เรื่องพิเศษ รวมก๋วยเตี๋ยว ที่ไม่ธรรมดา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 25 กุมภาพันธ์ 2006.

แท็ก: แก้ไข
  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อร่อยเด็ด นายอี๊ด ก๋วยเตี๋ยววัดดงมูลเหล็ก

    http://www.posttoday.com/magazine.php?id=23572

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>รายงานโดย :เรื่อง/ภาพ ลีโอ leoken@posttoday.com:

    </TD><TD>วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คนชอบกินก๋วยเตี๋ยวตัวจริงน้อยคนที่จะไม่รู้จัก
     
  2. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    ก๋วยเตี๋ยววัดดงมูลเหล็ก เคยได้ยินพ่อพูดถึง
    นึกว่าเป็นอาหารโบราณ
    ติดต่อธนาคารทหารไทยปากซอยวัดดงมูลเหล็กเป็นประจำ
    ไม่ได้สังเกตุ
     
  3. 我是泰国福建人

    我是泰国福建人 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2008
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +306
    ก๋วยเตี๋ยว บนน้ำ เคยได้ยินไหม
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เด็ดสะระตี่ 15 ร้านมีเส้น
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000151688
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 มกราคม 2552 20:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บะหมี่เกี๊ยวหรูหราก้ามปูอันน่ากินของร้าน "โอเดียน"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> วันเวลาผ่านพ้นไปรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวห้วงเวลาแห่งปีเก่าก็พ้นผ่านไปแล้ว ก้าวเข้าสู่ "ปีใหม่ 2009" ซึ่งพอปีใหม่มาถึงหลายๆ คนคงจะไปเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขกันเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามในปีวัวที่มาถึงนี้ ถือว่าเป็นปีที่เราทุกคนต่างจะต้องช่วยกันทำดี ทำให้ประเทศชาติของเราสามัคคี และรู้จักประหยัดอดออม พอเพียงกับเรื่องของการใช้จ่ายกันมากขึ้นสักหน่อย เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นั่งกินก๋วยเตี๋ยวในบรรยากาศสบายๆ ที่ "บะหมี่มังกรคู่ (ซังเล้ง)" </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ดังนั้นเรื่องของการใช้จ่ายทั้งอุปโภคและบริโภค หากช่วยกันประหยัดก็จะเป็นการดี ฉะนั้นในปีใหม่นี้เราจึงอยากจะชวนทุคนไปฉลองแบบอิ่มท้องและประหยัดเงินกัน โดยเรามีร้านอาหารจากคอลัมน์ "ผ่านมาแวะกิน" มานำเสนอ โดยขอคัดเลือกเอาร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด และอีกหลายร้านอาหารที่ขายเมนูจานเส้นมาแนะนำ ซึ่งล้วนแล้วแต่ชวนกินทั้งนั้น ซึ่งจะมีร้านไหนและเมนูอะไรบ้างนั้น เชิญทัศนากันได้ตามสบาย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บะหมี่เกี๊ยวหมูทอด(บน)เกี๊ยวกุ้งหมูรวม(ล่าง) จากร้าน "บะหมี่มังกรคู่ (ซังเล้ง)" </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> รวมเด็ดร้านก๋วยเตี๋ยว

    "โอเดียน" ร้านนี้โด่งดังในเรื่องบะหมี่เกี๊ยวปู ที่มีก้ามปูทะเลแท้ๆ ก้ามโตๆ ให้เลือกกินกันอย่างจุใจ ใส่มาแบบก้ามใหญ่ๆ ไม่ใช่เศษเนื้อปูหรือวิญญาณปูแบบบะหมี่ปูบางร้าน อีกทั้งบะหมี่ของที่นี่ก็ทำเองเส้นเล็กเหนียวนุ่มกินเข้ากันกับปูสดเนื้อแน่นหวาน ส่วนเกี๊ยวนั้นก็เป็นเกี๊ยวกุ้งลูกโตรสกลมกล่อม และนอกจากบะหมี่เกี๊ยวปูแล้ว ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีก ไม่ว่าจะเป็น บะหมี่เกี๊ยวกุ้งหมูแดง บะหมี่เกี๊ยวหน้าไก่ ข้าวผัดปู หอยจ้อปู ข้าวหน้าไก่ ขนมจีบกุ้งสด กระเพาะปลาน้ำแดง ร้านตั้งอยู่ตรงวงเวียนโอเดียน (ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ) เยื้องรพ.เทียนฟ้า ข้างประตูเล็กวัดไตรมิตร เปิดทุกวัน (หยุดทุกวันอังคารสุดท้ายของเดือน) เวลา 08.30-21.00 น. โทร. 08-6888-2341, 08-4703-4042

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อิ่มกับบะหมี่ที่ร้าน "บะหมี่จับกัง" แถวตั้งฮั่วเส็ง </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "บะหมี่มังกรคู่ (ซังเล้ง)" เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดที่ถ้าใครผ่านมาแถว ม.หอการค้าไทย ไม่ควรพลาดแวะมาฝากท้องอิ่มกับก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด ที่มีให้เลือกกินอย่างหลากหลาย อย่างบะหมี่เกี๊ยวหมูทอด เมนูแปลกไม่เหมือนร้านไหน มีบะหมี่ที่ทางร้านทำเองเส้นเล็กเหนียวนุ่ม มาพร้อมกับหมูชุปแป้งทอดกรอบนอกนุ่มใน หรือจะลิ้มรส เมนูอื่นๆ ก็ชวนกินไม่แพ้กัน อาทิ บะหมี่หมูแดง บะหมี่เกี๊ยวต้มยำ เส้นเล็กต้มยำพริกเผา ข้าวหมูแดงหมูกรอบ ข้าวหมูทอด+ซุปกระดูกหมู ร้านตั้งอยู่ซ.วิภาวดีรังสิต 2 (ซ.หน้าม.หอการค้าไทย) ดินแดง กรุงเทพฯ ร้านบะหมี่มังกรคู่(ซังเล้ง)อยู่ทางขวามือติดกับร้าน 7/11 เปิดทุกวัน เว้นวันอาทิตย์ เวลา 07.00-19.00 น. โทร.08-1116-6886, 08-1777-6996


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เย็นตาโฟน้ำและเย็นตาโฟเส้นใหญ่แห้งจากร้าน "เย็นตาโฟปักกิ่ง"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ก๋วยเตี๋ยวชาติหน้า" เห็นชื่อแล้วอย่าเพิ่งตกใจว่าจะชวนไปกินกันชาติหน้า ขอบอกว่ากินกันที่ชาตินี้แหละ เพราะที่จริงแล้วก๋วยเตี๋ยวชาติหน้าร้านนี้ ก็คือร้าน"ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ เย็นตาโฟ" รสเด็ดอันเลื่องชื่อแถวม.หอการค้าไทย ที่เหล่านักศึกษาและลูกค้าเขาตั้งให้ เพราะบ่อยครั้งเวลามากินก๋วยเตี๋ยวที่นี่ ต้องรอนานเพราะร้านมีลูกค้าเยอะ สำหรับก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดที่ชวนชิมของที่นี่มีมากมาย อาทิ เส้นเล็กต้มยำ เกี้ยมอี๋ต้มยำเย็นตาโฟ เซี่ยงไฮ้ไข่มุกหมูแดงต้มยำน้ำข้น บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงต้มยำ ต้มยำลูกชิ้นทะเล หมี่หยกเกี๊ยวต้มยำ เย็นตาโฟน้ำ-แห้ง ต้มยำเครื่องเย็นตาโฟ และอีกสารพัดเมนูชวนกินซึ่งแต่ละเดือนทางร้านจะคิดค้นหาเมนูใหม่ๆมากำนัลแด่ลูกค้า ร้านตั้งอยู่ที่ซอยวิภาวดีรังสิต 2 ดินแดง กรุงเทพฯ หรือซอย ม.หอการค้าไทย เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ (จะเปิดจันทร์เว้นจันทร์) เวลา 08.00-19.00 น. โทร.08-1570-4299

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ก๋วยเตี๋ยวชาติหน้า" ก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดขายอยู่ที่ข้างม.หอการค้าไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "บะหมี่จับกัง" ข้างตั้งฮั่วเส็ง ร้านนี้เหมาะมากสำหรับนักกินที่ชอบแบบอิ่มท้องคุ้มค่ากับเงินในกระเป๋าอันน้อยนิด เพราะร้านบะหมี่จับกัง ที่ร้านนี้เขาจะขายก๋วยเตี๋ยวแบบให้ปริมาณเยอะเป็นพิเศษ คือให้เส้นเยอะกว่าปกติที่เขาขายกันแบบว่าสั่งมาชามเดียวก็เล่นเอาอิ่มแปล้เลย และเมนูก๋วยเตี๋ยวอันชวนลิ้มรสของที่นี่ก็มี บะหมี่แห้ง ที่ให้บะหมี่ถึง 3 ก้อน คลุกเคล้าปรุงรสใส่แต่หมูแดงที่ทางร้านทำเอง และพิเศษตรงที่มีน้ำหมูแดงจากหมูที่อบราดมาในชามด้วย แล้วถ้าสั่งแบบแห้งทางร้านจะมีน้ำซุปกระดูกหมูเสิร์ฟมาให้ซดน้ำแก้ฝืดคอด้วย และเมนูอื่นก็มี บะหมี่น้ำ บะหมี่เกี๊ยวน้ำ เกี๊ยวแห้ง เกี๊ยวน้ำ ร้านตั้งอยู่ที่ 293 ถ.สิรินธร แขวงบางบำรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ด้านข้างห้างตั้งฮั่วเส็ง เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. โทร.08-7999-6533

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงต้มยำและเกี้ยมอี๋ต้มยำเย็นตาโฟจากร้าน "ก๋วยเตี๋ยวชาติหน้า"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "เย็นตาโฟปักกิ่ง" แค่ชื่อร้านก็บอกได้แล้วว่าถ้ามาที่ร้านนี้ก็จะได้ลิ้มรสกับก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟรสเด็ด ที่ถือว่าเป็นสูตรมาจากปักกิ่งเลยทีเดียว ที่นี่ขายแต่เย็นตาโฟอย่างเดียว เย็นตาโฟของร้านนี้มีเครื่องมากมาย มีทั้งลูกชิ้นปลาที่ทางร้านทำเอง ฮือก๊วย ลูกชิ้นแบนที่มีเห็ดหอมด้วย ปลาหมึกกรอบ เลือด เต้าหู้ เกี๊ยวทอด มีเผือกทอดกรอบใส่มาด้วย และความพิเศษของเย็นตาโฟร้านนี้ก็อยู่ตรงที่ซอสเย็นตาโฟ ที่เน้นใช้เต้าหู้ยี้นำมาปรุงรสชาติและใส่พริกขี้หนูสวนบดลงไป เคี่ยวจนได้ที่เป็นซอสเย็นตาโฟที่มีความเข้มข้น สีสันสวยโดยไม่ได้ใส่สีผสมอาหาร มากินเย็นตาโฟที่ร้านนี้จะสั่งแบบน้ำหรือแบบแห้งก็สั่งได้ตามใจชอบ ร้านตั้งอยู่ที่ 25/47 ถ. บางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับวัดศรีสุดาราม เปิดทุกวัน เวลา 08.00-15.00 น. โทร. 0-2424-9489

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ร้าน "ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาวให้ชิมกัน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวเจ๊แอ๊ด" เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ อันร่มรื่นที่ซ่อนตัวลึก แต่ไม่ลับอยู่ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งที่นี่มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาวรสเด็ด เป็นเมนูของดีอันชวนให้มาลิ้มลองรสชาติ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาว ของที่นี่เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำใส โดดเด่นตรงที่ทางร้านจะปรุงรสชาติต้มยำแบบจัดจ้าน ใช้มะนาวคั้นสดๆ พริกขี้หนูป่นทำเอง ใส่ถั่วลิสงที่คั่วใหม่ๆ ปรุงรสชาติแบบชามต่อชาม และเครื่องก็ใส่มาหลากหลาย มีทั้งหมูสับ หมูหมักลวกสุก ลูกชิ้นหมู และนอกจากก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสเด็ดแล้วก็ยังมีเมนูอาหารจานเด็ดอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูตุ๋น ซี่โครงหมูตุ๋นราดข้าว ยำหนังปลาแซลมอน ยำหมูมะนาว ร้านตั้งอยู่ภายในซอยวัดมะพร้าวเตี้ย บนถ.จรัญสนิทวงศ์ ซ. 13 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น. (หยุดทุกศุกร์สุดท้ายของสิ้นเดือน) โทร. 08-6786-4071


