เรื่องราวอารยธรรมวัฒนธรรมตำนานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกิณกะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มุ่งเต็มใจ, 28 กรกฎาคม 2010.

  1. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
     
  3. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "คฑา ของพระนารายณ์มีชื่อว่า เกาโมทกี แต่ในรูปภาพนี้เป็น ธนู ครับ"
     
  4. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ขอบคุณมากครับที่ให้ข้อมูลแก้ไขที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แล้วผมจะหามาลงแก้ไขให้ครับ
     
  5. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    [​IMG]

    'บาทเดียวกูก็ไม่ให้'
    คอลัมน์ 'โกงกินสิ้นชาติ' โดย หางกระดิกหมา

    หากใครได้อ่านนิตยสารอีโคโนมิสต์ฉบับอาทิตย์สองอาทิตย์ที่แล้ว คงจะเห็นแล้วว่าอุปกรณ์สำหรับต่อต้านคอร์รัปชันที่มาแรงในขณะนี้ไม่ได้มีแต่ “นกหวีด” ของม็อบมวลมหาประชาชนไทยเท่านั้น หากแต่ยังมี “ธนบัตรศูนย์รูปี (Zero-Rupee Notes)” ของอินเดียอีกอย่างหนึ่ง

    ทั้งนี้ ธนบัตรศูนย์รูปี ก็คือกระดาษที่พิมพ์ลายข้างหนึ่งเหมือนธนบัตรใบละห้าสิบรูปีของอินเดีย มีรูปคานธีครบทุกอย่าง เพียงแต่มีเลขศูนย์ตัวโตๆ แทนที่จะเป็นเลข 50 และมีคำโปรยขนาดเขื่องอยู่ด้านบนว่า “กำจัดคอร์รัปชันทุกระดับชั้น (Eliminate Corruption at All Levels)” ต่ำลงมาจึงเป็นคำมั่นว่า “ข้าพเจ้าสัญญาจะทั้งไม่รับและไม่จ่ายสินบน (I promise to neither accept nor give a bribe)” แทนที่ประโยค “ข้าพเจ้าสัญญาจะจ่ายเงินแก่ผู้ถือเป็นจำนวน…(I promise to pay the bearer…)” ของธนบัตรปกติ

    ธนบัตรกงเต๊กอย่างที่ว่านี้ คนอินเดียไม่ได้พิมพ์ขึ้นมาไว้เผาให้ผี แต่พิมพ์ขึ้นมาไว้แจกให้กับประชาชน เพื่อที่ประชาชนได้ใช้นำไปยื่นให้กับตำรวจหรือข้าราชการใดๆ ที่รีดไถสินบน เป็นการประกาศจุดยืนให้พวกกังฉินขี้ฉ้อเหล่านั้นได้รู้ว่า “แดงเดียวกูก็ไม่ให้” โดยไม่ต้องเสียเวลาอภิปรายอ้อมค้อม เพราะคนอินเดียนั้นก็เหลืออดกับข้าราชการทุจริตเหมือนกัน เพราะกินกันหมดในทุกวงการ ประชาชนจะทำอะไรแต่ละทีก็ต้องหยอดน้ำมันกันอยู่นั่น เช่น ออกใบขับขี่ ขอสูติบัตร หรือแม้กระทั่งต่อน้ำประปา ไฟฟ้า จนเคยประมาณกันว่าชั่วชีวิตคนอินเดียหนึ่งคนจะต้องจ่ายค่าสินบนเหล่านี้คนละ 100,000 รูปีเป็นอย่างน้อย

    โดยเดิมทีเดียวแนวคิดนี้มีจุดเริ่มมาจากศาสตราจารย์สอนฟิสิกส์ชาวอินเดียของมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ในสหรัฐฯ ซึ่งกลับมาบ้านเกิดแล้วพบว่าตนต้องถูกเรียกสินบนไม่หยุดหย่อนจากเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำแบงก์นี้มาเพื่อแสดงการต่อต้าน แต่ปรากฏว่า พอเรื่องนี้ไปเข้าหูของคุณวิชัย อานันท์ (Vijay Anand) ประธานขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันของอินเดียที่ชื่อว่า 5th Pillar แกก็เห็นเลยว่าวิธีของศาสตราจารย์นั้นจะทำให้การต่อต้านคอร์รัปชันกลายเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ไม่ใช่เป็นแค่การสมาทานงดเว้นส่วนตัวที่ไม่มีรูปมีร่างอีกต่อไป จึงได้ให้องค์กรเป็นตัวตั้งตัวตีพิมพ์ธนบัตรนี้ขึ้นมา๊เป็นจำนวนมหาศาล และเดินสายแจกกงเต๊กต้านโกงนี้ไปทั่วมาตั้งแต่ปี 2007 เพื่อรณรงค์ให้คนเอาไปใช้รับมือกับสถานการณ์คอร์รัปชันในชีวิตประจำวัน

    นาน ๆ ไปธนบัตรนี้ก็ยิ่งติดเป็นกระแส โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ ของอินเดียอย่าง เชนไน ไฮเดอราบัด บังกาลอร์ มีเรื่องราวความสำเร็จมากมายจากการใช้ ธนบัตรศูนย์รูปี นี้

