!!เปิดกรุ!! วัตถุมงคลพระเกจิ-ธาตุกายสิทธิ์-หลากหลายสำนัก"หลักร้อย-ไม่ด้อยพุทธคุณ"

เหรียญเหี้ยมรุ่นหลังโบสถ์ ( ตระกูลวันดีสร้างถวาย ) “พระอาจารย์นก วัดเขาบังเหย” พระเครื่องสุดยอดพุทธคุณ มากล้นด้วยประสบการณ์ ป้องกันอันตราย คุณไสยมนต์ดำ-คงกระพัน สภาพสวย สมบูรณ์ หายากมาก (เมื่อประมาณวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2545 ได้มีนายน้อย อยู่บ้านทรายทอง ต.ทรายทอง อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ได้มีคนกลุ่มหนึ่งรุมทำร้าย นายน้อยได้ต่อสู้แต่สู้ไม่ได้ เพราะเขามีคนเยอะกว่า เลยได้วิ่งหนี กลุ่มอันธพาลที่ทำร้ายนายน้อย ได้ชักปืน 11ม.ม.ยิงใส่ในระยะใกล้หลายนัดด้วยกัน แต่ปรากฏว่ายิงไม่ถูกซักนัดเดียว เพราะนายน้อยแขวนเหรียญ “เหี้ยมรุ่นหลังโบสถ์” จึงทำให้รอดมาอย่างอัศจรรย์ใจนิ่งนัก จึงทำให้นายน้อยแคล้วคลาดจากความตายในครั้งนั้น ) วัตถุมงคลวัดเขาบังเหยฯ รุ่นนี้จัดสร้างปี พ.ศ. ๒๕๔๗

๑. เหรียญโหดหลังโบสถ์ จำนวนการจัดสร้าง ๒๐,๐๐๐ เหรียญ

แจกเป็นที่ระลึกในงานมุทิตาจิต พระอาจารย์นก ๑๐ ก.พ. ๒๕๔๗

๒. เหรียญเหี้ยมหลังโบสถ์ จำนวนการจัดสร้าง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ

แจกเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ที่มาช่วยงานต่างๆของวัดเท่านั้น

๓. เหรียญอดีตนาคจารย์เถระ จำนวนการจัดสร้าง ๒๐,๐๐๐ เหรียญ แจกเป็นที่ระลึกในงานกฐินปี ๒๕๔๗

วัตถุมงคลของพระอาจารย์นก ขึ้นชื่อว่าสุดยอดประสบการณ์มากมาย เหรียญรุ่นแรก คือ เหรียญโหด รุ่นสอง เหี้ยม รุ่นสาม หด ทั้งนี้มีคำร่ำลือในหมู่ลูกศิษย์ว่าเหรียญโหด เหี้ยม หด คือ รุก รับ ทำลาย สลาย กันอันตรายทั้งปวง กันและแก้คุณไสยมนต์ดำ เป็นคงกระพันมหาอุด เป็นอีกหนึ่งของดีที่ลูกศิษย์ลูกหาอยากได้กัน

อักขระยันต์ที่อยู่บนวัตถุมงคลทั้งหมดวัดเขาบังเหย จะเป็นอักขระ ขอมพิสดาร ตัวยันต์ที่เห็นเรียกว่า ขอมพิสดารต่างกับตัวยันต์วัดอื่นที่ใช้กันโดยทั่วไป และเป็นที่รู้จักกันว่า ขอมกลาง ส่วนขอมพิสดารนี้มีที่วัดเขาบังเหยแห่งเดียวบนพื้นโลกนี้ เอาเป็นว่าตัวอักขระทั้งหลายเหล่านี้เป็นของสูง ฟังมาว่า แม้ตัวอักขระตัวเดียวโดดๆ แม้ไม่ต้องอธิษฐานจิตก็มีพุทธคุณในตัว กันตาย กันอุบัติเหตุได้

XXXบูชาแล้วXXX

 

เหรียญกูผู้ชนะ - ไพรีพินาศ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เนื้อโลหะชุบทอง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้านหลังเป็นรูป (พระเจ้าพรหมทรงช้างประกายแก้ว) จัดสร้างโดย หลวงพ่ออนันต์ ลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลังจากที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านมรณภาพไป เหรียญที่ได้เคยจัดสร้างในสมัยหลวงพ่อท่านค่อยๆ หมดไปจากวัด ทางหลวงพ่ออนันต์ จึงดำริจัดสร้างเพื่อให้ลูกศิษย์รุ่นหลังมีโอกาสได้บูชา เหรียญที่มีรูปสัญลักษณ์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (สภาพสวยงาม ผิวเดิม ครบสมบูรณ์ แบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ)

ในการจัดสร้างจึงกำหนดรูปแบบเหรียญ ให้ต่างจากที่สร้างในสมัยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ โดยด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ โดยมีตัวหนังสือ “กูผู้ชนะ ไพรีพินาศ ฤาษีลิงดำ” ด้านหลังคงแบบเดิม คือ เป็นรูปพระเจ้าตากสินทรงม้า และมีคำว่า "กูผู้ชนะ พระเจ้าตากสินมหาราช"

ประวัติการสร้างครั้งแรก โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อท่านปรารภเรื่อง "เหรียญเราสู้" ของท่านหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่ พอดีพระเจ้าตากสินมาบอกว่า "เหรียญเราสู้" แค่สู้เฉยๆ เราอาจชนะ หรือแพ้ก็ได้ เพราะแค่เราได้สู้ พระองค์ท่านจึงบอกอีกว่า เมื่อสู้แล้วต้องชนะด้วย ท่านจึงบอกให้สร้าง "เหรียญกูผู้ชนะ" เพราะเมื่อสู้แล้วต้องชนะด้วย และพระองค์ท่านก็ได้มาคุมการปลุกเสกเองโดยตรง และต่อมาหลวงพ่อฤาษีลิงดำก็ได้สร้าง "เหรียญกูผู้ชนะ-ไพรีพินาศ" เพราะนอกจาก กูผู้ชนะแล้ว อาจชนะชั่วคราว เขาอาจกลับมาชนะใหม่ได้

เหรียญพิมพ์หน้าใหญ่ เป็นเหรียญสมัยหลวงพ่ออนันต์ท่านอธิษฐานจิต แม้ไม่ทันสมัยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แต่กับกลายเป็นของดีมีอานุภาพราคาเบา เหรียญชุดนี้จัดว่าไม่ธรรมดามาก เนื่องจากถูกนำเข้าพิธีสำคัญๆ วัดท่าซุงหลายวาระมาก เช่น เป่ายันต์เกราะเพชร หรือ พิธีอื่นๆ

พระเครื่องในสมัยหลวงพ่ออนันต์ ท่านทำพิธีตามสายวัดท่าซุง อุทัยธานี พุทธคุณพระท่านฯ สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้น เชื่อว่า เหรียญที่จัดสร้างยุคหลังนั้น ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างจากเดิม เนื่องจากการสร้างพระนั้น ทางสายหลวงพ่อจะเชิญพระพุทธเจ้า พระปัจเจก พระอรหันต์ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ฯ หลวงพ่อปานฯ หลวงพ่อฤาษีลิงดำฯ มาร่วมสร้างให้อย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงเป็นเหรียญที่ไม่ธรรมดามาก ควรเก็บก่อนแพงเหมือนพระหางหมาก และพระคำข้าว ที่สมัยหลวงพ่อองค์ละ 10 บาท แต่ปัจจุบันเข้าหลักพันแล้ว สายตรงเล่นเป็นเหรียญปี 2521 หมด เนื่องจากมีพุทธคุณและประสบการณ์เด่นเรื่องคงกระพัน ปลอดภัย แคล้วคลาด โชคลาภ ชนะภัยศัตรูทั่วทุกสารทิศไม่แพ้กัน