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอันชวนกินของร้าน "ลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ" </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ" เป็นหนึ่งในร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเก่าแก่ลือชื่อแห่งย่านบางขุนนนท์ ที่นี่ขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลารสดีและมีคุณภาพ เพราะทางร้านเลือกใช้เนื้อปลาล้วนๆ ถึง 3 ชนิดนำมาผสมรวมกัน คือมีปลาดาบยาว ปลาหางเหลือง และปลาอินทรี ทำเป็นลูกชิ้น และลูกชิ้นของที่นี่ใช้มื้อปั้นล้วนๆ และไม่ได้ใส่สารแต่อย่างใด ลูกชิ้นปลาของที่นี่มีหลายอย่าง มีลูกชิ้นกลม ลูกชิ้นรักบี้ ลูกชิ้นเหลี่ยมใส่เห็ดหอมกับกุ้งแห้ง ฮือก๊วย ลูกชิ้นกุ้ง เกี๊ยวปลา เส้นปลา และที่นี่ก็มีหลายเส้นให้เลือกสั่งมากิน มีทั้งเส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ขาว บะหมี่ เกี้ยมอี๊ ร้านตั้งอยู่ที่ 61/46 ถ.บางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. เปิดทุกวัน (หยุดเฉพาะช่วงสงกรานต์) เวลา 9.00-18.00 น. โทร. 0-2433-2092, 0-2424-8767, 08-4676-5556 และมีอีก 1 สาขา ตั้งอยู่ที่ถ.พุทธมณฑลสาย 4 โทร. 0-2441-0655, 0-2888-9010

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ร้านก๋วยเตี๋ยว "ลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ" ตั้งอยู่ที่ย่านบางขุนนท์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเจ๊หมวยฯ" หากใครผ่านไปแถววัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน เป็นต้องแวะไปฝากท้องอิ่มกับก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ที่มีลูกชิ้นหมูรสเด็ดให้กินกัน ลูกชิ้นหมูของที่นี่เขาทำเอง ลูกโตเนื้อเนียนแน่นเด้งดึ๋ง โดยไม่ต้องพึ่งสารบอแรกซ์ มีให้เลือกกินทั้งแบบลูกชิ้นหมูธรรมดาและลูกชิ้นเอ็นหมู ซึ่งเมื่อนำมาใส่ในก๋วยเตี๋ยวช่างชวนกิน เพราะว่าเด็ดทั้งก๋วยเตี๋ยวแห้ง ถ้าเป็นและน้ำก็จะได้ซดน้ำซุปกระดูกหมูหอมกรุ่น รสกลมกล่อมโดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม และใช่ว่าจะมีแต่ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเท่านั้น ที่นี่ยังมีเมนูอื่นๆ ให้สั่งมากินอีก อาทิ ลูกชิ้นปิ้ง พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด ยำลูกชิ้น เกี๊ยวทอด มีของหวาน อย่าง ซ่าหริ่ม ลอดช่อง ข้าวเม่า-ข้าวตอก ร้านตั้งอยู่ใกล้กับวัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน อยู่ริมถนนตรงหน้าปากซอยพหลโยธิน 55 เปิดจันทร์-เสาร์ (หยุดวันอาทิตย์) เวลา 08.30-20.00 น. โทร. 08-9920-5568

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เมนูก๋วยเตี๋ยวของร้าน "ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเจ๊หมวย ฯ"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ชินเขต2/8" ใครที่ชื่นชอบกินก๋วยเตี๋ยวร้านแบบรสชาติจัดจ้าน โดนใจ มาที่ร้านนี้ขอบอกว่าไม่ผิดหวัง เพราะก๋วยเตี๋ยวเรือของร้านนี้ปรุงได้ถึงรส ถึงเครื่อง โดยไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย เมนูเด่นๆ ที่ชวนกินก็มี เส้นหมี่เนื้อแห้ง ที่เส้นหมี่ถูกลวกจนเหนียวนุ่มพอดี ใส่ทั้งลูกชิ้น เนื้อสดที่เหนียวนุ่ม เนื้อและเนื้อเปื่อยที่ใช้เวลาตุ๋นนานกว่า 3 ชม. หากใครไม่กินเนื้อ ที่นี่ก็ยังมี ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมูเป็นอีกตัวเลือก อย่างเส้นใหญ่หมูแห้ง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อิ่มท้องกับ "ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ชินเขต2/8"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> และถ้าใครกังวลว่าที่นี่จะปนหมูกับเนื้อ หายห่วงได้ เพราะก๋วยเตี๋ยวที่นี่จะแยกเป็นสองหม้อ คือหม้อเนื้อกับหม้อหมู เพื่อให้ลูกค้าเลือกกินได้ตามใจไม่ปะปนกัน ร้านตั้งอยู่ที่ 117/151 อยู่ตรงปากซอยชินเขต 2/8 ถ.งามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. เปิดทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์ เวลา 08.30-15.00น. โทร.08-5845-5241, 08-1291-2340

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ร้อนๆ จากร้าน "ชลธิชา"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ชลธิชา" ร้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในเรื่องก๋วยเตี๋ยวคั่วอันหลากหลาย หากใครเป็นแฟนก๋วยเตี๋ยวคั่วร้อนๆ หอมๆ แล้วล่ะก็ต้องไม่พลาดที่จะมาที่ร้านนี้ เพราะว่ามีก๋วยเตี๋ยวคั่วให้เลือกสั่งมากินมากมาย อาทิ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ คั่วหมู หรือว่าคั่วทะเล ก๋วยเตี๋ยวคั่วรวมมิตร ความเด่นของก๋วยเตี๋ยวคั่วที่ร้านนี้เห็นจะอยู่ตรงที่รสชาติอันลูกลิ้น เป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วเส้นใหญ่ที่คั่วได้แห้งเหนียวนุ่ม ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ และพิเศษตรงที่ ก๋วยเตี๋ยวคั่วของที่นี่จะใส่ปาท่องโก๋ทอดกรุบกรอบมาให้กินแกล้มคู่กันด้วย และนอกจากก๋วยเตี๋ยวคั่วแล้วที่นี่ยังมี สุกี้ที่มีทั้งแห้งและน้ำเป็นอีกเมนูเด็ด มีกระเพาะปลา ผัดพริกหมูราดข้าว ผัดขี้เมาเส้นใหญ่ ราดหน้าเส้นใหญ่ และยังมีเต้าทึงร้อนและเย็น ให้กินกันอีกด้วย ร้านตั้งอยู่ที่ 63/8-9 ถ.อำนวยสงคราม ดุสิต บางกระบือ กทม. เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. โทร. 0-2244-8887, 0-2244-8777, 08-1372-2115

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"กวยจั๊บอ้วนโภชนา" กวยจั๊บเจ้าดังย่านเยาวราช</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> รวมมิตรเมนูเส้น จากหลายร้านเด็ด

    หลังจากแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดกันไปหลายร้าน และหลายเมนูก๋วยเตี๋ยวที่ชวนกินมากมายแล้ว คราวนี้มากินเมนูจานเส้นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวกันบ้าง มาดูกันดีกว่าว่าจะมีเมนูเส้นๆ จากร้านไหนที่ชวนไปกินกันบ้าง

    "กวยจั๊บอ้วนโภชนา" เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ที่ตั้งอยู่หน้าโรงหนังไชน่าทาวน์ราม่า ตรงเยาวราช มีชื่อเสียงมานานในเรื่องของกวยจั๊บน้ำใส ที่ถ้าใครชื่นชอบกินกวยจั๊บร้อนๆ หอมกรุ่นพริกไทย มาที่นี่แล้วจะได้สมใจปาก เพราะที่นี่ขายกวยจั๊บน้ำใสอย่างเดียวที่ชวนกินแบบสุดๆ ซึ่งกวยจั๊บน้ำใสของที่นี่ใช้เส้นใหญ่อย่างดีทำให้เส้นเหนียวนุ่มไม่เกาะกัน ไม่เละแฉะ ในชามมีหมูกรอบที่หนังกรอบเนื้อนุ่ม มีเครื่องในสารพัดอย่างทั้งกระเพาะหมู ลิ้นหมู หัวใจหมู ตับหมู ปอดหมู กระดูกหมูอ่อน และโดดเด่นที่น้ำซุปซดร้อนๆ รสเข้มข้น เผ็ดร้อนพริกไทย และยังมีอีกหนึ่งความพิเศษ คือมีปาท่องโก๋กรอบตัวเล็กไว้ให้ใส่กินคู่กวยจั๊บด้วย การเดินทางมาที่ร้านตรงจากวงเวียนโอเดียนมาเรื่อยๆร้านจะอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามห้างขายทองเลี่ยงเซ่งเฮง ร้านอยู่หน้าโรงหนังไชน่าทาวน์รามา (นิวแหลมทอง) เปิดทุกวัน เวลา 18.00-03.00 น. วันหยุดไม่แน่นอน โทร.08-6508-9979

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อิ่มกับกวยจั๊บญวนร้อนๆ ของร้าน "แดงก๋วยจั๊บญวน"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "แดงก๋วยจั๊บญวน" ร้านนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกินกวยจั๊บญวน หรือที่เรียกอีกชื่อว่า "ข้าวเปียก" เพราะว่าที่ร้านนี้มีกวยจั๊บญวนรสเด็ดให้ได้ลิ้มชิมรสชาติกัน ซึ่งกวยจั๊บญวนของที่นี่มีความพิเศษโดดเด่นกว่าร้านอื่นๆ ก็ตรงที่เครื่องที่ใส่มาในกวยจั๊บญวนนั้นมีมากมายหลายอย่าง จนเรียกได้ว่าเป็นกวยจั๊บญวนทรงเครื่องก็ว่าได้ ที่สำคัญกวยจั๊บญวนของที่นี่เขาให้เส้นกวยจั๊บญวนสดๆ ที่สั่งมาจากอุบลราชธานี ส่วนเครื่องที่ใส่มาก็มีให้เลือกมากมาย (สามารถเลือกได้ตามใจชอบ) มีหมูยอเนื้อพริกไทยดำจากอุบลราชธานี มีหมูตุ๋น หมูเด้ง ไข่นกกระทา เห็ดหอม หอมใหญ่ ผักชีฝรั่ง ต้มหอม และหอมเจียวหอมๆ ร้านตั้งอยู่ที่ 32 ถ.พระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. จุดสังเกตร้านอยู่เยื้องกับปั๊มปตท. เปิดทุกวันเวลา 11.00-22.00 น. โทร. 08-5246-0111

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กวยจั๊บน้ำใสและเกาเหลาหมู ที่ร้าน"เฮียเล็ก เกาเหลาหมู 3 อย่าง"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "เฮียเล็ก เกาเหลาหมู 3 อย่าง" เห็นแค่ชื่อก็คงจะเดาได้ว่าที่ร้านนี้ต้องมีเกาเหลาหมูรสเยี่ยมให้ได้กินกัน แต่ว่าที่นี่ก็มีเมนูเส้นๆ อย่าง กวยจั๊บน้ำใส ที่มีรสชาติเด็ดที่ชวนกินไม่แพ้กัน เพราะเส้นกวยจั๊บของที่นี่เนื้อเนียนนุ่ม ใส่เครื่องมาสารพัดอย่างสั่งมากินแล้วอิ่มท้องกันไป และสำหรับเมนูเกาเหลาหมู 3 อย่างที่เป็นเมนูชูโรงของที่นี่ ก็มีความเด่นอยู่ตรงที่เครื่องทั้ง 3 อย่าง ที่มีหมูชิ้น หมูสับ และหมูกรอบ ที่ทางร้านทำเองทุกอย่าง และมีน้ำซุปใสๆ ร้อนๆ ที่ซดแล้วรสเผ็ดร้อนพริกไทย และส่งกลิ่นหอมพริกไทยอ่อนๆ ขึ้นจมูก และถ้าใครชอบกินเครื่องใน ที่ร้านนี้ก็มีเครื่องในให้กินกัน มีกระเพาะ เลือด ปอด ไส้ ตับ หัวใจ ลิ้น ม้าม และเซี่ยงจี๊ ร้านตั้งอยู่กลางตลาดพาหุรัด เข้าทางซ.การไฟฟ้า และเลี้ยวซ้ายเข้ามาในตลาด จากนั้นก็ถามทางไปร้านเฮียเล็กได้เลยเพราะคนส่วนใหญ่รู้จักหมด เปิดทุกวัน (หยุดเฉพาะวันพุธ) เวลา 07.30-17.00 น. โทร. 08-9663-7063


