แก้ไขความเข้าใจผิดของลูกศิษย์หลวงตามหาบัว(บางคน)และเรื่องนิพพานอนัตตา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้, 13 พฤศจิกายน 2014.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    บางครั้งสมมุติ เรากล่าวแสดงธรรมท่ามกลางผู้คน100คน มีคนที่ีฉลาด99คน อีกคนไม่ฉลาดมากนักแต่วาสนาเดิมทำมาดีมาก ติดแค่ตรงนี้จุดเดียว เราตรวจดูแล้วพื้นฐานเขามาแบบนี้ติดตรงนี้ เราพิจารณาว่าถ้าเราสอนให้อีก99คนที่ฉลาดกว่าบรรลุธรรมได้ยากเพราะวาสนาบารมียังไม่ถึงประกอบกับมานะทิฏฐิในความรู้แห่งตนมีมากจะไม่เชื่อเรา และจะไม่บรรลุ เราพิจารณาเห็นว่าอีกคนหนึ่ง แม้จะไม่ฉลาดมากแต่่วาสนาบารมีมากพอถึงแล้วหากเรากล่าวเรื่องนี้แก่เขา สามารถคล้ายปมปัญญาที่เขาติดอยู่ได้ เขาจะบรรลุธรรมได้

    เราก็จะตัดสินใจเลือกกล่าวธรรมเฉพาะคนผู้ด้อยปัญญาผู้นั้นให้เข้าใจในธรรมะที่ติดขัดอยู่ ให้หลุดพ้นจากปมและบรรลุธรรม ส่วนอีก99คนก็คงต้องปล่อยไปตามวาสนาบารมีหรือกาละเวลานั้นไปก่อน หาก99คนนั้นจะไม่พอใจหรือตำหนิการกล่าวธรรมของเราเราก็ยินดีน้อมรับ ครับ สาธุ

    เหตุปัจจัยทั้งหลายมิได้มีไว้เพื่อปรุงแต่งเรา หากแต่เราควรเข้าใจเหตุอย่างแท้จริง เพื่อการเข้าไปรู้ผลอันเป็นที่สุดเพื่อประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับ เมื่อเราเข้าใจกระบวนการวิธีการ เราย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปนั่นเอง วิถีทางครรลองจึงเป็นเรื่องที่ต้องประกอบการพิจารณาด้วยปัญญาอย่างรอบคอบดีงามนั่นเองครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2014
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===========

    เห็นด้วยครับ

    บางที่เหตุการแบบนี้มันเกิดบ่อยนะครับแบบว่า

    เหล่าเจ้านายแค่บ่นหา แต่ขี้ข้ากลับทะเลาะกัน

    ปล่อยวางเถอะครับ สาธุ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    <iframe src="//www.youtube.com/embed/rLSchMRFK-4" allowfullscreen="" frameborder="0" height="720" width="960"></iframe>



    นิพพานคือนิพพาน


    หลวงตามหาบัว เทศน์สอนไว้ชัดเจน


    ใคร ยังเข้าใจผิด หรืออ้าง กล่าวตู่เอาเองว่า หลวงตามหาบัวเทศน์สอนว่า ว่า นิพพาน เป็น อนัตตา หรือ นิพพาน เป็น อัตตา

    ใครกล่าวตู่ ปรามาสหลวงตามาหาบัว อ้างหลวงตามหาบัว ก็รับกรรมไปเองก็แล้วกัน

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2014
  4. wlotuss

    wlotuss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +184
    อยากทราบเพื่อเสริมปัญญาหน่อยครับว่า พระนิพพานที่กล่าวถึงนี้ เอาอะไรเข้าไปรู้ครับ เราคุยกันในฐานะผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เหมือนๆกันนะครับ เอาใจหรือเอาจิตหรือเอาความคิดเข้าไปรู้ครับ หรือ รู้ได้ยังไงครับว่านี่คือพระนิพพาน
     
  5. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    นิพพาน เป็นสภาวะที่พ้นสมมุติบัญญัติ พ้นความเป็นโลก