    เช่น ยายคนหนึ่งขอให้เจ้าหน้าที่ออกโฉนดอยู่เป็นเวลาปีครึ่ง ก็ยังไม่ได้เพราะไม่ยอมจ่ายสินบน แต่พอวันหนึ่งคุณยายคนนี้เข้าไปหาเจ้าหน้าที่พร้อมกับยื่น ธนบัตรศูนย์รูปี ให้ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตกใจจนรีบกุลีกุจอหาเก้าอี้ให้ยายนั่ง เอาชามาเสิร์ฟ พร้อมกับออกโฉนดให้ยายได้ในวันนั้น หรืออีกกรณีหนึ่ง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้รับธนบัตรนี้แล้วก็กลัวมากถึงกับคืนเงินที่เคยเรียก ๆ จากชาวบ้านเอาไว้เป็นค่าต่อไฟทั้งหมดเลยทีเดียว

    ความสำเร็จของโครงการนี้ทำให้ทุกวันนี้มีหลายประเทศติดต่อเข้ามาที่องค์กรเพื่อจะยืมเอาไอเดียไปใช้บ้าง ตั้งแต่ เนปาล อาร์เจนตินา เม็กซิโก ฝรั่งเศส เยอรมนี หรือแม้กระทั่่ง เยเมน อันเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าข้าราชการโกงที่สุด

    โดยคุณวิชัยบอกว่า การรณรงค์นี้ได้ผลดี ก็เพราะเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มักไม่เคยคาดคิดว่าจะถูกตาสีตาสาลุกขึ้นแสดงอาการแข็งขืนอย่างนี้ ยิ่งกว่านั้น การที่คนใช้ธนบัตรที่ต้องจัดพิมพ์เป็นเรื่องเป็นราวนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่รู้สึกว่าตาสีตาสาไม่ใช่ตาสีตาสาอีกต่อไป แต่เป็นคนที่รู้สิทธิรู้กฎหมาย แถมยังมีองค์กรใหญ่คอยหนุนหลังอีก เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ก็เลยไม่กล้าเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อคดีคอร์รัปชันในอินเดียนั้นเป็นคดีที่มีโทษรุนแรงถึงจำคุก นอกจากนั้น เพื่อรักษากระแสการไม่ยอมโกง องค์กร 5th Pillar ยังออกวารสารรายเดือนชื่อ “Mattram” (แปลว่า “การเปลี่ยนแปลง” ในภาษาทมิฬ) ซึ่งก็จะมีการสืบเสาะไล่เรียงเรื่องฉ้อฉลทุจริตต่างๆ และแสดงให้เห็นว่าข้าราชการโกง ๆ คนนั้นคนนี้ไปเจอจุดจบอย่างไรบ้างอีกต่างหาก

    แน่นอน ท้ายที่สุดแล้ว การรณรงค์อย่างนี้เป็นเพียงแต่การรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ให้คนเลิกเห็นการคอร์รัปชันเป็นสัจธรรม และเลิกยอมรับพฤติกรรมคอร์รัปชันที่ตนได้พบเห็นเฉย ๆ ไม่ได้มีผลเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม อันเป็นสาเหตุที่แท้จริงของคอร์รัปชันแต่อย่างใด แต่ในทางกลับกัน การจะเปลี่ยนของที่ใหญ่มหึมาอย่างโครงสร้างนั้น ถ้าคนส่วนใหญ่ยังไม่เกลียดคอร์รัปชัน ฉันทามติที่จะขับเคลื่อนเรื่องการเปลี่ยนโครงสร้างก็ย่อมมีขึ้นไม่ได้ อย่างที่พูดเป็นภาษาตรรกะก็ต้องว่าการเปลี่ยนทัศนคตินั้นไม่ใช่ “ปัจจัยที่เพียงพอ (Sufficient Condition)” แต่เป็น “ปัจจัยที่จำเป็น (Necessary Condition)”

    ลองดูกันสักตั้งนะครับ ถ้าทั้งเป่านกหวีด ทั้งแจกแบงค์กงเต๊กแล้ว คอร์รัปชันมันยังจะด้านหน้าอยู่ได้ก็ให้มันรู้กันไป

    หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก คอลัมน์ “โกงกินสิ้นชาติ” นสพ.โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 16 ธันวาคม 2556

    ที่มา : บาทเดียวกูก็ไม่ให้ | ThaiPublica
     
  6. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    [​IMG]



