เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 26 กรกฎาคม 2010.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ใครว่าอะไรคุณหละ ผมก็แค่เอาสิ่งที่คุณเห็นว่าหวานหยดย้อย

    มานิยามเป็นคำว่า "นิพพานสีชมพู" ไง

    ไม่เห็นจะผิดจากที่คุณพูดว่าหวานหยดย้อยแบบสมสู่ตรงไหน

    สม ก็คือ เสมอ สู่ คือไป -- สมสู่ ก็คือ ไปรวมกันไง ผิดไป
    จากสิ่งที่คุณบอกไปรวมกันตรงไหนเหรอ

    เอาสติให้ทันคิดนะ ถ้าสติไม่ทัน ดันคิดเลยเถิด นั่นเรื่องของคุณ
     
  2. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็อย่างนี้ล่ะ

    ปัญญาของกิเลส
    ปัญญาสังหารตน.....
     
  3. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    สมัยหนึ่งบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่บวชใหม่

    เข้าไปกราบทูลลาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตั้งใจจะไปเจริญพระกรรมฐานในป่า

    หวังให้บรรลุมรรคผล ตอนนั้นองค์สมเด็จพระทศพลจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า

    ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไปลาพระสารีบุตรแล้วหรือยัง

    บรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นจึงกราบทูลว่า ยังพระพุทธเจ้าข้า



    พระพุทธเจ้าจึงทรงมีพระบัญชาว่า อย่างนั้นก่อนที่เธอจะไป เธอจงไปลาพระสารีบุตรเสียก่อน

    พระเหล่านั้นก็รับคำแล้วก็ลาพระพุทธเจ้าออกไปจากพระมหาวิหาร เข้าไปหาพระสารีบุตร

    พอเข้าไปถึงพระสารีบุตร พระสารีบุตรให้โอวาทอื่นพอสมควร

    แล้วพระทั้งหลายเหล่านั้นจึงได้ถามพระสารีบุตรว่า

    พวกกระผมเป็นปุถุมชน ถ้าจะปฏิบัติตนให้เป็นพระโสดาบันจะทำยังไงขอรับ

    พระสารีบุตรก็บอกว่า ถ้าพวกเธอทั้งหลายปรารถนาเป็นพระโสดาบัน ก็จงพิจารณาขันธ์ ๕ ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา

    ปลงให้ตกจนกว่าจะเลิกสังโยชน์ ๓ ได้ คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพตปรามาส

    เมื่อปลงขันธ์ ๕ อย่างเดียว สังโยชน์ ๓ มันจะขาดไปเอง เมื่อสังโยชน์ ๓ ขาดลงไปแล้ว พวกเธอก็จะได้เป็นพระโสดาบัน



    พระพวกนั้นก็เลยถามต่อไปว่า เมื่อผมเป็นพระโสดาบันแล้ว จะเป็นพระสกิทาคามีจะทำยังไง

    ท่านก็บอกว่า พิจารณาขันธ์ ๕ ตามแบบนั้นแหละ พิจารณาละเอียดลงไป ก็จะเป็นพระสกิทาคามีเอง



    พระพวกนั้นก็ถามต่อไปว่า เมื่อพวกกระผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว จะเป็นพระอนาคามีจะทำยังไง

    ท่านก็บอกว่า ปลงขันธ์ ๕ นั่นเอง ทำอย่างว่านั่นแหละ แล้วกามฉันทะกับปฏิฆะ คือการกระทบกระทั่งจิต การโกรธ ความพยาบาท มันก็จะสิ้นไปเอง ก็จะเป็นพระอนาคามี



    ท่านพวกนั้นก็ถามต่อไปว่า ถ้าผมเป็นพระอนาคามีแล้ว ผมจะเป็นอรหันต์จะต้องทำอย่างไร

    ท่านบอกว่า พิจารณาขันธ์ ๕ ตามที่บอกมานั่นแหละ ก็เป็นพระอรหันต์ไปเอง สังโยชน์ ๑๐ ก็จะขาดไป



