เพราะรู้ตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย คลายกำหนัด

มิน่าล่ะ เข้าตำราเป๊ะ.....รู้มาก ยากอยู่นานเรย.:boo:

เลยออกแบบว่า ดูจะเพี้ยนๆๆๆๆไปนีสสสสสนะ

 

ช่วยตอบหน่อย ท่าน นิ...ว่า มันเป็นความผิด....ตรงไหน

 

ร้อนๆแบบนี้ พอถึงวันพระ ของขึ้น....จับแคนมาเป่าเพลง ผีฟ้า...วิญญาณเอย หมู่เฮาเต้นรำ.ตะเลง ตะเลง ตะเลง เตง เตง....ฮิ๊วส์ๆๆๆๆๆๆๆ:boo:

 

เคยถาม คนคนนึง ที่เขาเห็นผี....ผมถามว่า เป็นไง เขาบอก..ต้องสติมั่น ....ห้ามวอกแวก

ผมฟังคำตอบแล้ว หัวเราะในใจว่า...ฉม อยู่ดีไม่ว่าดี..อยากเห็นผี ไปทำไมกัน

ดูท่าจะอยู่ยากนะ คนพวกนี้....เหมือน หลอนตัวเองด้วยคนอื่น

ดีที่ผม...ไม่เห็นผี แค่รู้ว่า มีผี..ก็พอ

 

แบบว่า ผมมีปัญญาอธิบายให้เมียผม เข้าใจได้นะ...แต่พวกสู้รู้ มีตาทิพย์ ขี้สงสัยแบบนิวรณ์เนี่ย...มันอธิบายยาก เพราะ ชอบอยู่แต่ในรูของตนเอง....ไม่กล้าพบหน้าผู้คน ทำตัวลึกลับ.....แต่ชอบจัง เสนอหน้าสอนคนอื่นเนี่ย อิอิ

 

สรุปแว่.......ว่า....นิวรณ์อยากให้ผมเป็นคนดี ตามที่นิวรณ์ต้องการ เพื่อสนองตัณหาความอยาก เพื่อตามใจคนอื่น เพื่อจะได้สอนธรรมคนอื่น เพราะ ผมต้องมีภาพพจน์ที่ดี

อิอิ..ขอตอบว่า เสียใจด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า....คนดี ผมเป็นอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมองว่าผมยังดีไม่พอ ไม่สมบูรณ์แบบ ตามที่นิวรณ์ วาดฝันไว้ ก็ อิอิ....ผมดีแล้ว ไม่ตามใจใครหรอก

 

อกุศลกรรม กิเลสรับประทานแล้วก็ยังไม่รู้ตัวยังเที่ยวมาประกาศถามว่าผิดตรงไหน หุๆ

 

มีปัญญาอธิบาย ด้วยเหตุ ด้วยผลมั้ย ว่า ผมผิดตรงไหน..จึงมาตอบโดยที่ ไม่มีคนถาม :boo:

 

ถ้ารู้ตัวว่ามีปัญญาอยู่แค่ เลาะเล็มหญ้า...ก็จงเล็มหญ้าต่อไปเถอะนะ อย่าเห็นว่าผมเป็นใบตองแห้ง กินไม่ได้แล้ว...มา.....เลยนะ

กล้าว่าคนอื่น ก็ควรอธิบายแสดงปัญญาของตนออกมาสิ

ไหนเหตุผล ที่.....ออกมา

 

กิเลส กิเลสไม่พ้นจากอกุศลธรรม ๑๐ ประการ คือ โลภะ (ความติดข้องยินดีพอใจ) โทสะ(ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ) โมหะ(ความหลง ความไม่รู้) มานะ(ความสำคัญตน) ทิฏฐิ(ความเห็นผิด) วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัยในสภาพธรรม) อหิริกะ (ความไม่ละอายต่ออกุศลธรรม) อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่ออกุศลธรรม) อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)และถีนะ (ความท้อแท้ท้อถอย หดหู่) พระโสดาบัน ดับ ความเห็นผิด และ ความลังเลสงสัยได้อย่างเด็ดขาด พระอนาคามี ดับ โทสะ ได้อย่างเด็ดขาด พระอรหันต์ ดับ โลภะ โมหะ มานะ อหิริกะ อโนตตัปปะ อุทธัจจะ และ ถีนะได้อย่างเด็ดขาด


กามตัณหา (อ่านว่า กามะ-, กามมะ-) แปลว่า ความอยากในกาม ความเยื่อใยในกาม ฯลฯ โดยทั่วไปหมายถึงความอยากในกามคุณ

ถามตัวเองดูเสพกาม แล้ว

ผมนอนกับเมีย(พยายามปรุงแต่งเพื่อให้เกิดอารมณ์เพื่อเสพนั้น มันผิดตรงไหน)

ไหนท่านช่วย อธิบาย ความผิด ในเรื่องนี้ มาให้ผมฟังหน่อย ว่า..มันมีผลกับใคร อะไร ยังไง....

 

ผมใช้คำว่า ผมพยายามนอนกับเมีย ผมพยายามปรุงแต่ง.....

