เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บาห์เรนผนึกกำลังชาติอาหรับ 5 ประเทศ: ใช้ความมั่นคงจัดการความไม่สงบ

    กองกำลังตำรวจและทหารพร้อมรถถัง เฮลิคอปเตอร์ และรถจี๊ปติดอาวุธปืนจากชาติสมาชิกสภาความร่วมมือแห่งรัฐอ่าวอาหรับ เคลื่อนตัวเข้าสู่บาห์เรนบริเวณจตุรัสเพิร์ล เพื่อขับไล่ผู้ประท้วงที่ต่อต้านรัฐบาลและรวมตัวอยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
    2 วันหลังจากกษัตริย์บาห์เรนให้กองกำลังจากซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 2,000 นาย จากนั้น 1 วันให้หลังการประกาศกฎอัยการศึก หน่วยความมั่นคงได้กระจายกองกำลังไปทั่วเมือง หลังจากเกิดเหตุเผาแคมป์ของกลุ่มผู้ประท้วง
    [​IMG]
    กลุ่มประเทศจากกองกำลังสภาความร่วมมือแห่งรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) กำลังเข้าไปตรึงกำลังยังบาห์เรนเพื่อช่วยรักษาความสงบภายในประเทศบาห์เรน
    ข่าวรายงานภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ประท้วงชาวชีอะห์และตำรวจในเมืองหลวงมานามาเพียงวันเดียว ขณะที่สื่อภายในบาห์เรนอื่น ทั้ง Independent Bloc และ Parliamentary Bloc ต่างทวงถามให้กษัตริย์ฮาหมัด บิน อิซา อัล-คาลิฟา ให้นำกฎอัยการศึกมาบังคับใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นในบาห์เรน
    กองกำลังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์รายงานว่าจะเข้าไปในบาห์เรนภายในวันที่ 14 มีนาคมฯ ขณะที่ซาอุดิอาระเบียได้ส่งกองกำลังเข้าไปในบาห์เรนแล้ว
    Startfor ระบุว่า ซาอุดิอาระเบียนำกองกำลังเข้าสู่บาเรนห์เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลในการควบคุมความไม่สงบจากเหตุประท้วงที่เกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้อิหร่านตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากต้องการใช้ประโยชน์จากเหตุไม่สงบดังกล่าวในบาห์เรน เพื่อประโคมข่าวความไร้เสถียรภาพในภูมิภาค และนำไปสู่การใช้ทางเลือกอื่นเพื่อจัดการความไม่สงบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    <EMBED style="POSITION: relative" src=http://www.youtube.com/e/BV08ThDo6Lg width=640 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED style="POSITION: relative">
    กลุ่มควันปกคลุมทั่วเมืองหลวงภายหลังเจ้าหน้าที่ยิงแก๊ซน้ำตา กระสุนยาง จนกระทั่งมีเปลวไฟลุกไหม้เตนท์ ต้นไม้ ทำให้ต้องใช้รถฉีดน้ำอัดเพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่งผลให้ไฟดับและสัญญาณอินเตอร์เน็ตถูกตัดขาดในช่วงเช้า เนื่องจากผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้เกิดกระแสข่าวแพร่สะพรัดไปมากกว่าเดิม
    จากนั้น เจ้าหน้าที่การทูตอาวุโสของสหรัฐฯ เยือนบาห์เรนโดยไม่มีกำหนดการล่วงหน้า เพื่อร่วมแสวงหาทางยุติความโกลาหลที่เกิดขึ้นภายในประเทศ จากการประท้วงของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่อยู่ในบาห์เรนเป็นจำนวนมาก
    ผู้ประท้วงรายหนึ่งกล่าวว่า “เราไม่ได้ลอกเลียนแบบอียิปต์ แต่เราได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น”
    แพทย์จากโรงพยาบาล Salmaniya ในมานามา ประเมินว่ามีจำนวนผู้บาดเจ็บราว 200 ราย และมีประชาชนเสียชีวิตจำนวน 2 รายจากเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ประท้วงในบริเวณหมู่บ้าน Sitra โดยคนแรกอายุ 24 ปี มีร่องรอยกระสุนจากการยิงปืนสั้นถึง 12 นัด บริเวณด้านหลังและศีรษะ ขณะที่คนที่สองเป็นแรงงานจากบังคลาเทศเสียชีวิตขณะวิ่งหนีให้พ้นจากการจัดการของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง
    [​IMG]
    นายแพทย์ Ali al-Aradi กล่าวว่า “ลักษณะการยิงและวิถีกระสุนที่พบจากร่างของผู้ประท้วงทั้ง 2 รายนั้น แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังผู้ประท้วง”
    ขณะที่อิหร่าน ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งบางครั้งมีการเรียกประเทศ “บาห์เรน” ว่าเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศอิหร่าน โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านกล่าวถึงกองกำลังต่างชาติที่เข้ามายังบาห์เรนว่า “เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้” เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ อีกทั้งสหรัฐฯ ยังมีกองทัพเรืออยู่ในบริเวณอ่าวเปอร์เซียใกล้กับบาห์เรนและอิหร่าน จึงอาจนำไปสู่การแทรกแซงจากกำลังทหารของสหรัฐฯ ได้
    ในส่วนของประเทศบาห์เรนนั้น ถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯ เนื่องจากมีกองทัพเรือมาประจำอยู่บริเวณอ่าวเปอร์เซีย และให้การสนับสนุนสงครามในอัฟกานิสถาน อีกทั้งบาห์เรนยังอนุญาตให้ทหารใช้เป็นฐานทัพเพื่อปฏิบัติการทางอากาศ อย่างไรก็ตาม การบริหารของสหรัฐฯ ในสมัยของประธานาธิบดีโอบามานั้น ได้มีการร้องขอให้ครอบครัวราชวงศ์ให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปการเมือง
    ขณะที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ โรเบิร์ต เกตต์ ได้กล่าวกับกษัตริย์แห่งบาห์เรนเช่นเดียวกับโอบามา และย้ำว่า ”หากเราจะกำหนดเขตห้ามบิน เราสามารถกระทำได้เพราะมีทรัพยากรพร้อม แม้ว่าผู้นั้นจะเป็นพันธมิตรของเราก็ตาม”
    โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า “เรากังวลต่อเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น การใช้กำลังและความรุนแรงยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ยังไม่มีการแก้ปัญหาในมิติทหาร ดังนั้น จำเป็นต้องใช้มิติทางการเมืองแก้ปัญหา” ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ โทรศัพท์ถึงรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย เจ้าชาย Saud al-Faisal ได้แสดงความกังวลที่จะเข้าไปแทรกแซงในบาห์เรน ขณะที่ฮิลลารี กล่าวว่า สหรัฐฯ ขอให้มีการแก้ปัญหาด้วยการเจรจาระหว่างผู้ประท้วงและรัฐบาลบาห์เรน
    ครูสอนภาษาอังกฤษที่อาศัยอยู่ในบริเวณเหตุการณ์ประท้วง เมือง Sitra กล่าวว่า “เราคิดว่า สหรัฐฯ จะสามารถช่วยเราได้” “แต่..เพียง 2 วันให้หลังของการเยือนบาห์เรนจากผู้นำระดับสูงในสหรัฐฯ (Robert Gates) กลับมีกองกำลังจากซาอุดิอาระเบียเข้ามาในประเทศ” “เราจะหวังพึ่งสหรัฐฯ ให้ยุติสถานการณ์นี้ได้..อย่างไร?!”
    NY Times

    บาห์เรนผนึกกำลังชาติอาหรับ 5 ประเทศ: ใช้ความมั่นคงจัดการความไม่สงบ | Siam Intelligence
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เยนแข็งค่า ตลาดเชื่อญี่ปุ่นเตรียมขายสินทรัพย์นอก ซ้ำเติมส่งออก

    หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริกเตอร์ที่ทะเลนอกชายฝั่งเมืองมิยากิ ปรากฎกว่าเงินเยนของญี่ปุ่นกลับแข็งค่าขึ้นจนแตะระดับสูงสุดตลอดกาลเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นับแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ทั้งนี้เป็นเพราะนักลงทุนพากันเชื่อว่าญี่ปุ่นจะขายสินทรัพย์ในต่างประเทศเพื่อนำเงินกลับมาฟื้นฟูประเทศที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว และสึนามิ
    ค่าเงินเยนปิดตลาดที่นิวยอร์คเมื่อวานนี้ที่ 79.57 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นการแข็งค่ากว่าระดับ 79.70 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ ในช่วงเดือนเมษายน ปี 1995
    [​IMG]
    แต่ถัดจากนั้นเงินเยนก็ยังคงแข็งค่าขึ้นถึงระดับ 77.33 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ก่อนจะกลับมายัง 77.66 เยนต่อดอลลาร์ซึ่งเป็นการทำลายสถิติการแข็งค่าเงินเยนนับแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
    [​IMG]
    ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับเยน นั้นขึ้นไประดับสูงสุดที่ 0.39347 บาทต่อ 1 เยน เมื่อวานนี้
    [​IMG]
    การแข็งค่าของเยนในครั้งนี้จะทำให้ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการส่งออก เนื่องจากจะทำให้สินค้าของตนมีราคาแพงขึ้น จึงมีการคาดหมายกันว่าทางการญี่ปุ่นจะเข้าทำการแทรกแซงการแข็งค่าของเยนในครั้งนี้ด้วยการขายเยน และซื้อดอลลาร์เพิ่มขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางการญี่ปุ่นยังคงรอดูท่าทีของตลาดอยู่
    อนึ่งมีข่าวว่ารัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศ G7 อาจมีการปรึกษาหารือกันถึงสถานการณ์ค่าเงินเยนในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นและผลกระทบระหว่างต่อเศรษฐกิจและตลาดโลก อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่าการหารือกันครั้งนี้เป็นเพียงการพูดคุยกันมากกว่าที่จะมีมาตรการใด ๆ สำคัญออกมา อย่างเช่นการแทรกแซงตลาด ณ เวลาปัจจุบัน
    เพิ่มเติม (ค่าเงินเยนในเวลาปัจจุบัน)
    จากข้อมูล Yahoo Finance พบว่าค่าเงินเยนมีการแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 78.6 เยนต่อดอลลาร์กับ 79.6 เยนต่อดอลาร์
    [​IMG]รูปแสดงการเคลื่อนไหวเยนต่อดอลลาร์ในรอบ 5 วันจาก Yahoo Finance

    เยนแข็งค่า ตลาดเชื่อญี่ปุ่นเตรียมขายสินทรัพย์นอก ซ้ำเติมส่งออก | Siam Intelligence
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่ใช้นิวเคลียร์แล้วใช้อะไร? ญี่ปุ่นกับการหวนคืนสู่ “น้ำมัน”
    ปัจจุบันญี่ปุ่นใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คิดเป็น 27% ของพลังงานทั้งหมดที่บริโภคใช้ในประเทศ
    แต่จากวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ฟูกุชิมา สถานการณ์ในขณะนี้คงชัดเจนแล้วว่าญี่ปุ่นจะหยุดใช้พลังงานนิวเคลียร์ไปอย่างน้อยระยะเวลาหนึ่ง
    อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หยุดชะงักจะต้องเดินหน้าต่อไป แถมอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นจำนวนมากยังเป็นอุตสาหกรรมหนักที่ต้องการพลังงานสูง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์และเหล็กกล้า
    คำถามคือ ญี่ปุ่นจะชดเชยพลังงาน 27% ที่ขาดไปได้อย่างไร?
    Brad Schaeffer ซีอีโอของบริษัทนายหน้าค้าพลังงาน INFA Energy Brokers ให้ความเห็นว่า “น้ำมัน” ย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดต่อสถานการณ์นี้
    [ame]http://www.flickr.com/photos/horiavarlan/4273041695/"]http://www.siamintelligence.com/wp-content/uploads/2011/03/oil-refinery-620x413.jpg[/IM[/ame] ภาพประกอบจาก Flickr โดย Horia Varlan

    ทางเลือกอื่นที่เป็นไปได้คือก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ liquefied natural gas แต่มีกระบวนการผลิตและขนส่งซับซ้อนกว่าน้ำมัน เพราะต้องปรับเปลี่ยนอุณหภูมิระหว่างการขนส่งด้วย เทียบกันแล้วการขนส่งน้ำมันดิบทำได้ง่ายกว่ามาก แถมญี่ปุ่นยังมีสาธารณูปโภคด้านน้ำมันพร้อมกว่าด้วย
    ปัจจุบันญี่ปุ่นบริโภคน้ำมัน 4.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นพลังงาน 45% ของพลังงานที่ใช้ในประเทศ ต่อจากนี้ไปญี่ปุ่นจะต้องเร่งหาพลังงานอีก 27% ที่เหลือเป็นหลัก โดยที่มองประเด็นเรื่องการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นเรื่องรองลงไป
    ที่มา – [URL="http://www.csmonitor.com/Business/2011/0316/What-will-replace-Japan-s-lost-nuclear-power-Oil"]Christian Science Monitor[/URL]

    [url=http://www.siamintelligence.com/japan-replace-nuclear-with-oil/]ไม่ใช้นิวเคลียร์แล้วใช้อะไร? ญี่ปุ่นกับการหวนคืนสู่ “น้ำมัน” | Siam Intelligence[/url]
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เลอ แปง : ยุโรปถังแตกไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัยจากตูนีเซีย

    มุสลิมไทยดอทคอม : 15 มีค. 54 14:00:00

    สำนักข่าวมุสลิมไทย เลอ แปง : ยุโรปถังแตกไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัยจากตูนีเซีย

    สำนักข่าวเอเอฟพี – มารีน เลอ แปง ผู้นำพรรคขวาจัดของฝรั่งเศส ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างยินดีในการไปเยือนศูนย์ผู้อพยพบนเกาะแลมปิดูซ่า โดยกลุ่มผู้ลี้ภัยจากตูนีเซียถือป้ายประณามว่าเธอเป็นผู้เหยียดเชื้อชาติ หลังจากเธอกล่าวว่า ยุโรปไม่อาจต้อนรับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้ เนื่องจากยุโรปกำลังมีปัญหาด้านการเงิน
    [​IMG]

    แลมปิดูซ่า เป็นเกาะเล็กๆ ขนาด 20 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศอิตาลี ซึ่งมีประชากรเพียง 6,000 คน เกาะนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งประเทศตูนีเซียเพียง 140 กิโลเมตร และมักใช้เป็นเส้นทางลักลอบเข้าสู่อิตาลี เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศยุโรปอื่นๆ

    นับตั้งแต่เกิดการลุกฮือในตูนีเซียเมื่อเดือนมกราคม มีเรือผู้อพยพหลายสิบลำข้ามมาขึ้นฝั่งที่เกาะนี้ ขณะนี้ศูนย์ผู้อพยพแออัดไปด้วยผู้อพยพส่วนมากที่เป็นชาวตูนีเซีย ประมาณ 8,000 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนที่มีอยู่แล้วในปี 2553

    เลอ แปง วัน 42 ปี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภายุโรปด้วย เดินทางมาพร้อมกับ Mario Borghezio สมาชิกคนสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาล Northern League ซึ่งต่อต้านการเข้ามาของผู้อพยพจากประเทศมุสลิม การมาของเธอครั้งนี้ได้รับการต่อต้านจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านของอิตาลี โดยประณามว่าเธอเป็นพวกเหยียดเผ่าพันธุ์ และการมาเยือนนี้เป็นเสมือนการราดน้ำมันบนกองไฟ

    การสำรวจความคิดเห็นเมื่อเร็วๆ นี้แสดงว่า เลอ แปงได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวฝรั่งเศสในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีหน้า เธอกล่าวว่า ต้องการเน้นปัญหาผู้ลักลอบอพยพเข้าสู่ยุโรป เพราะเกี่ยวเนื่องกับเสถียรภาพและความมั่นคงของยุโรป และต้องการให้สหภาพยุโรปหันมาสนใจในเรื่องนี้

    เธอกล่าวว่า หากพูดถึงความรู้สึกแล้ว เธอก็อยากจะกระโจนลงไปช่วยผู้อพยพเหล่านี้ แต่เธอต้องเลือกที่จะยอมรับความจริงมากกว่า และเธอต้องป้องกันไม่ให้ปัญหานี้ลามเข้าไปในฝรั่งเศสด้วย - www.muslimthai.com

     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นางงามมุสลิมอังกฤษไม่ยี่หระถูกแช่งให้ตกนรก
    มุสลิมไทยดอทคอม : 16 มีค. 54 12:36:08