    พระพวกนั้นก็ถามว่า เมื่อเป็นพระอรหันต์ละสังโยชน์ ๑๐ ได้แล้ว การพิจารณาขันธ์ ๕ ไม่ต้องทำต่อไปใช่ไหมขอรับ พระสารีบุตรตอบว่า ไม่ใช่ พระอรหันต์นี่แหละทำหนัก ยิ่งพิจารณาหนักเพื่อความอยู่เป็นสุข
     
  4. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241

    ....เจโตวิมุตติ พิจารณาแบบวิปัสนายาก เพราะปฏิบัติแบบสมถะจนเป็นวสี พอจิตเร่ิมเข้าสมาธิก็มักไปแอบเสพอารมณ์จากฌานเป็นนิสัย จนจิตส่งในอยู่บ่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดทุกข์เป็นอันมาก... เพราะพวกฤาษีดาบสส่วนใหญ่ใจเป็นใหญ่ ดังนั้น หากไปเน้นวิปัสสนาแบบใช้ปัญญาพิจารณามักเกิดอาการลังเลสงสัย..ซึ่งเป็นนิวรณ์ ทำให้ปฏิบัติไม่ก้าวหน้า
    ...จริงอยู่ว่าการทำสมถะเป็นการเอาก้อนหินทับหญ้า... แต่หากนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกจริตก็จะทำให้การปฏิบัติรุดหน้าได้...ซึ่งวิธีการที่ว่าคือ บำเพ็ญ เมตตาเจโตวิมุตติ ให้เกิด จนจิตละเอียดขึ้นตามลำดับ ซึ่งกระแสแห่งเมตตานี้ ทำให้ละสังกายะทิฏิ วิจิกิจฉา สีลัพตฯ ได้ง่าย ..
    ....เพราะกระแสแห่งเมตตา + กำลังแห่งสมถะ ทำให้จิตไม่รวม แช่นี่งอยู่อย่างซึมเซ่อ แข็ง ทื่อ แต่เป็นกระแสที่แผ่ออกจนจิตรวมเป็นหนึ่งกับสภาวะธรรมชาติ... จิตเข้าสู่ ศีล สมาธิ ปัญญา โดยอัตโนมัติ...แต่ทั้งนี้จะต้องเข้าใจในกฎแห่งไตรลักษณ์ด้วย
    ....อาจจะช้าหน่อย แต่ไม่ขัดกับจริตเดิม...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2012
  5. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ทำให้ได้ฌานกันคล่องๆ แล้วลองพิจารณาอีกทีดีมั้ยครับ
    จะได้รู้ว่าตัดได้หรือไม่ได้
     
  6. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    ฤาษีดาบสเก่า มีหรือ อารัมมณูปฯ จะไม่คล่อง.. ได้ฌานติดตัวมาตั้งแต่เกิด.....แค่มาฟื้นของเก่าเล็กน้อย
    ....เข้าสมาธิปุ๊บ จิตรวมอัปปนาปั๊บ...
    ....สติชัด แต่สัมปชัญญะ ขาด...
    พิจารณาอะไรที หนักไปทางอัตกิลมฯ....
    ...ใจที่คุ้นเคยกับการเสพสุขจากฌาน ที่ประณีต จะให้เลิกเสพ มันก็ยาก....
    ...มีแต่พลังงานแห่งกระแสเมตตาที่จะทำให้จิตใจชื่นฉ่ำ ที่พอจะแทนที่สุขจากฌานได้...
    ...จะให้ไปพิจารณาอย่างพวกปัญญาวิมุตติ ก็ยาก...เพราะความที่ชอบใช้ใจ มากกว่าใช้ปัญญา....

    ....พวกนี้ต้องปฏิบัติแบบสบายๆ อย่ารีบร้อน ต้องค่อยเป็นค่อยไป... ถ้าปฏิบัติแบบเคร่งเครียดจนเกิดทุกข์ ก็หันไปเสพสุขจากฌานอีก.....
    ....ตั้งใจเสพละไม่เท่าไหร่.... แต่จิตส่งใน... หลุดได้ยาก...... ยิ่งยุคนี้ผู้รู้ที่จะฉุดให้หลุดออกจากฌาน....มีน้อย แล้วจะพึ่งใครได้