    เป็นหินเฉดสีฟ้า สีฟ้าอมเขียว สีเขียวแอปเปิ้ลและสีเขียวมะกอก มีลวดลาย
    เป็นแม็ททริกซ์ สีดํา สีนํ้าตาลหรือเทาเป็นรอยเส้นบางหรือแต้มเป็นหย่อมๆรอย
    เหล่านี้เป็นแร่ธาตุชนิดอื่นที่อยู่ตามแหล่งแร่ที่มันเกิดบางทีเทอร์คว้อยซ์จะเกิดร่วม
    กับมาลาไคท์และคริสโซคัลล่าร์ได้อีกด้วยมีความแข็งประมาณ 5-6 ตามสเกลของโมห์
    ถ้าเป็นสีฟ้าแท้ๆจะเปลี่ยนสีเขียวได้เมื่อมีอุณหภูมิสูงถึง480องศาฟาเรนไฮท์
    แต่ธรรมชาติของเทอร์คว้อยว์จะเปลี่ยนสีได้เองเมื่อถูกแสงสว่างมากเกินไป
    นํ้ามันต่างๆก็ทําให้เกิดการเปลี่ยนสีได้เช่นเดียวกับเคมีต่าง เครื่องสําอางและนํ้าหอม
    สีฟ้าสดเหมือนสีของท้องฟ้าหายากมากที่สุดซึ่งจะเทอร์คว้อยซ์มีส่วนผสมของทองแดง
    อาลูมิเนียมฟอสเฟต
    ชื่อเทอร์คว้อยซ์มาจากภาษาตุรกีแปลว่า หินของชาว-เตอร์ก(เตอรกี-ชาวตุรกี)
    เทอร์คว้อยซ์ถูกส่งผ่านไปที่เมืองอิสตันบุลในตุรกีซึ่งเป็นศูนย์การค้าสําคัญของ
    เทอร์คว้อยซ์และแพร่เข้าไปในยุโรบตามเส้นทางการค้าหรือเส้นทางสายไหม
    (ซิลค์โรดหรือเส้นทางสายไหม โดยเริ่มต้นจากจีน อินเดีย เข้าสู่อาเชียกลางและกลุ่ม
    ปนะเทศอาหรับเข้าสู่ยุโรบ มาร์โคโปโลได้ใช้เส้นทางนี้ไปประเทศจีนเช่นกัน)
    เทอร์คว้อยซ์ที่นิยมมากและคุณภาพดีที่สุดที่สุดคือสีฟ้ากระจ่างซึ่งมาจากทาง
    ตอนเหนือของอิหร่านไกล้เมืองชื่อนีชาร์เปอร์ (Nisharpur ถ้าอ่านไม่ถูกต้องก็ขออภัย
    มานะที่นี้ด้วยค่ะ)มีชื่อเรียกว่า เปอร์เชียน บลู
    ปัจจุบันแหล่งผลิตที่สําคัญได้แก่อาฟกานีสถาน อาร์เจนตินา บราซิล
    ออสเตรเลีย อิสเรล เม็กซิโก อเมริกา แทนซาเนียและจีนเนื่องจากมีหินสีคล้ายกัน
    หลายชนิดอาจะทําให้เกิดการสับสนกับอเมซอนไนท์
    คริสโซคัลล่าร์ ลาซูไรท์ เซอร์เพนไทน์ และเวอริไซท์เนื่องจากเนื้อหรือเท๊กซเจอร์
    ของเทอร์คว้อยซ์มีลักษณะพรุนและดูดซึมง่ายส่วนใหญ่แล้วเทอร์คว้อยซ์ที่จําหน่าย
    อยู่ตามท้องตลาดมักจะถูกนําไปแช่ในเรซินมาก่อนเพื่อช่วยให้มีสีสวยมากขึ้นและขาย
    ได้ราคานอกจากเรซินก็ยังใช้นํ้ามัน ขี้ผึง เคมีที่ชื่อเบอร์ลินเนอร์ บลู และเกลือจากทองแดง
    เทอร์คว้อยซ์เป็นหินที่มีการทําเทียมและเลียนแบบโดยใช้หินอย่างอื่นมากที่สุด
    ชนิดหนึ่งเช่นนําเอาหิน คัลซิโดนีและฮัลไลท์มาย้อมสี(เนื่องจากเนื้อหินมีลักษณะ
    พรุนและดูดซึมง่ายเหมือนกันและยังมีลายเป็นเส้นกับแมทริกซ์เหมือนกันอีกด้วย)
    นอกจากนั้นนําเอาเศษเล็กเศษน้อยของตัวเทอร์คว้อยซ์เองมาป่นเป็นผงรวมกับกาว
    และนําไปอบหรือเผาด้วยความร้อนสูง
    นอกจากนั้นแล้วมีเทอร์คว้อยซ์สังเคราะห์จากห้องทดลอง 100เปอร์เซ็นท์
    โดยที่มีลวดลายแบบแมทริกซ์หรือแบบเปอร์เชี่ยนบลูซึ่ง
    ไม่มีลวดลายเลยซึ่งมีคุณภาพดีมากนิยมใช้เทอร์คว้อยซ์สังเคราะห์มาใช้เป็นเครื่อง
    ประดับต่างๆตั้งแต่ปี1970 เพราะฉนั้นเครื่องประดับเทอร์คว้อยซ์ตามท้องตลาด
    อาจเป็นเทอร์คว้อยซ์สังเคราะห์ชั้นดีเหล่านี้ก็ได้
    เมื่อ2000 ปีก่อนคริสต์ศักราชแถบแหลมไซนายได้มีการใช้เทอร์คว้อยซ์
    เป็นเครื่องสําอางค์และเครื่องรางโดยเฉพาะที่อียิปต์ (อายส์ชาโดว์นั่นไง)
    ในศตวรรษที่16 อินเดียใช้หินชนิดนี้แทนเงินตรา เป็นหินนําโชคของนายพราน
    ทําให้มีความสุขและมีโชคลาภ ในยุโรบได้ใช้เทอร์คว้อยซ์เป็นเครื่องรางแห่งความรัก
    มานานแล้ว สตรีชาวอังกฤษได้นําเทอร์คว้อยซ์มาทําเครื่องประดับโดยเฉพาะแหวน
    โดยให้ชื่อว่า " แหวนอย่าลืมฉัน"( Forget-me-not-ring) ซึ่งจะทําหน้าที่เหมือน
    เครื่องวัดความรักความเสน่หาถ้าเทอร์คว้อย์มีสีซีดไปนั่นจะหมายถึงว่าความรักนั้น
    ได้จืดจางไปแล้ว(ที่จริงแล้วที่สีซีดไปเพราะเกิดจากเคมีต่างๆที่ผิวหนังเช่นนํ้าหอมโลชั่น
    แป้งต่างหาก)
    เทอร์ คว้อยซ์เป็นที่นิยมมากสําหรับพวกอินเดียนแดงในทวีบอเมริกาเหนือ จีน
    และธิเบตแม้แต่ในทวีปยุโรบเพราะเชื่อกันว่าเป็นหินแห่งการปกปักรักษาและคุุ้มครอง
    ทําความสะอาดพลังงานที่ร้ายให้กลายเป็นดี
    ป้องกันการถูกการมุ่งร้ายทางจิตหรือการปรารถนาร้าย คําสาบแช่ง
    เป็นเครื่องรางสําหรับเด็กอ่อนและเด็กเล็ก ช่วยการมอง
    เห็นทางจิตในการรู้ล่วงหน้าว่าใครคือศัตรูหรือไครคือคนที่คิดร้ายต่อผู้ที่เป็นเจ้าของ
    เทอร์คว้อยซ์ ช่วยคลี่คลายผลร้ายที่เกิดจากคําสาบแช่งถ้ามีอาการทรมาณจากอาการ
    ช็อคหรือหมดสติให้นําไปแช่นํ้าดื่มจะทําให้ร่างกายสบายขึ้น(ไม่แนะนํานะคะ)ช่วย
    ป้องกันการเดินทางให้ปลอดภัย ทําให้เกิดสันติ ทําให้ศัตรูกลับมาคืนดีกัน
    ลดการขัดแย้งและยุติการโต้เถียงของสามีภรรยา ช่วยรวมพลังงานของธรรมชาติพื้นดิน
    นํ้า สายลมและท้องฟ้ารวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวเทอร์คว้อยซ์มีส่วนประกอบของ
    พลังงานของธาตุทั้ง4อยู่ในตัวของมันเองจึงมีชื่อเสียงในการมองเห็นและ
    การเรียนรู้มีความสัมพันธ์กับท้องฟ้าและทําให้เจ้าของเกิดการมองเห็นถึง
    ความสัมพันธ์เกี่ยวกับสัตว์หรือนกในอากาศที่มีพลังและอํานาจเช่นเหยี่ยว
    หรือนกอินทรีย์ ช่วยเจ้าของค้นหาเอกลักษณ์หรือความเป็นตัวตนของตนเอง
    ทําให้ความมุ่งหวังความต้องการในชีวิตหลายๆอย่างสมดุลย์ ทําให้รู้จักตนเอง
    กระตุ้นความรู้สึก สร้างสรร ช่วยแก้ไขปัญหา ให้กล้าแสดงออก
    ทําให้จุดพลังงานที่สําคัญทั้ง7ของร่างกายแข็งแรง
    กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายช่วยให้จิตใจและอารมณ์เข้มแข็งช่วย
    รักษาความต้องการให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ ร่างกายสมดุลย์
    ความสงบมาสู่จิตใจ ฉลาดมองโลกในแง่ดีป้องกันอุบัติเหตุจากการหกล้ม ตกม้า
    ทําความสะอาดร่างกายโดยการขับสารพิษออกจากร่างกาย เทอร์คว้อยซ์เหมาะ
    สําหรับผู้หญิงที่มีระบบสืบพันธุ์ไม่ปกติหรือบกพร่อง ชาวอโคมา (Acoma
    )เป็นพวกอินเดียนแถบอเมริกาไต้ เชื่อว่าเทอร์คว้อยซ์จะนําสิ่งที่ดีที่สุด
    มาให้กับผู้สวมใส่เปรียบเหมือนกับเทอร์คว้อยซ์ว่าเป็นเพื่อนคู่ใจและ
    จะนําสิ่งที่ดีที่สุดมาสู่ผู้สวมใส่หรือเจ้าของนั่นเอง/
     