พระถ้ำเสือ หลังร่อง กรุวัดพระธาตุ จ.สุพรรณบุรี เนื้อดิน สวยๆ ผิวกรุ สมบูรณ์เดิม เป็นเลิศทางด้านคงกระพันชาตรี มหาอุด แคล้วคลาดนิรันตราย ที่สุดแห่งความเหนียว พระถ้ำเสือ หลังร่อง กรุวัดพระธาตุ สุพรรณบุรี เป็นพระเนื้อดินเนื้อหยาบ พระดีของคนอู่ทอง สุพรรณบุรี แตกกรุครั้งแรกราวปี พ.ศ.๒๔๘๘ ที่เขาดีสลัก อําเภออู่ทอง โดยชาวบ้านเข้าไปหาขี้ค้างค้าว เพื่อเอาไปขาย ปรากฏพบพระตกกระจายอยู่ภายในถ้ำ จึงได้นํามาแจกจ่ายให้พี่น้องเอาไว้ใช้กัน ทําให้คนเข้าไปค้นหากันมากมาย และยังเป็นที่สงสัยกันว่า พระถ้ำเสือสร้างในสมัยทวารวดี หรือสมัยอยุธยา เพราะมีเจดีย์ที่สร้างในสมัยทวารวดีหักพังทลายอยู่บริเวณนั้น พระถ้ำเสือมีทั้งเนื้อหยาบ และละเอียด เป็นพระที่ถูกแช่น้ำไว้ยาวนาน ที่พบเล่นหามี 3 พิมพ์ คือพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก และพิมพ์ต้อ และตอนหลังมาพบอีกหลายกรุด้วยกัน แต่มีรูปร่างเหมือนกัน คือกรุเขาถ้ำเสือ, กรุวัดหลวง, กรุเขาพระฯ, กรุเขากุฎิ ,กรุเขาวงศ์ และกรุเขาดีสลัก

ลักษณะพิเศษของพระถ้ำเสือทุกองค์ ด้านหลังโค้งนูนเหมือนหลังเต่าทุกพิมพ์ ซึ่งบางองค์จะมีร่องลึกเป็นทางยาว จากด้านล่างขององค์พระขึ้นไปด้านบน (ตามพระที่ลงนี้) แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องมีทุกองค์ไป บางองค์ก็ไม่มีร่อง หลักในการพิจารณาพระถ้ำเสือ ขอให้ดูด้านเนื้อหา และพิมพ์ทรงเป็นหลัก ถูกพิมพ์ และอายุของเนื้อหาเก่าจริง พุทธคุณยอมรับกันมานานแล้วว่า “คงกระพันชาตรี” ประวัติว่า ปืนผาหน้าไม้ไม่ได้แอ้มผู้ใช้พระถ้ำเสือเลยสักครั้งเดียว

ของดี ที่ห้ามพลาด อาราธนาพร้อมใช้ “ลูกอม จินดามณี พิเศษลงรักดำสร้างน้อย ฝังเม็ดทองแดง โค๊ตนะโม 2 เม็ด ปลุกเสก พร้อมเหรียญเจริญพร “พิธีสัตตมาส” ( มูลนิธิหลวงปู่ทิม ) วัดละหารไร่ 16 มิ.ย. 2558 ขนาดประมาณ 1.5 ซ.ม. สภาพสวย ๆ น่าบูชามากและพบน้อย

สุดยอดชนวนมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์ ดังต่อไปนี้ คือ ผงจินดามณี,ผงอิทธิเจ, ผงธาตุ 4, ผงอ่อนใจรัก (อิทธิเจแฝด), ผงอาถรรพ์ราชา, ผงอาถรรพ์พระเจ้าแผ่นดิน, ผงสามสาวกินน้ำบ่อเดียวกัน, ผงเทพรัญจวน, ผงเมตตา, ผงเสน่หา, ผงตามปรารถนา, ผงคุ้มครอง, ผงสาริกา, ผงพญาการะเวก, ผงนางเหมา, ผงมหาลำอ๊อฟ, ผงช้างผสมโขลง, ผงวิสาเซ, ผงนางพันธุรัตเรียกเนื้อ, ผงวัวพันหลัก, ผงวัวลืมคอก, ผงนะเสน่ห์ช้าง, ผงขุนแผน, ผงราชวงศ์วรมันสรรพสิทธิ์, ผงนางพญาตานี, ผงพญาเงิน, ผงหิรัญญราช, ผงทองฟ้า, ผงทองน้ำ, ผงทองดิน, ผงมหาปราบ, ผงมหากำบัง, ผงพญามนต์, ผงแป้งเสก, ผงว่านดอกทองตัวผู้ตัวเมีย 12 ชนิด และผงพุทธคุณอื่นๆ พิธีเข้มขลังมาก จัดพิธีในโบสถ์ วัดละหารไร่ ระยอง เช้ายันบ่าย
หลวงพ่อเชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ ระยอง จุดเทียนชัย
หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ระยอง
หลวงปู่ฮก วัดมาบลำบิด ชลบุรี
หลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร ฉะเชิงเทรา
หลวงพ่อนัส วัดอ่าวใหญ่ ตราด
ท่านก๋งเตื่อง วัดคลองจาก ตราด
หลวงปู่คง วัดเขากลิ้ง เพชรบุรี
หลวงพ่อแถม วัดช้างแทงกระจาด เพชรบุรี
และอีกหลายหลวงพ่อมากมาย , (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตร กทม. ,หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.พระนครศรีอยุธยา, หลวงพ่อแป๊ะ วัดสว่างอารมณ์(แคแถว) จ.นครปฐม , หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่พระอารามหลวง จ.สมุทรสงคราม, หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง จ.ปทุมธานี, หลวงพ่อแสวง วัดลาดปลาดุก จ.นนทบุรี, หลวงพ่อนนท์ สำนักสงฆ์เขาพรานธูป จ.ประจวบคีรีขันธ์ , พระอาจารย์เปิ้ล วัดเลียบราษฎร์บำรุง กทม.ฯลฯ
วันที่ 16 มิถุนายน 2558 เป็นวันครบรอบ 136 ปี ชาตกาล หลวงปู่ทิม ทางวัดละหารไร่ ร่วมกับมูลนิธิหลวงปู่ทิมฯ ประกอบพิธีพุทธาภิเษก และปลุกเสกเดี่ยวเหรียญเจริญพรสัตตมาสย้อนยุค ซึ่งเป็นเหรียญเดียวที่หลวงปู่ทิมชื่นชอบมากที่สุดในบรรดาเหรียญที่สร้างในยุคนั้น ดังนั้นในปี 2558 จึงมีการรื้อฟื้นสร้างเหรียญเจริญพรสัตตมาสย้อนยุคขึ้นมาใหม่ พระชุดนี้นำเข้าพิธีปลุกเสกหลายครั้งหลายงาน เช่น งานไหว้ครูประจำปี 1 พฤษภาคม 2558 มีการประกอบพิธีใหญ่นิมนต์ยอดพระเกจิอาจารย์ทำพิธีถึง 16 รูป และเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งสุดท้ายในอุโบสถวัดละหารไร่ ในวาระครบ 136 ปี ชาตกาลของหลวงปู่ทิม ในวันที่ 16 มิ.ย.2558 เวลา 09.19 น.

