เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โพลชี้คนอเมริกันร้อยละ 60 หนุนปฏิบัติการทางทหารใน “ลิเบีย”
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มีนาคม 2554 14:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=539 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ประชาชนในเมืองเบนกาซีออกมาเดินขบวนขับไล่ กัดดาฟี บนท้องถนน วานนี้(23)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเจนซีส์ - ชาวอเมริกันร้อยละ 60 สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯและพันธมิตรเพื่อกำหนดเขตห้ามบินในลิเบีย ซึ่งจะช่วยปกป้องพลเรือนไม่ให้ถูกทหารที่ภักดีต่อ มูอัมมาร์ กัดดาฟี โจมตี ผลสำรวจโดยสำนักข่าวรอยเตอร์/อิปซอส เผยวันนี้(24)

    ชาวอเมริกันร้อยละ 48 มองว่า ประธานาธิบดี โอบามา ในฐานะผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ มีความ “รอบคอบและรู้จักปรึกษาหารือ” อีกร้อยละ 36 มองว่า โอบามา “ไม่กล้าตัดสินใจและขี้กลัว” ส่วนร้อยละ 17 คิดว่าประธานาธิบดีเป็นคน “แข็งแกร่งและกล้าตัดสินใจ”

    รอยเตอร์/อิปซอส ทำการสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ 975 คน หลังจากที่สหรัฐฯเริ่มปฏิบัติการทิ้งระเบิดในลิเบียได้ 3 วัน

    ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 79 คิดว่า สหรัฐฯและชาติพันธมิตรควรโค่นล้มพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจโดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันที่อังคาร(22)ที่ผ่านมา ที่พบว่า ร้อยละ 77 เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ กัดดาฟี หลุดจากอำนาจ

    อย่างไรก็ตาม มีเพียงร้อยละ 7 ที่สนับสนุนให้สหรัฐฯส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปปฏิบัติการในลิเบีย ผลสำรวจโดยรอยเตอร์/อิปซอส เผย

    ชาวอเมริกันร้อยละ 60 สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารในลิเบีย โดยร้อยละ 20 สนับสนุนอย่างยิ่ง และอีกร้อยละ 40 ค่อนข้างสนับสนุน ส่วนผู้ที่ไม่สนับสนุนมีเพียงร้อยละ 25 ส่วนอีกร้อยละ 14 ต่อต้านแผนดังกล่าว
    [​IMG]
    ประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลยืนโบกธงชาติฝรั่งเศสและธงกลุ่มกบฎที่เมืองเบนกาซี วานนี้(23)

    จูเลีย คลาก ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะของ อิปซอส กล่าวว่า “ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่คิดว่านโยบายของ โอบามา มาจากการปรึกษาหารือกับหลายฝ่าย ซึ่งแตกต่างจากอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ถูกมองว่าไม่ใช่คนเช่นนั้น”

    คลาก กล่าวว่า เธอรู้สึกประหลาดใจที่คนอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนให้สหรัฐฯโค่น กัดดาฟี ทั้งที่ขณะนี้สหรัฐฯกำลังค่อยๆถอนตัวออกจากสงครามอิรัก และยังติดพันสงครามในอัฟกานิสถานอยู่

    สำหรับคำถามที่ว่า ควรทำอย่างไรหากการโจมตีทางอากาศไม่สามารถหยุดยั้ง กัดดาฟี ได้ ชาวอเมริกันร้อยละ 7 เห็นว่า ควรส่งทหารสหรัฐฯและพันธมิตรเข้าไปปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดิน, ร้อยละ 20 ให้ส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไป, ร้อยละ 25 ให้ใช้กองกำลังสหประชาชาติ และอีกร้อยละ 23 ให้โจมตีทางอากาศรุนแรงยิ่งขึ้นอีก ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามสามารถเลือกคำตอบได้มากกว่า 1 ข้อ

    ร้อยละ 15 ไม่เลือกคำตอบแม้แต่ข้อเดียว ส่วนอีกร้อยละ 29 ยังไม่ทราบว่าควรทำอย่างไร

    “ทุกคนเห็นตรงกันว่า กัดดาฟี ควรพ้นจากตำแหน่งผู้นำลิเบีย แต่ก็ยังไม่สนับสนุนให้สหรัฐฯส่งทหารเข้าไปปฏิบัติการภาคพื้นดินอยู่ดี” คลาก ระบุ พร้อมอ้างถึงความเบื่อหน่ายของประชาชนที่มีต่อสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน

    [​IMG]

    หนึ่งในกองกำลังกบฎกำลังเฝ้าระวังหน่วยแม่นปืน ระหว่างคุ้มกันประชาชนที่ออกมาเดินขบวนบนท้องถนนเมืองเบนกาซี วานนี้(23)

    Around the World - Manager Online -
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Facts: ผลกระทบจากสารกัมมันตรังสีต่อร่างกายมนุษย์
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มีนาคม 2554 13:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเจนซี - ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังวิตกกังวลเรื่องการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสี ที่แพร่กระจายจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ จนมีการสั่งห้ามการนำเข้า และเร่งตจรวจสอบสินค้าจากญี่ปุ่นอย่างเข้มงวด หลังจากตรวจพบวัตถุนิวเคลียร์ในอาหารและน้ำในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญจากหลายฝ่ายจึงออกมาอธิบายถึงอันตรายต่อมนุษย์ และอาการจากการรับสารรังสีเหล่านั้นไว้ดังนี้

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจ้าหน้าที่ตรวจสแกนหาสารกัมมันรังสีที่อาจติดตัวมากับผู้อพยพจากพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ไอโอดีน 131
    ผักใบเขียวหลายชนิดในญี่ปุ่นถูกตรวจพบสารรังสีไอโอดีน 131 ปริมาณ 22,000 เบคเคอเรลต่อกิโลกรัม (หน่วยวัดกัมมันตภาพรังสี) ซึ่งเป็นจำนวนที่เกินกว่าข้อกำหนดของสหภาพยุโรปถึง 11 เท่า

    การรับประทานผักที่ปนเปื้อนเหล่านั้น 1 กิโลกรัมจะทำให้ร่างกายรับกัมมันตภาพรังสีเข้าไปถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณ ที่คนทั่วไปได้รับจากสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติเป็นระยะเวลา 1 ปี

    และหากรับประทานผักในปริมาณดังกล่าวติดต่อกันเป็นเวลา 45 วัน จะทำให้ร่างกายสะสมสารรังสีเข้าไป 50 มิลลิซีเวิร์ต (ปริมาณรังสีที่ร่างกายของมนุษย์รับเข้าไป) ซึ่งเป็นขีดสูงสุดของการรับรังสีในแต่ละปีสำหรับคนงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

    การรับรังสีไอโอดีน 131 จำนวน 100 มิลลิซีเวิร์ตต่อปีจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ซึ่งเทียบเท่ากับการเข้าเครื่องฉายซีทีสแกนเต็มตัว 3 ครั้ง หากสูดหรือกลืนเข้าไป จะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์มากขึ้น ขณะที่เด็ก ทารกในครรภ์ และวัยรุ่นมีความเสี่ยงสูงสุด

    ความเสี่ยงดังกล่าวอาจลดลงได้ด้วยการกินยาเม็ดโพแทสเซียมไอโอดีน ซึ่งจะช่วยป้องกันการดูดซึมสารรังสีไอโอดีนเข้าไปในร่างกาย

    อย่างไรก็ตาม ไอโอดีน 131 แตกตัวได้ค่อนข้างเร็ว และมีครึ่งชีวิตทุกๆ 8 วัน ซึ่งหมายถึงว่าอันตรายจากสารรังสีนี้จะหมดไปได้ในเวลา 80 วัน
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผักใบเขียวในหลายจังหวัดใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีการปนเปื้อนแล้ว </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ซีเซียม 134 และซีเซียม 137

    นอกจากสารรังสีไอโอดีน 131 แล้ว ผักหลายชนิดในญี่ปุ่นก็ยังถูกพบว่ามีการปนเปื้อนของสารรังสีซีเซียมในปริมาณ 14,000 เบคเคอเรลต่อกิโลกรัม ซึ่งเกินขีดจำกัดตามข้อกำหนดของอียูมากกว่า 11 เท่า

    การบริโภคผัก ซึ่งปนเปื้อนสารดัวกล่าวนี้ 1 กิโลกรัมทุกวันเป็นเวลา 1 เดือนจะทำให้รับรังสีสะสมเทียบเท่ากับการเข้าเครื่องฉายซีทีสแกนแบบเต็มตัว 1 ครั้ง หรือมีปริมาณการรับรังสี 20 มิลลิซีเวิร์ต

    การสัมผัสกับสารรังสีซีเซียมภายนอกเป็นจำนวนมากอาจทำให้ผิวหนังไหม้ มีอาการเจ็บป่วยจากรังสีเฉียบพลัน และเสียชีวิตได้ ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง

    การกินหรือสูดซีเซียมเข้าไปนั้นจะทำให้สารรังสีกระจายตัวในเนื้อเยื่ออ่อน เช่น เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และเพิ่มโอกาสเป็นโรคมะเร็ง โดยยังอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการชักกระตุก การหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบ และเป็นหมันได้

    การป้องกันการรับสารรังสีซีเซียมนั้นไม่สามารถทำได้เหมือนรังสีไอโอดีน และสารรังสีนี้ก็ยังน่าเป็นห่วงมากกว่า เนื่องจากมีความทนทาน และใช้เวลานานในการแตกตัว

    สารซีเซียม 137 นั้นมีครึ่งชีวิตถึง 30 ปี ซึ่งหมายความว่าต้องใช้เวลานานกว่าในการลดปริมาณกัมมันตภาพรังสีลงทีละครึ่งหนึ่ง หรือาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 240 ปีกว่าที่จะการปนเปื้อนในระดับนี้จะสลายไปจนหมด

    ส่วนสารซีเซียม 134 นั้นมีครึ่งชีวิต 2 ปี ซึ่งหมายถึงต้องใช้เวลาประมาณ 20 ปีจึงจะไม่เป็นอันตราย

    [​IMG]
    น้ำประปาในกรุงโตเกียวมีระดับการปนเปื้อนสารรังสี ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารกแล้ว

    สำหรับผลกระทบจากการรับรังสีเป็นปริมาณมากในระยะเวลาสั้น ตามข้อมูลของสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ จะมีอาการดังนี้


    50-100 มิลลิซีเวิร์ต : สารเคมีในเลือดเปลี่ยนแปลง
    500 มิลลิซีเวิร์ต : คลื่นไส้อาเจียนในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
    700 มิลลิซีเวิร์ต : อาเจียน
    900 มิลลิซีเวิร์ต : ท้องร่วง
    1,000 มิลลิซีเวิร์ต : เลือดไหลไม่หยุด
    4,000 มิลลิซีเวิร์ต : อาจเสียชีวิตภายใน 2 เดือน หากไม่ได้รับการรักษา
    10,000 มิลลิซีเวิร์ต : ผนังลำไส้ถูกทำลาย เลือดออกภายใน เสียชีวิตภายใน 1-2 สัปดาห์
    20,000 มิลลิซีเวิร์ต : ระบบประสาทส่วนกลางเสียหาย หมดสติภายในไม่กี่นาที และอาจเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือไม่กี่วัน

    ทั้งนี้ ตามข้อมูลที่ได้จากคณะกรรมการพลังงานปรมาณูไต้หวัน สมาคมนิวเคลียร์โลก สำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น ศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหารของฮ่องกง
    Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>Facts:</font></b>
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเปิดประชุมวิชาการ สวทช. ตรัสภัยพิบัติเกิดเพราะธรรมชาติขาดสมดุล
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มีนาคม 2554 14:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ทรงทอดพระเนตรการสาธิตตรวจวัดปริมาณรังสี ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ภาพจากสวทช

    สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเปิดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ” ทรงมีพระราชดำรัสว่า ภัยพิบัติมีเหตุทั้งจากธรรมชาติและฝีมือมนุษย์ ที่ทำให้ธรรมชาติขาดสมดุล สร้างความเสียหาย จึงเกิดการแสวงหาเครื่องมือทำนายและแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีรับมือเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงทำให้มนุษย์เกิดสำนึกรักษาสมดุลธรรมชาติควบคู่กันไปด้วย

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุมประจำปี 2554 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หรือ (NSTDA Annual Conference: NAC 2011) ณ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย วันที่ 24 มี.ค.54 เวลา 09.00 น. โดยมี นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) นายทวีศักดิ์ กออนันกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมคณะเฝ้ารับเสด็จ

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสระหว่างเสด็จเปิดงานการประชุมประจำปี 2554 ของ สวทช. ว่า ภัยพิบัติมีสาเหตุจากทั้งธรรมชาติและจากการกระทำมนุษย์เอง ที่ทำให้ธรรมชาติเสียสมดุล ภัยพิบัติสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต จิตใจ และการประกอบอาชีพ ทำให้มนุษย์พยายามแสวงหาเครื่องมือต่างๆ เพื่อจะป้องกันอันตรายจากภัยพิบัติมาเป็นเวลานาน

    "ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก มนุษย์จึงหวังว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะสามารถช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดจากภัยพิบัติ เช่น เทคโนโลยีการก่อสร้าง เทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้างให้ต้านทานภัยพิบัติได้ เทคโนโลยีที่จะช่วยทำนายหรือเตือนภัยล่วงหน้า เป็นต้น การให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องสาเหตุการเกิด และวิธีปกป้องตนเองเมื่อเกิดภัยพิบัติก็เป็นเรื่องสำคัญ และสามารถช่วยลดความเสี่ยงลงได้ ทั้งจะช่วยโน้มน้าวให้มนุษย์เกิดความสำนึกเรื่องการรักษาสมดุลของธรรมชาติ"

    "เป็นที่น่ายินดีที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จัดงานประชุมวิชาการ นำเสนอความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ ให้สาธารณชนเกิดความรู้ความเข้าใจ ข้าพเจ้าหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะก่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงานวิจัยเรื่องภัยพิบัติเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ชนในชาติ และแผ่ขยายไปถึงมวลมนุษยชาติทั่วโลก"

    จากนั้น นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมว.วท กราบบังคมทูล ในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานประชุมประจำปี สวทช. ว่า สวทช.จัดการประชุมประจำปีขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผลงานวิจัยและพัฒนา ที่ สวทช. และหน่วยงานพันธมิตรได้ดำเนินการ ในปีนี้ได้กำหนดหัวข้อในการจัดงาน คือ “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ” โดยการประชุมเริ่มขึ้นในวันที่ 24-26 มีนาคม 2554

    การประชุมครั้งนี้ มีแนวคิดการเสนองานวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในสาขาหลักของประเทศ ได้แก่ พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีโลหะและวัสดุ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และนาโนเทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติใน 5 มิติ ได้แก่ การคาดการณ์ การเฝ้าระวัง การเตือนภัย การรับมือ และการฟื้นฟู ต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้น โดยกิจกรรมภายในงาน จะประกอบด้วยการสัมมนาทางวิชาการ และนิทรรศการ

    สำหรับการสัมมนาทางวิชาการ มากกว่า 30 หัวข้อ นั้น ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งใน สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร ตลอดจนเกษตรกรผู้นำชุมชน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติด้านการรับมือกับภัยพิบัติ ร่วมเป็นวิทยากรจาก Institute of Climate Change and Global Change Research, จาก Australian Institute of Marine Science และ จาก บริษัท IBM นอกจากนี้ ยังมีการจัด Thai-Korea Joint Symposium on Nanotechnology เพื่อนำเสนอความก้าวหน้างานวิจัยด้านนาโนเทคโนโลยีของประเทศไทย และประเทศเกาหลี ร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย

    นิทรรศการที่จัดแสดง ได้แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ 1. นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย จัดแสดงผลงานจากโครงการต่างๆ อันเป็นโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามพระราชดำริ เพื่อการศึกษา และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคม

    2.นิทรรศการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ จัดแสดงผลงานวิจัยและพัฒนาที่มุ่งแก้ปัญหาและรับมือภัยพิบัติในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ การเกษตร การเฝ้าระวังโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการดำรงชีวิตให้สะดวกสบายขึ้นด้วยความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีวัสดุ เป็นต้น

    3.นิทรรศการการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริการของ สวทช. จัดแสดงผลงานที่พร้อมถ่ายทอดสู่ภาคเอกชน และแนะนำการบริการแบบครบวงจรของ สวทช. เช่น การบริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี

    และ4.นิทรรศการเพื่อนำเสนองานวิจัยที่ สวทช.และหน่วยงานพันธมิตรกำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบความก้าวหน้าของงานวิจัย ในเรื่องที่มีความสำคัญ

    ภายในพิธีเปิดงานครั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังได้พระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดและแข่งขันในกิจกรรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการวิจัยจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ ได้แก่ โครงการนวัตกรรมการฟื้นฟูพื้นที่ดินเค็ม โครงการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 13 โครงการประกวด Thailand Animation Contest และโครงการประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 รวมทั้งสิ้น 16 รางวัล

    นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผอ.สวทช. กล่าวด้วยว่า กิจกรรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการวิจัยนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ สวทช. ให้การสนับสนุนและส่งเสริม เพื่อให้บุคลากรที่มีความรู้และความสามารถในการนำทรัพยากรต่างๆ มาประยุกต์ให้เกิดนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ตลอดจนอาศัยการเชื่อโยงการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปกับระบบการศึกษา ทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยแก่เด็กและเยาวชน และบุคคลทั่วไปทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ผ่านในหลากหลายกิจกรรม เพื่อสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความตระหนัก รวมไปถึงสร้างให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระจายความรู้ออกสู่สังคมไทยให้ทั่วถึงและเท่าเทียม.