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ราดหน้ารสดีของร้าน "ราดหน้ายอดผักวัชรพล"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ราดหน้ายอดผักวัชรพล" เป็นอีกหนึ่งร้านราดหน้าชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่ผู้คนที่อยู่อาศัยแถววัชรพล ต่างรู้จักกันดีว่าที่นี่มีราดหน้า รสกลมกล่อมที่ชวนกิน ราดหน้าของที่นี่จะทำแบบจานต่อจานไม่ได้ทำแบบหม้อใหญ่ๆ และมีให้เลือกกินทั้งเส้นใหญ่ เส้นหมี่ หรือว่าหมี่กรอบ ทางร้านจะผัดเส้นก๋วยเตี๋ยวคั่วด้วยไฟแรงๆ จนได้ที่สุกหอมและเหนียวนุ่ม แล้วก็มีน้ำราดหน้ารสกลมกล่อมเหนียวหนืดกำลังดีราดมา สำหรับราดหน้าที่น่าลองลิ้มรสก็มี ราดหน้าทะเล ราดหน้าใส่ไข่ ราดหน้าหมู ราดหน้ารวมมิตร แล้วก็ยังมีเมนูอื่นนอกจากราดหน้าที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอให้ชิมกันอีก อาทิ ผัดซีอิ้ว หมูแดง-หมูหรอบ เปาะเปี๊ยะสด ร้านตั้งอยู่ที่ 126/82-83 ถ.รามอินทรา ซ.วัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. จุดสังเกตอยู่ตรงข้ามกับเสถียรธรรมสถาน เปิดทุกวัน เวลา 08.30-21.00 น. โทร. 0-2945-5144

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บ๊วยเกี้ยเย็นๆ กินแล้วชื่นใจ ที่ร้าน "บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "บ๊วยเกี้ยสูตรไหหลำ เจ๊น้อย" เห็นชื่อร้านอาจจะงงหรือสงสัยว่าร้านนี้ขายอะไร ที่จริงแล้วร้านนี้เขาขาย "โบ๊กเกี้ย" "โบ๊ะเกี๊ย" หรือ"บ๊วยเกี้ย" เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งของคนจีนไหหลำ ที่ค่อนข้างจะหากินได้ยากแล้วในบ้านเรา แต่ว่าถ้ามาที่ร้านนี้รับรองว่าจะได้กินบ๊วยเกี๊ย ขนมหวานที่มีลักษณะเป็นแป้งปั้นเป็นตัวเส้นสั้นๆ คล้ายลอดช่องแต่ว่ามีสีขาว ซึ่งที่นี่ทำแป้งบ๊วยเกี้ยเอง และปั้นเองด้วยมือแบบสดใหม่ทุกวัน และบ๊วยเกี๊ยนั้นก็ยังมีเครื่องอย่างอื่นใส่มาด้วย ไม่ว่าจะเป็นมันเชื่อม ถั่วแดงต้มเม็ดเล็ก แปะก๊วย เฉาก๊วย ลูกชิด ถั่วลิสงคั่ว แล้วก็ราดด้วยน้ำเชื่อมที่มีให้เลือก 2 แบบคือ น้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทรายแดง หรือที่เรียกว่าโอทึ้งเคี่ยวใส่ใบเตย และน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายขาว แล้วก็ใส่น้ำแข็งป่น ได้ลิ้มรสบ๊วยเกี้ยหอมหวานเย็นชื่นใจ ร้านตั้งอยู่ที่ 267/3 ถ.เจริญกรุง 67 (หรือตลาดแสงจันทร์) แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. เปิดทุกวัน เวลา 12.00-22.00 น. โทร.0-2211-4812, 08-7823-1884

    และทั้งหมดนี้ก็ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จากใจ ที่เราอยากมอบให้มิตรรักกินนักกินทั้งหลาย ได้เลือกไปอิ่มอร่อยกับนานาเมนูอาหารจานเส้นที่ชวนกินมากมาย ขอให้อิ่มหนำสำราญปากกันเต็มที่ ต้อนรับปีวัว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวปลา “ปิรันย่า” ขวัญใจเด็กสยาม ต่อยอดตลาดครอบครัว
    http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000002128
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 มกราคม 2552 09:31 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวปลาต้มยำน้ำข้น </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อแปลก อย่าง “ปิรันย่า” แจ้งเกิดในย่านสยามสแควร์ ด้วยจุดขายชื่อร้านแสบซ่าสะกิดความสนใจ ประกอบกับลูกชิ้นสูตรเฉพาะ และรสชาติจัดจ้าน จนก้าวเป็นขวัญใจวัยรุ่นย่านนั้นอย่างรวดเร็ว

    เส้นทางธุรกิจต่อจากนั้น เจ้าของธุรกิจอย่าง “ชัยรัตน์ ลิขิตอำนวยพร” เรียนรู้และพัฒนาเมนู ควบคู่กับสร้างแบรนด์ เสริมให้ชื่อ “ปิรันย่า” ไม่เป็นเพียงแค่ก๋วยเตี๋ยวสำหรับวัยรุ่นเท่านั้น แต่กลายเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเพื่อทุกคนในครอบครัว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชัยรัตน์ ลิขิตอำนวยพร เจ้าของร้าน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เจ้าของร้าน เล่าที่มาของร้าน เกิดจากครอบครัวทำธุรกิจผลิตลูกชิ้นปลาเพื่อขายส่งมายาวนาน นับถึงปัจจุบันครบ 30 ปีพอดี โดยเมื่อ พ.ศ. 2543 อยากเพิ่มช่องทางใหม่ๆ ในการกระจายสินค้า จึงลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท เช่าพื้นที่ในย่านสยามสแควร์ เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ นักเรียนกวดวิชา และผู้ปกครองที่มารับส่ง

    “จากที่มีวัตถุดิบลูกชิ้นปลาอยู่แล้ว ผมก็คิดว่า ขยายธุรกิจโดยเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวง่ายที่สุด ถึงจะไม่มีความรู้การทำก๋วยเตี๋ยวมาก่อน แต่อาศัยสอบถามจากผู้รู้ แล้วมาประยุกต์เป็นสูตรของตัวเอง เน้นรสเผ็ดจัด ให้เหมาะกับลูกค้าวัยรุ่น อีกทั้ง พยายามเน้นเมนูเย็นตาโฟ ซึ่งยังไม่มีคู่แข่งมากในตลาด ผลปรากฎว่า ร้านประสบความสำเร็จสูงมาก”


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ลูกชิ้นปลาทำมาจากปลาหางเหลือง ปลาดาบ และปลาอินทรี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตาม ระยะแรก ยังไม่มีชื่อร้านหรือชื่อแบรนด์แต่อย่างใด จนถึงจุดที่ต้องการให้ร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้าง หวังปูทางให้ธุรกิจยั่งยืน จึงตั้งชื่อร้านว่า “ปิรันย่า” สื่อถึงลูกชิ้นทำจากปลา และรสชาติเผ็ดจัด ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะของปลาปิรันย่าที่ดุร้าย

    “ต้องยอมรับว่า เวลานั้น ผมยังทำธุรกิจแบบไม่มีหลักการมากนัก อาศัยทำไปเรียนรู้ไป การตั้งชื่อร้านปิรันย่า ก็คิดเอง ไม่ได้คำนึงว่าจะกลายเป็นภาพลบ ซึ่งถือเป็นโชคดีของผม เพราะลูกค้าหลัก คือ วัยรุ่น การใช้ชื่อแรงๆ เช่นนี้ กลับเป็นผลดี ช่วยให้ร้านได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=410 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=410>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภายในร้านสาขา เสรีเซ็นเตอร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนั้น การใช้ชื่อร้านปิรันย่า ช่วยขยายลูกค้าใหม่ๆ ที่เดินทางจากต่างถิ่นพร้อมคำถามว่า “ลูกชิ้นทำมาจากปลาปิรันย่าหรือเปล่า?” เมื่ออธิบายข้อเท็จจริงว่า ลูกชิ้นทำจากส่วนผสมของปลาหางเหลือง ปลาดาบ และปลาอินทรี การตั้งชื่อปิรันย่าเพียงสร้างสีสันเท่านั้น อีกทั้ง เมื่อลูกค้า กลุ่มนี้ได้ลองชิมรสชาติ มักติดใจกลายเป็นขาประจำ แถมไปบอกต่อ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตขึ้นเป็นทวีคูณ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=410 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=410>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เมนูลูกชิ้นทอด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หลังร้านที่สยามสแควร์ ประสบความสำเร็จอย่างสูง ชัยรัตน์ขยายสาขาไปหลายแห่ง ปัจจุบัน มี 6 แห่ง ได้แก่ สยามสแควร์ ซ.9 ,ท๊อปส์ ซูเปอร์มาร์เกต สุขาภิบาล 3, เสรีเซ็นเตอร์ , อุดุมสุข ,โรบินสันรัชดา และเซ็นทรัลพระราม 3

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=420 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=420>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทั้งนี้ จากประสบการณ์ทำงานจริง ในการขยายสาขาที่ผ่านมา เจ้าของร้านตระหนักว่า ลำพังแค่ชื่อร้านที่มีสีสันไม่พอจะช่วยให้ธุรกิจสำเร็จได้เสมอไป จำเป็นต้องมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบมากมาย หนึ่งในนั้น คือ การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง รวมถึง ปรับรูปแบบร้านให้เหมาะสมกับทำเลแต่ละแห่ง และรองรับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น

    “ปัจจุบัน ลูกค้าหลักของก๋วยเตี๋ยวปิรันย่า ได้เปลี่ยนเป็นกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่กว้างและยั่งยืนมากกว่า เมื่อขยายสาขาออกไป ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับลูกค้าแต่ละแห่ง เช่น เดิมรสชาติจะเผ็ดจัดอย่างเดียว ก็ปรับให้เผ็ดลดลงกินกันได้ทั้งครอบครัว และใช้ลูกชิ้นประยุกต์เป็นเมนูอื่นๆ รวมถึง เสริมเมนูข้าว อาหารจานเดียว ขนมหวาน และเครื่องดื่ม รวมถึงเมนูพิเศษเจาะจงบางสาขา”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หน้าร้านสาขาสยามสแควร์ ซ.9</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ชัยรัตน์ ระบุต่อว่า ในร้านมีเมนูประมาณ 40 รายการ ราคาเริ่มต้นที่ 20 – 60 บาท มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ต้มยำน้ำใส-น้ำข้น ข้าวขาหมู ข้าวหมูทอด ลูกชิ้นทอด เกี๊ยวซ่า ฯลฯ ซึ่งความหลากหลายช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากสั่งอาหารมากขึ้น เข้าร้านแต่ละครั้ง เฉลี่ยใช้จ่ายประมาณ 100 บาทต่อคน

    เมื่ออาหารมีหลายรายการ เพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุดิบเหลือค้าง และบริการเสิร์ฟช้า ต้องมีระบบบริหารจัดการที่ดี โดยพยายามให้แต่ละเมนูมีวัตถุดิบพื้นฐานใกล้เคียงกัน อีกทั้ง กรรมวิธีการปรุงไม่แตกกันเกินไป นอกจากนั้น นำระบบครัวกลางมาใช้ โดยส่งวัตถุดิบของสด และเครื่องปรุงกึ่งสำเร็จรูปจากโรงงานส่วนกลางกระจายไปสาขาต่างๆ ช่วยให้ทุกสาขารสชาติอาหารเป็นหนึ่งเดียว และสามารถบริการปรุงเสิร์ฟได้รวดเร็ว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ปรุงแบบครัวเปิด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในแง่ปัญหาธุรกิจ สิ่งที่ยากที่สุด คือ การบริหารบุคลากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งส่วนงานบริการ และการผลิต โดยปัจจุบันร้านฯ มีพนักงานรวมประมาณ 40 คน หลักที่ใช้พยายามให้ทำงานอย่างมีความสุข และมีผลตอบแทนเหมาะสมกับความสามารถ และอายุงาน เช่น คนลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว ซึ่งอยู่มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก ทุกวันนี้ ได้เงินเดือนสูง กว่า 27,000 บาท

