เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ได้เห็นภาพความเป็นไปในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ที่อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มาปรากฎอยู่พร้อมกันหมดในประทู้นี้ เป็นตัวอย่างเล็กๆที่พี่นักเขียนอธิบายให้เห็นความจริงนี้ แล้วพี่นักเขียนได้มาช่วยตรวจการบ้านวาดเขียนให้พวกเราอีก อ่านแล้วเหมือนตัวเราหลุดไปอยู่นอกกรอบของระยะทาง ช่องว่างและกาลเวลา และยังเป็นอิสระจากความเชื่อมากขึ้นทุกวันๆ..จนไม่น่าเชื่อครับว่าผ่านไปแค่ 1 เดือนเอง.. หลายๆอย่างทีเคยรู้ก็รู้กระจ่างชัดขึ้น เห็นภาพอนาคตมาปรากฎอยู่ตรงหน้า เหมือนจะคว้ามาดูได้ทุกเมื่อที่ต้องการครับ..ผมว่าเราหลายๆคนที่นี่คงได้สัมผัสประสบการณ์ที่กำลังเปลื่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้..ได้รวดเร็วกว่าที่คิด แม้ว่ายังอ่านหนังสือกันไม่ครบทุกเล่ม..แต่เหมือนอ่านหนังสือไว้ล่วงหน้าเลยครับ..เป็นความมหัศจรรย์ที่ดูเป็นธรรมชาติของห้องวิทย์นี้จริงๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เมื่อวานเย็นเสร็จงานไปเดินหาอุปกรณ์คอมอยู่ที่เซียร์รังสิต
    ..ไปเจอ dvd หนังเรื่องนึงเหตุเกิดในสมัย "ชาวมายัน"ที่กำลังลังจะล่มสลาย ปรากฎว่ามีเรื่องเกี่ยวกับปิรามิด ก็มีปรากฎอยู่ในหนังบางตอน (แค่คิดไว้ก็ได้ดูครับ)..การใช้ผสมปูนขาวฉาบสิ่งก่อสร้าง การใช้แรงงานคน ทั้งการแต่งกาย ประเพณีความเชื่อ การสักตัว ใช้หินเธอคอยซ์..รูปสลัก อาวุธ..ตลาดค้าทาส รวมถึงจิตใจผู้คนในยุคนั้น มีรายละเอียดที่สมจริงมากลองไปหามาดูกันครับ..เป็นหนังของ Mel Gibson เห็นเค้าว่าเพิ่งจะเข้าโรงฉายช่วงนี้ครับ แต่แผ่นออกมาขายกันเต็มเลย..ชื่อเรื่อง apocalypto
    รับรองว่าไม่ละสายตาแน่นอนเพราะวิ่งไล่กันให้ลุ้นกันตลอด เป็นหนังดีอีกเรื่องที่แนะนำให้ชมกันครับ


    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  3. mindanaric

    mindanaric เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +1,964
    ฟุดฟิดๆ ...... หืมมมม กลิ่นธูปเต็มไปหมดเลยอ่ะ จะเผาห้องวิทย์กันรึไวนะ เด็กพวกนี้หนิ -*- เด๋วครูเข้ามาก็โดนฟาดกันหมดหรอก หนูเหลยนี่ตัวนำเลยจะ ชวนหนูเม้าไปเผาห้องกันรึไง นี่แหละน้า....ที่เค้าเรียกว่าลูกคนอื่นเผาเรือน!!!

    เค้าไม่ใช่สัพพะเวสีนะ มาจงมาจุดธูป เดี๋ยวเหอะๆ ตาเม้าตาเหลยหนิ -.-*

    นี่มันหนึ่งเดือนเองจริงๆหรอนี่ >< ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะเหมือนผ่านไปเป็นปีๆไปแล้วนะเนี่ย OoO สงสัยห้องวิทย์นี้จะต้องเป็นช่องว่างของกาลเวลาแน่ๆๆเลยยยอ่ะ !!!

    แบบนี้ต้องฉลองงงงงงงงงงงงง >< เย้ๆๆๆๆๆ ครบหนึ่งเดือนแล้ว เป่าเค้กกานๆๆๆๆๆ ตามิ้ทไปเอาเค้กมาเร็วๆ เป่าเค้กกกกก

    ฉลองเฉลิมให้กับห้องที่ไร้กาลเวลา ไม่มีทั้งเด็กและแก่~ เย้ๆๆๆๆๆๆ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ได้ผลแฮะ จุดปุ๊บมาปั๊บ น้องมายด์
    หัวหน้าเราก็ใช่ย่อย ขับไปตาม เดี๋ยวเดียวก็มาถึงที่เลย

    ขอคารวะๆ

    มาเฉลย...เอ๊ย..ฉลอง กันอีกรอบ ครบ 1 เดือนจ๊า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เค้กหลายหลายสารพัดแบบ

    เรื่องที่คุณ mead แนะนำมาเรื่องนั้นเค้าพูดภาษามายากันทั้งเรื่องเลยนะ ลองฟังๆ ดู เผื่ออาจจะรู้สึกคุ้นๆ หุหุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441

    เค้กที่สั่งไว้มาแล้ว..เป่าเลยครับ
    งานนี้ของกินล้นห้อง ถ้าอิ่มแล้วไปนอนตีพุงฟังเพลงต่อครับ อิอิ

    [​IMG]

    เชิญ Singing Cowboy...มาสร้างบรรยากาศด้วย..
    you are my sunshine...+++


    [​IMG]

    อุ๋ย!ลืมไปว่า..นักร้องคนนี้เสียชิวิตแล้ว ตัวใครตัวมัน..วิ่งก่อนหล่ะคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  7. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ธูป อาจารย์เมาท์ได้ผลมั๊กมากไม่ถึงชั่วโมงเลย น้องมายด์หยิบเครื่องเซ่นติดมือมาเพียบเลย สงสัยรีบไปหน่อย ไม่ดูตาม้าตาเรือ หยิบพวงหรีดมาด้วยฮะ
     