ถามว่า คนอื่นเขาต้องพยายามปรุงแต่งเหมือนที่ผมทำมั้ย....แล้วที่ผม ทำไมต้องใช้คำว่า พยายาม พยายาม ปรุงแต่ง ให้มันกลับมามีรสชาติ

แล้วการนอนกับเมียตนเองเนี่ย เขาเรียก ผิดกามข้อกาเม ตรงไหนหรือครับ

แล้วที่ผ่านมา ผมเคยนอนกับเมีย จนมีลูกมาแล้วสองคน นั่นคือผมทำผิดมาหรือครับ
ถ้าที่ผมเคยนอนกับเมียจนมีลูกมาแล้วสองคน เป็นความผิด...ผิดตรงไหนครับ

แล้วตอนนี้ ผมพยายามปรุงแต่งอารมณ์ขึ้นมาเสพ เพื่อจะมีอะไรๆกับเมียตนเองนี่ ผิดศีล ผิดใจ ใคร หรือครับ

 

นิวรณ์กล่าวว่า ผมมันคนไร้รส แล้ว ได้แต่มองดู ...ภูเขาไฟสองลูก กับร่องน้ำ อะไรนั่น..ก็จริงอยู่

แต่ผมก็จะพยายาม ฟื้นคืนความรู้สึก รสชาดกลับคืนมา...ผมพยายาม อยู่...พยายามปรุงแต่งกับเมียตนเองเนี่ย...มันผิดศีลข้อไหน มิทราบครับ....

 

ที่ผมพยายามปรุงแต่ง รสชาดกับเมียตนเองเนี่ย...มันเป็นความผิด กว่าพวกเล่นชู้ นอกใจสามีภรรยา พวกผิดศีลธรรมหรือครับ ....ผมก็ไม่เข้าใจนะว่า...คิดกันแบบนี้เหรอ

 

พอผมถาม นิวรณ์ว่า แอบส่องดูคนอื่น แล้วเอามาวิพากษ์ เพิ่ออะไรกัน
เขาก็ตอบว่า เขาดูวิญญาณเกิดดับ....แล้วเอามาทำอะไร ล่ะ ก็อยากถามว่า เห็นเหรอวิญญาณคนอื่นน่ะ....

มันก็ดริฟ (แถ)ไปเรื่อย..เหมือนเดิม

ผมก็ถามเอา ความถูกผิด และประโยชน์ จากการ ส่องดูชาวบ้าน ประโยชน์คืออะไรกัน

 

แล้วนิวรณ์ ก็เอามาวิพากษ์ ว่า ธรรมของผมที่แสดง มันออกมาจาก อะไรก็ไม่รู้ ที่ดีไม่เท่าของเขามั้ง ที่เพี้ยนๆไปเพี้ยนๆมา ทั้งที่ นิวรณ์ก็บอกว่า เขาก็มีเมีย

หรือเขาจะบอกว่า เขาไม่นอนกับเมียแล้ว..ไม่ฟิสเจอริ่งกับเมียแล้วหรือ นิวรณ์ ถึงมาว่า ผมนอนกับเมียนั้น ไม่ถูก

 

ศีลข้อ สามเนี่ย....มันหมายถึง ห้ามมีอะไรกับเมียของตนเองหรือไง

มันหมายถึง ห้ามล่วงเกินลูกเมียของคนอื่น โดยที่เขาไม่อนุญาติ ต่างหาก
รวมทั้ง ห้ามล่วงเกิน วัตถุ สมบัติ ที่เป็นของคนอื่น ถ้าเขาไม่อนุญาติต่างหากด้วย

 

เนี่ย มีอย่างนึง ที่ทุกคนควรรับรู้เอาไว้ว่า...นายนิวรณ์ถนัดเอาทิพย์ของตัวเองไปส่องดูคนอื่น ที่เขาจะสอนธรรม...แล้วก็ชอบ ตัดไม้ข่มนามคนอื่น แสดงว่าตนเองมีอภิญญา รู้เรื่องของคนอื่น แล้วก็เอามาประกอบกับความคิดของตนว่า จะให้คนอื่นเขาเกรง เชื่อฟัง ตนเอง ศรัทธาในตัวนายนิวรณ์....ดูคนอื่น จนตนเองเพี้ยน เพราะ เวลาไปด้นเดา ความคิดคนอื่น เกิดผิดขึ้นมา ก็จะเริ่ม แถ ไปแบบเพี้ยนๆ ทันที...เนี่ย อาการของพวก เชื่อในตาทิพย์ของตน เชื่อในสิ่งที่เห็น...แต่ดันไม่เข้าใจในสิ่งที่เห็น

 

พอถามว่า ส่องคนอื่นไช่มั้ย มันก็แถไปว่า....เป็นการดูวิญญาณเกิดดับ...

ดูมันแถ...ไปน้ำไสๆ...

 

ผมพยายามนอนกับเมีย ผมพยายามปรุงแต่ง เป็นความผิด...ผิดตรงไหน

ถามตัวเองดูครับ กุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม ครับ


กรรม มี 3 คือ กายกรรรม วจีกรรม มโนกรรม

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

......
​

ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ธัมมจักฯ “เทฺวเม ภิกฺขเว ทางสองส่วนที่เธอไม่ควรเสพ” ส่วนหนึ่งคือแสวงหาความสุขโดยกามสุขัลลิกานุโยค มีแต่แสวงหาความสุข สุขในกามนะ อย่างนั้นมันไม่ควรเสพหรอก เพราะมันเสียเวลาเปล่า

..........
​

http://www.sa-ngob.com/content_show.php?content=1478