เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

น่าสนใจเหมือนความรู้สึกมันแห้งแล้งยังไงชอบกล คล้ายๆกับว่ามีอะไรบางอย่างมันโหยหวนอยู่ สยิวกิ้วจริงๆเหมือนเมืองล่มแล้วแต่ยังมีบางอย่างซ่อนเร้น ดูหดหูจริงๆ ผมรู้สึกแบบนี้อะ น่าสงสารพวกเขานะ เหมือนเมื่อก่อนก็อุดมสมบูรณ์
โทดทีนะครับพิมไปตามความรู้สึก
ไม่รู้ว่าตอนนี้มีใครไปทำอะไรกับที่นั่นหรือยัง

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

 

ความรู้สึก เช่น นั้น ก็คงไม่ผิด หรอก ครับ
เพราะเมืองศรีเทพ นี้ เคยรุ่งเรือง มาตั้งแต่ ในสมัย พันกว่าปี ที่แล้ว
เปลี่ยนแปลงไป ตาม ทัศนคติ ของ เจ้า ผู้เป็นใหญ่ ผู้ปกครอง
เริ่มจาก พุทธศาสนา จน กษัทติย์ เปลี่ยนไป เป็น นับถือเทพ ก็ ดัดแปลง ไปเป็น เทวสถาน ตามความเชื่อนั้น
จนกระทั่ง ในยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ( จำตัวเลยไม่ค่อยได้นะ )
ท่าน ทรงทะนุบำรุง พระพุทธศาสนา ให้ กลับคืนมาอีกครั้ง

เมืองนี้ ก็ สลับ สับเปลี่ยน ไป ตามยุดคตามสมัย จนถึง วันเวลาที่ เสื่อมลง
จนเป็นเมืองร้าง ปล่อยให้ ป่าขึ้นปกคลุม ไปทั่ว
แต่ ก็ ยังเป็นบริเวณ ที่ ผู้คน ชาวบ้าน ไม่ ค่อยกล้า เข้ามา สมัยก่อน เค้ารือกันว่า ผีดุ ใครเข้ามา มักมี อันเป็นไป
จนกระทั้ง พวกฝรั่ง เข้ามา ค้นคว้า หา อะไรก็ไม่รู้
ขุดได้ เจอได้ ก็ เอาไป
จน ชาวบ้าน เริ่มกล้า บ้าง ก็ เข้ามา ขุดค้นหาสมบัติ ไปขายฝรั่งตางชาติ

เจ้าหน้าที่ บ้านเมือง เพิ่งเข้ามาทีหลัง.... ตามระเบียบ
จนกรมศิลปากร มาขึ้นทะเบียน เป็น โบราณสถาน จึงได้ อนุรักษ์ไว้ จนถึงปัจจบัน

ทุกวันนี้ ก็ เชื่อได้ว่า ในบริเวณ เมืองศรีเทพ นี้ ก็ยัง ขุดค้นสำรวจ ไม่ครบถ้วน
น่าจะยังมี อะไร ที่ หลงหูหลงตา อยู่ อีกมาก

อย่างวันที่ ผม เข้าไป เยื่ยามชม ตรง หลุมขุด ที่พบ กระดูกมนุษย์ ยุคโบราณ
เค้าได้ งบประมาณมาสร้าง อาคาร คลุม หลุม ขุด ไว้
เป็นการ รักษาสภาพไว้ .... ให้ คนรุ่นหลังได้ ศีกษา

ปรากฏว่า ผม เอง กลับ ไป รู้สึกว่า ข้างๆ หลุม ขุดนั้น หางออกไป สัก สี่ห้าเมตร
คือ นอกอาคาร ที่ เค้าสร้างไว้ บริเวณ นั้น รู้สึก ได้ ถึงพลัง ที่แรงมากกว่า บริเวณ ข้างเคียง น่าจะมี อะไร อยุ่ ข้างล่างเป็นแน่

คง ต้องให้ พวกตาเฮ็กซเรย์ ไม่ ช่วยกัน ตรวจดู......สักหน่อย.....55

 