    ด้านแผนธุรกิจในปีนี้ (2552) จะเน้นจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง เช่น โปรโมชั่น ก๋วยเตี๋ยวชามละ 30 บาท ทุกวันที่ 30 ของเดือน และขยายเพิ่ม 2 แห่ง ตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งปีประมาณ 50 ล้านบาท และแม้ปัจจุบัน เศรษฐกิจชะลอตัว และการแข่งขันสูง ทว่า หากสร้างแบรนด์ให้ลูกค้ารู้จัก และยอมรับ ขายราคาเหมาะสม โอกาสประสบความสำเร็จยังมีอีกมาก เพราะก๋วยเตี๋ยวเป็นเมนูที่ทุกคนคุ้นเคย และชื่นชอบ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หน้าร้านสาขาเสรีเซ็นเตอร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทั้งนี้ แนวทางสร้างความต่างให้แบรนด์ “ปิรันย่า” จะมุ่งพัฒนาลูกชิ้นปลาให้แปลกใหม่ และหลายหลาก เสนอตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลูกชิ้นปลาอย่างชัดเจน รวมถึง เตรียมนำลูกชิ้นที่ผลิตจากโรงงาน ซึ่งได้มาตรฐาน GMP บรรจุซองวางขายภายในร้านแต่ละสาขา และเมื่อสินค้าเริ่มติดตลาด จะส่งเข้าห้างโมเดิร์นเทรดต่อไป


    **********************************

    โทร.08-1684-1435

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,239
    หิวจัง
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    "ราดหน้าเนื้อ"รสเด็ด "ซอย6โภชนา"สามย่าน
    หนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์ : ครบทุกรส สดทุกเรื่อง==


    อิ่มอร่อย




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในย่านตลาดเก่าสามย่าน ด้านหลังเป็นอาคารพาณิชย์เก่าที่ตั้งมานานกว่า 40 ปี บริเวณนี้มีร้านอาหารจานเด็ดที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อจนถึงทายาทรุ่นลูก

    ตั้งอยู่ใกล้ถนนพระราม 4 (ปากซอยจุฬา 11) ตรงข้ามกับที่ทำการพรรคเพื่อไทย

    คุณวีระ พึ่งไทยเจริญ หนุ่มใหญ่ เจ้าของร้านและพ่อครัวของร้าน กล่าวว่า ร้านเปิดบริการมานานกว่า 40 ปี โดยคุณพ่อเป็นผู้บุกเบิก ใช้ชื่อร้านว่า "ซอย 6 โภชนา" โดยมีอาหารจานเด็ดคือ "ราดหน้าเนื้อสูตรกวางตุ้ง"

    ลูกค้าหลักเป็นเหล่านิสิตจุฬาฯ ที่อยู่ใกล้ๆ รวมถึงลูกค้าจากพื้นที่ไกลที่ตั้งอกตั้งใจมาชิมรสชาติราดหน้าของที่ร้าน

    หากใครมาช่วงเที่ยงๆ ต้องใจเย็นนิดหนึ่ง เพราะลูกค้าแน่น
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เบื้องหลังความอร่อยของราดหน้าเนื้อที่นำเสนอโดยร้าน "ซอย 6 โภชนา" คือผัดทีละจาน

    เนื้อวัวของทางร้านเป็นเนื้อหมักสูตรพิเศษจะมีความนุ่มกว่าเนื้อวัวทั่วไป ส่วนเส้นผัดให้ได้เกือบเกรียม

    ผัก แต่เดิมใช้ผักกวางตุ้ง แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ผักคะน้าแทนตามความนิยมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป

    คุณวีระเผยเคล็ดลับว่า เวลาปรุงใช้ไฟแรงและใส่เครื่องปรุง อาทิ ซีอิ๊วขาวอย่างดี เต้าเจี้ยวตามสูตร

    ส่วนใครที่ไม่กินเนื้อทางร้านก็มีเนื้อหมู กุ้งและปลาหมึก ตามความต้องการ รสชาติเท่าเทียมกัน

    จานต่อมาขอแนะนำ "โกยซีหมี่สูตรโบราณ"

    ร้านใช้เส้นบะหมี่สูตรฮ่องกงทำมือ ปรุงอาหารจานนี้ โดยลวกเส้นก่อน จากนั้นจึงผัดให้เกรียมหอม ก่อนราดน้ำที่ใส่หน่อไม้อย่างดี รวมถึงกุยช่ายขาว หัวหอม เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ตามที่ลูกค้าสั่งไม่ว่าจะเป็นหมู เนื้อ กุ้ง ปลาหมึก
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    รสชาติโกยซีหมี่ของที่นี่กลมกล่อม และขอแนะนำให้ใส่พริกไทยโรยหน้าก่อนชิม เพื่อให้มีรสเผ็ดปลายลิ้น นอกจากนี้ควรใส่จิกโฉ่ว หรือซอสเปรี้ยว เข้ากันดีกับจานนี้

    ส่วนอีกหนึ่งจานเด็ด ต้องยกให้ "เป็ดไล่ทุ่งย่าง" ทางร้านคัดเป็ดไล่ทุ่งพันธุ์เชอร์รี่ น้ำหนักตัวละ 2.2 กิโลกรัม มาย่างด้วยไม้โกงกางในถังไม้

    เนื้อเป็ดที่ย่างออกมาเนื้อนุ่มไม่ด้าน เพราะเป็นเป็ดธรรมชาติ รสชาติดีมาก กินคู่กับน้ำจิ้มซีอิ๊วดำสูตรของร้าน เข้ากันได้อย่างดี

    สั่งได้แบบทั้งตัว หรือสั่งกินคู่กับข้าว เป็น "ข้าวหน้าเป็ด" หรือ "บะหมี่หรือเกี๊ยวเป็ดย่าง" ซึ่งมีทั้งเส้นสีเหลืองหรือเส้นสีเขียวหยกทางร้านก็มีบริการ

    ส่วนน้ำซุปของร้านเป็นน้ำซุปที่ทำมาจากการต้มซี่โครงเป็ด กลมกล่อมหอมฉุย

    สุดท้ายหากใครนั่งรออาหารจานหลักอยู่ ที่ร้านซอย 6 โภชนาการ ก็มี "ขนมจีบหยก" ให้ลองชิม ใครว่างลองไปแวะชิมได้

    ราคาอาหารที่ร้านก็ไม่แพง เริ่มจาก 35 บาทขึ้นไป ส่วนใครต้องการเหมาเป็ดไปทั้งตัว ราคา อยู่ที่ 390 บาท

    นอกจากเมนูเด็ดที่แนะนำ ยังมีอาหารตามสั่งอีกหลายรายการที่ทางร้านมีให้บริการ

    เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.00-22.00 น. สอบถามได้ที่โทร. 0-2216-0866
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เด็ด! ขนมจีนเส้นสด-สารพัดน้ำยา
    http://www.innnews.co.th/nanajobs.php?nid=150995


    ขนมจีนเส้นสด”บวกกับสารพัด น้ำยา-น้ำพริก..โอกาสทำเงินเป็นกอบเป็นกำก็ไม่ยาก...

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD height=5></TD></TR>



    <!-- Show Image -->
    [​IMG]


    <!-- End Show Image -->


    </TBODY></TABLE>


    มีเส้นขนมจีนแล้วก็ต้องมีน้ำยา-น้ำพริก-แกงให้เลือกหลากหลาย เช่น น้ำพริกกุ้งสด, น้ำยากะทิปลาช่อน, แกงไตปลา, น้ำยาปักษ์ใต้, แกงป่า, แกงเขียวหวาน, ซาวน้ำ และน้ำเงี้ยว

    สำหรับผักสด-ผักลวก เช่น ผักบุ้งหั่นแล้วลวก, ถั่วงอกลวก, ใบแมงลัก, แตงกวาหั่น, ผักกาดดองหั่น, หัวปลีหั่นฝอย, ถั่วฟักยาวหั่น, กะหล่ำปลีปีหั่น,มะละหั่น ฯลฯ

    เครื่องเคียง-เครื่องปรุงของขนมจีนซาวน้ำ และน้ำยาอื่น ๆ เช่น พริกน้ำปลา, น้ำตาล, พริกป่น, พริกขี้หนูแห้งทอด, กุ้งแห้งป่น, มะนาวสดผ่าซีก, พริกขี้หนูซอย, กระเทียมซอย, สับปะรดสับ, ขิงซอย ใส่โถวางไว้ด้วย ส่วนน้ำกะทิต้ม ไข่ต้ม และต้นหอม-ผักชี จะเสิร์ฟพร้อมขนมจีน

    การทำ “น้ำยากะทิปลาช่อน” วัตถุดิบหลัก ๆ ก็มี ปลาช่อน 2 กก., น้ำกะทิ 2 กก., กะปิ, น้ำตาล, เกลือ และน้ำพริกเครื่องแกงซึ่งมีส่วนผสมของตะไคร้ซอย, ข่าซอย, หอมแดง, พริกขี้หนูแห้ง, ผิวมะกรูด, กระชาย และพริกไทยดำ ปั่นหรือตำให้ละเอียด

    วิธีการทำ...เริ่มจากนำปลาช่อนมาขอดเกล็ด ควักไส้ล้างให้สะอาด ตัดหัวและพุงแยกออก ตัวหั่นเป็นสองท่อน นำไปต้มในน้ำเดือด เติมเกลือเล็กน้อย เมื่อสุกแล้วยกลง ตักปลาขึ้นตั้งพักไว้ให้เย็น แกะเอาแต่เนื้อมาโขลกรวมกับน้ำพริกเครื่องแกงและกะปิที่เตรียมไว้ จากนั้นนำน้ำกะทิใส่หม้อตั้งไฟ แล้วเอาเนื้อปลาที่โขลกรวมกับน้ำพริกเครื่องแกงลงไปคนละลายให้ทั่ว ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ชิมรสตามชอบ พอเดือดก็ยกลง

    “น้ำยาปักษ์ใต้” มีขั้นตอนการทำเหมือนกับน้ำยากะทิปลาช่อน ต่างกันตรงน้ำพริกเครื่องแกงปักษ์ใต้ไม่ใส่กระชาย แต่จะใส่ขมิ้นแทน

    “น้ำยาป่า” ก็มีวิธีการทำเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่ใส่กะทิเท่านั้น แต่ใช้น้ำต้มปลาแทน

    “น้ำพริก” ส่วนประกอบก็มี ถั่วเขียว ถั่วลิสง กะทิ ลูกมะกรูด เนื้อกุ้งสับหรือเนื้อหมูสับ น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก หอมแดงซอย

    วิธีทำคือ...นำถั่วเขียว ถั่วลิสงมานึ่งแล้วนำไปบด จากนั้นเอากะทิตั้งไฟ พอเดือดใส่ถั่วที่บดเตรียมไว้ลงไป ตามด้วยเนื้อกุ้งสับ หอมแดง และลูกมะกรูดผ่าซีก เพื่อให้มีความหอมอร่อย แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก ชิมให้ได้สามรส เปรี้ยว-หวาน-เค็ม พอเดือดยกลง โรยด้วยหอมเจียว

    “น้ำเงี้ยว” ส่วนประกอบมี เนื้อหมูสับ กระดูกหมูอ่อน เลือดหมู มะเขือเทศสีดา ดอกงิ้ว ต้นหอม-ผักชี น้ำปลา น้ำตาล เกลือ และน้ำพริกเครื่องแกงที่มีส่วนผสมของพริกแห้งเม็ดใหญ่ ตะไคร้ซอย กระเทียม หอมแดง และเต้าเจี้ยว โขลกจนละเอียด

    วิธีการทำ...เริ่มจากนำกระดูกหมูอ่อนไปต้ม เคี่ยวด้วยไฟปานกลางจนเปื่อย แล้วนำน้ำพริกเครื่องแกง-ดอกงิ้วไปผัดกับน้ำมันพืช เมื่อหอมได้ที่ดีแล้วใส่หมูสับลงไปผัดให้เข้ากัน แล้วนำเครื่องทั้งหมดตักใส่ลงหม้อที่ต้มกระดูกอ่อน ใส่มะเขือเทศ เลือดหมูหั่น เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20 นาที ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย

