เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สถานการณ์รอบวันปฏิวัติโลกอาหรับ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 มีนาคม 2554 20:59 น.

    กบฏลิเบียสละเมือง “บรีกา”-“สันนิบาตอาหรับ” ออกโรงหนุน “เขตห้ามบิน”

    เอเอฟพี - กบฏนักรบลิเบียถูกกองกำลังของผู้นำมูอัมมาร์ กัดดาฟีโจมตีอย่างหนักจนต้องสละเมืองบรีกาซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางบ่อน้ำมันสำคัญวันนี้ (13) โดยล่าถอยไปยังเมืองอัจดาบิยะห์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเส้นทางหลวงมุ่งหน้าสู่เบงกาซีและโตบรูกเพียง 80 กิโลเมตร

    ด้านองค์การสันนิบาตชาติอาหรับก็ได้ตัดสินใจที่จะให้การสนับสนุนข้อบังคับ “โนฟลายโซน” ในน่านฟ้าลิเบีย ซึ่งริเริ่มผลักดันโดยสหรัฐฯ และนาโต พร้อมกันนี้ทางองค์การยังเตรียมจะติดต่อหารือกับคณะกรรมการแห่งชาติลิเบียซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายกบฏในเบงกาซีอีกด้วย

    [​IMG]

    นักรบกบฏลิเบียเคียงข้างกับปืนกลหนักในเมืองบรีกา วานนี้ (12) ทว่า วันนี้ (13) กลุ่มกบฏต้องยอมสละเมือง หลังถูกกองกำลังของมูอัมมาร์ กัดดาฟีโจมตีอย่างหนัก

    กษัตริย์ “โอมาน” ยอมถอย-เพิ่มอำนาจให้รัฐสภาหวังยุติเหตุประท้วง

    เอเอฟพี - สุลต่าน กอบูส แห่งโอมาน ทรงประกาศวันนี้ (13) ยินยอมที่จะเพิ่มอำนาจด้านนิติบัญญัติแก่รัฐสภาโอมาน ทั้งสภาที่ปรึกษาที่มาจากการเลือกตั้งและสภามนตรีซึ่งมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด หลังรัฐตะวันออกกลางแห่งนี้เผชิญวิกฤตการประท้วงขับไล่รัฐบาลโดยพลังมวลชนมานานหลายสัปดาห์

    ในพระราชกฤษฎีกาของพระองค์ ระบุไว้ว่า “คณะกรรมาธิการด้านเทคนิค ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญต่างๆ จะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเสนอแก้ไขกฎหมายพื้นฐานของรัฐในอันที่จะเพิ่มอำนาจแก่รัฐสภา” โดยทางคณะกรรมาธิการจะต้องนำเสนอรายงานแด่พระองค์ภายใน 30 วันนับจากนี้


    “เยเมน” มีปะทะเดือดอีก-ผู้ประท้วงดับเพิ่มเป็น 7 ราย

    เอเอฟพี - เกิดเหตุปะทะกันอีกครั้งระหว่างกองกำลังรักษาความมั่นคงของเยเมนกับกลุ่มผู้ประท้วงล้มล้างระบอบวันนี้ (13) ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่รัฐบาลปราบปรามนองเลือดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 7 รายแล้ว

    ก่อนหน้านี้ผู้ประท้วงชาวเยเมน 6 คนถูกตำรวจยิงเข้าที่ศีรษะเสียชีวิตในระหว่างการปะทะกันที่เมืองเอเดนเมื่อช่วงค่ำคืนวันเสาร์ (12) ที่ผ่านมา

    [​IMG]

    ผู้ประท้วงเยเมนเรียกร้องให้ประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ออกจากตำแหน่ง





    ผู้ประท้วง “บาห์เรน” ปิดถนนย่านธุรกิจสำคัญ-ตำรวจเตรียมปะทะหนัก

    เอเอฟพี - คลื่นมหาชนผู้ประท้วงชาวบาห์เรนเคลื่อนพลไปปิดถนนเส้นสำคัญที่ตัดเข้าสู่ย่านธุรกิจหลัก “บาห์เรน ไฟแนนเชียล ฮาร์เบอร์” วันนี้ (13) ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสกัดด้วยการยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำเข้าใส่ฝูงชน นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังประกาศเตือนให้ผู้ประท้วงรีบสลายตัวและกลับไปชุมนุมในจัตุรัสเพิร์ลตามเดิม เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง

    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในกรุงมานามา เมืองหลวงของบาห์เรน

    Around the World - Manager Online - ʶҹ
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ซาอุฯตัดสินใจส่ง “ทหารนับพัน” แทรกแซงเหตุประท้วงใน “บาห์เรน”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2554 19:46 น.

    [​IMG]

    ผู้ประท้วงบาห์เรนนำอุปกรณ์มาตั้งกีดขวางท้องถนนภายในกรุงมานามา วานนี้(13)


    เอเอฟพี - ซาอุดีอาระเบียส่งกองกำลังป้องกันคาบสมุทรกว่า 1,000 นาย เข้าไปยังบาห์เรน วานนี้ (13) เพื่อควบคุมการประท้วงขับไล่รัฐบาลที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 เดือน เจ้าหน้าที่ซาอุฯเผยวันนี้ (14)

    เจ้าหน้าที่ซาอุฯซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่า การส่งทหารเข้าแทรกแซง “เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลบาห์เรนพยายามขอเจรจากับฝ่ายค้านหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง” พร้อมอธิบายว่า ตามระเบียบของสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย (จีซีซี) “กองกำลังรัฐอ่าวอาหรับใดๆ ที่เข้าไปในประเทศสมาชิก ก็ให้ถือว่าอยู่ใต้บังคับบัญชาของรัฐบาลนั้นๆ”

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลบาห์เรนยังไม่ยืนยันว่ามีการส่งทหารซาอุดีอาระเบียเข้ามาในประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือที่ 5 แห่งสหรัฐฯ

    เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ อัลยาม ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์อัล-คอลีฟา ระบุว่า สภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย (จีซีซี) อาจส่งกำลังทหารเข้ามาช่วยรักษาความสงบภายในบาห์เรน

    ฝ่ายพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลประกาศว่า กองกำลังต่างชาติที่เข้ามาในบาห์เรนจะถูกถือว่าเป็นผู้บุกรุก

    “เราจะถือว่า การเข้ามาของทหารหรือยานพาหนะของทหารต่างชาติ เป็นการเข้ายึดครองราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างชัดแจ้ง และเป็นแผนการทำร้ายพลเมืองบาห์เรนซึ่งปราศจากอาวุธ”

    ผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสู่ระบอบประชาธิปไตยในบาห์เรน ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมชีอะห์ที่ถูกปกครองโดยราชวงศ์ซุนนีมานานกว่า 200 ปี

    กษัตริย์บาห์เรน ทรงขอเจรจากับฝ่ายผู้ประท้วง พร้อมสัญญาว่าจะดำเนินการปฏิรูปรัฐสภาและด้านอื่นๆ แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากฝ่ายค้านยืนกรานปฏิเสธการพูดคุยจนกว่ารัฐบาลจะลาออก

    การแทรกแซงของซาอุดีอาระเบียเกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากที่ โรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงมานามาเพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ ฮามาด และเรียกร้องให้ทรงเร่งปฏิรูปการเมืองโดยเร็ว

    เกตส์ ระบุว่า สหรัฐฯวิตกว่าอิหร่านอาจฉวยโอกาสเข้าแทรกแซงกิจการภายในของบาห์เรน หากการประท้วงยังดำเนินต่อไป

    [​IMG]

    Around the World - Manager Online -
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การเมือง : ทัศนะวิจารณ์

    วันที่ 15 มีนาคม 2554 01:00


    <DD class=columnist-name>กาแฟดำ
    ไทยควรมองโครงการเขตเศรษฐกิจยักษ์ ‘ทวาย’ ของพม่าอย่างไร?

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    รองนายกฯ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เปิดเผยวันก่อนว่า อาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เห็นพ้องต้องกันว่าจะสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ทวายของพม่า

    เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางขนส่งในอนาคตของภูมิภาคนี้
    "ที่ทวายมีที่ดินประมาณแสนกว่าไร่ที่สามารถพัฒนาท่าเรือน้ำลึกได้ และที่สำคัญที่สุดก็คือว่าที่ทวายมีแหล่งน้ำจืดใหญ่โตมโหฬารมาก เพราะฉะนั้น อุตสาหกรรมหนัก ไม่ว่าจะเป็นปิโตรเคมิคอล หรืออุตสาหกรรมเหล็กมีแนวโน้มว่าจะไปสร้างที่นั่น..." คุณไตรรงค์ บอกในการอภิปรายในสภาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
    และบอกด้วยว่าคณะรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมีคุณไตรรงค์เป็นประธานในการเตรียม infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศไทยไปโยงกับพม่าที่ทวาย “เพื่อเตรียมที่จะให้เราเป็นศูนย์กลางในการระบายสินค้าไปทางตะวันตกผ่านประเทศไทยไปสู่ทวาย... และอุตสาหกรรมหนักใหญ่ๆ ก็จะเกิดในบริเวณนั้น”
    ข่าวออกมาเกี่ยวกับ “เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย” ของพม่า มาระยะหนึ่งแล้ว เป็นประเด็นที่น่าติดตามเพราะถ้าหากเป็นไปตามข่าว ก็เท่ากับว่าไทยจะไปช่วยพม่าสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่มากสำหรับภูมิภาคนี้ ในขณะที่การเมืองของพม่ายังไม่นิ่ง และไม่รู้ว่าคนพม่าเองมีส่วนรับรู้นโยบายเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด
    คนไทยรับทราบแต่เพียงว่าบริษัทอิตาเลียนไทย ได้รับสัมปทานไปสร้างเขตเศรษฐกิจยักษ์ที่นั่น
    ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้บอกว่าบริษัทไทยแห่งนี้ ไปลงนามที่เมืองหลวงเนย์ปิดอว์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ปี 2553 เพื่อสร้างบนพื้นที่ 250 ตารางกิโลเมตรขึ้นรอบๆ อ่าวกัปปาลี ภายใต้สัญญาสัมปทานแบบ BOT (Build, Operate, Trasnfer) 60 ปี ซึ่งห่างจากเมืองทวายไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 32 กิโลเมตรในเขตตะนาวศรี
    ว่ากันว่าการก่อสร้างทั้ง 3 ช่วงจะต้องใช้เงินลงทุนถึง 58,000 ล้านดอลลาร์ และจะกลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมหนัก และศูนย์กลางการขนส่งทางเรือและทางบกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้
    ที่จะเห็นก่อนเกิดเขตอุตสาหกรรมยักษ์ก็คือระบบทางหลวง 8 เลนกับทางรถไฟคู่ขนานระยะทาง 160 กม. จากเขตทางเรือไปยังชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรีของไทย
    ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารอิตัลไทย ได้ให้สัมภาษณ์ International Herald Tribune ว่า โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสถาบันการเงินที่ยังไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ และบริษัทยักษ์หลายแห่งได้แสดงความสนใจที่จะมาร่วมโครงการนี้ รวมถึงกลุ่ม Asia World ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าใกล้ชิดกับรัฐบาลทหารพม่า และ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมของไทยด้วย
    นักวางแผนของพม่าและคนที่เกี่ยวข้อง วาดภาพว่าโครงการท่าเรือใหญ่ทวายนี้ จะเป็นทั้งต้นทางและปลายทางใหญ่ที่สุด สำหรับการขนส่งและกระจายสินค้าระหว่างทะเลจีนใต้ กับมหาสมุทรอินเดีย ไปสุดทางตะวันออกที่จังหวัดก่ามาว (Ca Mau) ทางใต้ของเวียดนาม และเมืองกวีเญิน (Quy Nhon) จังหวัดบึ่งดิง (Binh Dinh) ในภาคกลางตอนล่าง ผ่านระบบถนนในกัมพูชา เข้าประเทศไทยที่ตราดและสระแก้วตามลำดับ
    มีการออกข่าวด้วยว่าธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ Asia Development Bank ก็ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนเช่นกัน หากปัจจัยสำคัญอื่นๆ สามารถจัดให้ลงตัวได้ ผลกระเทือนของโครงการทวายต่อภูมิภาคนี้เป็นอย่างไร สมควรจะได้รับความสนใจจากคนไทยยิ่งนัก
    พรุ่งนี้ว่าต่อครับ

