ทุกอย่าง ยังคงเหมือนเดิม....เธอเล่าว่า...ช่วงนั้นเธอยุ่งมาก....แต่พอได้ยินว่า น้ำจะมานนทบุรี....เธอนึกถึงฉัน....เธอจึงโทรมาเพื่อยื่นน้ำใจไมตรีให้แก่ฉัน....สองครั้งสองครา....จนสุดท้าย....น้ำมาแล้ว....เธอโทรมาให้เหตุผล ล้านแปด....จนฉันยอมจำนน....และบอกกับฉันว่า....เก็บของที่จำเป็นเลย...เดี๋ยวให้เพื่อนเข้าไปรับ.....จำที่ฉันเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม....ที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกัน...คนกตัญญู ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้....(คิดขำๆ ฉันอ้วนดำ ซะขนาดนี้ ตกน้ำแล้วไหลไป ก็ฮาแล้ว 55555)....ฉันได้พักพิงที่อยู่ของเธอเดือนกว่าๆ....และสามีก็ทำงานวันสุดท้ายแล้ว....ช่วงนั้น น้ำก็ยังไม่ลงหมด ยังเข้าบ้านไม่ได้อยู่ดี....เราจึงตัดสินใจลงใต้กัน....คิดแผนกันไประหว่างทาง...ว่าเราจะไปพักที่ไหน....จะไปเที่ยววัดไหน...เราขับรถกันไปเรื่อยๆ....ค่ำไหนนอนนั่น....เจอที่พักผ่อนไหน ก็แวะเข้าไปเยี่ยมชม...จนกระทั่ง...เย็นของวันที่สามแล้ว...เราถึงชุมพร...สามีอยากให้ลูกได้เล่นน้ำทะเล...เพราะเราไม่ได้มาเที่ยวทะเลกันนานมากแล้ว....เราไม่เคยได้มีเวลาเที่ยวและอยู่ด้วยกันแบบนี้ นานมากแล้ว....เราขับรถจากถนนใหญ่สายหลัก...วิ่งเข้าหาทะเล...สุดท้าย เราหลงอยู่อย่างนั้น....จนจะค่ำแล้ว...ฉันจึงบอกสามีว่า....กลับไปถนนสายเอเชียเถอะ...และหาที่พักในเมืองก็แล้วกัน....ไม่ต้องไปทะเลแล้ว...แต่ความตั้งใจของเขา....ยังคงตั้งมั่น....เราขับรถมาจนกระทั่งถึงสถานีตำรวจ....คุณตำรวจก็นำเราไปที่พัก....ฉันกังวลมาก...เพราะระยะทางจากถนนใหญ่เข้าไปทะเลเกือบ 20 ก.ม. ..สุดท้าย เราก็ไปถึง...อ่าวบังเบิด....เราพักที่นั่น...และตื่นเช้ามาเพื่อให้ลูกได้เล่นน้ำทะเล....เหมือนเป็นหาดส่วนตัวเลย....เพราะมีแค่เราจริงๆ....หาดกว้างไกล....ว่างเปล่าด้วยคน....ไม่เหมือนตอนที่แวะหัวหิน....แถมหาดทรายก็ยังสวยสดงดงาม....ไม่มีของวางขายระเกะระกะ....ไม่มีเก้าอี้ชายหาด....ที่สำคัญ....ไม่มีม้า...555 เพราะลิงอยากขี่ม้า....เราเลยโล่งอกไป....

    เมื่อทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว....เราก็ออกเดินทางทันที...เพราะกลัวว่าสายกว่านี้...แดดจะร้อนแล้วทำให้ขับรถลำบาก...เพราะเราต้องเดินทางกันอีกไกล....แต่....ขากลับ....สามีดันกลับอีกทาง....ฉันก็กังวล....เพราะขามาก็หลงกันไปแล้วทีหนึ่ง...“ทำไมเธอไม่กลับทางเดิม ซึ่งเธอน่าจะจำได้”....“ไม่รู้สิ อยากลองกลับทางนี้ดู เรียบชายทะเลไปเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะออกสายเอเชียได้”....ฉัน “ - - !!!!”...เอ้าว่าไงว่าตามกัน...ถ้าหลงอย่ามาบ่นนะ”.....