    สำนักข่าวมุสลิมไทย นางงามมุสลิมอังกฤษไม่ยี่หระถูกแช่งให้ตกนรก

    ดูไบ – Shanna Bukhari อาจจะเป็นนางงามมุสลิมอังกฤษ (Great Britain) คนแรก ที่เข้าร่วมการประกวดนางงามจักรวาลประจำปีนี้
    ชันนา บุคอรี นางแบบสาวเชื้อสายปากีสถานวัย 24 ปี ชนะการประกวด Miss Universe Asiana ซึ่งเป็นการจัดประกวดนางงาม ที่คัดเลือกจากสาวที่มีเชื้อสายเอเชียในประเทศอังกฤษ และเธอจะเข้าคัดเลือกเป็นนางงามอังกฤษรอบสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมนี้
    [​IMG]
    ชันนา บุคอรี นางแบบสาวเชื้อสายปากีสถานวัย 24 ปี ภาพจากอินเตอร์เน็ต​
    ชันนา ตกลงที่จะสวมชุดว่ายน้ำในการประกวดครั้งนี้ด้วย และหากเธอได้ตำแหน่งนางงามอังกฤษ เธอก็จะเป็นตัวแทนของประเทศในการประกวดนางงามจักรวาล ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนปีนี้ ที่กรุงเซา เปาโล ประเทศบราซิล
    เธอกล่าวกับสื่อ Manchester Evening News ว่า ครอบครัวสนับสนุนเธอในการประกวดครั้งนี้ และได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษจำนวนมากที่ส่งข้อความผ่านเฟสบุ๊ก รวมทั้งเพื่อนๆ ที่คลุมฮิญาบ เธอเข้าใจว่ามีมุสลิมจำนวนมากที่คัดค้านการประกวดความงามของผู้หญิง แต่ต้องประหลาดใจที่ได้รับข้อความสนับสนุนจากมุสลิมทั่วเอเชีย และปากีสถาน และประเทศอังกฤษ
    ชันนาอยากบอกเพื่อนสาวมุสลิมทั้งหลายว่า การประกวดนางงามมีอะไรที่มากกว่า “ต้องสวย” แต่เธอก็ไม่ได้ปิดบังว่ามีหลายคนที่ส่งข้อความผ่านเฟสบุ๊กมาสาปแช่งให้เธอตกนรก และว่าเธอกำลังดูหมิ่นอิสลาม
    ในปี 2005 อังกฤษเคยมีนางงามมุสลิมคนแรก ชื่อ ฮัมมาซา โคฮิสตานี (Hammasa Kohistani) เชื้อสายอัฟกานิสถาน - www.muslimthai.com

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=topiclisttop vAlign=center height=25>ฮิบา จามาล สาวสวย 1 ในสตรีที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกอาหรับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>มุสลิมไทยดอทคอม : 11 มีค. 54 9:55:41

    สำนักข่าวมุสลิมไทย ฮิบา จามาล สาวสวย 1 ในสตรีที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกอาหรับ
    สำนักข่าวอัลอาราบีญา – นิตยสาร อาระเบียน บิสิเนส ซึ่งเป็นนิตยสารขายดีที่สุดในตะวันออกกลาง ได้ทำการจัดอันดับสตรีอาหรับที่มีอิทธิพลที่สุด ประจำปี 2011 จำนวน 100 คน และ ฮิบา จามาล พรีเซนเตอร์โทรทัศน์ถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
    [​IMG]

    ฮิบา จามาล ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 40 ในกลุ่มของนักธุรกิจหญิง นักเศรษฐศาสตร์ นักหนังสือพิมพ์ และสตรีที่อยู่ในแวดวงธุรกิจอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อโลกอาหรับ และตะวันออกกลาง นอกจากนั้นชื่อของเธอยังถูกวางอยู่ในอันดับที่ 9 ในกลุ่มสตรีที่ทำงานด้านสื่ออีกด้วย

    ฮิบา เพิ่งมีอายุเพียง 21 ปี เธอเป็นสตรีชาวซาอุดี้ในฐานะผู้ทำงานด้านสื่อคนเดียวในรายชื่อดังกล่าว และยังเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดารายชื่อเหล่านี้

    สตรีที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่ง คือ ลุบน่า อัล-ฆอสซิมี รัฐมนตรีดูแลด้านการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ถูกจัดอันดับในรายชื่อนี้ด้วย

    ฮิบาแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ในบรรดาสตรีที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกอาหรับ และย้ำว่า การได้รับเลือกนี้ไม่ได้ให้เกียรติเฉพาะเธอ แต่ทำให้ประเทศบ้านเกิดของเธอได้รับชื่อเสียงไปด้วย และการได้รับเกียรตินี้มาพร้อมความรับผิดชอบ และจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ดำเนินไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

    เธอกล่าวว่า การมีส่วนร่วมในรายการ Kalam Nawaem (Women Talk) ซึ่งออกอากาศทางสถานี MBC1 มีส่วนสำคัญที่ทำให้เธอได้รับการคัดเลือกจากนิตยสารดังกล่าว และยังให้ประสบการณ์ในการพัฒนาทักษะในการดำเนินอาชีพด้านนี้แก่เธอด้วย

    ฮิบาเริ่มการทำงานเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าตั้งแต่ยังอยู่ในวัยรุ่น และมีรายการที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ซาอุดี้ และสถานีผ่านดาวเทียมช่องอื่นๆ อยู่หลายรายการ ครั้งแรกเธอเป็นแขกในรายการ Kalam Nawaem แต่ต่อมาเธอได้เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินรายการนี้

    เธอเคยเข้าร่วมการประชุม The Arab Woman and the Future ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งมีสตรีอาหรับที่มีชื่อเสียงจำนวนมากร่วมในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนั้นยังเคยไปบรรยายในสถาบันการศึกษา และองค์กรต่างๆ ในเจดดะฮฺ

    ปีที่ผ่านมา ฮิบา จามาล ได้รับการประกาศเกียรติคุณจากบริทิช เคาน์ซิล และมหาวิทยาลัยคิง อับดุลอาซิส ในเจดดะฮฺ เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล - www.muslimthai.com

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    UNโหวตอนุมัติเขตห้ามบินลิเบีย จ่อใช้ปฏิบัติการทหารลุยโค่น'กัดดาฟี'
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 มีนาคม 2554 05:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติอนุมัติเขตห้ามบินในลิเบีย

    เอเจนซี/เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี(17) ลงมติให้อำนาจกำหนดเขตห้ามบินเหนือลิเบียและทุกมาตรการที่จำเป็น อันรวมถึงปฏิบัติการทางทหาร เพื่อปกป้องพลเรือนต่อการจู่โจมของกองกำลังมูอัมมาร์ กัดดาฟี

    10 จาก 15 ชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โหวตสนับสนุนมาตรการนี้ ขณะที่ จีน รัสเซียและเยอรมนี คือ 1 ใน 5 ชาติที่งดลงคะแนน โดยที่รัสเซียกับจีน ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีฯ ก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์วีโต้แต่อย่างใด

    สถานีโทรทัศน์อัลจาซีเราะห์รายงานว่าหลังทราบผลโหวตดังกล่าว ฝูงชนหลายพันคนของฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีกัดดาฟี ในเมืองเบนกาซี ทางตะวันออกของประเทศ ต่างออกมาจุดพลุ ยิงปืนขึ้นฟ้าและโบกธงเฉลิมฉลอง หลังจากพวกเขาถูกต้อนเข้ามุมอับและส่อแววที่จะเป็นฝ่ายปราชัย อย่างไรก็ตามขอบเขตอำนาจมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯนี้ได้ปฏิเสธส่งกองกำลังภาคพื้นเข้าไปยังลิเบีย

    มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีออกมา หลังจากเมื่อวานนี้(17) สถานีโทรทัศน์อัลลิเบียของทางการลิเบีย รายงานว่ากองกำลังสวามิภักดิ์ผู้นำมูอัมมาร์ กัดดาฟี ได้เคลื่อนพลมาถึงเขตชานเมืองของเบงกาซีอันเป็นฐานที่มั่นและศูนย์บัญชาการสำคัญของฝ่ายกบฏแล้ว โดยที่พวกฝ่ายค้านล้มล้างระบอบรัฐบาลระบุด้วยว่า มีเครื่องบินของฝ่ายกัดดาฟีอย่างน้อย 1 ลำ ได้บินโฉบทิ้งบอมบ์โจมตีใส่พวกเขาในเบงกาซีแล้ว

    ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน โทรทัศน์ดังกล่าวรายงานว่า กองกำลังกัดดาฟีได้ยึดเมืองมิสราตาจากฝ่ายกบฏได้สำเร็จ โดยที่พวกนักรบกบฏเองระบุว่า หลังจากการปะทะกับฝ่ายรัฐบาลคราวนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 18 ราย