    Science - Manager Online -
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กรมอุตุฯ พ้อหน่วยงานเดียวทำไม่ได้ วอนทุกฝ่ายรับมือแผ่นดินไหว
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 มีนาคม 2554 12:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุฯ เผยรับมือแผ่นดินไหวหน่วยงานเดียวไม่ได้ วอนทุกหน่วยงานช่วยประสานวางระบบ ชี้ก่อนเกิดเหตุมีการฝึกซ้อมหนีภัย ขณะเกิดต้องเข้าใจสถานการณ์ หลังเกิดภัยต้องมีงบฟื้นฟูระยะยาว แนะหากเกิดเหตุ ชั้นบนปลอดภัยสุด แม้รับแรงแกว่งมากสุด และงดใช้ลิฟต์

    นายบุรินทร์ เวชบันเทิง ผู้อำนวยการส่วนเฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวและสึนามิ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยถึงการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ระหว่างการบรรยาย เรื่อง “แผ่นดินไหวและการตรวจวัดในไทย” ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเจริญวิศวกรรม (ตึก 4) คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ วันที่ 21 มี.ค. 54 ที่ผ่านมา

    นายบุรินทร์ กล่าวว่า การเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศไทยนั้น หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่สามารถแก้ไขหรือรับผิดชอบได้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาช่วยกันวางระบบให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานท้องถิ่น ตำบล อำเภอ จังหวัด สถาบันทางการศึกษา หน่วยงานด้านสาธารณสุข เป็นต้น

    นายบุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือแผ่นดินไหวนั้นแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ 1.ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว 2. ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหว และ 3. หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว

    ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวนั้นจะต้องมีระบบตรวจวัดที่ได้มาตรฐาน มีการศึกษาวิจัยด้านวิศวกรรม ด้านแผ่นดินไหว หรือจุดเกิดแผ่นดินไหว ทั้งนี้จะต้องมีการการวางแผนปฏิบัติและแบบจำลองเหตุการณ์ การฝึกซ้อม รวมถึงความแข็งแรงของอาคารอีกด้วย ส่วนขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหวต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตนตามสถานการณ์ และหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวจะต้องเข้าถึงพื้นที่ มีการช่วยเหลือที่มีความพร้อมทั้งเครื่องมือและกำลังคน และงบประมาณเพื่อกรณีฉุกเฉินและการฟื้นฟูในระยะยาว

    ทั้งนี้ นายบุรินทร์ ยังเขียนอธิบายเรื่องภัยแผ่นดินไหว ลงหนังสือ “อยู่กับภัยใกล้ตัว” ของสำนักป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ จึงได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว มารายงานให้ทุกคนได้เตรียมความพร้อมและรับมือหากเกิดภัย

    ชั้นบนของอาคารปลอดภัยสุด - งดใช้ลิฟต์

    กรณีความสั่นสะเทือนมากให้ปิดสวิตช์ไฟหลักและปิดถังแก๊ส ให้มุดใต้โต๊ะ เก้าอี้ พิงผนังด้านใน แล้วอยู่นิ่งๆ หากไม่มีโต๊ะ ใช้แขนปิดหน้า ปิดศีรษะ หมอบตรงมุมห้อง อยู่ให้ห่างกระจก หน้าต่าง และเลี่ยงบริเวณที่สิ่งของหล่นใส่หรือล้มทับ เช่น โคมไฟ ตู้ หากยังนอนอยู่ ให้อยู่บนเตียง ใช้หมอนปิดบังศีรษะ หลีกเลี่ยงบริเวณที่อาจมีสิ่งของหล่นใส่ อยู่บริเวณที่ปลอดภัย

    ใช้ช่องประตูเป็นที่หลบภัยถ้าอยู่ใกล้ ให้อยู่ในอาคารจนกว่าการสั่นสะเทือนจะหยุด จึงออกไปภายนอกบริเวณที่ปลอดภัย เพราะอันตรายส่วนใหญ่เกิดจากสิ่งของหล่นใส่ และต้องคาดว่าหรือตระหนักเสมอว่า ไฟฟ้าอาจดับ หรือสปริงเกอร์อาจทำงาน หรือมีเสียงเตือนไฟไหม้

    อย่างไรก็ดี อย่าใช้ลิฟต์ขณะมีการสั่นไหว ถ้าอยู่ในลิฟต์แล้วไม่ทราบว่าอยู่ชั้นไหน ให้กดปุ่มแล้วออกจากลิฟต์ทันที บริเวณใกล้ลิฟท์จะเป็นส่วนที่แข็งแรงของอาคารเหมาะแก่การหลบและหมอบ

    ทั้งนี้ อย่ากรูกันวิ่งออกมาหน้าอาคาร เมื่อการสั่นไหวหยุดแล้ว จึงทยอยออกนอกบริเวณที่คิดว่าปลอดภัย ชั้นบนสุดของอาคารเป็นที่ปลอดภัยที่หนึ่งแต่ความสั่นสะเทือนและการโยกจะมากกว่าชั้นที่ต่ำลงมา

    ถ้าเกิดไฟใหม้ในช่วงแรกร่วมด้วยให้รีบดับไฟและให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายของอาคารหากปลอดภัยสามารถกลับเข้าในอาคารได้ และหากเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ให้ระลึกเสมอว่าอาจเกิดแผ่นดินไหวตามมา (After Shock) แต่มีขนาดเล็กกว่า

    นอกอาคารที่โล่งแจ้งปลอดภัย

    ให้อยู่ด้านนอกในที่โล่งแจ้งปลอดภัยที่สุด อยู่ให้ห่างจากอาคาร เสาไฟ สายไฟฟ้า ต้นไม้ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งของที่อาจหล่นใส่

    จอดรถที่โล่ง

    ให้จอดรถเมื่อสามารถจอดได้โดยปลอดภัยและในที่ซึ่งไม่มีของหล่นใส่ อยู่ให้ห่างอาคาร ต้นไม้ ทางด่วน สะพานลอย เชิงเขา เป็นต้น

    รีบนำเรือออกสู่ทะเลลึก

    ความสั่นสะเทือนเนื่องจากแผ่นดินไหวไม่ทำอันตรายผู้อาศัยอยู่บนเรือ ยกเว้นในกรณีเกิดสึนามิ เรือที่อยู่ใกล้ชายฝั่งจะได้รับความเสียหายให้รีบนำเรือออกสู่ทะเลลึก

    อยู่ในโรงงานห้ามใกล้สารเคมี-วัตถุระเบิด

    เมื่อรู้สึกสั่นสะเทือน ให้ตั้งสติ อย่าตกใจวิ่งหนีออกนอกอาคาร ให้หมอบอยู่ใกล้เสา หรือเครื่องจักรที่แข็งแรง อยู่ให้ห่างเสาไฟฟ้า โคมไฟ สิ่งห้อยแขวน สิ่งของที่อาจล้มคว่ำ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ภาชนะที่เป็นสารเคมีอันตราย วัตถุระเบิด หรืออยู่ใกล้เครื่องจักรที่กำลังหมุนทำงาน เมื่อความสั่นสะเทือนหยุด จึงเดินออกไปที่โล่งแจ้งและติดตามข่าวสารจากทางราชการและตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น

    ติดในซากอาคารงดใช้เสียง อยู่นิ่งๆ

    อย่าติดไฟ อยู่อย่างสงบ ใช้ผ้าปิดหน้า เคาะท่อ ฝาผนัง ใช้นกหวีด เพื่อเป็นสัญญาณต่อหน่วยช่วยชีวิต การตะโกนอาจสูดสิ่งอันตรายเข้าร่างกาย ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และให้กำลังใจต่อกัน

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพตัวอย่างการปฏิบัติตนขณะเกิดแผ่นดินไหว จากหนังสือ “อยู่กับภัยใกล้ตัว” ของสำนักป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เป็นภาพของ Japan Meteorogical Agency </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>นายบุรินทร์ เวชบันเทิง ผู้อำนวยการส่วนเฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวและสึนามิ กรมอุตุนิยมวิทยา วอนให้ทุกช่วยกันประสานงานในการวางระบบเหตุแผ่นดินไหว</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000036701
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นาโตมีมติบังคับเขตห้ามบิน บัญชาปฏิบัติการทางทหารในลิเบีย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 มีนาคม 2554 05:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เครื่องบินรบของอิตาลี จอดเตรียมพร้อมอยู่ ณ เมืองทางใต้ของประเทศ ระหว่างรอมติว่านาโตจะเข้าร่วมกำหนดเขตห้ามบินในลิเบียหรือไม่

    เอเอฟพี/เอเจนซี - นายแอนเดอร์ส ฟอกห์ ราสมุสเซน เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือเผยเมื่อวันพฤหัสบดี(24) พันธมิตรนาโต มีมติเห็นชอบบังคับเขตห้ามบินเหนือลิเบียแล้ว ส่วนหนึ่งในความพยายามปกป้องพลเรือน

    หลังการหารืออันเคร่งเครียดนานหลายวัน ขณะที่สมาชิกนาโตอย่างตุรกี คัดค้านใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกองกำลังของมูอัมมาร์ กัดดาฟี ทว่าล่าสุด ราสมุสเซน เปิดเผยว่าในที่สุดพันธมิตร 28 ชาติ ก็เห็นพ้องรับผิดชอบการบังคับใช้เขตห้ามบิน

    "ตอนนี้เราตัดสินใจกำหนดเขตห้ามบินเหนือลิเบีย ปฏิบัติการของเราคือส่วนหนึ่งของความพยายามของนานาชาติที่ต้องการปกป้องพลเรือนจากการโจมตีของกองกำลังกัดดาฟี" เขากล่าว "เราจะร่วมมือกับพันธมิตรของเราในภูมิภาคและยินดีรับแรงสนับสนุนของพวกเขา" ถ้อยแถลงระบุ

    ทั้งนี้แม้สมาชิกนาโตอย่างสหรัฐอังกฤษ และฝรั่งเศสเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อลิเบียตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา แต่นาโตในฐานะองค์กรจะดำเนินการได้ต้องมีมติเอกฉันท์จากสมาชิกเสียก่อน

    Around the World - Manager Online -
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตะวันตกถล่มฐานทัพลิเบียต่อเนื่อง'ฝรั่งเศส'ลั่นโค่นทัพกัดดาฟีในเร็ววัน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มีนาคม 2554 23:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เครื่องบินรบพันธมิตรยังถล่มกองกำลังกัดดาฟีต่อเนื่อง

    เอเจนซี/เอเอฟพี - ฝรั่งเศส ออกมาแสดงความมั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถเผด็จศึกกองทัพของมูอัมมาร์ กัดดาฟีแห่งลิเบียได้ภายในไม่กี่วันหรือสัปดาห์อย่างแน่นอน ขณะที่นายทหารระดับสูงของอังกฤษเปิดเผยว่า เวลานี้เขี้ยวเล็บของกองทัพอากาศลิเบียถูกทำลายจนเกือบจะสิ้นซากแล้ว แม้ว่ารถถังของกัดดาฟีจะยังคงแสดงพิษสงถล่มหลายเมืองของฝ่ายกบฏอย่างต่อเนื่อง

    รัฐมนตรีต่างประเทศอแลง ชูปเป ของฝรั่งเศส ระบุวันพุธ (24) ว่า กองกำลังแนวร่วมชาติตะวันตกซึ่งนำโดยฝรั่งเศส, อังกฤษ และสหรัฐฯ นั้น จะใช้เวลาเพียงอีกไม่กี่วันหรือกี่สัปดาห์ข้างหน้า ในการบดทำลายกองทัพของกัดดาฟีจนสิ้นซาก โดยย้ำว่า ภารกิจนี้จะไม่ดำเนินยืดเยื้อหลายเดือนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ชูปเป ยังประเมินผลงานของแนวร่วมตะวันตกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วยว่า ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมกับระบุชัดว่าจะทำการบอมบ์โจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นและแนวป้องกันของกัดดาฟีต่อเนื่องไปอีก

    “ปฏิบัติการทำลายขีดความสามารถของกองทัพกัดดาฟี จะใช้เวลาอีกเพียงแค่ไม่กี่วันหรือภายในไม่กี่สัปดาห์ถัดจากนี้ โดยที่จะไม่ใช่หลายเดือนอย่างแน่นอน” รัฐมนตรีแดนน้ำหอม กล่าวกับผู้สื่อข่าว

    ท่าทีอันเชื่อมั่นของชูปเปคราวนี้มีขึ้นหลังจาก พลอากาศตรี เกรก แบ็กเวลล์ แห่งกองทัพอังกฤษ ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าสำคัญ ระบุว่า บัดนี้เขี้ยวเล็บของกองทัพอากาศลิเบียได้ถูกทำลายจนเกือบจะราบคาบหมดแล้ว และกองกำลังดังกล่าวก็ไม่หลงเหลือศักยภาพพอที่จะทำการสู้รบได้อีกต่อไป

    สำหรับปฏิบัติการบังคับเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบียตามมติของสหประชาชาติซึ่งดำเนินเข้าสู่วันที่ 6 เมื่อวันพุธ (24) เครื่องบินรบของชาติแนวร่วมตะวันตกได้ถล่มขีปนาวุธใส่ฐานทัพของทหารกัดดาฟีในกรุงตริโปลี เมื่อช่วงเช้ามืด โดยภาพข่าวทางโทรทัศน์เผยให้เห็นกลุ่มควันซึ่งลอยโขมงขึ้นมาจากตำแหน่งอันเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารลิเบีย จากนั้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลลิเบียก็ได้พาสื่อมวลชนรุดไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เพื่อไปตรวจดูศพของเหล่าทหารและพลเรือนรวม 18 ร่างซึ่งทั้งหมดอยู่ในสภาพที่ไหม้เกรียม โดยพวกเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นศพของผู้ที่ถูกสังหารด้วยขีปนาวุธซึ่งยิงมาจากเครื่องบินรบของฝ่ายตะวันตก