    เราขับรถมาได้ไม่นาน....สามีเรียกฉันดูที่ขวามือ....ซ้ายมือของเราเป็นทะเล...ขวามือ เป็น “พระแม่กวนอิม”....ฉันบอกว่า....เราแวะกันนะ....อยากกราบพระ อยากทำบุญ....เขาพยักหน้า....พอจอดรถเสร็จ....ฉันบอกเขาว่า....ฉันจะเข้าไปสวดมนต์...ที่ศาลา ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ....ให้เขารอด้วยใจที่สงบ...อย่าเร่งรีบ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2012
  14. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ....ฉันเลื่อนบานประตูกระจกเข้าไป...ผ้าขาวเพิ่งจะเช็ดถูศาลาไปหมาดๆ....เพราะพื้นยังไม่แห้งสนิท...ฉันนั่งลง...ก้มลงกราบพระบรมสารีริกธาตุ พระประธาน และ ครูบาอาจารย์ที่อยู่ในนั้น....แล้วเริ่มต้นสวดมนต์....สวดพระชินบัญชร....สวดบูชาหลวงปู่ทวด...และพระโพธิสัตว์กวนอิม...นั่งสมาธิอยู่สักพัก...น้ำตาแห่งปีติ...ไหลอาบแก้ม...ดูเหมือนเวลาเดินช้าดีจัง....อารมณ์เหมือนอยู่ใน the matrix เลย ^ ^....สงบ เย็น....จนกระทั่งแล้วเสร็จ...ฉันก้มลงกราบ...เพราะฉันต้องไปต่อแล้ว...จะมานั่งเอื้อยเฉื่อยแบบนี้ไม่ได้...

    เมื่อเดินออกจากศาลา...ฉันมองไปรอบๆ....เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาก่อสร้างไว้มากมาย...ไม่น่าเชื่อ!!!...ว่ามองจากข้างล่างขึ้นมา ถ้าไม่สังเกตจริง จะเห็นเพียงศาลาพระโพธิสัตว์เท่านั้น...แต่พอได้ขึ้นมาบนเขา...มีอะไรมากมายเหลือเกิน....ฉันยืนขนหัวลุกอยู่อย่างนั้น....จึงเดินขึ้นไปกราบ พระพุทธเจ้าปางเปิดโลก....เงยหน้าขึ้นไปบนเขาที่สูงขึ้นไปอีก....เห็นพระพุทธเจ้าปางนาคปรก...สูงใหญ่และตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา...ฉันอยากขึ้นไปเหลือเกิน...แต่เวลาเราก็มีน้อยแล้ว...ถ้ามัวแต่เพลิดเพลินอยู่...ก็นั่นแหละหนา...จะทำให้เราถึงบ้านดึก...เพราะหนทางยังอีกยาวไกล....ฉันมองไปรอบๆ...สายตาก็ไป...สะดุดอยู่ที่องค์พระพิฆเณศ...ที่สร้างด้วยโลหะ...เนื้อออกสีเขียว....ฉันเดินไปเพื่อกราบสักการะ...บรมครูของฉัน ครูบาอาจารย์ทางสายอาชีพของฉัน...ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไร...ตัวฉันเหมือนจะสั่นมากขึ้น...ขนลุกขนพอง....จนกระทั่ง....ถึงหน้าองค์ท่าน....ฉันกล่าว...“โอม ศรีคเณศายะ นะมะฮา” 3 ครั้ง...และอ่านข้อความที่เขียนไว้ด้านหน้า.....ฉันตกใจ...หันไปมองหน้าสามี....ถามเขาว่า เธอจำได้ไหม...เขาก็ตกใจเช่นกัน....

    ...เพราะ พระพิฆเณศองค์นี้....เคยตั้งประดิษฐานอยู่บริเวณ พาหุรัด เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน...และเผอิญ เราได้ไปซื้อของแถวนั้นพอดี...ฉันเห็นเป็นองค์พระพิฆเณศ...จึงอยากร่วมบูชาครู และ ทำบุญกับเขา...ป้ายที่เขาเขียนไว้ ณ เวลานั้น ว่า....พระพิฆเณศองค์นี้ จะนำไปประดิษฐานที่จังหวัดอะไรสักอย่าง (ฉันไม่ใส่ใจที่จะอ่าน) แต่รู้ว่าเป็นภาคใต้....เมื่อทำบุญเสร็จ...(จิตที่เป็นอกุศล ณ เวลานั้น)...ฉันบอกกับสามีว่า...องค์ใหญ่ขนาดนี้....จะไปถึงภาคใต้จริงเหรอ!!!...ไม่น่าเชื่อนะ...นี่คือสิ่งที่ทำให้เราตกใจด้วยกันทั้งคู่....ไม่คิดว่าเราจะมาเจอท่าน ที่ชุมพร....ไม่คิดว่า นี่คือสิ่งที่เราได้เคยกล่าว ก้าวล่วงไว้ ด้วยวจีกรรม....และท่านนำเราให้มาเจอ....กับสิ่งที่เราสงสัย....ฉันและสามีกล่าวขอขมากรรม....

