ปิดรับบริจาค เชิญร่วมอนุโมทนาแด่ทุกท่านที่ร่วมเป็นเจ้าภาพตั้งโรงทาน ณ สำนักสงฆ์ภูสูงเจริญธรรม

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 5 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ bigtoo [​IMG]
    อริยบุคคลขั้นต้นจำเป็นต้องได้อภิญญาด้วยเหรอครับ แคชาติเดียวที่รู่อยู่ก็ทุกข์แล้ว ถ้าไปเห็นอีกหลายชาติจะไม่ยิ่งทุกข์ไปอีกเหรอครับ แต่ผมนะไม่ปิดกั้นแนวทางทุกแนวทางหรอกครับ มีอะไรแนะนำได้นะครับ วัดไหนบอกบ้างได้มั้ยครับ เพื่อมีโอกาสไปบ้าง หรือจะบอกวิธีปฎิบัติบ้างก็ได้ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG][​IMG] การเป็นอริบุคคล ไม่จำเป็นต้องได้อภิญญา หรอกครับ ในสมัยครั้งพุทธกาล พอฟังพระธรรมเทสนาของพระพุทธองค์ ก็สำเร็จมรรคผลกันเป็นแถว ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึง พระอรหันต์ บางคนจบกิจปั๊บ พร้อมไปด้วย ปฏิสัมภิทาญาณ จบกิจปั๊บ พร้อมไปด้วย อภิญญาหก จบกิจปั๊บพร้อมไปด้วย วิชชาสาม จบกิบแบบ สุกขวิปัสโก พระอรหันต์มี ๔ แบบ ที่ ๑ ถึงขั้น ๓ ยังมี โลกียอยู่ แต่ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ อย่างน้อยต้องเป็นพระอนาคามีไปแล้ว

    นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นพระโสดาบัน อายุ ๗ ขวบ แต่งงานอายุ ๑๖ ปี มีลูก ๒๐ คน มีหลานอีกคนละ ๒๐ คน คูณเอา นี่คนเป็นพระอริยะ ขั้นต้น ยังมีลูกผัวเมียอยู่ครับ แต่อยู่ในขอบเขตุ ของศิล ไม่ทำลายศิลเอง ไม่ยุให้บุคคลอื่นทำลายศิล ท่านมีความมั่นคง ในพระรัตนตรัย อย่างยอดยิ่ง มีความตายเป็นปรกติ มีพระนิพพานเป็นที่ไป และที่เป็นฆราวาส ตัวอย่างในสมัยพุทธกาล มีเยอะแยะครับ ที่ได้ เป็นพระอริยะตั้งแต่พระโสดาบัน ถึงพระอนาคามี ที่ไม่ได้ออกบวช


    และคนที่ได้ ฌาณสมาบัติ นึกว่าตัวเองจบกิจเป็นพระอรหันต์มากมาย แม้แต่ ฌาณ ๑-๔ ก็มีกำลังฌาณมันกดกิเลสชั่วคราว อยู่จึงทำให้ มันเหมือน ตัดกิเลส เป็นพระอรหันต์ไปแล้ว นึกว่าตัวเองได้ ในสาย ที่มีพระอริยะมากมาย ได้แก่ สายของหลวงพ่อ ฤาษี วัดท่าซุง สายหลวงพ่อ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สายของ หลวงพ่อ สังวาลย์ วัดทุ่งสามัคคีธรรม อ.สาวชุก จ.สุพรรณบุรี ครับ สายหลักๆ สายของ หลวงพ่อชา สายหลวงปู่มั่น ทั้งพระและฆราวาส เมื่อมรณะแล้ว กระดูก ของท่านทั้งหลายได้แปร เป็นพระธาตุ ไม้รู้กี่พระองค์ และศพของท่านบางพระองค์ ยังเอาไว้ให้ ลูกศิษย์ ทั้งหลายได้กราบไหว้บูชากันไปหาเอาครับ ที่อนุมานมาพอจะได้ ไหมครับ [​IMG]
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ bigtoo [​IMG]
    ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะขณะจิตตัดกิเลสนั้นจะต้องปรากฎการขาดสูญ การขาดสูญนั้นและคือปัญญาการตัดขาดความหลง แต่จะขาดแค่ไหนตามกำลัง แต่ก็ฟังๆไว้ ไม่ต้องเชื่อ เหมือนผม ถ้าไม่ข้ามก็ไม่หายสงสัย ผมจึงตัดสินใจข้าม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] เอ่อดีครับ คุณกำลังใช้ความรู้ความสามารถของคุณโต้ตอบ ที่คุณรู้มา คนที่เขาอ่านที่มีปัญญา ไปแต่ละระดับ ใช้สัญญา หรือปัญญา ที่เกิดขึ้นมา ใช้ปริยัติ หรือปฏิบัติ ก็คุณนั่นแหละรู้ดีที่สุดครับ อนุโมทนาสาธุครับ[​IMG]
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ bigtoo [​IMG]
    ก็ต้องเทียบเคียงไตรปิฎกนั้นแหล่ะดีครับ หลวงพ่อหลวงตาท่านก็ปฎิบัติดีกันทั้งนั้นน่ายกย่องนับถือควรแก่การกราบไหว้ แต่ที่สุดแล้วทุกอย่างเราต้องลงมือทำให้ปรากฎกับเราเองเท่านั้น จะเชื่ออย่างเดียวคงจะไม่เกิดผลเท่าดีสักเท่าไหร่ อันนี้ผมว่าพวกเราเข้าใจกันได้จริงมั้ยครับ แต่จะไปกันยังไงให้ตรงที่สุดนี่แหล่ะผมว่าเป็นปัญหา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG][​IMG] ปริยัติ หรือตำราเป็นแนวทางเดินครับ ส่วนการปฏิบัติเป็นหนทางของมรรคผล จะช้าหรือเร้ว ก้อยู่ที่เราเป็นผู้ กินและชิมเองครับถูกต้อง ที่สุด (ตำราเปรียบเสมือน ดิน แนวทางเดิน การปฏิบัติ เปรียบเหมือนฟ้า) นี่คือความคิดผมเองครับ) แต่พระพุทธองค์ท่านกล่าวว่า ผู้ใดก็ตาม ทรงพระไตรปิฎก กิเลสยังเต้ม หัว ถ้าไม่ได้ปฏิบัติ ท่านเรียก เถรใบราณเปล่า [​IMG]
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เทวดามีทำอัตวินิบาตกรรมตัวเอง
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->noom8a<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6808947", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    ตอบครับ
    <!-- google_ad_section_end -->

    ผมว่า ไม่มีเทวดา พรหม องค์ไหน อยากเกิดหรอกครับ เพราะอะไรหรือ ก็เพราะ มนุษย์ ชั้นดีที่สุด ยังมีขี้เยี่ยว อยู่ ยังสู้เทวดา ชั้นต่ำไม่ได้เลย แล้วใครเล่า อยากจะเกิด เป็นคน เทวดา พรหม เขาไม่อยากเข้าใกล้ คนและสัตว์อยู่แล้ว เพราะคนและสัตว์ เหม็นเหมือน ซากศพ ( แต่ เทวดาและพรหม เขาชอบกลิ่นหอมของศิล) ไอ้ที่ต้องเกิด เพราะหมดบุญ หรือกลัวบุญหมด รีบลงมาต่อก่อน และยิ่งพระโพธิสัตว์ ต้องรีบจุติ เกิดบ่อย ๆ ก็เพราะเป็นเทวดา พรหม เขาไม่คิดให้ ต้องเกิดมาสร้างบารมีระหว่างคนกับสัตว์เท่านั้น ต้องขยันเกิดขยันตาย ระหว่างคนและสัตว์ ถ้าบารมียังไม่มาก พาดพรั้ง ก็ลงต่ำ


    และอีกอย่าง ตัวเราก็ได้เอาง่ายๆ แค่เกิดเป็นคนแม้ป่วยใกล้จะตายยังมิอยากตายเลย ยังหวงแหนร่างกายทั้งๆก็รู้ไม่ใช่เราของเรา ก้ยังหลงอยู่ทุกตัวคน แม้ผมเองก้เช่นกัน แล้วยิ่งเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม ใครบ้างอยากเกิด เพราะมีความสุขทุกอย่าง แต่เพราะมันไม่เที่ยง มันจึงต้องเครื่อนหรือจุติ จากภพชาติ นั้นๆ พระพุทธองค์ ถึงสอนให้เราไม่ยึดติด ในการเกิด อีก สัตว์คน เทวดา พรหม ท่านจึงสอน ให้ตัดกิเลส ไปนพพาน ถ้าไปไม่ถึง อย่างน้อยก็ให้ไปที่เทวดาหรือพรหม เพราะยังไงๆ ก็ดีกว่าเกิดมาเป้นคน ไม่รู้กี่ล้านเท่า