  7. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  8. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    [​IMG]
    พระวิษณุ (Vishnu) หรือเรียกอีกอย่างว่า พระนารายณ์ เป็น1 ใน 3 มหาเทพ มีหน้าที่คุ้มครองแลดูแลรักษาทั้ง 3 โลกตามความเชื่อของชาวฮินดู จากคัมภีร์พราหมณ์ รูปร่างลักษณะมีพระวรกายจะมีสีที่เปลี่ยนไปตามยุค ฉลองพระองค์ดั่งกษัตริย์ มีมงกุฎทอง อาภรณ์สีเหลือง มี 4 กร ถือ สังข์ จักร ตรี คทา แต่ที่จะพบเห็นได้บ่อยที่สุดคือถือ จักร์ สังข์ คทา ส่วนอีกกรจะถือ ดอกบัวบ้าง หรือ ไม่ถืออะไรเลยบ้าง (โดยจะอยู่ในลักษณะ"ประทานพร") โดยปรกติ พระวิษณุ จะทรงประทับอยู่ที่เกษียรสมุทร โดยส่วนมากจะทรงบรรทมอยู่บนหลัง อนันตนาคราช โดยมีพระชายาคือ พระลักษมีมหาเทวี คอยฝ้าดูแลปรนิบัติอยู่ข้างๆเสมอ พาหนะของพระวิษณุคือ พญาครุฑ พระวิษณุ มีอีกชื่อหนึ่งว่า "หริ" แปลว่าผู้ดูแลแห่งจักรวาลถือเป็นเทพสูงสุด เพราะทุกอย่างเกิดจาก "หริ" โดย"หริ"ได้แบ่งตนเองออกเป็น 3 คือ
    - พระพรหม มีหน้าที่สร้างและลิขิตสรรพสิ่งทั้งปวงในทั้งสามโลก
    - พระวิษณุ หรือ พระหริ มีหน้าที่ดูแลทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อย และสมดุล
    - พระศิวะ มีหน้าที่ทำลายสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงในโลกทั้งสาม