    เมื่อเห็นว่าฉันใช้เวลาไปมากแล้ว...จึงบอกสามีให้ลงไปสตาร์ทรถรอ...เพราะอากาศเริ่มร้อนแล้ว...ให้พาลูกลงไปที่รถก่อน....เดี๋ยวฉันจะตามไป....ฉันไปทำบุญอย่างอื่นไปด้วย...และเห็นว่าจะสร้างพระ....ก็ร่วมบุญด้วย....แต่ด้วยความที่ไม่อยากอ่านรายละเอียด...จึงไม่ได้เก็บข้อมูล และพร้อมจะเดินทางแล้ว....เมื่อเดินลงเขามา เห็นสามียืนคุยอยู่กับ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ฉันก็นึกในใจว่า แดดเริ่มร้อนแล้ว...ยังจะห่วงคุยอยู่อีก....พอเดินไปถึงที่เขาคุยกัน....สามีแนะนำให้ฉันรู้จักว่า...คุณอาคนนี้เป็นน้องชายของหลวงตา เจ้าอาวาส...เขาแนะนำให้ไปพบหลวงตาก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ....ฉันกล่าวขอบคุณ และกล่าวปฏิเสธกลับไปทันที....เพราะยังต้องเดินทางกันอีกไกล...อีกทั้ง...ตั้งแต่มาถึง...ฉันได้ยินเสียงพระสวดมนต์ เหมือนกำลังทำพิธีบวชพระภิกษุอยู่...จึงไม่อยากเข้าไปรบกวน...และเห็นว่า กว่าจะเสร็จพิธี...ก็น่าอยู่ประมาณเกือบเที่ยงแล้ว...ฉันไม่สามารถรอให้ถึงเวลานั้นได้หรอก....คุณอาคนนั้นก็พูดอยู่แบบนั้น...ให้เราขึ้นไปกราบหลวงตาก่อน ทานอาหารกันก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ....พูดแบบนั้นอยู่หลายหน....จนฉัน....จนใจ...จึงพากันขึ้นไปบนศาลา....จังหวะที่ท่านทำพิธีเสร็จพอดี...ฉันขึ้นไปเห็นท่านกำลัง...รับประเคนภัตตาหาร....จึงไม่พูดอะไร ก้มลงกราบ....หลวงตาถามว่า...เธอมาจากไหนกัน...ฉันตอบไปว่า พวกเรากำลังจะไป นครฯ บังเอิญผ่านมา...จึงขึ้นมาสักการะพระพุทธเจ้า...และครูบาอาจารย์....และได้ร่วมทำบุญสร้างพระ....และขอร่วมสร้างกุศลในทุกกุศลที่หลวงตากำลังดำเนินการนะคะ...หนูได้นำเงินใส่ตู้ไปแล้ว...หลวงตายิ้มให้...และบอกกับพวกเราว่า...เธอทานอาหารกันก่อน...แล้วค่อยเดินทางต่อ...ฉันยิ้มและตอบกลับหลวงว่า...ค่ะ แต่หนูกลัวจะเสียเวลา อีกอย่างหนูกับทานกันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ขอบพระคุณหลวงตาค่ะ...งั้นหนูขอตัวเลยนะคะ...ฉันก้มลงกราบ....เมื่อลงมาแล้ว...ฉันแวะเข้าห้องน้ำ...ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที...ในขณะที่กำลังจะเดินผ่าน ศาลาที่ประกอบกันขึ้นมาด้วย สังกะสี รอบศาลา...มองดู เหมือนเป็นที่พักของหลวงตา กุฏิ นั่นเอง...ในสถานที่นี้ ทุกที่ ถูกสร้างด้วยสิ่งก่อสร้างที่ทันสมัย....แต่กุฎิหลวงตา ไม่มีประตู ไม่มีฝาที่ครบทั้ง 4 ด้าน เป็นเพียงเสาไม้ต้นยูคา...และปิดบน ปิดล่าง ด้วยสังกะสี...

