เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

โอบามาเปิดปากประณาม "รับไม่ได้" ลิเบียใช้กำลังรุนแรงสลายชุมนุม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 10:54 น.





ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ พร้อมด้วยฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ


เอเจนซี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ประณามเหตุการณ์นองเลือดในลิเบียว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ พร้อมระบุว่าเขาจะร่วมกับหลายๆ ประเทศกดดันให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโมอัมมาร์ กัดดาฟีรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว

โอบามาแสดงความเห็นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนมในลิเบียอย่างรุนแรง รวมถึงเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศของภูมิภาคนี้ โดยว่ารัฐบาลของเขากำลังหาทางเลือกสำหรับวิกฤตดังกล่าวอย่างเต็มที่

"ความเจ็บปวด และการนองเลือดเป็นการกระทำที่รุนแรง และไม่สามารถยอมรับได้" เขากล่าว "ความรุนแรงเช่นนี้จำเป็นต้องยุติลง"

ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้ระบุว่ารัฐบาลวอชิงตันจะดำเนินการอย่างไรกับลิเบีย แต่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ได้เผยก่อนหน้านี้ว่า อาจจะมีใช้มาตรการลงโทษด้วยการอายัดทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินของกัดดาฟีด้วย

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่า ทางเลือกของสหรัฐฯ ที่จะเข้าไปแทรกแซงเหตุนองเลือดในลิเบียนั้นมีจำกัด ไม่เเหมือนสถานการณ์ในอียิปต์ และบาห์เรน ซึ่งวอชิงตันสามารถกดดันได้ในฐานะชาติพันธมิตรอันยาวนาน และผู้ให้การสนับสนุนทางการเงิน

นอกจากนี้ โอบามา ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่จับมือกับกัดดาฟี ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่าไม่ยอมออกมากล่าวอะไรก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า สหรัฐฯ ต้องการให้แน่ใจว่าชาวอเมริกันในลิเบียจะอพยพออกมาได้อย่างปลอดภัยเสียก่อน

รัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่ามีชาวอเมริกันหลายพันคนอาศัยอยู่ในลิเบีย ส่วนใหญ่ถือสองสัญชาติ และมีประมาณ 600 คนที่ถือพาสปอร์ตสหรัฐฯ อย่างเดียว ซึ่งมีการเตรียมอพยพพลเมืองอเมริกัน และชาติอื่นๆ ออกจากลิเบียโดยเรือเช่าเหมาลำไปยังเกาะมอลตา ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

ขณะที่สหรัฐฯ กำลังหาทางลงโทษลิเบียอย่างรอบคอบ แต่รัฐบาลของหลายประเทศในสหภาพยุโรปได้เริ่มใช้มาตรการต่างๆ กับประเทศนี้แล้ว เช่น คำสั่งการห้ามเดินทาง ห้ามค้าอาวุธ และการอายัดทรัพย์สิน

โอบามายังระบุว่าจะส่งฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางไปนครเจนีวา เพื่อร่วมประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในสุดสัปดาห์นี้ และร่วมหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของชาติพันธมิตรสหรัฐฯ ด้วย

Around the World - Manager Online -

 

“อัลกออิดะห์” ในแอฟริกาเหนือลั่นพร้อมสนับสนุนผู้ประท้วงลิเบียโค่น “กัดดาฟี”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 11:58 น.






ชาวลิเบียในเมืองเดอร์นาตะโกนขับไล่ มูอัมมาร์ กัดดาฟี วานนี้(23) ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ว่า ผู้นำลิเบียได้สูญเสียดินแดนทางตะวันออกนี้ให้แก่กลุ่มก่อความไม่สงบแล้ว


เอเอฟพี - เครือข่ายอัลกออิดะห์ในแอฟริกาเหนือสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยชาวลิเบียโค่นล้ม มูอัมมาร์ กัดดาฟี แถลงการณ์ซึ่งเผยแพร่โดยศูนย์จับตาความเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้าย เอสไอทีอี วันนี้(24) เผย

“(เรา)จะทำทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนพวกท่าน ด้วยความช่วยเหลือจากองค์อัลเลาะห์ เนื่องจากการต่อสู้ของพวกท่านก็คือการต่อสู้ของชาวมุสลิมที่รักอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์” แถลงการณ์จากกลุ่มอัลกออิดะห์ในรัฐอิสลามมัฆริบ (AQIM) ระบุ

จากบทแปลภาษาอังกฤษของ เอสไอทีอี อัลกออิดะห์ไม่ได้พูดถึงคำกล่าวอ้างของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศลิเบียที่ว่า พวกเขาได้สร้างรัฐอิสลามขึ้นในเมืองเดอร์นา ทางตะวันออกของลิเบีย

ประชาชนในเมืองเดอร์นาให้สัมภาษณ์ว่า คำพูดของรัฐมนตรีช่วยฯไม่มีหลักฐานยืนยัน และรัฐบาลลิเบียกำลังพยายามทำให้ยุโรปหวาดกลัวเท่านั้น