    Around the World - Manager Online - UN
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทิศทางกัมมันตภาพรังสีญี่ปุ่นลอยข้ามแปซิฟิกมุ่งสู่สหรัฐฯถึงเช้าวันศุกร์
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 มีนาคม 2554 02:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    กราฟิกแสดงเส้นทางการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสีจากโรงงานนิวเคลียร์ญี่ปุ่น
    เดลิเมล์ - สหประชาชาติคาดคะเนว่ากัมมันตภาพรังสีจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของญี่ปุ่นปลิวผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกและอาจข้ามไปถึงสหรัฐฯในวันศุกร์นี้(18) แต่กัมมันตภาพรังสีดังกล่าวไม่ถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อประชาชน

    การคาดหมายครั้งนี้มีขึ้นขณะที่สหรัฐฯ เริ่มอพยพพลเมืองอเมริกันออกจากญี่ปุ่นท่ามกลางความกังวลที่สูงขึ้นเรื่อยๆว่าประเทศที่เพิ่งประสบภัยแผ่นดินไหวและสึนามิแห่งนี้กำลังถูกซ้ำเติมโดยหายนะอันเลวร้าย

    ผู้โดยสารที่ตื่นตระหนกอัดแน่น ณ ท่าอากาศยานกรุงโตเกียว หลังรัฐบาลของหลายชาติออกประกาศแนะนำให้พลเมืองของตนอพยพออกมา ขณะที่วันนี้(17) ญี่ปุ่น ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ทหารทิ้งน้ำทะเลลงสู่เตาปฏิกรณ์ที่กำลังร้อนเกินพิกัดในความพยายามสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงภัยจากภาวะหลอมละลาย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าญี่ป่นเหลือเวลาเพียง 48 ชั่วโมงเพื่อหลบหนีหายนะซ้ำรอยเหตุการณ์เชอร์โนบิล

    องค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ ระบุว่ากัมมันตภาพรังสีที่ลอยออกจากเตาปฏิกรณ์จะลอยมาถึงแคลิฟอร์เนียและชายฝั่งทางตะวันตกของสหรัฐฯในวันศุกร์(18) พร้อมคาดหมายว่ากัมมันตภาพรังสีเหล่านั้นจะมุ่งหน้าสู่ทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย รวมถึงเนวาดา ยูทาห์และแอริโซนา

    ขณะที่องค์กรแห่งนี้ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมต่อระดับของกัมมันตภาพรังสีที่ลอยมายังสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ บอกว่ากัมมันตภาพรังสีเกือบทั้งหมดในชั้นบรรยากาศน่าจะถูกปัดเป่าเจือจางไปตามในอากาศตลอดเส้นทางที่มันลอยข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก

    เมื่อวันอาทิตย์(13) คณะกรรมาธิการกำกับดูแลนิวเคลียร์สหรัฐฯ คาดหมายว่ากัมมันตภาพรังสีที่ลอยมาจากญี่ปุ่นจะไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายแก่ประชาชน เนื่องจากทั้งสองประเทศอยู่ห่างไกลกันถึงหลายพันไมล์

    อีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ ณ สนามบินในกรุงโซล ตรวจพบกัมมันตภาพรังสีในตัวผู้โดยสารชาวญี่ปุ่นอีกรายเมื่อวันพฤหัสบดี(17) อย่างไรก็ตามระดับของกัมมันตภาพรังสีกลับคืนสู่ภาวะปกติหลังจากนักท่องเที่ยวรายนี้ถอดเสื้อและรองเท้าออก

    ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ ตรวจพบสารกัมมันตรังสีในระดับสูงผิดปกติกับผู้โดยสาร 3 คนที่โดยสารเครื่องบินมาจากญี่ปุ่น ในวันแรกของการตรวจที่ท่าอากาศยานอินชอนซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักของเกาหลีใต้

    ผู้โดยสารคนหนึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นวัยกว่า 50 ปี เชื่อว่าอาศัยอยู่ที่จังหวัดฟูกุชิมะ สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดปัญหา ตรวจพบสารกัมมันตรังสีเกิน 1 ไมโครซีเวิร์ตบนหมวกและเสื้อคลุมของเขา ถือว่าสูงกว่าระดับปกติหลายเท่า แต่ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เจ้าหน้าที่จึงได้อนุญาตให้ออกจากท่าอากาศยานได้

    ส่วนสภาพลังงานปรมาณูของไต้หวัน เผยว่า หลังจากที่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดสารกัมมันตรังสีที่ท่าอากาศยานหลัก 3 แห่งได้หนึ่งวัน ผลการตรวจมากกว่า 4,400 คนที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นพบว่า 25 คนมีอนุภาคกัมมันตรังสีปนเปื้อนตามเสื้อผ้าและรองเท้า จึงให้เปลี่ยนหรือใช้น้ำสะอาดล้างก่อนอนุญาตให้ออกจากท่าอากาศยาน ขณะเดียวกันทางการไต้หวันได้เริ่มตรวจหากัมมันตภาพรังสีในอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นแล้วแม้เชื่อว่าอาหารเหล่านี้นำเข้ามาก่อนเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันศุกร์ที่แล้วก็ตาม
    Around the World - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลิเบียประกาศหยุดยิงทันทีหลังยูเอ็นไฟเขียวนานาชาติโจมตีทางอากาศ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มีนาคม 2554 20:56 น.


    [​IMG]



    มุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศของลิเบีย พร้อมล่ามแถลงหยุดยิง


    เอเอฟพี - ลิเบียประกาศจะยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดในทันที โดยยอมปฏิบัติตามมติล่าสุดของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ด้านกลุ่มกบฏตอบโต้ว่าประกาศหยุดยิงดังกล่าวไม่มีความสำคัญ

    มุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศแถลงว่า "ลิเบียตัดสินใจที่จะหยุดยิงในทันที และยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดในทันที" โดยให้เหตุผลว่า ลิเบียเป็นสมาชิกของยูเอ็น จึงต้องยอมรับและปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงด้วย

    การประกาศหยุดยิงในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่หลายชาติตะวันตก และอาหรับผนึกกำลังกันเดินหน้าเตรียมพร้อมโจมตีลิเบียทางอากาศ เพื่อยับยั้งไม่ให้กองกำลังผู้ภักดีต่อมูอัมมาร์ กัดดาฟียิงถล่มกลุ่มกบฏ

    นอกจากนี้ การตัดสินใจยุติปฏิบัติการทางทหารยังเกิดขึ้น หลังจากบทสัมภาษณ์ของกัดดาฟีได้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของโปรตุเกส โดยกล่าวว่า คณะมนตรีไม่มีสิทธิในการออกมติดังกล่าว ซึ่งเขาไม่ขอยอมรับอย่างแน่นอน

    ด้านคอลิฟะห์ เฮฟตีร์ ผู้นำกลุ่มกบฏในการต่อสู้โค่นล้มกัดดาฟีก็แถลงตอบโต้ว่า การประกาศหยุดยิงของรัฐบาลนั้น "ไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเรา" ทั้งยังระบุว่ากัดดาฟีเป็นคนปลิ้นปล้อน

    "กัดดาฟีไม่ได้พูดความจริง ทั้งโลกรู้ว่ามูอัมมาร์ กัดดาฟีเป็นคนโกหก เขาและลูกๆ ของเขา ครอบครัวของเขา และทุกคนที่อยู่ข้างเขาล้วนเป็นคนโกหก" เขาย้ำ

    การประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นในวันพฤหัสบดี (17) ที่ผ่านมา มีมติ 10-0 อนุญาตให้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อกำหนดเขตห้ามบิน ปกป้องพื้นที่ของพลเมือง และบีบให้กองทัพของกัดดาฟีหยุดยิง ซึ่งเป็นการอนุญาตให้กองกำลังร่วมนานาชาติยิงถล่มลิเบียได้

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “ซีเรีย” ปราบผู้ชุมนุมดับ 4 เจ็บอีกหลายร้อย-ยูเอ็นจวก “รับไม่ได้”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มีนาคม 2554 08:30 น.