    อ้าว!!!....เมื่อกี้หลวงตากำลังจะฉันท์ภัตตาหาร...แต่ทำไมลงมาอยู่ตรงนี้ได้...แปลกจัง!!!...ฉันกำลังเดินผ่านกุฎิหลวงตา เห็นหลวงตากำลังสั่งการเรื่องงานต่างๆ อยู่กับ...ลูกศิษย์ 2-3 คน...หลวงตากวักมือเรียกฉัน...ฉันยิ้มแต่ไม่เดินเข้าไป...หลวงตาก็กวักมือเรียกฉันและครอบครัวอีก....ฉันเดินเข้าไป...หลวงตาเรียกลูกชายฉันเข้าไปใกล้ๆ...และหยิบขนมให้เขา....เขาปฏิเสธ...เพราะเขาไม่เคยรับของจากพระภิกษุ...หลวงตาบอกกับเขาว่า...รับเถอะ คุณแม่ไม่ว่าหรอก...พระให้ของ เหมือนพระให้พรนะ...แล้วท่านก็สวมพระพิฆเณศองค์เล็กใส่คอลูกชายฉันมา....พร้อมทั้งให้ฉันและสามีอีกคนละองค์....เสียงท่าน มีพลัง มีบารมี....ฉันจึงขอถ่ายภาพหลวงตามา....ฉันไม่ได้บอกอะไรท่าน...แต่ในใจตอนนั้น....เมื่อตั้งใจอ่านรายละเอียดของพระที่จะสร้างแล้ว...ฉันตกใจ...เพราะสูง 29.99 เมตร ฉันไม่คิดว่าจะเจอที่ภาคใต้....อีกทั้งหลวงตาก็เป็นพิจิตร ไม่ใช่คนใต้แต่กำเนิด....ท่านบวชเพียงแค่ 10 กว่าปี...แต่สิ่งก่อสร้างทั้งหมด....ถ้าไม่ใช่ผู้มีบุญบารมีจริงๆ....ไม่น่าจะสร้างได้ขนาดนี้.....พื้นที่กว้างใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างมีขนาดใหญ่...ฉันจึงตั้งจิตไว้ว่า...ฉันจะกลับมาที่นี่อีกในกลางปีหน้า....เพื่อจะนำเงินที่ฉันเก็บด้วยความตั้งใจ....มาร่วมสร้างพระกับวัดแก้วประเสริฐ....

    จากวันนั้น วันที่ 10 ธันวาคม 2554 ที่ได้ไปกราบครูบาอาจารย์ ฉันตั้งใจไว้ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม จน ถึงสิ้นเดือนเมษายน....เงินที่ได้จากการดูดวงทั้งหมด ฉันไม่หักค่าอะไรทั้งสิ้น...เก็บหยอดกระปุก...ฉันตั้งใจไว้...กำหนดเงินที่หนึ่งหมื่นบาท...ถ้าถึงวันนั้นเงินไม่ถึง ฉันจะเติมให้เต็ม....หรือ...ถ้าเกินแล้ว...ฉันจะให้เกินไปจนกว่าจะครบกำหนดเวลา.....เพื่อจะสร้างพระโดยเฉพาะ....ฉันไม่เคยอยากสร้างพระมากขนาดนี้....อะไรหนอทำให้ฉัน...มีจิตตั้งมั่นขนาดนี้....และอะไรหนอ...ทำให้ฉันได้บังเอิญมาที่นี่....โดยไม่ได้ตั้งใจ...ไม่รู้ด้วยซ้ำ....อะไรหนอ...ที่ทำให้สามีฉันได้พูดคุยกับน้องชายหลวงตา...อะไรหนอที่ทำให้ฉันหยุดอยู่ที่นั่นได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง.....อะไรหนอ.....

    สาธุ กุศลที่เกิดขึ้นแล้ว...และกำลังเกิด...ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้...ขอกุศลที่เกิดขึ้น...สำเร็จแก่ตัวฉัน ครอบครัวฉัน และทุกท่านด้วยนะคะ.....

    สาธุธรรมค่ะ....

    *** ผู้ใดสนใจร่วมสร้างพระกับหลวงตา เข้าไปที่ web วัดแก้วประเสริฐ อ.ประทิว จ.ชุมพรได้เลยนะคะ *****
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Photo0214a.jpg
      Photo0214a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      464.9 KB
      เปิดดู:
      59
    • Photo0215a.jpg
      Photo0215a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      425.2 KB
      เปิดดู:
      54
    • Photo0216a.jpg
      Photo0216a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      458.5 KB
      เปิดดู:
      61
    • Photo0217a.jpg
      Photo0217a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      259 KB
      เปิดดู:
      69
    • Photo0220a.jpg
      Photo0220a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      308.8 KB
      เปิดดู:
      77
    • Photo0224a.jpg
      Photo0224a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      349.8 KB
      เปิดดู:
      85
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2012
  15. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ## หนูจะไปทางไหนดี!!!###