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

จองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

กุมารทอง หล่อโบราณ รุ่นแรก เป็นเนื้อตะกั่วดำ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท ตามประวัติที่สืบถามผู้รู้มานั้น หลวงพ่อกวยท่านเทหล่อเองที่วัด สร้างไม่มากนัก โดยสร้างก่อนปี พ.ศ. 2500 บางองค์ขึ้นไขและสนิมแดง บางองค์มีจารลายมือของหลวงพ่อ บางองค์ไขขึ้นทับรอยจาร ให้เห็นถึงสภาพความเก่าของโลหะได้ กุมารทองรุ่นนี้ สมัยก่อนที่จะตีพิมพ์หนังสือรวมวัตถุมงคลของหลวงพ่อกวย ฉบับเฉพาะกิจ และส่วนใหญ่จะตกทอดแก่ลูกหลานของหลวงพ่อ จึงไม่มีแพร่หลายออกมามากนัก ต่อมาลูกหลานหลวงพ่อนำออกให้เช่าจึงมีมาเผยแพร่ให้เห็นกัน แต่เนื้อหาของตะกั่วยุคจัดๆ ก็หายากเย็นอยู่ดี

XXXบูชาแล้วXXX

 

กุมารทอง แกะจาก เข…ควายฟ้าผ่า หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา ทนสิทธ์ที่ได้จากสัตว์ตามธรรมชาติ ซึ่งมีอานุภาพและอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัวเอง แม้ไม่ผ่านการปลุกเสก และถ้าได้พระเกจิอาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้า ย่อมมีอานุภาพแก่กล้ายิ่งทวีคูณ ด้วยการเดินธาตุ อาการ 32 ทำให้กุมารทององค์นี้ มีอานุภาพร้ายเหลือ องค์นี้มีรอยจารอักขระยันต์ท่าน ตรงหน้าน้องกุมารและหลัง องค์นี้สูง 4.5 ซม พบเจอน้อย กุมารทองเด่นในด้านการขอโชคขอลาภ ช่วยคุ้มครอง ช่วยเรื่องการงานดีนัก กุมารทองของท่านมีชื่อเสียงเป็นอับดับต้นๆของประเทศ ที่ถือว่าแรงดีมีประสบการณ์และหายาก กุมารทองของท่านมีตัวตน เสมือนมีดวงจิตของเด็กคอยช่วยเหลือผู้บูชาอยู่เสมอ ท่านปลุกเสกให้โลดแล่น กระโดดไปมาเหมือนคน ถึงว่าจะใช้ได้

หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา ท่านเป็นเกจิยุคก่อน ในเรื่องพระเวทย์การปลุกเสกของระดับแนวหน้า เครื่องราง และวัตถุมงคลท่านมากด้วยประสบการณ์ อภินิหารมากมาย นอกจากท่านจะสร้าง กุมารทองแล้ว ท่านยังสร้างรักยม ด้วย คาถาเรียกไปด้วยกันหรือขอนิมิตขอลาภ “เอหิจาตะ ปิยะปุตตะ ปุเรถะมะปาระมิง หัตทะยังเมภิสิณ จะถะพุทโธ บุพพนิมิตตัง ปิยะปุตตัง สัพพะลาภัง กะโรถะวะจะนัง ปิยังนำมามะมา”

หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เจ้าของตำรับกุมารทองแช่น้ำมัน วัสดุโดยมากมาจากของมงคล อาถรรพ์ ทนสิทธิ์ ตายพราย เป็นสุดยอดเครื่องรางแห่งปียุคอินโดจีน ลูกศิษย์ลูกหาต่างยกให้หลวงพ่อจง ว่ากันว่าปลุกเสกได้เข้มขลังที่สุด ใครเลี้ยงเป็นได้ดีทุกราย ของ " หลวงพ่อจง " ถ้าไม่ดีจริงไม่แน่จริงคงไม่เป็นตำนานเล่าขานต่อๆกันมา และคงไม่มีใครเสาะหาอยากได้มาไว้บูชา คนที่มีไว้ใช้แล้วได้ผลก็ไม่อยากเปลี่ยนมือ ซึ่งชั่วโมงนี้เริ่มหายากขึ้นแล้ว

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

โอนแล้วครับ วันนี้ เวลา 16.40 น. จำนวน 300 บาท
ผ่าน KTB ขอฝากพระเอาไว้ก่อนนะครับ

 

ขอจองครับ

 

พระผงรูปเหมือนพระมงคลเทพมุนี (สด) วัดปากน้ำภาษีเจริญ พิมพ์จันทร์ลอย ซุ้มปราสาท รุ่น 1 ออกวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ราชบุรี ปี 2530 สร้างจำนวน 84,000 องค์ ผสมผงมวลสารพระของขวัญวัดปากน้ำ รุ่น 1-2-3 และเส้นเกศาพระราชพรหมเถระ (หลวงปู่วีระ) รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (ผู้ปลุกเสกพระปากน้ำ รุ่น 4-7) และหลวงป๋าองค์ปฐมเจ้าอาวาส วัดหลวงพ่อสดฯ ราชบุรี อธิษฐานจิตตามแนววิชาธรรมกายสายหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลวงป๋าผู้เข้าถึงรู้เรื่องราวกายสิทธิ์ธาตุเหล็กไหลภาคผู้เลี้ยง และนำออกเผยแพร่ ตระกูลกายสิทธิ์เหล็กไหลจนโด่งดัง พระบางรุ่นผสมแร่เหล็กไหล (รุ่นนี้มีประสบการณ์มากมายแล้ว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) สวยๆ สมบูรณ์ หายากแล้ว สายวิชชาธรรมกาย โดยหลวงป๋า วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ราชบุรี พระผู้สร้างและเปิดเผยเรื่องราวตำนาน “เหล็กไหลพระธาตุเสด็จ” ภาคผู้เลี้ยง ของจริง

ทำไม!!! ต้องชูชก พระอาจารย์แดง ที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดในขณะนี้ รูปหล่อชูชก มหาเศรษฐี ที่ระลึกพิธียกช่อฟ้า วัดป้อมรามัญ ปี 2552 พระครูเกษมจันทวิมล (พระอาจารย์แดง สิริจนฺโท) วัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

พระครูเกษม จันทวิมล หรือพระอาจารย์แดง เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ เกจิชื่อดัง เมืองกรุงเก่า เกจิอาจารย์ดัง เจ้าของฉายา “นิ้วมหามงคล มหาเสน่ห์” ได้สร้างวัตถุมงคล ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ และต่างประเทศ และเป็นที่เลื่องลือกันมากในปัจจุบันคือ “ชูชก มหาลาภ” เป็นที่ทราบกันว่ามีชื่อเสียงมากทางด้าน เมตตามหานิยม และโชคลาภค้าขาย ที่บูชาติดตัวแล้วค้าขาย ร่ำรวย ประสบโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย จนเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา พบเห็นน้อยหาดูยาก พระสวยสมบูรณ์เดิมๆ ในพิธีได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังรวม 9 รูป นั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลอย่างเข้มขลัง อาทิ หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม ,หลวงปู่ศรีเทพอุดร วัดพึงนิมิต, พระเทพรัตนากร เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, พระครูมหานคราภิรักษ์ วัดมเหยงณ์, พระพิพัฒน์ กิจจาภรณ์ วัดวรนายกรังสรรค์ ,พระครูเวฬุวันพัฒนาการ วัดไผ่โสมนรินทร์, พระอาจารย์ตี๋เล็ก สำนักปฏิบัติธรรมเขาสุมะโน, พระมหาสมใจ วัดตองปุ และพระอาจารย์แดง วัดป้อมรามัญ ท่านพระอาจารย์แดง เป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม ลงนะหน้าทอง ตะกรุดเมตตาค้าขาย ได้มีลูกศิษย์มากมายทุกวงการ

คาถาหัวใจชูชก (ชูชกมหาเศรษฐีมีสมบัติ)

“โอมพ่อปู่ชูชกเศรษฐี พ่อปู่ชูชกชูชะโก นะทุกขัง นะหิโณ ทัตถะ ยิ่งขอได้ ยิ่งเพลิน เพลิน เพลิน เพลิน เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ ผู้คนไหลมา ข้าวของไหลมา เงินทองไหลมา นะชาลีติ" (ท่องสวดวันละ 9 จบด้วยใจที่ศรัทธา รวยให้เพลินๆๆ) คาถาต้นฉบับ : บารมีพระอาจารย์แดงแห่งวัดป้อมรามัญ จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของฉายานิ้วมหามงคล