  8. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ตื่นมาตอนตี5ครึ่งก็เลยขอนอนต่ออีกหน่อย
    ฝันว่าอยู่ในห้องเรียน ความรู้สึกบอกว่าเหมือนห้องวิทย์เลย
    โต๊ะก็ตัวยาวๆ คนนั่งในห้องเป็นร้อย แน่นขนัดมาก กำลังเลี้ยงฉลองกันอยู่
    โต๊หน้าสุดมีนก และพี่เพื่อนผู้หญิงผู้ชายประมาณ15คน
    แต่ที่จำได้มีพี่ผู้ชายนั่งข้างขวา2คน อีกคนนึงใส่แว่นตาผมสั้นๆ
    อีกคนนึงใบหน้ากลมๆอิ่มๆดูสนุกสนานขี้เล่น พี่เค้าก็ขึ้นเพลง16ปีแห่งความหลังของสุรพล
    พวกเราก็ช่วยกันร้องตามอย่างสนุกสนาน บรรยากาศครื้นเครงมาก
    ด้านซ้ายนั่งถัดไปอีก2-3คน มีผู้ชายผอมๆผมยาวประบ่า พอนกพูดอะไรตลกๆก็หันมายิ้ม
    แต่ที่นั่งข้างนกด้านซ้ายเลย เป็นน้องผู้หญิงที่ไฮเปอร์มาก ไม่อยู่นิ่งๆ สนุกสนานตลอดเวลา
    น้องเค้าก็หยิบกระป๋องกระดาษออกมาจากใต้โต๊ะ(ที่เปิดออกมาแล้วมีสายรุ้งด้วย นกก็เรียกไม่ถูก)
    เอาขึ้นมาก็ช่วยกันดึงดังปั้ง สายรุ้งกระจายไปทั่ว ทุกคนในห้องตะโกนกันว่า Happy 10ปี Anniversary
    แล้วก็ตามด้วยคำว่า LONG LIVE KING ทรงพระเจริญ ดังไปทั่วห้องเลย
    6โมงกว่าสะดุ้งตื่น ตายๆสายอีกแล้ว นั่งรถเมล์มาทำงานก็นั่งนึก
    จะเกี่ยวข้องกะบอร์ดห้องวิทย์เราไหมเนี่ย 1เดือน แต่เหมือน 10ปี
    เผลอๆต่อไปในอนาคต นักเรียนในห้องนี้คงมีเป็นร้อยแน่ๆคิดว่างั้น
    ว่าแต่ใครมีลักษณะคล้ายๆกับคนที่เห็นบ้างไหมหนอ แต่ว่า น้องที่ไฮเปอร์เนี่ย เหมือนมายด์เลยนะ ความรู้สึกมันบอก อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เรื่องราวที่ฝันกลายเป็นจริง

    ไปเจอเรื่องที่คนฝันแล้วเอาข้อมูลที่ได้จากฝันเอามาทำเป็นสิ่งประดิษฐิ์จริงๆ ได้ เห็นว่าเกี่ยวๆ กะฝันเหมือนกันเลยเอามาให้อ่านกัน

    เรื่องนี้เกี่ยวกับเสื้อกันกระสุนกับฟิลม์เอ๊กซเรย์ เนื่องจากว่าไปอ่านกระทู้ทดสอบฟิลม์เอ๊กซเรย์กับการกันกระสุนที่หมอ J โพสที่พันทิป http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5803516/X5803516.html

    ก็มีคนโพสเรื่องที่มีตำรวจนายนึงประดิษฐิ์เสื้อเกราะกันกระสุนโดยเอาเรื่องจากฝันมาใช้ ขอยกข้อความมาเลยละกัน
    <hr>
    อ่าวเฮ้ย เรื่องนี้มาเป็นประเด็นแล้วเหรอ

    คือ ว่า คุณตำรวจ ที่ทำ โปรเจคนี้ กำลังจดสิทธิบัตรอยู่
    แล้ว มัน กำลังตรวจสอบ สิทธิบัตร เพื่อจดไป ทุกประเทศอยู่ เพราะกลัวประเทศอื่น จะเอาไปจด

    ข้อมูล อ่านได้ที่นี่ http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=8510

    ใช้ว่าเสื้อเกราะรุ่นพระเจ้าตาก ทำออกมาในราคา ไม่กี่พันเอง เพราะคิดราคาทุนล้วนๆ

    ขอบอกคุณตำรวจที่คิดหน่อยว่า ชื่อ พันตำรวจกฤษฎากร เชวงศักดิ์โสภาคย์ นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 วิทยาการจังหวัดตาก

    คิดขึ้นมาได้ เพราะว่าฝันถึงพระเจ้าตาก กำลังรบกัน เห็นเกราะพระเจ้าตาก ฟันแทงไม่เข้า จึงถามไปว่า เสื้อเกราะทำมาจากอะไร

    คำตอบคือ - ใช้เงาบัง

    แค่นั้นแหล่ะ คุณตำรวจ เลย รีบไปดูฟิล์มเอกซ์เรย์

    เราได้ มีโอกาสคุย กับคุณตำรวจโดยตรงเลย ท่านจิตใจดีมากๆ ไม่หวังผลกำไร ขนาดมีพระเบญจภาคี คุณตำรวจ ยังไปบริจาค ถวายวัดมาแล้วเลย บอกว่า ไม่อยากได้ แล้ว อยากทำบุญ

    ส่วนเรื่อง ฟิล์มเอกซ์เรย์ ขอบอกว่า เป็นความจริง แต่ ใช้เพียง 80เปอร์เซนต์เท่านั้น