    ไปไหนก็เหาะไป แต่คนและสัตว์ แค่ทำมาหากินยังทนแทบไม่ได้เลย และคนที่สร้างบารมี ไปไม่ถึงเทวดา พรหม ก็ยังมีอย่างอื่นอีก ที่ทำให้ไปเกิดกันอีก เช่น พยาครุฑ พยานาค คนธรรย์ กินนร กินรี พวกบังบด เมืองลับแลต่างๆ พวกอสูร กรึ่งเทวดา กรึ่งอสูร ที่อยู่ใกล้กับมนุษย์ ที่เป็นสัตว์ไม่ต้องคิดแล้ว ทุกยิ่งกว่าคน ยังอยู่ในอบายภูมิ อยู่ อีก จะหนักขนาดไหน

    คนที่เบื่อร่างกายจริงๆเท่านั้นนั้นที่จะตัดกิเลส และไปนิพพานได้ คนเรานั้น เปรียบเสมือน นักแสดง อยู่ในละครโรงใหญ่ สังเกตุดูก็ได้ ทุกตัวคน ทุกวันมันแสดงละคร ไม่เคยซ้ำหน้า เดี๋ยวคิด เป็นนักบวช เดี๋ยวคิดเป็น พระเอก นางเอก ตัวร้าย ตัวโกง เป็นพ่อ เป็นแม่ มันแสดง ทุกบท ที่มันคิด แสดงบทดีก็ดีไป ถ้าแสดงบทไม่ดี ใจเราก้เป็นทุกข์ โลกนี้ เปรียบเหมือนโรงละคร โรงใหญ่ ที่ใครๆก็แสดงได้ทุกบท แต่ใครจะละทิ้งมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง หรือละมากหรือน้อย ก็อยู่ที่บารมีของแต่ละคนๆนั้นๆครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2012
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ CharnK [​IMG]
    ไม่ทราบ เพราะพระโคดมพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเล่าเรื่องทำนองนี้ในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ ข้อสำคัญ แม้ในพุทธประวัติเองก็มีพญามารซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระธัมมสามีพุทธเจ้า (องค์ที่ 4 นับจากนี้) มาขัดขวางอยู่เหมือนกัน คงต้องให้คนเก่งมโนมยิทธิถามพระพุทธเจ้าเองดีกว่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] ไม่จำเป็นต้องถาม ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนไม่มีหรอกครับ มันเป็นของคู่กัน การตั้งกระทู้ของคุณ เจ้าของกระทู้ ผมเข้าใจ มันก็คล้ายๆ กับคู่บารมีนั่นแหละ มันเป็นตัวพักดันให้อีกฝ่ายมีกำลังใจ ในการปฏิบัติครับ ขอฟันธงเลย แต่ใช้ปัญญา ให้ละเอียด เทียบเคียง แม้แต่พระอรหันต์ที่ผมอ่านประวัติ แต่ละพระองค์ ก็โดนศึกหนักมาแล้วทั้งสิ้นครับ แหมแค่ คนธรรมดา ยังมีอุปสรรคมากมาย แล้วพระโพธิสัตว์ไม่มี มันก็ไม่ใช่พระโพธิสัตว์นะซี ยิ่งพระพุทธเจ้าด้วยแล้วหนักกว่าใครๆทั้งหมดแหละครับ

    เขาไม่ให้ไปได้ง่ายๆหรอก ต้องลองทุกอย่าง ไม่รู้ กี่ร้อยกี่พันแสนล้าน เท่า หรือชั้นๆ ที่พระองค์โดนทุกๆพระชาติ ไปดูแค่องค์สมเด็จสักสิบชาติสุดท้ายก็ได้ พระองค์โดนมาทุกชาติ ที่เกิดมาครับ ยิ่งกว่าคนธรรมดา เป็นล้านๆเท่า ไม่งั้นคงไม่เรียกมหาโพธิสัตว์ใหญ่หรอกครับ[​IMG]
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ bosslnwskr10 [​IMG]
    มีอะไรน่าเบื่อในวัฏจักรนี้บ้างใหม มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG][​IMG] จริงๆก็ไม่อยากตอบ ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว ตอบเสียหน่อย คุณถามมามันกว้างจริงๆ ทั้งทางโลกและทางธรม ตั้งแต่ตีนยันหัวหัวยันตีน มันคุมหมดแล้ว ต้งแต่นรก ถึง ถึงคน ตอนกลาง จนไปถึงพรหม เมื่อเบื่อ ทั้งทางโลกและทางธรรม ตัดโลภโกรธหลง ลงได้ นั่นแหละ ขึ้นชื่อว่าหมดเบื่อ มาว่า ละเอียดต่ออีกนิด ดีไหม

    จะได้ไม่เบื่อ ถ้าเบื่อ ทางโลก มันยังเบื่อๆอยากๆ อยู่ ถ้ามีเมียมีผัว เบื่อกลางวัน กลางคืนจูบกัน เขาเรียกเบื่อๆอยาก ๆ เบื่อลูกเบื่อเมื่ย เบื่อชั่วคู่ เบื่อครั้งคราว เบื่อผู้คน เบื่อการทำงาน เบื่อร้อนหนาว หิวกระหาย เบื่อ ป่วยไข้ไม่สบาย เบื่อความแก่ ไม่อยากแก่ เบื่อเพราะความ อยาก ได้ไม่มีที่สิ้นสุด เบื่อเพราะไม่รวย เบื่อคนเบื่อสัตว์ เบื่อความคิด เบื่อการเกิด เป็น สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉ่าน เบื่อเกิดการเกิดเป็นคน เบื่อการเกิดเป็นเทวดา เบื่อการเกิด เป็นพรหม

    ก็เบื่อมันให้หมดเลยดีไหมล่ะ เบื่อร่างกายเลวๆอย่างนี้ เราไม่ต้องการมันอีก หิวต้องหาให้มันกิน หนาวต้องห่มผ้าให้มัน ร้อนต้องทำความเย็นให้ มัน มันต้องการอะไร เราก็หามาให้มันทุกอย่างบำรุงบำเรอ มันทุกเรื่อง มันไม่เคยตามใจเราเลย ไม่ให้มันแก่ มันเสือกแก่ ไม่ให้มันเจ็บ มันก็เจ็บป่วยไข้ไม่สบาย เราไม่อยากตาย มันก็จะตาย เราต้องการเป็นหนุ่มสาว มันไม่ตามใจเราสักนิด การพลัดพรากจาก ของรักของชอบใจ เราไม่อยากมีไม่อยากเป็น มันก็นก็สวนทางเราหมดเลย ไม่เคยตามใจเลย มันแก่ไปทุกวันคืน เมื่ออยู่ก็เป็นทุกข์ เราห้ามมันไม่ได้ มันก็เป็นอนัตตา สลายไปในที่สุด

    ขึ้นชื่อว่าการเกิด เป็นคนมีร่างกายเลวๆอย่างนี้ ไม่ต้องการมันอีกต่อไป การเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน คน เทวดาหรือ พรหมเราไม่ต้องการ เราต้องการจุดเดียว คือตายเมื่อไหร่ เราขอไปนิพพานจุดเดียว พระนิพพานเป็นแดนอมตะ ไม่กลับมาเกิดอีก เป็นบรมสุข สุขอื่นใดๆ ไม่เท่าสุขของแดนนิพพาน นิพานัง ปรมังสุขขัง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง [​IMG]
     
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->อ้อมน้อย<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6816157", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    "กราบท่านเหมือนลูกกราบอีก ๑ องค์เลยนะลูก กราบล่วงหน้า ๑ ชาติด้วยนะลูก"

    คือผมก็ความรู้น้อยนะครับอธิบายทีนะครับ สาธุครับ __/l\__[​IMG][​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>


    ตอบครับ
    อันนี้ก็น่าคิดนะ หลวงพ่อเกษม ท่านเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่ดู่ ก็เป็นพระอรหันต์ แต่ใครๆ ก็ว่าหลวงปู่ดู่ เป็นพระโพธิสัตว์ แต่ผมก็ยังสงสัยครับ ตั้งคำถามมาใคร เป็นเป็นผู้พูด ถึงจะเดาได้ครับ แม้หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านพูดว่า ท่านเคารพ หลวงปู่ สมเด็จวัด สามพระยา เหมือนพ่อ และเคยพูดกับ เจ้าคณะ จังหวัด อุทัยธานี พระอุทัยกวี ว่าหลวงพ่อพูด ผมเคารพพระอทัยกวี เหมือนพ่อ ท่านเคยพูด พระอุทัยกวี จบกิจแล้วครับมรณะไปนานแล้วครับ ความเข้าใจของผม คือ ใครพรรษาแก่กว่า จบกิจก่อน หรือเคยเกิดเป็นพ่อแม่ กัน ถ้าเราเป็นปุถุชน คนที่ได้ คุณธรรมก่อน เขาจะเรียกพี่บ้างพ่อบ้าง