    ข้ามมาที่เมืองใกล้เคียง บรรดาผู้อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า เครื่องบินฝ่ายตะวันตกได้บอมบ์โจมตีฐานทัพทหารแห่งหนึ่งในละแวกใกล้กับเขตที่อยู่อาศัยในเมืองทาจูรา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงตริโปลีราว 32 กิโลเมตร สำนักข่าวจานาของทางการลิเบีย รายงานต่อมาว่า การโจมตีทาจูราคราวนี้ทำให้พลเรือนจำนวนมากเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า ชาติพันธมิตรตะวันตกได้โจมตีทาจูราแล้วถึง 3 ครั้ง และครั้งที่ 3 ที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ นี้ ก็ได้เล็งเป้าหมายไปที่กลุ่มเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งกำลังพยายามจะเคลื่อนย้ายศพของผู้เสียชีวิตและดึงผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากซากปรักหักพังของตึกอาคารที่ถูกถล่มจากการโจมตี 2 ระลอกแรก

    ทั้งนี้ทาจูราเป็นเขตที่ตั้งของฐานทัพที่สำคัญที่สุดของลิเบีย และพื้นที่ดังกล่าวก็ถูกโจมตีโดยกองกำลังตะวันตกตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการบังคับเขตโนฟลายโซนในวันแรกเมื่อวันเสาร์ (19) ที่ผ่านมา

    ภายหลังจากกองกำลังตะวันตกทำการโจมตีฐานที่มั่นของกัดดาฟีตามเมืองต่างๆ ของประเทศเป็นระลอกที่ 5 ตลอดช่วงค่ำคืนวันพุธ (23) จนถึงเช้าตรู่เมื่อวันพุธ รัฐบาลอังกฤษก็ออกมาแจ้งรายละเอียดว่า ทางกองทัพเรือของตนได้ยิงจรวดร่อนโทมาฮอว์กจากเรือดำน้ำทราฟัลการ์นอกชายฝั่งลิเบีย ถล่มใส่เป้าหมายระบบป้องกันทางอากาศของกัดดาฟีหลายแห่ง

    ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมเชราร์ ลองเกต์ ของฝรั่งเศส ก็ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพที่มีเครื่องบินขับไล่ราฟาล และมิราจเป็นหัวหอกนั้น ได้บอมบ์ทำลายยานเกราะของทหารกัดดาฟีไปแล้วจำนวน 10 คัน ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากองกำลังชาติตะวันตกจะถล่มแนวป้องกันของกัดดาฟีอย่างหนักหน่วง ตลอดจนหลายชาติก็ออกมาแสดงความพอใจต่อผลลัพธ์ของปฏิบัติการในช่วงที่ผ่านมา ทว่าความเป็นจริงแล้ว จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ปรากฏสัญญาณที่กองทัพกัดดาฟีออกอาการเสียศูนย์หรือเสียขบวนอย่างชัดเจน เมื่อรถถังของผู้นำลิเบียยังคงเดินหน้ายิงโจมตีเมืองของพวกฝ่ายกบฏต่อไป โดยเฉพาะเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ในเขตภาคตะวันออกของประเทศ

    สถานการณ์ที่เมืองมิสราตา เมืองใหญ่อันดับสามของลิเบีย ฝ่ายกบฏและชาวบ้านเล่าว่า รถถังของกัดดาฟีได้อาศัยความมืดมิดในช่วงพลบค่ำบุกตะลุยเข้ามาในเมืองแห่งนี้เมื่อคืนวันพุธ (23) และเปิดฉากยิงโจมตีใส่เขตพื้นที่ใกล้กับโรงพยาบาลหลักของเมือง

    “รถถังของฝ่ายรัฐบาลกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้โรงพยาบาลมิสราตา และโจมตีพื้นที่แห่งนี้” แพทย์รายหนึ่งของโรงพยาบาลดังกล่าว เล่าเหตุการณ์ในโทรศัพท์เพียงแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่สายจะถูกตัดขาด

    ชาวบ้านในเมืองซินตัน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงตริโปลี ระบุด้วยว่า กองทัพกัดดาฟีได้ส่งกำลังพลและนำรถถังมาประจำการเพิ่มบริเวณเขตชานเมืองแห่งนี้ เพื่อเตรียมถล่มใส่ระลอกใหญ่

    **เผย'นาโต'เตรียมลุย-พิมพ์เขียวบัญชาการทัพพร้อมบนโต๊ะ

    เมื่อวันพุธ(23) กองเรือรบขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เริ่มออกลาดตระเวนในปฏิบัติการตรวจเข้มเพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการขนส่งลำเลียงอาวุธยุทโธปรณ์เข้าไปในลิเบีย อีกหนึ่งภารกิจที่นานาชาติทำคู่ขนานไปกับการบังคับเขตห้ามบินในน่านฟ้าของรัฐอาหรับแห่งนี้ ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขณะเดียวกันทางด้านการทูต เจ้าหน้าที่นาโต ระบุว่า ชาติสมาชิกทั้ง 28 ประเทศ มีกำหนดจะหารือกันอีกครั้งในวันพฤหัสบดี เพื่อโน้มน้าวหาฉันทามติร่วมในข้อเสนอที่จะให้นาโตรับบทบาทเป็นหัวหอกเต็มตัวในปฏิบัติการบังคับเขตโนฟลายโซนนี้

    ขณะที่นักการทูตประจำนาโตรายหนึ่งเปิดเผยด้วยว่า ทางองค์การได้ร่างพิมพ์เขียวสายการบังคับบัญชาในปฏิบัติการทางทหารในลิเบียแล้ว โดยมีแผนการที่จะให้เมืองเนเปิล ประเทศอิตาลี เป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการใหญ่ แล้วก็จะมีหน่วยบัญชาการรองสำหรับภารกิจแยกย่อย ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหน่วยบัญชาการกองทัพเรือในเมืองเนเปิล ส่วนปฏิบัติการบังคับเขตห้ามบินนั้น จะมีฐานบัญชาการและวางกลยุทธ์แบบวันต่อวันอยู่ในปอจจิโอ เรนาติโก ทางตอนเหนือของแดนมักกะโรนี

    แหล่งข่าวคนเดิมซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อยังระบุด้วยว่า กองบังคับบัญชาสูงสุดแห่งยุโรป (Supreme Headquarters Allied Power Europe หรือ SHAPE) ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในเบลเยียม จะเป็นกลไกที่คอยตรวจสอบดูแลภาพรวมของปฏิบัติการทั้งหมดนี้อีกทอดหนึ่ง

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000037848
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เวียดนามสั่งปลดป้าย "หาดจีน" ให้หมดจากด่าหนัง ประกาศิตหยุดใช้คำนี้
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มีนาคม 2554 22:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพแฟ้ม 24 มิ.ย.2552 เรือหาปลารูปทรงกลมๆ แบบพื้นบ้านถูกนำขึ้นจอดบน "หาดจีน" หรือ ไชน่าบีช (China Beach) ใช้กันมาตั้งแต่ช่วงสงคราม กองทัพอเมริกันได้ใช้หาดทรายในนครด่าหนัง (Đà Nẵng) แห่งนี้เป็นแหล่งตากอากาศ ในวันนี้ริมหาดสวยมีสิ่งปลูกสร้างทั้งโรงแรมรีสอร์ทหรู คอนโดมีเนียม แหล่งบริการการท่องเที่ยวผุดขึ้นมามากมาย สัปดาห์นี้ทางการนครใหญ่แห่งภาคกลาง ได้ประกาศให้ถอดป้ายชื่อ "หาดจีน" ออกให้หมด ให้ลบคำๆ นี้ออกจากเว็บไซต์ต่างๆ และสิ่งพิมพ์ด้วย หนังสือพิมพ์ของทางการรายงาน.--AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam. </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ASTVผู้จัดการออนไลน์-- กรณีพิพาทหมู่เกาะกำลังลามไปสู่อีกหลายเรื่อง ตั้งแต่จีนเลื่อนการสร้างรถไฟความเร็วสูงไปชายแดนเวียดนาม และจีนขึ้นราคากระแสไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่เวียดนาม คราวนี้เวียดนามเป็นฝ่ายดำเนินการบ้าง

    สัปดาห์นี้ทางการนครด่าหนัง ได้สั่งให้ปลดป้ายทุกแผ่นที่มีข้อความว่า "หาดจีน" ซึ่งหมายถึงหาดทรายท่องเที่ยวชายทะเลสำคัญและสวยงามของนครใหญ่แห่งนี้ และ ห้ามใช้คำนี้ในสารระบบของการท่องเที่ยวอีก ผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษหนัก

    ด่าหนัง (Đà Nẵng) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศอยู่ในใจกลางแห่งความขัดแย้งระหว่างเวียดนามกับจีน เนื่องจากหมู่เกาะหว่างซา (Hoàng Sa) หรือ หมูเกาะพาราเซล (Paracel Islands) หนึ่งในสองหมู่เกาะพิพาทกับจีน เป็นอำเภอหนึ่งของนครภาคกลางแห่งนี้

    ทางการนครด่าหนังได้สั่งห้ามใช้ชื่อ "ไชน่าบีช" (China Beach) ในภาษาอังกฤษอย่างเด็ดขาด และให้ลบชื่อนี้ออกจากเว็บไซต์ต่างๆ ในอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ตลอดจนในโบรชัวร์ และสิ่งพิมพ์ทุกชนิดที่มีคำๆ นี้ และให้ใช้ชื่อ "บ๋าย เบี๋ยน นอน เนื๊อก" (Bãi biển Non Nước) หรือ "หาดนอนเนื๊อก" ในภาษาเวียดนามแทน

    เวียดนามกล่าวว่า หมู่เกาะหว่างซา เป็นของตนแต่โบราณกาล โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์สนับสนุนมากมาย ในปี 2550 ทางการมณฑลไหหลำของจีนได้ประกาศรวมเอาหมู่เกาะทั้งหมดในทะเลจีนใต้ เข้าอยู่ในเขตปกครองของอำเภอที่ตั้งขึ้นใหม่ จีนได้กล่าวอ้างสิทธิเหนือหมู่สแปร็ตลีส์ (Spratlys) ที่อยู่ใต้ลงไป เช่นกัน

    ยังมีอีกหลายประเทศและดินแดนคือ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และจีนไทเป (ไต้หวัน) ที่กล่าวอ้างสิทธิเหนือบางเกาหรือหลายเกาะ ในสแปร็ตลีส์ ที่เชื่อกันว่ารุ่มรวยด้วยน้ำมันดิบและก๊าซ

    ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ ทางการได้กล่าวเตือน บริษัทต่างๆ ที่ให้ "ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ" ในการระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของหาดทรายสวยงามดังกล่าว จะถูกลงโทษสถานหนัก

    สัปดาห์ต้นเดือนนี้กระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ออกคำแถลง ต่อต้านการฝึกซ้อมของเรือรบจีนในเขตน่านน้ำหมู่เกาะสแปร็ตลีส์ ซึ่งเวียดนามระบุว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของเวียดนาม

    สัปดาห์เดียวกันรัฐมนตรีการค้าของจีนได้กล่าวกับคณะผู้แทนจากมณฑลหยุนหนัน ที่ไปร่วมการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติในกรุงปักกิ่งว่า รัฐบาลกำลังจะสร้างรถไฟความเร็วสูงเข้าพม่าในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นสายแรกในการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน

    ส่วนอีกสายหนึ่งที่จะสร้างจากนครหนานหนิง มณฑลกว่างซีไปยังชายแดนเวียดนามจะต้องเลื่อนออกไปเนื่องจาก "ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้" รัฐมนตรีจีนกล่าว ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ไชน่านิวส์ และสำนักข่าวรอยเตอร์

    ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนามในสัปดาห์กลางเดือนนี้ รัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าเวียดนามยังไม่สามารถตกลงกับฝ่ายจีนได้ เกี่ยวกับราคาไฟฟ้าที่จีนจะขายให้เวียดนามประจำปี 2554 นี้ เนื่องจากฝ่ายจีนได้ขึ้นราคา 30-40%

    ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดความบาดหมางครั้งล่าสุด เกี่ยวกับกรณีพิพาทเหนือหมู่เกาะใน “ทะเลตะวันออก”

    อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีหาดทรายท่องเที่ยวสวยงามอีกแห่งหนึ่งที่เมืองโฮยอาน (Hội An) ใน จ.กว๋างนาม (Quảng Nam) ที่เรียกกันว่า “หาดจีน” ในภาษาอังกฤษ ยังไม่ทราบว่า ทางการจังหวัดได้สั่งให้มีการเปลี่ยนชื่อด้วยหรือไม่.
    IndoChina - Manager Online -
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขุดเหง้าทุจริตรถไฟจีนฯ พบยักยอกอีก 200 ล้านหยวน !
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 มีนาคม 2554 07:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    รถไฟความเร็วสูงจีน (เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)

    พีเพิลเดลี/ เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจีนตรวจพบอีกว่า งบประมาณชาติเกือบ 200 ล้านหยวน (ประมาณ 923 ล้านบาท) ถูกยักยอกไปในช่วงการทำสัญญาโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้

    สีว์ ไอ้เซิง เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักตรวจเงินฯ เผยว่า “บริษัทรับสัมปทานโกงเงินงบประมาณไปอย่างน้อย 187 ล้านหยวน (28.5 ล้านดอลลาร์) โดยวิธีการปลอมใบแจ้งราคา และมีวิธีฉ้อฉลอีกหลายอย่าง ตั้งแต่ช่วงปี 2553 ในโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงยาวที่สุดในจีนสายปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้”

    เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้กักตัวอดีตรัฐมนตรีกระทรวงรถไฟ นายหลิว จื้อจวิน เพื่อสอบสวนในข้อหาทุจริตคอรัปชั่นรับเงินสินบนโครงการก่อสร้างรถไฟ รวมมูลค่ามากกว่า 800ล้านหยวน(122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และนายหลิวยังถูกกล่าวหาว่า สมรู้ร่วมคิดกระทำการทุจริตกับนางติง ซูเหมียว นักธุรกิจเพื่อนสนิทของตน วัย 55 ปี ซึ่งกำลังถูกสอบสวนในข้อหาติดสินบนนายหลิว เป็นเงินทั้งสิ้น 422 ล้านหยวน

    จากเดือนพ.ค. ถึง ก.ค. ปี 2553 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบประมาณโครงการก่อสร้างรถไฟฯ โดยเทียบกับราคาค่าใช้จ่ายจริง พบว่ามีการยักยอกเงินงบประมาณและการทำผิดวินัยหลายกระทง โดยการเปิดเผยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งการเปิดเผยครั้งแรกในปีที่แล้วระบุว่า มีการทุจริตไปประมาณ 4,000 ล้านหยวน

    ผู้ตรวจเงินแผ่นดินพบว่า เงินงบฯ ส่วนใหญ่มีการโอนย้ายแบบผิดกฎหมายไปยังบัญชีส่วนบุคคล หรือบัญชีปลอมของบริษัทสัมปทาน

    ทั้งนี้สำนักตรวจเงินฯ ได้ส่งมอบเรื่องให้ศาลไต่ส่วนแล้ว อาทิเรื่องการโอนเงินแบบผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะพบได้ว่า เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการประมูลโครงการระดับสูงของรัฐเป็นผู้ทำผิดเสียเอง

    เจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดินให้คำมั่นว่า หากพบช่องว่างทางกฎหมายจะส่งต่อให้กระทรวงรถไฟเป็นผู้อุดช่องว่างกฎหมายนั้น และรัฐบาลท้องถิ่นจะเป็นผู้รับผิดชอบและตรวจสอบช่องทางอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดทุจริต

    โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเซี่ยงไฮ้-ปักกิ่ง ตั้งงบประมาณไว้ที่ 218,000 ล้านหยวน โดยเริ่มก่อสร้างในเดือนเม.ย. 2551โดยมีความยาว 1,318 กม. วิ่งด้วยความเร็ว 350 กม.ต่อ ชม. คาดว่าจะเสร็จทันใช้ในเดือนมิ.ย.นี้
    [​IMG]

    อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการรถไฟจีนกำลังอยู่ระหว่างการถูกสอบสวนข้อกล่าวหาทุจริตคอร์รัปชั่นรับเงินสินบนที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างรถไฟ มูลค่ามากกว่า 800ล้านหยวน(122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) (ภาพเอเอฟพี)

    จนปัจจุบันนี้พบว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้นี้ มีการยักยอกและทุจริตด้านการเงินรวมแล้วกว่า 5,000 ล้านหยวนทีเดียว สีว์ ไอ้เซิง เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักตรวจเงินฯ ให้รายละเอียดด้านการคอร์รัปชั่นเงินงบประมาณเพิ่มเติมว่า มีการฉ้อฉลตั้งแต่ขั้นตอนการประมูลแล้ว

    เจ้าหน้าที่ตรวจเงินฯ เผยว่า ในเดือนมิ.ย. 2553 มีการใช้เงินงบประมาณไปแล้ว 138,400 ล้านหยวน ซึ่งเงินที่มีปัญหาทุจริตคิดเป็น 0.14 เปอร์เซ็นต์ของการใช้จ่ายทั้งหมด สะท้อนการคอร์รัปชั่นที่แทรกซึมอยู่ในภาครัฐ และบ่งบอกว่ายากเหลือเกินที่แผ่นดินจีนจะขุดรากถอนโคนปัญหาคอร์รัปชั่นให้หมดไป

    บริษัทก่อสร้างทุจริตอื้อ

    บริษัทก่อสร้างของรัฐ 3 รายได้แก่ ไชน่าเรลเวย์กรุ๊ป ไชน่าเรลเวย์คอนสตรัคชั่น และ ไชน่าคอมมิวนิเคชั่นคอนสตรัคชั่น ล้วนเกี่ยวพันในรายงานการทุจริตนี้

    บริษัทในเครือไชน่าเรลเวย์กรุ๊ป พบว่าเริ่มเดินหน้าก่อสร้างฯ ใน 3 โครงการภายใต้งบประมาณ 4,400 ล้านหยวน ก่อนการประมูลเสียด้วยซ้ำ ในการประมูลสำหรับ 3 โครงการของการสร้างรถไฟความเร็วสูงปักกิ่งเซี่ยงไฮ้ในพื้นที่หนานจิง ซึ่งเวลาประมูลจริงคือในเดือน มิ.ย. 2549, ธ.ค. 2550 และ ธ.ค. 2551 แต่บริษัทฯ กลับเริ่มงานก่อนเวลาประมูล คือ มี.ค. 2549, ก.พ. 2550 และ มี.ค. 2551 แสดงว่าบริษัทฯ มีนอกมีในกับผู้ให้สัมปทานอย่างไม่ต้องสงสัย

    ในเดือนมิ.ย. 2551 บริษัทในเครือไชน่าเรลเวย์คอนสตรัคชั่นคอร์ปอเรชั่น 2 ราย ก็ได้งบประมาณไปอีก 490 ล้านหยวนในสัญญาบำรุงรักษาสถานีรถไฟความเร็วสูง โดยที่ผู้ประมูลที่มีศักยภาพรายอื่น ๆ กลับไม่ได้รับสัมปทาน

    รายงานฯ เพิ่มเติมว่า “ในอนาคต กระทรวงรถไฟจะเปิดตลาดรถไฟจีนมากขึ้น และจะกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ เข้าร่วมการก่อสร้างมากขึ้นกว่านี้”

    ก่อนหน้านี้ สื่อทางการจีนเคยรายงานว่า “ในช่วงที่หลิว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงรถไฟจากปี 2546 - ก.พ. 2554 บรรดาบริษัทที่เส้นไม่ใหญ่ มักไม่ค่อยได้สัมปทาน”

    รายงานฯ ยังระบุว่า มี 16 บริษัทในเครือบริษัทในเครือไชน่าเรลเวย์กรุ๊ป ไชน่าเรลเวย์คอนสตรัคชั่นคอร์ปอเรชั่น และไชน่าคอมมิวนิเคชั่นคอนสตรัคชั่น ปลอมใบเสร็จการซื้อหิน และการเช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ถึง 324 ล้านหยวน

    อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่การเงินของไชน่าคอมมิวนิเคชั่นคอนสตรัคชั่นก็ออกมาเผยว่า จะทำให้การใช้จ่ายถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น แต่ก็ชี้ว่าเป็นการยากที่จะลงไปควบคุมการใช้จ่ายในระดับล่าง “ความผิดปกติในระดับล่างเป็นเรื่องปรกติ”

    China - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    NATO เคลื่อนเรือรบปิดล้อมลิเบีย
    NATO เริ่มเดินเครื่องลาดตะเวนลิเบียด้วยเรือรบและเครื่องบินภายใต้กรอบองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการร่วมปกป้อง (Operation Unified Protector) ภารกิจของพวกเขาคือการห้ามขนถ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ตามมติ UNSC 1973
    NATO ทำหน้าที่ในการปกป้องพลเรือนที่อยู่ในลิเบียให้ปลอดจากความรุนแรงจากระบอบลิเบีย ขณะนี้ NATO ได้นำเรือ 6 ลำเคลื่อนสู่น่านน้ำระหว่างประเทศนอกชายฝั่งลิเบียเพื่อสำรวจและใช้อำนาจเข้าควบคุมการขนถ่ายอาวุธตามมติ UN

    [​IMG]

    หัวหน้าฝ่ายวางแผนตามภารกิจแห่งกองบังคับบัญชาสูงสุดแห่งชาติพันธมิตรยุโรป (Supreme Headquarters Allied Powers Europe) พลจัตวา Pierre St. Amand ได้ออกแถลงการณ์ ณ กรุงบรัสเซลส์ว่า “ได้ส่งเรือจำนวน 16 ลำเพื่อปฏิบัติภารกิจครั้งนี้แล้ว” ปฏิบัติการดังกล่าวได้รับการบังคับบัญชาโดย รองผู้บัญชากองเรือรบ Rinaldo Veri การลาดตระเวนโดยเครื่องบินและเครื่องบินรบยังคงมุ่งหน้าลาดตระเวนเหนือปฏิบัติการดังกล่าวต่อไปและคอยสกัดกั้นเครื่องบินที่ต้องสงสัยว่าอาจจะขนอาวุธเข้าไปยังลิเบีย

    [​IMG]

    Oana Lungescu โฆษกแห่ง NATO กล่าวว่า “ปฏิบัติการดังกล่าวทำขึ้นเพื่อ ตัดช่องทางการไหลเวียนของอาวุธยุทโธปกรณ์และทหารรับจ้าง เข้าสู่ลิเบีย”
    เรือจะล่องอยู่เหนือน่านน้ำระหว่างประเทศและจะไม่เคลื่อนเข้าสู่น่านน้ำภายในประเทศ ภารกิจหลักของเรือลาดตระเวนและเครื่องบินจะล้อมอยู่โดยรอบดินแดนลิเบีย พวกเขามีสิทธิที่จะหยุดยั้งและค้นหาเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่ถูกต้องสงสัยว่าอาจขนสินค้าต้องห้ามเข้ามา

    [​IMG]
    ตุรกีจะส่งเรือรบขนาดกลาง 4 ลำ, เรือดำน้ำ 1 ลำ เพื่อสนับสนุนภารกิจ NATO ที่ยืนยันว่าจะนำเรือรบ และเรือดำน้ำเข้าปฏิบัติจำนวน 16 ลำ
    เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา NATO เห็นพ้องว่า จะนำเรือรบเข้าสกัดกั้นการขนถ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ในบริเวณเขตปิดน่านฟ้าที่กำหนดไว้ภายใต้อำนาจขององค์การสหประชาชาติ
    แผนปฏิบัติการของ NATO นั้น อิตาลีจะเป็นฝ่ายบังคับบัญชาการและควบคุมเรือตามภารกิจของฐานทัพเรือ แคนาดา สเปน อังกฤษ กรีซ อิตาลี และสหรัฐฯ จะเป็นฝ่ายสนับสนุนภารกิจในเรือแต่ละลำ
    เรือดำน้ำ 3 ลำ ถูกจัดส่งจากตุรกี สเปน และอิตาลี ส่วนเรือรบขนาดใหญ่จำนวน 2 ลำ (auxiliary ship)ตุรกีและอิตาลีจะเป็นฝ่ายจัดเตรียมให้

    NATO
    NATO เคลื่อนเรือรบปิดล้อมลิเบีย | Siam Intelligence
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    AREA แถลง ฉบับที่ 24: วันพุธที่ 23 มีนาคม 2554 ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาลด แต่ในจีนกลับเพิ่มขึ้น

    ดร.โสภณ พรโชคชัย
    ประธานกรรมการบริหาร
    ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอส้งหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส​

    ‘โสภณ’ บอกเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจยิ่ง ขณะที่จีนพยายามปรามการเพิ่มขึ้นของราคาบ้าน แต่ราคาก็ยังพุ่งกระฉูด ในขณะที่สหรัฐอเมริกา งัดมาตรการสารพัด แต่ราคาบ้านก็ยังดิ่งเหว
    ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เปิดเผยว่าจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากตัวเลขผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนพบว่าราคาบ้าน (ซึ่งส่วนมากก็คือห้องชุด) ที่มีขนาดไม่เกิน 90 ตารางเมตร ในประเทศจีนยังเพิ่มสูงขึ้น โดยใน 70เมืองหลัก ราคาบ้านใหม่มีราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.66% ส่วนราคาเพิ่มขึ้นในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาคือ 6.66% แต่ถ้าเป็นกรณีบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ราคาจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่านี้ เช่น ขนาด 144 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาจะเพิ่มขึ้น 5.41% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
    ในกรณีบ้านมือสองที่นำมาขายใหม่ในตลาด ราคาก็ยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 0.32% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา หรือ 4.45% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา สำหรับห้องชุดที่มีขนาดไม่เกิน 90 ตารางเมตร และเช่นเดียวกันห้องชุดที่มีขนาดใหญ่กว่า อัตราการเพิ่มก็น้อยกว่า ทั้งนี้คงเป็นเพราะมีกำลังคนซื้อจำนวนน้อยกว่านั่นเอง
    สำหรับเมืองใหญ่ ๆ เช่น กรุงปักกิ่ง ราคาห้องชุดขนาด 90 ตารางเมตรลงมา มีราคาขึ้น 0.9% ในรอบ 1เดือนที่ผ่านมา และ 9.8% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่ายังอยู่ในภาวะ ‘ร้อนแรง’ มาก ส่วนนครเซี่ยงไฮ้ ราคาห้องชุดขนาด 90 ตารางเมตรลงมา มีราคาขึ้นสูงถึง 1.6% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา และ 4.4% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงการชะลอตัวลงบ้าง
    นครที่มีการเพิ่มขึ้นของราคามากที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาได้แก่ อันดับหนึ่งนครเยว่หยาง มณฑลหูหนัน โดยห้องชุดขนาดไม่เกิน 90 ตารางเมตร ราคาเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17.6% รองลงมาคือนครตานตง มณฑลเหลียวหนิง เพิ่มขึ้น 14.7% อันดับสามคือนครฉินฮวงเต่า มลฑลเหอเป่ย 13.2% อันดับสี่คือนครหลานโจว (Lanzhou) มณฑลกานซู ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 12.2% และอันดับที่ 5 เมืองเจิ้งโจว เมืองหลวงมณฑลเหอหนาน ราคาเพิ่มขึ้น11.4%
    ส่วนในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา มีเพียง 8 นครจาก 70 นครหลักที่ราคาลดลง โดยลดลง นครซิหนิง มณฑลชิงไห่ ลดลง 1.5% นครเยว่หยาง มณฑลหูหนัน ลดลง 1% และนครชิงเต่า มณฑลซันตง ลดลง 0.7% ซึ่งถือว่าลดลงน้อยมาก
    ในทางตรงกันข้ามสำหรับสหรัฐอเมริกา ราคาบ้านในเดือนมกราคม 2554 พบว่า ลดลงจากเดือนธันวาคม2553 ประมาณ 0.3% โดยเฉลี่ยทั่วประเทศ ในรอบ 12 เดือนล่าสุดราคาลดลงไป 3.9% ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาในเดือนล่าสุดคือ มกราคม 2554 นั้นเท่ากับราคาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 ซึ่งเป็นเวลา 3 ปีก่อนที่ราคาบ้านจะพุ่งสูงสุดในเดือนเมษายน 2550 และก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ.2551
    การลดลงของราคาบ้านในสหรัฐอเมริกานั้น เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แล้ว และหากพิจารณาจากแนวโน้มตั้งแต่ช่วงสูงสุดในเดือนเมษายน 2550 ราคาบ้านยังถือว่าลดลงต่อเนื่อง และยังไม่เห็นแนวโน้มที่ราคาบ้านจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้น
    การที่ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกายังปรับตัวลดลงก็แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากำลังถดถอย และยังไม่เห็นทางเยียวยาเท่าที่ควร ต่างจากกรณีของจีนที่เศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ทำให้ราคาบ้านยังเพิ่มขึ้นทั้งที่รัฐบาลจีนพยายามที่จะควบคุมภาวการณ์เฟ้อของราคาบ้านเพื่อป้องกันการเกิดฟองสบู่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน
    ที่ผ่านมารัฐบาลจีนพยายามจำกัดการพัฒนาโครงการใหม่ จำกัดการซื้อ จำกัดสินเชื่อ อย่างไรก็ตามหากเทียบกับรัฐบาลไทยแล้ว นโยบายของรัฐก็ยังเน้นการส่งเสริมการลงทุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย ไม่มีมาตรการจำกัดการซื้อ และยังไม่ได้ควบคุมการอำนวยสินเชื่อ โดยปล่อยให้มีการอำนวยสินเชื่อสูง ซึ่งอาจถือเป็นความเปราะบางประการหนึ่งหากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น
    ผู้แถลง:
    ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

    AREA แถลง ฉบับที่ 24: วันพุธที่ 23 มีนาคม 2554 ราคาบ้านในสหรัฐอเมริกาลด แต่ในจีนกลับเพิ่มขึ้น | Siam Intelli
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อิยิปต์ ร่างกฎหมายใหม่กำหนดบทลงโทษก่อประท้วง
    มุสลิมไทยดอทคอม : 24 มีค. 54 11:31:37
    สำนักข่าวมุสลิมไทย อิยิปต์ ร่างกฎหมายใหม่กำหนดบทลงโทษก่อประท้วง
    สำนักข่าว เอเอฟพี. – เมื่อวันพุธ (23/03) รัฐบาลอียิปต์อนุมัติผ่านร่างกฎหมาย ซึ่งกำหนดบทลงโทษทางอาญาสำหรับการประท้วงในบางลักษณะ

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=contentall vAlign=top>สำนักข่าวทางการ MENA รายงานว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดโทษจำคุก ปรับ สำหรับผู้นั่งประท้วง หรือก่อการชุมนุมที่ขัดขวางการทำงานในที่สาธารณะ รวมทั้งการประกอบธุรกิจ การค้าของเอกชน

    ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ถูกนำเสนอขึ้นไปยังสภากองทัพ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้คำมั่นว่า จะยกเลิกกฎหมายภาวะฉุกเฉินที่ให้อำนาจล้นเหลือกับตำรวจ และกีดกันสิทธิทางกฎหมายของประชาชน ภายใน 6 เดือน

    หลังการชุมนุม 18 วันที่มีผลทำให้อดีตประธานาธิบดีมุบารักต้องลงจากตำแหน่ง ยังคงมีการชุมนุมกันอยู่ในจัตุรัสตะฮฺรีร ซึ่งทางการกล่าวว่าเป็นอุปสรรคกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ที่ต้องการพยายามทำให้สถานการณ์กลับสู่ปกติ