ลูกอม “นะบังเกิด ”หลวงพ่อวิเชียร วชิโร วัดเนินสุทธาวาส เมืองชลบุรี ปี 2509 สร้างจากผงปถมัง ที่ท่านเขียนและลบเอง ผสมกับมวลสารพิเศษจากนิมิต,ว่านยาเก่าของหลวงพ่อโต วัดเนินฯ,ดินเจ็ดป่าช้า,ว่านสบู่เลือด ประสบการณ์ด้านวัตถุมงคลรุ่นนี้ออกแนวคงกระพันแคล้วคลาด มีคนทดลองด้วยวิธีแผลงๆมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ได้รับบทเรียนไปตามๆกัน ท่านได้ขึ้นชื่อว่า เป็นพระเกจิสุดยอดเกจิสายเหนียว

หลวงพ่อวิเชียร วัดเนินสุทธาวาส ชลบุรี ท่านเป็นพระที่เรืองวิชา ที่วิหารก็มีรูปเหมือนของท่าน ให้ผู้คนได้ระลึกถึง และกราบไหว้ ท่านเรียนวิชาทางสมาธิ วิชาอะไรท่านรู้หมด เวลาเสกของ หรือวัตถุมงคล ท่านจะปูอาสนะว่างเปล่าไว้มากมาย ท่านอัญเชิญอาจารย์ของท่านมาทางจิต ให้มาช่วยเสกวัตถุมงคลอยู่เสมอ จะมี เช่น หลวงพ่อโต วัดเนินฯ,หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ เป็นอาทิ ท่านเชิญมาหมด หลวงพ่อเชียร มีความมหัศจรรย์มากมาย ท่านนั่งสมาธิ แล้วบอกให้ลูกศิษย์ไปขุดเอาผงวิเศษ ที่ผู้วิเศษทำเอาไว้

พ.ศ.๒๕๐๙ สร้างลูกอมตำหรับเบื้องบน มีการเผาตามฤกษ์ต่างๆ ลูกอมหลวงพ่อวิเชียร วชิโร ถ้าทำตกหาย ถ้าเจ้าของเป็นคนมีศีลธรรมดี ลูกอมจะกลับมาหาเจ้าของได้เอง หรือถ้าเข้าไปในที่อโคจร ทำตัวเป็นอันธพาลก็หายเองอย่างอัศจรรย์ได้เช่นกัน มีพุทธคุณด้านเมตตา และแคล้วคลาดเป็นเลิศ

การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อวิเชียร มีเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะหลวงพ่อมักเกิดนิมิตพิเศษเกี่ยวกับวิธีการสร้างวัตถุมงคลต่างๆที่ผิดแผกแตกต่างไปจากสำนักอื่นๆตัวอย่างเช่น มวลสารที่จะนำมาทำ ก็เกิดจากหลวงพ่อนิมิตว่าสถานที่ไหนมีของทนสิทธิ์,ของมงคลที่เชื่อว่ามีดีอยู่ในตัวอยู่แล้วเช่นคด,แร่พระร่วง,ปรอท,ว่าน,มะขามกลาย รวมเวลาทั้งหมดที่รวบรวมมวลสารวิเศษเหล่านี้ ๒๒ ปี ตอนแรกๆ ลูกศิษย์ลูกหาก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก แต่พอไปขุดค้นหามวลสาร ต่างก็พบตามคำพูดของหลวงพ่อทุกครั้งไป ราวกับหลวงพ่อมี “ตาทิพย์” อีกเรื่องหลวงพ่อนิมิต(ฝัน)ถึง “หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ”มาตามให้ท่านและหลวงพ่อเกลี้ยงไปจดตำราที่วัดสัตหีบ นำมาสร้างประโยชน์ต่อพระศาสนา หลวงพ่อวิเชียรเชื่อตามนั้น และชวนหลวงปู่เกลี้ยงเดินทางไปตามนิมิต เมื่อถึงวัดสัตหีบ ลูกศิษย์หลวงพ่ออี๋ก็ตอบปฏิเสธว่าไม่มีตำรับตำราอะไรเหลือทิ้งไว้ที่วัด เพราะไม่แน่ใจในคำพูดพระต่างถิ่น หลวงพ่อวิเชียรเถียงว่า “มีสิ”ตำรามันรูปร่างแบบนั้น แบบโน้น เป็นอย่างนี้ บอกลักษณะจนเสร็จสรรพ เท่านั้นเอง!!! พระอาจารย์รูปนั้นได้ยกมือไหว้ขอขมา และมอบตำราให้ทั้ง ๒ ท่านจดไปใช้โดยดี

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

เก็บกันเงียบกริบจริง ขอบารมี “ปู่หลวงวิสุทธิเทพ แห่งวัดห้วยหลาด ตำนานแห่งการลอดซุ้มประตูป่า หนึ่งเดียวในประเทศ คุ้มครองผู้มีบุญทุกท่าน ที่มีโอกาสได้ครอบครอง โดยคาถาบูชา...."จิตติวุฒโธ เทพพาโรจะ"....ด้วยใจจริง เหรียญเนื้อทองแดงผิวไฟ (ผิวสีส้ม เป็นเกร็ดหรือที่นิยมเรียกกันว่าลายเสือ) หลวงปู่สีมั่น เทพอินโท ผู้สร้างวัดห้วยหลาด ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ปี 2509 สภาพเดิม สวย สมบูรณ์ ขั้นเทพ

จากคำบอกเล่าของผู้รู้-ชาวบ้าน และนักสะสมหลายๆ ท่าน และเท่าที่ได้พบเจอ พอสังเขปได้ว่า จัดสร้างโดยคุณปิ่น พาณิชการ (เสียชีวิตแล้ว) คหบดีแห่งเยาวราช กรุงเทพฯ ที่มีความนับถือหลวงปู่สีมั่น เทพอินโท เป็นอย่างสูง เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชน และเหล่าทหารหาญ ที่ร่วมรบในสมรภูมิเวียดนาม จนเกิดเป็นประสบการณ์มากมาย ทั้งคงกระพัน-ชาตรี มหาอุตม์ แคล้วคลาดปลอดภัย แยกเนื้อเหรียญเป็นชนิดต่างๆ คือ

1.เนื้อกะไหล่ทอง ได้แก่ 1.1 กะไหล่ทองธรรมดา 1.2 แบบชุบทองคำ มีจำนวนน้อยมากประมาณหลักสิบ สันนิษฐานว่าคุณปิ่น จัดสร้างเป็นพิเศษสำหรับแจกจ่ายบุคคลใกล้ชิดและบุคคลในครอบครัว

2.เนื้ออัลปาก้า ได้แก่ 2.1 อัลปาก้าเปลือย 2.2 อัลปาก้ากะไหล่เงิน 2.3 อัลปาก้าชุบนิกเกิ้ล (ชาวบ้านบางคนเรียกว่าเนื้อช้อนส้อม เนื่องจากเหรียญมีความสวยและมันวาว)

3.เนื้อฝาบาตร

4.เนื้อทองแดง ได้แก่ 4.1ทองแดงธรรมดา 4.2 ทองแดงรมดำ 4.3 ทองแดงผิวไฟ (ทั้งผิวสีออกส้ม และเป็นเกร็ดหรือที่นิยมเรียกกันว่าลายเสือ)

ปลุกเสกโดยคณาจารย์สายหลวงปู่สีมั่น คณาจารย์ในอำเภอรัตภูมิ คณาจารย์ในจังหวัดสงขลา และคณาจารย์จากจังหวัดพัทลุง อาทิเช่น

-พระครูวีระโสภณ (หลวงพ่อลอย เจ้าคณะอำเภอรัตภูมิและเจ้าอาวาสวัดเขาตกน้ำในขณะนั้น)