    Mythland | รวมเรื่องลึกลับ - Powered by Discuz! Board
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2014
  9. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  10. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    [​IMG]
    Fast and furious 7 ^_^
    พระเอกวิน ดีเซล และจา
    พนม แอคชั่นถ่ายรูป โดยมีพระหางหมากบูชาไว้ที่มือครับ สาธุๆๆ




    [​IMG]
    Friday, August 30, 2013

    Kurt Russell, Tony Jaa And Ronda Rousey Joining FAST AND FURIOUS 7

    http://celluloidandcigaretteburns.blogspot.com/2013/08/kurt-russell-tony-jaa-and-ronda-rousy.html

    Variety has word that Universal and director James Wan (Conjuring, Saw) are looking to cast cult film legend Kurt Russell (Death Proof, Escape From New York, The Thing) in Fast And Furious 7. Apparently, the role was originally offered to Denzel Washington who passed on it. The seventh installment already has Jason Statham playing the baddie with previous cast members Paul Walker, Vin Diesel and unlikely Dwayne Johnson (might be busy with filming Hercules). Another addition includes Thai action star Tony Jaa, who is set to make his Hollywood debut in the flick ala Jackie Chan/Jet Li. There is also talk MMA Figher Ronda Rousey will have a role as well. It's shaping up that Universal might end up with a PG-13 Expendables film they can sell to kids.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014
  11. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    บทลงโทษของ ล่วงละเมิดต่อลูกเมีย สามี ของผู้อื่น เที่ยวโสเภณี
    vasapo จากหนังสือคัมภีร์ละกาม ของคุณสุเทพ มานีเวศม์ ผู้แปล

    บทลงโทษละเมิดกามในนรก

    --------------------------------------------------------------------------------

    นับจากโบราณกาลมา การผิดประเวณีนับเป็นยอดแห่งความชั่ว บทลงโทษในโลกมนุษย์นับว่าหนักแล้ว แต่บทลงโทษในนรกยิ่งหนักเพิ่มขึ้น วิธีการลงโทษมีหลากหลายดังขยายต่อไป หวังว่าท่านผู้อ่านควรละเว้นทันที

    พี่น้องเสพสุข ตกนรกชั่วนิรันดร หากถึงขั้นฆ่าชีวิตด้วยแล้ว จะถูกฟ้าผ่า ผู้ใดข่มขืนศพหญิง จะตกนรกชั่วนิรันดรเช่นกัน ผู้ใดได้รับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์มาแล้ว จะไม่ถูกฟ้าผ่า ผู้ใดที่มีความกตัญญูจะลดโทษ 4 ส่วน ผู้ใดเคยสร้างบุญใหญ่ 1,500 ครั้งก็ถูกลดโทษ 4 ส่วนเช่นกัน ผู้ใดข่มขืนหญิงหม้าย จะขาดลูกหลานสืบทอดวงศ์ตระกูล ตกนรก 500 ชาติ แล้วเกิดเป็นมด หนอน 500 ชาติ ยังมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก 500 ชาติ จึงเกิดมาเป็นคน มีอาชีพเป็นโสเภณี ผู้ใดได้รับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์แล้ว ลด 100 ชาติ หากมีการฆ่าถึงชีวิต เพิ่มโทษ 5 เท่า ผู้ใดเป็นผู้กตัญญูต่อพ่อแม่และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์กับประเทศชาติลดโทษกึ่งหนึ่ง ประกอบบุญใหญ่ 500 ครั้ง ลดโทษกึ่งหนึ่งเช่นกัน

    หมายเหตุ : บทลงโทษในเมืองนรก คำว่า 1 ชาติ หมายถึง การลงโทษถึงตายแล้วฟื้นคืนกลับมาแล้วรับโทษเหมือนเดิมจนครบกำหนดแล้วโทษนั้นจึงยุติ หากยังมีโทษอื่นอีก ก็ต้องรับโทษในขุมนรกอื่น ๆ ในหนังสือ "บันทึกถ้ำนรก" ได้บรรยายอย่างละเอียด ผู้ใดทำผิดศีลข้อ 3 แล้ว หากสำนึกผิดแล้วหันมาประกอบกรรมดีช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อตายจากโลกมนุษย์แล้ว จะได้รับการลดโทษตามส่วน ผู้ใดไม่สำนึกผิดเลยจนตาย เมื่อตายจากโลกมนุษย์แล้ว จะได้รับการลงโทษจากขุมนรกที่ 1 แล้วยังต้องไปรับโทษขุมนรกอื่น ๆ โทษที่จะได้รับเช่น "แหวกหัวใจ" "คนโลหะ" "ตัดไต" "หนูกัด" "ลงกระทะทองแดง" "รถบด" ฯลฯ

    ผู้ใดทำผิดศีลข้อ 3 ระหว่างพี่น้อง ลูกกับแม่เลี้ยง พ่อผัวกับลูกสะใภ้ ฯลฯ จะตกนรกตลอดกาล เพราะการผิดศีลข้อ 3 ระหว่างหมู่ญาติ นับว่าโทษหนักที่สุด

    เมื่อรับโทษทัณฑ์ครบแล้ว จึงเกิดมาเป็นคน 1 ครั้ง เรียกว่า 1 ชาติ หนังสือ "ตำรับทอง" และ "ตำรับวงเวียน" 2 เล่มนี้ได้บรรยายบทลงโทษอย่างละเอียด กฎเมืองนรกก็มีการลดหย่อนผ่อนโทษเช่นกัน ฉะนั้นเห็นได้ว่า บาปบุญคุณโทษไม่มีการผิดเพี้ยน หากผู้ใดได้อ่านหนังสือ "ตำรับทอง" "ตำรับวงเวียน" และ "บันทึกถ้ำนรก" 3 เล่มนี้แล้ว ยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นในเรื่องกฎแห่งกรรม