    [​IMG]

    ภาพจากยูทิวบ์เผยให้เห็นการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของชาวซีเรียโดยไม่ทราบสถานที่ที่แน่ชัด วานนี้(18) ขณะที่เลขาธิการสหประชาชาติออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุม

    เอเอฟพี - บัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าววานนี้(18)ว่า การที่รัฐบาลซีเรียใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้

    กลุ่มสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเข้าสลายการชุมนุมประท้วงที่เมืองดาราทางตอนใต้ของซีเรียวานนี้(18) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ขณะที่การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แผ่ขยายไปทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ

    “การใช้กำลังปราบปรามและจับกุมประชาชนซึ่งประท้วงอย่างสันติ เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้” มาร์ติน เนซีร์กี โฆษกของ บัน เผยท่าทีของเลขาธิการสหประชาชาติ

    บัน ยังขอให้ทางการซีเรีย “หยุดใช้ความรุนแรง และปฏิบัติตามหลักสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งรับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนเสรีภาพของสื่อมวลชน และการชุมนุมโดยสันติ”

    บัน เชื่อว่า “เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ รัฐบาลซีเรียก็มีหน้าที่ต้องรับฟังความปรารถนาโดยชอบธรรมของประชาชน และตอบสนองพวกเขาด้วยการเจรจาทางการเมือง และการปฏิรูปที่แท้จริง มิใช่กดขี่ข่มเหง”

    บันออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลังจากที่สหรัฐฯประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในซีเรีย และเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียยินยอมให้มีการชุมนุมโดยสันติต่อไป ทอมมี วีเอเตอร์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เผย

    เจ้าหน้าที่ความมั่นคงซีเรียใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในเมืองดารา ให้สัมภาษณ์

    “ผู้ประท้วงหลายร้อยคนได้รับบาดเจ็บ และถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงนำตัวไปจากโรงพยาบาลที่พวกเขาเข้ารักษาตัว โดยไม่ทราบว่านำไปที่ใด”

    การประท้วงลักษณะเดียวกันยังเกิดขึ้นที่เมืองชายทะเลบาเนียส และกรุงดามัสกัส

    Around the World - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 19 มีนาคม 2554 01:00
    กาแฟดำ
    ปฏิวัติประชาชนเกิดจาก Social media จริงหรือ?

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    มีคำถามว่า social media เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการลุกฮือ ของประชาชนในตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ

    จนสามารถเปลี่ยนแปลงการเมือง อย่างมีนัยสำคัญมากน้อยเพียงใด

    ถ้าไม่มีทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค และยูทูบ การ "ปฏิวัติดอกมะลิ" ที่เริ่มที่ตูนิเซียและลามไปอียิปต์ เยเมน ลิเบีย และโมร็อกโก จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

    คำตอบของผม ก็คือ...อินเทอร์เน็ตเป็นตัวเร่งให้ประชาชนรวมตัวกัน และทำให้ผู้มีอำนาจไม่สามารถจะยับยั้งการแสดงออกถึงความไม่พอใจของประชาชนได้อีกต่อไป

    แต่ปัจจัยที่จะตัดสินว่าการ "ปฏิวัติ" จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ และจะสำเร็จหรือไม่นั้นท้ายที่สุดยังอยู่ที่ "ความไม่พอใจ" ของประชาชนต่อความไม่ชอบมาพากล ของผู้มีอำนาจจะหนักหน่วงรุนแรงถึงระดับไหน

    หากการฉ้อฉล และความโหดร้ายของผู้ปกครองมีอยู่จริง และถึงระดับที่ประชาชนทนไม่ได้ ไม่ว่าจะมี social media หรือไม่ การปฏิวัติและลุกฮือของประชาชนก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี...แม้อาจจะช้ากว่า และต้องอาศัยการสื่อสารในรูปแบบดั้งเดิม

    แต่ต้องไม่ลืมว่าการปฏิวัติของประชาชนในการล้มล้างอำนาจบาตรใหญ่ในประวัติศาสตร์นั้น ก็เกิดขึ้นมาแล้วโดยไม่มีอินเทอร์เน็ตช่วยเกื้อหนุนแต่อย่างใด

    ไม่นับการปฏิวัติรัสเซียหรือจีนหรือฝรั่งเศสในอดีต... เอาเฉพาะในช่วงหลังนี้ก็เห็นชัดว่า เมื่อประชาชนทนไม่ไหวจริงๆ เมื่อผู้มีอำนาจกระทำการที่ชั่วร้ายอย่างรุนแรง พลังประชาชนก็จะออกมาล้มล้างอำนาจที่ไร้ความชอบธรรมอยู่ดี

    การล้มล้างกษัตริย์ชาห์แห่งอิหร่าน เมื่อ 1979 และการประท้วงในยุโรปตะวันออกช่วง 1988 ถึง 1999 เพื่อความเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นโดยไม่มีส่วนร่วมของอินเทอร์เน็ตแต่ประการใด แต่ก็ประสบความสำเร็จเกินคาด

    เหตุเป็นเพราะเมื่อประชาชนรวมตัวกันด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้กับเผด็จการแล้ว การสื่อสารระหว่างกันก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกรูปแบบเท่าที่เทคโนโลยีในขณะนั้นจะอำนวยให้ได้

    การประท้วงประธานาธิบดี โจเซฟ เอสตราดา ของฟิลิปปินส์ ในปี 2001 เริ่มจะมีเทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามาเสริม นั่นคือ การส่ง SMS ระหว่าง

    ผู้ประท้วงด้วยกันเพื่อนัดหมายการรวมตัวต่อต้านผู้นำประเทศ

    ย้อนกลับไปที่อิหร่าน อะยาโตล่า โคไมนี ซึ่งลี้ภัยอยู่ต่างประเทศก็สื่อสารกับผู้ร่วมแนวคิดในการประท้วงกษัตริย์ชาห์ ด้วยการส่งเสียงผ่านเทปคาสเซ็ทที่เป็นเครื่องมือสื่อสารยุคนั้น

    เป็นช่วงใกล้ๆ กับการก่อเกิดของ "ม็อบมือถือ" ในประเทศไทยที่ใช้การสื่อสารสมัยใหม่ จัดการบริหารกิจกรรมทางการเมืองอย่างคึกคักยิ่ง

    ต่อมาในปี 2007 การประท้วงของคนพม่าต่อต้านเผด็จการทหาร ก็ใช้วิธีการแอบถ่ายด้วยกล้องมือถือ และแฮนดีแคมยุคต้นๆ ซึ่งไม่ค่อยจะคล่องแคล่วนัก แต่ก็สามารถส่งขึ้นยูทูบได้อย่างกว้างขวาง

    พอมาถึงการต่อต้านของชาวตูนิเซีย และอียิปต์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเปิดหน้า Facebook ของแกนนำไม่กี่คนเพื่อระดมความคิดเห็นและนัดหมายการชุมนุมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนไฟไหม้ป่า โดยที่ผู้นำเองเช่นประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัก ซึ่งปกครองประเทศมากว่า 30 ปียังไม่เชื่อว่าความไม่พอใจต่อตนเองนั้นจะแผ่กว้างและรวดเร็วได้ขนาดนี้

    สรุปว่าหากจะถามว่าการปฏิวัติที่เราเห็นบานปลายไปในหลายประเทศนั้น จะเรียกว่าเป็น "ปฏิวัติทวิตเตอร์" หรือ "ปฏิวัติเฟซบุ๊ค" ได้หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่ใช่ social media ทั้งหมด หากแต่มันเป็นเครื่องมือที่ทำให้การสื่อสารความไม่พอใจ การเชื่อมโยงของคนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีอาวุธอื่นใด มาร่วมกิจกรรมที่มีพลังอย่างยิ่ง

    แน่นอนว่า social media มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มีทั้งการใช้มันให้เป็นประโยชน์และมีคนฉวยโอกาสใช้มันเพื่อทำความเลวร้าย... จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้มันให้เป็น และเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง

     
  12. mabilar

    mabilar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2006
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +53
    ยังตามอ่านอยู่และคอยให้กำลังใจครับ
     
  13. tobetruly

    tobetruly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +427
    ผมเองก็ติดตามอ่านอยู่ทุกวันเช่นกันครับ

    ให้กำลังใจเจ้าของกระทู้และอนูโมทนาให้นะครับ
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เทปโกสารภาพ “กุรายงานเท็จ” ผลซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>20 มีนาคม 2554 16:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    สภาพความเสียหายของอาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ที่เกิดระเบิดและเพลิงไหม้ก่อนหน้านี้

    เอเอฟพี - โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เทปโก) ออกมายอมรับว่า เคยกุรายงานผลซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ก่อนหน้าที่จะเกิดแผ่นดินไหวเพียงไม่กี่วัน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรงไฟฟ้าได้รับความเสียหายรุนแรงจากเหตุธรณีพิบัติ

    การเผยความจริงครั้งนี้ก่อให้เกิดคำถามมากมาย ทั้งเรื่องประวัติเสื่อมเสียของเทปโก และข้อบังคับสำหรับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นที่ถูกมองว่าหละหลวมเกินไป

    เทปโกได้ส่งรายงานถึงสำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่นประมาณ 10 วันก่อนเกิดแผ่นดินไหว โดยยอมรับว่าไม่ได้ตรวจสอบอุปกรณ์ 33 ชิ้นภายในเตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 แห่ง