    น้องคนหนึ่ง ที่เคยรู้จักกันมา 15 ปี เธอเคยมาฝึกงานที่บริษัท ที่ฉันเคยทำอยู่.....ด้วยความที่หน้าละอ่อน....ใกล้เคียงกับน้องๆ เลย กลายเป็นหัวโจก....ของกลุ่มนักศึกษาฝึกงานไป....ฮา ฮา ฮา....ไม่ใช่....เขาเรียก....กลมกลืน....เหตุนี้ เลยทำให้ฉันยังคง ติดต่อกับน้องฝึกงานอยู่ไม่ขาด....แต่มีอยู่คนหนึ่ง...ที่ฉันมักจะนึกถึงบ่อยๆ....ซึ่งฉันก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน....กับคนอื่นทำไมไม่นึกถึงฟะ....แต่กับคนนี้....สุขก็นึกถึง...ยิ่งตอนทุกข์ยิ่งนึกถึงใหญ่เลย....5555...ยิ่งตอนตกงานด้วยแล้ว....ยิ่งนึกถึงเข้าไปใหญ่....โทรไปพร่ำพรรณาทุกข์ล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสนให้ฟัง....แบบสาสม...ใจ....ประหนึ่ง...หัวอกเดียวกัน....55555+++

    น้องคนนี้....มักจะเป็นขาจรของฉันอีกคน...ที่ปีหนึ่ง....จะโทรหากันประมาณ 1-2 หน เท่านั้น....แต่เมื่อโทรครั้งใด....เรามักจะต่อกันติดเสมอ....ก็แปลกไปอีกแบบเหมือนกัน...ด้วยความว่า ฉันมีเพื่อนสนิทไม่ได้....รักใคร เป็นอันต้องเสียน้ำตาร่ำไป....ต้องจบแบบ....ไม่มองหน้ากัน....ทุกครั้งทุกครา....จนทำให้รู้สำนึกในกรรมของตนว่า....มาคนเดียว....ก็ต้องไปคนเดียว....อย่าได้หวังให้ใจกับใครอีกเลย...แต่ถ้าเป็นเพื่อนประมาณนี้...เฉกเช่นเดียวกับเขาเหล่านี้....ปีหนึ่ง โทรหากัน สองหน อะไรประมาณนี้....มักจะคบกันได้ยืนยาวนานกว่า....ดีไปอีกแบบ...

    เมื่อตอนที่ฉันปฏิบัติธรรมใหม่ๆ แล้วใจอิ่มเอิบ....น้องโทรมาเราก็คุยกันแต่เรื่องปฏิบัติธรรม....ฉันก็ดันไปทักโน่นทักนี่เขา....บอกให้เขาไปปฏิบัติกับวัดที่เขาสอนสติปัฏฐานสี่...เขาก็ไป....ด้วยความที่เห็นแล้วว่า....ถ้าเขาได้ปฏิบัติในทางที่ถูกของเขา....ปัจจัตตังจะเกิดขึ้นกับเขาเอง....พอน้องเห็นว่าฉันเห็นโน่นเห็นนี่.....ก็เริ่มถามซอกแซก....ฉันก็ตอบบ้าง....ดุบ้าง...แต่ส่วนใหญ่....จะบอกให้เขาทำเอง เห็นเอง รู้เอง....อย่าถาม....อีกหน่อยจะได้คำตอบของตนเอง.....เขาก็ทำตาม....แต่พอมีอะไรหน่อยก็นึกถึงแต่ฉัน....จากที่เคยโทรหากันปีละ สองหน....กลายเป็น...พอมีอะไรสะกิดเข้าหน่อย...โทรหาทันที...

    ฉันเริ่มนำให้น้องถือศีล ๕ ให้ครบ....ปล่อยวางกับสิ่งที่เกิดรอบตัว....น้องเริ่มทำ....แต่ยังไม่เข้าใจเรื่องการปล่อยวาง....เขาเล่าว่า...เขาไปปฏิบัติธรรม....และนอนที่ศาลานอน...ที่ๆ เขานอน เขาได้กลิ่นสาป...เหมือนมีอะไรที่ตายมานานแล้ว...และกลิ่นไม่หายไป....เขาลองเขยิบออกไปนอนที่ใกล้กัน....กลับไม่ได้กลิ่นนั้น....แต่เขาเปลี่ยนที่ไม่ได้....เขาลองแผ่เมตตาให้....และนอนไป....เช้าน้องโทรมาถามฉัน....ฉันบอกว่า....แผ่เมตตาและกรวดน้ำให้เขา....ทำไป...คืนพรุ่งนี้ก็ไม่ได้กลิ่นแล้ว....เขาก็ทำตาม....นั่นคือจุดเริ่มต้น....ของเรื่องทั้งหมด....เพราะคืนถัดมากลิ่นเบาลง และหายไป....ทีนี้พอฉันบอกอะไรไปน้องจึงเชื่อทั้งหมด....จากคนที่ดูหมอเป็นประจำ....กลายเป็นไม่ดูหมออื่นแล้ว...อะไรๆ ก็พี่อ้ออย่างเดียว.....(ตกลงว่าดีหรือไม่ดีหว่า 55555)

    ฉันเคยบอกเขาว่า....วันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นแบบฉัน....เขากลัวมาก....
    .......หนูไม่อยากเป็นแบบพี่เลย...หนูกลัวผี...หนูไม่เห็นได้ไหมพี่.......
    .......คำว่าเป็นแบบพี่...คือ...นำคนถือศีลภาวนา....หน้าที่ไม่เหมือนกัน...แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน.....