รู้สึกน่าสนใจจริง อยากให้ค้นพบอะไรบางอย่างไวๆนะอืมๆ สังเกตุได้จากเงาต้นไม้ เหมือนบอกว่าเจอกันเร็วๆนี้ ว่างั้นนะ ครับ

 

ปีใหม่ไทย ขอให้อาจารย์สามตา และผู้อ่านมีความสุขกาย เย็นใจนะคะ
ตัวกลมได้รดน้ำ ล้างเท้าให้พ่อแม่ที่บ้าน ขอสมาและรับพรจากท่าน เป็นอีกปีหนึ่งที่ได้ทำกันมา
แต่ปีนี้ออกจะเหงาหน่อย เพราะระดับปู่ย่าตายายไปกันหมดแล้ว

55555 ง้านก็รูปที่กลมเอามาโพสหน้าที่แล้ว ก็fakeน่ะสิคะ
พี่ดาวทะเลทราย ได้ไปเที่ยวเมืองศรีเทพก่อนอาจารย์เสียอีก เล่ากันหลายๆมุมก็สนุกดีค่ะ
++++++++++++++++++++++++++

พี่....สมาชิกคนตาทิพย์ี ที่เคยไปเมืองศรีเทพ บอกว่าได้ขออนุญาตให้กายทิพย์เข้าไปดูสมบัติ
พี่เขาว่าเยอะแยะมากกกกกกกก เพชรนิลจินดา วาบๆ ไม่ใช่ของเราก็ได้แ่่ต่ดู
********************************

พี่เห็ดหอม เริ่มเปิดตัวเมืองศรีเทพแล้ว ยินดีในบุญที่ได้ส่งให้ชาวทิพย์เขามีภพภูมิดีขึ้นนะคะ
**********************************
ปีนี้แล้งและร้อน
สงกรานต์ปีนี้บรรยายว่า เกณฑ์น้ำชื่อ เตโช น้ำน้อย มีนาคถึง 7ตน(นาคยิ่งเยอะยิ่งแล้ง ต้องมาช่วยกันให้น้ำ )
น้ำที่ตกลงมา 300ห่า แบ่งให้โลกมนุษย์ 30 ห่า(10%) ตกในมหาสมุทร ๖๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๙๐ ห่า
ตกในเขาจักรวาล ๑๒๐ ห่า (น้ำฝน 1ห่า เท่ากับ น้ำฝนที่ตกลงมาเต็มบาตรขนาด กลาง ที่ตั้งรองไว้กลางแจ้ง)

Ms.Songkarn 2553 Fiona & Donky from Shreck

 

คณะคนตาทิพย์...กลับมาจาก การไป ทัวร์สงกรานต์ ที่ ลพบุรีและ ศรีเทพ เรียบร้อย
ได้ถ่ายรูปไว้มากมาย เกิน 20 ใบ....ถ่ายรูปติดในอีกมิติ..มาหลายบรูป
โดยเฉพาะ..การปรากฏตัว ของ องค์ พระศิวะ..ที่มีพลังแรงอย่างสุดๆๆ
รวมทั้งการพิสูจน์ว่า บัวเหล็ก หรือ บัวยอด ที่ นี่ แรงกว่า ที่ ปราสาทเขาพนมรุ้ง
..................................................................................
กำลัง จัดเรียงรูปให้ เป็นตามลำดับเหตุการณ์...ตามการเล่าที่จะเรียงกันไป
และจะส่งให้ ผู้เชี่ยวชาญในการเอารูปขึ้นจอ..เช่นเคย..คุณ "ตัวกลมๆๆ"
อีก สอง-สามวัน จะเริ่มเข้ามาเล่า...ตามสไตล์ คนตาทิพย์..เล่าตามที่เห็น
เพราะตอนนี้กำลังวุ่นวาย..เรื่อง การจัดบู๊ธ..
เพื่อแสดง การสะสมกระป๋องโค้กเก่า และ การสะสม ฝาจีบ ที่มากมายทั่วโลก
......................................................................................