    นักวิจารณ์เห็นว่ากฎหมายนี้จะจำกัดเสรีภาพ ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่ฝ่ายปกครองประเทศให้สัญญาไว้ - www.muslimthai.com
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้แทนยิวเต้น สมัชชาสหประชาชาติอนุญาตฉายหนังที่สร้างจากเรื่องจริงการรุกรานปาเลสไตน์

    มุสลิมไทยดอทคอม : 15 มีค. 54 14:08:37

    สำนักข่าวมุสลิมไทย ผู้แทนยิวเต้น สมัชชาสหประชาชาติอนุญาตฉายหนังที่สร้างจากเรื่องจริงการรุกรานปาเลสไตน์
    สำนักข่าวตะวันออกกลาง – อิสราเอลแสดงความไม่พอใจต่อการที่สหประชาชาติ อนุญาตให้นำภาพยนตร์เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่สร้างโดย Julian Schnabel ผู้อำนวยการสร้างชาวอเมริกัน-ยิว เข้ามาเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ ณ ห้องประชุมสมัชชาสหประชาชาติ

    [​IMG]

    ภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เกิดกับนักหนังสือพิมพ์ชาวปาเลสไตน์ รูล่า ยิบรีล และเธอเรียบเรียงขึ้นเป็นเรื่องราว เริ่มจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในปี พ.ศ. 2491 ดาราแสดงนำคือ Freida Pinto นักแสดงชาวอินเดียที่มีชื่อเสียงจากเรื่อง Sulmdog Millionaire

    ผู้แทนอิสราเอลในสหประชาชาติกล่าวในแถลงการณ์ที่ส่งถึงประธานสมัชชาว่า เป็นการตัดสินใจที่แย่มากที่ให้มีการฉายหนังเรื่องนี้ และเรียกร้องให้ยุติการตัดสินใจอนุญาตให้ฉายหนังในสถานที่นี้

    โฆษกสมัชชากล่าวว่า ไม่มีประเด็นการเมืองใดๆ อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจนี้ และเคยมีการอนุญาตให้ฉายหนังมาแล้วหลายเรื่องในห้องประชุมดังกล่าว

    การอนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่อ “Miral” มาพร้อมกับ การที่สมัชชาสหประชาชาติยกระดับการประณามอิสราเอล ในการขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวอิสราเอล ในดินแดนปาเลสไตน์ที่ยึดครองไว้อย่างผิดกฎหมายสากล

    หนังเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเพราะผู้อำนวยการสร้าง Schnabel ได้รับรางวัลผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเทศกาลประกวดหนังที่เมืองคานส์ ในปี พ.ศ. 2550 จากภาพยนตร์เรื่อง The Devine Bell and the Butterfly เขา และดารานำในภาพยนตร์จะมาปรากฏตัวในการฉายรอบปฐมทัศน์นี้ด้วย

    ตัว Schnabel เอง กล่าวในการนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เทศกาลภาพยนตร์เวนิส ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะเป็นหนังที่บอกเล่าเกี่ยวกับชาวปาเลสไตน์ โดยผู้สร้างชาวอเมริกัน-ยิว

    เนื้อเรื่องย่อๆ
    เป็นเรื่องของ Miral ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าในเยรูซาเล็มตะวันออก ซึ่งอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กที่ก่อตั้งโดยครอบครัวปาเลสไตน์ที่ร่ำรวย เด็กกำพร้า 55 คนซึ่งรวม Miral ด้วย ต้องหลบหนีออกมาหลังจากทหารยิวเข้าไปยึดครองหมู่บ้านในปี พ.ศ. 2491 ซึ่งดูเหมือน Miral จะเป็นตัวแทนของรูล่า ยิบรีล ผู้เขียนเรื่องนี้

    ภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นการร่วมสร้างระหว่างฝรั่งเศส อิสราเอล อิตาลี และอินเดีย ถ่ายทำส่วนมากในอิสราเอล และเขตเวสต์แบ๊งค์ จัดจำหน่ายโดย Harvey Weinstein ของสหรัฐ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นบริษัทดั้งเดิมของยิว - www.muslimthai.com

     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชุมนุมอย่างสร้างสรรค์ เรียกร้องความสมานฉันท์ระหว่างปาเลสไตน์
    มุสลิมไทยดอทคอม : 16 มีค. 54 13:54:17
    สำนักข่าวมุสลิมไทย ชุมนุมอย่างสร้างสรรค์ เรียกร้องความสมานฉันท์ระหว่างปาเลสไตน์
    สำนักข่าวตะวันออกกลาง – ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนออกมารณรงค์ในเมืองกาซ่าซิตี้ และในเขตเวสต์ แบ๊งค์ เมื่อวันอังคาร (16/03) เพื่อเรียกร้องความสามัคคีระหว่างกลุ่มฮามาส กับฟาตะฮฺ

    [​IMG]

    ในกาซ่าซิตี้ การแสดงพลังครั้งนี้ยิ่งใหญ่สุด โดยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกิจการภายในกล่าวว่า มีฝูงชนเดินทางมาชุมนุมกันที่จัตุรัสทหารนิรนามจำนวนมาก

    ในโอกาสที่ประชาชนสนับสนุนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี อิสมาอีล ฮานียา จากกลุ่มฮามาส ที่ปกครองฉนวนกาซ่า ได้กล่าวเชิญชวนอย่างเป็นทางการให้ประธานาธิบดี มะฮฺมู้ด อับบาส จากกลุ่มฟาตะฮฺ ร่วมเจรจาเพื่อความสมานฉันท์ในฉนวนกาซ่าโดยเร็ว

    ส่วนประธานาธิบดีอับบาส กล่าวหลังจากการเจรจากับประธานาธิบดี เดเมทริส คริสโตฟิอัส แห่งไซปรัส ว่า เขาเต็มใจจะสนองความต้องการของประชาชน และยินดีมอบอำนาจกลับคืนแก่ประชาชนผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดี และสมาชิกสภานิติบัญญัติ และขอเสนอให้จัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อยุติการแบ่งแยกปาเลสไตน์เป็น 2 ฝ่าย

    ส่วนในเขตเวสต์ แบ๊งค์ มีผู้มาร่วมชุมนุมในเป้าหมายเดียวกันประมาณ 7,000 คน โดยแยกเป็นที่รามัลเลาะฮฺ 3,000 คน และ นาบลัส, เฮบรอน ที่ละประมาณ 2,000 คน

    มีการเผยแพร่ข่าว และเรียกร้องให้มาชุมนุมกันในวันที่ 15 มีนาคม ผ่านทางเฟสบุ๊ก และผู้ชุมนุมมาเพื่อเรียกร้องให้ยุติการแบ่งแยกปาเลสไตน์ และให้รวมพลังกัน โดยเรียกร้องให้ชุมนุมแสดงพลังกันเป็นระยะจนกว่าจะมีการรวมตัวกันของทั้ง 2 ฝ่าย - www.muslimthai.com

     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ระหว่าง ครอบครัวอินเดีย และ ครอบครัวไทยในอนาคต ใครมาถูกทาง
    มุสลิมไทยดอทคอม : วันนี้** 10:27:20
    เกิดชาติหน้าอย่าเป็นไก่อินเดีย


    เมื่อยังไม่เห็นโลง คนไทย "ภาคการเมือง" ก็ยังไม่เชื่อว่า "ความตายมีจริง" ดังนั้น สภาพไฮยีนาทึ้งซากจึงเป็นไปอย่างคงเส้น-คงวา ทั้งในสภา นอกสภา และเรี่ยราดตามท้องถนน หยิบอะไรมาคุยก็แค่เปลือก-กระพี้ จะยึดตรงไหนเป็นแกนในความเป็นไปข้างหน้ายังไม่ได้ ฉะนั้น ขี่พรมวิเศษไปตะลุยอินเดีย ภาคกินทุ่ง-นอนทุ่ง และถ่ายทุ่ง ตามประสาของผมต่อดีกว่า ไม่มีอะไรจะอ่านก็อ่านเถอะครับ แต่ถ้ามี อย่าเสียเวลาเลย
    เมื่อวานถึงไหนแล้วล่ะ อ้อ...ถึงตอนคุณปรีดา เตียสุวรรณ์ พาไปกินอาหารเที่ยงประเภท Veg ล้วนที่แพรนดา กรุ๊ป เมืองมุมไบ ความจริงอาหารที่ติดป้าย Veg ที่ย่อจาก Vegetable นั้น มีทั่วไปทั้งในโรงแรม และตามร้านอาหาร เรียกว่าที่อินเดียหาอาหารประเภทผักล้วนๆ กินง่ายกว่า หมู เห็ด เป็ด ไก่ ไดโนเสาร์
    อาหารประเภท Veg ของอินเดีย จะเหมือนอาหารมังสวิรัติบ้านเราก็ตรงไม่ใช้เนื้อสัตว์เท่านั้น อย่างอื่นคงจะไม่ตรงกันเสียทีเดียว เพราะเขาไม่มีทัศนคติว่าเป็นการกินเอาบุญ และไม่ยกตน-แยกตนออกจากการกินร่วม-อยู่ร่วมกับอาหารเนื้อหนังมังสา ฉะนั้น ถ้าไปบุฟเฟต์ต้องอ่านป้ายหน้าถาด หน้าหม้ออาหารให้ดี
    เพราะมีทั้งผักล้วน เนื้อสัตว์ล้วน และมีทั้งผักทั้งเนื้อสัตว์ปนกัน เรียกว่าใครอยากกินอะไรเลือกได้ตามใจอยาก จะตักทั้ง Veg ทั้งเนื้อสัตว์ผสมไปด้วยกันในจานเดียวกัน ตามสบายเถอะ พ่อคุณ ไม่มีใครเขาแอบถ่ายคลิปหรอก
    พูดภาษาเราๆ ก็คือ Veg ในความหมายของเขาก็แค่ "อาหารผักล้วน" ไม่มีหมู หมา กา ไก่ ปนลงไป ก็เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับบุญ กับบาป ที่เห็นว่าเกี่ยวก็คือ ๑.เพื่อสุขภาพ ๒.เป็นลักษณะอาหารประจำชาติ ๓.เงื่อนไขทางศาสนา ๔.เป็นกลไกทางเศรษฐกิจ และ ๕.เป็นรากแห่งอารยวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง
    กินอย่างคนอินเดียแท้ๆ นี่แหละ "กินอย่างมีเหตุผล" เพราะจริงๆ แล้ว คนเรามันก็แค่อิ่ม แค่ให้ชีวิตอยู่ได้ และการกินอย่างมีเหตุผลนี้ เป็นตัวเฉลี่ยเกลี่ยแบ่งให้คนกว่าพันล้านได้มีกิน-มีอยู่กันถ้วนหน้า โดยไม่ต้องมีใครอดตาย ยิ่งในเมื่อไม่ต้องตะกายหาของนอกชาติมาเสริมตะกละด้วยแล้ว มันก็เท่ากับตัดตัวฉิบหายที่มากับ "กิน-กาม-เกียรติ" ไปได้
    เพราะเหตุนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมอินเดียซึ่งก็ยังมีทั้งสินน้ำใจและคอรัปชั่นจึงผงาดบาดตาประเทศระบบทุนบริโภคขึ้นมาได้วันนี้ ทั้งที่ประชาชนยังกินบนพื้นถนน นอนบนพื้นถนน ถ่ายบนพื้นถนน ในขณะที่ชาติร่ำรวยทั้งหลาย ไม่ว่ายุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่น ก็ยังมีคนกินบนถนน นอนบนถนน และถ่ายบนถนน แต่กลับ จมลง..จมลง..ในซากเศรษฐกิจสังคมกิน-กาม-เกียรติ ระบบทุนตะกละ!
    เฉพาะมุมไบ ประชากรตามทะเบียนราวๆ ๑๘-๑๙ ล้านคน ผมเพ่งตาม ๒ ข้างทางที่รถวิ่งผ่าน เพ่งจนตาเป็นลูกกอล์ฟ เห็นร้านฟาสต์ฟู้ดซุกเหี่ยวๆ อยู่ซักร้าน-สองร้านมั้ง ผมไม่เห็นมี "อาหารนอกชาติ" ของชาติไหนมาตีอาหารประจำชาติอินเดียได้ เอาแค่แทรกเข้าไปให้เห็นในชีวิตการกินประจำวันก็ยังยาก
    กระทั่งอาหารจีนก็เถอะ!
    จะมีก็เฉพาะย่านนักท่องเที่ยว หรือไม่ก็ตามย่านธุรกิจการค้าเท่านั้น อย่างโรงแรมทัชมาฮาล โรงแรมโอเบอรอย ที่อยู่แถวๆ เกตเวย์ ออฟ อินเดีย ย่านท่าเรือที่อังกฤษสมัยเข้ายึดครองมาสร้างบ้านพัก สร้างคลับเรือยอชต์ไว้เมื่อ พ.ย.๕๑ เคยถูกโจรก่อการร้ายเข้ายึด จับตัวประกัน ฆ่ากันแหลก เป็นข่าวดังทั่วโลก ท่านคงจำได้
    แถวนี้มีร้านอาหารอิตาเลียนอยู่ร้าน คราวนั้นถูกลูกหลงซะพรุน นักกินนอกชาติ-ในชาติแน่นเอี๊ยด แต่ถึงกระนั้น ในเมนูของเขาก็ยังต้องมีอาหารพื้นบ้านเป็นอาหารสัญลักษณ์ชาติไว้บริการ
    แล้วผมจะเล่าให้ฟัง ของเค้าอร่อยที่สุดในโลก ถ้าท่านไป ต้องแวะ..ขอบอก!
    ที่ผมบอก คนอินเดียมีเงินซัก ๒๐-๓๐ รูปีก็อยู่ได้ อยู่ได้เพราะอินเดียกิน พืช-ผัก-ผลไม้ ที่หาได้-ปลูกได้ในประเทศเป็นพื้นนี่แหละ ชีวิตจึงมีราคาถูก แต่จิตวิญญาณเพื่อชาติสูง
    ตรงนี้ได้ทั้งรากสังคม และรากเศรษฐกิจ สมมุติว่าคนอินเดียกินแหลกอย่างบ้านเรา คิดดูซิ คนเป็นพันล้าน จะผลาญเงินสูญเปล่าไปกับการหาเนื้อสัตว์มาเพื่อบริโภคขนาดไหน และที่สำคัญ คนจะอดตายกันมากมาย เพราะหันไปกินสัตว์ซึ่งมีจำเพาะ ซ้ำต้นทุนสูงกว่าพืช
    อาหารก็คือยา อาหารอินเดีย..ใช่เลย เพราะสมุนไพรล้วนๆ!
    อันนี้พูดกันแบบลิ้นมาตรฐานคุณนิวัติ กองเพียร ใครกินพืช-กินสัตว์ กูไม่สนใจ เพราะกูกินไข่อย่างเดียว (ยกเว้น ไข่ บูติก) แต่เมื่อไม่มีไข่ ก็ต้องกินพืช กินจากกี่แห่ง..กี่แห่ง..ทั้งโรงแรม ทั้งร้าน ทั้งข้างถนน ฝีมือใช้เครื่องเทศผสมผสานผักออกมาเป็นอาหารในรูปต่างๆ คุณนิวัติยอมรับว่าอร่อยกว่าบ้านเรา
    ผมไม่ค่อยเชื่อลิ้นคนที่กินแต่ไข่ แต่เมื่อคุณสนิทสุดา เอกชัย กับคุณสุรนุช ธงศิลา ช่วยยืนยันอีก ๒ คนว่า แม้อาหารอินเดียบ้านเราก็ยังสู้ไม่ได้ ผมที่ปกติเป็นคนกินง่าย ก็เลยต้องเป็นคนเชื่อง่ายไปด้วย!
    และการกินผักเป็นพื้นของอินเดียนี่ มันเป็นรัฐศาสตร์การบริหารและการปกครองไปในตัว ผมว่าเองนะ เพราะอินเดียประกอบด้วยคนหลายเผ่า หลายเชื้อชาติ หลายศาสนา เมื่อต้องอยู่ร่วมกัน วัฒนธรรมการกิน-การอยู่-การเชื่อ ย่อมแตกต่างกัน การจะให้ใครละทิ้งของตัวเองแล้วไปยอมรับนับถือของคนอื่น มันเป็นไปไม่ได้
    บางคนไม่กินเนื้อวัว เพราะเป็นฮินดู
    บางคนไม่กินเนื้อหมู เพราะเป็นมุสลิม
    บางคนไม่กินปลา เพราะปลาเป็นพาหนะพระเจ้า
    เมื่อต้องอยู่ร่วมเป็น "คนอินเดีย" จะทำไงที่จะไม่ให้เสียหลักการของตัวเอง ฉะนั้นก็ใช้ "ผัก-ผลไม้-ธัญพืช" นี่แหละเป็นอาหารหลักในการรวมให้เป็นสัญลักษณ์หนึ่งเดียวในความเป็นชาติ อย่างอื่นไม่เหมือนกันไม่เป็นไร แต่กินเหมือนกันซะอย่าง คนไม่ตาย ชาติก็ไม่ตาย
    อ้าว..แล้วมีเนื้อสัตว์ที่เป็น "กลางๆ" บ้างมั้ยที่กินได้ทุกเชื้อชาติ ศาสนา เหมือนพืช-ผัก-ธัญพืช?
    หวยไปออกที่..ไก่ ครับ!
    เกิดชาติหน้าฉันใด ขออย่าได้ไปเกิดเป็นไก่ที่อินเดียเล้ย..พ่อเจ้าประคู้น เพราะคล้ายเป็นอาหารเนื้อสัตว์สากลรวมของคนทุกศาสนา กินอะไรไม่ได้ก็มาลงที่ไก่นี่แหละวะ ไปอินเดีย (บ้านนอก) ๔-๕ วัน แม้เมินหน้า เมนูไก่จ๋าก็ยังวิ่งเข้ามาป้อ จำใจกินจนคุณปรีดาร้องก๊อกๆๆๆ ประชด
    แต่กัปตันชาวอินเดียนึกว่าคุณปรีดาประทับใจเมนูไก่ เลยตักมาโปะให้เต็มถาดพร้อมกับร้องก๊อกๆๆๆ หัวเราะกันจนไข่กี้เล็ด!
    นอกจากไก่แล้ว ถ้ากินตามโรงแรม จ้องถาดหาที่เขาเขียนว่า Mutton Curry หรือไม่ก็ Logan Josh เอาไว้ให้ดีเถอะ เป็นแกงแพะอร่อยอย่าบอกใครเชียว เขาไม่ใช้กะทิ แต่ใช้โยเกิร์ตกับนม ที่ขาดไม่ได้คือเครื่องเทศมากมายเหมือนจ่ายยาจีน ใบอะไรต่อมิอะไรเป็นสิบชนิด ออกมาหน้าตาเหมือนแกงแพนง แกงฉู่ฉี่ข้นๆ
    ตักมา แล้วฉีกแป้งจะปาตี หรือนาน หรือนาอัน ที่ปิ้งจนฟูเหมือนข้าวเกรียบว่าวยัดใส่ปาก หยิบหัวหอมบีบมะนาวโยนใส่ปากเคี้ยวๆ ตามเข้าไป ถ้าจะให้เห็นสวรรค์รำไรก็คว้าพริกชี้ฟ้าอินเดียในถ้วยกัดกร้วม อื้อฮืออออ..เล่าแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก!
    เหตุผลที่คนอินเดียไม่กินวัว ไม่กินหมู และไม่นิยมกินปลา ผมว่าเป็นเหตุผลที่เป็นเหตุ-เป็นผลจริงๆ อย่างเนื้อวัว-เนื้อหมู ก็ทราบกันอยู่ว่าเป็นเรื่องศาสนา แต่การไม่กินปลาที่อ้างว่าเป็นพาหนะพระเจ้าบางองค์นั้น ฟังแล้วทะแม่งๆ แต่เมื่อพินิจลงไปในรายละเอียด มองผ่านสายน้ำคงคากันศักดิ์สิทธิ์
    ไม่รู้กี่ร้อยล้าน-พันล้านศพที่ลอย ตุ๊บป่อง..ตุ๊ปป่อง..ด้วยความเชื่อว่า ไปกับสายพระแม่คงคาจะสู่สวรรค์นั้น บรรดามัจฉาน้อยใหญ่ คงยิ้มน้อย-ยิ่มใหญ่ เพราะทั้งเบรกฟัด ลั้นซ์ และดินเนอร์ เพียบพร้อมด้วยเมนูเนื้อฉุๆทุกมื้อ
    ใครอยากกินปลาที่อินเดีย ก็...เชิญ ผมมันพวกนิยม Veg ซะแล้วจึง โน คอมเมนท์!
    อินเดียนี่ ใครที่ว่าเขาสกปรก คิดผิด-คิดใหม่ได้ เพราะเอาตัวเองเป็นเกณฑ์แห่งความสะอาดไปวัดเขาใช่ไหม ลองคิดในมุมนี้ซีครับ ปีหนึ่ง เราเจ็บป่วยหาหมอกี่ครั้ง แล้วคนอินเดียกี่ครั้ง ผมผ่านหน้าโรงพยาบาลที่มุมไบ ไม่เห็นแถวคนไปเอารองเท้าจองคิวตั้งแต่ตี ๔ เหมือนบ้านเราเลย
    แสดว่าคนอนามัยจัด คนสะอาดอาบน้ำแล้วต้องแรปตัวเองก่อนออกจากบ้าน สุขภาพอนามัย และภูมิต้านทานโรคในตัวสู้คนอินเดียที่กิน-นอนคลุกฝุ่นไม่ได้ และที่กลัวกันนัก..."อย่าไปกินเชียวนะที่อินเดีย เดี๋ยวท้องร่วง"เรากินร่วง แต่ทำไมคนอินเดียกินแล้วไม่ร่วง?
    ฉะนั้น การบริหารคนพันล้านให้อยู่รอด ประชานิยมไม่ได้ ต้องวัฒนธรรม-ประเพณีนิยม ให้อยู่กับธรรมชาติ กินกับธรรมชาติ คิดให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ แล้วชีวิตจะเกิดภูมิต้านทานปลอดโรคตามธรรมชาติ ถึงคราวป่วย ก็ป่วยตามธรรมชาติ และตายตามธรรมชาติ!
    อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้อินเดีย ใหญ่อย่างสัก ไม่ใช่ใหญ่อย่างหยวก นั่นก็คือการยึด"สถาบันครอบครัว"ที่เหนียวแน่น พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยาย-ลูก-หลาน อยู่ร่วมบ้าน-ร่วมเพิงกันครบ
    ไปไหนก็ยกครอบรัวไปกันเป็นกองคาราวาน ที่ดัดจริตกันโก้ๆ โตแล้วต้องแยกบ้าน หรือที่นิยมครอบครัวเชิงเดี่ยว เชิงโด่ เชิงดี้ นั้น ชาติตะวันตกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า"มาผิดทาง"เวลานี้ ฝรั่งจึงเป็นสังคมเคว้งคว้าง ต้องซื้อหมามานับเป็นญาติกันแล้ว
    ของเรา ถ้าไปไหนแบบยกครอบครัว ต้องมีเงินหมื่น ของอินเดียเขาแค่"ปั้นเดียว"เที่ยวได้รอบโลกครับ.
    ที่มา นสพ.ไทยโพสต์
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ข่าวลิเบีย เส้นทางสามแพร่งที่ ลิเบีย หลังยุทธการฮุบบ่อน้ำมัน
    มุสลิมไทยดอทคอม : วันนี้** 10:18:44
    เส้นทางสามแพร่งที่"ลิเบีย"หลังยุทธการฮุบบ่อน้ำมัน