    ล่าสุดน้องตกงาน....น้องถามว่า เมื่อไหร่จะได้งาน หนูเริ่มเครียดแล้วพี่....ฉันบอกว่า...อดทน อดทน...ตอนนี้ไม่มีใครช่วยได้....นอกจากตัวบุญกุศล....ว่างแล้วนี่....ไปบวชเลย ไปวัดเลย...ทำที่บ้านแล้วใจไม่นิ่ง....ไปวัดเลย เวลาว่างเยอะแล้ว....อยากไปกี่วัน ไปเมื่อไร....จงรีบไปเลย....ไปทำตามใจที่ปรารถนา....แล้วจะเข้าใจในทุกสิ่งที่พี่เคยพูดไป....

    เพียงเวลาไม่ถึงปี....น้องมีใบหน้าที่อิ่ม สดใส...มีแต่ตัวบุญ....ณ วันนี้ มีผู้ให้โอกาสให้งานน้องได้งานทำแบบ Freelance เช่นเดียวกันกับฉัน....วันนี้ น้องเข้าใจแล้ว...ฉันเคยพูดกับเขาว่า....ถ้าให้ฉันกลับไปทำงานแบบเดิม....ฉันไม่ทำแล้ว....วันนี้ ชีวิตฉันพอแล้ว....อยากปฏิบัติตอนไหนก็ได้ทำ....เพราะเงินที่ได้จากงาน....ฉันพอเพียงกับการใช้จ่ายแล้ว....เขาบอกว่า...วันนี้เขาเข้าใจคำพูดฉันแล้ว....ในทุกอย่างที่ฉันเอ่ยปากบอกเขา...เขาฟังและไตร่ตรอง....เช่น....ฉันบอกเขาเรื่อง “ใจ” อะไรอะไรก็ไม่ใหญ่และสำคัญไปกว่า “ใจของตน” ตราบใดที่ใจตนแข็งแรง....ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน...จะไม่ใหญ่เกิน“ใจของตน”ไปได้...ขอเพียงหาใจของตนให้เจอ....และฟูมฟักให้เติบโตแข็งแรง...เพียงเท่านั้น....ปัญหาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ปานใด....เราก็จะผ่านไปได้...ฉันเห็นขนหน้าแข้งของเขา....ฉันเอ่ยปากบอกว่า....ของเดิมมาเยอะเลยเน๊าะ....ฉันให้เขาเอามือมาลูบที่แขนฉัน...เขาบอกว่า....ผิวพี่เนียนจังเลย....ฉันถามเขากลับว่า...รู้ไหม พี่กำลังบอกอะไรเราอยู่....เขาตอบกลับมาว่า....พี่กำลังบอกหนูว่า....ให้หนูภูมิใจในส่วนที่ดีของตนเอง...ฉันพยักหน้า...“ใช่”...ฉันดีใจนะ ที่เขาเข้าใจในสิ่งที่ฉันบอกเขา....ถ้าเป็นคนอื่น....ใจไม่ดี....คงมองว่าฉัน....อวดตนเอง....เปล่า!!!....ฉันบอกเขา...ว่า....ปมด้อยของเรา จริงๆ มันไม่ใช่ปมด้อย...แต่เราต่างหากที่ยกมันขึ้นมาเป็นปมด้อย....ทั้งๆ ที่ เรามีส่วนอื่นที่ดีกว่ามากมาย.....จงภูมิใจกับสิ่งที่ตนมี....จงเก็บเกี่ยวความสุขที่อยู่รอบๆ ตัว...โดยไม่ต้องเสาะแสวงหา....ฉันบอกว่า....ถึงแม้จะมีขนหน้าแข้ง...แต่น้องหน้าตาน่ารัก สวยงาม กิริยามารยาทดี....นี่ต่างหากคือปมเด่น....ถึงฉันจะมีผิวที่เนียนเรียบ....ฉันมีหน้าตาที่ไม่สะสวย...แต่ใจฉันดี เมตตาต่อคน พร้อมหยิบยื่นความสุขให้กับผู้คน...นี่คือปมเด่นของฉัน....