 

เมื่อคืนฝันเห็นดอกไม้โปรยลงมาจากท้องฟ้าดอก เล็ก ๆ สวยงามมาก และมี เส้นใหมสีเงินออกสีทองลงมาด้วยครับ ในฝันผมได้จับทั้งสองอย่างเลย ตื่นเช้ามารู้สึกดีมากครับ

 

รออ่านอย่างแรงครับ

 

ตัวกลมๆ................. รีบจัดภาพ เสร็จแล้ว .... เอามาลงด้วย

คนปูเสื่อ รอฟัง ต่อแถวยาว ไป เกือบถึง สีลม แล้ว................. 555

 

ยาวไปถึงสีลม เลยหรือครับ ๕๕๕
งานเดียวกันหรือเปล่าเนี่ยท่านดาว

 

สวัสดีคับคุณลุงสามตา พอดีได้ผ่านเข้ามากระทู้นี้โดยบังเอิญ เจอหน้าแล้วใจหายวาบเลย
199 หน้า ตอนนี้ยังอ่านถึงหน้า 37 อยู่เรย แล้วได้เห็นคุณลุงลงเรื่อง พระบิด พระยืดค้ำฟ้า แล้วสนใจคับ อยากบูชาไว้ให้ญาติ ไม่ทราบบูชาได้ที่ไหน ค่าบูช่าเท่าไรคับ
. . .โดยส่วนตัวตอนนี้ก็หัดปฏิบัติอยู่คับ จับภาพพระในใจ ไม่รู้สำเร็จเมื่อไร แต่ก็ทำไปเรื่อยๆคับ

 

ก็ต้องให้ อ.สามตา รีบมาเล่า
ก่อน ที่ ท้ายแถว จะยาว มากไป ....
คน ไม่รู้ จะ เข้าใจผิด

มาต่อ คิว รอฟัง เรื่องเล่า ก่อน นอน จ้า...... ไม่ ได้ มา ม๊อป.....55

.........................................

เพิ่งสังเกต ได้ ว่า พี่ เม้าส์
เค้า เล่น อาไร อยุ่ นี่.......
โอ โห.....
ไป ถึง ไหน แล้ว คุณพี่ ...
จะทะลุ ภพ ทะลุ จักรวาล กัน .............แล้ว หรือ.....

มิ ธรรดาจริงๆ

มีเวลา จะ ขอ อนุญาติ แอบ ตาม ไป ดู ด้วยคน..... เน้อ....

 

เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ ตอนที่ 44
เที่ยวสงกรานต์ ปี 2553
........................................................................
เบื้องต้น คณะบุคคลผู้มีคาทิพย์..ได้ คิดกันว่า จะไปไหนดี และไปวันไหนดี
ในที่สุดก็เลือกไปวัน ที่ 16 เมษายน 2553
เพราะเป็นวันท้ายๆๆ..ผู้คน คงจะหยุดสาดน้ำกันแล้ว
มิฉนั้นก็จะ เดินไป..ดูไป..เปียกไป..ไม่ใช่เรื่องที่ดี แน่
................................................................................
สมาชิก ที่ พร้อมกันไป มี 5 ท่าน
สามตา/เห็ดหอม/ อรัญไชย หรือ SID 2/ลุงแหนม ดอนเมือง และ จักรพล
นัดออกเดินทาง เวลา 6.30 น เช้า.... เริ่ม จากจุดนัดที่บู๊ธ 042
..................................................................................
สามตา ตื่น ตีห้า..ตั้งใจจะออก จาก บ้าน 6.00 น ก็น่าจะทัน เำราะ ไม่ไกล
พอ หกโมง ก็ ออก จากบ้าน..ผิดคาดมาก ..ตอนผ่านหมอชิต
รถไม่ขยับ..รถติดแน่นมาก..เป็นเพราะ ผู้คนรีบกลับมา จากสงกรานต์
ออกตอนดึกวันที่ 15 เมษษยน..จะมาถึง กทม หกโมงเช้าพอดี
เราก็เลยเจอ แจ๊กพอต...มาถึงที่ นัดหมาย กว่า เจ็ดโมง
...........................................................................
มองดูก็รุ้ว่า บรรดาสมาชิก นึก สวดในใจว่า...อาจารย์ มาสาย เอามากๆๆ
แต่ไม่กล้าบ่นด้วยปาก..เพราะเราเป็นอาจารย์..ก็ดีไป อย่าง
...............................................................................