-หลวงพ่อขาว ติสสวังโส (เจ้าอาวาสวัดห้วยหลาด รูปที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น และคือผู้ที่หลวงปู่เข้าประทับทรง)

-พระครูโกวิทธรรมสาร (หลวงพ่อกลาย เจ้าคณะอำเภอรัตภูมิ และเจ้าอาวาสวัดห้วยหลาดในปัจจุบัน)

-หลวงพ่อเจียร มณีรักษ์ (อดีตเจ้าอาวาสวัดควนรู ผู้บันทึกธรรมะคำสั่งสอน หลวงปู่สีมั่น ขณะมาประทับทรง)

-หลวงพ่อคล้าย วัดเบตง และ ฯลฯ มากมาย

หมายเหตุ กล่าวถึงลักษณะของรูปแบบเหรียญ เป็นการแกะบล็อกจากภาพที่หลวงปู่เมตตาอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ ซึ่งหลวงปู่อนุญาตให้ถ่ายได้เพียงภาพเดียวเท่านั้น โดยถ่ายขณะหลวงปู่เข้าประทับทรงพระอาจารย์ขาว เจ้าอาวาสในขณะนั้น และไม่มีภาพอื่นที่สามารถถ่ายติดได้อีก แม้แต่หลังจากที่หลวงปู่ไม่ได้มาประทับทรงแล้วเป็นเวลา 3-4 ปี มีผู้ศรัทธาพระอาจารย์ขาวขออนุญาตนิมนต์ท่านไปถ่ายรูปนอกสถานที่เพื่อนำภาพมาบูชา หลังจากถ่ายเสร็จนำฟิล์มมาล้างก็ไม่ติดภาพพระอาจารย์ขาว มีแต่พระอาจารย์ท่านอื่น ถ่าย 2-3 ครั้ง ก็ไม่ปรากฏภาพท่าน จนต้องเอาภาพเก่าๆ ที่ท่านเคยถ่ายไว้สมัยที่หลวงปู่ยังไม่มาประทับทรงไปบูชาแทน ซึ่งภาพที่ถ่ายหลวงปู่สีมั่นติด มีลักษณะเป็นดังภาพในเหรียญ จึงเป็นที่มาของรูปแบบเหรียญดังกล่าว

ส่วนยันต์หลังเหรียญ ก็เป็นยันต์ที่หลวงปู่ได้เมตตามอบไว้แก่ศิษย์ มี 2 แบบ แต่ได้อัญเชิญมา 1 แบบ ตามหลังเหรียญ ซึ่งยันต์ดังกล่าวเป็นสิ่งหนึ่งที่หลวงปู่ได้ใช้เป็นการพิสูจน์ขณะมาประทับทรง เนื่องจากมีผู้แอบอ้างหลอกลวงว่า เป็นหลวงปู่มาประทับทรง แล้วหลอกลวงชาวบ้านหาผลประโยชน์ หลวงปู่จึงกำหนดว่า หากเป็นองค์หลวงปู่จริง ให้เอามือลูบมาที่องค์หลวงปู่ขณะประทับทรงพระอาจารย์ขาว บริเวณใดก็ได้ 3 ครั้ง จะต้องปรากฏยันต์ขึ้นมา ณ.จุด ที่เอามือลูบ หากไม่มีแสดงว่าเป็นการหลอกลวง


เหรียญรุ่นนี้ ทำพร้อมกับรูปเหมือนแบบหล่อโบราณ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2509 เรื่องราวของการทดสอบพระเครื่่องเมื่อประมาณเกือบ 50 ปีมาแล้ว จากหนังสือ "แว่นส่องจักรวาล" ซึ่งเขียนโดย พ.ต.อ. ชลอ อุทกภาชน์ จัดพิมพ์เมื่อประมาณ พ.ศ. 2512 เนื้อหาภายในกล่าวถึงเรื่องราวอิทธิปาฏิหารย์ต่าง ๆ ที่เกิดจากพระเครื่องและเครื่องรางของขลังของบุคคลที่อ้างอิงตัวตนได้…มีรูปถ่าย…ร่องรอยบาดแผลจากอาวุธ…ฯลฯ

สืบเนื่องจากประสบการณ์การรบใน "สงครามเวียดนาม" หลายต่อหลายครั้ง ทั้งจากต่อหน้าต่อตาทหารอเมริกัน และจากคำบอกเล่าของเพื่อนทหารในสนามรบทำให้ทหารอเมริกันได้ประจักษ์ และยอมรับในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องและเครื่องราง ฯ ของทหารไทย..จนมีทหารอเมริกันบางกลุ่ม ได้นำพระเครื่องของไทยไปห้อยคอเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยต่างเกิดประสบการณ์มากมาย...ทางการสหรัฐ ฯ จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อรับซื้อพระเครื่องและเครื่องราง ฯ จำเพาะเจาะจงให้มีคุณสมบัติ "มหาอุตม์" เป็นเงินจำนวน 40 ล้านบาท..โดยได้ขอร้องให้คณะนายทหารติดต่อของไทยช่วยตรวจสอบว่าเป็นของแท้ และมีความศักดิ์สิทธิ์ตามที่พวกเขาต้องการหรือไม่..การทดสอบมีขึ้นที่สนามยิงปืนของทหารเรือที่บริเวณป้อมพระจุล ฯ ผลการทดลองยิงในระยะ 2 เมตร..1 เมตร และครึ่งเมตร..แต่กระสุนผิดเป้าทุกนัดแสดงถึงอิทธิฤทธิ์ในด้าน "แคล้วคลาด" คือ..

...1. เหรียญหลวงปู่สีมั่น วัดห้วยหลาด จ.สงขลา
...2. เหรียญพระพุทธชินราช รุ่นแรก
...3. แหวนเงิน และพระพุทธชินราชของหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว

กระสุนพลาดเป้าทุกนัด.. รูปหล่อปู่สีมั่น มีจำนวนการสร้างน้อยกว่ามาก จึงแพงกว่าเหรียญ (ทั้งเหรียญและรูปเหมือนหลวงพ่อขาวปลุกเสก โดยอัญเชิญวิญญาณของหลวงพ่อสีมั่นเข้าประทับร่าง เนื่องจากหลวงปู่สีมั่นท่านมรณภาพไปแล้ว 100 กว่าปีเห็นจะได้ แต่ก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวบ้านเห็น และศรัทธาอยู่เสมอ) จึงเป็นที่มาของการสร้างรุ่นนี้ขึ้น เหรียญรุ่นนี้ได้สร้างขึ้นเพื่อแจกทหารที่ไปรบในประเทศเวียดนาม หลายคนได้รับแจก ต่างก็มีประสบการณ์กันมากมาย จึงทำให้เหรียญนี้โด่งดั่ง ต่างคนเริ่มแสวงหากันยกใหญ่ (ถ้าเหรียญไม่ผ่านการใช้เลยผิวเนื้อเหรียญจะกลับและบางเพราะสร้างเมื่อ ปี 2509)