    ส่วนเส้นขนมจีน
    1. แป้งสำเร็จรูป 40 กิโลกรัม
    2. น้ำสมุนไพร : น้ำใบเตย , น้ำแครอท , น้ำอัญชัญ ,ดอกคำฝอย, ชาเขียว หรือ อื่น ๆ
    3. น้ำต้มสุก 4 ลิตร

    อุปกรณ์
    1. เครื่องตีแป้ง
    2. กระป๋องบีบเส้น หรือ เครื่องโรยเส้น
    3. เขียงและมีด
    4. เครื่องกรองกาก
    5. เครื่องปั่น
    6. หม้อและเตาแก๊ส

    ขั้นตอน
    1. ลางถุงกระสอบแป้งให้สะอาด แล้วใสถุงแป้งขนมจีนลงในน้ำเดือด ต้มทิ้งเอาไว้ประมาณ 30-40 นาที

    2. นำขึ้นจากหม้อต้ม แล้วทิ้งให้เย็น เพื่อให้น้ำแห้ง

    3. นำแป้งใส่ลงในเครื่องนวดประมาณ 20 นาที โดยให้แป้งรวมตัวกัน ระหว่างนวดให้ใส่น้ำลงค่อย ๆ ใส่ลงไปด้วย

    4. ระหว่างรอนวดแป้ง ก็จะมาทำน้ำสมุนไพร โดยจะสาธิตการทำ น้ำใบเตย การทำคือ นำใบเตยมาหั่นฝอย

    5. นำใส่เครื่องปั่นพร้อมกับเติมน้ำ ต้มสุกลงไป

    6. ทำการปั่นให้ใบเตยละเอียด

    7. เทใส่เครื่องกรองเพื่อแยกกาก แยกน้ำ โดยนำแต่น้ำเท่านั้น ส่วนกากทิ้งไป

    8. เทน้ำใบเตยลงไปในเครื่องตีแป้ง โดยค่อย ๆ เทใส่ลงไประหว่างเครื่องกำลังนวดแป้งอยู่ อย่าเทลงไปเยอะทีเดียว ต้องค่อย ๆ เท เพื่อให้ น้ำใบเตย ค่อย ๆ เป็นเนื้อเดียวกันกับแป้ง

    9. ปล่อยให้เครื่องตีแป้งจนเข้ากัน เป็นอันเสร็จ วิธีการนวดแป้งโดยใช้เครื่องนวด หรือ หากเรานวดแป้ง แล้วเป็นแป้งขาวไว้ก่อน ก็สามารถนำน้ำสมุนไพรมาใส่ทีหลังได้ ซึ่งจะทำโดยการผสมแยกออกมา ไม่ต้องใส่เครื่องนวดแป้งก็ได้ ก็จะได้แป้งขนมจีนแครอท ได้เช่นกัน

    10. ทำการโรยเส้นลงในน้ำเดือด 100 องศา

    11. ก่อนโรยแป้งขนมจีน จะต้อง วนน้ำในหม้อ 2-3 รอบ แล้วค่อย ๆ ปล่อยแป้งขนมจีนออกจากกระป๋องบีบเส้น การกดกระบอกบีบ ก็ควรอย่าให้เส้นขาด จะได้เส้นที่สวยงาม

    12. ทิ้งไว้ 1 นาทีในน้ำเดือน แล้วช้อน เส้นขึ้นมา แล้วนำไปล้างน้ำเย็น ทันทีเพื่อให้เส้นเหนียวนุ่ม

    13. พอล้างให้น้ำเย็นแล้วก็ เทเส้นลงไปในน้ำสะอาด อีก 1 ครั้ง

    14. จากนั้นวิธีการจับเส้นขึ้นมาจากน้ำ ก็ใช้วิธีการพัน หรือ ม้วนจัดเรียงให้สวยงามสวยงาม

    สถานที่ซื้อวัสดุอุปกรณ์ :

    เครื่องจักร- เวิ้งกรุงเกษม ,

    แป้งสำเร็จ – ตัวแทนจำหน่าย

    แป้งขนมจีนสำเร็จรูป ทั่วไป
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ฝึกเคล็ดลับเสริมเมนูเก่า เพิ่มรส "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น"
    http://www.komchadluek.net/2009/01/1...01_332063.php?

    [​IMG]


    เพื่อบั้นปลายชีวิตหลังเกษียณมีอาชีพทำแก้เหงา โดยหวังแค่แต่ละวันมีรายได้เล็กๆ น้อยๆ ทำให้อาจารย์ อมรัตน์ อมร ในวัย 52 ปี ข้าราชการครูสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน กทม. เปิดร้านขาย "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น"


    เสริมด้วย โดยอาศัยความชอบเมนูนี้เป็นการส่วนตัว พร้อมใช้เวลาว่างวันหยุดเดินสายฝึกเคล็ดลับความอร่อย กระตุ้นยอดขาย ส่งให้มีรายได้เพิ่มเท่าตัว
    อ.อมรัตน์ เล่าว่า ยึดทำเลห้องแถวชั้นเดียวริมถนนสามัคคี เยื้องสนามกีฬาประชานิเวศน์ 2 อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ขาย "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น" มากว่า 4 ปี การค้าขายก็ไปได้เรื่อยๆ โดยมีลูกน้องคอยช่วย 2 คน เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดความคิดให้ลูกค้ามีทางเลือกในความอร่อยและเป็นการกระตุ้นยอดขายไปในตัวด้วย จึงใช้วันหยุดเข้าฝึกอาชีพในโครงการของ "คม ชัด ลึก" เมนู "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น" โดย จริยา อ่อนอุไร เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นนายดำ ย่านศรีนครินทร์ พร้อมนำเคล็ดลับที่ได้ปรับใช้กับเมนูเดิมจนเป็นที่ถูกปากนักชิม กระทั่งปัจจุบันขยายพื้นที่ในทำเลเดิมเป็น 2 ห้องแถว รองรับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น

    [​IMG]



    "การเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวถือเป็นการลงทุนที่เสี่ยง เพราะนอกจากจ่ายค่าห้องเช่าเดือนละ 6,000 บาทแล้ว ยังจ่ายค่าแรงลูกน้องอีก 2 คน คนละ 5,000 บาท ซึ่งจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะ ที่ต้องสำรองไว้เป็นทุนหมุนเวียนประจำวันอีก ยิ่งช่วง 2-3 เดือนแรกค่อนข้างมีปัญหา หลักๆ เป็นเรื่องรสชาติซึ่งต้องปรับปรุงตลอด" อ.อมรัตน์ แจงและว่า นั่นไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป หลังเธอได้เข้าฝึกอบรมในโครงการดังกล่าว และยอมรับว่าได้ประโยชน์มาก เพราะสามารถนำเทคนิคและเคล็ดลับการทำและปรุงรสมาปรับใช้กับเมนูของร้านได้เป็นอย่างดี
    "เท่าที่สอบถามลูกค้า แทบทุกรายจะบอกรสชาติของที่ร้านอร่อย แต่เพื่อความอร่อยให้ถูกปากลูกค้ายิ่งขึ้น จึงเอาเคล็ดลับที่อบรมมาปรับใช้ ที่เน้นคือน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ก่อนไปทำงานประมาณตีห้าครึ่ง หรือหกโมงเช้า พี่จะเข้าไปที่ร้านเพื่อปรุงเตรียมไว้ให้ลูกน้อง" เธอกล่าว พร้อมบอกว่า ตรงนี้ถือเป็นเคล็ดลับความอร่อย ซึ่งเมื่อใส่ผสมกับเส้น เนื้อตุ๋นที่ใช้เวลาตุ๋นนานนับสิบชั่วโมงและอื่นๆ ซึ่งเป็นเครื่องเคียงแล้ว รสชาติจะลงตัวพอดี

    ถึงวันนี้ อ.อมรัตน์ บอก กิจการไปได้ดี มีลูกค้าขาประจำ ขาจร แวะชิมไม่ขาดสาย มีเมนูที่เป็นเนื้อตุ๋นและลูกชิ้นเนื้อกว่า 10 เมนู ให้เลือก ราคาตั้งแต่ 20-30 บาท โดยร้านเปิดบริการ 08.30-20.00 น. ทุกวัน หยุดทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน ส่วนรายได้เฉลี่ย เธอบอก ไม่ต่ำกว่าหลักหมื่นบาททุกเดือน ซึ่งก็พออยู่ได้ในสภาพที่วัตถุดิบทุกชนิดมีราคาสูงเช่นปัจจุบัน "ตอนนี้ได้ขยายร้านเป็น 2 คูหาแล้ว อยู่ถัดจากร้านเดิมประมาณ 4-5 ห้องแถว กว้างขวางกว่าเดิม ท่านใดที่ผ่านไปทางแถวประชานิเวศน์ 2 อย่าลืมแวะให้การอุดหนุนด้วย รับรองบริการสุดฝีมือ" อ.อมรัตน์ แจงและบอกด้วยความใจดีสำหรับผู้ที่ต้องการจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเมนูนี้ ก็โทรไปได้ที่ 0-1619-4364 ยินดีให้คำปรึกษาทุกคน สำหรับหลักสูตร "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ/หมูตุ๋นสูตรนายดำ" จริยา อ่อนอุไร วิทยากรเจ้าเดิม จะมาบอกเคล็ดลับความอร่อยอีกครั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ในโครงการ "คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ" สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2338-3356 และ 0-2338-3357
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  11. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    สารพัดก๋วยเตี๋ยว นำเสนอโดย หนุ่มหล่อ
    เห็นแล้วอดกลั้นน้ำลายไม่ให้ไหลย้อยลงมาได้
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 27678.gif
      27678.gif
      ขนาดไฟล์:
      20.6 KB
      เปิดดู:
      1,667
    • 1138301965.gif
      1138301965.gif
      ขนาดไฟล์:
      27.4 KB
      เปิดดู:
      1,647
    • 1170588421.gif
      1170588421.gif
      ขนาดไฟล์:
      1.2 KB
      เปิดดู:
      1,982
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อร่อยก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ชิมสายบัวผัดปลาทูรสเด็ด
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=68185&NewsType=2&Template=1


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมเป็นคนที่โชคดีมากเวลาผมทำรายการโทรทัศน์ เนื่องจากงานของผมมีหลายอย่างจึงต้องไปถ่ายทำล่วงหน้าเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ก่อนที่จะได้ออกอากาศ เพราะว่าถ้าผมไม่ได้ทำล่วงหน้าไว้อย่างนี้ ผมจะไม่มีโอกาสไปทำงานที่อื่นได้เลยทั้งที่ต่างประเทศและต่างจังหวัด

    ก่อนสิ้นปีผมได้ถ่ายทำรายการโทรทัศน์ช่วงใหม่สำหรับปีใหม่ไว้ ผมเลือกไปที่ จ.นคร สวรรค์ เพราะว่ามีเพื่อนซึ่งมีร้านเป็นซูเปอร์มาร์เกตอยู่ที่นั่น และเป็นผู้พาผมไปเที่ยว กิน ถ่ายทำโทรทัศน์ แถมยังได้กินอาหารที่อร่อยด้วย

    ร้านแรกที่ไปกินข้าวกลางวันกันนั้นชื่อว่า ร้านหลีลูกชิ้นปลา ร้านนี้เปิดมานานแล้วครับ ลูกชิ้นปลาของเขามีชื่อเสียงมาก ร้านนี้ทำธุรกิจแบบเศรษฐกิจพอเพียงเพราะว่าถึงแม้ว่าลูกชิ้นปลาจะขายดี เขาก็ไม่ขยายกิจการมีเท่าไหร่ ทำได้เท่าไหร่ ถ้าจะให้ทำอีกต้องจองไว้

    เขามีร้านขายก๋วยเตี๋ยวด้วย รสชาติอร่อย มี บะหมี่หมูแดง หมี่ขาวแห้งลูกชิ้นปลา เกี๊ยวน้ำลูกชิ้นปลากับหมู เส้นเล็กน้ำลูกชิ้นปลาและหมู น้ำซุปเป็นน้ำที่ต้มด้วยกระดูกหมู เพราะว่าหวานธรรมชาติไม่ต้องใส่น้ำตาล กลมกล่อมอร่อยมากครับ