    คมชัดลึก : ยุทธการ "โอดิสซี ดอว์น" ที่เปิดฉากโดยฝูงเครื่องบินรบสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ และอิตาลี ที่ปูพรมถล่มฐานที่มั่นทางทหารในลิเบียกำลังทำให้เป็นที่หวาดวิตกไปทั่วโลกว่า จะลุกลามบานปลายมาสู่สงครามขนาดใหญ่ และทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุเพดานแค่ไหน
    พ.อ.ดร.ธีรนันท์ นันทขว้าง นักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อดัง วิเคราะห์ความเป็นไปได้ถึงแนวโน้มของสมรภูมิลิเบียว่าจะทำให้สหรัฐอเมริกาติดหล่มสงครามเหมือนในอิรัก และอัฟกานิสถานหรือไม่ รวมทั้งจะส่งผลต่อเสถียรภาพราคาน้ำมันโลกในระยะยาวอย่างไร
    พ.อ.ดร.ธีรนันท์มองปฏิบัติการปูพรมทางอากาศที่นำโดยสหรัฐ และประเทศในกลุ่มนาโตว่า เป็นเรื่องของการรักษาผลประโยชน์ของของกลุ่มประเทศตะวันตก เพราะประเทศมีบ่อน้ำมันจำนวนมาก แต่ละประเทศที่ส่งกำลังเข้าไปก็ล้วนแต่บริโภคน้ำมันของลิเบียทั้งนั้น
    "สหรัฐซื้อน้ำมันจากลิเบียประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนฝรั่งเศสกับอิตาลีซื้อน้ำมันจากลิเบียประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อังกฤษ เยอรมนี และสเปน ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หากราคาน้ำมันขึ้นลงมากๆ ก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศดังกล่าว"
    เมื่อแต่ละประเทศล้วนพึ่งพิงการนำเข้าน้ำมันจากลิเบียเป็นหลัก โดยเฉพาะประเทศในยุโรป จึงเป็นตัวเร่งให้มีการโจมตีลิเบียเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าแต่ละประเทศจะส่งกำลังเข้าไปในลิเบียหรือไม่
    โดยเฉพาะสหรัฐที่มีขีดความสามารถในการส่งกำลังทหารออกไปนอกประเทศในจำนวนมากๆ ก็มีท่าทีที่ไม่ชัดเจน ขณะที่หลายประเทศที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ก็ไม่มีขีดความสามารถเพียงพอในการส่งกำลังในระยะทางไกลๆ สักเท่าใดนัก
    นอกจากนี้ คำถามที่จะตามมา คือ การทิ้งระเบิด หรือการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายทางภาคพื้นดินไม่สามารถกำหนดชัยชนะหรือนำไปสู่จุดความได้เปรียบได้
    ฉะนั้น ความยุ่งยากจะตามมาหลังจากนี้ เพราะมีทางเลือกในการปฏิบัติการหลายทาง เช่น พยายามทำให้ พ.อ.กัดดาฟี ลงจากตำแหน่งให้เร็วที่สุด หรือจะเข้าไปจับตัว หรือเข้าไปสังหาร
    "ถ้าทำไม่ได้โดยเร็วเหตุการณ์ก็จะยืดเยื้อ และส่งผลกระทบถึงราคาน้ำมันทั่วโลก หรืออาจนำไปสู่แนวร่วมมุมกลับ ซึ่งจากเดิมกลุ่มประเทศอาหรับ หรือกลุ่มสันนิบาตอาหรับก็ยังไม่มีเอกภาพเท่าไหร่ โดยเฉพาะหลังจากเกิดการปฏิวัติดอกมะลิ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ตรงนี้ก็อาจจะทำให้กลุ่มสันนิบาตอาหรับกลับมารวมตัวกันอย่างมีเอกภาพอีกครั้ง" พ.อ.ดร.ธีรนันท์ระบุ
    พ.อ.ดร.ธีรนันท์ย้ำว่า เมื่อกลุ่มอาหรับสามารถรวมตัวกันได้แล้ว อาจจะมีการดำเนินการใดๆ เพื่อตอบโต้ชาติตะวันตก ซึ่งหากสู้กันทางอำนาจทางทหารไม่ได้ก็อาจจะมาในรูปของการ "ก่อการร้าย" แพร่กระจายไปทั่วโลก
    พ.อ.ดร.ธีรนันท์มองแนวโน้มของเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตได้ 3 ทาง คือ ทางที่ดีที่สุด ทางออกแบบกลางๆ และทางที่เลวร้ายที่สุดดังนี้
    1.ทางที่ดีที่สุด คือ สถานการณ์ยุติได้โดยเร็ว ทุกอย่างกลับมามีเสถียรภาพเหมือนเดิม และราคาน้ำมันกลับมาสู่จุดที่ควรจะเป็น
    2.ทางเลือกแบบกลางๆ คือ สถานการณ์ยังไม่ยุติ แต่ก็ไม่ลุกลามบานปลายออกไป ปัญหาก็จะยังคงคาราคาซังอยู่แบบนี้ เป็นแบบทรงๆ ทรุดๆ ไม่มีใครได้เปรียบ สถานการณ์การสู้รบจะยืดเยื้อยาวนาน และราคาน้ำมันก็จะแกว่งตัวมากขึ้น
    3.ทางที่เลวร้ายที่สุด คือ นำไปสู่ "สงครามขนาดใหญ่" หรือการประกาศ "สงครามศาสนา" ซึ่งในหลายประเทศมีความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแกนนำชาติสำคัญ และมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก
    "กลุ่มอาหรับจะมีความเชื่อมโยงทางเชื้อชาติ และศาสนาสูง และโดยพื้นฐานก็มีความไม่พอใจในชาติตะวันตกอยู่แล้ว เพราะเห็นว่าชาติตะวันตกเข้าไปแสวงผลประโยชน์ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้อาจจะทำให้กลับมารวมตัวกัน”
    พ.อ.ดร.ธีรนันท์ชี้ถึงความยุ่งยากที่ทำให้ปฏิบัติการในลิเบียยืดเยื้อก็คือ ความไม่เป็นเอกภาพของชาติใหญ่ๆ ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เช่น จีน และรัสเซีย ที่ไม่ได้ยกมือสนับสนุน ขณะที่เยอรมนี และอินเดีย ก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย
    เหตุผลที่ประเทศเหล่านี้ไม่เห็นด้วย นอกจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับพลเรือนหลังการโจมตีทางอากาศแล้ว ประเทศเหล่านี้ยังคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย เพราะมีมูลค่าการค้าขายกับกลุ่มอาหรับเป็นจำนวนมาก
    ขณะที่เศรษฐกิจของแต่ละประเทศเอง ทั้งสหรัฐ และยุโรปก็ไม่ค่อยดี ยกตัวอย่างจรวดโทมาฮอว์กลูกหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 22 ล้านบาท ไม่นับรวมการนำเรือรบออกไปลอยลำ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายมหาศาล เฉพาะค่าน้ำมัน 1 ชั่วโมงก็ปาเข้าไปหลายแสนบาทแล้ว
    ส่วนกองทัพสหรัฐก็ยัง "ไม่พร้อม" สำหรับการส่งกำลังทางบกเข้าไป เพราะความบอบช้ำจากสมรภูมิในอิรัก และอัฟกานิสถาน ซึ่งมีการส่งกำลังทหารเข้าไปประเทศละ 9 หมื่นนาย และมีตัวเลขของทหารที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตอย่างมหาศาล
    "ในปฏิบัติการแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายมหาศาล ฉะนั้น ประเทศเหล่านี้จะลงทุนโจมตีลิเบียเพื่ออะไร ถ้าอ้างว่าเป็นการลงทุนเพื่อสิทธิมนุษยชน ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเหมือนกัน แต่เหตุใดถึงไม่ส่งกำลังเข้าไปเหมือนลิเบีย"
    คำถามอันแหลมคมของ พ.อ.ดร.ธีรนันท์น่าจะนำไปสู่คำตอบได้ไม่ยาก หากพิจารณาจากทรัพยากร "น้ำมัน" ในลิเบีย และสัดส่วนการบริโภคน้ำมันสัญชาติลิเบียของประเทศมหาอำนาจต่างๆ ที่กำลังรุมกินโต๊ะลิเบียอยู่ทุกวันนี้