    แผงไฟฟ้าสำหรับแจกจ่ายกระแสไฟไปยังวาล์วควบคุมอุณหภูมิเตาปฏิกรณ์ ไม่ได้รับการตรวจสภาพมานานถึง 11 ปี นอกจากนี้ ผู้ตรวจสอบยังเคยกุรายงานเท็จ โดยระบุผลตรวจสภาพอย่างละเอียด ทั้งที่ความจริงทำอย่างผิวเผินเท่านั้น

    เทปโกยอมรับด้วยว่าไม่ได้ตรวจสภาพอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบหล่อเย็น เช่น มอเตอร์สูบน้ำ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองแบบดีเซล

    รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยหลังจากที่สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์สั่งให้เทปโก้กลับไปตรวจสอบว่าการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าเป็นไปโดยละเอียดรัดกุมหรือไม่ ซึ่งหลังจากได้รับรายงาน ทางสำนักงานก็สั่งให้เทปโกร่างแผนแก้ไขให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 2 มิถุนายน
    [​IMG]

    รถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเพื่อควบคุมอุณหภูมิภายในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ของโรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม

    แต่หลังจากนั้นราว 1 สัปดาห์ก็เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 นอกชายฝั่งญี่ปุ่น ทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่เชื่อมกับระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์เสียหายอย่างหนัก

    เจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ กล่าวว่า “เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อบกพร่องในรายงานเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดเหตการณ์ต่างๆ ซึ่งนำมาสู่วิกฤตนิวเคลียร์ในขณะนี้”

    “เราจะต้องตรวจสอบการทำงานของเทปโกตั้งแต่อดีตจนกระทั่งเกิดวิกฤตครั้งนี้โดยละเอียด แต่เวลานี้จะต้องควบคุมสถานการณ์ในโรงไฟฟ้าให้ได้เสียก่อน”

    เจ้าหน้าที่ดับเพลิง, ตำรวจ และทหาร กำลังพยายามฉีดน้ำหล่อเตาปฏิกรณ์ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิแท่งเชื้อเพลิงสูงขึ้น และพยายามเชื่อมกระแสไฟให้ระบบหล่อเย็นกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

    เทปโกยอมเปิดเผยรายงานดังกล่าว หลังมีการตรวจพบสัญญาณความละเลยที่โรงไฟฟ้า คาชิวาซากิ คาริวะ ซึ่งเคยประสบปัญหาลักษณะเดียวกันจากแผ่นดินไหวปี 2007 และมีปริมาณรังสีแพร่กระจายสูงกว่าที่เทปโกยอมรับ

    “พวกเขายอมรายงานความจริง เพราะกลัวว่าจะเดือดร้อนถ้าไม่ทำเช่นนั้น” เจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์อีกคนหนึ่งกล่าว

    Around the World - Manager Online - ෻
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 21 มีนาคม 2554 01:00
    <DD class=columnist-name>กาแฟดำ </DD>อภิปราย 4 วัน ประชาชนก็ยังไม่รู้ว่า ‘ความจริง’ อยู่ที่ไหน?

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    สุเทพ เทือกสุบรรณ กับจตุพร พรหมพันธุ์ อภิปรายอัดกันในสภารวมกันไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องใครฆ่าใคร
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110317/show_ads_impl.js"></SCRIPT> และใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เชื่อไหมว่าไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของใครได้เลย
    ใครเคยเชื่ออย่างไร ก็ยังเชื่ออย่างนั้นต่อไป
    เป็นความสามารถพิเศษ หรือความไร้ประสิทธิภาพของนักการเมืองยุคนี้
    หรือเพราะคนไทยเลือกจะเชื่อสิ่งที่ตนเชื่ออยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าใครจะชี้แจงแถลงไขอย่างไร ไม่ว่าจะเอาหลักฐานอะไรมาแสดง ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงความคิดของใครได้อีก
    เพราะเมื่อ "ฝ่ายตน" พูด ก็จะเลือกเชื่อเอาไว้ก่อน ส่วน "อีกฝ่ายหนึ่ง" แถลงแจ้งเหตุอย่างไร ก็ไม่อาจจะน้าวโน้มให้เปลี่ยนใจได้อีก
    นี่คือ ความน่าเป็นห่วงของสังคมไทยที่เหตุและผล ความถูกผิดไม่ได้อยู่ที่ข้อเท็จจริง หรือข้อมูลหลักฐานที่นำเสนอโดยฝ่ายต่างๆ...หากแต่อยู่ที่ว่าคนพูดนั้นเป็นคนฝ่ายไหนเท่านั้น
    ใครที่เฝ้าหน้าจอทีวีระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจสี่วัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา คงจะสังเกตความประหลาดของปรากฏการณ์แห่งโลกของข่าวสารข้อมูลในเวทีการเมืองเช่นในรัฐสภา
    รูปเดียวกันที่สุเทพกับจตุพร นำมาเพื่อตอกย้ำสิ่งที่ตนอภิปรายเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ทั้งสองคนสามารถพยายามพูดเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ตนพูด
    และสิ่งที่ทั้งสองพยายามจะบอกกับประชาชนนั้นเป็นคนละเรื่อง คนละด้านและอยู่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
    แต่รูปเหตุการณ์และตัวบุคคลในกรณีความขัดแย้งนั้น กลับสามารถถูกใช้โดยทั้งสองฝ่ายเพื่อยืนยันว่าข้างตนเองถูก อีกข้างหนึ่งผิด เหลือเชื่อไหม
    น่าขบขันไม่น้อยอีกเช่นกัน ที่ทั้งจตุพร และสุเทพ อ่านรายงานการสอบสวนของดีเอสไอ ว่าด้วยกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนเมษายนกับพฤษภาคมที่ผ่านมาอย่างละเอียด แต่ทั้งสองเลือกอ่านเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อตน และไม่อ่านส่วนของรายงานที่อาจจะไม่ช่วยให้ตัวเองดูดี
    คนดูทีวีและฟังวิทยุหากติดตามตลอด ก็จะได้ประโยชน์ตรงที่ว่าเมื่อฟังสองคนนี้อภิปรายด้วยการอ่านจากรายงานส่วนที่ตนต้องการจะนำเสนอแล้ว ก็จะได้รับรู้รายงานเต็มๆ ทั้งฉบับ
    นักการเมืองเก่งเรื่องบอก "ความจริงเพียงครึ่งเดียว" เพื่อให้ตนได้เปรียบอีกฝ่ายหนึ่ง
    และเมื่อเราฟังทั้งสองข้าง ก็ควรจะได้ "ความจริงสองครึ่ง" ซึ่งบางทีก็ไม่ได้แปลมารวมกันแล้วจะได้ "ความจริงทั้งหมด"
    ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะบ่อยครั้งเราไม่รู้ว่าความจริง "ครึ่งไหน" ที่นักการเมืองเอามาเอ่ยอ้างให้เราฟัง
    แต่เมื่อฟังสุเทพ กับจตุพร เสนอรายงานของดีเอสไอ ไปในกรณีเดียวกันแล้ว เราก็รู้ว่าอีกคนหนึ่งพยายามจะไม่เอ่ยถึงส่วนไหน...และนั่นย่อมแปลว่า เขาไม่ต้องการให้เรารู้ถึง "อีกครึ่งหนึ่ง" ที่อยู่ในรายงานนั้น
    ความสามารถพิเศษของนักการเมืองในการอภิปรายเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่ง และตอบโต้คำอภิปรายนั้น คือ การหลบเลี่ยงไม่ตอบตรงคำถาม ไม่เข้าประเด็น
    คล้ายๆ กับว่า "แกถามอะไรไม่สำคัญ ฉันจะตอบของฉันอย่างนี้แหละ"
    เช่น ฝ่ายค้านถามเรื่อง CAT แต่รัฐมนตรีตอบเรื่อง TOT
    ฝ่ายค้านไม่ได้ทำการบ้านเรื่อง TOT มา พอรัฐมนตรีเฉไฉไปเรื่องนั้น ก็ซักไซ้ไม่ได้
    ลงท้ายทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างก็แค่พูดเรื่องที่ตนต้องการจะพูด เพราะต้องการจะหาเสียงกับประชาชนผู้ฟัง โดยไม่สนใจว่าสามารถแก้ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านหรือไม่
    และฝ่ายค้านก็ไม่ได้สนใจนัก ว่า ฝ่ายรัฐบาลตอบตรงคำถามของตนเองหรือเปล่า เพราะตนเองก็ต้องการเพียงที่จะให้คนฟังคนดูการอภิปรายที่ถ่ายทอดผ่านทีวีและวิทยุ ได้จดจำว่าตนได้แสดงวาทกรรมอย่างดุเด็ดเผ็ดมันไปแล้วเท่านั้นเอง
    แปลว่าประโยชน์ที่ประชาชนพึงจะหวังว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะสามารถ "จับผิดรัฐบาลได้คาหนังคาเขา" นั้น ก็ไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ จากกระบวนการวิวาทะเช่นนี้
    คลิปเดียวกัน ภาพเดียวกัน จตุพรกับสุเทพยังพูดให้เข้ากับสิ่งที่ตนต้องการพูดได้... เราจึงไม่อาจจะหวังว่านักการเมืองจะบอกเราว่า "ความจริงๆ" นั้น อยู่ที่ไหนกันแน่
    คุณภาพการเมืองไทยก็ได้แค่นี้แหละ ท่านผู้ชม