    <!-- google_ad_section_end --> </DD>
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การเมือง : ทัศนะวิจารณ์

    วันที่ 14 มีนาคม 2554 01:00

    'จำภาพนักการเมืองอย่างไรเมื่อถึงวันสิ้นโลก'

    โดย : ศรัญญา ทองทับ /sanya_2515@hotmail.com

    จากแผ่นดินไหวในไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ จนมาถึงสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งเกิดขึ้น

    ทำให้หลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้กับคำทำนาย ปี 2012 คงเป็นวันสิ้นโลก
    จะเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร คงไม่มีใครยืนยันได้ แต่ที่แน่นอน คือ เราชาวโลกคงจะได้เห็นธรณีพิโรธรุนแรงขึ้น อันเป็นของผลกระทบในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว สึนามิ หรือการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ซึ่งเห็นได้เด่นชัดกันมากขึ้น
    แล้วเมื่อโลกเป็นอย่างนี้ ประเทศไทยคงประมาทไม่ได้ เช่นเดียวกัน เพราะภัยต่างๆ ที่เคยบอกว่าจะไม่เกิดขึ้น อาจเชื่อได้แค่ครึ่งเดียว เราอาจเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรง หรือ สึนามิซ้ำ ส่วนการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเราได้เห็นการยืดหดและเคลื่อนไหวของฤดูกาลในบ้านเราแล้ว

    หากถามว่า เราจะทำอย่างไรให้สภาพดินฟ้าอากาศ มีความเสถียร ไม่เปลี่ยนแปลง คงพูดได้ยาก แต่ที่ทำได้คงเป็นได้แค่การชะลอการถูกทำลายออกไป

    **เราจะทำอะไรได้บ้าง ???? ก็เมื่อได้ชื่อว่า เป็นผู้สร้าง และทำลายด้วยมือของเราเอง ก็คงไม่พ้นเงื้อมมือของเราเช่นเดียวกันที่จะรักษาโลกใบนี้ไว้ส่งต่อให้ลูกหลาน

    *ต้องยอมรับว่า “พลังงาน” เป็นกิจการหนึ่งที่เบียดเบียนธรรมชาติ ดังนั้นมนุษย์ที่อยู่ในภาคส่วนนี้ ก็คงต้องลงไม้ลงมือทำอะไรที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น อย่างน้อยก็ต้องวางแผนที่จะหาทางอยู่กับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ผลิตโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยที่สุด รวมถึงสนับสนุนให้มีการนำของเหลือทิ้งกลับมาใช้ใหม่ และอีกด้านหนึ่งก็ต้องส่งเสริมให้คนบริโภคอย่างประหยัด

    มาถึงเวลานี้แล้ว ก็ต้องตั้งคำถามว่า ? เพียงพอหรือไม่ สำหรับโครงการรักษ์โลกแบบเน้นงานประชาสัมพันธ์ เช่น ออกไปปลูกป่าในที่ต่างๆ หรือ ประกาศตนว่าจะ "GO GREEN" ในรูปแบบต่างๆ หรือกระทั่ง "รักษ์โลก" ด้วยการบริจาคของให้ผู้ยากไร้ ขณะที่กระบวนการผลิตยังเบียดเบียนและทำลายธรรมชาติ หรือส่งเสริมให้คนบริโภคแล้วบริโภคอีก แม้ไม่มีเงินในวันนี้ ก็เมตตากรุณาให้ยืมเงินล่วงหน้ามาใช้

    และควรจะเป็นยุคสิ้นสุดหรือไม่ ? กับโครงการที่เน้นการหาเสียงโดยเผาผลาญงบประมาณ ทรัพยากรรัฐ และ ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ควรเป็นของประชาชนส่วนรวม เพื่อผลทางการเมือง

    ป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ ที่มีรูปนักการเมืองดังปรากฏตามโครงการต่างๆ ของรัฐ หรือหยิบฉวยโครงการรัฐ และแปลงสภาพเนื้อในให้ยังประโยชน์ตน และพยายามหยิบยกความศรัทธาของผู้คนมาเป็นโครงการและเกราะกำบัง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ อย่างที่เราเห็นในภาคพลังงาน

    คงต้องหันกลับมามองแล้วล่ะว่า เมื่อถึง "วันที่ฟ้าถล่มดินทลาย" จริงๆ อะไรคือสิ่งที่ทุกคนจดจำ... โครงการที่ยังประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ประเทศชาติ ประชาชน หรือจะเป็นเพียงนักการเมืองที่ประชาชนจดจำเพียงภาพของ "ผู้โกงกิน" ผันงบเก่งเท่านั้น

    ลองตัดสินกันดูอีกครั้ง...อย่างน้อยก็ใน "การอภิปราย" ไม่ไว้วางใจวันที่ 15 มีนาคม นี้ ว่าจะยังเป็นเวทีแปรอักษรต่อไป หรือควรเป็นเวทีแห่งการสะกิดเตือนให้ทุกฝ่ายหันมาตระหนักถึงความเลวร้าย ที่มนุษยชาติต้องเผชิญหน้าร่วมกันในอีกไม่นาน...

    '
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยในโลกอาหรับผ่านประสบการณ์ผู้นำบราซิล

    อดีตประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล ขวัญใจประชาชนคนยากด้วยนโยบายประชานิยมและครองตำแหน่งผู้นำประเทศ 2 สมัย 8 ปี กล่าวสุนทรพจน์ปลุกใจคนรักประชาธิปไตย ในงานประจำปี Al Jazeera Forum ครั้งที่ 6 ว่า “ผมไม่สามารถปฏิเสธการเชื้อเชิญจากสำนักข่าว Al Jazeera เพื่อมีส่วนร่วมในงานครั้งนี้ได้ เพราะถือว่าเป็นห้วงเวลาที่สำคัญมาก ที่ประชาชนจากหลายชาติในโลกอาหรับ รวมทั้งชาติอื่นๆ ได้เปล่งเสียงและยืนขึ้นเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ความยุติธรรมในสังคม และแสวงหาการสร้างโอกาส”
    ผมมาที่นี่เพื่อที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ของบราซิลและอเมริกาใต้ในช่วงที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว เพื่อให้สังคมได้บทสรุป
    อเมริกาใต้เคยมีประสบการณ์จากระบอบเผด็จการจนกระทั่งช่วง 10 ปีให้หลัง ในตอนปลายศตวรรษที่ 18 ถือเป็นช่วงเวลาที่ลำบากยิ่ง ประชาชนไม่มีสิทธิมีเสียง เขาไม่มีโอกาส เขาไม่สามารถพูดเสียงดังได้ และพวกเขา (รัฐบาล) ก็ไม่ได้ยินเสียงของประชาชน ทำให้สูญเสียชีวิตประชาชนนับพันคน ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของประวัติศาสตร์เราที่สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยประชาธิปไตย ประชาชนของเราได้สังเวยชีวิต ซึ่งถือเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่เพื่อก้าวไปสู่การเติบโตทางการเมืองอย่างเต็มตัว
    [​IMG]
    อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศได้เคยหารือเกี่ยวกับระบอบเผด็จการในประเทศของผม และผมได้ค้นพบว่า ประชาธิปไตยนั้นไม่ได้หมายถึงการพูดสุนทรพจน์ หรือการแสดงวิวาทะระหว่างกัน แต่มันเป็นโครงสร้างที่มีความยุ่งยากมาก และหมายรวมถึงความต้องการให้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ให้เคารพความเห็นที่แตกต่าง และเรียนรู้ว่าจะดำรงอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะสร้างความรำคาญยิ่งนัก
    ประชาธิปไตยถือเป็นโครงสร้างที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ทั้งยังเรียกร้องให้มีความอดทน ความมุ่งมั่น และความเข้าใจ และประชาชนจำเป็นต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสาระสำคัญนั้น พวกเขาต้องการให้ฟังเสียงความต้องการของพวกเขา และพวกเขา (รัฐบาล) ควรจะมีสำนึกรับผิดชอบ เพราะประชาชนไม่ใช่นักปกครอง จึงไม่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
    สถาบันทางการเมืองสร้างโดยประชาชนไม่ใช่ผู้นำประเทศ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถล้นเหลือ แต่ประชาธิปไตยที่สร้างโดยประชาชนย่อมมีอำนาจเหนือกว่า
    ผมจะยกตัวอย่างในประเทศของผม การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนตุลาคม 2010 ที่ผ่านมา โดยในปี 2009 พรรคของผมต้องการให้ผมหารือกับรัฐสภาเพื่อหาความเป็นไปได้ที่จะให้ผมได้ครองอำนาจเป็นประธานาธิบดีบราซิลต่อเป็นสมัยที่ 3 ผมได้พูดว่า ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่สาม
    [​IMG]
    ผมไม่เคยยอมรับความคิดที่ว่า จะไม่มีใครสามารถแทนที่ใครคนหนึ่งได้ หรือบางคนที่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจำเป็นต้องพิจารณา เมื่อผู้นำคิดว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจำเป็น หรือคิดว่าไม่มีใครสามารถแทนที่เขา (ผู้นำ) ได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นสำหรับการเกิดผู้นำที่เผด็จการ หรือรัฐบาลที่ปกครองแบบเผด็จการ
    การเปลี่ยนผ่านอำนาจมีความจำเป็นยิ่ง เพราะเราสามารถรับประกันความเข้มแข็งของประชาธิปไตยได้ และประชาธิปไตยสามารถนำชัยชนะมาได้ เมื่อเราทำให้กฎและเกมการเมืองมีความชัดเจน ทุกคนปราศจากซึ่งความแตกต่างใดๆ เพราะทุกคนได้เคารพกฎที่กำหนดจากทุกคน
    เพราะประชาธิปไตยนั้น บางครั้งอาจไม่ใช่ระบอบการปกครองที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่โลกต้องการ แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครเสนอรูปแบบการปกครองอื่นใดที่ดีไปกว่าประชาธิปไตย ดังนั้น เราสามารถนำมาใช้กับการเมืองของเราได้
    บางทีการเล่าเรื่องของผมอาจทำให้หลายต่อหลายคนคลายความระแวงผมได้ ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญกับพวกคุณที่จะรับรู้ว่า ทำไมผมจึงให้คุณค่าแก่ประชาธิปไตยนัก เพราะผมมาจากภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งถือว่าเป็นดินแดนที่ยากไร้ที่สุดในบราซิล ผมเป็นลูกของครอบครัวชาวนาที่มีลูกทั้งหมด 8 คน
    ผมไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาในระดับสูง ผมไม่ได้จบระดับมหาวิทยาลัย ผมได้เข้าร่วมกิจกรรมทางแรงงาน จนได้กลายเป็นผู้นำแรงงาน แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถกลายเป็นพรรคการเมืองได้ และวันหนึ่ง ผมก็ได้กลายเป็นประธานาธิบดีแห่งบราซิล
    ผมแพ้เลือกตั้งประธานาธิบดีถึง 3 ครั้ง ก่อนจะได้รับเลือก และผมก็ยอมรับผลลัพธ์ที่ผมต้องเผชิญมากกว่าที่จะยอมแพ้อย่างราบคาบ ทุกครั้งที่ผมแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี ผมเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในรอบถัดไปมากขึ้น และในการแข่งขันครั้งที่ 4 ของผม ผมก็สามารถได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีบราซิลจนได้
    และผมก็ได้เรียนรู้การพูดบางเรื่องกับชาวบราซิลว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แนวคิดที่ชัดเจนนัก
    [​IMG]
    Shop for protest tags
    ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องทางจิตวิญญาณของรัฐ ประชาธิปไตยคือความสำเร็จของสังคมที่ร่วมมือกันเพื่อให้ได้มา ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่สิทธิที่ต้องการตะโกนออกมาว่าพวกคุณหิว แต่มันคือสิทธิอันพึงมีที่ทำให้คุณมีอาหารอยู่บนโต๊ะได้ มันไม่ใช่สิทธิที่คุณต้องการงานทำ แต่มันคือโอกาสที่คุณได้จากการทำงาน มันไม่ใช่เพียงความเป็นไปได้ที่คุณตะโกนออกมาว่าคุณต้องการเรียน แต่คุณต้องศึกษาความจริงที่ว่าเมื่อไหร่ที่กระบวนการทางประชาธิปไตยทำงาน เมื่อนั้นสังคมก็จะได้รับผลประโยชน์
    ประชาธิปไตยจะรวมผู้คนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสันติภาพและความสงบ
    สิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ที่มีผู้คนจำนวนมากเรียกร้องในสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง เป็นปัจจัยเดียวกันที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจยืนหยัดที่จะเรียกร้องให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในบราซิลช่วง 1980
    เราต้องการเพียงล้มล้างระบอบทหารและเรียกร้องให้เกิดการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง มีเพียงประชาธิปไตยเท่านั้นที่สามารถทำให้คนบางคนที่เป็นคนพื้นเมืองสามารถเป็นประธานาธิบดีได้ เช่น โบลิเวีย และมีเพียงประชาธิปไตยเท่านั้นที่สามารถทำให้คนผิวสีสามารถเป็นประธานาธิบดีได้ เช่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงการเป็นประธานาธิบดีของคนผิวสีส่วนใหญ่ในอาฟริกาใต้
    [​IMG]Middle East Regime
    ประชาชนต้องการแค่เพียงให้มีการเคารพซึ่งสิทธิซึ่งกันและกัน ต้องการแค่เพียงได้ทำงานในบ้านเกิดเมืองนอนของเขาด้วยความภาคภูมิ ต้องการเพียงโอกาส งานและเงินเดือนที่เหมาะสม และความก้าวหน้าของชีวิต และชีวิตของลูกหลานที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
    สิ่งแรกที่เราทำ (ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิล) คือการพัฒนานโยบายสาธารณะ ที่มีการโอนถ่ายรายได้ผ่านโครงการเงินเดือนให้ครอบครัวที่ยากจนที่สุด ประชาชนราว 11 ล้านคน เราได้พูดคุยกับประชาชน 44 ล้านราย และ 11 ล้านครัวเรือน พวกเขาได้รับเงินเดือนที่พวกเขาสามารถนำไปซื้อคูปองอาหารได้ ขณะเดียวกัน เราก็ขึ้นเงินเดือนให้กับประชาชนอีก 74%
    จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันตลาดภายในประเทศบราซิลเติบโตและขยายตัว ชาวบราซิล 36 ล้านคนถูกยกระดับกลายเป็นชนชั้นกลาง และ 28 ล้านคนถูกยกระดับให้หลุดพ้นจากความยากจน การลงทุนด้านการศึกษานั้น เราสร้างมหาวิทยาลัยของรัฐ 14 แห่ง โรงเรียนฝึกอาชีพ 214 แห่ง และมีโครงการให้ทุนการศึกษากว่า 100 ทุนสำหรับนักเรียนยากจนที่อยู่บริเวณรอบนอกซึ่งมีคนหนุ่มสาวที่อาศัยบริเวณชานเมืองราว 960,000 คนและกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนผ่านโครงการให้ทุนการศึกษา ในช่วงที่ผมดำรงตำแหน่ง 8 ปี ผมสร้างงานให้กว่า 15 ล้านราย
    สังคมเราสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ เราอยู่ในสังคมที่ทุกคนสามารถพูดอะไรก็ได้ สื่อมวลชนสามารถพูดอะไรในสิ่งที่ต้องการพูด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงเสมอไป แต่เรามีเสรีที่จะพูดอะไรก็ตามที่เราเชื่อว่าเราเข้าใจในสิ่งที่พวกเราต้องการพูด
    ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศภายใต้กรอบพหุภาคีและภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป เราจะให้คำอธิบายอย่างไรที่ไม่มีที่นั่งสำหรับชาติอาหรับเลยในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงคราวจำเป็นแล้วหรือยังที่จะต้องมีตัวแทนในการมีส่วนร่วมจากประเทศอื่นเพิ่มในคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพิ่ม เราจะอธิบายอย่างไร เมื่อไม่มีตัวแทนจากอาฟริกา หรือละตินอเมริกาเลย
    [​IMG]
    Who’s next?
    ผู้นำในหลายประเทศเชื่อว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องปกครองประเทศ เพียงเพราะกลไกตลาดสามารถทำได้ทุกสิ่งอย่าง แต่เราจะอธิบายกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรเมื่อ Lehman Brothers ล่มสลาย หรือวิกฤตหนี้ด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ประชาชนควรจะเริ่มทำความเข้าใจว่าสามารถเลือกรัฐบาลมาปกครองตนเองได้ และกลไกตลาดที่มีอยู่ก็เพียงการจัดหารายได้และไม่ได้ใส่ใจในประเด็นทางสังคม กลไกตลาดไม่ได้กังวลในประเด็นการศึกษา ไม่มีการกระจายรายได้ ไม่ได้แก้ปัญหาความไม่ยุติธรรมในสังคม มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่จะจัดการกับวิกฤตดังกล่าวได้
    เราจะจัดการให้ประชาธิปไตยในอาฟริกาและตะวันออกกลางเข้มแข็งได้อย่างไร เราต้องหยุดที่จะอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อมองอาฟริกาว่าเป็นเพียงกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงทวีปที่มีแต่ความยากไร้ เราจะประกันประชาธิปไตยในตะวันออกกลางได้อย่างไร เราต้องแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่จะทำให้เห็นว่า ตะวันออกกลางนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่มีเสรีภาพที่สลับซับซ้อน มีปมปัญหาในเรื่องประชาธิปไตย มีความยุ่งเหยิงจากความไม่ยุติธรรมในสังคม
    แน่นอน มันมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างการเมืองใหม่ เศรษฐกิจใหม่ และระเบียบสังคมใหม่ และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