    ...พอไม่เคร่งเครียด จิตผ่อนคลาย วิปัสสนาก็เกิดได้ตามกำลัง เกิดปัญญาทีละเล็กที่ละน้อย....จิตคลายออกจากตัณหาไปเรื่อยๆ จนจิตละเอียดมากขึ้น.....
    ...หากตั้งใจวิปัสสนาเกินไป ก็หนักไปทางอัตกิลมฯ ปัญญาก็ไม่เกิด...โทสะก็มีกำลังมากขึ้น.... จิตก็ทุกข์ ก็หันไปเสพสุขจากฌานอีก....เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง.....กลับมาอยู่ที่เดิมอยู่อย่างนั้น

    ...จริงไม่จริงอย่างไร ขอให้เหล่าเจโตฯ ช่วยยืนยัน... ปัญญาวิมุตติ คงไม่เข้าใจสภาวะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2012
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นี่ๆ ไปลองปฏิบัติ สมาธิ ให้มันได้สักนิดๆหน่อยๆ เสียก่อนจะได้ไหม

    ถ้าคุณเพียงแต่ลงมือทำสมาธิ นิดๆหน่อยๆนะ ไอ้ที่เขียนมาเนี่ยะ จะเขก
    หัวตัวเองไม่รู้กี่สิบที

    เพราะว่า มันกลับหัวกลับหางหมดเลย แทบจะไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่า
    มีประสบการณ์ปฏิบัติสมาธิ

    หากไม่มีประสบการณ์ปฏิบัติ จะไปเขียน วิพากษ์ มันก็จะ ตลก69กลับ
    หัวกลับหางหมด

    .....จะขยันไปทำไมเนี่ยะ คิดมั่วๆซั่วๆ แล้วก็พูดไปเรื่อยๆ เนี่ยะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2012
  8. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    .....ณานได้มาตั้งแต่เกิดแล้วคุณนิวรณ์ แต่เป็นฌานแบบอารัมมณูฯ นะ..แล้วจิตส่งในมาตั้งกี่ครั้งแล้ว...
    .....แต่พอปฏิบัติแบบสบายๆ กลับเข้าวิปัสสนาได้ง่าย.... ถึงได้มาบอกกล่าวนี่งัยละ...

    .....อย่าลืมนะ ว่าพวกเจโต มีศรัทธาเป็นตัวนำ ปัญญามาทีหลัง..
    จะให้ใช้ปัญญานำ มันไม่ถูกจริตเลย...

    ที่หลวงพ่อพุธกล่าว ชอบแล้วละ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2012
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อย่าไปมั่วซั่วเลยคุณ

    คำว่า เจโตวิมุตติ ที่คุณ กล่าวออกมานั่น ยังผิดอยู่เลย

    แล้วจะอ้างว่าได้มาแต่เกิดได้ยังไงกัน

    หากได้มาแต่เกิด มันไม่เกิดออกมาหรอกคราบ แต่ไอ้ที่
    เกิดมาเนี่ยะ เพราะ ขาดเจโตวิมุตติ เจโตวิมุตติไม่มี ปราศ
    จากไปจากจิตต่างหากหละ ถึงได้เกิดมาเป็นก้อนดินเนี่ยะ

    เนี่ยะ บอกแล้วว่า อย่าไปมั่วซั่วพูด ฮากระจายเปล่าๆ
     
  10. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    เอาเถอะ คุณว่ามั่วก็มั่ว... ก็ยังไม่เห็นพวกที่ทำสมาธิคนไหนจะยอมรับสมาธิของคนอื่นเลย...
    ....ไหนคุณลองช่วยแนะนำสิ ว่าเวลาจิตส่งใน คุณจะแนะนำศิษย์คุณว่ายังงัย...ให้หลุด
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไปแอบ ก๊อปปี้ คิด สาระตะ มาในหัวข้อ จิตส่งใน มาหละซี่

    มั่นใจว่า ตรึกมาแน่นหนาเนาะ

    แต่เชื่อเถอะครับ ไอ้พวก นั่งคิดสาระตะ ก๊อปปี้คำสอน แล้วเอามา
    พ่นๆ อวดว่ารู้เนี่ยะ มันจะงงนะ

    หากเราพูดว่า เจโตวิมุตติ หรือ ปัญญาวิมุตติ นั้น ไม่เที่ยง มี
    การกำเริบกลับได้ คือ ไม่ได้ปรากฏ