    ที่เรา ยังไม่ลงรายละเอียด เรื่อง วัสดุที่ทำ กับ ราคา ที่เวปจับฉ่าย เพราะว่า มันอยู่ในขั้นตอน จดสิทธิบัตร กลัวต่างประเทศ จะแย่งจดไปก่อน กว่าจะจดเสร็จตรวจสอบทั่วโลก มันใช้เวลาเป็นปี เพราะต้องตรวจสอบไปทีละประเทศ

    ส่วนผลงานอื่นๆ ของคุณตำรวจท่านนี้ มีอีกเยอะมากๆ ไม่ว่า จะเป็น หุ่นยนต์กู้ระเบิดที่ใช้งานจริงมาแล้ว

    ความคิดของคุณตำรวจ ที่จะใช้ เพื่อ ตำรวจ ทหาร และ ครู ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

    จริงๆแล้ว เรื่องสิทธิบัตร คุณตำรวจไม่ได้หวงหรอก เพราะไม่ได้ กะทำเป็นการค้า จะขายราคาทุน ขนาดเรา รู้ราคา ยังโลภ อยากเอาไปขายต่างประเทศแพงๆ เลยคิดดู5555 แต่เขากลัวต่างประเทศ เอาสิทธิบัตรไปต่างหาก

    ปล. ส่วนการทดลอง คุณตำรวจเลยบอกแล้วแหล่ะว่า กลัวคนเอาไปทดลอง เพราะจริงๆ แล้ว ใช้แผ่นฟิล์มแค่ 80 เปอร์เซนต์
    <hr>
    ได้ยินคำว่า ใช้เงาบัง แล้วนึกถึงฟิลม์เอ๊กซเรย์ คงเพราะว่าเวลาถ่ายเอ๊กซเรย์ออกมาแล้ว มันดูเหมือนๆ เงาละมั๊ง
    <hr>
    ขอบคุณคุณ bassate ที่นำเรื่องดีๆ มาแชร์กัน รู้สึกว่าคุณ bassate นี่เก่งมากเลยแฮะ
    <hr>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  10. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เล็งๆ อยู่คนนึงแฮะ แต่เดี๋ยวรอคนอื่นมาจองก่อน
     
  11. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    เย้ๆๆ ไม่มีคนผมบางๆหัวล้านๆอยู่แสดงว่าเซลล์เราเปลี่ยนใหม่เป็นคนใหม่แล้ว แต่เป็นคนไหนละ ????
     
  12. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    เอ่อออ...น้องมายด์ ทางวัดเค้าให้มาตามพวงหรีด คืน อ่ะครับ
    (b-oneeye)
     
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    คุณซิปเปอร์ไปดูมาแล้วสิครับ ถึงว่าภาษาเค้าฟังออกแนวโบราณอยู่มากๆ เหมือนเราย้อนไปดูประวัติศาสตร์สั้นๆช่วงหนึ่ง ผ่านสายตาตัวละครเล็กๆคนหนึ่ง เรื่องนี้สมจริงไม่โอเวอร์ครับ เป็นเรื่องคำทำนายโบราณที่พูดถึงการล่มสลายของอารยธรรมมายัน จากการปรากฎของบุคคลหนึ่งหมายถึงตัวเอกในเรื่อง(ที่แสนจะธรรมดามากๆ) ถูกจับไปสังเวยพีธีกรรม แต่ด้วยความปรารถนาที่จะรอด โดยมีความเชื่อที่บริสุทธิ์และมั่นคง ทำให้เกิดช่องว่างและโอกาสขึ้นหรีอจะเรียกโชคช่วยเล็กๆก็ได้ ในที่สุด...เขาก็รอดได้จริงๆเพราะความเชื่อ+ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมีชิวิตอยู่ต่อไปให้ได้..ดูเป็นบทบาทที่แสนจะธรรมดา แต่ดูเข้ากับเรื่องที่เรากำลังเรียนรู้ดีครับ (ไม่ได้โฆษณานะครับ..ตกลงหนังเรื่องนี้เข้าฉายไปรึยังไม่รู้ครับ..)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    มาฝันฉลองเข้าเรื่องพอดีเลยนะครับคุณนก
    สงสัยพี่เหลยร้องเพลง 16 ปีแห่งความหลัง อิอิ :cool:
    ถ้าอยู่หน้าคอมใส่ผมแว่นครับ (ใส่แว่นผมสั้นใครล่ะเนี่ย?)
     
  15. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    อ่า ไม่ได้เข้าไปดูครับ แค่ยืนดูหน้าร้านวีดีโอ เรื่องนี้รู้สึกว่าจะเข้าฉายตั้งแต่ต้นปีแล้วนาคับ
     
  16. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอบคุณครับคุณ mead ผมก็ว่าน่าจะเป็นผมนะเพราะมีความหลังกับเพลงนีเหมือนกัน และอีกอย่างผมชอบร้องเพลงนะ แต่....ฟังได้คนเดียว 555+(sing)
     
  17. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    วันนี้เอาร้อยกรองมาฝากเพื่อนชาวห้องจิต...อันนี้ แต่งไว้ตอนนอนไม่หลับ เลยลุกมาแต่งร้อยกรองให้เพื่อน เนื่อหาเอามาจากในความฝันอ่ะ

    ดอกไม้
    ดอกไม้บานย่อมโรยรามีชีวิตแสนสั้น
    ดอกไม้ร่วมยินดีกับเราเวลามีความสุข
    ดอกไม้เป็นเพื่อนเมื่อเรามีทุกข์
    ดอกไม้ช่วยให้เรา สดใส ดีใจ และอีกมากมาย
    ดอกไม้ยังเป็นเพื่อนแม้เราลงนอนในกล่องแคบๆ
    ดอกไม้ไม่เคยบ่น ไม่เคยร้าย แม้ชีวิตแสนสั้นแต่คุณค่ายิ่งใหญ่นัก
    ดอกไม้บานอีกครั้ง โลกก้ยิ้มอีกครา...