    แต่เมื่อที่ติดอยู่ในโลก (สามภพ) หรืออุปทานขันธ์ ทั้งหยาบ ละเอียด

    แต่สภาวะเหล่านั้น ยังคงอยู่ในกฏไตรลักษณ์ คือความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    และนั่นก็คงเป็นเหตุที่ครูบาอาจารย์บางท่านใช้คำว่า

    นิพพานคือนิพพาน คือไม่รู้จะเอาอะไรมาบัญญัติ คือมันพ้นไปแล้วจากบ่วงไตรลักษณ์

    ผู้ที่เข้าถึงที่สุดของ สัพเพธัมมาอนัตตา นั่นคือ ใบเบิกทางพระนิพพาน

    แต่ปุถุชนบางคน ที่ขาดการตรึกวิจัย กลับไปเข้าใจกันว่า นิพพาน คืออนัตตา คืออัตตา มันก็งงกันสิคร๊าบบ

    "สัพเพธัมมาอนัตตา" คือ สิ่งที่พระอรหันต์ประกาศต่อโลก

    ไม่ได้หมายรวมเอานิพพาน มาเป็น ตัวสัพเพธัมมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2014
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ใคร งง ไม่เข้าใจ พูดถึงอะไร แนะนำว่า ลองเข้าไปอ่านตาม ลิ้ง นี้ให้จบ

    แล้วจะ อ่อ เรื่องเป็นอย่างนี้เอง หรือ ยังไม่เข้าใจ ก็ปล่อยไปตามกรรม

    http://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/thai_monks_nibhan-anatta.pdf

    กดเบาๆ

    .
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คำสอนของพระพุทธองค์ ที่ทรง กำหนดสมาธิ แล้ว ร้อยเอาไว้ ดั่งพวงมาลัย
    ไม่ให้ กระจัดกระจาย แตกสลายง่าย สูญหายไปจากโลกง่ายๆ

    คำสอนของพนะพุทธองค์ จึงมีแต่ การชี้ไปที่การปฏิบัติ

    คำสอนของพระพุทธองค์ จะไม่มีการ ละเมอ เพ้อภพ ไปยุ่งเรื่อง การบัญญัติ เข้าไปส่วนสุด

    การที่ กล่าวแต่" มรรค " วิธีการปฏิบัติ จึงเป็น สุญญตา ว่าด้วยเรื่อง โลกุตระ นำออกแต่ส่วนเดียว

    ภาษาใด การบัญญัติใด หากเกิดขึ้น นั่นถือว่า ไปสร้าง " ทิฏฐิ " พอไปสร้างตัว ทิฏฐิ
    ก็จะเกิด การเข้าไปสร้างส่วนสุด บัญญัติความเป็นที่สุด เมื่อนั้น ก็ไม่ใช่เรื่อง การกล่าว
    แต่มรรค แต่ไปยุ่งเรื่องบัญญติ อุปทานรับประทาน เป็น เมลามีน

    การสร้าง ทิฏฐิว่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น พระพุทธองค์ก็ชี้ว่า นั่นก็คือ ความมารยา สาไถย
    ของ " ทิฏฐิ " เท่ากับ สร้างทิฏฐิ สร้างบัญญติ

    แทนที่จะไปสร้างทิฏฐิ สร้างบัญญัติ ไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อ สื่อ ให้เป็น มรรค ก็อย่าพูดเสียดีกว่า

    หันหลังกลับมา ดื่มนม คือ ถือเอา คำของศาสดา ไว้ใช้ ก็ไม่เห็นจะต้องไปสงสัยอะไร ว่าจะ
    ไม่ทำศาสนามั่นคง


    นิพพานคือนิพพาน เหนียวไก่ ( ....... !!!! )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2014
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =============

    ก็เป็นดังที่ผมกล่าวไว้แล้วนั่นเอง

    การกล่าวอะไร ผู้มีปัญญาย่อมทราบดีว่า สิ่งที่กล่าวสื่อถึงอะไรและมีขอบข่ายอย่างไร สามารถขยายความตามเงื่อนไขขอบเขตได้อย่างไร


    ยกเว้นผู้ที่ท่องจำตำรามา ย่อมไม่สามารถขยายธรรม หรือกล่าวพรรณาได้ตามเงื่อนไขหรือขอบข่ายในธรรมนั้นๆครับ
     
