ปิดรับบริจาค เชิญอนุโมทนา ภาพพิธีเททอง"พระพุทธมารดา ปางอุ้มเจ้าชายสิทธัตถะ"เเละสวดภาณยักษ์หน้า 12

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ศิษปู่ใหญ่, 3 เมษายน 2013.

  1. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ญาติธรรมท่านใดสนใจเป็นสะพานบุญ เททองหล่อสมเด็จพระพุทธมารดา ปางอุ้มพระราชกุมารสิทธัตถะ (สร้าง 1 ได้ 2) อานิสงค์ทวีคูณ อุ้มชูอุดหนุนดวงชะตา กลับร้ายกลายเป็นดี เเละที่สำคัญเป็นสื่อระลึกถึงความเมตตาของมารดาที่มีต่อบุตร หรือเป็นการบูชาพระคุณของเเม่ครับ...พระเเม่สิริมหามายาปางนี้สุดยอดครับ หากท่านศึกษาดีๆจะทราบว่าพระเเม่เป็นผู้หญิงที่ประเสริฐที่สุดครับ เพราะต้องสร้างบารมีมามากมายจึงจะได้เป็นเเม่ของพระมหาบุรุษครับ
     
  2. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    บุญใหญ่หาทำได้ยาก...................................................
     
  3. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    การสะสมของจิตของพุทธมารดาที่เกิดบนสวรรค์เป็นอย่างไร

    ผู้ถาม ในพระสูตร ที่ว่า พระพุทธมารดาจุติแล้ว ไปเกิดในสวรรค์แล้วก็ไปเป็น

    เทวดาผู้ชาย แล้วก็พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปเทศน์โปรดพระพุทธมารดา พระพุทธ

    มารดาก็เป็นผู้ชายไปแล้ว สภาพจิตตอนนั้นที่ท่านไปเทศน์โปรดจะสะสมจากความเป็น

    พุทธมารดาไปหรืออย่างไรถึงจะไปรับฟังเทศนาตอนนั้น ช่วยกรุณาอธิบาย

    สุ. ถ้าพูดถึงจิต เราจะไม่พูดถึงเจตสิกและรูป เพื่อที่จะได้เข้าใจจิตชัดเจน จิต

    เป็นสภาพธรรมซึ่งเป็นนามธรรม หรือนามธาตุเกิดขึ้นแล้วดับ แต่ว่าตัวจิตที่เกิดถ้าไม่ใช่

    จุติจิตของพระอรหันต์แล้วก็เป็นอนันตรปัจจัย หมายความว่าเมื่อจิตนี้ดับไปแล้วเป็น

    ปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ เพราะฉะนั้นแต่ละคนก็จะมีจิตหนึ่งขณะเท่านั้นเองที่

    เกิดแล้วก็ดับไป แล้วก็เกิด แล้วก็ดับไปสืบต่ออยู่เรื่อย ๆ

    เพราะฉะนั้นที่เรากล่าวว่าเป็นบุคคลนี้ ก็เพราะเหตุว่ามีปฏิสนธิจิตเกิดแล้วดับ

    ไปเป็นภวังคจิต แล้วก็แล้วแต่ว่าจิตประเภทไหนจะมีปัจจัยเกิดขึ้นเป็นวิถีจิต แล้วก็ไม่ใช่

    วิถีจิตสลับอยู่เรื่อยๆ โดยที่ไม่กล่าวว่าเป็นใคร แต่ว่าต้องเป็นจิตที่สะสมทุกอย่าง เพราะ

    ฉะนั้นเมื่อปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นในภพภูมินี้ ในปฏิสนธิจิตประมวลทุกอย่าง กรรมและกิเลส

    และกุศลใด ๆ ที่ได้กระทำมาแล้วทั้งหมด ไม่ได้สูญหายไปเลย อยู่ที่จิต ซึ่งเป็น

    นามธรรม เพราะฉะนั้นเรามองไม่เห็นเลย ถ้าเราจะมองเห็นสีสักสีหนึ่ง น้ำใส ๆ เราก็อาจ

    จะบอกได้ว่าใสมาก หรือว่าค่อย ๆ ขุ่นลง หรือว่าขุ่นมาก นั่นคือรูปธรรม แต่จิตไม่มีสิ่งใด