    เพชร
    เราคือเพชรเม็ดใหญ่มีพันเหลี่ยม
    เมื่อถูกฝุ่นจับดูหม่นหมอง
    เป็นหน้าที่เรา ขัดทุกเหลี่ยมให้จรัสแสงดังเดิม
    บัดนี้บางคนทำได้มากแล้วจนแปล่งประกายได้
    บางคนทำได้น้อยยังไม่เรืองรอง
    แต่จำไว้ เราคือ เพชรพันเหลี่ยมเหมือนกัน!!!
    เมือทุกเหลี่ยมสะอาด เพชรนี้เหมือนความบริสุทธ์ดั้งเดิม
    แสงสว่างมะลังมะเลืองจะกลับคืนมา อย่าลืมว่าเพชรทุกเม็ด
    ล้วนสมบูรณ์ในตัวเอง อย่าลืม!!!


    กาลหนึ่งกรุงสยาม

    กาลเอย กาลหนึ่งกรุงสยาม ธ ทรงนามภูมิพล
    ภูมิเอยภูมิจอมคน ธ ดั่งฝนธารน้ำใจ
    ธารเอยธารพระทัย ธ ทรงให้ ไท้เทิดทูน
    เทิดเอยเทิดไอศูยร์ ธ เกื้อกูลผืนดินทอง
    ไทยเอยไทยทั้งผอง ธ ครองธรรมนำผไทย
     
  18. ชมภูเขา

    ชมภูเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2007
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +526
    เดินเรื่อยมา....วันแรกมาหาห้องเรียนใหม่ ไม่รู้จักใครเลยปอดปอด เดินตัวงองอ ไม่รู้ว่าในห้องเคล้าทำอะไรกัน เหมือนจัดงานอะไรสักอย่างเสียงดังสนั่น แต่ก็ก้มหน้าเดินเข้าไป ที่ไหนว่างก็นั่ง แต่ถ้าเลือกได้ภาวนาให้ป็นหลังห้อง มีเสียงแว่วๆมา ..มาใหม่เชิญแถวหน้า..โอย..ขาสั่น...แต่พอเงยหน้าขึ้นทุกคนกับมีแต่รอยยิ้ม...ชื่นใจจริงๆ

    ขอสวัสดีทุกท่านมามา....ใหม่.มีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วย แล้วก็นั่งนิ่ง แต่ก็ดีใจที่มาถูกห้องแล้ว. และทุกคนก็ใจดีทั้งนั้น...

    ขอร่วมฉลอง ครบรอบ 1เดือนด้วยคน...นะ
     
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Einstein Zipper กลับมาพร้อมคำถามยากๆที่ทำให้ให้พี่นักเขียนต้องขบคิด และใช้ความพยายามอย่างมากที่จะถ่ายทอดความเข้าใจของพี่นักเขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร
    พี่นักเขียนเชื่อว่าแม้สารพิษที่เจือปนอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างฉับพลันและรุนแรงต่อร่างกายก็ไม่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ หากผู้ปริโภคเชื่อว่ามันปลอดสารพิษ

    ที่พี่นักเขียนใช้คำว่า เจือปนอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างฉับพลันและรุนแรงนั้น เพราะคิดตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า สติสัมปชัญญะแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ:
    1. สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก ได้แก่การรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า
    2. สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรูปกาย ได้แก่การรู้เห็นการทำงานนอกเหนือการควบคุมของเรา เช่น การหายใจ การเต้นของหัวใจ การย่อยอาหาร ฯลฯ
    3. สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน ได้แก่ การรู้เห็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

    เมื่อเราเชื่อว่าอาหารที่เรารับประทานนั้ันปลอดสารพิษ พี่นักเขียนเชื่อว่าส่วนของความเชื่อนั้นอยู่ที่สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก ซึ่งมีผลให้เราสามารถทำให้ร่างกายต่อต้านสารพิษนั้นๆได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าสารพิษนั้นเจือปนอยู่ในระดับที่สูงจนเป็นอันตรายได้ถึงชีวิต แม้ว่าสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอกจะไม่รับเอาและไม่รับรู้และต่อต้านได้ระดับหนึ่ง แต่สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรูปกาย ก็รู้และรับเอาโดยที่ร่างกายตัวตนทั้งหมดไม่อาจต่อต้านได้ ทำให้ร่างกายล้มเหลวเพราะสารพิษนั้นๆได้

    ภาวะดังกล่าวนี้เป็นไปด้วยความรู้และความจำในระดับเซลล์ ซึ่งนอกเหนือความรู้และความจำในระดับจิตสำนึก คนที่ป่วยด้วยอาการภูมิแพ้ บางครั้งหากสารหรืออาหารที่แพ้เจือปนอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเขาไม่รู้หรือเชื่อว่าอาหารที่เขารับประทานหรือสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ปลอดภัย เขาก็เอาตัวรอดได้โดยปราศจากอาการแพ้ แต่บางครั้งที่อาหารหรือสภาพแวดล้อมนั้นๆเจือปนด้วยสารที่ร่างกายเคยตอบสนองด้วยอาการแพ้ แม้ในระดับจิตสำนึกจะเชื่อหรือไม่ทราบว่าตนเผชิญกับสารพิษหรือสิ่งที่เคยแพ้ ร่างกายก็ตอบสนองไปตามความเคยชืนของมัน เพราะสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรูปกาย มีความจำและความรู้แยกส่วนไปจากสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก หรือตัวตนที่เราคิดว่าเป็นของเรา-คือเรา ในทางกลับกันบางครั้งเราเชื่อว่าเราได้รับสารพิษหรือการกระทำรุนแรงต่อร่างกาย ทั้งที่สารนั้นๆไม่ได้ทำอันตรายต่อร่างกายเราได้มากปานนั้น แต่ความเชื่อก็ทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น