  9. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ปล่อยมันเถอะ นิวรณ์ :'(
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    มี3ขั้นลำดับคือ

    1แบบเบื้องต้นคือเอาสติสัมปชัญญะและ สมาธิและ ปัญญา เข้าไปรู้ครับ

    2แบบขั้นกลาง คือ เอาสติสัมปชัญญะและสมาธิที่สัมปยุตกับปัญญา เข้าไปรู้ครับ

    3แบบขั้นสูง คือทรงรู้ทรงตัวชำนาญ พร้อมปฏิเวธใน ความรู้ที่รู้ให้ผล คือ แบบสติสัมปชัญญะสัมปยุต รวมกับ สมาธิ รวมกับ ปัญญา ร่วมกับจิตเป็นหนึ่งเดียว เป็นอมตธรรมธาตุ ครับ หรือที่เรียกว่าจิตนิพพานครับ สาธุ
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    ขออนุโมทนาครับ ท่านสุรินทร์ปล่อยนิวรณ์ได้แล้วครับ เยี่ยมครับ วางลงให้หมดนะครับ

    แม้ข้อความส่วนนี้ท่านปล่อยวางนิวรณืได้ ขอให้ถอนมูลเหตุให้ได้ด้วยจริงๆ ก็จะยิ่งเป็นมหากุศลครับ ของจิตท่านนั่นเองครับ สาธุ
     
  12. ธรรมแท้

    ธรรมแท้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +200
    สาธุ สำหรับ ท่าน Phanudet
    ที่ใช้ปัญญาตรวจสอบข้อเท็จจริง
    ไม่หูเบาเชื่ออะไรง่ายๆ ในทันที

    พระพรหมคุณาภรณ์ ท่านเขียนไว้ดังรายละเอียดในไฟล์ pdf นี้
    โหลดไปอ่าน เนื้อหาทั้งหมดได้เลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. ธรรมแท้

    ธรรมแท้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +200
    คนที่ งมงายก็จะเชื่อไปหมด

    ถืออาจารย์ "ของกู" เป็นที่สุด
    อาจารย์ "ของกู" ต้องถูกเสมอ

    ใครแย้ง หรือ พูดอะไรมันก็ไม่ฟัง
    และไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่าอะไรเป็นอะไร
    แม้กระทั่งพระพุทธเจ้า มันยังไม่ฟัง

    นอกจากอาจารย์ "ของกู" แต่เพียงผู้เดียว
     
  14. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    เฮียยยย...ยังบอกผู้อื่นให้ปล่อยวางได้ นี่ไง ไม่เห็นรึ


    แล้วทำไมกระป๋ม จะบอกให้ เฮีย ปล่อยวาง บ้างไม่ได้

    tjs นี่มั่วเยอะ ฟุ้ง!! เหนียวไก่ จนลืมส้มตำ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    หรือแบ่งได้อีกดังนี้คือ
    1ขั้นเริ่มต้น หรือใหม่ๆ เราก็อาศัยวิปัสสนา คืออาศัยสติ สมาธิปัญญา เข้าไปตามรู้ เมื่อจับนิพพานได้ ใหม่ๆเราก็ยังไม่รู้หรอกว่ามันคือนิพพาน แต่เพราะเรามีปัญญาเห็นว่ามันไม่ทุกข์ไม่สุขมันพ้นแล้วจากทุกข์ เราพึงเริ่มเข้าใจเริ่มรู้

    2ขั้นกลางๆ เราก็อาศัยพื้นฐานจากข้อ1 แต่เมื่อเราทำมากขึ้น สติ สมาธิ ปัญญาเรา ดีมากขึ้นมั่นคงมากขึ้นชำนาญมากขึ้น มันตกลึก มีการสมปยุตกัน ทำให้การรู้สภาวะนิพพาน การรักษาการประคองมันจึงทำได้ดีต่อเนื่องไปนั่นเอง