    วันนี้...น้องได้เดินทางถูกแล้ว...และหน้าที่ก็เกิดขึ้นแล้ว....เขาเป็นผู้นำคนเข้าวัด ถือศีลปฏิบัติภาวนา....เขาถามฉันว่า....พี่อ้อ...บางทีหนูก็ไม่เข้าใจนะ...หนูก็ไม่ได้เก่งอะไร....เพิ่งปฏิบัติได้ไม่นาน...แต่ทำไมมีแต่คนมาถามหนู....ให้หนูพาเขาไปวัด...และหนูก็ดันชอบซะด้วย...มีความสุขมากมาย...ที่ได้นำคนไป พาเขาไป....ฉันบอกว่า...นั่นแหละ คือหน้าที่ของหนู.....เพราะเป็นหน้าที่ ที่ทำด้วยความเบิกบานใจ....

    วันนี้ น้องหาใจของตนเจอแล้ว....และสุขอยู่กับใจของตน...ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้...ไม่ได้มีผลอะไรกับน้องอีกแล้ว.....และตั้งมั่นที่จะปฏิบัติต่อไป....พร้อมทั้งอยู่กับปัจจุบันด้วยความสุขกับใจของตน.....

    สาธุธรรมค่ะ
     
  16. mamee

    mamee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +3
    มารอฟังอีกคนนะคะ
     
  17. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    มาติดตามอ่านกระทู้นี้ค่ะ save ไว้นานแล้ว วันนี้ได้ย้อนไปอ่านเรื่องที่คุณอ้อเล่าเกี่ยวกับคุณตา ทำให้ดิฉันนึกถึงคุณพ่อ ตอนนี้อายุ 93 ปีแล้วค่ะ แต่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ ปีนี้กำลังถดถอยไปมาก และอวัยวะต่างๆก็เสื่อมสภาพ วันนึงคุณพ่อก็คงถึงเวลาของท่าน แค่นึกก็เสียใจแล้วค่ะ
    ขอบคุณคุณอ้อ ที่นำเรื่องราวบุญกุศลมาเล่าสู่กันฟัง โมทนาในทุกๆบุญกุศลกับคุณอ้อด้วยค่ะ
     
  18. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070

    สวัสดีวันพระค่ะ....อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ...ค่ำนี้ ได้ทำวัตรเย็น...และสวดปาฏิโมกข์ (บทแปล), ธัมมจักร (บทแปล)...ขอกุศลที่เกิดกับดิฉัน...สำเร็จแก่ทุกท่าน...ที่ได้แวะเวียน...เข้ามาอ่าน...เข้ามาทักทาย....เช่นกันนะคะ....สาธุ สาธุ สาธุ

    # ถามใจตนเอง #

    ช่วงที่ชีวิต วิ่งวนเหมือนหนูถีบจักร....มองไปทางไหน....ก็เหนื่อยอ่อน....ล้าทั้งกายและใจ...แต่ต้องทำ....เพราะ “เงิน” เพราะค่าใช้จ่ายที่รอจ่อคอหอยอยู่ข้างหน้า...เมื่อตอนเงินเดือนหมื่นกว่าบาท...คิดว่า ถ้าได้มากกว่านี้...คงจะพอใช้...คงจะทำให้เรา “สุขกายสบายใจ” มากขึ้น....แต่พอได้สองหมื่นขึ้น....ก็ยังไม่พอใช้....เพราะมัวแต่วิ่งหาของ...บำรุงบำเรอ...“ใจ”...(เข้าใจว่าอย่างนั้น).....อยู่ร่ำไป....จนสองหมื่นบาทก็แล้ว....สามหมื่นบาทก็แล้ว.....สี่หมื่นบาทก็แล้ว....แถมยังมีจ๊อบนอกให้ได้....ค่าขนมกันอีก...แต่สุดท้าย....ไม่เคยพอเลย....แล้วเมื่อไหร่จะพอ....ฉันไม่เคยถามตัวเองด้วยคำนี้เลย....มัวแต่วิ่งหาเงินให้พอกับความต้องการของตนเอง....ปัญหา ภาระ ค่าใช้จ่าย ประเดประดังเข้ามา....ในหลายๆ ด้าน....

    เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าๆ กัน....แต่สำหรับฉันไม่เคยพอ....ไม่มีเวลา....เวลาไม่พอ...จะทำอะไรก็....ไม่ว่าง....ไม่ว่าง....ไม่เคยเห็นว่าตัวเอง....วิ่งวนไปกี่ร้อย กี่พัน กี่หมื่น กี่แสน กี่ล้านๆๆๆๆ รอบแล้ว....เป็นหนูที่ได้แต่ถีบจักร....จนไม่ได้โงหัวขึ้นมา....เห็นแต่เพียง ภาระ หน้าที่ และ เงินเท่านั้น....ไม่เคยมี “ความสุข” จริงๆ สักที....เข้าใจว่า....เงินจะบันดาลความสุขให้....ถ้าเรามี....แต่.....เราไม่เคยพอ.....สักที

    จากวันนั้น....จนวันนี้....ที่ย่างเท้า....ออกจาก....วงล้อ....5 ปี...แล้ว...ฉันรู้สึกถึงการหายใจเข้า....หายใจออก....ฉันได้ยินเสียง....หัวใจตัวเอง....ได้ยินเสียง....ไพเราะ...ที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน....ได้ซาบซึ้ง....กับ....“ความสุข”....รอบๆ ตัว....ที่แทบไม่ต้องซื้อหาด้วยเงิน.....เงินที่ฉันเคยให้ความสำคัญอย่างใหญ่หลวง....จนไม่นึกถึง...ครอบครัว....มองข้าม “ความรัก ความห่วงใย” ที่ครอบครัวมีให้....ด้วยใจจริง...ที่ใช้เงินซื้อไม่ได้....บนโลกใบนี้....ฉันเคยรู้สึกว่า....ตัวเอง....ตัวเล็กเหลือเกิน....เป็นเหมือนธุลีดิน.....ยืนอยู่บนโลกใบนี้....ด้วยความไม่มั่นคง......แต่วันนี้.....ฉันรู้สึก....หายใจได้เต็มปอด....ได้ก้าวเท้า...เหยียบผืนดินได้เต็มทั้งสองเท้า....รู้สึกถึงความอบอุ่น ที่อบอวล อยู่รอบๆ ตัว...เสียงเด็ก....ที่เรียกคำขาน....คุณย่าขา....คุณน้าครับ....ฉันเคยได้ยินคำเหล่านี้แล้ว....แต่ฉันไม่เคยรู้สึกว่า....ไพเราะ....ได้เท่านี้เลย....ชีวิตดำเนินเหมือนเดิมทุกอย่าง.....ภาระ...และหน้าที่....เหมือนเดิม....แต่...วันนี้...ฉันได้รับสัมผัส....ความสุขใจ....อย่าเพิ่งเข้าใจว่า....ฉันมีเงินทองมากมาย....เปล่าเลย....ฉันเลือกที่จะใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น....และใช้เงินแบบพอเพียง พอดี....และเป็นเจ้านายเงินให้คุ้มค่าของเงิน....ฉันไม่ยอมเป็น “ทาส” ของเงินเหมือนเมื่อก่อน..

    ฉันบอกกับแม่ว่า....ฉัน “รวย” แล้ว...ฉันไม่ได้อยากได้อะไรอีกแล้ว...ฉันมีแล้ว...และพอแล้ว...แม่มองหน้าฉัน....ประหนึ่งว่า...คงปฏิบัติธรรมมากไปแล้ว “เพี้ยน”....เปล่าเลย...ฉันอธิบายให้แม่ฟังว่า....เมื่อก่อนเราไม่เคยพอ....เราจึงต้องหาเพิ่มอยู่ตลอดเวลา...ทั้งๆ ที่....ความจริง....เรามีแล้ว....มีจนบางอย่างเกินพอแล้วด้วยซ้ำไป...ฉันจะไม่สร้างแล้ว....จากเด็กที่ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง...ต้องอาศัยญาติพี่น้องอยู่...ตะลอนๆ ไปบ้านโน้นที บ้านนี้ที กลับชีวิตเด็กบ้านแตก....วันนี้ ฉันมีที่ซุกหัวนอน...ที่อบอุ่น....ขนาดของบ้าน....ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสำหรับฉันเลย....ฉันมีในสิ่งที่ฉันไม่เคยมีแล้ว....และไม่ต้องการอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันยุคทันเหตุการณ์แล้ว....เพราะ...ของที่ฉันมี “ยังใช้ได้ดีอยู่”....

    “ อะไร อะไร ก็สู้ใจ (ของตนที่แข็งแรง) ไม่ได้ ” และ “ อะไร อะไร ก็ไม่ใหญ่เกินใจของตนไปได้ ”

    สาธุธรรมค่ะ ^ ^

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2012
  19. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    อนุโมทนา สาธุในบุญกุศลทั้งปวงที่คุณอ้อได้ทำได้ปฏิบัติ และยินดีด้วยที่คุณอ้อค้นพบตนเอง และมีความสุข ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทุ้นี้มีความสุขเช่นกันนะคะ
     
  20. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สาธุค่ะ ขอความสุขนั้นส่งถึงพี่ด้วยนะคะ....รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...^ ^
     

แชร์หน้านี้

Loading...