    ไปดูตัวอย่างกันในสมัย ครั้งพุทธกาล พ่อผัวนางวิสาขา เมื่อคลายทิฏฐิลงแล้ว เข้ามาเคารพ พระพุทธเจ้า เป็นพุทธมามะกะ ในพระศาสนา และได้สำเร็จพระโสดาบัน พ่อผัวเรียกนางวิสาขาว่าแม่ และขอกินนมนางวิสาขา ถ้าเป็นสมัยนี้ล่ะยุ่งแน่ คงว่าท่านเป็นชู้กันนี่เห็นไหม เขาเคารพ ธรรมกัน ใครได้ คุณธรรมก่อน คนนั้นเป็นพี่พ่อแม่ แม้แต่ บวชก่อนหนึ่งวัน คนนั้นต้องเป็นพี่ ไม่เกี่ยวกับอายุครับ ความเข้าใจของผม มันเป็นดังที่อธิบายมาฉนี้แล ใครมีควารู้ยังไงเชิญครับ

    หลวงปู่หลวงพ่อฤาษี ท่านบอกว่า หลวงปู่พูดถึงนิพพาน หลวงปู่พูดยังไง หลวงปู่ต้องอยู่ที่นั้น เดี๋ยวมีโอกาศ ว่าหนังสือเล่มไหน ถ้าไม่ลืม จะค้นมายืนยันครับ เพราะเคยอ่านจอครับ แต่ผมไม่กล้ายืนยัน ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ หรือพระโพธิสัตว์ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    น้อยคนจะรู้ว่าเมื่อ100ปีที่แล้ว "พระป่า"หาได้เป็นที่ยอมรับนับถืออย่างเช่นปัจจุบันไม่
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kennek<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6814828", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    ตอบครับ
    ขอตอบให้หายสงสัยเลยครับหน่อยเถอะครับท่าน พระพุทธเจ้าก็บอกตรงๆอยู่แล้ว ภิกษุใดก็ตาม ทรงพระไตรปิฎก ไม่ได้ปฏิบัติธรรม เรียนรู้จบหลักสูตร แต่กิเลสยังเต็มหัว เอาตำรามาบีบ หรือบังคับ ผู้อื่น สงฆ์ องค์ อื่นตำแหน่งหน้าที่การงาน ใส่ร้ายที่ปฏิบัติดีปกิบัติชอบ ทรงพระไตรปิฎกเรียกว่า เถรใบลาน เปล่า แค่ฉันข้าวไม่พิจรณา อาหาเรปฏิกูลสัญญา พระพุทธองค์บอก กินไฟก้อนถ่านแดงๆดีกว่าครับ หลวงปู่ครูบาศรีวิชัย โดนหนักกว่านั้น อีกครับขนาด ทั้งพระ ทั้งฆราวาส จับท่านไปติดคุกในกรุงเทพ หลวงปู่อภิชัยขาวปี ก็เหมือนกัน ให้ท่านถึง กับศึกจากความเป็นพระแต่ท่านไม่ศึก นุ่งขาวห่มขาว เมื่อพ้นมลทิลแล้วท่านกลับมาที่วัด ต้นไม้ที่ตายแล้ว ยังรู้คุณค่าของท่านถึง กับ มีใบมีดอกออกผล บูชาท่าน

    นักบวชกับไอ้คนเลวๆกับ ทำร้ายท่านนี่เห็นไหม แต่พวกนี้มีที่เดียวไป คือนรกเท่านั้น เป็นที่ไปครับ จริงๆชาวบ้านจะศรัทธา พระธุดงค์มากกว่าพระปริยัติ พวกนักบวชเลวๆฆราวาสเลวๆ จึงกลั่นแกล้งท่าน เห็นท่านมีพักพวกบริวารมาก และมีเอกลาภมาก จึงหาทางให้พ้นไปเสีย มันมีมาทุกยุคทุกสมัย แหละครับท่าน สมัยก่อนพระไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ พึ่งมีมาสมัย รัตนโกสินทร์นี่เอง เมื่อก่อนถ้าเป็นพระอรหันต์ เขาเรียกพระเถระ พระผู้ใหญ่

    พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมเองก็พอโดนมาบ้าง แต่ยังน้อยครับ หลวงปู่ปู่ หลวงพ่อต่างๆโดนกันมาแล้วทั้งนั้นครับ ไปหาอ่านประวัติ แต่ละองค์ แล้วโอ้โฮ หนักๆทั้งนั้นเลยอ่ะครับ หลวงปู่พระมหากัสปะเถระ ท่านเป็นตัวอย่าง ตั้งแต่สมัย พุทธกาลแล้วครับ พวกนักบวช มันหลง อำนาจ <!-- google_ad_section_end --><!-- / message -->
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ bigtoo [​IMG]
    ในโลกใบนี้มีแต่เรื่องเล่าไม่มีใครรู้จริงนอกจากตัวเองเท่านั้น แม้แต่ตัวเองที่รู้เองก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มันเป็นสิ่งที่แปลก ขนาดพระพุทธเจ้าสำเร็จฌานที่สูงสุดก็ยังบอกไม่ใช่ทางเิดินที่ใช่ ต้องมาบำเพ็ญเพียรอีกตั้งหลายปี ฟังไวเฉยๆลงมือปฎิบัติเอง สิ่งที่น่าเคารพสูงสุดคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ยึดติดตัวบุคคล อนิจจัง ทุกขัง อนัตตานี่แหล่ะของดีที่สุด เพราะสิ่งนี้จะทำให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ได้จริง ส่วนอื่นเป้นเรื่องไรสาระ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG][​IMG]ข้อนี้ตอบเหตุผลดีน่าฟัง ครับ ผมอยากถามครับว่าคุณเคยเจอแบบนี้บ้างไหม เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ เมื่อคุณปฏิบัติถึงขั้นๆหนึ่ง จิตสงบดิ่ง ลง และถอยลงมา อุปจารสมาธิ เห็นภาพ ต่างๆระลึงชาติได้ ชาติที่แล้ว เป็น วัว ควายมาบ้าง คนบ้าง เทวดาบ้าง เห็นภาพลางๆคล้าย ตะวันจะตกดิน ไม่ชัดเจนนัก และบอกคุณว่า คุณได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้ว อยู่จบกิจพรหมจรรย์ ไม่มีอะไรที่ต้องทำอีก เพื่อจิตเป็นสุขคุณยังต้องพิจรณาอยู่เนืองๆ และไม่ให้ครบกับใครเลย นอกจาก พวกคุณอีกคนหนึ่งเท่านั้นครับ

    เรียกว่าในสมาธิเขาสอนมาอย่างดีครับ ต่อมาคุณไม่แน่ใจ ไปคุยกับคนที่คุณรู้จัก หรือที่เป็นครูบาอาจารย์ พูดคุยเหตุการณที่เกิดขึ้นกับคุณ ให้ที่คุณไว้ใจฟังจนหมด เพื่อหาเหตุผล ถามถึงสาเหตุ เป็นจริงดังนั้นหรือไม่ แล้วแต่คุณว่างั้นเถอะ อยู่มาวันหนึ่ง อยู่ๆคุณนั่งสมาธิอยู่ มารมาบอกคุณว่า คุณขาดจากความเป็นภิกษุแล้วครับ เมื่อเป็นเช่นนั้นจิตคุณตก เพราะมารมันบอกคุณแบบนั้น เพราะไปคุยกับฆราวาส อวดอุตริมนุษย์ธรรม ว่าคุณที่บอกมา คุณเคยผ่านมาไหมครับ

    และข้อสำคัญ คุณเคยเห็น คนที่ประฏิญาณตน ว่าจะบวชตลอดชีวิตไหม ที่ศึก กลางคัน ผมเห็นมาหลายคน จะเล่าให้ฟังแค่ ๒ คนครับ มีคนหนึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว เหตุเมื่อ พ.ศ. ๒๐ กว่าๆ เขามาอยู่วัด มีอะไรก็บริจาคหมด ปฏิบัติอย่างเดียว บอกจะบวชตลอดชีวิต ผมได้รับบริจาค พระสมเด็จ และพระเลี่ยม นาค และอีกหลายองค์ แกบอกไม่อยากได้อะไรแล้วครับ พระเลี่ยมทองหลายองค์ แกให้พระหมดเลยครับ ข้าวของต่างๆ พอใกล้เข้าพรรษา แกบวช และอยู่ได้ครึ่งพรรษาเศษๆ ไม่รู้แกไปโดนกระทบอะไร ทำให้แก จะศึกเอาครับ แกแทบจะทนไม่ไหว หลังออกพรรษา แล้วได้กฐินแกก็ศึกครับ