    ผู้ใดหลอกข่มขืนหญิงหม้าย

    จะไม่มีลูกหลานสืบตระกูล 2 ชาติ และรับโทษในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 400 ชาติ แล้วจึงเกิดมาเป็นคนพิการ ผู้ใดเคยรับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ ลดโทษ 80 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 4 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีกับเป็นบุตรกตัญญูลดโทษ 70% ผู้ใดเคยสร้างบุญขนาดกลาง 500 ครั้ง ลดโทษ 70% เช่นกัน


    ผู้ใดแทะโลมจนหญิงหม้ายเสียตัว


    จะไม่มีลูกหลานสืบตระกูล 3 ชาติ หลังจากรับโทษในขุมนรกแล้ว มาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 300 ชาติ จึงมาเกิดเป็นคนยากจนแสนเข็ญ ผู้ที่ได้รับโทษในโลกมนุษย์แล้ว จะลด 60 ชาติ หากถึงขั้นฆ่าตาย เพิ่มโทษ 3 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีและเป็นบุตรกตัญญู ลดโทษ 90% ผู้ใดเคยสร้างบุญ 500 ครั้ง ลดโทษ 90% เช่นกัน


    ข่มขืนสาวพรหมจรรย์

    บุตรธิดาจะมั่วกาม ตัวเองจะต้องรับโทษทัณฑ์ในขุมนรก 400 ชาติ แล้วไปเกิดเป็นหนอน เป็นมด อย่างละ 400 ชาติ จึงเกิดมาเป็นคนขี้ข้า (ทาส) ผู้ใดเคยรับโทษในโลกมนุษย์มาแล้ว ลดโทษ 100 ชาติ หากมีการฆ่ากันถึงชีวิต เพิ่มโทษ 4 เท่า ผู้ใดเคยทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ หรือเป็นบุตรกตัญญู ลดโทษกึ่งหนึ่ง เคยประกอบกรรมดี 400 ครั้ง ก็ลดโทษกึ่งหนึ่งเช่นกัน



    ใช้วิธีหลอกลวงข่มขืนสาวพรหมจรรย์

    จะไม่มีลูกหลานสืบตระกูล 2 ชาติ และรับโทษในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 250 ชาติ แล้วจึงมาเกิดเป็นคนขี้โรคอ่อนแอ ผู้ใดเคยรับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ ลดโทษ 70 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 3 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีกับเป็นลูกกตัญญู ลดโทษ 70 % ผู้ใดเคยสร้างบุญขนาดกลาง 400 ครั้ง ลดโทษ 70 %



    ผู้ใดแทะโลมจนสาวพรหมจรรย์เสียตัว

    ภรรยาและบุตรสาวจะต้องชดใช้กรรม และตัวเองต้องรับโทษในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 100 ชาติ แล้วจึงเกิดเป็นคนมีฐานะยากจน ผู้ใดเคยรับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ลดโทษ 40 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 2 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีกับเป็นลูกกตัญญู ลดโทษ 90% ผู้ใดเคยสร้างบุญเล็ก 400 ครั้ง ลดโทษ 90% เช่นกัน

    ข่มขืนเด็กสาว (อายุต่ำกว่า 15 ปี)

    ภรรยาและบุตรสาวจะต้องชดใช้กรรม ตัวเองต้องรับโทษในขุมนรกแล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 350 ชาติ แล้วจึงมาเกิดเป็นคนผู้น้อย ถ้าเคยรับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ ลดโทษ 100 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 3 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีกับเป็นลูกกตัญญู ลดโทษกึ่งหนึ่ง ประกอบบุญใหญ่ 300 ครั้ง ลดโทษกึ่งหนึ่งเช่นกัน

    ใช้วิธีหลอกลวงข่มขืนเด็กสาว (อายุต่ำกว่า 15 ปี)


    ลดอายุ 24 ปี ตายแล้วต้องรับโทษทัณฑ์ในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 100 ชาติ แล้วจึงมาเกิดเป็นคน ไร้คู่ครอง ผู้ใดเคยรับโทษในเมืองมนุษย์มาแล้ว ลดโทษ 30 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 2 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีและเป็นลูกกตัญญู ลดโทษ 70% สร้างบุญขนาดกลาง 300 ครั้ง ลดโทษ 70% เช่นกัน

    ผู้ใดแทะโลมจนเด็กสาวเสียตัว

    ลดอายุ 12 ปี ตายแล้วรับโทษในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 70 ชาติ แล้วจึงมาเกิดเป็นคนมีฐานะยากจน ผู้ใดเคยรับโทษในเมืองมนุษย์มาแล้ว ลดโทษ 20 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 1 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีและเป็นลูกกตัญญู ลดโทษ 90% สร้างบุญขนาดเล็ก 300 ครั้ง ลดโทษ 90% เช่นกัน

    บทลงโทษ 3 ข้อข้างต้น (หญิงหม้าย สาวพรหมจรรย์ และเด็กสาว) มีผลเฉพาะที่ไม่ใช่เครือญาติ หากเป็นวงศาคณาญาติ เพิ่มโทษ 1 เท่า หากเป็นพี่น้องกัน หรือมีเพศสัมพันธ์ระหว่างงานศพ เพิ่มโทษ 3 เท่า หากข่มขืนสาวใช้ รับโทษหนักเช่นกัน ข่มขืนไม่สำเร็จ ลดอายุ 6 ปี หากถึงขั้นเสียชีวิต มีโทษหนักดั่งโทษข่มขืน