 

รถออก ตอนเจ็ดโมงกว่า...ไปตามเส้นทาง ถนนพหลโยธิน..มุ่งสระบุรี
รถวิ่งสวนกลับมา กทม ค่อนข้างแน่น...แต่ขาออก บางกว่า.
.เพราะ ปลายสงกรานต์..คนกลับบ้านไป ก่อนแล้ว
............................................................................
ตั้งใจจะ แวะ ร้านอาหารใหญ่และดัง
ที่ อยู่ แถว ประตูน้ำ พระอินทร์ และ บางปะอิน
ผ่านไป..ก็พบว่า ปิด หมด...เป็นประสบการณ์ ซ้ำๆๆที่ ว่า
งานเทศกาลใหญ่ๆๆ ผู้คน แย่งกันใช้ถนน
/ แย่งโรงแรมกัน นอน/แย่งอาหารกันกิน
บรรดา ผู้ที่ มีอายุ ผ่านชีวิต มานาน.ก็จะนอนอยุ่บ้าน
ปล่อยให้ ผู้คนหนุ่มสาว..โลดแล่น ออกไป สนุกกับชีวิต ที่กำลังจะโดด
.............................................................................
ในที่สุด..เราก็ต้องมาแวะ ร้านอาหารเล็กๆๆ ในปั๊ม ข้างทาง แถววังน้อย
เนื่องจาก ร้านอาหารปิดหมด..ที่อืิ่นๆๆก็เลยต้องขายดี...รสชาติ อาหารพอทน
ขับรถผ่านสระบุรี...ผ่านบายพาส.เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแรก..คือ ลพบุรี
....................................................................................
ในที่สุดก็ มาถึงลพบุรี..รู้โดยวงเวียนรูปปั้น
องค์พระบรมหากษัตริย์ พระนารายณ์ มหาราช
ผ่านวงเวียนน้ำพุ..อ่า่งแก้ว....ผ่านศาลพระกาฬ
เริ่มเห็นฝูงลิงกระจายบนถนน และไต่ตามหน้าต่าง บ้านเรือน ในละแวก นั้น
...............................................................................
รถต้องแล่นช้าๆๆ..เพราะ บรรดาลิง พากันข้ามถนน..
เดินไปมา..แบบไม่รู้จัก ทางม้าลาย..เช่นเดียวกับมนุษย์ บางคน
เรา เลย ศาลพระกาฬไปก่อน..จะแวะ ตอน ขากลับ
................................................................................

 