    และอีกคนหนึ่งครับ แกมาบวชวัดนี้เหมือนกันครับ จำชื่อแกได้ครับ ไม่บอกชื่อวัดนะครับ ขอสงวนสิทธิ์ แกมีชื่อว่า ประสงค์ครับ แกบอกจะบวช ตลอดชีวิต คนนี้เก่งครับ ได้มโนมยิทธิ เราคิดอะไรรู้ไปหมดครับ รู้ความคิดในจใจ ของเรา พระเทวดา อยู่ตรงไหน รู้ ต้นไม้มีอะไรรู้ ไปสัมผัสสิ่งต่างๆได้มากมายครับ พอบวชได้ ถึงครึ่งพรรษา หรือเปล่าไม่ทราบ จะแหกพรรษาอีกแล้วครับ พอออกพรรษา แกไม่เอากฐินหรือไงนี่แหละครับ ศึกเลย พวกนี้มาแรงไปแรงครับ ถ้ากำลังใจ เกินหาประมาณมิได้ นั่นแหละครับถึงจะไม่ศึก พอจะสู้กับมารไหวครับ ถ้ากำลังแค่ ๑๐๐ เปอร์เซ็น พัน หมื่น แสน ล้าน เปอร์เซ็น แล้วละก็ อย่าพูดแบบนั้น เป็นอันขาด เพราะจะโดนมารลอง ไม่ช้าก็ศึก

    ต้องบอก อยู่ได้แค่บุญ สนับสนุน เท่านั้น ถ้าคุณเป็นพระอริยะแล้ว โอเคครับไม่ศึกแน่นอนครับ หรือเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ ที่มีกำลัง เป็นปรมัตถบารมี ถือสุดเลยครับ ถ้ายังไม่เป็น แค่ฌาณ โลกียมันกดอยู่ เดี๋ยว กำลังบุญถอย อกุศลให้ยอดเลยครับ ถ้าไม่ใช่ ผล เดี๋ยวก็ศึกครับ ก็ขอให้คุณมีกำลังใจต่อสู้ต่อไปครับ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ[​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ บุญทรงพระเครื่อง [​IMG]
    [​IMG][​IMG]ข้อนี้ตอบเหตุผลดีน่าฟัง ครับ ผมอยากถามครับว่าคุณเคยเจอแบบนี้บ้างไหม เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ เมื่อคุณปฏิบัติถึงขั้นๆหนึ่ง จิตสงบดิ่ง ลง และถอยลงมา อุปจารสมาธิ เห็นภาพ ต่างๆระลึงชาติได้ ชาติที่แล้ว เป็น วัว ควายมาบ้าง คนบ้าง เทวดาบ้าง เห็นภาพลางๆคล้าย ตะวันจะตกดิน ไม่ชัดเจนนัก และบอกคุณว่า คุณได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้ว อยู่จบกิจพรหมจรรย์ ไม่มีอะไรที่ต้องทำอีก เพื่อจิตเป็นสุขคุณยังต้องพิจรณาอยู่เนืองๆ และไม่ให้ครบกับใครเลย นอกจาก พวกคุณอีกคนหนึ่งเท่านั้นครับ

    เรียกว่าในสมาธิเขาสอนมาอย่างดีครับ ต่อมาคุณไม่แน่ใจ ไปคุยกับคนที่คุณรู้จัก หรือที่เป็นครูบาอาจารย์ พูดคุยเหตุการณที่เกิดขึ้นกับคุณ ให้ที่คุณไว้ใจฟังจนหมด เพื่อหาเหตุผล ถามถึงสาเหตุ เป็นจริงดังนั้นหรือไม่ แล้วแต่คุณว่างั้นเถอะ อยู่มาวันหนึ่ง อยู่ๆคุณนั่งสมาธิอยู่ มารมาบอกคุณว่า คุณขาดจากความเป็นภิกษุแล้วครับ เมื่อเป็นเช่นนั้นจิตคุณตก เพราะมารมันบอกคุณแบบนั้น เพราะไปคุยกับฆราวาส อวดอุตริมนุษย์ธรรม ว่าคุณที่บอกมา คุณเคยผ่านมาไหมครับ

    และข้อสำคัญ คุณเคยเห็น คนที่ประฏิญาณตน ว่าจะบวชตลอดชีวิตไหม ที่ศึก กลางคัน ผมเห็นมาหลายคน จะเล่าให้ฟังแค่ ๒ คนครับ มีคนหนึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว เหตุเมื่อ พ.ศ. ๒๐ กว่าๆ เขามาอยู่วัด มีอะไรก็บริจาคหมด ปฏิบัติอย่างเดียว บอกจะบวชตลอดชีวิต ผมได้รับบริจาค พระสมเด็จ และพระเลี่ยม นาค และอีกหลายองค์ แกบอกไม่อยากได้อะไรแล้วครับ พระเลี่ยมทองหลายองค์ แกให้พระหมดเลยครับ ข้าวของต่างๆ พอใกล้เข้าพรรษา แกบวช และอยู่ได้ครึ่งพรรษาเศษๆ ไม่รู้แกไปโดนกระทบอะไร ทำให้แก จะศึกเอาครับ แกแทบจะทนไม่ไหว หลังออกพรรษา แล้วได้กฐินแกก็ศึกครับ

    และอีกคนหนึ่งครับ แกมาบวชวัดนี้เหมือนกันครับ จำชื่อแกได้ครับ ไม่บอกชื่อวัดนะครับ ขอสงวนสิทธิ์ แกมีชื่อว่า ประสงค์ครับ แกบอกจะบวช ตลอดชีวิต คนนี้เก่งครับ ได้มโนมยิทธิ เราคิดอะไรรู้ไปหมดครับ รู้ความคิดในจใจ ของเรา พระเทวดา อยู่ตรงไหน รู้ ต้นไม้มีอะไรรู้ ไปสัมผัสสิ่งต่างๆได้มากมายครับ พอบวชได้ ถึงครึ่งพรรษา หรือเปล่าไม่ทราบ จะแหกพรรษาอีกแล้วครับ พอออกพรรษา แกไม่เอากฐินหรือไงนี่แหละครับ ศึกเลย พวกนี้มาแรงไปแรงครับ ถ้ากำลังใจ เกินหาประมาณมิได้ นั่นแหละครับถึงจะไม่ศึก พอจะสู้กับมารไหวครับ ถ้ากำลังแค่ ๑๐๐ เปอร์เซ็น พัน หมื่น แสน ล้าน เปอร์เซ็น แล้วละก็ อย่าพูดแบบนั้น เป็นอันขาด เพราะจะโดนมารลอง ไม่ช้าก็ศึก

    ต้องบอก อยู่ได้แค่บุญ สนับสนุน เท่านั้น ถ้าคุณเป็นพระอริยะแล้ว โอเคครับไม่ศึกแน่นอนครับ หรือเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ ที่มีกำลัง เป็นปรมัตถบารมี ถือสุดเลยครับ ถ้ายังไม่เป็น แค่ฌาณ โลกียมันกดอยู่ เดี๋ยว กำลังบุญถอย อกุศลให้ยอดเลยครับ ถ้าไม่ใช่ ผล เดี๋ยวก็ศึกครับ ก็ขอให้คุณมีกำลังใจต่อสู้ต่อไปครับ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เขาตอบครับ
    ต้องบอกก่อนนะครับผมไม่เคยเจออย่างที่คุณเขียนมา ผมเดินบนเส้นทางธรรมะด้วยการปลูกจิต ด้วยปัญญา ศึกษาจนรู้ทุกข์ รู้วัฎฎะน่ากลัวกว่าสิ่งใด ผมไม่ปรารถนสิ่งใด ในการปฎิบัติผมเจออะไรที่แปลกๆจิตผมจะสั่งทันที่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันจบตรงนี้ทันที่