    เที่ยวซ่อง 1 ครั้ง ลดอายุขัยครึ่งปี ผู้ใดติดกามโรค ลดอายุขัย 1 ปี หากสำนึกผิด ยกเว้นลดอายุขัย

    รักร่วมเพศ รับโทษดั่งข่มขืนหญิงสาว ถ้าคู่หูเป็นชายอายุต่ำกว่า 15 ปี ถือเป็นเด็กสาว รับโทษดั่งเที่ยวซ่องโสเภณี

    ประพันธ์หนังสือลามก ลดอายุขัย 24 ปี หากมีผู้อ่านอ่านแล้วเกิดไปข่มขืนหญิงอื่น ผู้ประพันธ์จะต้องรับโทษเสมือนหนึ่งเป็นผู้ข่มขืนเอง หากหนังสือลามกไม่ถูกทำลายหมดสิ้น จะไม่ได้ไปผุดไปเกิด ผู้ถ่ายทำหนังลามก รับโทษหนักเหมือนกัน

    เปิดเผยเรื่องลามก ลดอายุขัย 6 ปี ถ้ามีการฆ่าถึงชีวิต ลดอายุขัย 12 ปี คุยเรื่องในมุ้ง มีโทษเช่นกัน หากสำนึกผิด จะได้รับลดโทษบ้าง


    กฎลามกของผู้พิพากษาแซ่ลก (สมัยราชวงศ์ซ้อง) ได้เพิ่มเติมว่า ผู้ใดผิดศีลข้อ 3 จนตั้งครรภ์และทำแท้งถึงขั้นเสียชีวิเต เพิ่มโทษ 1 เท่า

    ผู้ใดข่มขืนเด็กสาวตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะใช้วิธีล่อลวงหรือเกลี้ยกล่อม ให้ถือเป็นคดีข่มขืน หากมีการฆ่าถึงชีวิต เพิ่มโทษ 1 เท่า

    ผู้ใดมีภรรยาและบุตรแล้ว ยังแอบมีภรรยาน้อย 1 คน ลดอายุขัย 2 ปี คนที่มีชื่อเสียงเกียรติยศอยู่แล้ว จะถูกลดชื่อเสียงลง 8 ส่วน แต่ไม่ลดอายุขัย

    หญิงหม้ายใดที่ไม่คิดแต่งงานใหม่ ใช้วิธีหลอกลวงจนได้เสียจะลดอายุขัย 3 ปี หากเธอมีจิตจะแต่งงานใหม่ ไม่ต้องลดอายุขัย

    ผู้ใดแต่งงานกับหญิงหม้าย และไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรธิดาของสามีเก่า 1 คน ลดอายุขัย 2 ปี หากทรมานลูก ๆ ของสามีเก่าจนเสียชีวิต ลดอายุขัย 12 ปี

    สนทนาระหว่างเพื่อนฝูงเรื่องตัณหา 3 ครั้ง ลดอายุขัย 1 เดือน

    นำเพื่อนไปเที่ยวซ่องโสเภณี ลดอายุขัย 3 ปี ผู้ใดมีชื่อเสียงโชคลาภ งดการลดอายุขัย แต่ลาภยศจะเลื่อนเวลาออกไป

    ผู้ใดเห็นหญิงงามเดินผ่านและเหลียวมองอย่างไม่ลดละ 3 ครั้ง ลดอายุขัย 3 เดือน หากหาอุบายตีสนิทแฝงด้วยจิตไม่บริสุทธิ์ 1 ครั้ง ลดอายุขัย 3 เดือน

    ผู้ใดชอบฟังเรื่องลามก 1 ครั้ง ลดอายุขัย 3 เดือน ผู้ที่มีชื่อเสียงเกียรติยศ จะถูกบั่นทอน

    ผู้ใดตั้งใจดูหนังลามก 1 ครั้ง ลดอายุขัย 3 เดือน หากถึงขั้นเสียชีวิต เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน 1 ชาติ

    ผู้ใดชอบอ่านหนังสือลามก 3 ครั้ง ลดอายุขัยครึ่งเดือน ผู้ใดถึงขั้นไม่สบาย ลดอายุขัย 3 ปี

    ผู้ใดชักชวนเพื่อน ๆ รื่นรมย์กับกามตัณหา ถูกลงโทษ 2 ชั้น พ่อหรือพี่ชายไม่ยับยั้งลูก ๆ หรือน้อง ๆ จนหลงกามารมณ์ หรือปล่อยปละละเลยคนใช้รื่นเริงกับกามารมณ์ ถูกลงโทษ 2 ชั้นเช่นกัน


    ผู้พิพากษาแซ่ลกเขียนไว้ว่า โทษทัณฑ์ในเมืองนรกยากต่อการผ่อนปรน โทษของการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างญาติยิ่งหนักกว่าเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้น้อยละเมิดกามต่อผู้ใหญ่ หรือผู้ใหญ่ล่อลวงผู้น้อย เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ต้องรับโทษในขุมนรกทั้งนั้น
    สังคมในมนุษย์ปัจจุบันผู้ผิดศีลข้อ 3 มักเกิดขึ้นกับครอบครัวที่รับราชการ บัณฑิต พวกเขาประพฤติเช่นนี้บ่อยครั้งจนติดเป็นนิสัยจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ก็ยังไม่สำนึกว่าการกระทำของตนนั้นผิด