    เหตุนี้จึงมีบัญญัติวินัย ปรับอาบัติปาราชิก ในกรณีที่ ใครก็ตาม
    โพล่งออกมว่า ข้าสำเร็จเจโตวิมุตติ ข้ามีฌาณ1 2 3 4 ข้ามีจิต
    เปิด ข้า...............กำจัดกิเลสได้แล้ว มีปัญญาวิมุตติแล้ว

    เนี่ยะ คนที่อ่านเอา คิดเอา รับรองว่า งง

    แต่ คนที่ปฏิบัติมาด้วยตนเองเนี่ยะ ไม่คัดค้านวินัยเหล่านี้เลย เพราะ
    มันเป็นจริง เรื่องของการมีวิมมุติ มีฌาณ มีแฉณ มีญาณ นั้นมัน
    เป็นเรื่องที่ต้อง ประกอบ ไม่ใช่ไม่ประกอบ มันเป็นเรื่อง มีอาหาร
    ไม่ใช่ไม่มีอาหาร เจโตวิมมุติมีอาหาร ไม่ใช่ไม่มีอาหาร ปัญญาวิมุตติ
    มีอาหาร ไม่ใช่ไม่มีอาหาร ดังนั้น มันต้องกิน ต้องเสพ แน่ๆ เพียง
    แต่ว่า เสพได้โดยง่ายเหมือนคู้แขนเข้า เหยียดแขนออก หรือเปล่า

    แต่พวกก๊อปปี้ อ่านเอาตามตัวหนังสือไง เห็นคว่า "ได้" ก็คิดไปว่า
    มันอยู่ให้จับตลอด ไม่ต้องทำ ไม่ต้องเสพ อะไรอีก ไม่ต้องทำ นั่ง
    เป็นคนธรรมดาโง่บาดโซบ......

    เชื่อสิ ไปลองทำสักหน่อยจะดีกว่า อย่าตรึกเอาดุ่ยๆ เลย ยังไงก็โง่
    ตลก69

    แต่ถ้าปฏิบัติให้มันเห็นตามความเป็นจริงนะ คำว่า "จบกิจศึกษา" เขา
    ไม่ได้หมายถึง "หยุดทำ หยุดประกอบ" นะเว้ยเฮ้ย

    ยกตัวอย่าง พระพุทธองค์จะปรินิพพาน จะเห็นเลยว่า พระพุทธองค์
    ต้องประกอบฌาณจิตเข้าออกไปมาก่อน เพียงแต่ การทำนั้นไม่ใช่
    เพื่อศึกษา แต่ มันเป็นธรรมนิยามที่ต้องประกอบ

    ไม่ใช่ แบบที่คุณอ้างแน่ๆ ไม่ต้องทำอีกแล้ว นั่งเป็นคนธรรมดาโง่
    ง้าวบาดโซบ อิอิ แงวแงว เนี่ยะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2012
  12. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    หลวงพ่อพุธ กล่าวนั้นถูกต้องแล้วคุณ

    ข้าพเจ้ายังไม่สำเร็จ....และยังไม่กล่าวสักคำเลย เพียงแต่บอกว่า ทุกครั้งที่ตั้งใจวิปัสสนา มักเกิดอาการจิตส่งใน....คุณนี่ไม่มีวิจารณญาณในการอ่านเลยนะ....แล้วยังไม่ตอบคำถามข้าพเจ้าเลย ว่าจะให้คำแนะนำผู้ จิตส่งใน อย่างไร....
    ...และก็ไม่จำเป็นต้องไปก๊อปปี้มาหรอกในเมื่อมันเคยเกิดกับตัวเอง จนเคยเกิดวิปัสสนูฯ มาแล้ว ....หมากัดแผลเหวอะ ไม่เจ็บ.... ตอบคำถามข้าพเจ้าหน่อยว่า แก้อย่างไร..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2012
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นี่อีก พวกก๊อปปี้

    สังเกตสิว่า โชวอาการ ก๊อปปี้ เอา ตัวเบ้อเร้อเลย

    ฮากระจาย

    ใช่ หลวงพ่อพุธกล่าวอย่างไรก็ถูก ต่อให้กล่าวผิดจากนี้ ท่านก็กล่าวถูก
    เพราะว่า คำสอน เนี่ยะ เขาพูดออกมาเพื่อเป็น อุบายสอน