เหรียญหลวงปู่สีมั่น สร้างเมื่อปี 2509 ที่มีพิธีการสร้างลักษณะเหมือนหลวงปู่ทวด คือโดยการเข้าประทับทรงโดยพระอาจารย์ ขาว ติสสวังโส ณ วัดห้วยลาด ซึ่งหลวงปู่สีมั่นมาประทับทรงตั้งแต่ปี พ.ศ.2496-2499 เมื่อตอนเข้าทรงใหม่ๆ ลูกศิษย์หลายคนสงสัยว่า ท่านเป็นภิกษุองค์เดียวกันกับ หลวงปู่ทวด วัดช้างให้หรือไม่ หลวงปู่สีมั่น ท่านทราบวาระกระแสจิตความสงสัยของบรรดาลูกศิษย์เหล่านั้นก็บอกลูกศิษย์ไปว่า "พระที่ชื่อ (ทวด) น่ะไม่มีหรอก มีแต่พระที่ชื่อว่า (โค๊ะ) หลวงปู่ทวด) เป็นพระร่วมสมัยเดียวกับหลวงปู่ แต่เดิม “พระโค๊ะ” นั้นบวชเรียนเอาความรู้ทางปริยัติ ได้รับสมณะศักดิ์ทางสงฆ์ แต่ภายหลังได้ออกปฏิบัติวิเวกธุดงค์กรรมฐานหาความสงบทางจิตใจ นับว่าเป็นพระภิกษุที่ดีจริงองค์หนึ่งทีเดียว" นั้นเป็นคำพูดของหลวงปู่สีมั่น บอกกล่าวผ่านร่างทรง คือพระอาจารย์ขาว หลวงปู่สีมั่นได้เข้าประทับทรงได้สอนหลักธรรมต่างๆให้แก่ลูกศิษย์ และสอนคาถาอาคมต่างๆ ซึ่งขณะนั้น (ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช และอาจารย์ชุม ไชยคีรี ก็ได้ไปเรียนคาถาเพิ่มเติมกับหลวงปู่สีมั่นด้วย และเหรียญหลวงพ่อสีมั่น วัดห้วยหลาด ที่จัดสร้างในปี ๒๕๑๗) มีกลุ่มนายทหารมารับเหรียญนี้ แล้วนำไปลองภายในวัดโดยวางไว้บนขอนไม้ แล้วใช้ ปืน 9 มม. เล็งยิงไปที่เหรียญ ปรากฏว่า !!!กระสุนยิงไม่ออก จึงเป็นที่กล่าวขานและนิยม ในวงการข้าราชการทั่วไป

คาถากันภัย หลวงปู่ สีมั่น เทพอินโท วัดห้วยหลาด สงขลา

"อะติยะ อะมะนุสสะรัง ยะสูญหายพายพัง วินาสสันติ"

XXXบูชาแล้วXXX

 

เหรียญ “นะโมตาบอด” รุ่น2 ย้อนยุค รุ่นสร้างอาคารเรียน 100 ปี หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท เนื้อทองแดง ปี 2548 ( สร้างน้อยไม่เกิน 5,000 เหรียญ) )

เหรียญรุ่นสอง ปี 2515 ปัจจุบันมีราคาแพงหลายหมื่นบาทและหายากพอสมควร ซึ่งทางกรรมการวัด และโรงเรียนวัดโฆสิตาราม ได้สร้างขึ้นมาย้อนยุคครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2548 ครบรอบอาคารเรียน 100 ปี

โดยได้ทำเพียงสองเนื้อ คือ เนื้ออัลปาก้า สร้างจำนวน 1,000 เหรียญ และเนื้อทองแดง รมดำ สร้างจำนวน 5,000 เหรียญ โดยนำไปให้พระเกจิอาจารย์ปลุกเสกเดี่ยว แต่ละองค์ก่อน ดังนี้

1. หลวงพ่อทิม วัดพระขาว อยุธยา 2.หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อยุธยา 3.หลวงพ่อนะ วัดหนองบัว ชัยนาท 4. หลวงปู่ฤาษีตาไฟ วัดหนองทาระกู หันคา ชัยนาท และต่อมาในปี พ.ศ. 2552 นำเข้าร่วมปลุกเสก พิธีเดียวกับของทางวัดที่ สร้างเหรียญ โล่ห์หลังยันต์ และหลัง หนุมาน ซึ่่งรุ่นนี้มีประสบการณ์ และมีราคาแพงขึ้นกว่าเดิม และเสาะหากันอยู่ โดยในพิธีดังกล่าว ทำพิธีพุทธาภิเษก ปลุกเสกหมู่ที่วัดโฆสิตาราม มีคณาจารมาร่วมปลุกเสก ดังนี้ 1. หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ ชัยนาท 2. หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน อ่างทอง 3.หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี และหลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยาฯลฯ

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

จองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระสมเด็จนางพญา กรุบางสะแก หรือ นางพญากรุเหนือ (กรุน้ำ) บ้านตาปาน

อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการจากหนังสือเปิดตำนานเบญจภาคี โดย คุณนิยม อสุนี ณ อยุธยา สำหรับข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับพระนางพญากรุเหนือ หรือ บางสะแก นี้เข้าใจว่าคงเป็นของกรุวัดนางพญา ซึ่งอยู่ใต้บางสะแกนั่นเอง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2444 คราวปลูกศาลารับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว คงจะมีใครสักคนหนึ่งนำพระจากวัดนางพญามาไว้ที่นี่ แล้วไม่มีใครทราบ จนเวลาล่วงเลยมามาก และคนที่ทราบเรื่องก็ไม่มี จึงไม่มีผู้ใดทราบว่า พระนางพญาจากวัดนางพญานั้นมาอยู่ที่บางสะแกได้อย่างไร อนึ่ง นางพญาที่กรุบางสะแกนี้ บางท่านก็เรียกว่า “พระนางพญากรุน้ำท่วม” อย่างไรก็ดี กล่าวกันว่า “พระนางพญากรุบางสะแก” นี้ มีเนื้อยุ่ย และผิวร่อน ไม่เหมือนกับพระนางพญาจากกรุวัดนางพญา ซึ่งเป็นต้นตอของพระนางพญา สาเหตุที่เนื้อพระยุ่ยนั้น มาจากดินที่ฝังนั้น ร่วนและซุยกว่า จึงทำให้เวลาฝนตก น้ำฝนก็จะไหลลงไปในหม้อที่บรรจุพระ เนื้อของพระเลยยุ่ยดังกล่าว

อย่างไรก็ดี พระนางพญาที่พบที่นี่ ค่อนข้างจะแปลกคือ ไม่ใช่เป็นการพบในที่วัด อย่างพระพิมพ์อื่นๆ แต่กลับเป็นการพบที่บ้านๆหนึ่ง ตรงข้ามกับ “วัดชีปะขาวหาย” หรือ “วัดเต่าไห” ผู้พบคือ นายปาน บริเวณที่พบเป็นลานบ้าน และพบเมื่อปี 2484 มูลเหตุที่พบพระนางพญาที่นี่ ก็เพราะนายปาน ต้องการย้ายเสาเรือนใหม่ การย้ายเสาเรือนใหม่ ก็คือการย้ายที่ปลูกเรือนใหม่นั่นเอง ต้องขุดหลุม ต้องรื้อบ้านหลังเก่าแล้วประกอบกันขึ้นใหม่ คล้ายกับการสร้างบ้านใหม่ แต่ทว่าวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างจะเป็นของเก่าเสียส่วนมาก ขณะที่นายปานขุดหลุมใหม่นั้นเอง จึงได้พบเข้าโดยบังเอิญ

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระสมเด็จปรกโพธิ์ สะดุ้งกลับ วัดเขาตะเครา รุ่นแรกปี 2513 พิมพ์เอวเล็ก ขอบเดียว นิยม เนื้อผงเกสรว่าน108 , ผงแร่ดำ , ผงเก่าวัดระฆัง , ผงเก่าบางขุนพรหม , ผงวัดสามปลื้ม ตลอดจนมวลสารพระเก่าจำนวนมากมาย ผสมเพื่อจัดสร้างพระรุ่นนี้ขึ้น องค์นี้สภาพสวยเดิมๆ องค์พระหนา ผิวเดิม ฟู่ฟ่าม เนื้อเป็นชั้น แบบธรรมชาติ ตามอายุพระ พระไม่ได้ลงแล็คเกอร์