    ส่วนเรื่องคนที่บวชแล้วบอกว่าจะบวชตลอดชีวิตผมเข้าใจได้ ท่านเหล่านี้ไม่ได้ศึกษาเรื่องอริยสัจสี่ให้เข้าใจได้พอที่จะกลัวทุกข์กลังวัฎฎะที่แท้จริง ไม่เข้าใจพระปัญญาของพระองค์ที่แท้จริงที่ทรงต้องการให้เห็นทุกข์และปฎิบัติเพื่อให้พ้นทุกข์ ส่วนใหญ่แล้วชอบฤทธิ์บ้าง ได้รับความสุขในสมาธิบ้าง พอออกจากสมาธิก็เหมือนเดิม กิเลสไม่ได้ลดลงอย่างไรก็อยู่ยากครับ แต่ถ้าได้กัลยณมิตรที่ดีชักจูงก็คงไปได้สุดทางเหมือนกัน<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2012
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    <TABLE id=post6820721 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6820721 class=alt1>อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Gorgeous [​IMG]
    คือเป็นคนชอบฟังธรรมมากๆ ฟังได้ทั้งวันทั้งคืน เลยได้แบ่งเวลาไปปฏิบัติน้อยหน่อย จึงอยากถามว่าผู้รู้ว่าสมัยนี้ยังมีการฟังธรรมแล้วบรรลุอยู่ไหม เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่อยู่แล้ว พระอรหันต์เทศน์แล้วญาติธรรมบรรลุโสดาบันขึ้นไป เป็นไปได้ไหม คืออยากทราบเพราะถ้าสมัยนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะฟังธรรมแล้วบรรลุโสดาบันขึ้นไป จะได้เอาเวลาไปปฏิบัติแทน เพราะยังมีความคิดเล็กๆว่าฟังพระอรหันต์เทศน์ เราก็อาจมีสิทธิ์ได้พ้นทุกข์เหมือนเขาบ้าง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG][​IMG] ตอบครับ, มีเยอะแยะไปครับ ผมได้ยินได้ฟัง ลูกศิษย์เดียวกัน เอาธรรมมะ ของครูบาอารย์ ให้คนป่วยฟัง ไปนิพพานและสวรรค์ เยอะเลยครับ ตอนป่วยใกล้ตายนี่ มันก็จะจับเอาธรรมมะมาเป็นอารมย์ เพราะมันป่วย เลยหาธรรมมะเป็นที่พึ่ง บางคนถึงกับเปล่งวาจา ว่า พระมารับแล้ว เทวดามารับแล้ว บางคน บอกไปนิพพาน ไม่กับลงมาเกิดแล้วครับ บางคนนอนเป็นสมาธิ ฟังธรรม อย่างเดียวครับ การบรรลุคุณธรรม ไม่จำเป็นต้องไปนั่ง ตัวแข็งทื่อหรอกครับ ๔ อริยาบท ทำได้ทุกที่ ทุกทุกสถาน นั่ง นอนยืนเดิน เมื่อนึกได้ ก้ทำได้เลยครับ ภาวนาพิจรณา ก็ตาม อัทยาศัยครับ

    ผมเองก็เจอมาแล้วหลายท่าน เมื่อปี ๒๘ ครูบาอาจารย์ ท่านบอก พระอรหันต์ มีทั้งหมด ในประเทศไทย ทั้งหมด ๑,๐๐๐ กว่าองค์ แต่เวลานี้ เหลือเท่าไหร่ไม่ทราบ แต่ว่าของเก่าไป ของใหม่ก็มาแทน คลื่นลูกใหม่ ย่อมมีมาเสมอ ตาบใดพระศาสนายังอยู่ ก็จะมี พระอรหันต์ให้เราได้กราบไหว้ และทำบุญกันครับ ในปีท่านบอก พระอรหันต์ ปฏิสัมพิทาญาณ มีไม่ถึง ๑๐๐ องค์ ตั้งแต่ อภิญญาหก วิชชาสาม สุกขวิปัฏสโก ก็พันกว่า องค์ แต่ท่านบอกว่า มีอยู่ทั่วไปทั้งในป่าในเมือง

    แต่ ท่านบอกพวก ฆราวาส ตั้งแต่ พระโส ดาบัน ขึ้นไป ถึงพระอนามี เขียนชื่อใส่ ปี๊บยังไม่หมดเลยครับ แต่หลวงพี่วิรัช วัดพระธรรมยาน อ.หนองไผ่ เพชร บูณร์ จ.เพชรบูณร์ ท่านไปคุยกับ หลวงปู่ละไม กับหลวงปู่อะไรจำไม่ได้ครับ ระหว่าง อ.หนองไผ่ ถึงประเทศลาว ด้านข้างใน ถ้ำ จะมีเมือง อีกมิติหนึ่ง มีพระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ ทำหน้าที่ อย่างหนึ่ง เกี่ยวกับพระศาสนา อีก พันกว่าองค์ นอกจากคนที่ได้ ทิพยจักษุญาณ หรือมีบุญพอสมควร ที่ท่านต้องการจะโปรด หรือเกี่ยวเนื่องถึงกันครับ


    แค่นี้ก่อนดีกว่าตอบพอสมควรแล้วครับ[​IMG]<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6820721")</SCRIPT> </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2012
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    [​IMG]เอ่าเจ้าของกรทู้ไปไหนเนี่ยรอลุ้นจนตัวโก่งแล้วอ่ะครับ ปล่อยให้บุคคล ๓ จำพวก เอ่อขออภัยครับ บุคคลทั่วไป ๓ คน คุยคนเดียวแหละครับ ชักเหงาๆครับ [​IMG]

    อ้างอิง:

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>อ้อลืมไปครับ หลังจากนั้นไม่นาน ผมจึงเปลี่ยนคำอธิษฐานใหม่ บุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำมาแล้วตั้งแต่อดีดถึงปัจจุบัน ขอคำว่าไม่มีจงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้า มีความคล่องตัว โดยฉับพลัน มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีปัญญาดี หายจากโรคภัยไข้เจ็บมีอายุยืนยาว ได้ดวงตาเห็นธรรม ทั้งอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ ปัญญาฤทธิ์ ได้เกิดแก่ข้าพเจ้าโดยฉับพลัน และเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ ในชาตินี้จะถึงหรือไม่ถึง ชาติหน้าก็ต้องถึง สักวันคงเป็นของเราครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สังเกตุ ทันหรือเปล่าหละครับว่า อวดอาการกลับกรอก ให้คนเขาหัวร่อ

    วรรคต้น โอยยยย อธิษฐานนิพพาน ลาพุทธภูมิ

    พอมาลงท้าย โอยอธิษฐานของให้คำว่าไม่มีจงมีแก่.....คนที่ลาพุทธภูมิขอนิพพาน ไปตะกี้
    แต่.....ในชาตินี้จะถึงหรือไม่ถึง ชาติหน้าก็ต้องถึง สักวันคงเป็นของเรา

    เนี่ยะ

    เอา อธิษฐานมาเล่น เป็น เด็กขายของ กลับกรอกเสียยิ่งกว่า ลิงแดง ลิงเขียว
    ลิงช้ำเลือดช้ำหนอง ลิงเน่าหนอนชอยไช

    แล้วเป็นเพราะอะไรหละ

    ก็เพราะ อุปทานอันเป็นยาพิษ ถูกใส่มาในประโยคที่ว่า " เดี๋ยวไปเกิด ภพ หน้าดีๆ
    จะได้ ไปนิพพาน ง่ายๆ เมื่อ ....... มาสอน "

    เนี่ยะ อุปทานกิน ปรารภ ภพ แทน นิพพาน มันก็ กลายเป็น ลิงแดง ลิงเขียว
    มาร้องปาวๆ อวดความ กลับกรอก ให้คนเขาหัวล่อ<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->บุคคลทั่วไป 3 คน<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6819005", true); </SCRIPT>
    สมาชิก อ้างอิง<!-- google_ad_section_end -->


    ตอบครับ คนอื่นไม่รู้ เรารู้ของเราคนเดียวก็ได้ครับ แต่ผู้ปฏิบัติถึง เขาจะรู้ครับ คนไม่กินเกลือเอง มันจะรู้ว่า เค็มขนาดไหน คนเรียนมาแค่ ป.๑ ถึง ๔ มันก็รู้แค่นั้น มันยังมี ๑ ถึง.ม.๖ และยังมี ป.ว.ช. ป.ว.ส. และยังมี มหาลัย ปริญญา ตรี โท เอก อีก มันเรียนรู้มาแค่นั้น ก็รู้แค่นั้นครับ มันถึงได้ตอบเสปะ สปะ โดยไม่รู้ว่าจะเป็นกรรม หรือเปล่า