    ที่นั่นมีขนมหวานด้วยนะครับ อร่อยมาก ใครไปทานก๋วย เตี๋ยวที่นี่อย่าลืมทานขนมหวานด้วยนะครับ พอทานกันอิ่มหนำ สำราญเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ่ายทำรายการโทรทัศน์กันต่อ หลังจากนั้นไปทานอาหารเย็น เป็นร้าน เล็ก ๆ อยู่ริมแม่น้ำ เรียกว่า เอส แอนด์ วี อยู่ริมแม่น้ำ อาหารร้านนี้อร่อยมากครับ ร้านนี้มีน้ำพริกเต็มไปหมด เด็กสมัยนี้คงไม่กินน้ำพริกกันแล้วแต่ผมถือว่าผมเป็นคนไทยและคนไทยไม่กินน้ำพริกไม่ได้ ต้องกินให้เป็น เพราะว่าเป็น 1 ใน 5 อาหารหลักที่เรากินกัน

    ร้านนี้มีน้ำพริกทุกอย่าง ที่ผมสั่งมี น้ำพริกปลาร้าผัด มี ปูหลน มี ปลาอินทรีหลน รวมทั้ง น้ำพริกกุ้งสด ทุกสิ่งทุกอย่างช่าง อร่อยเหลือเกิน แต่ที่ผมต้องบอก ว่าผมเห็นในเมนูแล้วผมขอกินเพราะเป็นเมนูแนะนำ ซึ่งผมรู้สึกว่าเป็นอาหารที่แปลกจริง ๆ คือ สายบัวผัดปลาทู เป็นปลาทูนึ่งนะครับ เอามาผัด ผมไม่เคยเห็นมาก่อนอร่อยเหลือเกินผมนึกว่าผมกินคนเดียว หันไปดูทุกคนกินกันหมดเลย ผมคิดว่าอาหารจานนี้ของร้านนี้อร่อยที่สุดเลยครับ

    นอกจากนี้ยังมี ปลาแดงตัวเล็กทอดสมุนไพร มี ทอดมันปลากราย อร่อยทุกจาน แต่ผมขอพูดเรื่องเด่น ๆ คือ มีของแปลกมาให้กิน เป็นไข่เจียวครับที่เขาเรียกว่า แกงเขียวหวานไข่เจียว เขานำแกงเขียวหวานราดบนไข่เจียวแปลก ดีนะครับ ยังมี ปลาช่อนพล่าตะไคร้สมุนไพร เต้าเจี้ยวหลน รสชาติใช้ได้ครับ

    มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมต้องเรียนเพื่อน ๆ ว่า ถ้าไปร้านนี้ลองกินดูคือ หมูสับผัดปลาเค็ม คล้ายกันกับหนำเลี้ยบผัดกับหมูสับ แต่นี่หมูสับผัดปลาเค็ม กินแล้ว รสชาติดีครับ มีหอมแดงสับเป็น ชิ้นเล็ก ๆ มีพริกสับ มีมะนาว กินคลุกกับข้าวร้อน ๆ อร่อยมาก ครับ ถ้าผมไม่ได้ให้พวกหลาน ๆ พาผมไปกินผมคงไม่รู้ว่าร้านนี้ อร่อย และขอแนะนำนะครับว่า ถ้าเพื่อน ๆ แวะไปอย่านึกว่า จ.นครสวรรค์ ไม่มีอะไรอร่อย ๆ กินจริง ๆ แล้ว เป็นจังหวัดที่มีอะไรอร่อยกินหลายแห่งเลยทีเดียว ฉะนั้นอย่าลืมแวะกินนะครับ แล้วฝากความรักและความคิดถึงทางร้านด้วยนะครับ ถ้าเป็นไปได้ช่วยหอบหมูสับผัดปลาเค็มกับสาย บัวผัดปลาทูมาให้ผมด้วยนะครับ เพราะอร่อยเหลือเกินครับ.
    หมึกแดง
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตามหาที่มาก๋วยเตี๋ยวเนื้อ

    http://www.posttoday.com/magazine.php?id=29282

    ผมชอบกินก๋วยเตี๋ยว ที่ถือว่าเป็นอาหารจานด่วนเบ็ดเสร็จ มีก๋วยเตี๋ยวหลายประเภทและมีที่อร่อยๆ ให้เลือกมากมาย กินอิ่ม ราคาพอประมาณถูกบ้างแพงบ้าง ก็อยู่ในขั้นพอใจจ่าย กระเป๋าไม่ฉีก


    ครั้งนี้เลยจะพูดถึงเรื่องก๋วยเตี๋ยว แต่ถ้าเป็นเรื่องก๋วยเตี๋ยวที่มีกินๆ กันอยู่ คงเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเมืองไทยนี้เป็นประเทศอภิมหาซูเปอร์เอกซ์ตราสารพัดก๋วยเตี๋ยว เลยจะว่าถึงเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้ออย่างเดียว
    [​IMG]

    สาเหตุที่เจาะจงเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก็เพราะเมื่อกินเฝอหรือก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่เมืองลาวนั้น ก็นึกว่าในเมืองไทยน่าจะมีเฝอหรือก๋วยเตี๋ยวเนื้อเพิ่มขึ้นอีกอย่าง ซึ่งผมว่าน่าจะดีอย่างน้อยมีการกินผักสดควบไปด้วย เพราะเฝอหรือก๋วยเตี๋ยวเนื้อนั้นหนักเรื่องผักสด แถมเป็นผักพื้นบ้าน ซึ่งมีประโยชน์ทางคุณค่าอาหารอยู่แล้ว
    แล้วอีกอย่างถ้าเราเก็บก๋วยเตี๋ยวจากที่อื่นๆ เข้ามาเป็นอาณานิคมไทย อีกหน่อยเราจะได้เป็นเจ้าโลกของก๋วยเตี๋ยว เราเอาทางดีอย่างอื่นไม่ได้ก็เอาอย่างนี้แหละ
    กลับมาถึงเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อของไทย ผมหาที่มาที่ไปของก๋วยเตี๋ยวเนื้อไม่ได้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จริงอยู่ว่าก๋วยเตี๋ยวในเมืองไทยนั้นเกิดขึ้นมา 2 ทาง ทางแรกหรืออย่างแรกนั้นเกิดในเรือหรือก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งน่าจะเกิดก่อนด้วย เพราะระบบสังคมไทยเป็นสังคมชาวน้ำ ค้าขายของใช้ ของกิน และชุมชนใหญ่ๆ นั้นเป็นชุมชนเรือนแพอยู่ในน้ำทั้งสิ้น ก๋วยเตี๋ยวเป็นธุรกิจของคนจีนขายเร่ไปตามชุมชนในน้ำ เป็นเรือก๋วยเตี๋ยวหมู ที่เป็นหมูเพราะคนจีนนั่นแหละเลี้ยงหมู ขายหมู และคนไทยดั้งเดิมไม่กินเนื้อครับ
    ทางที่สองที่ขายบนบก ต้องเป็นชุมชนคนจีนก่อน ซึ่งผมพยายามหาจากหนังสือเก่าๆ โดยเฉพาะหนังสือ 80 ปีของข้าพเจ้า โดยขุนวิจิตรมาตรา ซึ่งเสมือนเป็นพงศาวดารชีวิตของคนจีน คนไทย ในเมืองหลวงเมื่อ 100 ปีก่อน ซึ่งท่านขุนฯ บรรยายว่า คนจีนที่เป็นกุลีอยู่ตามย่านโกดังสินค้าแถวราชวงศ์นั้น กินข้าวต้มจากร้านข้าวต้มกุ๊ยและข้าวเฉโปหรือข้าวเสียโปที่หาบเร่ขายเป็นหลัก ท่านขุนฯ ไม่ได้พูดถึงก๋วยเตี๋ยวแต่อย่างใด
    เมื่อไม่พบหลักฐานอะไรก็มาเอาของใกล้ตัวผมเอง เมื่อตอนที่ผมเป็นเด็ก จะได้กินก๋วยเตี๋ยวนั้นต้องเป็นตอนเย็นๆ ค่ำๆ ครับ คนจีนจะหาบก๋วยเตี๋ยวขาย จะมีแต่บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงเท่านั้น และจะรู้ว่าหาบก๋วยเตี๋ยวมาหรือยังต้องฟังเสียงเคาะไม้ ที่มีอาตี๋ใช้ไม้ไผ่สองอันเคาะล่วงหน้ามาก่อน นี่ก็ไม่มีก๋วยเตี๋ยวเนื้ออีกเช่นเคย
    ผมมากินก๋วยเตี๋ยวเนื้อตามร้าน ก็เนื่องจากพ่อผมชอบไปเวิ้งนาครเกษม ทุกครั้งที่ผมไปด้วยต้องไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อตลาดปีระกา เป็นก๋วยเตี๋ยวมีเนื้อสด เนื้อเปื่อย เครื่องใน ส่วนใหญ่จะกินเกาเหลาและกินกับข้าว พ่อผมยังบอกว่าคนทำงานใช้แรงงานชอบกินเพราะถูก กินเกาเหลาชามหนึ่ง กินข้าวหลายๆ ชาม ก็อิ่มแล้ว
    ฉะนั้นก๋วยเตี๋ยวเนื้อยุคแรกๆ จึงน่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวแบบนี้นี่เอง ซึ่งก็แบบนี้เองที่มีมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
    พอผมเรียนหนังสือ ไปไหนมาไหนเองแล้ว ก็ยังไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อตลาดปีระกาอยู่ เดี๋ยวนี้ผ่านไปทางนั้นก็ยังกิน ร้านนี้ยังใช้ได้จะเด่นเรื่องเอ็นเนื้อ เปื่อยมากเวลากินกุบกับดี
    ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อแบบเนื้อสดเนื้อเปื่อย เครื่องใน แบบเดียวกันนี้ มีผุดขึ้นหลายที่ ถ้าที่ไหนอร่อยขึ้นชื่อคนก็จะแห่ตามไปกิน ไม่ว่าใกล้ไกลขนาดไหน สมัยก่อนมีร้านก๋วยเตี๋ยววัดดงมูลเหล็กดังมาก ใครไม่ได้ไปกินจะถูกหาว่าเชย
    อีกร้านหนึ่งที่ชอบไปกินอยู่ใกล้ๆ ประตูทางออกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ รู้สึกชื่อ มิตรโภชนา (ถ้าจำไม่ผิด) เดี๋ยวนี้ยังไปกินอยู่บ้าง
    มาถึงยุคต่อมา เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อแบบรสเด็ดมีหลายร้านครับ เป็นสไตล์เดียวกัน แถมต้องใช้คำว่าเด็ดอยู่ด้วย จากรสเด็ดก็เป็นดีเด็ด ผมไปกินร้านที่อยู่ซอยอารีย์เยื้องๆ กับธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ สะพานควาย
    เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อแบบน้ำข้นๆ ออกหวาน จะต้องกินเส้นหมี่ เนื้อสดและตับเหมือนเป็นสูตรสำเร็จ ก๋วยเตี๋ยวแบบนี้ที่เด็ดคือเผ็ดระเบิด เป็นพริกขี้หนูสดบดดองน้ำส้ม ถ้าเขาใส่มาในชามเป็นได้เรื่อง แต่ถ้าไม่เผ็ดก็ไม่อร่อยครับ ผมต้องใช้วิธีบอกว่าไม่ใส่พริกแล้วมาใส่เองจากขวดเครื่องปรุง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อแบบนี้ต้องกินอย่างน้อย 3 ชาม เพราะแต่ละชามมันน้อยมาก ที่เหมาะกันอีกอย่างคือต้องกินโอเลี้ยงแก่ๆ ด้วย
    เมื่อก่อนร้านแบบนี้มีหลายร้าน ตรงมักกะสันใกล้ๆ สามแยกดินแดงก็มีแต่ก็เลิกไปแล้ว ส่วนร้านที่ซอยอารีย์ยังมีอยู่หรือเปล่าไม่รู้เพราะไม่ได้ไปมานานมาก ไม่ใช่ทางผ่านของผมเลยไม่รู้เรื่องร้านนี้
    ตอนนี้ถ้าอยากกินจะไปที่หลังสยามสแควร์ตรงใกล้ๆ ทางรถออกทางด้านถนนพญาไท นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วยังขายข้าวหน้าไก่ห้าแยกด้วย
    ยังไงก็ยังไม่ตัดขาดกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อแบบเดิม พวกเนื้อสดเนื้อเปื่อยเครื่องใน กินเกาเหลากับข้าวทำนองนั้น
    ในขบวนร้านที่ชอบมากที่สุด ชื่อกอเต็กเชียง ที่เมืองทอง ตรงถนนเส้นหลักที่จะออกไปยังถนนติวานนท์ ที่จะต้องผ่านตึกสูงๆ เป็นแถวนั่นแหละร้านนี้สังเกตง่าย ถ้าเริ่มต้นผ่านตึกสูงๆ ทางขวามือเมื่อไหร่ ก็จะถึงร้านที่อยู่ตรงซ้ายมือ อร่อย แต่ก็เอาเรื่องเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ชามพิเศษราคา 60 บาทแล้ว
    ย่านที่มีก๋วยเตี๋ยวเนื้อแบบเดียวกันนี้มีมากที่สุดต้องถนนนครชัยศรี จากข้ามทางรถไฟสามเสนไปร้านแรก อยู่เยื้องๆ กับกรมสรรพสามิต ใช้ได้ครับ
    พอข้ามสะพานราชวัตรไปอีกนิดเดียวก็มีอีกร้านหนึ่ง จะเรียกกันว่าก๋วยเตี๋ยวหน้าขาว เพราะอาเฮียคนขายนั้นหน้าจะขาวๆ ซึ่งชื่อนี้มาจากนักเรียนวชิราวุธรุ่นก่อนๆ เป็นคนตั้งชื่อไว้ นี่ก็อร่อยใช้ได้ อาเฮียหน้าขาวนั้นเมื่อก่อนขายไปบ่นเมียไป เดี๋ยวนี้เลิกบ่นเพราะไม่รู้เมียไปไหน
    เยื้องๆ อยู่ฝั่งตรงข้ามกันก็มีอีกร้านหนึ่ง เหมือนกันเด๊ะ คนกินชอบร้านไหนก็กินร้านนั้น
    ที่ตลาดศรีย่านก็มีอีกร้านหนึ่ง แต่จะไม่เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวเนื้อทั่วไป เป็นลูกชิ้นเนื้อน้ำใสมีเนื้อสดด้วย นี่ก็เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้ออีกแบบหนึ่ง ผมชอบกินร้านนี้ครับ เพราะหากินยากและร้านนี้ก็ใช้ได้เลย ที่จริงยังมีอีกเยอะครับ ยังมีก๋วยเตี๋ยวเรือที่เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นอีกรูปแบบอย่างหนึ่ง สรุปว่าแค่ก๋วยเตี๋ยวเนื้ออย่างเดียวก็ยังกินไม่หวาดไหว ต้องค่อยๆ หาที่กินไปเรื่อยๆ สนุกกับก๋วยเตี๋ยวเนื้อครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ข้าวซอยต้นน้ำ บ้านๆ อร่อยได้ใจ