    การหายใจตามธรรมชาติของเรา เป็นไปได้ด้วย สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกาย หรือรูปกายค่ะ ไม่ใช่สติสัมปชัญญะที่จดจ่อกับตัวตนภายใน สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายในทำหนัาที่เกี่ยวพันกับประสบการณ์อันเป็นจินตภาพ และจดจ่อกับโลกภายในหลากมิติ หลากชาติภพ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของประสบการณ์ทางกายภาพในโลกนี้ มิตินี้ อีกทีหนึ่ง

    ส่วนที่คุณ zip ว่า เมื่อเราลดการเพ่งของสติสัมปชัญญะภายนอกมาสู่ลมหายใจ เราก็จะไม่ได้เป็นคนบังคับลมหายใจ แต่จะเป็นคนดูการหายใจแทนนั้น อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เราใช้ สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก เฝ้าดูสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรูปกาย ทำหน้าที่หายใจ

    การจัดค่าจาก 1-10 ของคุณ zip ต้องเปลี่ยนสัดส่วนหน่อยนึง เนื่องจากว่า สติสัมปชัญญะไม่ได้มีเพียง 2 ส่วน ดังนั้นหากพี่นักเขียนเอาอุปมาอุปมัยค่า 1-10 ของคุณ zip มาใช้ พี่นักเขียนเข้าใจว่า เราน่าจะแบ่งแยกสติสัมปชัญญะออกได้เป็น 3 ส่่วน ขอเปลี่ยนค่าเป็น 1-15 แล้วกันนะคะจะได้ลงตัวง่ายๆหน่อยไม่มีทศนิยม

    หาก 15 คือค่าของสติสัมปชัญญะรวมที่ทำงานตามปกติสำหรับการเป็นบุคคลตัวตนของเรา
    5 หน่วย ควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก
    5 หน่วย ควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรูปกาย
    5 หน่วย ควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน

    เมื่อเข้าภวังค์สมาธิ อาจกล่าวได้ว่า การจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะจาก 5 หน่วย ที่ควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก ย้ายฐานไปให้สติสัมปชัญญะอีกสองส่วนนั้นมากกว่าเดิม ยกตัวอย่างว่า เมื่อไปถึงจุดที่เรารู้สึกว่า เรากลายเป็นผู้สังเกตการณ์และมีผู้หายใจให้โดยที่เราไม่ได้หายใจ เราหาร่างกายแขนขาไม่พบ เพราะเราละจากปราะสาทสัมผัสทั้งห้าได้แล้ว อาจจะอุปมาอุปมัยได้ว่า
    7.5 หน่วย ควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรูปกาย
    7.5 หน่วย ควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน

    เพราะแม้ว่าเราจะเหลือแต่การสังเกตดูลมหายใจ เราก็ยังคงมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอยู่ด้วย อันเป็นอารมณ์ที่รู้เห็นการหายใจ หรือเรียกได้ว่ามีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเป็นหนึ่งเดียวกับการหายใจ

    แต่ตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว นอกจากสติสัมปชัญญะของเราจะปราศจากหน่วยนับแล้ว มันยังปราศจากการแบ่งแยกอย่างแท้จริงอีกด้วย การแบ่งสติสัมปชัญญะออกเป็น 3 ส่วนตามหน้าที่การทำงานของมัน เป็นเพียงการแบ่งที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าเราจะเข้าภวังค์สมาธิลึกเพียงใดก็ตาม สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอกก็ยังคงมีอยู่และทำหน้าที่ต่อไปเสมอ หากแต่ว่าเราไม่คุ้นเคยกับการจดจ่อได้พร้อมกันหมด 3 ทิศทาง เราคุ้นเคยแต่การจดจ่อทิศทางเดียวมาแทบจะตลอดชีวิตยามตื่น คือจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอกเท่านั้น เมื่อเราเรียนรู้ที่จะจดจ่อทิศทางอื่นๆ เช่น จดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน เราก็มักจะอดไม่ได้ที่จะนำเอานิสัยเดิิม คือจดจ่อทีละหนึ่งทิศทางมาใช้อีกเช่นเดิม เราจึงคิดหรือเชื่อว่าสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับส่วนอื่นๆหายไปหรือไม่มีอยู่อีกต่อไป

    เมื่อเราฝึกสมาธิใหม่ๆ เรามักพบว่าเราทำเช่นนี้เสมอๆคือ เปลี่ยนจากการรู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก ไปสู่ สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน แต่เพียงอย่างเดียว หรือ เปลี่ยนจากการรู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก ไปสู่ สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับรูปกายหรือร่างกาย แต่เพียงอย่างเดียว

    แต่เมื่อฝึกสมาธิต่อไป เราจะพบว่า เราสามารถรู้เห็นสติสัมปชัญญะได้ทั้ง 3 ส่วนพร้อมกันหมด

    พี่นักเขียนขอเปรียบเทียบภาวะเหล่านี้กับภาวะที่นักปฏิบัติแนวพุทธเรียกกันว่าฌาน แต่ก็ขอออกตัวว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ศาสนา จึงไม่รู้จักคำยากๆจากพระคัมภีร์ แต่เปรียบจากที่ตัวเองเรียนสมาธิแนวพุทธมากับประสบการณ์ส่วนตัวด้วยภาษาตรงไปตรงมากับประสบการณ์ส่วนตัวดังนี้ คือ :