    Al Jazeera

    การเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยในโลกอาหรับผ่านประสบการณ์ผู้นำบราซิล | Siam Intelligence
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สถานการณ์ลิเบีย: กัดดาฟีรุกหนัก ยึดเมืองน้ำมันได้, ช่างกล้อง Al Jazeera ถูกยิง

    ข้อมูลจากเมือง Brega ระบุว่าฝ่ายรัฐบาลก่อตั้งกองกำลังติดอาวุธหรือ armed gang คอยไล่ล่าฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายต่อต้านซึ่งมีอาวุธและอุปกรณ์น้อยกว่า ขาดประสบการณ์ในการรบ เริ่มสูญเสียฐานที่มั่นไปเรื่อยๆ จนขวัญกำลังใจเริ่มตกต่ำ
    ตอนนี้ยังไม่มีรายงานการโจมตีทางอากาศจากฝ่ายรัฐบาล แต่ยังมีการยิงถล่มด้วยปืนใหญ่เข้าใส่เมืองของฝ่ายต่อต้าน
    [​IMG] แผนที่แสดงที่ตั้งของเมือง Brega

    ด้านแรงกดดันจากนานาชาติยังไม่ลงตัว แม้ชาติตะวันตกและกลุ่มสันนิบาตอาหรับจะเสนอให้สหประชาชาติกำหนด “เขตห้ามบิน” (no fly zone) เหนือประเทศลิเบียเพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศจากรัฐบาลลิเบีย แต่ก็ได้รับการคัดค้านจากรัสเซียและจีนซึ่งมีที่นั่งถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ
    การแทรกแซงด้วยปฏิบัติการทางทหารเคยมีทั้งกรณีที่ประสบความสำเร็จ เช่น การโจมตีคาบสมุทรบอลข่าน และกรณีที่ล้มเหลว เช่น โซมาเลีย อัฟกานิสถาน อิรัก เป็นต้น
    ที่มา – Al Jazeera, Al Jazeera (2)
    ในส่วนของสถานีข่าว Al Jazeera เองมีรายงานว่าช่างกล้องชาวกาตาร์ Ali Hassan Al Jaber ถูกซุ่มยิงเสียชีวิตขณะเดินทางอยู่ในลิเบีย
    ที่มา – Al Jazeera

    สถานการณ์ลิเบีย: กัดดาฟีรุกหนัก ยึดเมืองน้ำมันได้, ช่างกล้อง Al Jazeera ถูกยิง | Siam Intelligence
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กัดดาฟีแช่ง “ตะวันตก” ต้องพินาศ ลั่นจะบดขยี้กบฏให้เป็นจุณ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 มีนาคม 2554 07:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย

    เอเอฟพี - พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียประกาศผ่านสื่อโทรทัศน์คืนวานนี้ (15) ว่า จะบดขยี้ “ฝ่ายศัตรู” ให้เป็นจุณ ซึ่งก็หมายถึงกลุ่มกบฎที่พยายามปฏิบัติการล้มล้างรัฐบาลมานานกว่า 1 เดือนแล้ว

    “หากนี่เป็นแผนการของต่างชาติ เราก็จะบดขยี้มันเสีย แต่หากเป็นแผนคนในประเทศเองเราก็จะทำลายมันเสียเช่นกัน”

    กัดดาฟีย้ำมาโดยตลอดว่ากลุ่มอัลกออิดะห์อยู่เบื้องหลังความพยายามโค่นล้มฐานอำนาจอันยาวนานกว่า 4 ทศวรรษของเขา

    “พวกนักล่าอาณานิคมจะต้องพินาศ ฝรั่งเศสจะพินาศ อเมริกาจะพินาศ อังกฤษจะพินาศ” กัดดาฟีกล่าว

    “ประชาชนลิเบียจะเป็นฝ่ายชนะ เสรีภาพจะต้องชนะ”

    “ชาวลิเบียทุกคนพร้อมจะต่อสู้เพื่อปกป้องแหล่งน้ำมันของเรา เราจะขอรักษาความเป็นหนึ่งเดียวในลิเบีย แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”

    กัดดาฟียังกล่าวโจมตีสันนิบาตอาหรับ ซึ่งระงับสมาชิกภาพของลิเบีย และสนับสนุนให้ประกาศเขตห้ามบินเพื่อไม่ให้รัฐบาลส่งเครื่องบินเข้าไปทิ้งระเบิดใส่ฝ่ายกบฎได้

    “สันนิบาตอาหรับหมดท่าแล้ว” เขากล่าว และเสริมว่าฝ่ายกบฏเป็นเพียง “หนู และสุนัขจรจัด” เท่านั้น

    กัดดาฟียังฝากถึงผู้นำชาติอาหรับทั้งหลายว่า “พวกคุณต่างหากที่ควรปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างเสรี”

    “ผมขอท้าให้พวกคุณให้เสรีภาพแก่ประชาชน แบบเดียวกับที่ผมให้แก่ชาวลิเบีย”

    Around the World - Manager Online -
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “บาห์เรน” ระอุ! ผู้ประท้วงตาย 2 เจ็บอีกนับร้อย-ประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน 3 เดือน”
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 มีนาคม 2554 12:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ผู้ประท้วงชาวบาห์เรนเดินขบวนไปยังสถานทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงมานามาวานนี้(15) ขณะที่กษัตริย์ฮามาดทรงประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน

    เอเอฟพี - เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและผู้ประท้วงขับไล่รัฐบาลบาห์เรนวานนี้(15) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ด้านกษัตริย์ฮามาดทรงประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจากกองกำลังป้องกันคาบสมุทรเดินทางเข้าประเทศเพียง 1 วัน

    ผู้นำศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ในบาห์เรนร้องขอความช่วยเหลือจากมุสลิมและนานาชาติ พร้อมเตือนว่าผู้ประท้วงกำลังตกเป็นเป้า “สังหารหมู่”

    อิหร่าน ซึ่งเป็นดินแดนมุสลิมชีอะห์และเพื่อนบ้านของรัฐอ่าวอาหรับ ออกมาประณามการแทรกแซงทางทหารว่าเป็นสิ่งที่ “รับไม่ได้”

    ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้ชาวบาห์เรนใช้การเมืองแก้วิกฤตความขัดแย้ง

    แพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซิตรา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมานามา เปิดเผยว่า “มีผู้ถูกยิงบาดเจ็บเข้ารับการรักษาประมาณ 200 คนวันนี้(16)”

    นอกจากนี้ยังมีประชาชนอีกราว 200 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะสูดแก๊สน้ำตา ส่วนโรงพยาบาลเองก็ถูกกลุ่มติดอาวุธและเจ้าหน้าที่ยึดไว้

    แพทย์คนดังกล่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ต้องการปราบปรามชาวชีอะห์ ซึ่งเป็นหัวหอกของการประท้วงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 เดือน

    อาลี อักบาร์ ซาเลฮี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องให้ บัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาตอบโต้เรื่องการสลายการชุมนุมและการส่งทหารต่างชาติเข้าไปในบาห์เรน

    “ชาวบาห์เรนกำลังเรียกร้องตามสิทธิที่พวกเขามี และกระทำโดยสันติ” รามิน เมห์มันปาราส โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านกล่าว