พระสมเด็จวัดเขาตะเครา เป็นหนึ่งในพระสุดยอดประสบการณ์เมืองเพชรบุรี ประสบการณ์คนพื้นที่ว่ากันมาปากต่อปาก ทั้งด้านเมตตา แคล้วคลาด มหานิยม พุทธคุณครบด้าน (มีคนเคยเอาพระไปลองยิงปรากฏว่าปืนแตกมาหลายราย จนเป็นที่กล่าวขานกัน)

พระสมเด็จที่สร้างขึ้นในช่วงปี 2513 นั้นมีหลายพิมพ์ แต่ “พิมพ์ปางสะดุ้งกลับ” เป็นพิมพ์ที่นิยมสุด เพราะเชื่อกันว่า "กลับร้ายให้กลายเป็นดี " และพระสมเด็จปรกโพธิ์ สะดุ้งกลับ วัดเขาตะเครา นี้ ได้รับความนิยมกว่าพิมพ์อื่นๆ เนื่องจาก (เมื่อคราวพายุเกย์พัดปักษ์ใต้ คราวนั้นลูกเรือประมงจากอำเภอบ้านแหลม ซึ่งได้ล่องเรือไปจับปลาทางปักษ์ใต้ และได้ถูกพายุเกย์พัดกระหน่ำเอาด้วยนั้น ปรากฏว่า ลูกเรือได้หายไปทั้งลำ คงเหลือรอดตายมาเพียงคนเดียว และเขาผู้นี้ได้ห้อยบูชา พระสมเด็จปรกโพธิ์ สะดุ้งกลับ วัดเขาตะเครา อยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้น หลังจากข่าวนี้ปรากฏออกมาสู่สาธารณชน ผู้คนโดยทั่วไปก็แสวงหากันแต่ พระสมเด็จ วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี โดยเฉพาะ ปรกโพธิ์ สะดุ้งกลับ เป็นที่นิยมชมชอบกันมากเป็นพิเศษ

หลวงพ่อ วัดเขาตะเครา ตามตำนานกล่าวว่า เป็นหนึ่งในพระสามพี่น้อง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศมาเป็นเวลานานแล้ว หลวงพ่อ 3 องค์ที่ว่าเป็น 3 พี่น้องนั้น คือ หลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จ.สมุทรสงคราม และ หลวงพ่อวัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี

ปลุกเสกหมู่ยิ่งใหญ่ประจำปี มีคณาจารย์พื้นที่หลายท่าน อาทิ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ, หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ(พระน้องชายหลวงพ่อแดง), หลวงพ่อแล วัดพระทรง, หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง และ คณาจารย์ใกล้เคียงอีกหลายท่าน

เนื่องจากพระรุ่นนี้ ผู้สร้างหมอราญ (อาจารย์สำราญ) ท่านกดพระเอง พระบางองค์สาเหตุที่เป็นสองขอบนั้น เพราะเกิดรอยเยื้องของขอบพระ และได้ทำออกมาหลายรุ่น จึงทำให้การเช่าหาค่อนข้างสับสนผิดรุ่นผิดราคากันในปัจจุบัน หลักการดูพระผงในยุคนั้น ให้ดูที่ใบโพธิ์/ รุ่นแรกใบโพธิ์และก้านใบ จะต้องงดงามอ่อนช้อย เรียวยาว (ถ้าเป็นก้อนเป็นเม็ดกลมก็ไม่ใช่รุ่นแรก) เนื้อต้องแน่นเกาะตัวกัน ไม่หลวมไป ไม่ยุ่ยเกินไป มวลสารต้องมีทุกองค์ มากบ้าง น้อยบ้าง แต่ต้องเห็นในเนื้อพระ เป็นลักษณะจุดขาวๆ ดำๆ แดงๆ ปนกันอยู่ทั่ว บางองค์เห็นก้อนผงพุทธคุณพระกรุเก่า

ในการสังเกตเนื้อพระ และความเป็นไปได้ การสร้างพระนั้น ท่านได้แกะพิมพ์ ทำพิมพ์เอาเองทั้งหมด ส่วนผสมของมวลสารนั้น ท่านได้ใช้มวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมาย นำมาผสมกัน แล้วประสานเนื้อให้เกาะติดโดยใช้กล้วยป่ามาบดเพื่อให้ผงยึดตัว แล้วผสมด้วยน้ำมันตั้งอิ๊วอีกครั้งหนึ่ง ส่วนผสมหลักที่สำคัญมากที่ลืมไม่ได้ก็คือ การผสมผงองค์พระนั้น ทุกครั้งท่านจะต้องใส่ ผงพระสมเด็จวัดระฆัง ซึ่งเป็นสมบัติของท่านลงไปด้วยเสมอ จะขาดไม่ได้เลย การกดพิมพ์องค์พระ ท่านจะกดพิมพ์ด้วยตัวของท่านเองภายในโบสถ์ ท่านจะกดพิมพ์พระไปเรื่อยๆ เมื่อมีเวลาว่าง

การปลุกเสกแต่ละครั้ง ในการปลุกเสก ท่านจะโยงสายสิญจน์จาก หลวงพ่อ “วัดเขาตะเครา” มายังองค์พระที่สร้างขึ้น และจะทำการปลุกเสกติดต่อกันไปเรื่อยๆ ทุกวัน เมื่อมีใครมาขอพระจากท่าน ท่านก็จะมอบให้ไปตามที่ต้องการ ท่านสร้างพระไปเรื่อยๆ ก็เพื่อแจกจ่ายให้กับทุกคนที่ต้องการ เพื่อให้นำไปใช้คุ้มกันภัย และประสบแต่ความดี ทั้งยังเป็นการต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นกุศลอย่างหนึ่งด้วย

พระสมเด็จ “วัดเขาตะเครา” ประวัติการสร้างโดยพระอาจารย์สำราญ ในช่วงราวปี 13-14 ร่วมสิบพิมพ์ เช่น สมาธิปรกโพธิ์ ,สมาธิปางสะดุ้งกลับ มีเอวเล็ก และเอวใหญ่ พิมพ์พุทธซ้อน, พิมพ์สามพี่น้อง, พิมพ์สมเด็จ 3 ชั้นคล้ายพระสมเด็จทั่วไป เป็นต้น (ที่สำคัญ คือเนื้อของพระมีเอกลักษณ์พิเศษ ถ้าแบบดูง่ายๆ มักจะมีมวลสารสีแดง ,สีขาว,สีดำ และน้ำมันตั้งอิ๊วกับกล้วยลอยให้เห็น)

XXXบูชาแล้วXXX

 

โอน 300 วันนี้ เวลา 9.00 น. ผ่าน KTB
ขอฝากพระเอาไว้ก่อนนะครับ

 

พระสังกัจจายย์
สก. 5 รอบราชินีฯ
ดำเนินการให้เรียบร้อยแล้วนะคะ รายละเอียดปรากฏ pm. ค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

รูปหล่ออุดกริ่งทองแดง หลวงพ่อเงิน บางคลาน พิมพ์หน้าฝรั่ง เนื้อทองเหลือง ผิวกลับ วัดท้ายน้ำจัดสร้าง เสาร์ห้า ปี 2516 องค์ใหญ่ล่ำบึก เข้มขลัง

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พระเกจิที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเพชรน้ำเอกของจังหวัดพิจิตร เป็นอมตะมหาเถระแห่งกรุงสยาม เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน วัตถุมงคลที่ท่านสร้างยังคงเป็นที่นิยมและแสวงหาอย่างสูงในหมู่พุทธบริษัทและแวดวงนักเล่นพระทั้งหลาย ทั้งรูปหล่อลอยองค์ พิมพ์นิยม, รูปหล่อลอยองค์ พิมพ์ขี้ตา, เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ และเหรียญหล่อพิมพ์จอบเล็ก ด้วยพุทธานุภาพที่ความเข้มขลังปรากฏแก่ผู้มีไว้ครอบครองบูชา จากอดีต-จนถึงปัจจุบัน ก็ยังมีการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อเงินเรื่อยมา ซึ่งทุกรุ่นก็ล้วนทรงอานุภาพ และเป็นที่นิยมสะสมทั้งสิ้น ด้วยบารมีของหลวงพ่อเงิน โดยเฉพาะรุ่นที่สร้างเมื่อปี พ.ศ.2515 ซึ่งประกอบพิธีเททองที่ ‘วัดสุทัศนเทพวราราม’ และพุทธาภิเษกที่วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) จ.พิจิตร