    ฌานขึ้นที่ 1 เป็นภาวะที่เรารู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอกได้ชัดเจน โดยยังคงรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่มันจะคมชัดกว่าปกติ เช่น เรามักจะหูดีกว่าปกติ หากมีเสียงเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อม เราจะรู้สึกเหมือนมีอะไรแตกกระจายภายใน สะดุ้งหรือรู้สึกรุนแรงกว่าปกติมาก รู้เห็นหรือรู้สึกถึงความความหิว ร้อนหนาว คัน เจ็บ ปวด เมื่อย ชัดเจนกว่าปกติ หากร่างกายของเรามีอาการเจ็บปวดใดๆ ภาวะนี้จะทำให้เรารู้สึกเสมือนว่ามันชัดเจนมากขึ้น เพราะเราอยู่ภายในหรือศูนย์กลางของความเจ็บปวด ทำให้เจ็บปวดมากขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว แต่หากประคองการจดจ่อไว้ได้ และสติสัมปชัญญะเปลี่ยนวิถีไปสู่การจดจ่อระดับต่อไปได้ อาการทั้งหมดจะลดลง

    ฌานขึ้นที่ 2 เป็นภาวะที่เรารู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก + สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรููปกาย เรายังรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่มันลดลงบางส่วน หากมีเสียงเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อม มันก็ไม่ทำให้เรารู้สึกสะดุ้งหรือแตกกระจายเท่าไรนัก รู้ว่ามันเป็นไปในสภาพแวดล้อม แต่มันก็ไม่ทำให้ราสะทกสะท้อนเท่าที่ควร เพราะการรับรู้และจดจ่อต่อภายนอกลดลง และทำให้เรารู้เห็นความเป็นไปภายนอกร่างกาย และ ความเป็นไปภายในร่างกายด้วย เช่น รู้เห็นหรือรู้สึกถึงการหายใจได้ชัดเจนกว่าปกติ อาการเจ็บปวดที่แทบจะทนไม่ได้ก็จะลดลงจนทนได้ รู้เห็นลมที่เคลิื่อนไหวในท้อง ซึ่งอาจารย์ลัทธิเต๋าของพี่นักเขียนท่านเรียกว่าลมปราน หรือการไหลเวียนของเลือดลมในทิศทางที่เราไม่เคยรู้เห็นหรือรู้เห็นไม่ชัดเจนเท่าในยามปกติ เราจึงมักจะจับลมหายใจได้บ้าง ควบคุมบ้าง ไม่ควบคุมบ้างสลับกันไป

    ฌานขึ้นที่ 3 เป็นภาวะที่เรารู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรููปกาย + สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน อาการต่างๆที่เรารู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าจะจางหายไป แม้จะไม่หมดสิ้น แต่อาการร้อนหนาว ค้น เจ็บปวด เมื่อย หิว ฯลฯ จะลดลงจนไม่เรียกร้องความสนใจจากเราได้มากเท่าเดิมอีกต่อไป จากที่มันชัดเจนเหมือน foreground ของการจดจ่อ จะกลายเป็นไปอยู่เป็นเพียง background ของการจดจ่อ หากมีเสียงดังเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อม มันก็ไม่ทำให้เราสะดุ้ง แต่กลับสะท้อนออกไปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเรา ทำให้เรารู้เห็นความเป็นไปบางอย่างในร่างกายของเรา เช่นคนที่ป่วยอาจรู้เห็นอาการของตนเป็นภาพสัญญลักษณ์ที่ผุดขึ้นมา อย่างพี่นักเขียนเคยป่วยเป็น ไซนัสอักเสบขั้นรุนแรง เมื่อนั่งสมาธิมาถึงภาวะนี้ แลเห็นเป็นเสมือนบ่อหรือแอ่งน้ำ เมื่อเห็นแล้วก็มีตัวรู้บอกว่า จะต้องจดจ่อกับมันจนกว่าจะควบคุมขนาดของมันไม่ให้ขยายตัว เมื่อหัดนั่งต่อไปได้นานวันก็จะรู้ว่า นอกจากควบคุมขนาดของมันได้แล้ว เราสามารถลดขนาดจนกระทั่งกำจัดมันได้ด้วยการจดจ่อ เป็นต้น นอกจากนี้ ในภาวะนี้ เราจะรู้เห็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของตนเองได้ชัดเจนขึ้นกว่าปกติ เช่น รู้เห็นความคิดในแง่ลบที่ผุดขึ้นมาอย่างเป็นนิสัยและหยุดมันได้ หากต้องการจะหยุด เป็นต้น

    ฌานขึ้นที่ 4 เป็นภาวะที่เรารู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก + สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรููปกาย + สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน แต่การรู้เห็นตัวตนภายนอกในภาวะนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะเราจะไม่ได้รับเอาหรือรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าอีกต่อไป แต่รู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายใน อาการเจ็บปวด จากโรคภัยจะกลายเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีผลต่อเรา เช่น เจ็บปวด ก็รู้เห็นว่ามันยังเจ็บ มันยังปวด แต่มันทำอะไรเราไม่ได้อีกต่อไป เราก้าวออกไปอยู่ภายนอกความเจ็บปวดนั้นๆและควบคุมมันได้

    ฌานขึ้นที่ 5-8 เป็นภาวะที่เรารู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน เราจะละจากการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าโดยสิ้นเชิง รู้สึกเสมือนปราศจากร่างกายตัวตน ตัวเบา โปร่งใส ไร้น้ำหนัก ภาวะเหล่านี้เป็นภาวะที่คนส่วนมากเรียกว่าการถอดจิต จิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติอันเป็นจินตภาพทั้งหมด ทำให้เรารู้สึกว่าขาดความ