    “การใช้กำลังปราบปรามเสียงเรียกร้องโดยชอบธรรมเหล่านี้ สมควรถูกหยุดยั้ง”

    บาห์เรนได้ตอบโต้อิหร่านด้วยการเรียกทูตประจำกรุงเตหะรานกลับประเทศทันที

    โรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างเยือนบาห์เรนสัปดาห์ที่แล้วว่า หากบาห์เรนไม่มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ อิหร่านอาจฉวยโอกาสเข้าแทรกแซงสถานการณ์ได้

    กลุ่มผู้ประท้วงพากันเดินขบวนไปยังสถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงมานามาวันนี้(16) พลางร้องตะโกนขับไล่กษัตริย์ฮามาด และสัญญาว่าจะปกป้องประเทศจากทหารผู้รุกราน ทั้งยังขอให้ชาวมุสลิมซุนนีและชีอะห์รวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว

    สถานีโทรทัศน์แห่งชาติบาห์เรนตัดสัญญาณรายการปกติเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน

    Around the World - Manager Online -
     
  9. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    ความเสียหายในญี่ปุ่น ยอด 1.7 แสนล้าน USD ถ้าญี่ปุ่น ปล่อยเงินดอลล่าร์ที่เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศออกมา เพื่อนำมาฟื้นฟูประเทศ ตอนนี้อเมริกาจะออก QE3 มาซื้อหรือไม่ครับ ถ้าออกมาซื้อเพื่อพยุงค่าเงินดอลล่าร์ อีกเที่ยวนี้ ดอลล่าร์ จะกลายเป็นแบงค์กงเต็กจริง ๆ แล้วหรือเปล่า สถานการณ์ ตอนนี้ดูมันงวด ๆ เข้ามายังงัยชอบกล กลไกในการ reset โลกใหม่ของ NWO ดูท่าทางเริ่มทำงานกันทุกส่วนแล้ว น่ากลัวจิง ๆ เลย
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 16 มีนาคม 2554 08:41

    สึนามิถล่มญี่ปุ่น ประกันจ่าย5.4หมื่นล้าน$

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->[​IMG]
    ชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)


    <!-- End More Pics -->
    <!-- End More picture--><!-- Begin Thumb More picture -->
    ประกันอ่วมจ่ายสินไหมสึนามิญี่ปุ่น "ชัย โสภณพนิช" เผยตัวเลขแตะ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ กระทบเบี้ยประกันภัยธรรมชาติทั่วโลกพุ่ง 50%

    นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิถล่มญี่ปุ่น บริษัทรับประกันภัยต่อชั้นนำของโลก ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายของค่าสินไหมทดแทน น่าจะอยู่ประมาณ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ยังไม่รวมความเสียหายของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
    ความเสียหายครั้งนี้ในด้านทรัพย์สินนั้นเสียหายน้อยกว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า ซึ่งผลของสึนามิครั้งนี้ ทำให้บริษัทรับประกันภัยต่อ (Re-Insurer) ในต่างประเทศ ได้ปรับขึ้นอัตราค่าเบี้ยประกันมหันตภัยทั่วโลกเฉลี่ยที่ประมาณ 50% โดยจะทยอยขึ้นเป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้ค่าเบี้ยที่ปรับขึ้น จะสามารถทดแทนกับค่าสินไหมทดแทนที่ต้องจ่ายให้ได้ภายใน 3-5 ปี
    เมื่อบริษัทรับประกันภัยต่อขึ้นค่าเบี้ยประกัน บริษัทประกันภัยทั่วโลก และในประเทศไทยก็ต้องปรับค่าเบี้ยไปในทิศทางเดียวกัน
    "จากนี้ไปคนทั่วโลกจะตื่นตัวทำประกันภัยมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้บริเวณรอยแยกของเปลือกโลก จะหันมาซื้อประกันภัยมากขึ้น ส่วนคนที่อยู่ห่างไกลจากรอยแยกของเปลือกโลก อาจไม่สนใจซื้อประกันภัยมากนัก และเหตุการณ์สึนามิ ครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้บริษัทประกันญี่ปุ่นเจ๊ง แค่ได้รับผลกระทบเท่านั้น"นายชัย กล่าว
    ทั้งนี้ เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการจัดตั้งกองทุนกระจายความเสี่ยง สำหรับมหันตภัยทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นการร่วมกันระหว่างรัฐบาลและเอกชน และกองทุนนี้ ก็ได้ทำการประกันภัยต่อไปต่างประเทศด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้ทำให้ประกันของญี่ปุ่น ได้รับความเสียหายมากนัก หากเสียหายมากรัฐบาลก็จะเข้ามาช่วยเหลือ ส่วนกรณีความเสียหายที่สนามบินเซนได ในส่วนของอาคารควบคุมสัญญาณ ไม่ได้รับความเสียหาย แต่สิ่งที่เสียหายคือ รันเวย์ และตัวอาคารบางส่วนเท่านั้น
    ทั่วโลกตื่นทำประกันภัยธรรมชาติ
    นายชัย กล่าวว่า แนวโน้มภัยธรรมชาติจะมีมากขึ้น สาเหตุมาจากโรคร้อน ความเจริญของประเทศต่างๆ ทำให้มีการก่อสร้างอาคาร ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ไปปิดกั้นทางเดินของน้ำ เพราะฉะนั้นจากนี้ไปประชาชนทั่วโลก จะตื่นตัวในการทำประกันมากขึ้น แต่เนื่องจากมีการปรับค่าเบี้ยประกันเพิ่ม ผู้เอาประกันต้องมีมาตรการป้องกันและช่วยเหลือตัวเองด้วย เช่นกรณีน้ำท่วม ก็ควรยกสิ่งของที่มีมูลค่าสูงไว้บนชั้น 2 ของอาคาร เพราะในกรณีที่ได้รับความเสียหายประกัน ก็ไม่ได้จ่ายค่าสินไหมทั้งหมด 100%
    ส่วนกรณีที่มีการซื้อประกัน IAR หรือ Industrial All Risk หรือ ประกันภัยเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ก็จะได้รับความคุ้มครองทั้งหมด แต่จากนี้ไปความถี่ของความเสียหายจะรุนแรงเพิ่ม เพราะฉะนั้น IAR ก็อาจจะมีการจำกัดความเสียหาย เพื่อให้ผู้เอาประกันมีส่วนร่วมป้องกัน เหมือนประกันรถยนต์ ที่มีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก และมีเพดานการจ่ายสินไหม
    ตรวจสอบลูกค้าเสียหาย
    นายชัย กล่าวว่า ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ น้ำท่วมใหญ่ ที่อำเภอ หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อปลายปีที่แล้ว มีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก และบริษัทประกันภัยต่อจ่ายค่าสินไหม ประมาณ 250 ล้านบาท แต่เบี้ยที่ได้รับจริงแค่ 23 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันเพิ่มเป็น 34 ล้านบาท เพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง เพราะบริษัทประกันภัยต่อ ก็หวังว่าภายใน 5-6 ปี จะได้เงินค่าสินไหมคืน และโดยปกติแล้วหากเกิดความเสียหายบ่อยครั้ง รีอินชัวเรอร์ก็จะจำกัดความรับผิดชอบด้วย เช่นจากเดิมเคยจำกัดความเสียหายเอาไว้ 100 ล้านบาท ของใหม่จะกำหนดเพดานความเสียหายไม่เกิน 20 ล้านบาท
    นายชัย กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทกรุงเทพประกันภัย มีลูกค้าที่ทำประกันภัยทางทะเลเอาไว้ จำนวนหนึ่ง แต่หากเกิดความเสียหายก็จะกระทบต่อผลกำไรของบริษัทเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความเสียหายที่ต้องจ่ายค่าสินไหมนั้นจะไม่เกิน 10 ล้านบาท หากเกิน 10 ล้านบาท ก็จะมีการประกันภัยต่อเข้ามารับผิดชอบ แต่ขณะนี้ยังไม่มีลูกค้าติดต่อมา
    อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังพยายามสืบอยู่ว่ามีลูกค้ารายใดได้รับความเสียหายบ้าง และได้ทำประกันคุ้มครองส่วนไหนบ้าง โดยเฉลี่ยความเสียหายที่บริษัทจะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่น่าจะเกิน 10 ล้านบาทต่อหนึ่งเหตุการณ์ ซึ่ง 1 เหตุการณ์ จะมีระยะเวลา 7 วัน หากเกิน 7 วัน ก็จะถือว่าเป็นอีก 1 เหตุการณ์
    พื้นที่เสี่ยงสูงไม่รับประกัน
    นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า กรณีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น ทำให้คนทั่วโลกตื่นตัวทำประกันมากขึ้น แต่ผลกระทบจากภัยธรรมชาติจากนี้ไป จะทำให้
    เบี้ยประกันราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเบี้ยจะสูงขึ้น บริษัทประกันบางแห่งก็ไม่รับประกัน เนื่องจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศไม่รับ
    "กรณีที่พื้นที่เสี่ยงภัยสูง บริษัทส่วนใหญ่ไม่รับประกัน ทางออกผู้ที่เอาประกันคือดูแลตัวเอง และขึ้นกับดวงด้วย"

     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 16 มีนาคม 2554 01:00
    เขตเศรษฐกิจทวาย...เสิ่นเจิ้นของพม่าจริงหรือ?
    โดย : กาแฟดำ

    เมื่อวานเขียนถึงโครงการยักษ์ที่เรียกว่า Dawei (Tavoy) Development Project หรือ “เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย” ในพม่าที่อยู่ใกล้ประเทศไทย

    ซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวขวัญกันในแวดวงนักเศรษฐศาสตร์ นักรัฐศาสตร์และนักลงทุนหลายวงการ

    บางคนบอกว่านี่คือแผนของผู้นำทหารพม่าที่จะแปรสภาพทวายให้กลายเป็นเสิ่นเจิ้นของจีน...นั่นคือการเดินตามเติ้งเสี่ยวผิง ที่ประกาศให้เมืองเสิ่นเจิ้น ตรงข้ามฮ่องกงเป็นจุดแรกของการเปิดประเทศและผลักดันให้พัฒนาเศรษฐกิจอย่างคึกคัก

    ขั้นตอนแรกของการเปิดทวาย ให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนักและศูนย์กลางระบบขนส่งทางทะเลและบกคือการเปิดประตูให้นักลงทุนไทยเข้ามาเป็นกลุ่มแรก คาดว่าเงินลงทุนก้อนแรกจะไม่น้อยกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ หรือไม่น้อยกว่า 240,000 ล้านบาท

    ว่ากันว่ารัฐมนตรีต่างประเทศไทย กับพม่า ลงนามใน MoU เรื่องนี้เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2008 ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่สิงคโปร์ และก้าวต่อมาก็คือเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อรัฐบาลทหารพม่าลงนามกับบริษัทอิตัลไทย ซึ่งได้รับสัมปทานให้เป็นคนพัฒนาโครงการใหญ่ยักษ์นี้อย่างเป็นกิจจะลักษณะ

    ข่าวตอนนั้นอ้างคำพูดของผู้นำพม่านายพลตัน ฉ่วย ว่าเขาต้องการสร้างทวายให้เหมือนเสิ่นเจิ้นของจีนเพื่อให้เป็นหัวหอกของการพัฒนาเศรษฐกิจของพม่า

    แต่ตราบใดที่ระบบการเมืองและเศรษฐกิจของพม่ายังรวมศูนย์อยู่ที่คนกลุ่มเดียวคือนายทหาร และปัญหาคอร์รัปชันยังหนักหน่วงเช่นนี้ การจะสร้าง “เสิ่นเจิ้น” สำหรับพม่าจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

    ผู้ศึกษาขั้นตอนการพัฒนาเสิ่นเจิ้น บอกว่า ปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งของสูตรแห่งความสำเร็จคือการกระจายอำนาจการปกครองจากส่วนกลางไปสู่เขตเศรษฐกิจนั้น เติ้งเสี่ยวผิง เองก็ต้องเจอกับอุปสรรคในการสร้างเสิ่นเจิ้นอยู่หลายปี จนท้ายที่สุดยอมรับความจริงว่าหากใช้ระบบรวมศูนย์อำนาจอย่างพรรคคอมมิวนิสต์ ก็จะไม่มีทางสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษแบบทุนนิยมได้เลย

    ผู้นำทหารพม่าพร้อมที่จะตัดตอนผลประโยชน์ของกลุ่มผู้นำ จัดการกับคอร์รัปชัน และมอบอำนาจการบริหารให้กับเอกชนที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายหรือไม่?