ชับรถข้ามทางรถไฟ...เลี้ยวขวา ผ่าเข้ากลางเมืองลพบุรี
ภ้าไม่เลี้ยวอีกที..ก็จะชนประตู..วังนารายณ์นิเวศ..เป้าหมายที่เราจะแวะเป็นจุดแรก
มองแวบที่ประตูเข้า...ใจก็หายวาบ...ประตูปิด..มีโซ่ขนาดเขื่อง..ล่ามไว้
....................................................................................
คิดไม่ถึง..วันสงกรารนต์ วันท่องเที่ยว..แต่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญปิด
ที่ปิด เพราะ สถานที่นี้ เป็น สถานที่ราชการ..จึงต้องหยุดยาว
....................................................................................
จึงต้องวนรถไปอีกด้าน..นั่นคือ บ้าน เจ้าพระยาวิชาเยนทร์
เจ้าพระยาวิชาเยนทร์.เดิมเป็นชาวโปรตุเกส..เร่ร่อนมาเมืองสยาม
เริ่มโดยเรือ แตก พร้อมๆๆกับ เรือ ฑูตไทยที่ไปยุโรป..
เลยถูกชักชวนให้มาทำงานในเมืองสยาม
......................................................................
เข้าทำงานในฝ่ายคลัง..ท่าขวา..เก็บภาษีสินค้า ทางเรือ
เนื่องจากมีความฉลาด..จึงได้เลื่อนยศศักดิ์ ได้ เร็ว
เป็นที่ โปรดปราน ของ สมเด็จ พระนารายณ์มหาราช
จนได้ตำแหน่งสูงสุด เป็น เจ้าพระยาวิชาเยนทร์
.....................................................................
เป็นผู้ที่แนะนำให้ สมเด็จพระนารายณ์ ส่งฑูตไป ประเทศฝรั่งเศส
เพื่อเข้าเฝ้า พระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ณ พระราชวังแวซาย..กรุงป่รีส
ฑููตไทยที่ไป เป็น ชุด แรก..คือ ท่านโกษาปาน
.........................................................................
ผลของการเปิด สัญญากับฝรั่งเศส.
.เป็นผลให้มีกองทหารฝรั่งเศสเข้ามาเมืองสยามมาก
อิทธิพลชองฝรั่งเศสเริ่มมาก ขึ้น โดยการสนับสนุนของ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์
...................................................................................
กลุ่มของ สวนาอำมาตย์สยาม ที่ มี พระเภทราชา และขุนหลวงสรศักดิ์เป็นหัวหน้า
เริ่มกลัวว่า ฝรั่งเศสจะยึดสยามเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส
และเปลี่ยนให้ องค์พระนารายณ์ ให้เป็น ศาสานาคริสต์
แล้ว เมืองสยามทั้งประเทศ..จะกลายจาก ศา่สนา พุทธ
มาเป็น ตริสต์โดยปริยาย
...........................................................................
จึงมีการวางแผนล้มราชบัลลัง..โค่นองค์พระนารายณ์
และกระทำการสำเร็จ..สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถึงแก่ สิ้นพระชนม์
เมือยึดอำนาจได้....เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จึงถูกจับ
และภูกประหารโดยการตัดศีรษะ...ทรัพย์ สิน ถูกยึดทั้งหมด รวมทั้งบ้าน
...........................................................................

 

อย่างไรก็ตาม...เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ แต่งงานกับสาวลูกครึ่ง โปรตุเกศ/ญึ่ปุ่น
ชิ่อ.".มารี เดอ กีมาร์"..ลิ้นคนไทย เรียกยาก..จึงเรียกว่า "ท้าวทองกีบม้า"
ผู้นำวิธีทำขนม แบบโปรตุเกส มาเผยแพร่ให้คนไทยได้ รู้จัก..
คือ ขนม/ ฝอยทอง / ทองหยิบ/ ทองหยอด/ขนมสาลี่..มาจนถึงปัจจุบัน
.................................................................................
เราจึงมาที่นี่ เพื่อดูชมบ้านของ เจ้าวิชาเยนทร์..ทั้งทางตาธรรดา และ ตาใน
เพื่อย้อนอดีต...แล้วค่อยๆๆ ถอยกลับมาที่ปัจจุบัน
...................................................................................

 