    ไม่ใช่ให้ไป ก๊อปปี้ ตัวเบ้อเร้อ แบบที่คุณทำนี่
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอาอย่างนี้สิ คุณ น้ำจันท์ กะละรึกกรึ๊บๆ

    หากคุณ ชอบใจวิธีการกล่าวว่า "ข้ามีโจโตวิมุตติ แล้ว" อะไรแบบนี้

    แล้วอยากกล่าวแล้ว ไม่โดนผมจับได้ว่า โม้ ฮาแตก

    มันมี เคล็ดนิดเดียวเท่านั้นเอง ที่จะทำได้ แล้ว เนียน ไม่สามารถจับ
    ได้ว่าเป็นเรื่อง ตลก69

    เพียงแต่คุณ...........

    เวลากล่าวว่า สำเร็จอะไรสักอย่างหนึ่ง รู้เห็นอะไรสักอย่างหนึ่ง คุณจะต้อง บรรยาย
    การ ประกอบอาหาร ออกมาด้วยว่า ใช้อุบายในการอบรมจิตอย่างไร จนกระทั่งจิต
    มันแสดงการเห็นออกมาอย่างนั้น จนคุณเห็นว่าจิตมันแสดงอาการออกมาอย่างนั้นได้อย่า
    ไม่ต้องจงใจ และ ญาณการเห็นจิตมีอาการของจิตแบบนั้น ก็เกิดดับไปพร้อมกันด้วย
    จึงไม่ใช่ สัญญาความคิดความอ่าน เป็นเพียง สภาพธรรมที่อาศัยระลึกชั่วครั้งชั่วคราว
    ตามเหตุเท่านั้น

    เนี่ยะ หากคุณบรรยายวิธีปรุง วิธีอบรมจิต ตามประโยคที่จั่วว่า รู้นั่นนี่ ได้นั่นนี่

    รับรองเลยว่า ผมจะเล่นงานคุณไม่ได้

    เพราะ มันเหมือน จรณะสัมปันโน ของ พระสาวก ทุกองค์ ที่ท่าน จะกล่าว
    ต่อหน้า ธารกำนันว่า ข้าบรรลุนู้นนั่นนี่แล้ว เสร็จแล้ว ท่านจะกล่าว คาถา
    ซึ่งก็คือ อุบายทีท่านใช้อบรมจิตนั่นเอง

    เนี่ยะ ลีลา การประกาศว่าสำเร็จ มันต้อง มีการ ว่าคาถาทีเป็นอุบายอบรม
    จิตตามออกมาด้วย

    ทำได้ไหมหละ ทำได้นะ รับรองเลยว่า เหมือนสาวกเป๊ะ

    ถ้าเหมือนสาวกเป๊ะ ผมก็ไม่มีทางทำอะไรได้ รอดพ้นมือผมแน่นอน

    **********

    เนี่ยะ เฉลยสุดๆ เลยนะ ก๊อปปี้อย่างไร จึงจะเหมือน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2012
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ทีนี้ ผมจะเฉลยอีก ว่า หากคุณ กล่าวอุบายการอบรมจิต ทุกครั้งที่
    ตัวเองบอกว่า มีโจโตวิมุตติ แล้ว แล้ว ผมจะอาศัยอะไรในการตาม
    พิจารณา

    ก็ง่ายๆ คาถา หรือ อุบาย ของคนๆหนึ่ง จะมี หนึ่งเดียว วิธีเดียว

    และ วิธีเดียวนั้นๆ จะเป็นเรื่องที่ผู้นั่น รู้ และ ชำนาญ

    ดังนั้น

    หาก คุณกล่าวออกไป อุบายธรรมอื่น ที่ไม่ใช่ คาถาที่ตนใช้ เราก็
    จะทราบทันทีว่า

    ถ้อยคำเหล่านั้น ขโมยศาสดาไปพูด ไม่ใช่เพราะ ตนประกอบมา

    ซึ่ง การขโมยคำของศาสดาไปพูด เราจะอนุโลมให้ กล่าวก็ต่อเมื่อ
    มีเหตุ หรือ มีคนถาม จึงจะกล่าวได้