    เมื่อพี่นักเขียนเรียนสมาธิกับพระอาจารย์ ท่านสอนว่าเป้าหมายสูงสุดที่พวกเราจะต้องพยายามทำให้สำเร็จคือ การทำให้สติสัมปชัญญะสามารถจดจ่ออยู่ได้ในภาวะที่อยู่ระหว่าง ฌานขึ้นที่ 4 กับ ฌานขึ้นที่ 5 ในสมัยนั้นพี่นักเขียนไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการทำงาน 3 ส่วนของสติสัมปชัญญะเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึง ทำให้ไม่ทราบว่าที่พระอาจารย์กล่าวถึงนั้นคืออะไร ทราบแต่คำศัพท์ยากๆตามพระคัมภีร์ที่พี่นักเขียนเข้าใจว่า หากตนเองตีความหมายผิดไป ก็คงเข้าใจไม่ได้และทำไม่ได้ และก็ไม่ทราบว่าจะอธิบายประสบการณ์ของตนเองได้อย่างไรในทิศทางที่จะถ่ายทอดกับผู้อื่นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสนับสนุนกันได้ เพราะแม้จะใช้คำนิยามหรือคำศัพท์เดียวกัน และคาดเดาเอาว่าเผชิญกับประสบการณ์คล้ายคลึงกัน แต่ถ้าหากต่างคนต่างตีความหมายแตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย การเปรียบเทียบประสบการณ์นั้นๆก็เปล่าประโยชน์ เพราะกลายเป็นการอุปโลกว่าเราเผชิญกับสิ่งที่มีคำนิยามร่วมกันเท่านั้น แต่ต่างความหมาย

    เนื่องจากว่าภาวะระหว่าง ฌานขึ้นที่ 4 กับ ฌานขึ้นที่ 5 เป็นภาวะที่เรารู้เห็นสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายนอก + สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับร่างกายหรือรููปกาย + สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายใน ด้วยการมีสติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับตัวตนภายในคมชัดที่สุด การจดจ่ออยู่ในภาวะนี้จึงทำให้เราสามารถรู้เห็นต้นกำเนิดของภาวะทางกายภาพของตัวตนภายนอก อันได้แก่ภาวะของตัวตนภายในอันได้แก่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนรู้เห็นภาวะของรูปกายและร่างกายที่เป็นไปตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดนั้นๆ

    ที่คุณ zip กล่าวถึงภาวะของสติสัมปชัญญะที่เปลี่ยนไปนั้น คุณ zip ดูเสมือนจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปได้ถึง ฌาน ขั้นที่ 4 แต่พี่นักเขียนก็ไม่อาจยืนยันได้ นอกจากคุณ zip จะพิจารณาด้วยตนเอง ที่พี่นักเขียนคาดคะเนหรือประมาณเช่นนั้น เพราะคุณ zip กล่าวถึงภาวะที่เปลี่ยนไปเป็นผู้สังเกตการณ์ซึ่งเป็นสติสัมปชัญญะของตัวตนภายใน ที่มักจะรู้เห็นโดยไม่รู้สึกด้วยประสามสัมผัสทั้งห้า และการเคลื่อนไหวภายในร่างกายหรือรูปกายอีกต่อไป

    ภาวะจิตหรือการจดจ่อของสตืสัมปชัญญะในระดับต่างๆ เป็นสิ่งที่เป็นไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่า เรามีภาวะอันเป็น ฌานขึ้นที่ 1-ฌานขึ้นที่ 8 อยู่พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบ้น ไม่ใช่ว่าสติสัมปชัญญะของเราเลื่อนขึ้นทีละระดับตามพัฒนาการของจิตวิญญาณ หากแต่ว่าเราพัฒนาจิตวิญญาณได้ด้วยการเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่ระดับต่างๆได้ตามปรารถนา คือรู้เห็นด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชัดว่า เรากำลังจดจ่ออย่างไร ด้วยภาวะอันเป็นไปของสติสัมปชัญญะเช่นไร หากเราตัดเอาคำนิยามและความหมายของคำว่า ต่ำ-สูง ไม่พัฒนา-พัฒนา ก้าวหน้า-ไม่ก้าวหน้าออกไป เราจะพบว่า สติสัมปชัญญะระดับต่างๆมีอยู่แล้วอย่างเป็นธรรมชาติ เราไม่ได้จะต้องพยายามที่จะเลื่อนขึ้นให้มันไต่เต้าจากระดับต่ำไประดับสูง หากแต่ว่า เราจะต้องเรียนรู้ที่จะฝึกฝนให้สติสัมปชัญญะของเราคมชัดพอที่จะรู้เห็นภาวะอันเป็นไปอย่างหลากหลายตามธรรมชาติ และเรียนรู้ว่าแต่ละภาวะเอื้ออำนวยให้เรารู้เห็นสิ่งใดได้ ในขณะที่ภาวะอื่นๆที่แตกต่างไปเอื้ออำนวยให้เรารู้เห็นสิ่งอื่นๆ เช่น เรียนรู้ว่า ภาวะของสติสัมปชัญญะที่เราเรียกว่า ฌานขึ้นที่ 1 ทำให้เรารู้เห็นภาวะทั้งหลายทางกายภาพ ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าได้อย่างคมชัด และ ภาวะของสติสัมปชัญญะที่เราเรียกว่า ฌานขึ้นที่ 5 ทำให้เรารู้เห็นภาวะทั้งหลายทางจินตภาพ ด้วยประสาทสัมผัสที่หก หรือประสาทสัมผัสภายในได้อย่างคมชัด เป็นต้น