เมื่อจอดรถได้ที่..สามตาก็ลงไปก่อน..เป็นกองหน้าสำรวจ
ประตูเปิดอยู่อย่างกว้างขวาง...แปลว่า เปิด..
ไม่ปิดเหมือน พระราชวังนารายณ์นิเวศ..มองเข้าไป..
มีเจ้าหน้าที่ดูแล..เป็นหญิงกลางคน..เก็บค่าผ่านประตู
........................................................................
เมื่อทุกคนพร้อมหน้า..ก็เข้าไป โดยจ่ายค่าเข้าชม เป็นอันดับแรก
เข้าไปยืน ตรงกลางสนามหญ้า หน้า อาครหมู่ทั้งหมด
กล่าว บอก เจ้าที่ เจ้าทาง..ขออนุญาติ..เข้าชม ทั้งสอง มิติ
ด้วย ตาธรรมดา และ ตาที่ สาม
...........................................................................
มองกวาด ไป รอบๆๆ บริเวณ..พบว่า กว้างขวางมากพอสมควร
มีการจัดแผนผัง แบบ สถาปัตยกรรมที่ ดี
ซ้ายมือสุด เป็น ตัวบ้านส่วนพักผ่อน ของ เจ้าพระยา..เจ้าของ บ้าน
ส่วนกลาง เป็น อาคารรับรอง แขกเมือง และมีโบสถ์ ชนาดเล็ก ประจำบ้าน
ด้านขวาสุด เป็น เรือน รับรอง เลี้ยงอาหาร ขนาดใหญ่
.........................................................................
ท้ายสุดเป็น ห้องครัวขนาดใหญ่
แบบ มีเตาผิง/ เตาทำขนมปัง/ เครื่องครัว ชุดทองเหลือง
และวสน ดอกไม้งาม..สวนดอกกุหลาบ
.......................................................................
เมื่อทุกอย่างพร้อม..เราทั้งหมด ก็ เริ่ม เข้า สำรวจ..
โดยตรงไปที่ ส่วนที่เป็น เรือนพักส่วนตัว ทางซ้ายมือ สุดก่อน
ชึ้นไป ตาม บันได ด้านหน้า..ก็เริ่มสะดุดกับพลังบางอย่างที่ สาดออกมา
เป็นกลิ่ยฉุนๆๆแห้งๆๆเค็ม..เหมือน ของ ตายซาก..มานานกว่า 400 ปี
.............................................................................
จึงเริ่มใช้ ตาในมอง ที่ มาของ กลิ่นที่ ว่า
ในที่สุดก็เจอ...มันอยู่ตรงมุมในของประตูเข้า ประตูแรก นั่นเอง
อะไร หว่า..พวกเราก็ช่วยกันมอง..ก็เห็น..ทั้งบนดิน
และใต้ดิน ที่ ลึกลงไป..กว่า สองเมตร....เขาอยู่ที่ นั่น
..................................................................
(มีต่อ)

 

สวัสดีค่ะ อาจารย์สามตา และ ทุกๆท่านค่ะ
มีเรื่องยุ่งๆเข้ามา เลยไม่ค่อยได้มาอ่านค่ะ เผลอแป๊บเดียว
เกือบ 200 หน้าแล้วเหรอเนี่ย โอ่ยโหย่ .... ต้องรีบตามๆๆ
:z7 อนุโมทนาค่ะ

 

มาเปิดอ่านทีหลัง
ข้อมูลชอง คาวทะเลทรายเรื่อง
คลังนอก และ พลังแฝงที่ อยู่ข้าง หลุมศพโบราณ
พร้อมซากช้าง..ไม่ทันได้ อ่าน..จึงไม่ได้ พิสูจน์... จึงตกหล่นไป
ถ้ามีโอกาสจะแวะไปดูใหม่ อีกที
......................................................................

 

สิ่งที่เห็นคือ หีบสมบัติ...ที่มีค่า..และมีวิญญาณ ของ ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ดูแลอยู่
เขาถูกฆ่า..ตั้งแต่อดีต..เมื่อกว่า 400 ปี ที่ผ่านมา...
เป็นการจองจำที่ อดอยาก และ หิวโหย..
จึงได้ แสดง อำนาจทางวิญญาณ ให้เราสัมผัสได้
และ พวกเราก็สัมผัสได้ จริงๆ
......................................................
คุณจักรพล..ลองสัมผัสดู..และชี้จุดที่ หีบสมบัติ และ วิญญาณ ปู่โสม
คุณ Sid2 ก็ลองสัมผัสดูเช่นกัน
.......................................................................
เดินต่อไป ออกทางด้านหลังของ บ้านพักส่วนตัว
พบว่าเป็น ส่วนครัว ทำอาหาร แบบ สไตล์ ยุโรป
มีโรงทำขนมปัง..ทำขนมหวาน..พร้อมเครื่องครัว
ที่เป็น ทองเหลือง..และที่ วางจาน
...................................................................
เดินกลับมาส่วนหน้า...ตรงกลาง ที่เป็น ส่วนรับรอง แขกเมือง
พบว่า เป็น ลานเทกเรสกว้าง..มีบันไดขึ้น แบบ บ้านผู้ดี ของ ยุโรป
ด้านซ้ายสุด มองลึกเข้าไป....เห็น เป็น โบสถ์ ประจำบ้าน ขนาด เล็ก
.............................................................................
มาบืนตรงหน้า ประตูเข้าโบสถ์...มองกลับไปในอดีค
เห็นเป็นโบสถ์ ที่ สวยงาม..มีกระจกสี ประดับ เป็น ช่องแสง ด้านบน
บนผนังด้านในสุด...เป็น ผนังสูง
เห็น รูปปั้นขนาดพอสมควรแก่โบสถ์..เป็น รูปปั้นพระเยซู
ประทับตรึงอยู่บนกางเขน...เหมือนการจำลอง การถูกตรึง
บนกางเขน บนเขากาลิเล..เมื่อ กว่า 2000 ปี มาแล้ว
กางเขนที่ถูกตรึง อยู่ บนผนังในระดับที่ สูง พอสมควร
.................................................................