    ไม่ใช่ไม่มีเหตุ ก็กล่าวออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า กิเลสมันจะไหวๆ ให้เห็นได้ ไง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2012
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ้า มีมา เพิ่มภายหลัง จะตอบให้ก็ได้

    จิตส่งใน เขาไม่ใช้กับ การวิปัสสนา จิตส่งในเนี่ยะ หากจะให้เนียน
    เขาให้พูดร่วมกับ การทำสมถะ สมาธิ

    เพราะ วิปัสสสนา ชื่อมันบอกอยู่แล้วว่า ตามพิจารณาอาการของจิต

    ดังนั้น วิปัสสนานั้น ผู้ปฏิบัติจะเห็นอย่างเดียวคือ จิตส่งนอกตลอด

    และเพราะเหตุนี้ นักวิปัสสนา หรือ ผู้ที่ทำวิปัสสนา จะ ระบุ หรือ
    กล่าว ถึงการทำสมาธิทังหลายว่าเป็นเรื่อง จิตส่งออก ทั้งหมด

    ****************

    ส่วน หมากัดแล้วไม่เจ็บ อันนี้ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ การเห็นธรรม
    ไม่ใช่เรื่อง การเบื่อหน่าย คลายกำหนัด การเห็นอริยสัจจ มันไม่ใช่
    "อุบาย"สอนธรรมะ

    เข้าใจไหมว่า "หมากัด น้องดูหมาให้พี่ด้วยเดี่ยวหมามันกัด......" อะไร
    เนี่ยะ มันเป็นเรื่อง ตลก69 ไม่ใช่เรื่อง อุบายสอนธรรมะ

    คุณไม่สามารถเอา มรรควิธีหมากัด ไปสอนผู้อื่นได้

    ตรงนี้ทำให้ เห็นชัดว่า ไม่เข้าใจวิธีการเห็นธรรม ไม่เข้าใจวิธีการสอนธรรมะ

    ซึ่งก็สะท้อนกลับลงไปว่า ไม่ได้ปฏิบัติธรรมมาจริง มีแต่ เรื่องหาเกร็ด
    หากฟอยมา สบเรื่อง เพื่อยกขึ้นสมอ้าง


    ****************

    คุณถามวิธีแก้ อันนี้ ผมจนใจ ที่จะหาวิธีแก้ เพราะว่า ผมยังเห็นว่า คุณไม่ได้
    ปฏิบัติอะไรมาเลย แล้วจะให้แก้อะไร

    ถ้าแก้ ก็แก้อันเดียว คือ เลิกก๊อปปี้ซะ ไปปฏิบัติให้มากๆ จะดีกว่า

    *************

    อ้อ แล้วไม่ใช่ "ไปให้น้องดูหมาให้พี่ด้วย เดี่ยวหมามันกัด....." อะไรแบบนั้นนะ

    อย่าใช้แม้ อุบายธรรมนี้ แม้นกับ ตัวคุณเอง ลองพิจารณาสิว่า มันเป็นอุบายสอน
    ธรรมหรือเปล่า

    หากไม่ใช่ แล้ว ยกมากล่าวทำไม หากไม่ใช่ อุบายสอนธรรม มันเป็นเรื่องไม่มีประโยชน์
    ที่จะกล่าว ใช่หรือไม่ใช่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2012
  17. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    พี่หนี่วอนสอนวิธีต้มถั่ว ว่าแต่ผมเห็นว่าถูกแต่ ไม่ถูกนะพี่
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เดี๋ยวจะว่า ไม่มี เพราะหาก อ่านพระไตรปิฏก มันก็มีเหมือนกัน อุบายหมากัด

    แต่ไม่ใช่ หมากัด เป็น กรณี เสือกัด หากจำไม่ผิด เป็นเคสของ ทุกข์ของภิกษุ30รูป

    ที่ท่าน เดินธุดงค์แล้วไปเจอเสือหิวโซ หากมันไม่ได้อาหาร ก็ต้องตายแน่ๆ พระ
    ท่านทราบความนั้น ก็เลย อุทิศร่างกายให้เป็นอาหาร นอนลงให้เสือเข้ามาแง๊บ

    แง๊บไปครึ่งตัว บรรลุโสดาบัน แง๊บไปอีกครึ่ง บรรลุสกิทาคามี แง็บมาถึงคอ
    ก็อนาคามี แล้วพอจะแง๊บหัว ก็บรรลุอรหันต์