    ที่จะเหมือนกับรูปเลย แต่ว่าจิต ๑ ขณะที่ดับไปแล้วก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบ

    ต่อ เมื่อเกิดสืบต่อก็หมายความว่ามีทุกอย่างที่จิตขณะที่ดับไปนั้นมี เพราะว่าสืบต่อมาถึง

    จิตขณะต่อไป นี่คือตั้งแต่ปฏิสนธิจิตจนกระทั่งถึงจุติจิต คือ จิตขณะสุดท้าย แต่ว่าจิต

    ขณะสุดท้ายก็เป็นอนันตรปัจจัย เพราะเหตุว่าไม่ใช่จุติจิตของพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นก็

    เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อ ไม่พูดถึงชื่อ ไม่พูดถึงรูป พูดถึงเฉพาะจิต ซึ่งเกิดดับ

    สืบต่อมานานแสนนานเกินแสนโกฏิกัปป์ จนกระทั่งถึงขณะนี้และก็ขณะต่อไปด้วย

    ทุกคนเกิดมาแล้วมีชื่อ ไม่อย่างนั้นจะเรียกกันยังไงถูก เพราะว่าเป็นจิต เป็น

    เจตสิก รูปทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นจะใช้คำว่าพระพุทธมารดาหรือว่าไปเกิดบนสวรรค์ชั้น

    ดุสิตอะไรก็แล้วแต่ ก็หมายความว่าจำเป็นต้องใช้ชื่อ เพื่อให้เข้าใจว่าหมายความถึง

    สภาพธรรมอะไร แต่จริง ๆ แล้วแต่ละคนก็มีจิตหนึ่งขณะแล้วก็ไม่สามารถที่จะไปรับทอด

    ของคนอื่นมาได้ แต่ละขณะนั้นก็เกิดสืบต่อแล้วก็ดับเฉพาะของแต่ละจิต แต่ก็ไม่เที่ยง


    และไม่ใช่ของใครทั้งสิ้น เป็นลักษณะของธาตุหรือนามธาตุชนิดนั้นซึ่งเป็นอย่างนั้น



    http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=7872
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2013
  4. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,390
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,382
    ร่วมเป็นเจ้าภาพอุปถัมป์ สร้างพระพุทธมารดา ปางทรงอุ้มพระราชกุมารสิทธัตถะ
    จำนวน 30 บาท โอนแล้ว ธ.ไทยพาณิชย์ วันที่ 11 เม.ย.56

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ
     
  5. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    อนุโมทนาครับ:cool::cool::cool:
     
  6. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    กำหนดการ
    วันจันทร์ที่ 22 กรกฏาคม 2556 (วันอาสาฬหบูชา)
    เวลา 09.00 น. พิธีบวงสรวง เทพยดา บูชาบูรพาจารย์หลวงปู่เทพโลกอุดร
    12.00 น. อุบาสกอุบาสิการ่วมสวดมนต์อิติปิโส 108 จบ
    เวลา 14.00 น. พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ มหาสมัยสูตร และพิธีเททองหล่อพระพุทธมารดา ​
     
  7. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญในนาม "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงพ่อกวย ชุตินธโร เอส.พี่.นิปปอนไฮเทค" ร่วมบุญด้วย 10000 บาท
     
  8. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    สุขสันต์วันปีใหม่ไทย 2556
    ขออาราธนาบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย
    คุ้มครองปกปักรักษาคนดีศรีของชาติทุกท่าน
    ขอให้มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ​
     
  9. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ขออาราธนาบารมีเเห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ บารมีเเห่งองค์พระเเม่สิริมหามายาจงคุ้มครองทุกๆท่าน เเละจงบันดาลให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงสมบูรณ์บริบูรณ์ในที่สุดเทอญ
     
  10. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    " ความยึดถือในสังขารทั้งหลาย เป็นเหตุให้เกิดทุกข์
    เพราะสังขารเป็นของไม่เที่ยงดังกล่าวมาแล้ว
    ดังนั้นทำความปล่อยวางเสียได้ ไม่ยึดถือในสังขารทั้งหลายจึงเป็นความสุข
    เรียกว่า ความสุขในทางธรรม ถือเป็นความสุขที่สงบเย็น มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปร "

    ......ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
     
  11. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    * หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง * กรรมฐานวัดอารมณ์ของจิต โดยเอาชีวิตประจำวันทดสอบว่าจักผ่านหรือไม่ผ่าน จิตตึงเกินไปก็สอบตก จิตหย่อนไป-ขี้เกียจไปก็สอบตก ทุกอย่างต้องเดินสายกลาง จึงจักมีผล ดังนั้นการหวั่นไหวของอารมณ์ ถ้าไม่เพียรละ หรือปล่อยวางด้วยอริสัจ กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ มันก็เกาะกินใจไปไม่รู้จักจบสิ้น ( ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๑๕ หน้า ๗๑ ) รวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  12. ยิ่งภพ

    ยิ่งภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +1,784
    ร่วมเป็นเจ้าภาพอุปถัมป์ สร้างพระพุทธมารดา ปางทรงอุ้มพระราชกุมารสิทธัตถะ
    จำนวน 240 บาท

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ
     
  13. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  14. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    "ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจาริง ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมไว้"
     
  15. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=enhrwOebhes]มหาสมัยสูตร.flv - YouTube[/ame]
     
  16. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    สรรพสิ่งในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ยึดไม่ทุกข์ ละได้ สงบสุข

    หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
     
  17. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    *** ธรรมะจากพระไตรปิฎก ***

    " ผู้ใดใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำการ
    รู้จักกำลังกาย และกำลังความคิดของตน
    กำหนดด้วยคำพูดอันประกอบด้วยปัญญา
    เป็นวาจาสุภาษิต ผู้นั้นย่อมมีชัยอย่างไพบูลย์ "

    ** ชัมพุกชาดก **
     
  18. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    ทุกข์เพราะความคิด...

    คนเรามักจะหลง...วนในห้วงความคิด
    มัวพะวงอดีต กังวลอนาคต หลงลืมปัจจุบัน
    เมื่อเผลอสติ ความทุกข์ก็เข้ามากระทบง่าย
    สติเป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นเครื่องรักษาใจ
    เราให้มีความสุข – พระไพศาล วิสาโล
     
  19. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    เห็นใครเขาตาย ก็นึกว่าไม่ช้าเราต้องตายอย่างเขา
    เห็นใครเขาแก่ ก็นึกว่าไม่ช้าเราก็ต้องแก่ตามเขา
    เห็นใครเขาป่วย ก็นึกว่าไม่ช้าเราก็ป่วยตามเขา
    ถ้ามันตายแล้วไปไหนก็นึกว่าช่างมันไม่เอาอีกแล้ว
    ความเกิดที่เต็มไปด้วยความ เต็มไปด้วยความทุกข์
    เราไม่ต้องการมันอีก เราต้องการอย่างเดียว
    คือ แดนพระนิพพาน เป็นแดนอมตะ
    ไม่มีความแก่ ไม่มีความเจ็บ ไม่มีความป่วยไข้
    ไม่มีความไม่สบาย ไม่มีทุกข์แม้แต่เท่าขี้เล็บ
    ไม่มีทุกข์เลยในแดนพระนิพพาน..."

    • พระราชพรหมยาน : หลวงพ่อฤาษี(ลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี •
    เครดิต : หนังสือ หนีนรก
     
  20. ศิษปู่ใหญ่

    ศิษปู่ใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4,593
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +19,295
    หลวงปู่ดู่เล่าเกี่ยวกับอานิสงค์
    "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"
    ------------------------------------
    ถ้าจะวิเคราะห์ถึงคำภาวนานี้แล้ว ไตรสรณคมน์มีความสำคัญมาตั้งแต่โบราณคือ ในสมัยที่พระพุทธองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ได้มีพุทธานุภาพให้พระสาวกทำการบวชกุลบุตรได้ โดยการเปล่งวาจาระลึกถึง ไตรสรณคมน์ แล้วก็เป็นภิกษุได้อย่างสมบูรณ์

    หลวงปู่เคยถาม สมเด็จพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศน์ฯ ว่า ผู้ที่ภาวนาไตรสรณคมน์เป็นนิจศีล ก่อนตายระลึกถึงไตรสรณคมน์ แล้วจะไปสวรรค์ได้หรือไม่