    http://www.posttoday.com/magazine.php?id=29281

    ชอบหน้าหนาวจริงๆ เล้ยยยย แต่ภายใต้เงื่อนไขต้องสุขภาพแข็งแรง แล้วจะอยู่ภายใต้อากาศหนาวอย่างเป็นสุข

    ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องออกกำลังกันแล้วล่ะซี เที่ยวและกินอาหารอร่อยก็ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวใช่ม้า หุหุ ความเชื่อส่วนตัวสไตล์เพนฟิ่น

    [​IMG]


    เมื่ออากาศหนาวยังเป็นใจอยู่เช่นนี้ จะมีอะไรเพลิดเพลินใจเท่ากับไปเยือนเมืองเหนือ เลือกจุดหมายปลายทางไปยัง จ.น่าน เพราะได้ยินชื่อเสียงด้านความงดงามด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรมด้านพุทธศาสน์มานานแล้ว วัดวาอารามที่นี่สวยทั้งในรูปแบบล้านนา และผสมผสานกับยุคสุโขทัย แล้วคำร่ำลือนี้ก็สมคำเมื่อได้ไปเห็นของจริงอยู่ตรงหน้า การท่องเที่ยวดูวัดต่างๆ ใน อ.เมือง จ.น่าน ใช้วิธีเดิน หรือขี่รถจักรยานน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะการวางแผนผังแต่ละวัดดูเป็นระเบียบ ถนนหนทางเดินเชื่อมถึงกันได้ แม้จะเหนื่อยสักหน่อยแต่ทำให้ได้ออกกำลังกาย และสัมผัสบรรยากาศเมืองน่านได้อย่างแท้จริง
    เสบียงที่เตรียมกันไว้แต่เช้าจากตลาดยามรุ่งอรุณ ประเภท หมูปิ้ง ไส้อั่ว ข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่ม อีกทั้งส้มสีทองส้มขึ้นชื่อของ จ.น่าน หมดหายไปในพริบตา แต่การเดินเที่ยวยังไม่จบสิ้น ถึงมื้อกลางวันท้องก็เริ่มส่งเสียงอุทธรณ์ เลยต้องเริ่มมองหาร้าน และในเมื่อมาทางเหนือทั้งที เพื่อนร่วมทางเลยออกความคิดว่าก็ต้องลองอาหารพื้นเมืองอย่าง ข้าวซอย
    ในช่วงเดินจากวัดภูมินทร์ไปยังวัดมิ่งเมือง ทั้งสองวัดนี้อยู่บนถนนสุริยพงศ์ เล็งร้านไว้แล้ว เห็นป้ายติดเมนูอาหารจานเดียวไว้ 4-5 ชนิด และหนึ่งในนั้นคือข้าวซอย ซึ่งเพนฟิ่นไม่ค่อยชอบข้าวซอยนัก แต่เมื่อเพื่อนๆ ชอบกันก็เป็นอันว่าตกลง เพราะเมนูอื่นๆ ก็มี

    [​IMG]

    หลังจากไหว้พระที่วัดมิ่งเมือง พร้อมทั้งสักการะศาลหลักเมือง ก็เลยย้อนกลับมายังร้านที่หมายตา จึงได้รู้ว่าชื่อร้าน
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขนมจีนน้ำพริก
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=189281&NewsType=1&Template=1

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ผ่านไปหยกๆ สำหรับเทศกาลตรุษจีน หรือ วันขึ้นปีใหม่จีน หลายคนก็คงหาโอกาสไปทำบุญรับปีใหม่ หรือบางคนก็หาโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวในวันหยุดยาว จะเดินทางไปไหนมาไหน ก็ควรระมัดระวัง เพราะช่วงเศรษฐกิจถดถอย พวกมิจฉาชีพก็มักจะใช้โอกาสนี้ซ้ำเติมเรามากขึ้น ทางที่ดีจะทำอะไรต้องไม่ประมาท แต่ไม่ใช่วิตกจริตกลัวไปซะทุกอย่าง
    [​IMG]

    สำหรับสัปดาห์นี้ 'จานโปรด' มีเมนูอร่อยๆ มาฝากอีกเช่นเคย กับ 'ขนมจีนน้ำพริก' อาหารที่หลายคนรู้จักกันดี แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักวิธีการทำ เอาเป็นว่าเราไปเตรียมเครื่องปรุง ส่วนผสมกันก่อนเลยค่ะ

    เครื่องปรุง ส่วนผสม
    - ขนมจีน
    - กะทิ 1/2 โล
    - กุ้งนางเอาแต่เนื้อกุ้งสับละเอียด 300 กรัม
    - ถั่วเขียวลอกเปลือกคั่วบด 2 ขีด
    - น้ำพริกเผา 1 ถ้วย
    - น้ำส้มมะขาม
    - น้ำตาล
    - เกลือ
    - กระเทียมเจียว
    - หัวหอมเจียว
    - ใบผักชี
    - ลูกมะกรูด 1 ลูก
    - ผักเครื่องเคียง อาทิ ผักกระถิน ผักกระเฉด หัวปลี ผักบุ้งไทยซอยเป็นเส้น ถั่วพลูหรือถั่วฝักยาวซอย
    - พริกแห้ง

    ลงมือเข้าครัว
    - นำถั่วเขียวที่เตรียมไว้ไปเคี่ยวจนเละ หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาหลังจากที่ต้มจนถั่วเขียวนิ่ม ก็นำไปปั่นให้เละ พักไว้
    - ตั้งกระทะ เทกะทิใส่ลงไป เคี่ยวจนแตกมัน จากนั้นนำถั่วเขียวที่ละเอียดแล้วใส่ลงไป ตามด้วยกุ้งสับ และน้ำพริกเผา คนให้เข้ากัน
    - รอจนเดือด ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และน้ำส้มมะขาม ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวานเท่าๆ กัน
    - จากนั้นผ่ามะกรูดออกเป็น 2 ส่วน แกะเม็ดออก นำลงไปลอยในน้ำพริก โรยด้วยกระเทียมเจียว หัวหอมเจียว และใบผักชี
    - สำหรับผักเครื่องเคียง นอกพริกแห้งแล้ว จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ผักดิบ เช่น กระถิน ผักกะเฉดหั่นเป็นข้อๆ หัวปลีหั่นฝอย ส่วนที่ต้องผัดน้ำมันคือ ผักบุ้งไทยและถั่วฝักยาว

    ดูเหมือนจะยุ่งยากหลายขั้นตอน แต่การทำอาหารทานเองที่บ้านนั้น นอกจากจะเป็นช่องทางในการเสริมสร้างสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว เรายังได้ทานอาหารที่สะอาด ถูกหลักอนามัยอีกด้วย สำหรับสัปดาห์หน้าจะเป็นเมนูอะไรนั้น ต้องคอยติดตาม...

    'จานโปรด'
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เย็นตาโฟวัดแขก
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB6TUE9PQ

    สวรรค์ในครัว

    เขียง มะขาม




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คุณอาคนเล็กที่เคยเปิดร้านอาหารขายดิบขายดีจนเบื่อ แล้วเลยเลิกทำ

    เคยให้สูตรไว้ว่า ถ้าคิดจะเปิดร้านอาหาร ทุกจานที่ยกออกมาลูกค้าต้องไม่เติม

    อธิบายเพิ่มเติมหน่อยว่า ไม่เติมที่นี้ไม่ได้หมายถึงไม่ใส่น้ำปลาพริก ไม่เหยาะน้ำตาล น้ำส้ม หรือพริกป่นเลย

    แต่หมายความว่ารสต้องถึง

    ไม่ใช่แกงจืดก็จืดเป็นน้ำล้างจาน

    แกงส้มก็เปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟัน

    หรือถ้าทำอาหารฝรั่ง ยกมาเสิร์ฟแล้วลูกค้าก็เรียกซอสหรือเครื่องเติมอยู่นั่นแล้วไม่รู้จบ

    สรุปก็คือทำอย่างไรถึงจะให้ "รสถึง" ทำจานไหนก็ได้หัวใจของจานนั้น

    พูดง่าย ทำยากครับ

    ไม่งั้นโลกนี้ก็มีแต่ยอดแม่ครัวยอดพ่อครัวไปหมดแล้ว
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    แต่ลองไปลิ้มชิมรสร้านที่เป็น "ยอดฝีมือ" ทั้งหลายดูเถิด

    เข้าข่ายที่ว่านี้ทั้งสิ้น

    บางร้านอาหารยังไม่ทันแตะลิ้นก็รู้แล้วว่าอร่อยแน่ เพราะหน้าตาและกลิ่นมันฟ้อง

    "เย็นตาโฟวัดแขก"ที่จะพูดถึงวันนี้ก็อยู่ระดับนั้นเหมือนกัน

    ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ถ้าไปแถววัดแขกสีลม จะเห็นร้านเย็นตาโฟตั้งเรียงราย ทุกร้านขึ้นป้ายว่าเย็นตาโฟวัดแขกทั้งนั้น

    แต่เย็นตาโฟวัดแขกของเรานี่คือเจ้าดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเมื่อ 30 กว่าปีก่อน

    เดี๋ยวนี้เลิกอยู่วัดแขกแล้ว (และที่ร้านเดิมก็มีคนมาเซ้งต่อ เปิดเป็นร้านเย็น ตาโฟไปแล้ว)

    ขึ้นไปอยู่บนชั้น 6 ของศูนย์อาหารมาบุญครองโน่น ยังใช้ชื่อเย็นตาโฟวัดแขกเหมือนเดิม
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขายชามละ 40 บาท-บางท่านอาจจะว่าแพงไปนิด

    แต่บางคน (หรือมากคน) บอกว่า ร้านนี้ก็ระดับไม่ต้องปรุง (เอง) เลย

    เปรี้ยวหวานเค็มเผ็ด บวกกับเต้าหู้ยี้ที่ใส่มาพอดีกัน เครื่องครบทั้งลูกชิ้นปลา ฮื่อก๊วย ปลาหมึกแห้ง เต้าหู้ และแมงกะพรุน (อย่างหลังนี่มีตำนานว่าร้านนี้แหละริเริ่มใส่ในเย็นตาโฟเป็นเจ้าแรก)

    เดี๋ยวเดียวก็เห็นเกลี้ยงชามทุกคนไป

    และเอาเข้าจริงที่มาบุญครองน่ะไม่ค่อยได้ไปหรอกครับ

    เจอกับเย็นตาโฟเจ้านี้ส่วนใหญ่ก็เวลางานบุญ หรือเทศกาล ที่มีคนว่าไปออกร้าน

    ซึ่งจะมีพิเศษกว่าไปกินที่ร้านบนห้างอย่างหนึ่ง

    นั่นคือเจ้าของมาเอง

    แล้วจะแปลกอะไร ว่าอาหารไปออกร้านส่วนใหญ่เจ้าของก็มาคุมเองทั้งนั้น?