    ข้อนี้ยังไม่มีใครตอบได้ แต่ที่แน่ชัดก็คือว่าทุกคนยังรอคอยว่าโครงสร้างทางการเมืองหลังการเลือกตั้งแล้วจะออกมาในรูปแบบใด...และรัฐบาลใหม่จะมีความเข้าใจในเรื่องการกระจายอำนาจและการสร้างเศรษฐกิจของชาติด้วยวิธีการที่แตกต่างไปจากการรวบอำนาจไว้ที่คนคนเดียวได้อย่างไร

    พูดง่ายๆ ก็คือผู้นำทหารพม่าพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนระบบการบริหารเศรษฐกิจของตนอย่างเป็นกิจจะลักษณะเพียงใด? และหากพร้อมจะเปลี่ยนแปลงสภาพไปอยู่ในโครงสร้างแบบใด? นักลงทุนต่างชาติจะมีความมั่นใจเพียงใดว่าเงินลงทุนหลายแสนล้านบาทที่จะเทลงมาที่ทวายนั้น จะได้รับความคุ้มครองในระดับที่เหมาะสมตามมาตรฐานของการลงทุนระหว่างประเทศ?

    จะว่าไปแล้ว ทวายตั้งอยู่ในจุดภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ เพราะวางอยู่ในจุดที่สามารถจะเชื่อมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับบ่อน้ำมันของตะวันออกกลาง และตลาดในสหภาพยุโรปได้อย่างค่อนข้างสะดวก ทำนองเดียวกับที่เสิ่นเจิ้น ของจีน ที่ตั้งอยู่ใกล้กับฮ่องกง จู่ไห่ มาเก๊า เซียะเหมิน ซึ่งอยู่ประชิดไต้หวัน ซึ่งทั้งหมดนี้มีทางออกทางทะเลทั้งสิ้น

    มองจากแง่ไทยเอง โครงการทวาย น่าจะเป็นการเปิดทางให้ไทยเป็นศูนย์การผลิต การค้า การลงทุนและการคมนาคมขนส่งของเอเชีย และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันตกของไทย

    ปัญหาที่ต้องมองคือภาพการเมืองใหญ่จากระดับผู้นำพม่าที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารเศรษฐกิจ และความเสี่ยงกัน เกิดจากความขัดแย้งของรัฐบาลกลางพม่า กับกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธตรงชายแดน...และคำถามที่สำคัญสำหรับคนไทยทั่วไปก็คือว่า

    หากเกิดประโยชน์จริง จะตกอยู่กับธุรกิจเพียงไม่กี่กลุ่มหรือไม่เพียงใด? คนไทยทั่วไปจะได้อะไรจากการเปิดประตูสู่ตะวันตกครั้งนี้?

     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 15 มีนาคม 2554 16:46
    ประธานยูโรกรุ๊ปไม่ปลื้มบริษัทจัดเรทติ้ง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->


    [​IMG]


    ประธานยูโรกรุ๊ปไม่พอใจบทบาทของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ต่อวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป โดยเฉพาะกรณีของสเปน

    นายฌอง คล็อด ยุงเกอร์ นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ในฐานะประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังแห่งยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) กล่าวในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม เมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.) ว่า นักลงทุนในสหรัฐกำลังพูดกันว่า ตลาดการเงินไม่ได้รับคำแนะนำที่ดีที่สุดเสมอไป จากการเชื่อถือการประเมินของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งเขาเห็นพ้องด้วย
    มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลงมาอยู่ที่ระดับ Aa2 เมื่อวันที่ 10 มี.ค. โดยระบุว่า ธนาคารผู้ปล่อยกู้ของสเปนต้องการเงินมากถึง 50,000 ล้านยูโร เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเงินทุนใหม่ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวมากกว่าสองเท่าของ 20,000 ล้านยูโร ที่รัฐบาลคาดไว้
    นายยุงเกอร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ มูดี้ส์ ไม่รอดูการประเมินของธนาคารกลางสเปน ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันเดียวกัน

     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 15 มีนาคม 2554 12:30
    ญี่ปุ่น:จ้าวแห่งเทคโนโลยีนิวเคลียร์

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ทำความรู้จักโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นจ้าวแห่งเทคโนโลยีนิวเคลียร์

    ญี่ปุ่น ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่พึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์อย่างมาก ปัจจุบัน มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 53 เครื่อง กำลังการผลิต 45,957 เม็กกะวัตต์ โดยเฉพาะกำลังการผลิตไฟฟ้า ต้องพึ่งพาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 1 ใน 3 ทำให้ถูกมองว่า เป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
    แต่ถึงแม้จะได้ชื่อว่า เป็น1ในเจ้าแห่งพลังงานนิวเคลียร์ ญี่ปุ่นก็ไม่ได้เร่งการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพิ่ม และไม่มีแผนสร้างเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยกว่าเดิม ที่จะทำให้มีพลังงานใช้อย่างพอเพียง ในขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งกำลังใกล้จะปิดตัวลง
    ที่ผ่านมา ได้เกิดอุบัติเหตุกับโรงงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นหลายครั้ง และมีความพยายามปกปิดเรื่องอื้อฉาว จนกลายเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของพลังงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นอย่างสาหัส โดยอุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดล่าสุด เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อท่อส่งไอร้อนสูงของโรงงานนิวเคลียร์มิฮามะ ในจังหวัดฟูกูอิ เกิดแตก ทำให้คนงานเสียชีวิตไป 4 คน ที่ถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่ง
    อุบัติเหตุจากนิวเคลียร์ ทำให้ชื่อเสียงของญี่ปุ่นต้องมัวหมอง ทั้งที่เป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ก้าวหน้าที่สุด บริษัทผลิตอุปกรณ์สำหรับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์อย่าง มิทซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสทรี่ส์ ฮิตาชิและโตชิบา ต่างเผชิญความต้องการที่ลดลงในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญคือ ไม่สามารถขายเทคโนโลยีให้แก่ชาติยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย อย่างจีน ได้อีกด้วย
    อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว ที่ส่งผลกระทบล่าสุด ต่อโรงงานนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดนี้ ถือเป็นช่วงการก้าวถอยหลังของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ทำให้แผนการเพิ่มการใช้พลังงานนิวเคลียร์ของรัฐบาล เป็น 41 %ภายในปีนี้ ต้องชลอออกไป ซึ่งภายใต้แผนนี้ รวมถึงการสร้างเตาปฏิกรณ์ใหม่อีกกว่า 10 เครื่อง จากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 53 เครื่อง และรัฐบาลได้ทุ่มเงินไปแล้วหลายพันล้านดอลล่าร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์

     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 15 มีนาคม 2554 12:25
    บีโอเจอัดฉีดเงินรอบใหม่5 ล้านล้านเยน

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ธ.กลางญี่ปุ่นประกาศอัดฉีดเงินอีก 5 ล้านล้านเยนเข้าระบบธนาคารวันนี้

    ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เสนออัดฉีดเม็ดเงิน 5 ล้านล้านเยน(6.1 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบธนาคารในวันนี้ ต่อเนื่องจากการอัดฉีดเงินทุนครั้งใหญ่วานนี้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อคลายความกังวลในตลาดหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว
    บีโอเจ ประกาศอัดฉีดเงินมากเป็นประวัติการณ์ถึง 15 ล้านล้านเยนเมื่อวานนี้และตัดสินใจที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงต่อไปผ่านทางการขยายวงเงินในมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์
    อย่างไรก็ดี ความต้องการกู้เงินอยู่ต่ำกว่าปริมาณเงินที่บีโอเจเสนอปล่อยกู้เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า บีโอเจกำลังอัดฉีดเงินในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ตลาดจะดูดซับได้
    นายมาซาอากิ ชิราคาวะ ผู้ว่าการบีโอเจกล่าวเมื่อวานนี้ว่า บีโอเจ จะยังคงอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดในปริมาณมากต่อไป ถึงแม้ความต้องการกู้เงินอยู่ต่ำกว่าปริมาณเงินที่เสนอปล่อยกู้
    ดัชนีนิกเกอิดิ่งลงกว่า 6% ในวันนี้ หลังจากมีข่าวการระเบิดครั้งใหม่ที่โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น
    บีโอเจเพิ่มขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ขึ้นเป็น 2 เท่าสู่ 10 ล้านล้านเยน และอัดฉีดเม็ดเงินมากเป็นประวัติการณ์เข้าสู่ภาคธนาคารเมื่อวานนี้ เพื่อช่วยพยุงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวและ คลื่นยักษ์สึนามิ และความเสี่ยงด้านนิวเคลียร์รั่วไหล

     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พิพาทหมู่เกาะบานปลาย จีนโก่งค่าไฟฟ้าเวียดนาม
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 มีนาคม 2554 15:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ภาพแฟ้ม 16 ธ.ค.2550 ผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาตะโกนคำขวัญต่อต้านจีน ขณะชุมนุมที่หน้าสถานทูตจีนในกรุงฮานอย หลังจากจีนได้ประกาศตั้งเขตปกครองแห่งใหม่ในไหหนาน (ไหหลำ) ซึ่งครอบคลุมน่านน้ำและหมู่เกาะทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด เสื้อยืดของผู้ประท้วงมีข้อความว่า "หยุดยั้งการรุกรานของจีน" ทางการเวียดนามกล่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ แต่บรรยากาศต่อต้านจีนฝังอยู่ในจิตใจของผู้คนจำนวนมากในประเทศนี้.-- AFP PHOTO/ Frank Zeller.

    ASTVผู้จัดการออนไลน์—กรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับเวียดนาม ยังคงส่งผลกระทบสู่ความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่เสื่้อมทรามลงอย่างเงียบๆ ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ขาดความไว้วางใจต่อกันมาโดยตลอด ล่าสุดเรื่องนี้ได้ลามออกไปสู่ความตกลงด้านพลังงาน ซึ่งสื่อของทางการเวียดนามกล่าวว่า ยังไม่สามารถทำข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้าประจำปี 2554 นี้ได้

    เวียดนามยังคงขาดแคลนไฟฟ้าอย่างหนัก หลายปีมานี้ยังต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากจีนปีละหลายพันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ถึงกระนั้นในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. ทุกปี เมื่อน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนลดลงในระดับวิกฤติ เวียดนามยังต้องหมุนเวียนดับไฟในเมืองใหญ่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์

    ตามรายงานของสำนักข่าวซเวินจี๊ (Dan Tri) บริษัทไฟฟ้าภาคเหนือ (Northern Power Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการไฟฟ้าเวียดนาม (Electricity of Vietnam Group) ยังไม่สามารถตกลงเกี่ยวกับการซื้อไฟฟ้าจากจีนประจำปีนี้ หลังจากฝ่ายจีนขอขึ้นค่าไฟจาก 5.1 เซ็นต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เป็น 6-7 เซ็น

    ปีนี้เวียดนามจะต้องนำเข้าไฟฟ้าจากจีนถึง 4,600 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเพิ่มจากปีที่แล้วราว 4% ซเวินจี๊กล่าว

    นับเป็นเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งที่รายงานผ่านสื่อ อันแสดงถึงความชะงักงันในความสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย นับตั้งแต่เวียดนามได้ยื่นประท้วงจีนเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากจีนได้เปิดการฝึกซ้อมทางเรือที่บริเวณหมู่เกาะหว่างซาของเวียดนาม หรือ เกาะหนันซาของฝ่ายจีน ที่อยู่ทางตอนล่างของทะเลจีนใต้ หรือ "ทะเลตะวันออก" ตามที่ฝ่ายเวียดนามเรียก

    ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ ไต้หวัน ต่างก็กล่าวอ้างสิทธิ์เหนืออาณาบริเวณหรือเหนือเกาะหลายเกาะ ในหมู่เกาะแห่งนี้ ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สแปร์ตลีย์ (The Spratlys)

    สัปดาห์ที่แล้วรัฐมนตรีการค้าจีนนายเฉินเต๋อหมึน (Chen Demin) ได้บอกกับคณะจากมณฑลหยุนหนันที่ไปร่วมประชุมสภาประชาชนในกรุงปักกิ่งว่า รัฐบาลกำลังจะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเข้าพม่าในปีนี้เป็นสายแรก ขณะเดียวกันการก่อสร้างรถไฟอีกสายหนึ่งจากนครหนานหนิง มณฑลกว่างซีไปยังชายแดนเวียดนามได้เลื่อนออกไป เนื่องจาก "กรณีพิพาทหมู่เกาะ"