     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 20 มีนาคม 2554 15:07
    จีนไม่เห็นด้วยกองกำลังนานาชาติเปิดฉากโจมตีลิเบีย

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    จีนไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เปิดฉากโจมตีลิเบีย
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110317/show_ads_impl.js"></SCRIPT>สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศจีนได้แสดงความเสียใจที่กองทัพของนานาประเทศได้เปิดฉากโจมตีลิเบีย พร้อมกับระบุว่า จีนไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    กองกำลังทหารของสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้เปิดฉากโจมตีกองทัพของลิเบียซึ่งอยู่ภายใต้การนำของนายมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ลงมติให้ใช้มาตรการทางทหารกับลิเบีย เพื่อปกป้องพลเรือนชาวลิเบียจากการกวาดล้างของผู้นำลิเบีย

     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 21 มีนาคม 2554 10:19
    กองกำลังพันธมิตรถล่มที่พักกัดดาฟี

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]
    การโจมตีทางอากาศสร้างความเสียหายแก่อาคารที่ทำการรัฐบาลและที่พักของ โมอัมมาร์ กัดดาฟี
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110317/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
    เจ้าหน้าที่กองกำลังพันธมิตรเผยว่า การโจมตีทางอากาศต่ออาคารที่ทำการรัฐบาลลิเบีย รวมถึงที่พักของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย เป็นการทำลายความสามารถในการควบคุมและบัญชาการของพันเอกกัดดาฟี และปฏิบัติการจะดำเนินต่อไป โดยมุ่งเป้าไปยังจุดที่เป็นภัยคุกคามประชาชนชาวลิเบีย และทำลายการบังคับใช้มติที่ 1973 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “นายกฯอินเดีย” รับศึกหนัก หลังถูก “วิกิลีกส์” เผยเคยซื้อโหวต ส.ส.
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>19 มีนาคม 2554 17:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    โซเนีย คานธี (ขวา) หัวหน้าพรรคคองเกรส แสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี มานโมหัน ซิงห์ (ซ้าย) หลังรอดพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2008 (แฟ้มภาพ) ซึ่งวิกิลีกส์นำโทรเลขสหรัฐฯ ออกมาเผยว่า การลงมติครั้งนั้นมีการซื้อเสียง ส.ส. 4 คน ด้วยเงิน 75 ล้านบาท

    เอเอฟพี - พรรคฝ่ายค้านอินเดียแถลงข่าวกล่าวหา นายกรัฐมนตรี มานโมหัน ซิงห์ ซึ่งกำลังเผชิญมรสุมทางการเมือง ว่า โป้ปดมดเท็จต่อรัฐสภาแดนภารตะ ด้วยการปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นกับกรณีการซื้อคะแนนโหวตจาก ส.ส. 4 คน ระหว่างการลงมติไว้วางใจ วิกิลีกส์เปิดโปงข้อมูลจากโทรเลขทูตสหรัฐฯ

    การยกประเด็นการซื้อเสียงโหวตการลงมติไว้วางใจครั้งสำคัญเมื่อปี 2008 ของรัฐบาล ซึ่งฝ่ายค้านออกมาเรียกร้องให้ มานโมหัน ซิงห์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับข้อครหาเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงต่างกรรมต่างวาระจำนวนมากที่รัฐบาลกำลังถูกกล่าวหา

    ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเสียงกู่ร้องจากพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เมื่อช่วงดึกวานนี้ (18) ไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนายกรัฐมนตรีมานโมหัน ซิงห์ ออกมาปฏิเสธกลางรัฐสภาอินเดีย ว่า ไม่รู้ไม่เห็น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติให้ลงมติไว้วางใจ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2008

    พรรคภารติ ยชนตะ ปาร์ตี (เจพีบี) พรรคการนำฝ่ายค้าน แถลงว่า เตรียมเดินหน้าเล่นงาน มานโมหัน ซิงห์ ถึง “การหลอกลวง” รัฐสภาอินเดีย และเตรียมอภิปรายเรื่องทุจริตคอร์รัปชันดังกล่าวในสภา สัปดาห์หน้า

    รัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีซิงห์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เมื่อปี 2009 และเจอมรสุมข้อครหาทางการเมืองต่างๆ ไล่เรียงตั้งแต่ปัญหาสัมปทานคลื่นโทรศัพท์ จนกระทั่งเรื่องการทุจริตงบประมาณการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ เมื่อปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ ข้อครหาการซื้อเสียง ส.ส. ปรากฏขึ้นมาไม่นาน ก่อนที่ มานโมหัน ซิงห์ จะเป็นฝ่ายกำชัยอย่างเฉียดฉิวจากการลงมติไว้วางใจ กรณีข้อตกลงที่ทางการอินเดียอนุมัติการซื้อพลังงานและเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูจากสหรัฐฯ

    ข้อความจากโทรเลขทูตสหรัฐฯ ซึ่งวิกิลีกส์นำมาเปิดเผย อ้างว่า ผู้ช่วยของ ส.ส.อินเดียคนหนึ่งระบุถึงตัวเลขจำนวน 2.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 75 ล้านบาท) ซึ่งใช้ในการซื้อเสียงโหวตจาก สมาชิกรัฐสภาอินเดีย 4 คน

    เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯ ได้เห็น “กล่องบรรจุเงินสด 2 กล่อง” และทราบจากปากของผู้ช่วย ส.ส. รายนี้ว่า มีการใช้เงินจำนวนนี้ซื้อเสียง เพื่อรับประกันถึงความอยู่รอดของรัฐบาลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งดังกล่าว วิกิลีกส์เปิดเผย

    Around the World - Manager Online -
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ศึกอภิปรายรัฐบาลแลกหมัดกันทั้งใน-นอกสภา
    การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลและถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรายบุคคล เดินมาถึงวันที่ 3 แล้ววันนี้(17 มี.ค.54) โดยเริ่มเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมาตั้งแต่วันอังคารที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีถูกซักฟอกในครั้งนี้รวมกับนายกรัฐมนตรีด้วยเป็น 10 ท่าน การเปิดอภิปรายรัฐบาลในครั้งนี้เริ่มต้นด้วยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ สส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าทีมอภิปรายเป็นผู้เปิดฉากกล่าวการทำงานของรัฐบาล
    [​IMG] ศึกซักฟอกรัฐบาล