    ไม่คิดว่าตัวผมเองจะเก่งหรอกนะ แต่ก็พอจะรู้ว่า อะไรถูกผิด อันไหน มีคุณธรรม อันแท้เทียม หรือ หรือใช้ปริยัติอย่างเดียว เขาดูกันข้อความที่ออกมา จากใจ หรือเรียนมาในด้าน ทิฏฎี อย่างเดียว ถ้าตีความหมายผิด มันก็ผิดยาวๆครับ [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ art2498 [​IMG]
    เรียนผู้รู็ช่วยตอบหน่อยครับผมรู้ว่าทำสมถะดี อาจได้เกิดเป็นพรม แต่ถ้าทำวิปัสนาผมไม่รู้เพราะว่าจิตไหลไปอาจไปคิดเรื่องอกุศลได้ แล้วจะทำให้ไปเกิดในทุคติหรือเปล่า ผู้รู้ช่วยตอบทีครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    :cool:({)ทุกคนล้วนมีเหตุผล มากหรือน้อย ก็พิจรณาเอาครับ คนเราทำไว้ ในเมื่อสมัยมีชีวิตอยู่ น่ะ ดีที่สุดครับ จิตจะได้มีที่เกราะ แต่บุคคลที่ฝึกมาดีแล้ว ไม่ว่ากัน แต่คนที่ไม่เคย ให้ฝึกใกล้ตายน่ะยากครับ ถ้าลังของฝายใดมากก่วา ก็ว่าจะไปตามกำลังของ ฝ่ายนั้นๆ ครับ เห็นมาหลายคน บางคนไปอย่างสบาย บางคน เปล่งวาจา ดังๆครับ และบางคนที่ทำกรรมมาเสีย ๙๐ กว่าเปอร์ เซ็น ยากจริงๆครับ ตัวอย่างไปฆ่า ไก่ไว้มากๆ ฆ่าหมูวัวควาย บางคนจะร้อง แบบทุบวัวควาย เสียงไก่ ก็มี แบบหมูก็มี คนที่เคยทำกรรมไว้มาก จิตเขาจะไม่เกราะ มันจะไปเกราะกรรมที่ทำมามากกว่า

    อย่างคนไม่เคยเจริญสมาธิกรรมฐานมาก่อน แต่เคยใส่บารถ พระ สร้างบุญต่างๆ อันนี้ จิตเขาพอ รับได้อธิบายให้เขาฟัง เขาป่วยอยู่ จิตเขาหันมาได้แน่นอนครับ เรื่องรายละเอียดผมเคยเอาประสพการณไปตอบหลายกระทู้แล้วครับเลยไม่อยากยกตัวอย่างมาให้ เพราะทุกคนบอกมาดี แต่บางอย่างก็ต้องอาสัยเวลาเหมือนกัน :cool: มันพูดยาก ที่เห็นของจริงมา ผมเมื่อก่อน เคยกินข้าวต่อหน้าศพได้ ให้เหม็นขนาดไหนก้กินได้ ไม่ว่าต่อหน้าขี้เยี่ยวกินได้หมด แต่เดี๋ยวนี้ มันเปลี่ยนไป ให้ปรงอย่างไร กินข้าวต่อหน้าศพ กินไม่ลงคอ ถ้าศพเหม็นด้วยแล้ว จะอาเจียนเลยครับ ขี้หมาถ้าเหม็นมากๆ ก็เป็นครับ จิตกับตราปัด เห็นคนเป็นโรคร้ายสบายเมื่อก่อนแต่เดี๋ยวนี้ตรงข้าม อะไรก็เปลี่ยนได้เสมอครับ

    ผมไม่ได้อ้างตำราหรอก อาศัยประสพการณจริง ตอนย่าผมตาย เก็บศพไว้สามปี เน่าไม่หมด เหมือนคางคกตายซาก พอครบ สามปี เปิดโกดังมา ผมไปช่วย สัปเร่อ ใช้มีด กีดหนังที่ติด ตามกระดูก ออกเพื่อนำศพไปเผา ผมล้างน้ำ ไม่รู้กี่เที่ยวทั้งแฟบสบู่ เป็นอาทิตย์ ยังเหม็นติดมืออยู่เลยครับ:cool:นี่มานอกเรื่องแล้วครับ ขออภัย ติดลม ขอจบครับ:cool:<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เจดีย์ของพุทธกับปิระมิดอียิปต์ อันใหนควรกราบไหว้บูชามากกว่ากันครับ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ลมมหา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6825186", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    ตอบครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
    ทุกศาสนาสั่งสอนให้คนเป็นคนดี พระพุทธองค์ได้สอนไว้หมดแล้ว ตั้งแต่ต่ำ ถึงเบื้องสูง คนที่มีบารมียังไม่ถึงนิพพาน ท่านก้สอนให้คนนึกถึง ความดีของเทวดา เพราะว่า เทวดาหรือพรหม ก็ไปจากคนที่สร้างบารมี จนท่านเหล่านั้น มีความดี ถึงขั้นเทวดา พรหม หรือไปนิพพาน อย่างเลวที่สุด เกิดเป็นคน ก็ดีกว่าเกิดเป็น สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน ตามแต่ใครจะเอาแบบไหน แต่เจดีย์ในทางพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่ เขาจะบรรจุ พระธาตุของพระอรหันต์ หรือบรรจุพระบรมสารีรีกธาตุ ของพระพุทธเจ้า ไกลจากกิเลส จึงมีอนิสงฆ์มากและได้บุญมากกว่า หลายล้านเท่านักครับ


    ทุกศาสนาดีหมด แต่คนเอาไปปฏิบัติจะดีเท่าท่านหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ว่าจะเลือกอะไรต่างหากครับ ฉนั้นพระพุทธองค์ จึงสอนว่านั่นยังดีไม่พอ ยังดีไม่พอ ไม่ถึงที่สุด ท่านจึงสอน ให้หาทางพ้นทุกข์ครับผม และการไหว้ บุคคล นั้นหรือวัตถุนั้นๆมีคุณค่าทางไหน เป็นไปเพื่อละ หรือเป็นไปเพื่อ กิเลส ทางพระพทธศาสนา ท่านสอนดังนี้ แค่เบาๆครับ ให้ทานกับสัตว์ ๑๐๐ เท่าก็ไม่เท่า ให้กับคนที่ไม่มีศิล ๑ ครั้งให้ทานกับคนที่ไม่มีศิล ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับให้ทานกับคนที่มีศิล ๑ ครั้ง ให้ทานกับคนที่มี สิล ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับให้กับ บคคลที่เจริญสมถะกรรมฐาน ๑ ครั้ง ให้ทานกับคนที่เจริญสมาธิกรรมฐาน ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับคนที่เป็น พระโสดาบัน ๑ ครั้งท่านบอกให้เอา เลข ๕ ตั้ง แล้วเอาเลขศูษย์ใส่ไป ๕๐ ตัวได้เท่าไหร่ บอกมา และให้ทานกับพระโสดาบัน ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับให้พระสกิทาคามี ๑ ครั้ง ให้ทานกับพระสกิทาคามี ๑๐๐ ครั้ง



    ไมเท่ากับให้พระอนาคามี ๑ ครั้ง ให้ทานกับ พระอนาคามี ๑๐๐ ครั้งไม่เท่าให้กับพระอรหันต์ ๑ ครั้ง ให้กับพระอรหันต์ ๑๐๐ ครั้งยังไม่เท่ากับให้กับพระปัจเจกะพุทธเจ้า ๑ ครั้ง ให้กับพระปัจเจ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับถวายองค์สมเด็จพระพทุธเจ้า ๑ ครั้ง ให้กับพระพุทธองค์ ๑๐๐ ครั้งยังไม่เท่ากับการถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้งไม่เท่า ถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง ถวายวิหารทาน ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับเรา เจริญสมาธิกรรมฐาน ๑ ครั้ง เจริญสมาธิ ๑๐๐ ครั้งไม่เท่า กับเราได้ เป็นพระโสดา สกิทาคา อานาคามี และพระอรหันต์ มันมากเกิน ไม่ขออธิบายหมด ไปหาอ่านเอาเองครับ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    พระพุทธศาสนา...พระโบราณ...พระในตำนาน
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->บรรพชนทวา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6823595", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    ผมขอแนะนำ ว่าถ้าท่านตั้งใจจริง ลองไปสึกษาตามแนวทางของหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงดูบ้างก็ได้ ไม่เสียหลายครับ เพราะท่านเป็นเคารพของ มนุษย์เทวดาและพรหม และได้ นำคำสั่งสอน มาให้ สานุศิษย์ ได้ นำไปประพฤติประฏิบัติ และได้พิมตำรามากมาย เอาคำสอนของพระพุทธองค์มาสอนแบบง่ายๆ ท่านเล่าประวัติของชนชาติไทยอยู่ที่นี่มาช้านาน หลายร้อยล้านปีมาแล้ว พระพุทธเจ้าท่านเสด็จเมือง ไทยสมัยทวาราวดี ไว้มีด้วยครับ คนสมัยนั้นก็คือคนไทย นครปฐม ในสมัยหมอชีวกมา เที่ยวกับไป พระองค์พูดกับหมอชีวก ว่า คนในเมืองทวาราวดีเขาคุยพูดกันอย่างไร หมอชีวกตอบว่า กินก็กิน นอนก็นอน เป็นภาษาโดด พูดง่ายไพรเราะมาก