    ต่อกรณีล่าสุดยังไม่มีคำอธิบายจากฝ่ายจีนเพราะเหตุใดจึงได้ขึ้นราคาไฟฟ้าอย่างกะทันหัน

    ตามรายงานของสำนักขาวออนไลน์ภาษาเวียดนาม การซื้อไฟฟ้าจากจีนในราคาที่แพงขึ้น 20%-40% จะทำให้รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าเวียดนามขาดทุนอย่างมหาศาล เนื่องจากรัฐบาลยังไม่อนุญาตให้ขึ้นค่าไฟฟ้าภายในประเทศให้เท่าเทียมกับราคาที่นำเข้าและต้นทุนการผลิตภายในได้

    ปีที่แล้วอีวีเอ็นขาดทุนประมาณ 1,340 ล้านดอลลาร์ จากความไม่สมดุลเกี่ยวกับราคาไฟฟ้า ขณะที่ 3-4 ปีมานี้ เวียดนามต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากจีน เพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ยังไม่สามารถผลิตเองได้อย่างเพียงพอ ซเวินจี๊กล่าว

    ไฟฟ้าที่ซื้อจากจีนเกือบทั้งหมดใช้ในจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ โดยส่งผ่านสายส่ง 110-220 กิโลโวลต์ และ ยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับข่ายไฟฟ้าของอีวีเอ็นได้ ทำให้ส่วนอื่นๆ ของประเทศยังไม่ได้รับประโยชน์จากการซื้อไฟฟ้าจีนด้วย

    ถึงแม้ว่าทั่วประเทศจะยังขาดแคลนไฟฟ้าอย่างวิกฤต แต่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ล้วนคืบหน้าไปอย่างล่าช้า ปัญหาสำคัญคือการขาดแรงงานกับปัญหาการเวนคืนและการอพยพราษฎร์ที่ได้รับผลกระทบออกจากเขตก่อสร้าง ซเวินจี๊กล่าว.

    ภาพที่ไม่สามารถระบุวันเดือนปีที่ถ่ายรวมทั้งแหล่งที่มา -- ถนนฟัมหงูหลาว (Pham Ngu Lao) สว่างไสวในยามค่ำคืน หลายคนเรียกเป็น "ย่านถนนข้าวสาร" แห่งนครโฮจิมินห์ แต่ทว่าใหญ่โตกว่ามาก แต่การดับไฟทั้งในเวลากลางวันและในยามค่ำคืนกำลังจะหมุนเวียนมาอีก ขณะที่จังหวัดทางภาคเหนือกำลังมีปัญหาเรื่องการซื้อไฟฟ้าจากจีนทางภาคเหนือ.

    IndoChina - Manager Online -
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "ธาตุหายาก" ของขวัญจากสวรรค์ หรือคำสาปจากนรก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 มีนาคม 2554 19:55 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เหมืองแร่ธาตุหายากแห่งหนึ่งในจีน ที่ไป่หยุน ซึ่งมีปริมาณการผลิตธาตุหายาก สัดส่วนมากถึงครึ่งหนึ่งของทั้งโลก - แฟ้มภาพเอเยนซี

    พีเพิ่ลส์เดลีออนไลน์ - เมื่อครั้งที่เริ่มมีการทำเหมืองธาตุหายาก (rare earth) ในหมู่บ้านหวงซา, มณฑลเจียงซีในช่วงปีพ.ศ2513-2523 นั้น

    ลุงหยวน ต้าเผิง ชาวนา วัย 63 ปี เคยฝันหวานว่า มันคือของขวัญ ที่ธรรมชาติมอบให้แก่บ้านเกิดของแก


    ทว่ามาเดี๋ยวนี้ลุงหยวนสงสัยเสียแล้วว่า เหมืองธาตุหายากน่าจะเป็นคำสาปมากกว่า !

    หมู่บ้านหวงซามีชาวบ้านอาศัยอยู่กว่า 1,700 คน ลุงหยวนและชาวบ้านคนอื่น ๆ ไม่รู้จักชื่อของธาตุหายากอย่างแลนทาเนียม,เพรซิโอดิเมียม หรือนีโอดิเมียม แล้วก็ไม่ทราบด้วยว่า โลหะธาตุหายาก ซึ่งมีอยู่ 17 ชนิดเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากในการผลิตสินค้าทันสมัย นับตั้งแต่อัลลอยส์สำหรับสร้างยานอวกาศ ไปจนถึงกังหันลม ,แบ็ตเตอรีรถยนต์พลังไฟฟ้า และโทรศัพท์มือถือ

    อย่างไรก็ตาม มีอย่างหนึ่งที่แกรู้ดี นั่นก็คือการทำเหมืองแร่ธาตุหายากเหล่านี้คือยาพิษสำหรับลำธารและทุ่งนาในหมู่บ้าน

    เมื่อมีการขุดเหมือง ป่าไม้บนเนินเขาก็ถูกโค่นทิ้ง หน้าดินถูกขุดออก และสารเคมีพิษถูกสูบลงไปในหลุม ที่เจาะ เพื่อสกัดธาตุหายาก

    เมื่อเกิดปรากฎการณ์ "ตื่นทอง" สำหรับธาตุหายากในช่วงปีพ.ศ.2533-2543 มิช้ามินานไหล่เขาหลายแห่งทั่วหมู่บ้านก็กลายสภาพเป็น "ผิวดวงจันทร์"

    ชาวนาอย่างลุงหยวนยังทราบด้วยว่า แม้ได้มีการปรับปรุงวิธีการทำเหมืองแร่ในปี 2537 ซึ่งก็ได้ช่วยลดการทำลายการเจริญเติบโตของพืช ทว่าปัญหาน้ำเสียยังมิได้แก้ไข

    ลำธารที่ไหลผ่านหมู่บ้านแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวปนน้ำเงิน แลดูวิปริตผิดธรรมดา ส่วนกากแร่สีเหลืองนั้นเล่า ก็กองสุมสองฟากฝั่ง

    "ลำธารสายนี้เคยใช้เป็นแหล่งน้ำชลประทานของเรา และเป็นแหล่งอาศัยของปลากับกุ้งฝูงใหญ่ " ลุงหยวนเล่า

    ทว่าปัจจุบันลำธารสายนี้ไม่สามารถนำมาใช้รดต้นไม้ และพืชผลในไร่นาได้อีกต่อไป ทั้งกุ้งและปลาก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้

    ขณะที่นาข้าวขนาดไม่กี่ไร่ของลุงหยวนให้ผลผลิตต่ำเมื่อปีที่แล้ว ส่วนนาข้าว ที่อยู่ใกล้กับลำธารนั้น เก็บเกี่ยวไม่ได้เลย

    เรื่องราวเลวร้ายไปอีก เมื่อบ่อน้ำหลายแห่งในหมู่บ้านก็ปนเปื้อนสารพิษ ชาวบ้านต้องต่อท่อน้ำจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาไว้สำหรับดื่ม

    กระนั้นก็ตาม ความจริงที่ต้องยอมรับก็คือแม้เกิดปัญหามากมายเหล่านี้ แต่ลุงหยวนกับชาวบ้านก็ไม่ต้องการให้เลิกการทำเหมืองธาตุหายาก เพราะมันกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักของหมู่บ้านหวงซาไปแล้ว โดยสร้างงานให้กับชาวบ้าน และรายได้ท้องถิ่นประมาณร้อยละ 40 มาจากอุตสาหกรรมนี้

    เมื่อว่างจากฤดูกาลทำนา ลุงหยวนมักมารับงานชั่วคราวทำที่เหมือง หารายได้พิเศษ ลุงหยวนได้รับค่าจ้างวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 50 หยวน หรือราว 250 บาท

    ลำพังลุงหยวนเอง แกบอกว่าสภาพที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน แกไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากหวังว่า ข้าวในนาจะกลับมาให้ผลผลิตสูงเหมือนแต่ก่อน และลำธารจะกลับมามีบทบาทสำคัญสำหรับชุมชนเหมือนอย่างเมื่อครั้งที่ยังไม่มีการเปิดเหมืองธาตุหายากที่นี่

    นอกจากนั้น ยังหวังว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากการทำเหมืองประเภทนี้

    ในฐานะเป็นชาติผู้ผลิตและส่งออกธาตุหายากรายใหญ่สุดของโลก รัฐบาลจีนมิได้นิ่งนอนใจกับปัญหาดังกล่าว โดยตั้งแต่ต้นปีมาก็ได้ประกาศมาตรการเป็นลำดับ เช่น จำกัดปริมาณการปล่อยสารมลพิษ ลดโควตาส่งออก และปราบปรามการลักลอบทำเหมืองและลักลอบส่งออกธาตุหายาก เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

    เครดิต คุณ สังขารไม่เที่ยง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4488624", true); </SCRIPT> http://palungjit.org/threads/ธาตุหายาก-ของขวัญจากสวรรค์-หรือคำสาปจากนรก.283816/
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วิกฤตญี่ปุ่นฉุดหุ้นมะกันดิ่ง-เยนแข็งค่าสุดตั้งแต่สงครามโลก แต่น้ำมันบวก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 มีนาคม 2554 05:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเอฟพี - ราคาน้ำมันวานนี้ (16) ดีดตัวกลับขึ้นมา หลังความกังวลต่อเหตุความไม่สงบในอาหรับกลบกระแสตื่นตระหนกจากหายนะทางนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ชาติผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ของโลก กระนั้นปัจจัยหลังนี้ฉุดให้วอลล์สตรีทดิ่งลงแรงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน และค่าเงินเย็นแข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

    สัญญาล่วงหน้าน้ำมันไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ ปิดที่ 97.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากวันอังคาร (15) ดิ่งลงถึง 4.01 ดอลลาร์ ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ทรุดลง 5.15 ดอลลาร์

    “มีปัจจัยหลักๆ อยู่ 2 ตัว คือ สถานการณ์ในญี่ปุ่น และความไม่สงบที่ยังดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง” แมตต์ สมิธ นักวิเคราะห์จากซัมมิต เอเนอร์จี กล่าว

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (16) มีความวิตกอย่างรุนแรงต่อวิกฤตนิวเคลียร์ญี่ปุ่น ปัญหาหนี้สินของยูโรโซนและความตึงเครียดในชาติอาหรับ ทำให้ปิดลบอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ ที่ดิ่งลงกว่า 200 จุด

    ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 242.19 จุด (2.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,613.23 เปอร์เซ็นต์ แนสแดค ลดลง 50.51 จุด (1.89 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,616.82 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 24.99 จุด (1.95 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,256.88 จุด

    ขณะเดียวกันเงินเยนญี่ปุ่นวานนี้ (16) เมื่อเทียบกับดอลลาร์แล้ว แข็งค่าสูงสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ที่ 79.73 เยนต่อดอลลาร์ โดยนักลงทุนพิจารณาถึงผลกระทบของหายนะแผ่นดินไหวและสึนามิที่ถล่มญี่ปุ่นจนพังพินาศ
    ความคิดเห็นที่ 1
    ทำไมแผ่นดินไหวส่งผลกระทบทำให้ค่าเงินญี่ปุ่นถึงแข็งขึ้น ขอผู้มีความรู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ
    ความรู้น้อย

    เงินดอล์ที่ญี่ปุ่นมีอยู่ จะถูกปล่อยออกมา น่าจะถึงแสนล้านดอล์ เพื่อเอามาปรับปรุง พัฒนา ซึ่งจะทำให้เงินดอล์ล้น
    และเยนขาด คนเลยเก็งกำไร
    ผู้ชายคนหนึ่ง

    พวกผีนักปั่นไงครับ
    เดี๋ยวก็อ่อน

    ต้องการใช้เงินเยนมาซ่อมประเทศ รัฐบาลต้องปล่อยดอลล่าออกมาเปลี่ยนเป็นเยน ทำให้เยนในตลาดหายาก
    รู้ไม่มาก

    เพื่อการปรับปรุงสิ่งที่เสียหาย
    ทำให้รัฐบาล และผู้ประกอบการของญี่ปุ่น
    ต้องทำการสำรองสภาพคล่องในรูปเงินเยนเอาไว้ครับ
    ทำให้มีการเปลี่ยนทรัพย์สินในรูปแบบอื่นๆ(เช่น US dollar)ให้เป็นเงินเยนครับ