    หลังจากที่พี่นักเขียนได้รับข้อมูลจากท่านอาจารย์อนาลัย และย้อนกลับไปพิจารณาข้อมูลความรู้ที่เคยได้รับจากพระอาจารย์ผู้สอนสมาธิ ทำให้พี่นักเขียนเข้าใจว่าภาวะระหว่าง ฌานขึ้นที่ 4 กับ ฌานขึ้นที่ 5 ที่ท่านกล่าวถึง เป็นภาวะที่สำคัญที่สุดเนื่องจากว่าเป็นภาวะที่เรายังสัมพันธ์กับภาวะทางกายภาพได้ไม่น้อยไปกว่าสัมพันธ์กับภาวะทางจินตภาพ ทำให้เราสามารถเหนี่ยวนำการกระทำทางจิต ให้ส่งผลต่อภาวะของร่างกายหรือรูปกาย และภาวะของตัวตนภายนอกได้ เพราะหากล่วงเลยภาวะนี้ไป เราจะก้าวไปสู่ภววะอันเป็นจินตภาพล้วนๆ และทำให้ความสัมพันธ์กับภาวะทางกายภาพหายไป แทบจะเรียกได้ว่า หากหลุดเข้าภาวะอันเป็นจินตภาพไปแล้ว ความปรารถนาที่จะเหนี่ยวนำภาวะทางจินตภาพให้ส่งผลต่อภาวะทางกายภาพก็ไม่มี เพราะเราจะเป็นจิตวิญญาณที่เป็นจิตวิญญาณ และปราศจากร่างกายเนื้อหนัง แต่เมื่อถอนออกมาจากสมาธิทุกขั้น เราก็จะพบว่าเรากลับมาเป็นจิตวิญญาณที่เป็นร่างกายเนื้อหนังอีกร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำให้เราเบื่อหน่ายการเป็นร่างกายเนื้อหนัง แต่ก็คงจะทำอะไรกันมันไม่ได้นอกจากทนอยู่กับมันต่อไป และโหยหาการกลับไปเป็นจิตวิญญาณที่ปราศจากร่างกายตัวตนอีก เพราะมันไร้ทุกข์ทางกายภาพ

    แม้พระอาจารย์ที่สอนสมาธิก็ไม่สนับสนุนให้นักเรียนยึดติดกับการเป็น ฌานขึ้นที่ 5-8 แต่สนับสนุนให้เราสามารถจดจ่อกับภาวะที่อยู่ระหว่างฌานขึ้นที่ 4 กับ ฌานขึ้นที่ 5ให้ได้มากที่สุดที่จะทำได้ เพราะมันเป็นจุดที่ทำให้เราสามารถใช้พลังอำนาจในปัจจุบัน เพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขและสร้างสรรค์ทุกสิ่งทุกอย่างได้ ด้วยการเป็นจิตวิญญาณอันเป็นร่างกายเนื่อหนังอย่างดีที่สุดที่จะทำได้ ตามอำนาจ-หน้าที่ ที่เราทั้งหลายเลือกมาถือกำเนิด

    อย่างไรก็ตามพี่นักเขียนหวังว่าพวกเราคงตระหนักดีว่า การเทีียบเคียงภาวะของสติสัมปชัญญะทั้งหมดที่พี่นักเขียนอธิบายมานี้ เป็นการเปรียบเทียบกับประสบการณ์ส่วนตน ซึ่งพวกเราแต่ละคนอาจเผชิญกับภาวะที่แตกต่างกันไปตามเอกลักษณ์ของแต่ละคน มีเพียงบางส่วนหลักๆเท่านั้นที่พี่นักเขียนหวังว่าจะพอเป็นประโยชน์กับพวกเราได้บ้างไม่มากก็น้อย ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ประสบการณ์ทางจิต เป็นประสบการณ์ที่ละเอียดอ่อนและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่มีวันเสมอเหมือนกัน (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2007
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พี่นักเขียนว่าคุณหลาน mindanaric ชาติภพอื่นๆท่าจะเป็นฝรั่งหลายชาติภพ เพราะทางโลกตะวันตกเขาใช้พวงหรีดตกแต่งบ้านและงานฉลองเทศกาลต่างๆตลอดปีเลยค่ะ พี่นักเขียนเคยไปงานศพในอเมริกาแต่ไม่เห็นพวกหรีดเลย มีแต่แจกันกับกระเช้าดอกไม้เต็มไปหมด นานๆทีจึงจะเห็นพวงหรีดในงานศพสักที

    พี่นักเขียนเลยขนเอาพวงหรีดมาสมทบ เผื่อใครเอาของคุณหลาน mindanaric ไปคืนวัดจะได้ยังมีเหลือแต่งห้องวิทย์ฯกันบ้าง

    คุณชมภูเขาเพิ่งจะมา อย่าเพิ่งวิ่งหนีไปไหนเสียล่ะคะ ห้องวิทย์ฯอยู่นอกเหนือช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา คุณ Mead หัวหน้าห้องเอานักร้อง Dead สมอลเล่ย์ (ภาษาอะไรคะเนี่ย ไม่เคยรู้รากศัพท์ ใช่ภาษา Mayan รึเปล่า?) มาร้อง You are my sunshine ส่วนคุณหลาน mindanaric ก็เอาดอกไม้ข้ามชาติภพมาประดับห้องเรียน

    เอพวกเราสงสัยคุณ Mountain กันบ้างไหมคะะว่า แกถ้าจะเป็นคนชวนคุณชมภูเขามาห้องวิทย์ฯ ใช่ไม่ใช่ก็มีคนชมอยู่เรื่อยๆนะคะคุณ Mountain ถึงไม่ชมแต่ถ้าเอาหนูน้อยตาปริบๆมาด้วยเมื่อไรละก็โดนอุ้มอยู่ดีละ

    (f) ขอต้อนรับคุณชมภูเขาสู่ห้องวิทย์ฯ (bb-flower

    นั่งหน้าสุดระวังน้องมายด์กับน้องนกหน่อยนะคะ คนหนึ่งกินตับ อึกคนชอบระเบิดสายรุ้ง ส่วนหลังห้องมีพวกกองทัพหุ่นยนต์กับ Gas ไวแสง-เพียบ พี่นักเขียนฝากคุณ zip จองเสื้อเกราะกันกระสุนทำด้วย Film X-Ray สักตัว ฝากถาม inventor หน่อยว่าถ้าเอาแบบ 100% จะกัน Gas ไวแสงกะหุ่นยนต์หลากมิติได้ด้วยหรือเปล่าคะ ? ถ้าได้เอาหลายตัวหน่อย ฝากคุณชมภูเขาตัวนึง ขาจะได้ไม่สั่นอีก (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...