    ทีมข่าวความมั่นคง
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เกมสงคราม ตะวันตก ถล่มลิเบีย กัดดาฟีดิ้นสู้ปลุกนักรบมุสลิมทำ สงครามศักดิ์สิทธิ์

    มุสลิมไทยดอทคอม : 24 มีค. 54 8:17:19


    ปลุกนักรบมุสลิมทำสงคราม "กัดดาฟี"ดิ้นสู้


    [​IMG]

    ยับเยิน : คลังสินค้าในฐานทัพเรือของลิเบีย ถูกโจมตีโดยกองกำลังพันธมิตรเสียหายอย่างยับเยิน ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนพ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยังยืนชูรูปภาพให้การสนับสนุนผู้นำลิเบียต่อไป

    [​IMG]

    ส่งสไนเปอร์-รถถังลุยฆ่าฝ่ายต้าน
    เยอรมันหักUNถอนตัวถล่มลิเบีย
    มะกันโยนนาโตเจ้าภาพปฎิบัติการ
    [​IMG]


    โผล่แล้ว : พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย เปิดเวทีปราศรัยกับประชาชนทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกหลังจากเก็บตัวเงียบอยู่หลายวัน โดยปลุกให้นักรบมุสลิมลุกขึ้นร่วมทำสงคราม

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันพุธว่า พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มผู้สนับสนุนในกรุงทริโปลี ซึ่งถูกโจมตีอย่างหนักโดยกองกำลังพันธมิตรของชาติตะวันตก เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมาประกาศสู้ไม่ถอย และเชื่อว่ามีชัยชนะแน่นอน เมินปฎิบัติการโจมตีทางอาการของกองกำลังพันธมิตรตะวันตก ที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อบังคับใช้เขตห้ามบิน ตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

    "กัดดาฟี"โผล่ประกาศสู้มั่นใจมีชัยแน่
    พันเอกกัดดาฟีกล่าวสุนทรพจน์ต่อกลุ่มผู้สนับสนุนว่า ไม่กลัวพายุที่กำลังพัดโหมตรงเส้นขอบฟ้า หรือหวาดหวั่นต่อการทำลายล้างจากเครื่องบินเหล่านั้น ตนเป็นผู้ต่อต้าน ตอนนี้บ้านของตนคือเต๊นท์ ตนเป็นเจ้าของโดยชอบธรรม ตนอยู่ที่นี่แล้ว
    "ลิเบียจะไม่ยอมแพ้ พร้อมสู้ไม่ว่าเป็นสงครามสั้นหรือยาวและเราจะประสบชัยชนะแน่นอนและขอเรียกร้องให้กองกำลังและนักรบมุสลิมทั้งหมด ผนึกกำลังกันทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ กองกำลังต่างชาติที่กำลังโจมตีรัฐบาลของลิเบียจะพ่ายแพ้และจบลงด้วยความย่อยยับกลายเป็นขยะในประวัติศาสตร์"พันเอกกัดดาฟีประกาศกร้าว หลังการกล่าวสุนทรพจน์ มีการจุดดอกไม้ไฟกลางกรุงทริโปลี ผู้สนับสนุนส่งเสียงโห่ร้อง และยิงปืนขึ้นฟ้า

    รบ.ระดมอาวุธหนักถล่มฝ่ายต้าน
    อย่างไรก็ดี สถานการณ์สู้รบระหว่างฝ่ายสนับสนุนพันเอกกัดดาฟี กับกลุ่มต่อต้านยังคงมีขึ้นต่อเนื่อง โดยที่เมืองมิสราทา ฐานที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายต่อต้านทางภาคตะวันตกของลิเบีย ถือเป็นพื้นที่ที่เกิดการนองเลือดมากที่สุด เมื่อฝ่ายรัฐบาลใช้รถถังยิงใส่ประชาชนเป็นระยะ รวมทั้งปฎิบัติการข่มขวัญ โดยใช้หน่วยซุ่มยิงผู้ประท้วงไม่เลือกหน้า แพทย์ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากเกินกว่าโรงพยาบาลจะรับมือไหว อุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดแคลน ขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีกลุ่มใดที่เข้ายึดครองเมืองอัจดาบิยา ทางภาคตะวันออกและเมืองมิสราทาได้เบ็ดเสร็จ ซึ่งขณะนี้กลายเป็นสนามรบเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ กองกำลังพันเอกกัดดาฟี ยังคงระดมโจมตีเมืองซอวิยาห์ ยิงถล่มเมืองเยเฟรน ทำลายบ้านเรือนและมัสยิด เป็นการโจมตีตอบโต้อย่างหนักต่อฝ่ายต่อต้าน และยังบุกเมืองซินแทน ห่างจากกรุงทริโปลี ไปทางตะวันตก 130 กิโลเมตร ด้วยการยิงปืนใหญ่ถล่มอย่างหนัก แต่ละเมืองมีผู้เสียชีวิตนับสิบราย บาดเจ็บหลายร้อยคน

    สหรัฐทิ้งระเบิดใส่รถหุ้มเกราะ
    วันเดียวกัน เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานว่า เครื่องบินรบแฮร์ริเออร์ ของสหรัฐ ทิ้งระเบิด 2 ลูก ใส่รถหุ้มเกราะของลิเบีย ที่มีทีท่าคุกคามเครื่องบินรบF-15E สไตร์ค อีเกิ้ล ที่ตกในเมืองเบงกาซี เมื่อวันจันทร์ ขณะเข้าช่วยเหลือนักบินของเครื่องบินลำดังกล่าวที่ดีดตัวออกจากเครื่องได้ก่อนเครื่องตก โดยเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐยืนยันว่า หน่วยปฏิบัติการกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือนักบินไม่ได้ใช้อาวุธ ซึ่งสวนทางกับรายงานของสื่อมวลชนที่ว่า กองกำลังนาวิกโยธินเข้าไปยังจุดที่เครื่องบินรบตก และใช้อาวุธปืนทุกชนิดยิงคุ้มกัน ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บหลายคน
    ร้อยเอกริชาร์ด อัลช์ ของหน่วยนาวิกโยธิน เปิดเผยว่า รถหุ้มเกราะเข้าใกล้นักบินในระดับที่อันตรายเกินไป และแม้เครื่องบินรถจะลดระดับการบินให้เห็น แต่รถหุ้มเกราะก็ยังเดินหน้าต่อไป ทำให้ต้องทิ้งระเบิดเพื่อปกป้องนักบิน พร้อมปฎิเสธว่าไม่มีการใช้อาวุธขนาดเล็ก ที่ทำให้มีชาวลิเบียบาดเจ็บ แต่ชาวบ้านที่บาดเจ็บอาจถูกสะเก็ดระเบิด สหรัฐอยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องนี้

    เล็งตอบโต้ลิเบียถ้าไม่หยุดยิงปชช.
    ส่วนการที่กองทัพลิเบียโจมตีพลเรือนในเมืองมิสราทา สหรัฐเตือนว่า กำลังพิจารณาใช้ทุกทางเลือก เพื่อตอบโต้การกระทำที่ทำให้ประชาชนต้องหวาดผวา ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐแถลงว่า สหรัฐเตรียมมอบการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อลิเบียไปให้ประเทศอื่น ซึ่งเมื่อการส่งมอบมีขึ้น ก็ไม่จำเป็นที่เครื่องบินสหรัฐจะต้องเข้าร่วมปฏิบัติการบังคับใช้เขตห้ามบิน และเรือของสหรัฐก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมปฏิบัติการภายใต้มาตรการคว่ำบาตรการค้าอาวุธอีกต่อไป

    พันธมิตรปฎิบัติการโจมตีต่อเนื่อง
    อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน กองกำลังชาติพันธมิตรตะวันตกนำโดยสหรัฐ ยังคงปฎิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างดุเดือดต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ขีปนาวุธโทมาฮอว์คถูกยิงถล่มกรุงทริโปลี เมืองหลวง ด้านกองกำลังฝ่ายหนุนพันเอกกัดดาฟียิงปืนต่อสู้อากาศยานตอบโต้เป็นระยะ ทั้งนี้ มีรายงานว่า กองทัพเรือสหรัฐยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 4 วัน 3 คืน ใช้อาวุธ 159 ลูก จุดทิ้งระเบิดเป็นพื้นที่ทางทหาร เป้าหมายขยายเขตห้ามบินขึ้นไปอีก หลังจากปฎิบัติการที่ผ่านมาประสบความสำเร็จด้วยดี

    ชาวลิเบียเดือดร้อนขาดอาหาร
    ด้านสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) และโครงการอาหารโลกของยูเอ็น (ดับเบิลยูเอฟพี) รายงานว่า หลายเมืองทางภาคตะวันออกของลิเบียเริ่มขาดแคลนอาหาร ยาและสิ่งของจำเป็น ชาวลิเบียหลายพันคนกลายเป็นผู้ลี้ภัย เพราะบ้านพังระหว่างสู้รบของฝ่ายสนับสนุนพันเอกกัดดาฟี กับฝ่ายต่อต้าน นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่า อย่างไรก็ตาม ยูเอ็นเตรียมส่งรถบรรทุกอาหารมากกว่า 1,500 ตัน และสำรองไว้อีก 6,000 ตัน เข้าไปในเมืองเบงกาซี รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น

    UNเรียกร้องนานาประเทศหนุน
    ขณะที่นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องให้ประชาคมโลกสนับสนุนปฎิบัติการโจมตีทางอากาศตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เพื่อบังคับใช้มาตรการห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย จนกว่าผู้นำลิเบียจะยุติการใช้กำลังทหารจัดการประชาชนของตนเอง และยืนยันว่าปฎิบัติการของกองกำลังพันธมิตร นำโดย สหรัฐ อังกฤษและฝรั่งเศสไม่ได้เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของลิเบีย เป็นเพียงการคุ้มครองชีวิตพลเรือนลิเบียเท่านั้น ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จะเปิดประชุมวันพฤหัสบดี เพื่อหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ในลิเบีย หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รวมถึงการต่อต้านการโจมตีทางอากาศในลิเบียจากหลายฝ่าย รวมถึงสมาชิกยูเอ็นเอสวีอย่างจีน รัสเซีย

    เยอรมันถอนตัวปฎิบัติการนาโต
    มีรายงานว่า เยอรมนีถอนตัวออกจากปฏิบัติการขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ในเมดิเตอร์เรเนียน หลังชาติพันธมิตรใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีลิเบีย โฆษกของกระทรวงกลาโหมเยอรมันระบุว่า เรือฟรีเกต 2 ลำและเรืออื่นๆ อีก 2 ลำ พร้อมลูกเรือ 550 นาย กลับไปอยู่ภายใต้การบัญชาการของเยอรมนี
    ก่อนหน้านี้ นาโต้ใช้ปฏิบัติการทางทะเล เพื่อบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางอาวุธต่อลิเบียภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ส่วนเยอรมนีก็เข้าร่วมในปฏิบัติการของนาโต้ในเมดิเตอร์เรเนียน มาแล้ว 3 ครั้ง รวมทั้งปฏิบัติการ แอคทีฟ เอนเดฟเวอร์ และเยอรมนี เป็นหนึ่งในชาติที่งดออกเสียงในการลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในการบังคับใช้เขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย

    รัสเซียขอเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย
    ด้านประธานาธิบดีดมิทรี่ เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นชาติที่งดออกเสียงในการลงมติบังคับใช้เขตห้ามบินของยูเอ็นเอสซี กล่าวต่อนายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐว่า รัสเซียวิตกต่อการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนในลิเบีย และเสนอขอเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย หาทางออกให้กับวิกฤติที่เกิดขึ้น
    ขณะที่นาโต เตรียมส่งเรือรบเข้าไปปฏิบัติการภายใต้มาตรการคว่ำบาตรอาวุธในลิเบียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ภายในนาโตมีความแตกแยกร้าวลึกในประเด็นที่ว่า ใครจะรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังนาโต ในภารกิจบังคับใช้เขตห้ามบิน

    3ปท.แกนนำโยนนาโตบัญชาการแทน
    อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า อังกฤษ ฝรั่งเศสและสหรัฐเห็นชอบร่วมกัน ในการให้นาโตเข้ารับภารกิจบัญชาการการปฎิบัติการทหาร เพื่อบังคับใช้เขตห้ามบิน โดยประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐ โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โคซี่ ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ เรื่องการส่งมอบภารกิจให้ 28 ชาติสมาชิกนาโต รวมทั้งชาติอาหรับ เช่น กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฎิกริยาของ 3 ผู้นำชาติมหาอำนาจครั้งนี้ เป็นความพยายามขัดแย้งในประเด็นสำคัญที่นานาประเทศวิตก

    เผยคนใกล้ชิดหาทางลงให้ผู้นำลิเบีย
    ด้านประธานาธิบดีโอบามา ของสหรัฐกล่าวย้ำว่า สหรัฐเตรียมมอบการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อลิเบียให้ประเทศอื่น ซึ่งเรือของสหรัฐไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมปฏิบัติการภายใต้มาตรการคว่ำบาตรการค้าอาวุธอีกต่อไป
    นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยต่อ ABC News ขณะนี้คนใกล้ชิดพันเอกกัดดาฟีหลายคนกำลังติดต่อบุคลคลภายนอก เพื่อหาทางลงให้พันเอกกัดดาฟี แต่ไม่ได้ระบุว่า หนึ่งในทางเลือกนั้น รวมถึงการลี้ภัยไปต่างประเทศหรือไม่

    ผู้เชี่ยวชาญชี้ไร้ยุทธศาสตร์ปิดเกม
    ด้านนักวิเคราะห์ชี้ว่า ปฎิบัติการของชาติตะวันตกครั้งนี้ไร้ยุทธศาสตร์ว่าจะจบลงเมื่อใด โดยท่าทีของฝรั่งเศสระบุปฎิบัติการดังกล่าวจะยุติลงทันทีถ้ารัฐบาลลิเบียหยุดยิงประชาชน ถอนทหารออกจากพื้นที่ และเคารพมติควบคุมเขตห้ามบินของสหประชาชาติ แต่สหรัฐมีท่าทีลังเลที่จะเป็นผู้นำปฎิบัติการครั้งนี้ หลังเจ็บตัวเพราะสงครามอิรักและอัฟกานิสถานมาแล้ว โดยแสดงท่าทีจะสละภารกิจผู้นำปฎิบัติการ อย่างไรก็ตาม แผนมอบหน้าที่ให้ตะวันตกและชาติอาหรับเข้าร่วมดูจะไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เลขาธิการสันนิบาตชาติอาหรับออกมาประนามปฎิบัติการโจมตีทางทหารต่อลิเบีย

    ปล่อยตัวนักข่าวเอเอฟพีแล้ว
    เอเอฟพีรายงานว่า นักข่าวต่างประเทศและช่างภาพของเอเอฟพี 3 คน คือ เดฟ คลาร์ก และโรแบร์โต ชมิดท์ นักข่าวและช่างภาพเอเอฟพี และโจ แรเดิล ซึ่งถูกกองกำลังที่สวามิภักดิ์ต่อพันเอกกัดดาฟี ผู้นำลิเบียจับตัวไปตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับการปล่อยตัวแล้วเช้าในกรุงทริโปลี

    ที่มา นสพ.แนวหน้า

    http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?page=sub&category=19&id=17255
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    มุสลิมไทยดอทคอม : 24 มีค. 54 8:27:13