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจึงได้ทูลพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ (ท้าวสักกะเทวราช) ท่านทรงอนุญาตให้ตีแผ่กฎลงโทษของนรกสู่โลกมนุษย์โดยไม่ปิดบัง เพื่อให้ผู้อ่านจะได้สำนึกผิดและจะได้รับการลดโทษ ผู้ที่มีความจงรักภักดีและกตัญญูได้รับการลดโทษ ผู้ใดเคยสร้างสมบุญกุศลได้รับการลดโทษเช่นกัน

    หากผู้ใดได้อ่านบทความนี้แล้ว ไม่เพียงสำนึกผิดกลับติเตียนทำลาย จะได้รับโทษหนัก หรือถูกฟ้าผ่าตาย

    หากมีผู้ใดเชื่อคำสั่งสอนของบทความนี้ และได้เผยแพร่ให้ผู้อื่นได้ทราบ

    เผยแพร่ 100 คน เพิ่มอายุ 12 ปี
    เผยแพร่ 200 คน ผู้ไร้บุตรจะได้บุตร
    เผยแพร่ 500 คน ยศชื่อเสียงเพิ่มทวีคูณ
    เผยแพร่ 1,000 คน มีชื่อบนสวรรค์ เผยแพร่ทั่วพิภพ ตายแล้วได้จุติเป็นเซียน

    เผยแพร่กับเศรษฐี 10 คน ได้บุญกุศลเท่ากับเผยแพร่กับคนสามัญ 200 คน
    เผยแพร่กับข้าราชการได้บุญกุศลเท่ากับเผยแพร่กับคนสามัญ 100 คน

    ซึ่งบทบัญญัตินี้ท่านพระเจ้าฟู่ยิ่งได้ทูลพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งทรงได้อนุญาตให้เป็นไปตามบทบัญญัตินี้

    (Webmaster : เศรษฐีและข้าราชการเป็นผู้มีเงินและอำนาจ สามารถทำผิดเรื่องกามได้ง่าย หากชี้แนะให้กลับตัวกลับใจได้ จะเกิดบุญกุศลยิ่งใหญ่)

    หมายเหตุ : หนังสือรวมบทกำหนดโทษสุวรรณนี้ มีขึ้นในสมัยพระเจ้าหานฟง ในราชการปีที่ 6 ในราชวงศ์เช็ง

    เทพเจ้าเหวินเชียงเสด็จประทับทรงที่อำเภอฟงหลิน มณฑลหูหนาน ว่า บทบันทึกนี้เป็นบทกำหนดขึ้นโดยพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ (ท้าวสักกะเทวราช) และเก็บรักษาไว้ในกล่องหยก เทพเจ้าเหวินเชียงได้ทูลขออนุญาตนำไปเผยแพร่สู่ชาวโลก เพื่อให้เข้าใจถึงบทลงโทษของเบื้องบนในราชการปีที่ 3 ของพระเจ้าแผ่นดินกวงซุ่ยในราชวงศ์เช็ง ในที่สุดเทพเจ้าบุ๋นและเทพเจ้าบู๊ 2 ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโดยพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ให้นำหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่สู่ชาวโลกได้ หากหนังสือใด ๆ ของเทพยดาทรงแต่งขึ้น ที่ยังมีบางข้อยังไม่สมบูรณ์นั้น หนังสือเล่มนี้จะได้ทดแทนส่วนที่ขาดไป


    พระโพธิสัตว์ฉืออิมได้กล่าวไว้ในขันธ์ 5 ว่า สิ่งที่ยากแก่การเข้าถึง คือความว่างเปล่า นั่นคือรูป ข้าพเจ้าแนะวิธีให้เห็นความว่าง กล่าวคือ ในขณะที่คนเราเริ่มมีความใคร่เกิดขึ้น ให้คิดอยู่เสมอว่า รูปหาใช่รูปแท้ไม่ เพราะจะร่วงลงในที่สุด เมื่อข้าฯ คิดถึงเรื่องกามารมณ์ ก็จะละอายต่อฟ้าปางก่อน 1 ส่วน สติปัญญาและชีวิตของเราก็สูญหายไป 1 ส่วน นาน ๆ เข้าสติปัญญาจะเสื่อมลง ชีวิตก็จะไปไม่รอด นั่นคือรูปไม่แตกต่างจากความว่างเปล่า

    การผิดประเวณีเป็นยอดแห่งความชั่วทั้งปวง คนที่ลุ่มหลงกามารมณ์เป็นผู้ประกอบความชั่วในเบื้องแรก ฉะนั้นควรละเว้นให้ได้ กามราคะเป็นไฟเผาผลาญสุขภาพ เหตุใดคนเราจึงต้องมาลุ่มหลงความไม่เที่ยง หาความงามของสตรีมาละเมิดและทำความชั่ว คนเราตายเพราะสตรีก็มีมากมาย ในที่สุด กามารมณ์ทำให้คู่ครองไม่อาจไปได้รอดฝั่ง นั่นละรูปคือความว่างเปล่า หากมีใครไม่ลุ่มหลงรูปของสตรีก็จะรักษาสุขภาพของตนให้แข็งแรง ฝึกฝนจนเป็นกายพุทธะ หมื่นกัปไม่บุบสลาย หากยังมีชีวิตยืนนานและมีความสดใสของรูปแท้ จึงรู้ได้ว่าความว่างก็คือรูปเช่นนี้จึงจะได้รูปที่สุขสบายท่ามกลางขันธ์ 5 เคราะห์ภัยก็ฉุดช่วยได้เอย

    ที่มา : หนังสือคัมภีร์ละกาม คุณสุเทพ มานีเวศม์ ผู้แปล

    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1646
     

แชร์หน้านี้

Loading...