    3ขั้นปลาย เมื่อเราทำข้อ1-2ชำนาญเป็นปกติแล้ว อันสติ สมาธิ ปัญญา มันสัมปยุตรวมเป็นอันเดียวกันแล้ว มันมีแต่ละปล่อยวาง ไม่มีอารมณ์อื่น ในขณะ ปฏิเวธคือผลจากการที่เราทำข้อ1-2ไว้มันก็ให้ผล มันสัมปยุต รวมกันทั้งหมด คงสภาพเดียวคือว่างเปล่าเท่านั้น ว่างเป็นนิรันดร์นั่นเอง
    อันนี้แหละคือสภาพรู้ขั้นปลายสุดแห่งสภาวะนิพพาน ครับ สาธู
     
  16. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
  17. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ส่วนข้อความเนี่ยะ ผมเองก็อปมาจากความเห็นที่12 ลิ้งในพันทิพ ข้อความข้างบน
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    เอาอะไรเข้าไปรู้ ยังกล่าวแบบสั้นๆได้อีกว่า

    1ก็เอาสิ่งที่ได้รับหรือผลในปัจจุบันเป็นสิ่งที่รู้ เพราะอาศัยเหตุอะไรเป็น ลำดับคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค =นิพพาน = หลุดพ้นทุกข์

    2 เอาสิ่งที่ได้รับในปัจจุบันเป็นสิ่งที่รู้ เพราะอาศัย เหตุสองประการคือ 2.1 เหตุจากข้อ1ข้างบนที่กล่าวมาและ
    2.2 เหตุคือปฏิเวธคือผลจากข้อ1 มันให้ผลในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสภาวะนิพพานในปัจจุบัน หรือในทางคณิตศาสตร์ ที่เขาเรียกว่า มันเป็นsubsetของกันและintersec ร่วมกัน นั่นเองครับ สาธุ
     
  19. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    :cool:
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    หน้าที่ ของ บริษัท ในพระพุทธศาสนา มี สองอย่าง

    1. คันธุระ

    2. วิปัสสนาธุระ


    วิปัสสนาธุระ คือ ทำให้แจ้งนิพพาน ด้วยการปฏิบัติ จนเข้าถึง

    แต่...........

    หากมีผู้หนึ่ง ผู้ใด อาจหาญ ทำหน้าที่ คันธุระ ก็อย่า ทะลึ่งไปเห็นว่า พวกท่าน เป็นหนอนแทะกระดาษ

    มันต้อง ดูที่เจตนา

    ถ้า เจตนา มุ่งตรงอย่างเดียว คือ รักษาคำสอนตามแบบแผน นั่น คือ ทำหน้าที คันธุระ
    ตัดตรง ถวายเป็น พุทธบูชา

    แต่ถ้า เจตนา มุ่งเป็นการกดข่ม เยาะเย้ย ก็แน่นอนว่า เป็นเรื่อง ทิ่มแทงด้วย หอกคือปาก
    อันนี้ก็เข้าทำนอง หนอนแทะกระดาษ

    ดังนั้น

    ต้อง ดูดีๆ ว่า เจตนาคืออะไร หนักแน่นไปทางไหน เอาเฉพาะ หนักแน่นไปทางไหน
    เพราะ คันธุระ บางส่วนเริ่มจาก ไม่ได้ทำวิปัสสนาธุระ

    แต่ถ้าได้ วิปัสสนาธุระไปด้วย หรือ สำเร็จวิปัสสนาธุระ แล้วมา ปวาราณา ทำ คันธุระ
    แล้วไปเห็นท่าน เป็น หนอนแทะกระดาษ สุ่มสี่ สุ่มห้า ระวัง เมลามีน นะเว้ยเฮ้ย!!!

    เหนียวไก มันยังลัก

    นิพพานเป็นนิพพาน มันยังรับ ทั้งที่ไม่ได้ มรรคอรรถ มรรคธรรม เหนียวไก่ (....... !! )


    *************

    ปล. นิพพานคือนิพพาน สำหรับบางคน ฟังแล้ว อาจจะรีบแจ้นไป ภาวนา อันนี้ ยกเว้น หน้าคร้าบ
    แต่ถ้า นิพพานคือนิพพาน แล้ว ตั้งตา คอยดู ใครมาทับ แล้ว กระโดดงับ ทำลีลา ช่างหัวมัน ท่านรอดเหรอ เข้าใจเหรอ ปฏิบัติอยู่เหรอ จิงดิ !!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...