    พูดง่ายๆคือ ญี่ปุ่นจากนี้ไปมีเรื่องให้ต้องใช้เงินอีกเยอะมากครับ ในรูปเงินเยน ทำให้ตอนนี้ทุกฝ่ายในญี่ปุ่นต้องเตรียมเงินเยนเอาไว้ก่อนครับ พอมีคนหาซื้อเงินเยนเยอะๆ มันก้เลยแพงครับ
    เมื่อครั้งแผ่นดินไหวที่โกเบก็เป็นแบบเดียวกันนี้ครับ
    Quattro

    ความคิดเห็นที่ 2
    เกิดจากเงินนอกไหลเข้าประเทศเยอะ เพื่อไปช่วยเหลือ
    เยนเลยแข็งครับ
    เอ

    ความคิดเห็นที่ 3
    จะไม่ให้แข็งได้อย่างไรละค่ะประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศประชากรที่ทำประกันภัยมากที่สุดในโลกบวกกับยังมีบริษัทโตเกียวมารินที่รับทำวินาศภัยอีกซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นแถมยังซื้อกิจการประกันชีวิตที่อเมริกาชื่อฟิลาเดลเฟียซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาลองคิดดูซิค่ะว่าเฉพาะความเสียหายของภาคประชาชนก็เยอะแล้วไหนจะต้องจ่ายในภาคบริษัทที่ทำประกันวินาศแล้วซึ่งต้องจ่ายกันเงินเป็นดอลลาร์แล้วซึ่งต้องทำให้ค่าเงินญี่ปุ่นถูกลงเพื่อที่จะนำเงินดอลลาร์มาซื้อเงินเยนได้มากขึ้น..
    เกด

    ความคิดเห็นที่ 4
    ก็ประเทศญี่ปุ่นใช้จ่ายเป็นเงินเยน เหมือนไทยใช้บาทนี้แหละครับ ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นนำเยนไปแลกเป็นดอลลาร์เพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ แต่ปัจจุบันนี้ญี่ปุ่นต้องการเยนมาใช้ในประเทศตัวเองซึ่งจำนวนมหาศาล ทำให้เงินเยนเป็นที่ต้องการมาก ก็เลยทำให้ค่าเยนแข็งขึ้นครับ
    นัน

    Around the World - Manager Online -
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 17 มีนาคม 2554 01:00
    ลีกวนยิว:วันหนึ่งประชาชน เขาก็อาจเลือกอีกข้างหนึ่ง
    โดย : กาแฟดำ
    ผมเพิ่งได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ล่าสุดของอดีตนายกฯ ลีกวนยิว แห่งสิงคโปร์ชื่อ "Hard Truths to Keep Singapore Going"
    ซึ่งมีเนื้อหาอยู่หลายตอนที่ท่านผู้เฒ่าวัย 84 ท่านนี้ยอมรับว่าวันหนึ่งข้างหน้า ประชาชนอาจจะเบื่อพรรคการเมืองที่ปกครองประเทศมาตลอดจนหันไปหาพรรคอื่นได้

    มาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต ลี เริ่มจะพูดอะไรที่แต่ก่อนไม่เคยพูดในที่สาธารณะ แต่เพราะแกเป็นคนโผงผาง และ “อยู่กับความจริงกับความฝัน” ลีกวนยิว จึงวิเคราะห์ตัวเองและพรรค People’s Action Party (PAP) ของตัวเองอย่างน่าสนใจยิ่ง

    ประโยคที่ลีตอบคำถามคณะนักข่าวอาวุโส 7 คนของ Straits Times เพื่อพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือหนา 457 หน้าเล่มนี้ตอนหนึ่งที่ตอบคำถามอนาคตของพรรคที่ปกครองประเทศมาหลายสิบปี โดยไม่ยอมให้พรรคฝ่ายค้านได้โผล่หน้ามาเกิน 2 คนต่อครั้งว่าอย่างนี้

    “…There will come a time when eventually the public will say, look, let’s try the other side, either because the PAP has declined in quality or the opposition has put up a team which is equal to the PAP and they say, let’s try the other side. That day will come…No system lasts forever, that’s for sure. In the next 10 years to 20 years, I don’t think that will happen. Beyond that, I cannot tell. Will we always be able to get the most dedicated and the most capable, with integrity to devote their lives to this? I hope so, but forever, I don’t know…”

    ข้อความนี้สะท้อนว่าลีกวนยิว ก็หวั่นๆ อยู่ว่าวันหนึ่งข้างหน้า ประชาชนชาวสิงคโปร์ประมาณ 4 ล้านนี้จะเซ็งกับพรรคการเมืองที่เป็นผู้กำหนดชะตากรรมของพวกเขามาตลอด

    ลี อ้างเหตุผลว่าชาวบ้านจะเบื่อหน่ายพรรค PAP ก็อาจจะเพราะคุณภาพของคนแย่ลงหรือเพราะพรรคฝ่ายค้านสามารถหาทีมงานที่มีฝีมือพอๆ กันและประชาชนบอกว่า “เราลองใช้บริการของอีกฝ่ายหนึ่งบ้างก็ดี”

    ท่านผู้เฒ่าแห่งเกาะสิงคโปร์ ยอมรับว่า “วันหนึ่ง วันนั้นก็จะมาถึง” เหมือนจะเริ่มทำใจ หรือไม่ก็เป็นการส่งสัญญาณเตือนให้กับลูกชายตัวเองที่เป็นหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีว่า อย่าได้ประมาททีเดียวเชียว

    แต่เหตุผลที่ลีไม่ได้พูดถึงอาจจะเป็นเพราะรู้อยู่ลึกๆ ว่าการกดดันประชาชนคนสิงคโปร์ให้อยู่ภายใต้การเมืองแบบรวมศูนย์ ไม่ให้มีการแสดงความเห็นคัดค้านต่อต้านรัฐบาลเลยนั้นย่อมจะไม่อาจจะอยู่ได้ตลอดไป

    สิ่งที่ลีเชื่อมั่นว่าได้ทำให้คนสิงคโปร์ยอมอยู่ใต้ PAP มาตลอดก็คือ เพราะพรรคนี้สามารถทำให้เศรษฐกิจดีและดูแลปากท้องของประชาชนได้ดีพอสมควร นอกนั้นไม่มีอะไรโดดเด่นกว่าใครโดยเฉพาะประเด็นความคิดสร้างสรรค์ของเด็กสิงคโปร์ ที่ไม่อาจจะสู้กับสังคมที่อนุญาตให้ชาวบ้านแสดงความเห็นได้อย่างคล่องแคล่วกว่าที่เห็นอยู่ในสังคมสิงคโปร์

    ลีกวนยิว บอกว่าอีก 10 ถึง 20 ปี ยังอาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหนักหนาสำหรับพรรค PAP แต่หลังจากนั้นไม่แน่ เพราะ “ไม่มีระบบไหนอยู่ค้ำฟ้า”

    แต่ความจริงที่ไม่เกี่ยวกับการอยู่หรือไม่อยู่ค้ำฟ้าคือความรู้สึกของประชาชนสิงคโปร์ ต่อผู้นำและระบบการเมืองของเขา...เพราะเมื่อท้องอิ่ม แต่เป็นความรู้สึกอิ่มที่ต้องแลกกับเสรีภาพทางความคิดหรือความสามารถที่จะกำหนดทิศทางของแนวทางการเมืองของประเทศชาติ

    ความจริง การที่ประชาชนจะคิดเปลี่ยนไปหา “อีกฟากหนึ่ง” ของการเมืองนั้นเป็นเรื่องปกติเหลือเกินสำหรับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย...ทำไมลีกวนยิว จึงบอกว่าอีก 10-20 ปีค่อยมาว่ากันใหม่?

    เพราะความไม่มั่นใจว่าผู้รับช่วงต่อจะดูแลรักษาฐานอำนาจไว้ได้อีกนานเท่าไหร่เท่านั้นเอง

     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 17 มีนาคม 2554 01:00
    นิวเคลียร์ในฝัน

    โดย : สมชาย ปรีชาศิลปกุล

    ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพลังงานปรมาณูของไทยคนหนึ่งได้แสดงความเห็นว่า ในทางทฤษฎีแล้วยังไม่อาจเรียกกรณีโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น

    ซึ่งถูกคลื่นยักษ์สึนามิถล่มว่าเป็นการระเบิดได้ และรวมทั้งการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีก็ยังไม่น่าอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้คนได้

    ความเห็นที่น่าอัศจรรย์ใจนี้เป็นปัญหาอย่างแน่นอนอย่างน้อยก็กับสื่อมวลชนแทบทั้งหมด ที่รายงานข่าวโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ต่างก็ใช้ถ้อยคำที่มีความหมายถึงการระเบิดแทบทั้งสิ้น ทั้งกับสื่อมวลชนในไทยและที่รายงานข่าวเป็นภาษาอังกฤษ (ส่วนสื่อญี่ปุ่นจะใช้คำที่มีความหมายอย่างไรก็ทราบได้เนื่องจากไม่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่น) อันมีความหมายว่าสื่อมวลชนกำลังรายงานข่าวที่ไม่ใช่ความจริงในทางทฤษฎี

    รวมทั้งกับรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่ง “กระต่ายตื่นตูม” ทำการอพยพผู้คนจำนวนนับแสนออกจากพื้นที่โดยรอบของโรงงานที่ได้เกิดการบึ้มขึ้น (คงต้องขอใช้คำนี้ไปก่อนเพื่อให้สอดคล้องกับความเห็นในทางทฤษฎีของผู้เชี่ยวชาญไทยซึ่งบอกว่าไม่ใช่การระเบิด) ทั้งที่ระดับของกัมมันตภาพรังสียังไม่อยู่ระดับที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

    โดยไม่ต้องมีคำถามต่อแต่ก็เป็นที่มั่นใจได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญคนนี้ยังต้องสนับสนุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในประเทศไทยอย่างแน่นอน

    ความเห็นนี้เป็นตัวอย่างของการให้เหตุผลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งมักถูกอธิบายกันอย่างกว้างขวางในสังคมแห่งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพลังงานนิวเคลียร์ต่างยืนยันกันเป็นเสียงเดียวอย่างหนักแน่นว่า เทคโนโลยีของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์มีความก้าวหน้าไปอย่างมาก แตกต่างไปจากโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในอดีตที่มีข้อบกพร่อง และได้ผ่านแก้ไขปรับปรุงจนกระทั่งสามารถป้องกันอุบัติเหตุการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีได้เกือบๆ หรือไม่ก็ร้อยเปอร์เซ็นต์

    แม้จะยืนยันว่าเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ในปัจจุบันถูกออกแบบให้รับมือกับอุบัติภัยอย่างรอบด้าน จนอาจกล่าวได้ว่าในทางทฤษฎีแล้วมีความเป็นไปได้น้อยมากในการที่จะเกิดการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีเกิดขึ้น

    แต่ก็ไม่ควรลืมว่าเมื่อโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เกิดขึ้นนั้นไม่ได้อยู่เป็นเพียงแค่ทฤษฎี แต่มันได้ถูกสร้างขึ้นในสังคมที่มีผู้คนและอยู่ภายใต้เงื่อนไขทางด้านสภาพแวดล้อมต่างๆ และนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติภัยขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์การรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี ปัจจัยที่ถูกระบุว่าจะเป็นต้นเหตุของการรั่วไหลในความเป็นจริงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างน้อยก็มาจากความผิดพลาดของมนุษย์และภัยพิบัติของธรรมชาติ

    เมื่อกล่าวถึงความผิดพลาดของมนุษย์ไม่ใช่เพียงแค่การโยนบาปไปให้กับบุคคลที่เป็นต้นเหตุด้วยเหตุผลว่าเมาค้างหรือทะเลาะกับเมียมาเท่านั้น ทั้งนี้ระบบซึ่งมีประสิทธิภาพที่จะลดความผิดพลาดของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงระบบประกันคุณภาพที่ชอบกระทำกันในธุรกิจเอกชนเท่านั้น ดูโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษแก่สาธารณะก็ล้วนแต่ได้รับรางวัล ISO มาแทบทั้งสิ้น ความสามารถของสังคมทั้งในด้านของการตรวจสอบและการสร้างความรับผิดให้กับธุรกิจอุตสาหกรรมนับเป็นเงื่อนไขอันหนึ่งที่ไม่ค่อยได้รับความสำคัญ

    โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ก็เช่นกัน ปัญหาจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี แต่หากสัมพันธ์กับเงื่อนไขทางสังคมว่าจะควบคุมได้มากเพียงใด ระบบการจัดการของฝรั่งหรือญี่ปุ่นที่มีประสิทธิภาพไม่ได้เป็นเพราะว่าดีเอ็นเอของเขาดีกว่าคนไทย หากเพราะระบบความรับผิดต่อสาธารณะที่อยู่ระดับสูงทำให้ต้องมีระบบตรวจสอบและป้องกันความผิดพลาดของมนุษย์ที่มากขึ้น

    มองในแง่นี้สำหรับสังคมไทยความสามารถของสังคมในการควบคุมกิจการในลักษณะเช่นนี้นับว่ามีอยู่ต่ำมาก และจะให้เชื่อได้อย่างไรว่าหากมีโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์แล้วอำนาจของสังคมไทยจะเพิ่มมากขึ้นโดยทันที

    หรือในแง่ของภัยพิบัติตามธรรมชาติก็เป็นที่ยอมรับกันว่าสภาวะธรรมชาติในห้วงเวลาปัจจุบันมีความแปรปรวนและสามารถเกิดภัยพิบัติขึ้นได้ในอัตราที่เพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตอย่างมาก แม้จะอธิบายว่าประเทศไทยไม่ได้ตั้งในรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกเหมือนญี่ปุ่น ทำให้โอกาสเผชิญหน้ากับแผ่นดินไหวรวมไปถึงสึนามิเป็นไปได้น้อย แต่ต้องไม่ลืมว่าเมื่อพูดถึงอันตรายจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงไม่ได้มีความหมายแค่คลื่นยักษ์อย่างเดียว น้ำท่วมภาคอีสานและภาคใต้แบบไม่คาดคิดในปีที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดี

    ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้นอาจไม่ได้อยู่ในทฤษฎีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ผู้เชี่ยวชาญพลังงานนิวเคลียร์อาจตอบได้ถึงความปลอดภัยของโรงงานในสภาวะที่คาดเดาเอาไว้ได้ แต่จะสามารถคาดหมายถึงความรุนแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะได้หรือ อันนับเป็นส่วนสำคัญต่อการสร้างระบบเพื่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์

    โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นซึ่งเผชิญกับสึนามิก็มีระบบป้องกันภัยเอาอย่างแน่นหนา เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแต่ละระบบก็จะทำการแก้ไขหรือป้องกันทันทีและหากไม่เป็นผลก็จะมีระบบอื่นมารองรับอย่างน้อยก็ 3 ชั้น จนโอกาสที่จะเกิดการบึ้มขึ้นแทบเป็นไปไม่ได้แต่ในที่สุดก็เกิดขึ้นไม่ใช่หรือ

    ทั้งหมดนี้จึงเป็นความเสี่ยงซึ่งควรถูกนำมาคำนวณเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนในการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ด้วยและเป็นความเสี่ยงที่มีความเป็นไปได้อย่างมาก แม้ว่าทางด้านฝ่ายผู้รับผิดชอบจะทำเป็นมองไม่เห็นหรือไม่สนใจแต่ก็ไม่อาจปิดตาของสังคมได้ เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาคนที่ต้องแบกรับต้นทุนเหล่านี้ก็คือประชาชนทั่วไป ทั้งในด้านของความหวาดกลัวต่ออันตรายจากกัมมันตภาพรังสีหรือโรคร้ายที่เกิดขึ้นจริงหากมีการรั่วไหลออกมา ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ไม่ต่างไปจากผู้รับผิดชอบ

    การให้เหตุผลว่าในทางทฤษฎีสามารถควบคุมหรือกำกับโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์จึงเป็นความจริงที่อยู่ในกระดาษ แต่เมื่อต้องมาสู่ขั้นตอนของการดำเนินการจริงจะพบว่าอุบัติภัยจากกัมมันตภาพรังสีหรือโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์จำนวนมากก็เป็นผลมาจากเรื่องที่ไม่ใช่จากความรู้ในด้านทฤษฎีพลังงานนิวเคลียร์เท่านั้น หากสัมพันธ์กับเงื่อนไขหรือปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนิวเคลียร์ไม่รู้จักหรือไม่สนใจจะรับรู้

    คำถามคือสังคมไทยจะปล่อยให้โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์อยู่ภายใต้การอธิบายและตัดสินใจจากทฤษฎีซึ่งไม่มีความเป็นจริงทางด้านสังคมอยู่เลยกระนั้นหรือ

    หมายเหตุ: บทความนี้เขียนเสร็จในเช้าวันอังคารก่อนหน้าการ "ระเบิด" ของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์อีกหนึ่งโรง บทสัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญ เป็นสิ่งที่ได้ฟังมาในเย็นวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2544 ซึ่งสถานการณ์ ของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นยังดูเหมือนไม่เลวร้ายมาก

     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 16 มีนาคม 2554 01:00
    แผ่นดินไหวญี่ปุ่น ตอน “สึนามิสอนใจ”

    โดย : พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล

    ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขั้นรุนแรงขนาด 8.9 ห่างไปจากกรุงโตเกียวเพียง 382 กิโลเมตร

    หรือเพียง 12.8 กิโลเมตรจากชายฝั่งทะเลของญี่ปุ่น ซึ่งด้วยแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวดังกล่าว ทำให้เกิดคลื่นสึนามิระดับความสูงกว่าสิบเมตรถาโถมเข้าประเทศญี่ปุ่น อันเป็นประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอย่างไม่ปรานีปราศรัย

    เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า ประเทศญี่ปุ่นมีความเสี่ยงสูงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ อันเนื่องมาจากที่ตั้งของประเทศนี้ ซึ่งอยู่บริเวณที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” (Pacific Ring of Fire) อันเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของภูเขาไฟและแผ่นดินไหวในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีแถบภูเขาไฟขดตัวเป็นรูปเกือกม้าทั้งหมด 452 ลูกวางทอดตัวไปตามแนวร่องมหาสมุทรที่มีความยาวกว่า 40,000 กิโลเมตร ส่งผลให้พื้นที่ของเกาะญี่ปุ่นกลายเป็นพื้นที่ซึ่งมีภูเขาไฟคุกรุ่นอยู่กว่า 75% และเป็นแหล่งรวมของเหตุการณ์ของการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ๆ ในโลกกว่า 80% ด้วยที่ตั้งของประเทศญี่ปุ่นซึ่งพาดผ่านรอยประสานของเปลือกโลกสามแผ่น ทำให้ความสุ่มเสี่ยงของคนญี่ปุ่นที่มีต่อเหตุการณ์อันไม่คาดฝันจากภัยธรรมชาติคือเรื่องปกติของคนชนชาตินี้

    ด้วยแรงกระแทกทั้งจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิส่งผลให้พื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นได้รับความเสียหายอย่างยับเยิน โดยว่ากันว่าบางพื้นที่มีเวลาในการเตรียมตัวหนีภัยสึนามิน้อยกว่าห้านาทีเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ได้แก่ เมืองท่าอย่างฮาชิโนเฮซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมเคมีและอุตสาหกรรมการเกษตร เมืองคามาอิชิซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเหล็กกล้า เมืองเซนไดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำร้อนที่สำคัญ และเมืองนาโตริ ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของโรงงานกล้องนิคอนอันโด่งดัง ต่างประสบกับภาวะวิกฤติจากภัยพิบัติในครั้งนี้กันอย่างทั่วหน้า ทั้งนี้จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญพบว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้างมากกว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ณ เมืองโกเบ กว่า 180 เท่า ซึ่งนับเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 300 ปีของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว

    เป็นที่แน่นอนว่า ภาพข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศทุกช่องต่างจดจ้องรายงานสถานการณ์ชนิดตาไม่กะพริบ เล่นเอาข่าวการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เคยถูกโหมกระพืออย่างคึกคักในเขตประเทศตะวันออกกลางกลายเป็นข่าวย่อยบนหน้าจอกันเลยทีเดียว จากสถานการณ์ภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นนับได้ว่าเป็นกรณีศึกษาที่ควรค่าแก่การทำความเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือการทำงานของสื่อมวลชนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ของเอกชนหรือสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ต่างก็ทำหน้าที่ในฐานะพื้นที่สาธารณะของสังคมเพื่อเปิดพื้นที่สื่อมวลชนคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการตั้งกล้องรายงานสถานการณ์สด พร้อมให้ภาพของภัยพิบัติแบบนาทีต่อนาที มีการตัดข่าวเตือนภัยฉุกเฉินกรณีของการคาดการณ์สึนามิลูกใหม่หรือแผ่นดินไหวอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่อง มีการให้ข้อมูลคนติดค้างและความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์ มีการรายงานสถานการณ์การเดินทางที่กระทบกับชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างเป็นระยะ และมีการวิเคราะห์ที่มาที่ไปของสถานการณ์ภัยพิบัติในครั้งนี้ให้ทั้งสังคมญี่ปุ่นและสังคมโลกเข้าใจอย่างถ่องแท้

    การรายงานข่าวและเกาะติดสถานการณ์ซึ่งคุกคามชีวิตคนในประเทศอย่างต่อเนื่องของสื่อมวลชนญี่ปุ่นในครั้งนี้ ได้ให้ภาพของการจัดลำดับข่าวและการให้ความสำคัญของเนื้อหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้ชมคนดูโดยตรง ทั้งนี้แม้จะมีการฉายซ้ำภาพความเสียหายของภัยพิบัติเพื่อตอกย้ำความเสียหายให้ผู้ชมได้ตระหนักตามจริตของสื่อมวลชนอยู่บ้าก็ตาม แต่สำนักข่าวญี่ปุ่นก็ไม่ละเลยที่จะรายงานสถานการณ์อย่างมีลำดับขั้น มีการใช้กราฟฟิกและตัวอักษรขึ้นบนหน้าจอเพื่อรายงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ให้เกิดความสับสนแก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี

    การรายงานสถานการณ์ของสถานีข่าวของประเทศญี่ปุ่นได้แสดงศักยภาพในการแพร่ภาพให้กับคนต่างชาติและคนญี่ปุ่นในต่างแดนได้ดู โดยมีความพยายามในการเปิดช่องทางสำหรับการแพร่ภาพ เพื่อให้ทางเลือกกับผู้รับชมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่น สถานีเอ็นเอชเค (NHK) ได้เปิดช่องทางในการรับชมผ่านระบบถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ต ในโปรแกรมที่ชื่อว่า UStream เพื่อให้การรับรู้ข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉินมีความเป็นไปได้สูงสุด ขยายวงได้มากที่สุด และเข้าถึงผู้รับสารได้อย่างเท่าเทียมกันไม่มีเส้นกั้นทางเทคโนโลยีหรือการเข้าถึงทางการเงินที่ว่าด้วยระบบสมาชิกมาแบ่งแยกได้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากสถาบันสื่อมวลชนของญี่ปุ่นต่างตระหนักว่า ภายในสถานการณ์ภัยพิบัติที่คุกคามทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งไม่มีใครคาดการณ์ใดๆ ได้ ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่สุดของคนในชาติของเขา

    จากบทเรียนของการรายงานข่าวในสถานการณ์ฉุกเฉินของสำนักข่าวญี่ปุ่นน่าจะเป็นกรณีศึกษาให้กับสำนักข่าวของประเทศไทยและรัฐบาลไทยไม่มากก็น้อย เนื่องจากการรายงานข่าวภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ การเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสเพื่อปกป้องชีวิตผู้คนในประเทศ พร้อมกับการรายงานข่าวที่ตรงไปตรงมา ไม่ปั่นกระแส ไม่กระตุ้นเร้า ไม่ดราม่า ไม่เอาดีเข้าตัว ไม่ฉกฉวยโอกาสจากภัยพิบัติ ไม่แย่งซีนผู้ประสบภัยเพื่อปั้นฮีโร่ของสังคม หรือไม่ “เคอิโงะ” คงเป็นสิ่งที่บรรดาผู้ประสบภัยทั้งหลายอยากได้จากสำนักข่าวมากกว่าข้าวของที่ถาโถมเข้ามาบริจาคแบบฉาบฉวยพอให้ได้ออกหน้าจอแล้วจากไป

     

แชร์หน้านี้

Loading...