    ผู้ที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจและถอดถอนออกาจากตำแหน่งในครั้งนี้ประกอบด้วย1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 2.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง 3.นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง 4.นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 6.นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย 7.นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม 8.นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ 9.นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ 10.นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการถูกถอดถอนต้องมีการทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
    โดยประเด็นในการอภิปรายในครั้งนี้ประเด็นหลัก มี 3 เรื่องคือ การทุจริตในการบริหารงานเศรษฐกิจ การสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ล้มเหลว ซึ่งประเด็นย่อยนั้นที่หลักๆได้แก่ ปาล์มน้ำมันขาดแคลนของกระทรวงพาณิชย์, เรื่องการประมูลระบบ 3จีของกระทรวงไอซีที, เรื่องการทุจิตสอบนายอำเภอของกระทรวงมหาดไทย, การทุจริตโครงการถไฟฟ้าของกระทรวงคมนาคม, เรื่องความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาของกระทรวงการต่างประเทศ, การสลายการชุมนุมของนายกรัฐมนตรีและรองนายกฝ่ายความมั่นคง
    ในการซักฟอกรัฐบาลในครั้งนี้เป็นการซักฟอก 2 พรรคการเมืองหลักในรัฐบาลโดยตรงคือพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย โดยเน้นไปที่แกนนำหลักของทั้งสองพรรคเพราะเป้าหมายสำคัญไม่ได้อยู่ที่การถอดถอนรัฐมนตรีเพราะแน่นอนว่าคงไม่มีพรรคร่วมใดยกมือโหวตสวนแต่เป้าอยู่ที่ลดความน่าเชื่อถือของทั้งสองพรรค เพื่อให้การเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในในช่วงมิถุนายนหรือกรกฎาคมนั้นชาวบ้านที่ลงคะแนนยังจำได้ถึงการอภิปรายในครั้งนี้ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองเวลานี้ก็เริ่มติดป้ายกึ่งหาเสียงไปในตัวอยู่แล้วด้วยการโฆษณาผลงานของรัฐบาลโดยเฉพาะผลงานของพรรคประชาธิปัตย์
    ศึกอภิปรายครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายเตรียมพร้อมทั้งข้อมูล ซักซ้อมการอภิปราย พร้อมทั้งตั้งวอร์รูมไว้ทั้งสองฝ่าย ซีกฝ่ายค้านมีอดีตรัฐมนตรีถึง 7 คนเป็นผู้ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการอภิปรายกับทางพตท.ทักษิณผ่านการสื่อสารโดยโปรแกรมสไกป์ (Skype) และมีการแบ่งทีมงานดูแลในเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป้นเรื่องการประสานงานกับสื่อมมวลชน ห้องวอร์รูมส่วนหน้าในรัฐสภา และส่วนของกลุ่มนปช.ในการขับเคลื่อนกลุ่มมวลชน
    ในซีกรัฐบาลเองก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งการตั้งศูนย์ติดตามการอภิปราย (ศต.) ในรัฐสภา ขณะที่การตอบดต้ผ่านSocial Media มีทีมไอทีของพรรคมาดูแลอีกรอบหนึ่งรวมไปถึงระหว่างการอภิปรายมีการวางตำแหน่งตัวขัดจังหวะฝ่ายค้านนำโดย เทพไท เสนพงศ์ ทำให้การอภิปรายครั้งนี้กลายเป็นศึกชิงพื้นที่ข่าวทั้งบนดินและใต้ดิน พร้อมไปกับเกทับบลัฟแหลกแลกกันคนละหมัด
    แต่ที่ลืมไม่ได้เลยคือพรรคภูมิใจไทยที่เป็นเป้าในการซักฟอกครั้งนี้ด้วยการซักฟอกรัฐมนตรีในสังกัดโควต้าถึง 4 คนในตำแหน่งเจ้าหระทรวงที่สำคัญทั้งพาณิชย์ คมนาคม มหาดไทย และเกษตร แต่ถึงกระนั้นรัฐมนตรีของภูมิใจไทยเองก้ทำได้แค่ประคองตัวด้วยชั้นเชิงทางการเมืองที่อ่อนกว่าทางประชาธิปัตย์อยู่ และคาดได้ว่าคะแนนตอนโหวตมีแนวโน้มว่าจะน้ยกว่าทางประชาธิปัตย์แต่คงรอดได้อย่างไม่ต้องห่วงหนักเพราะสุดท้ายพรรคร่วมก้ต้องช่วยกันประคองไปให้ตลอดจนถึงเลือกตั้ง
    การอภิปรายในครั้งนี้เป้นการตอบโต้กันด้วยข้อมูลที่สองฝ่ายมีเท่ากันๆ ทำให้การซักฟอกรัฐมนตรีในหลายๆครั้งกลับกลายเป็นการซักฟอกกลับของทางรัฐบาลมายังพรรคเพื่อไทยซึ่งเคยเป็นรัฐบาลก่อนหน้า ซึ่งการตอบโต้นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสภาเท่านั้นแต่ไดลามไปยังพื้นที่ของ social Mediaด้วย โดยเฉพาะ Twitter ที่สามารถเขียนข้อความในทันทีทันใดที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่ฝ่ายตนเองเพลี่ยงพล้ำ
    ซึ่งฝ่ายรัฐบาลนำโดย Twitter ของนายกฯอภิสิทธิ์ซึ่งแน่นอนว่าเป็นทีมงานในการประชาสัมพันธ์เป็นผู้ตอบสนองแทนหัวหน้าพรรค และมีรัฐมนตรีมาแทรกเป็นระยะเพื่อไม่ให้ห่างหายไปจากหน้าสื่อทั้ง รัฐมนตรีกรณ์ (@KornDemocrat) , รัฐมนตรีสาทิตย์ (SatitTrang) ในขณะที่อีกฝากหนึ่งกลับนำโดยอดีตนายกฯทักษิณออกมาโพสผ่าน Thaksinlive ในtwitter ช่วยมิ่งขวัญในช่วงแรกของการอภิปราย พร้อมทั้งนายจาตุรนต์ ฉายแสง(@chaturon)
    [​IMG] twitterตอบโต้ระหว่างรัฐบาล-ฝ่ายค้าน

    ในอีกด้านหนึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลการตอบรับจากประชาชนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญทั้งนี้ทางสวนดุสิตโพลได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในหัวข้อ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสายตาประชาชน” ได้ผลว่า
    จุดเด่นในการอภิปรายในครั้งนี้เป็นเรื่องประเด็นที่นำมาอภิปรายทำให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงมากขึ้นและเป้นเรื่องที่อยู่ในความสนใจอยู่ร้อยละ 42.13 เรื่องของการเตรียมข้อมูลที่นำมาอภิปรายอยู่ที่ร้อยละ 32.38 และบรรยากาศการอภิปรายเรียบร้อยดีร้อย 25.49
    ส่วนผลดีที่ได้จากการอภิปรายในครั้งนี้พบว่าประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 35.20 พร้อมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจงร้อยละ 26.49 และส่งผลต่อการเลือกตั้งในครั้งหน้า ร้อยละ 19.64 ซึ่งแน่นอนว่าทั้งฝ่ายค้นและรัฐบาลมุ่งหวังถึงข้อนี้มากที่สุด
    และแน่นอนว่าประชาชนอยากฝากบอกในการอภิปรายในครั้งนี้ว่า ให้ทั้งสองฝ่ายนำข้อมุลที่เป็นข้อเท็จจริงมาพูดกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมามากที่วุดร้อยละ 30.32 พร้อมกับคำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนเป้นสำคัญร้อยละ 26.64 สุดม้ายเป้นเรื่องของการใช้คำพูดการควบคุมอารมณ์ การปฏิบัติตามข้อบัญญัติิต่างๆ ร้อยละ 24.71
    แม้ว่าการอภิปรายรัฐบาลในครั้งนี้จะจบลงไปแล้วก็ตามแน่นอนว่าข้อเท็จจริงที่เปิดเผยออกมาย่อมทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลมากขึ้นอย่างแน่นอน นั่นจะนำไปสู่การตัดสินใจทางการเมืองของภาคประชาชนในการเลือกตั้งในครั้งหน้าอย่างแน่นอน

    ศึกอภิปรายรัฐบาลแลกหมัดกันทั้งใน-นอกสภา | Siam Intelligence
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตูนีเซียชุมนุมขับไล่คลินตั้น
    สำนักข่าวมุสลิมไทย ตูนีเซียชุมนุมขับไล่คลินตั้น
    สำนักข่าวตะวันออกกลาง – ชาวตูนีเซียหลายร้อยคนรวมทั้งกลุ่มนิยมอิสลาม เดินขบวนผ่านกลางกรุงตูนิส เพื่อประท้วงการเยือนของนางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีกิจการต่างประเทศสหรัฐ แต่น่าสังเกตที่ไม่มีการรายงานในเรื่องนี้
    [​IMG]

    การประท้วงเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่การมาเยือนของคลินตันเพื่อเจรจากับรัฐบาลรักษาการณ์ตูนีเซีย ซึ่งนำโดยประธานาธิบดี ฟูอัด เมบาซ่า คาดว่าจะมีการเจรจากันเกี่ยวกับการเลือกตั้งในตูนีเซียที่จะมาถึงกลางเดือนกรกฎาคมปีนี้ และแผนยุทธศาสตร์ของสหรัฐต่อตูนีเซียในอนาคต

    ในขณะเดียวกัน ผู้ประท้วงอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 30-50 คน ชุมนุมหน้ากระทรวงต่างประเทศ และเผารูปของผู้แทนทางการทูตสหรัฐ โดยมีตำรวจ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุมเชิงอยู่

    นอกจากนั้น นางคลินตั้นยังมีกำหนดพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศมูลดี้ เคฟี และนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์ เบจี คาอิด เอสเซบซี และยังมีกำหนดพบกับกลุ่มหนุ่ม-สาวที่ร่วมในการลุกฮือครั้งที่ผ่านมาจนทำให้เบน อาลีต้องเผ่นออกนอกประเทศ - www.muslimthai.com

     

แชร์หน้านี้

Loading...