    หมอชีวกถาม พระพุทธองค์ว่า ที่พระองค์พูดได้ พูดด้วยที่ท่านเป็นพระพุทธเจ้า ใช่หรือไม่ พระองค์ตอบว่า มันเป็นคำพูด โดยพระโคตรของพระองค์เอง หลวงพ่อท่านจะพูดถึง ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ในหนังสือ ฤาษีสอนลูก ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง คนไทยในสมัย โยนก เชียงแสนหายไปไหนหมด ทำไมนักประวัติศาสตร์ ไม่บันทึกไว้เลย คอยจะไปเชื่อฝรั่ง หรือนักบิดเบือนประวัติศาสตร์ ผมว่า ไปดู รอยพระพุทธบาท ว่าในประเทศไทยมีมากมาย ผมว่าเรานักประวัติศาสตร์ไม่มีอัคติ น่าจะลองดูนะครับ และศึกษาดู ผมเอง ไม่ค่อยมีความรู้อะไร แต้ก็ขอแสดงความคิดเห็น ให้หาเหตุและผลให้ถ่องแท้ครับ <!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- edit note -->
     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    วิธีทำทาน ให้ไ้ด้บุญมากที่สุด เปลืองทรัพย์น้อยที่่สุด
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ไชยรัฐ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6827878", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยคนครับ อย่างทุกคนว่ามานั่นแหละครับ ถูกผิดมากน้อยก็ว่ากันไป ทางที่ดี ก็ทำมันทุกอย่างสิครับจะไปยาก อะไร ด้วยโมทนาสาธุด้วยดีที่สุด ถ้าไม่ถึงพระนิพพาน ก้เกิดไปจะได้ไม่จนครับ แต่ว่า ยังน้อยกว่า อภัยทาน กับให้ธรรมมะเป็นทาน ในสมัยครั้งพระพุทธองค ก็มีตัวอย่างที่พระอรหันต์ ให้ธรรมมะเป็นทาน แต่ตอานิสงฆ์ ทำให้ท่านจบกิจเป็นพระอรหันต์ แต่ท่านไปบินถบาตร ไม่ได้อาหารก็มี อาศัยบุญองค์อื่น บางองค์บินถบารตมา ได้ข้าว ฉันไม่อิ่มก้มี มีอยู่องค์หนึ่ง จำไม่ได้ครับ ตั้งแต่ท่านบวชมา และจบกิจเป็นพระอรหันต์ พึ่ง ฉันข้าวเต็มท้องวันนิพานนั่นเอง ที่ฉันอิ่มมื้อนั้นเพราะ พระสารีบุตร ได้เหาะไปทางนภากาศ ไปบินถบาตรมาให้ฉันครับผม นี่เห็นไหม ทางที่ดีทำมันทุกอย่างไม่ต้องไปอายใคร ตั้งแต่ ๑ บาท ๕-๑๐-๒๐-๕๐-๑๐๐-๑,๐๐๐-๑๐,๐๐๐บาท แสน ล้าน ก็ตามแต่กำลังทรัพย์ ไม่ต้องอายในการทำบุญ ผมทำมายังว่า เริ่ทต้น ที่ ๑ บาท จนถึงณ เวลานี้ ถึง หมื่นบาท ก็สบายครับ เหมื่อนี่นานๆครั้งครับ ถ้า ร้อย กัน ๕๐๐ บาท พันนี่บ่อยครับ มาเสริมครับไปแหละครับ:cool:<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ คิดดีจัง [​IMG]
    การได้รับความนิยม เป็นที่สนใจของคนในปัจจุบันนี่แหละ

    จะเป็นภัยมิใช่น้อยในสายพระป่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG][​IMG] ในเมื่อทำแล้วถอยหลังไม่ได้ มันเป็นอดีดกับปัจจุบัน ติดต่อกัน ใครจะไปไหน ก็ช่างมัน เลือกเอาครับ ถึงไม่นำเสนอ มันก็เป็นอยู่แล้วครับ ผมก็โดนมาพอสมควร ที่พวกท่านไม่รู้ พระท่านจะไปธุดงค์ในห้วยขาแข้ง มันบอก ไปทำให้สัตว์ตื่น ผมไม่เห็นพระท่านทำให้สัตว์ตื่น มีแต่สัตว์จะมาหา พวกนี้เขารู้ว่าใครดีไม่ดี สัญชาติญาณเขามี เห็นมาแล้วครับ นอกจากพวกเดียรถีเท่านั้น ที่อาศัยผ้าเหลืองนั่นอีกเรื่องต้องแยกแยะครับ

    คนที่เขามีปัญญา เขาแยกแยะได้ พระอริยเจ้าทั้งหลายใครไปทำอะไรไม่ได้หรอกครับ ถ้าทำ ก็ตัวของผู้กระทำนั่นแหละ มีแต่หายนะลูกเดียวครับผม ยิ่งพระอรหันต์ด้วยแล้ว ท่านดีที่สุดของที่สุด ไม่มีใครทำให้ท่านต้องมัวหมองได้ มีแต่เราท่านทั้งหลายเท่านั้น ที่ต้องระวังมากกว่าครับ เชื่อเถอะ ทำดีย่อมได้ดีครับ ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ปลูกอ้อย จะเป็นกล้วยนั้น ไม่มีแน่นอนครับ ขออนุโทนาสาธุ ครับกับเจ้าของกระทู้[​IMG]
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Wisdom [​IMG]
    อันนี้ผมยกมาให้ครับ ที่หลวงปู่ดู่เคยกล่าวถึงพระนิพพานให้ลูกศิษย์ฟัง
    จะได้ไม่เสียเวลาไปสืบค้นครับ [​IMG]

    วันหนึ่งหลวงปู่ดู่ได้เล่าถึงการปฏิบัติครั้งคุมสมาธิศิษย์
    ยกใจความมาตอนหนึงว่า

    วันหนึ่งหลวงพ่อได้เล่าถึงการปฏิบัติ โดยท่านเป็นผู้บอกว่า “เมื่อไปถึงวิมานแก้วได้แล้ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ก็มีวิมานพระธรรม อยู่ไปทางขวามือของพระพุทธเจ้ามีตู้พระไตรปิฎกอยู่หลายตู้ เขียนเป็นภาษาบาลีอักษรขอม ถ้าอยากรู้แปลว่าอะไรให้ถามหลวงปู่ทวด ซ้ายมือเป็นวิมานของพระสงฆ์ มีพระสงฆ์อยู่พระพุทธเจ้าเป็นประธาน แกเดินจิตให้ดีจากวิมานแก้วจะไปถึงพระพุทธรูป 4 องค์ของกัปป์นี้ มีลักษณะหน้าตักกว้างไม่เท่ากันตามบารมี องค์แรกเป็นของพระกกุสันโธมีหน้าตักกว้าง 20 วา องค์ที่สองพระโกนาคม หน้าตัก 15 วา องค์ที่สาม ของพระกัสสปหน้าตัก 10 วา องค์ที่สี่ หน้าตัก 5 วา ถ้าเป็นพระศรีอริย์องค์ที่ห้า ยังไม่ปรากฎถ้าอธิษฐาน ขอดูจะพบว่ามีหน้าตักเท่ากับองค์แรก เพราะท่านสร้างบารมีมาถึง 16 อสงไขยกับแสนมหากัปป์"


    ส่วนอันนี้ผมนำมาจากหนังสือกายสิทธิ์ ๑
    จากบทความพระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค ช่วงที่ ๓
    เผื่อผู้อ่านทั้งหลายจะได้เข้าใจเกี่ยวกับพระที่ท่านเป็นหน่อพุทธภูมิมากขึ้น