 

เมื่อเราดูด้วยตาใน..เห็นองค์ พระเยซู..ผู้เป็น บุคคลศักดิ์สิทธิ์
ของ มวล ศาสนิกชนที่เป็น คริสต์..เราก็นอบน้อม ใน ความเป็นพระองต์
พวกเราตั้งจิต อธิษฐาฯ...ขอให้ พระองค์ โปรด แสดง.ธรรม
และ อวยพร..ให้แก่ พวกเราด้วย เนื่องในวัน โอกาสขึ้นปีใหม่ ของ ไทย
.............................................................................
การที่เราเป็น พุทธ..และ คารวะ ต่อ พระเยซู แห่ง คริสศาสนา
ไม่มีสิ่งใด ผิด...เพราะ อาจารย์ หรือ ศาสดาที่ ดี
ย่อมมีเมตตาต่อ มวลชนที่ดี...โดยไม่มีการเลือกที่ รัก มักที่ชังแต่ประการใด
...................................................................................
ในลำกับต่อมา...องค์พระเยซุ ลอยออกมาจาก..มหากางเขนอย่างช้าๆๆ
พอออกมาได้ ระยะ หนึ่ง...เสื้อผ้าชุดถูกตรึงบนกางเชน
ที่เป็น ผ้าโพก ปิดส่วนล่าง..และ ส่วนบนเปลือย
ก็ค่อยๆๆกลายเป็น ชุด ขาวยาว..ขาวสะอาด
มีพระเกษายาว สลวย..นัยตา..มีแวว แจ่มใส เมตตา
...........................................................
ลอยมาอยู่ตรงหน้า พวกเราทั้งหมด..ที่ ตั้งหลัก ยืนเรียงเป็น แถว
เพื่อ พร้อมที่ จะ แสดง การคารวะ อย่างสูง สุด..
ต่อ องค์ บูชาสูงสุด...ของ คริสศาสนิกชน
.........................................................................
พระองค์ กล่าวในจิต..ที่เราได้ ยินชัดเจน
"ให้ พวกเรา มี ความสุข...ปฏิบัติตนที่ดี ต่อไป...
แล้ว ทุกคนจะได้ สิ่งที่ ได้ ตั้งความหวังไว้.
.ขอให้ มีความสุข ความเจริญ.."
...................................................................
พระองค์ ทรงมาพร้อมพลัง อันเย็นฉ่ำในหัวใจ
สพฃื่น และ หายเหนื่อย...
ที่ ทำให้ พวกเรา..ยืน ตัวแข็ง..ตัวชา..ในช่วงหนึ่ง
.......................................................................
เมื่อ จบกระบวนตวาม องค์พระเยซู ก็ ลอยถอยกลับไป
ยัง ผนัง ที่ ได้ ลอย ออกมา..
พวกเราทั้งหมด จึง ต้องเดินเข้าไปใกล้ ผนัง นั้น
คั้งแถว..คารวะ ต่อ พระองค์ ที่ ได้ให้ พรอันประเสริฐ แก่ พวกเรา
......................................................................