    สมเด็จตอบว่า ได้แน่นอน พร้อมกับยกพระบาลีว่า "เยเกจิ พุทธัง สรณังคตา เสนะ เตคมิสสันติ อบายภูมิ ปหาย มานุสัง เทหัง เทวกายัง ปริปูเรส สันติ" แปลว่า บุคคลบางจำพวก หรือบุคคลใดมาถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะที่พึ่งแล้ว บุคคลเหล่านั้นย่อมไม่ไปอบายภูมิทั้ง ๔ มีนรก เป็นต้นเมื่อละร่างกายอันเป็นของมนุษย์นี้แล้ว จักไปเป็นหมู่แห่งเทพยดาทั้งหลายดังนี้

    ข้อความนี้ อ้างอิงมาจาก สมัยที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันต์หนุ่ม ๕๐๐ รูป ประทับอยู่ที่ป่ามหาวัน ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ เทวดาทั้งหลายพากันมาดูและกราบนมัสการ พร้อมกับกล่าวคาถานี้ มีลูกศิษย์ที่นั่งสมาธิ และเห็นหลวงปู่ทวดท่านกล่าวว่า "ไตรสรณคมน์เป็นรากแก้วของพระศาสนา พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เข้ามาบวชถือเป็นสมมุติสงฆ์ เมื่อแสวงหาสัจธรรมจนบรรลุมรรคผล ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ซึ่งเรียกว่า พระธรรม พระองค์ได้ พุทโธ คือ ผู้รู้ กลายเป็น พระพุทธเจ้า และเมื่อเทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ได้รู้ธรรมตามที่สอน ก็กลายเป็นพระอริยสงฆ์สืบต่อๆ กันมา ทำให้ศาสนาไม่สูญหายไปไหน"

    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระเถระองค์สำคัญในยุคปัจจุบัน ท่านกล่าวว่า "สรณะทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิได้เสื่อมสูญ อันตรธานไปไหน ยังปรากฎแก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ ผู้ใดมายึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว ผู้นั้นจะอยู่ในกลางป่าหรือเรือนว่างก็ตาม สรณะทั้ง ๓ ก็ปรากฎแก่เขาทุกเมื่อ จึงว่าเป็นที่พึ่งแก่บุคคลจริง เมื่อปฏิบัติตามสรณะทั้ง ๓ จริงแล้ว จะคลาดแคล้วจากภัยทั้งหลายอันก่อให้เกิด ความร้อนอกร้อนใจ ได้แน่นอนทีเดียว"

    ข้อความนี้ทรงแสดงไว้ใน "อุณหัสสวิชัยสูตร" ที่พระพุทธองค์เทศน์โปรด สุปฐิตะเทพบุตร เมื่อถึงกาลที่จะต้องจุติจากสวรรค์ เพราะหมดบุญ ทรงรู้ด้วยพระญาณว่า เทพบุตรองค์นี้ทำแต่ความชั่ว แต่ก่อนมรณะ มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยเพียงชั่วขณะ ทำให้ไปเกิดเป็นเทวดา แต่เมื่อได้ดีแล้วก็ลืมความดี ตั้งหน้าทำแต่สิ่งที่ไร้สาระ ถ้าสิ้นจากชาตินี้ไปแล้ว เธอจะไปเกิดเป็นสัตว์นรกอีกหลายร้อยชาติ ถ้าเราเทศน์เรื่องธรรมจักร เธอจะรับไม่ได้ต้องเทศน์เรื่องนี้ เมื่อสุปฐิตะเทพบุตรฟังเทศน์แล้ว ก็สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ปิดอบายภูมิได้แน่นอน ซึ่งพระสูตรนี้ (อุณหัสสวิชัยสูตร) แปลเป็นไทยว่า "พระธรรมเป็นของยิ่งในโลกทั้งสาม สามารถชนะ ซึ่งความร้อนอกร้อนใจ อันเกิดแต่ภัยต่างๆ (อุณหัสส) จะเว้นจากอันตรายทั้งหลาย ได้แก่ อาชญาของพระราชา เสือสาง นาค ยาพิษ ภูติผีปีศาจ หากว่ายังไม่ถึงกาลที่จักตายแล้ว ก็จะพ้นไปได้ด้วยอำนาจแห่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ตนน้อมเอาเป็นสรณะที่พึ่ง ที่นับถือนั้น" จึงนิยมเอาพระสูตรนี้มาสวดในงานต่ออายุ จนกระทั่งปัจจุบัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...