    หน่อพุทธภูมิที่มีการสร้างบารมีถึง ๓๐ ทัศน์ มีอยู่อย่างหนึ่งคือ ปัญญาบารมีขั้นปรมัตถ์ จึงทำให้ท่านไม่ต้องไปอบายภูมิ เพราะท่านล่วงรู้ถึงสัจจะธรรมต่างๆ ทำให้ไม่หลงตน ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามหลวงปู่โดยอ้างพระไตรปิฎก ซึ่งได้กล่าวถึงบุญที่ถวายทานกับพระอริยะขั้นต่างๆ กำลังบุญไม่เสมอกัน แต่ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวถึงหน่อพุทธภูมิ หลวงปู่ท่านได้ตอบผู้เขียนว่า "หน่อ พุทธภูมิ ถ้าเปรียบไปแล้ว ก็คือ พระอนาคามี เพราะกำลังจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แต่จัดเป็นพระอนาคามีชั้นพิเศษ คือเหมือนกันแต่ท่านยังไม่เอา หลวงปู่ท่านจึงยังไม่สอนใครถึงนิพพาน เพราะถึงไม่ใช่กิจของท่าน แต่ท่านรู้ทั้งนั้น บารมีทั้ง ๑๖ อสงไขย ไม่รู้ได้อย่างไร หลวงปู่ทวด จิตท่านยังมีจุดดำอยู่ แกว่าจริงไหม" ผู้เขียนตอบว่า "ถ้าไม่มีท่านก็สำเร็จแล้วซิครับ แต่จุดดำนั้นเป็นจุดของความเมตตา ที่ท่านจะโปรดสัตว์ เพื่อจะให้สมกับคำว่า ศรีอริยเมตไตรย ดังนั้น จุดดำนี้ผมถือว่า มีค่าน้อยมากตัดทิ้งไปได้เลย" หลวงปู่ท่านพยักหน้ายิ้มรับ

    ใครสนใจบทความเพิ่มเติมจากหนังสือเล่มนี้ไปอ่านได้ที่
    พระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค โดย หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    ธรรมรักษาครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG][​IMG] อนุโมทนาสาธุ ครับ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ครับ เพราะผู้ใหญ่ท่านพูดอะไรออกมาแล้ว บางครั้ง ก็เข้าใจยากครับ และหลวงพ่อเองท่านก็พูดว่า ในยุคนี้ ที่ได้กรรมฐาน ๔๐ กับมหาสติปัฏฐาน ๔ มีอยู่ ๒ องค์เท่านั้น คือท่านกับหลวงปู่ปานครับ แต่พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ที่บารมีมาก ท่านจะถึงกันครับ ก็เข้าใจอยู่เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน พระโพธิสัตว์ในยุคนี้ มีมากมาย ที่ลามาจาก พุทธภูมิ ตอนนั้นไม่ลา ตอนหลังอาจจะลาก็ได้นะ นี่ผมไม่ได้แย้ง แต่เล่าแค่เห็นต่างนิดหน่อยเอง

    บอกตรงๆเลย ว่าบางทีนี้ มันพูดยากเหมือนกันเหมือนพยามาร ท่านก็ลาอยู่ข้างบน พระเจ้าตากก็ลา ข้างบน ก็เข้าใจ แต่ผมบอกตรงๆ แม้พระแม่กวนอิม ท่านก็ลาแล้ว แต่คนดำเนินตามรอยท่านนั้นมีมาก ส่วนใหญ่ว่ายังไม่ลา ที่รู้จะน้อยมากครับ แต่จะมีคน สวมรอยท่านเลย อันนี้ผม ก็เข้าใจ พระโพธิสัตว์ถ้าบารมีไม่เต็ม ท่านจะไม่ลา พุทธภูมิส่วนใหญ๋แล้ว บารมีท่านเต็มแล้ว อย่างพระโพธิสัตว์ ท่านทำหน้าที่ของท่านไม่ทัน องค์อื่นจะทำหน้าที่แทนครับ หรือพรหมเทวดา ทำแทนก็มี

    อันนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับผม แต่เรายกมาคุยกันได้ไม่เสียหลายที่จะรู้ ผมส่วนใหญ่ไม่ได้ ใช้ตำราเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ จะไปพบตัวตน ท่านก็มี หลายพระองค์ทีเดียวครับ มันยังว่าเข้าใจยากครับ หรือท่านต้องการ จะโปรดใครสักคนหรือเปล่า ไม่แน่ใจจริงๆครับ และอย่างยิ่งผมเคารพทุกคน แต่ความคิดเห็นนำมา คุยแจงแจงกันได้ ไม่ควรนำมา เพราะความไม่พอใจ เพราะท่านผมก็ถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ จนเราพิสูตรได้ว่า จริงตามนั้น จึงยืนยันได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นครับ เพราะท่านที่ ต่างมีลูกศิษย์มากมาย และข้อสำคัญ ท่านเคารพกันอยู่แล้ว หลวงพ่อสุทิน ท่านก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ อยู่วัดสะแกด้วย

    ท่านมาวัดหลวงพ่อฤาษี ทุกครั้ง มาครั้งหนึ่งก็หลายวันครับ แต่ท่านมรณะแล้ว ศพไม่เน่าเปื่อยแข็งเป็นหินไปแล้ว ตอนนี้พระศพของท่านอยู่ที่ วัดแม่สลาบ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ครับ พระลูกชายท่านนำไปไว้ที่นั่นครับผม สิ่งไรผมพูดอันไม่ดี ไม่พอใจก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยครับ เราต่างคนต่างยังต้องศึกษาอยู่ ผมก็รู้มาทั้ง ๒ อย่างจึงนำมาพูดก็แค่นั้นเองครับผม[​IMG]
     
  19. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    พระศพหลวงพ่อสุทิน อยู่ที่ วัดแม่สลาภ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ภาพ ๑-๒ ภาพ ๓ พระ อ.วิชัยพระลูกชายของท่าน ถ่ายรูปกับผม ประมาณ ๑ อาทิตย์<!-- google_ad_section_end -->


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]</FIELDSET>
     
  20. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Aida97 [​IMG]
    สวัสดีค่ะญาติธรรมทุกท่าน ดิฉันมีความปรารถนาจะได้กราบครูบาเจ้าบุญชุ่ม ซึ่งทราบว่าขณะนี้เข้านิโรธสมาบัติอยู่ในถ้ำ หลายท่านบอกว่าเจอตัวท่านยากมาก พอจะมีท่านใดเมตตาให้ข้อมูลดิฉันได้ไหมคะ ว่าพอมีทางใดที่ดิฉันจะได้มีโอกาสได้กราบท่านซักครั้งนึงในชีวิตนี้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    :cool:({) ผมขอพูดตรงๆเลยนะครับไม่อ้อมค้อม มันจำเป็นถึงขนาดนั้นเลยหรือครับ จริงๆผมเองน่ะ อยากจะทำบุญกับพระอรหัน ที่เข้านิโรธสมาบัติ ๗ วัน ถึง ๑๕ วัน ออกจากนิโรธสมาบัติ แบบทำบุญคนเดียว ให้ผล ภายในไม่กี่วันเลย ด้วยซ้ำไป หรือให้ผลในวันนี้ เลยยิ่งดี โดยไม่แบ่งบุญให้คนอื่นทำเลย จะได้ไม่เฉลี่ยให้ใครไงครับ ถามเห็นแก่ตัวไหม อันนี้มันก็อยู่ที่ท่านจะสงเคราะเราหรือไม่เท่านั้นเอง หรือเกี่ยวเนื่องกัน ถ้าท่านสงเคราะก็มาเอง หรือยังไม่ถึงเวลา พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็มีเยอะแยะไป ที่จะทำบุญกับท่าน บางที เราอาจจะ ไปรบกวนอะไรท่านหรือเปล่า


    ถ้าเรามีวาสนากับท่านก็ได้เจอเองครับ ถ้าอยากเจอท่านจริงๆ ก็ต้องออกแรงหน่อยแล้วกัน ไปถามพระปฏิบัติ สายเหนือ คงไม่ยากแน่นอนครับ หรือพระสหายธรรมกับท่าน ไม่ยากเลย ถ้าต้องการเจอจริงๆ และอีกอย่าง ท่านเป็นเพือน กับพระอาจารย์ เล็กวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี ท่านจะเข้ากรุงเทพ เดือนละครั้ง เข้าไปในกระทู้ของวัดท่าขนุนก็ได้ครับ เผื่อเขาจะรู้ครับ ถ้าไม่ยากลำบาก ลูกศิษย์ ท่านก็ได้ บางช่วงถ้าไม่เหมาะ ก็อย่าถามเลย ดูโอกาศแล้วกันครับ ว่ามันเหมาะสมช่วงไหน :cool:

    เอ่ผมบอกแรงไปหรือเปล่าเนี่ย ขอโทษที<!-- google_ad_section_end -->
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...