    เนี่ยะ แบบนี้มีเหมือนกัน แต่ใช่อุบายสอนธรรมที่ใช้ได้ทั่วไปไหม เหมาะแก่
    ใครหรือไม่ อันนี้ก็ต้องพิจารณา

    เพราะ คนปรกติ โดนเสือตะปป ก็ซี้ไปแล้ว ไม่ได้มานั่งคอยดู เสือกัดกิน
    ร่างที่ตนอุทิศให้ ไม่ได้มีกำลังไปนั่งพิจารณาแบบนั้น

    แล้ว คนทั่วไป พอหัวใจโดนแง็บไปนี้ ก็เรียกว่า ร้อนเปอร์เซ็นตายหยังเขียด

    แต่นี่ยังนั่งพิจารณาดูอยู่ จนกระทั่งกินส่วนหัว

    ......................................

    เนี่ยะ อะไรแบบนี้ เล่าได้ เพราะ ก๊อปปี้ยาก หากไปก๊อปปี้มา ก็คง
    ไม่ได้มานั่งโพสท์

    เรียกว่า อุบายวิธีนี้ อุบายหมากัด เสือกัดเนี่ยะ หมดสิทธิเอามาสอน

    แต่ทำไมมีในพระไตรปิฏก .............

    ก็คนเป็นเขามี คนที่ปฏิบัติมาจริงเนี่ยะ เขาจะเห็น แง่มุมของเขา แต่ถ้า
    เราเอามาพูดแจ้วๆ ก็จะพูดได้ ตามเหตุเท่านั้น ไม่ใช่ นึกอยากจะสะกิด
    ใครมาฟังแล้วก็เล่า บทว่าด้วยเสือกัด หมากัด ให้เขาไปฝึก จริงไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2012
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สอนไปก่อน เพราะ ว่า มันเป็น ประโยชน์ของเขา เขาพึงรับประโยชน์
    อย่างไร เราก็ต้องให้เขาอย่างนั้น ใช้หลักประโยชน์ไว้ก่อน

    มันก็เหมือน พระพุทธองค์ไปเจอโจรป่า โจรป่าถามว่า ข้าพเจ้าจะได้
    รับประโยชน์อย่างไรจากการฟังธรรม พระพุทธองค์ก็บอกกล่าวถึง
    วิธีการปล้นที่สามารถทำให้เป็นประโยชน์ต่อการสดับธรรม อันนี้ก็มีอยู่

    แล้วถ้าโจร น้อมนำเอาไปปฏิบัติ ปล้นฆ่าอย่างไรถึงจะเกิดประโยชน์
    ในการสดับธรรมนั้นๆได้

    โจรเมื่อรับไป ก็จะเกิด นำไปลองปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติจะเกิดการนมสิการ
    เมื่อเกิดการนมสิการ จะเกิดศรัทธา เมื่อศรัทธาก็จะเกิดการ"ทำการ
    เห็น" ...............หลังจากนี้ เป็นปริศนา แต่ถ้า สงสัยละก้อ ช่วย
    ไม่ได้นะ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอาแบบนี้ก็ได้ หาก จิตตินนท์ เจอ พวกเขาเหล่านนี้ มาแสดงการก๊อปปี้ อีก

    จิตตนนท์ไม่ต้องทำอะไรมาก ก็แค่ อาจหาญ ร่าเริง ในธรรม ที่มีในตนเข้าไว้

    พวกที่ ก๊อปปี้เนี่ยะ มันทนไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็ต้อง ดิ้นรน สัดส่าย สะดุ้ง

    ต้อง "สะดุ้ง" นะ

    เพราะ พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า

    "พระธรรมของพระพุทธองค์ ผู้มีปัญญาย่อมสะดุ้ง"

    หากยังสะดุ้งอยู่ เขาก็จะพึงทราบว่า ยังก๊อปปี้อยู่ ไม่เนียน

    ก็แค่นี้เอง แค่ จิตตินนท์ "อาจหาญ ร่าเริง ในธรรม" ไว้
    ไม่ต้องหาศาสตราใดมาเพิ่ม
     

แชร์หน้านี้

Loading...