ในการพุทธาภิเษกที่วัดบางคลานในปี 2515 อุโบสถวัดบางคลานยังก่อสร้างไม่เสร็จ หลังคายังไม่มี ได้เกิดปรากฏการณ์พระราหูอมพระจันทร์ หรือจันทรุปราคาและเกิดเหตุการณ์อีกหลายอย่างจนทำให้ หลวงพ่อเงิน ปี15 จำหน่ายจ่ายแจกหมดอย่างรวดเร็ว และราคาขยับขึ้นอยู่ตลอดเวลาจนบัดนี้

วัดท้ายน้ำก็เช่นกัน ได้มีการสร้างหลวงพ่อเงิน บางคลาน ปี 15 ออกมาเช่นกัน ได้ร่วมพิธีปลุกเสกพร้อมกับวัดบางคลาน และได้ถูกเช่าหาบูชาจนหมดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนเป็นอย่างมาก ที่ต้องการบูชาหลวงพ่อเงินแต่หมดเสียก่อน ดังนั้นในปี 2516 ทางวัดบางคลานจึงสร้างรูปหล่อหลวงพ่อเงิน บางคลาน ปี 16 ขึ้นมาอีกครั้ง

องค์นี้เป็นรูปหล่ออุดกริ่งหลวงพ่อเงิน บางคลาน เนื้อทองเหลือง วัดท้ายน้ำ จัดสร้าง ปี 2516 องค์ใหญ่ล่ำบึก กริ่งดังดีไม่ติดขัด เข้มขลัง สวยงาม ตามสภาพสวย ผ่านการสัมผัส ท่านที่สนใจต้องรีบเก็บ เริ่มนิยมและหายากมาก รูปหล่อปั๊มหลวงพ่อเงิน บางคลาน ปี 15 ราคาไปหลายแสนบาทแล้ว รูปหล่ออุดกริ่งหลวงพ่อเงิน บางคลาน เนื้อทองเหลือง วัดท้ายน้ำจัดสร้าง ปี 2516 เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่ดี

พระรูปหล่อหลวงพ่อเงินองค์นี้ ก็นับเป็นอีกหนึ่งในผลงานที่ทางวัดท้ายน้ำได้ทำการจัดสร้างขึ้นมาเมื่อปีพ.ศ.2516 เป็นพระขึ้นช่อแบบหล่อโบราณ ในขณะที่พิมพ์ทรงนั้นก็ค่อนข้างจะมีความแปลกตาออกไปจากรูปแบบที่หลายท่านได้เคยพบเห็นกันจนชินตา จัดว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเซียนบางท่านเมื่อได้มองเห็นเค้าโคลงของใบหน้า ก็เลยตั้งฉายาให้ว่า “พิมพ์หน้าฝรั่ง” แต่ก็มีอีกหลายท่านเหมือนกันที่เรียกว่า “พิมพ์หน้าแก่” ก็ไม่ถือว่าจะเป็นการผิดกติกาแต่อย่างใด ส่วนจำนวนในการจัดสร้างนั้น ไม่แน่ชัดว่ามีประมาณสักเท่าไหร่ แต่สันนิษฐานว่า คงจะน้อย เพราะไม่ค่อยจะได้พบเจอกันอย่างง่ายๆตามแหล่งสนามพระโดยทั่วไป ดังนั้นท่านใดที่สนใจ ก็พยายามอย่าพลาดโอกาสนี้ไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะนานๆถึงจะมีโอกาสได้พบเห็นกันสักครั้ง

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระผงรูปเหมือน หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา หลังตรายาง มวลสารจัด (เส้นเกศาชัดเจนมาก) ปี 2506 ออกวัดประสาทบุญญาวาส สภาพนี้ไม่ได้เจอบ่อยๆ

“หลวงปู่เทียม” นับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ ที่รู้จักกันดีของชาวพระนครศรีอยุธยามาช้านานแล้ว และยอมรับว่าท่านเป็นผู้สำเร็จ “ตำราพิชัยสงคราม” ของ “สมเด็จพระพนรัตน์” แห่งวัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ “พระมหากษัตริย์ยอดนักรบไทย” ซึ่งก็คือ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ผู้ทรงคุณอันประเสริฐและยิ่งใหญ่ในแผ่นดินไทยและเหตุที่บอกว่า “หลวงปู่เทียม” สำเร็จ “ตำราพิชัยสงคราม” ก็เพราะท่านนับเป็นผู้ที่มีความเพียรพยายามศึกษา“ตำราพิชัยสงคราม” ซึ่งสืบทอดมาจาก “สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว” ที่ตกทอดมาถึง “วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” เพราะเป็นวัดที่มีสำนักเรียนตำราพิชัยสงครามสืบทอดมาแต่ครั้งกรุงเก่าซึ่งมีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ สำเร็จการศึกษาพระเวทวิทยาคมอันเป็นส่วนหนึ่งของตำราพิชัยสงคราม (ตำราพิชัยสงครามก็คือตำราที่ว่าด้วยความมีชัยชนะในการต่อสู้ และการต่อสู้ในที่นี้หมายถึงการต่อสู้ในราชการสงคราม) มากมายหลายท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือ “พระพุทธพิถีนายก (บุญ ขันธโชติ)” หรือที่นักสะสมทั่วไปเรียกท่านว่า “หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว” อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รวมทั้ง “หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา” อ.เมือง จ.นครปฐม โดยเฉพาะ “หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา” รูปนี้ก็ได้เคยบอกต่อศิษย์เอกของท่านผู้หนึ่งที่มีตำแหน่งเป็น “ผู้พิพากษา” แต่สนใจในเรื่องของวิทยาคมและวัตถุมงคลที่เคยเรียนถามท่านว่า “เมื่อสิ้นหลวงพ่อน้อยแล้วจะมีพระคณาจารย์รูปใดอีกที่พอจะพึ่งพาด้านวิทยาคมบ้าง” หลวงพ่อน้อยก็ตอบว่าให้ไปหา “หลวงปู่เทียมวัดกษัตราธิราช”

ปี 2506 ในพิธีหล่อพระที่ “วัดประสาทบุญญาวาส” จัดสร้างพร้อมนำ “แผ่นจารอักขระ” ของ “คณาจารย์จากทั่วประเทศ” มาหล่อหลอมด้วยไฟแรงสูงเพื่อเทหล่อสร้างพระของวัดประสาทฯ ปรากฏว่า “แผ่นจารอักขระ” ของคณาจารย์อื่น ๆ ล้วนหลอมละลายหมดยกเว้นของ “หลวงปู่เทียม” เท่านั้นที่ไม่ยอมหลอมละลายเลยจึงสร้างความ “อัศจรรย์ใจ” ให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทั่วหน้า

<<< ทูลเกล้าฯถวายตะกรุด >>> ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราช กุศลถวายผ้ากฐินส่วนพระองค์ ณ วัดศีลขันธาราม ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2517 ท่านจึงมอบให้พระสำรวย ฐิตปุญโญ รองเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช นำรูปจำลองของท่าน พร้อมด้วยตะกรุดมหาระงับแบบพิสดาร ลงตามตำรับเดิมของ วัดประดู่ทรงธรรม เป็นโลหะตะกั่วถักด้วยด้าย และลงรักปิดทอง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ยาว 12 นิ้ว ขึ้นทูลเกล้าถวายแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

XXXบูชาแล้วXXX