    ขอให้ดูรูปครับ

    ว่า "แปะ" หรือ คุณเจริญ ชลประเสริฐสุข เจ้า ของร้านนี้ หน้าตาบางมุมเหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเปี๊ยบ

    เวลาแปะมาเองทีไร คนที่ไม่เคยรู้จักแต่อยากกินเย็นตาโฟไปยืนออกันอยู่ที่ร้าน เห็นหน้าแปะแล้วก็ทึ่งปนขำแทบทุกรายไป

    แต่พอได้กินก็ลืมขำ เพราะมัวแต่สำลักความอร่อย

    ไม่เชื่อบุกไปลองได้ที่ห้าง

    หรือจะชวนแปะไปออกงาน ก็ติดต่อที่เบอร์ 0-2235-5921 ได้

    แล้วจะรู้ว่าเย็นตาโฟ (หน้าคล้าย) นายกฯ นั้นเป็นอย่างไร
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อร่อยเพลินลิ้นกับ "ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน" / กุ๊กเล็ก
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000013607
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 กุมภาพันธ์ 2552 16:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : กุ๊กเล็ก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=420 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=420>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ใกล้ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว "กุ๊กเล็ก" เองก็เป็นอีกคนที่ตั้งตาคอยวันหยุดเช่นกัน เพราะจะได้พักผ่อนจากการทำงานมาตลอดอาทิตย์ แต่การได้พักผ่อนสบายๆในวันหยุดคงไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าไม่มีอาหารอร่อยๆไว้คอยท่า เพราะฉะนั้นเตรียมเข้าครัวกันดีกว่า วันนี้ "กุ๊กเล็ก" เตรียมเมนูของกินเล่นอย่าง "ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน" มาไว้ให้ลองทำกัน

    ส่วนผสม

    แผ่นก๋วยเตี๋ยวแผ่นใหญ่ 10 แผ่น (1 แผ่นได้ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน 1 ชิ้น)
    เนื้อหมูสับ 5 ขีด
    เห็ดหอม 2 ขีด
    แครอท 2 ขีด
    ผักกาดหอม 10 ใบ
    ผักชี 3 ต้น
    โหระพา 2 กิ่ง
    ซีอิ้วขาว น้ำตาล สำหรับปรุงรส และน้ำมันพืชเล็กน้อยสำหรับผัด

    ส่วนผสมน้ำจิ้ม

    พริกขี้หนู 10 เม็ด
    กระเทียม 5 เม็ด
    น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
    มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำตาล 1 ช้อนชา

    วิธีทำ เริ่มจากนำแผ่นก๋วยเตี๋ยวมานึ่งให้สุกดี อาจทาน้ำมันไว้บางๆ เพื่อไม่ให้แผ่นก๋วยเตี๋ยวติดกัน จากนั้นจึงหันไปจัดการกับไส้ก๋วยเตี๋ยวด้วยการหั่นแครอทและเห็ดหอมให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปผัดรวมกับหมูสับจนสุก ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว และน้ำตาลทรายให้ได้รสชาติที่ถูกใจ เสร็จเรียบร้อยแล้ว มาลงมือห่อก๋วยเตี๋ยวลุยสวนกันเลยดีกว่า นำแผ่นก๋วยเตี๋ยวที่นึ่งสุกเรียบร้อยมาวางคลี่ไว้ ปูทับด้วยผักต่างๆ ที่เตรียมไว้ คือผักกาดหอม ใบโหระพา และผักชี แล้วตักไส้ที่ผัดเตรียมไว้มาใส่เป็นอย่างสุดท้าย เรียบร้อยแล้วค่อยๆพับทีละด้านของแผ่นก๋วยเตี๋ยวเข้าหากัน ก็เป็นอันได้ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนหนึ่งชิ้น

    ถ้าห่อก๋วยเตี๋ยวเรียบร้อยแล้ว คราวนี้มาทำน้ำจิ้มที่ช่วยเพิ่มรสชาติของก๋วยเตี๋ยวลุยสวนกันบ้างดีกว่า "กุ๊กเล็ก" เลือกทำน้ำจิ้มรสชาติจัดจ้านมาด้วยการนำพริกขี้หนู และกระเทียมมาตำให้ละเอียด ปรุงรสด้วยน้ำปลา และมะนาว ชิมรสชาติเปรี้ยวเค็มหวานให้ถูกปาก เสร็จแล้วยกไปเสิร์ฟบนโต๊ะได้เลยทันที

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ที่มาของ "ขนมจีน" อาหารจากดินแดนสุวรรณภูมิ
    http://www.manager.co.th/Travel/View...=9520000015345
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 กุมภาพันธ์ 2552 17:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>แม้จะมีชื่อว่า "ขนมจีน" แต่อาหารจานนี้ไม่ได้เป็นทั้งขนม และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับประเทศจีนอีกต่างหาก โดยบำรุง คำเอก จากคณะโบราณคดี ม.ศิลปากรเป็นผู้สันนิษฐานว่าขนมจีนนั้นเดิมเป็นอาหารของชาวมอญ โดยขนมจีนในภาษามอญนั้นเรียกว่า "คนอม" ส่วนคำว่า "จีน" นั้นไม่มีใช้ในภาษามอญ มีแต่คำว่า "จิน" ซึ่งแปลว่าสุก ว่ากันว่า ขณะที่คนมอญกำลังทำคนอมอยู่ ก็มีคนไทยเดินมาและร้องถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนมอญก็ตอบเป็นภาษามอญว่า "คนอมจินโก๊กเซมเจี๊ยะกัม" แปลว่าขนมจีนสุกแล้ว เรียกคนไทยมากินด้วยกัน และจากนั้นเป็นต้นมา คนไทยก็เรียกอาหารชนิดนี้ว่า "คนอมจิน" และเพี้ยนมาเป็น "ขนมจีน"

    ขนมจีนนั้นเป็นอาหารที่พบเห็นกันได้ในแถบดินแดนสุวรรณภูมิ คนไทย คนมอญ คนพม่า คนลาว คนกัมพูชา และคนเวียดนามต่างก็มีขนมจีนเป็นอาหารที่กินกันในชีวิตประจำวัน จะต่างกันไปก็ตรงน้ำยาที่นำมาราดบนขนมจีนนั่นเอง ในประเทศไทยเองก็มีการกินขนมจีนกันทั่วไปในทุกพื้นที่ภาคเหนือเรียกขนมจีนว่าขนมเส้น ภาคอีสานเรียกข้าวปุ้น แต่ก็คือเส้นขนมจีนเหมือนกัน โดยเส้นขนมจีนนั้นจะมีสองแบบคือขนมจีนแป้งหมักและขนมจีนเส้นสด โดยขนมจีนแป้งหมักจะมีความเหนียวนุ่มมาก มีกลิ่นแป้งหมัก และมีสีเหลืองคล้ำ ส่วนขนมจีนเส้นสดนั้นใช้เวลาแช่ข้าวสั้นลง เส้นขนมจีนจึงนุ่มเหนียวไม่เท่าขนมจีนแป้งหมัก ส่วนความอร่อยนั้นก็แล้วแต่คนชอบ

    สำหรับคุณค่าจากขนมจีนนั้น หลักๆเลยก็คือจะได้คาร์โบไฮเดรตจากเส้นขนมจีน ส่วนคุณค่าอื่นๆนั้นก็มาจากน้ำยาที่เราเลือกกิน ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาป่า น้ำยากะทิ น้ำยาแกงเขียวหวาน น้ำ ฯลฯ แต่ต้องไม่ลืมกินผักที่เป็นเครื่องเคียงให้เยอะๆด้วย รับรองว่าได้สารอาหารครบ 5 หมู่แน่นอน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บะหมี่"บีทรูท"หวานรับวาเลนไทน์
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB4TXc9PQ==


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>บีทรูท เป็นพืชหัวมีทรงกลมป้อม เปลือกสีดำ เนื้อในสีแดงเลือดหมู ซึ่งในประเทศไทยปลูกทางภาคเหนือ เป็นที่นิยมมาคั้นน้ำดื่มต้านมะเร็ง และนิยมรับประทานในสลัด นอกจากนี้บีทรูทยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ เกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส สารเบทานิน โปแทสเซียม สารไนเตรต และบีทรูทมีคุณสมบัติพิเศษกว่าผักชนิดอื่น ไม่ว่าจะนำมาผ่านการปรุงหรือถนอมอาหารแบบใดก็ตามก็ยังคงความสดไว้ได้

    น.ส.ฉัตรทิพย์ สายน้ำ หรือทิพย์ ปี 4 ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ปิ๊งไอเดียเมนูจานใหม่ "บะหมี่บีทรูท" สีชมพูสวยงาม ต้อนรับรับเทศกาลวันแห่งความรัก โดยมีผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ เป็นอาจารย์ให้คำแนะนำ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ทิพย์ กล่าวว่า บะหมี่บีทรูทเป็นอาหารทางเลือกใหม่ สำหรับผู้ที่ชอบบะหมี่ โดยบีทรูทยังอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ มากมาย แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารเบทานิน ป้องกันโรคมะเร็ง

    ส่วนผสมของบะหมี่บีทรูท แป้งสาลีอเนกประสงค์ตราว่าว 170 กรัม ไข่ไก่ 50 กรัม เกลือ 4 กรัม น้ำบีทรูท 20 กรัม แป้งมันสำหรับทำนวด 30 กรัม วิธีทำเริ่มจากนำแป้งสาลี เกลือ ร่อนรวมกันในอ่างสแตนเลส 2.นำบีทรูทมาปอกเปลือกล้างให้สะอาดปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำ 3.จากนั้นนำไข่ไก่ น้ำบีทรูท น้ำมันพืชที่เตรียมไว้ผสมให้เข้ากัน 4.นำส่วนผสมของเหลวค่อยๆ ใส่ลงในแป้งสาลีนวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน 5.แบ่งแป้งเป็น 4 ก้อนเท่าๆ กัน พักแป้งไว้ 15 นาที อย่าให้โดนอากาศ 6.รีดแป้งด้วยเครื่องทำเส้น รีดแป้งให้บาง เริ่มที่เบอร์ 5 จำนวน 2 ครั้ง เบอร์ 4 จำนวน 1 ครั้ง จากนั้นนำแป้งที่รีดไว้มาตัดเป็นเส้นๆ ถ้าไม่มีเครื่องนำแป้งมารีดเป็นแผ่นบางประมาณ 3-5 มิลลิเมตรด้วยไม้คลึง จากนั้นก็ใช้มีดกรีดเป็นเส้นๆ ขั้นตอนสุดท้ายโรยแป้งนวลบนเส้นบะหมี่ที่ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นบะหมี่ติดกัน

    สำหรับสาวๆ หนุ่มๆ ที่ต้องการจะทำอาหารให้กับคนที่รักหรือนำสูตรไปทำขายสร้างเป็นรายได้ให้แก่ครอบครัว สนใจสอบถามโทร.08-5899-8122
     

แชร์หน้านี้

Loading...