    ข่าวลิเบีย ทำ วลาดิมีร์ ปูติน และ ดมีตรี เมดเวเดฟ ขัดแย้งลามไกล

    เหตุสู้รบในลิเบียไม่เพียงแต่เป็นการขัดแย้งของฝ่ายกบฏกับฝ่ายภักดี พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ตามมาด้วยการเข้าแทรกแซงของพันธมิตรนานาชาตินำโดยสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส ด้วยอาณัติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่เริ่มบอมบ์ทางอากาศ "ล็อกเป้า" ฝ่ายหนุนกัดดาฟีกันแล้ว

    แต่ที่เพิ่งเห็นปรากฏต่อสาธารณะก็คือรอยร้าวระหว่างสองผู้นำคู่หูปาท่องโก๋ของรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี ดมิทรี เมดเวเดฟ และนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้เคยอุปถัมภ์กันแต่เก่าก่อน เมื่อปูตินออกโรงจวกการโจมตีทางทหารต่อลิเบีย เทียบแรงกับสงคราม "ครูเสด" สมัยยุคกลางที่โลกมุสลิมรบกับโลกคริสต์

    สักพัก (ไม่) ใหญ่ เมดเวเดฟไม่ทราบไปกินยาอะไรมา ออกโทรทัศน์ตอกหน้าปูตินหงายเงิบ! บอกยอมรับไม่ได้กับคำพูดของปูติน ไร้เหตุผลสนับสนุนความเป็นไปได้ นับเป็นรอยปริแยกของคนกันเองที่เห็นไม่ได้ง่ายนัก

    รอยขัดแย้งของผู้นำทั้งสองเกิดขึ้นก่อนถึงเลือกตั้งประธานาธิบดีไม่ถึง 1 ปี (มี.ค.2555) ทำให้มองว่าอาจเป็น "ศึกภายใน" ปูตินกับเมดเวเดฟอาจแข่งกันเอง แทนที่ฝ่ายหลังจะหลีกทางให้ฝ่ายแรกตามที่คาดกัน

    นักวิเคราะห์ได้ทีชี้ช่องรอยแยก บอกพบเรื่องขัดแย้งกันหลายเรื่อง ไล่ตั้งแต่การตัดถนนผ่านผืนป่านอกกรุงมอสโกไปจนถึงการสอบสวนเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีสนามบินเมื่อไม่นานมานี้ เพียงแต่เรื่องเหล่านี้คนภายนอกยังมองไม่ออก บอกไม่ถูก เพราะมันถูกปกปิดเก็บซ่อนซะขนาดต้องใช้กล้อง "จุลทรรศน์" ส่องกันเลย

    "การหาเสียงเริ่มแล้ว เมดเวเดฟเลือกที่ยืนเองด้วยการอยู่ข้างยุโรป มองตะวันตกเป็นพันธมิตร ส่วนปูตินยังอยู่กับแนวตัวเอง คืออนุรักษนิยมและเลือกคบตะวันตก "ห่างๆ" อย่าง "แหยงๆ" เมดเวเดฟต้องการแสดงให้เห็นว่าเขามีนโยบายของตัวเองซึ่งแตกต่างจากของปูติน นั่นหมายถึงเขาจะไม่หลีกทางให้ปูตินเข้ามานั่งเก้าอี้ใหญ่ เก้าอี้เดิมที่เคยนั่งมา 2 สมัย" เหล่าเซียนการเมืองให้ทัศนะ

    เมื่อสัปดาห์ก่อน "สถาบันเพื่อการพัฒนาร่วมสมัย" ศูนย์วิจัยอิสระที่เมดเวเดฟตั้งขึ้นมาให้คำปรึกษาเขาด้านเศรษฐกิจ เพิ่งกระทุ้งดันตูดให้เขาลงชิงชัยสมัยสอง ด้วยการชูนโยบายยกเครื่องรัสเซียให้ทันสมัย ตั้งธงพัฒนาเศรษฐกิจอิงอยู่กับนวัตกรรม ปลดแอกจากแค่เป็นชาติผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อันผิดแผกแตกต่างจากของปูติน ที่สำมะคัญนโยบายนี้ต้องใช้เวลาดำเนินการมากกว่า 1 เทอม

    ทัศนะของเซียนการเมืองรัสเซียจะเป็นจริงหรือไม่ นับนิ้วแล้วเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งขวบปีคงรู้กัน.

    เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์
    ที่มา นสพ.ไทยรัฐ

     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ‘เมดเวเดฟ’ ยกหูหา ‘โอบามา’ วอนเลี่ยงความสูญเสียของพลเรือนลิเบีย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2554 11:48 น.



    [​IMG]


    ประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ


    เอเอฟพี - ประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ โทรศัพท์ถึง บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้หลีกเลี่ยงความสูญเสียของประชาชนลิเบีย และจำกัดขอบเขตปฏิบัติการโจมตีกองกำลังของมูอัมมาร์ กัดดาฟี ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์การสหประชาชาติ

    ทั้งนี้ ระหว่างการสนทนาดังกล่าว โอบามาได้แสดงความขอบอกขอบใจเมดเวเดฟ สำหรับ คำแถลงในเชิงเห็นชอบกับมติของยูเอ็น ในการกำหนดเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย โดยทางการรัสเซียแถลง ว่า ประธานาธิบดีเมดเวเดฟ ต่อสายโทรศัพท์หา ประธานาธิบดีโอบามา วานนี้ (24) เพื่อหารือถึงวิกฤตลิเบีย ท่ามกลางความกังวลของแดนหมีขาว ว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอาจลุกลามจนกลายเป็นการใช้กำลังภาคพื้นดิน เพื่อโค่นล้มอำนาจของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี โดยเฉพาะ

    การลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียเป็นหนึ่งในชาติที่งดออกเสียงสนับสนุนการกำหนดเขตห้ามบินในลิเบีย และการใช้ยุทธวิธีทุกประการที่จำเป็น เพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน

    ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลง ว่า เมดเวเดฟได้กล่าวถึงประเด็นการงดออกเสียงของรัสเซีย รวมทั้งประเด็นการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในภาคพื้นยุโรป และปัญหาเรื่องความมั่นคงนานาชาติอื่นๆ ซึ่งทั้งสองชาติมีความเห็นขัดแย้งกัน ระหว่างสนทนาทางโทรศัพท์กับ บารัค โอบามา

    “ท่านประธานาธิบดีเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงการหลีกเลี่ยงความสูญเสียชีวิตของพลเรือน และการยึดวัตถุประสงค์ของมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1973 เป็นสำคัญ” ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย แถลง

    ด้าน ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ออกคำแถลงเช่นกัน ว่า โอบามาได้แสดงความทราบซึ้งถึงการสนับสนุนของรัสเซียต่อมติกำหนดเขตห้ามบินของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น และคำแถลงเชิงบวกหลายๆ ครั้งของ ดมิทรี เมดเวเดฟ ต่อประกาศิตของมติดังกล่าว

    รัสเซียเป็นชาติหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์การโจมตีลิเบียของชาติตะวันตกอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ยังกระเสือกกระสนปลูกความสัมพันธ์กับกรุงวอชิงตันใหม่ เพื่อลบล้างภาพการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองชาติในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า วิกฤติลิเบียจะกลายเป็นเชื้อเพลิงที่ปลุกความขัดแย้งทางความคิดกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง โรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เดินทางเยือนรัสเซียเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

    เกตส์ เดินทางเยือนกรุงมอสโก เมื่อวันจันทร์ (21) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนายกรัฐมนตรี วลาดิเมียร์ ปูติน อดีตประธานาธิบดีผู้ทรงอิทธิพล ได้แสดงความเห็นถึงการรุกรานลิเบีย โดยเปรียบเทียบมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าเป็นเสมือนการเรียกรวมพลของชาวคริสต์เพื่อไปทำสงครามครูเสด

    แม้ประธานาธิบดีเมดเวเดฟออกมาตำหนิ ปูติน ถึงการแสดงความเห็นที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว แต่หลังจากนั้นเขาก็กล่าวกับ โรเบิร์ต เกตส์ เองถึง “ความไม่เหมาะสมในการใช้กำลังทางอากาศโจมตีลิเบีย”

    ทั้งนี้ รัสเซียยังมีข้อเสนอแนะเบื้องต้นอีก ว่า พร้อมเป็นคนกลาง คลี่คลายสงครามรุกรานลิเบียของกองทัพพันธมิตรตะวันตก แต่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวไปเมื่อวันพุธ (23)

    Around the World - Manager Online -
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ‘นักศึกษาจอร์แดน’ ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล-ถูกฝ่ายตรงข้ามปาหินใส่ เจ็บระนาว!
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 มีนาคม 2554 12:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเอฟพี - นักศึกษาชาวจอร์แดนจำนวนหนึ่งถูกหามส่งโรงพยาบาล วันนี้ (25) หลังกลุ่มผู้จงรักภักดีต่อระบอบ บุกโจมตีเวทีประท้วงของกลุ่มนักศึกษา แม้ในขณะนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยควบคุมสถานการณ์อยู่โดยรอบ พยานในที่เกิดเหตุเปิดเผยกับเอเอฟพี

    ยุวชนชาวจอร์แดนกว่า 500 คนจากต่างกลุ่มการเคลื่อนไหว ตั้งค่ายพักท่ามกลางสายฝน และอากาศหนาวเย็น เพื่อประท้วง เรียกร้องการปฏิรูประบอบการปกครอง และการนำตัวบรรดาผู้นำที่ทุจริตคอร์รัปชันมาลงโทษ

    นักศีกษากลุ่มนี้ปักหลักชุมนุมอยู่ใกล้ๆ กับจัตุรัส กามัล อับเดล นัสเซอร์ ในกรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน

    วานนี้ (24) เมื่อความมืดมาเยือน เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสลายการชุมนุมของพลังเยาวชน โดยการตัดไฟบริเวณจัตุรัสดังกล่าว เมื่อเวลา 23.00 น. (ตรงกับ 4.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) นักข่าวเอเอฟพีเล่าเหตุการณ์

    มูอัซ คัสซราวี หนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วงให้ข้อมูลกับเอเอฟพีในเวลาต่อมา ว่า “กลุ่มผู้ภักดีต่อระบอบประมาณ 50 คนซึ่งชุมนุมกันอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มนักศึกษา ใช้ประโยชน์จากการตัดไฟของตำรวจ ด้วยการขว้างปาก้อนหินใส่กลุ่มผู้ประท้วง ... ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่มีบาดแผลบริเวณศีรษะ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล”

    ข้อมูลจากพยานอีกคนหนึ่งระบุ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ขัดขวางการทำร้ายผู้ชุมนุม แม้จะอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ

    ด้าน โมฮัมหมัด กอติบ โฆษกตำรวจจอร์แดนแจ้งกับเอเอฟพี ว่า ไม่ได้รับรายงานถึงจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    นักศึกษาจอร์แดนจำนวนหลายร้อยคนเริ่มจับกลุ่มชุมนุมกัน วานนี้ (24) ตามคำเชิญชวนผ่านทางเฟซบุ๊ก เครื่องมือที่ชาติต่างๆ ในโลกอาหรับใช้ปลุกระดม นัดหมายก่อการ โดยกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง และการนำตัวเจ้าหน้าที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงมาดำเนินคดี

    “การปฏิรูปเกิดขึ้นรอบตัวเรา” ผู้ประท้วงตะโกน “จอร์แดน ได้เวลาแล้ว”

    ตั้งแต่เดือนมกราคม กลุ่มนักเคลื่อนไหวนิยมซ้ายในจอร์แดนได้เข้าร่วมกับกลุ่มชาตินิยม และพรรคฝ่ายค้านมุสลิม เพื่อเรียกร้องการปฏิรูประบอบการเมือง และยุติสิ่งที่พวกเขาเรียก ว่า การคอร์รัปชันแบบสุดโต่ง ด้านรัฐบาลจอร์แดนก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการสานเสวนา เพื่อเร่งการปฏิรูปตามข้อเรียกร้อง แต่คณะทำงานชุดนี้กลับประสบปัญหาหนัก เมื่อพรรคฝ่ายค้าน อิสลามิสต์ส และฝ่ายอื่นๆ ปฏิเสธการเข้าร่วม
    [​IMG]
    กลุ่มเยาวชนจอร์แดนประมาณ 500 คนชุมนุมกันที่ จัตุรัส กามัล อับเดล นัสเซอร์ ในกรุงอัมมาน ซึ่งอาจกลายเป็นศูนย์กลางการชุมนุมต่อไป
    [​IMG]

    นักศึกษาจอร์แดนถือป้ายระบุว่า “No to the corrupt” ระหว่างการประท้วงวานนี้ (24)
    [​IMG]

    [​IMG]

    Around the World - Manager Online -
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “นาโต” จับมือ “สหรัฐฯ” พิจารณาการติดอาวุธให้กบฏลิเบีย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2554 13:52 น.

    [​IMG]

    รถกระบะของกลุ่มกบฏในเมืองอัจดาบิยะเต็มไปด้วยกระสุนปืนใหญ่



    เอเอฟพี - สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรกำลังพิจารณาให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่กลุ่มกบฏลิเบีย เพื่อต่อกรกับกองกำลังของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงาน วันนี้ (26)

    รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีความเห็นว่า มติของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติที่ 1973 ซึ่งมอบอำนาจแก่ทัพนานาชาติเข้าแทรกแซงทางทหารในลิเบีย สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่กลุ่มกบฏ หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ ฉบับดังกล่าวรายงาน โดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และชาติยุโรป

    จีน เครตซ์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบียคนล่าสุด แสดงความเห็นต่อข่าวชิ้นนี้ ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีสิทธิ์ขาดในการพิจารณาเสนอความช่วยเหลือเรื่องสำคัญๆ ให้กับทั้งนักรบที่ต้องเสี่ยงชีวิต และฝ่ายพลเรือน อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ได้รายงาน ว่า ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องดังกล่าว แต่ฝรั่งเศสได้แสดงท่าทีเห็นพ้องกับการสนับสนุนการฝึก และติดอาวุธให้กับกองกำลังกบฏ

    ประธานาธิบดีโอบามามีกำหนดแถลงการณ์เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ลิเบียต่อชาวสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (28) จากการประกาศของทำเนียบประธานาธิบดี วานนี้ (25) ขณะเดียวกัน กองทัพพันธมิตรกำลังดาหน้าโจมตีทางอากาศใส่ลิเบียระลอกแล้วระลอกเล่า เพื่อกำราบกองกำลังกัดดาฟี

    เมื่อคืนวานนี้ เครื่องบินรบฝ่ายทัพพันธมิตรปูพรมถล่มเมืองซไลเตน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงตริโปลี 160 กิโลเมตร รวมทั้งพื้นที่ทางตะวันตกบริเวณภูมิภาค อัล วาติยะ สถานีโทรทัศน์แห่งชาติลิเบีย รายงาน

    ฐานทัพทหารในเขตตอจูรา ทางตะวันออกของกรุงตริโปลี ก็ตกอยู่ในกองเพลิง หลังถูกทิ้งระเบิดใหญ่ 3 ครั้ง

    ประกาศของทำเนียบประธานาธิบดีระบุ ว่า งานแถลงของ บารัค โอบามา ต่อชาวอเมริกันจะจัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรสหรัฐฯ กรุงวอชิงตัน 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อแจ้งยุทธศาตร์สำคัญ แผนการส่งมอบการบัญชาการให้นาโต และนโยบายของสหรัฐฯ ในภายภาคหน้า โดยวานนี้ ประธานาธิบดีโอบามาได้สรุปข้อมูลปฏิบัติการสงครามลิเบียให้กับแกนนำสมาชิกรัฐสภารับทราบ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    Around the World - Manager Online -
     

แชร์หน้านี้

Loading...