เอคิวไอเอ็ม สรรเสริญการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลในอียิปต์และตูนิเซีย พร้อมระบุว่าถึงเวลาแล้วที่ “คนใจบาปหยาบช้า” อย่างกัดดาฟี จะต้องพบจุดจบเดียวกัน

“เราขอประกาศว่า จะสนับสนุนและช่วยเหลือการปฏิวัติโดยชอบธรรมในลิเบีย และขอให้ประชาชนลิเบียมั่นใจว่า เราจะอยู่กับพวกท่าน และจะไม่ทำให้พวกท่านต้องผิดหวัง” แถลงการณ์ซึ่งปรากฎบนเวบไซต์ของกลุ่มญิฮาดวานนี้(23) ระบุ

เอคิวไอเอ็ม กล่าวด้วยว่า ความพยายามรักษาอำนาจปกครองของรัฐบาลในแอฟริกาเหนือเผยให้เห็น “คำโป้ปด” ของพวกเขาที่ว่า อัลกออิดะห์ เป็นผู้สังหารคนบริสุทธิ์

“เราออกมาปกป้องพวกท่านจากทรราชที่ขโมยสิทธิ์ของท่าน, ปล้นทรัพย์สินของท่าน และทำให้ท่านไม่ได้รับปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับชีวิตอันมีเกียรติ รวมถึงเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”

Around the World - Manager Online -

 

“โสมแดง” อดอยากสาหัส เพาะปลูกไม่ได้ผล-ชาวบ้านต้องกิน “ของป่า” ประทังชีวิต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 10:59 น.






ชาวเกาหลีเหนือกำลังอดอยากสาหัส เนื่องจากภาวะอากาศหนาวทำให้เพาะปลูกไม่ได้ผล (ภาพ: Korea Press)


เอเอฟพี - เกาหลีเหนือกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหารขั้นรุนแรง จนประชาชนบางส่วนถึงกับต้องเข้าป่าเก็บผักหญ้ามากินประทังชีวิต กลุ่มนักสังคมสงเคราะห์สหรัฐฯเผยวานนี้(23) หลังเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือ

กลุ่มสังคมสงเคราะห์ทั้ง 5 เรียกร้องให้นานาชาติมอบความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ยากไร้ในเกาหลีเหนือ ซึ่งในทศวรรษที่ 1990 เกาหลีเหนือประสบภัยแล้งอย่างหนัก จนชาวบ้านอดอาหารเสียชีวิตนับแสนคน

“ทีมสำรวจพบหลักฐานที่บ่งบอกถึงภาวะทุพโภชนาการ, การขาดแคลนอาหาร และชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องออกไปหาพืชผักและสมุนไพรในป่ามารับประทานเพื่อให้มีชีวิตรอด” แถลงการณ์ร่วมของทั้ง 5 กลุ่ม ระบุ

“สิ่งเหล่านี้ยิ่งเห็นได้ชัดในครอบครัวที่พึ่งพาระบบแจกจ่ายอาหารของรัฐบาลเกาหลีเหนือ และที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือเด็ก, คนชรา, คนป่วยเรื้อรัง, หญิงตั้งครรภ์ และมารดาที่ให้นมบุตร”

กลุ่มสังคมสงเคราะห์ทั้ง 5 ประกอบด้วย คริสเตียน เฟรนด์ส ออฟ โคเรีย, โกลบอล รีซอร์ส เซอร์วิสส์, เมอร์ซี คอร์ปส์, แซเมริตันส์ เพิร์ส และ เวิลด์ วิชั่น ซึ่งล้วนเคยเข้าไปทำงานในเกาหลีเหนือมาแล้วทั้งสิ้น

พวกเขาระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญ 7 คนได้เดินทางเยือนเกาหลีเหนือเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตามคำขอของรัฐบาลคอมมิวนิสต์

ทางการเกาหลีเหนือเปิดเผยว่า 50-80 เปอร์เซ็นต์ของธัญพืช เช่น ข้าวสาลี และ ข้าวบาร์เลย์ ซึ่งเพาะปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ได้ล้มตายลงเนื่องจากอากาศหนาวจัด กลุ่มทั้ง 5 ระบุ

“นอกจากนี้ ราคาอาหารโลกที่เพิ่งสูงขึ้นยังทำให้เกาหลีเหนือไม่สามารถนำเข้าอาหารได้เพียงพอสำหรับประชาชน”

รัฐบาลเกาหลีเหนือซึ่งเชิดชูปรัชญา “พึ่งพาตนเอง” เคยขับไล่กลุ่มสังคมสงเคราะห์ทั้ง 5 ออกจากประเทศ เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2009 อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ จุงอัง อิลโบ ของเกาหลีใต้รายงานในเดือนนี้ว่า ฮาน ซาง รยอล รองทูตเกาหลีเหนือประจำองค์การสหประชาชาติ ได้ขอให้สหรัฐฯกลับมาให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนืออีกครั้ง และอนุญาตให้เข้ามาตรวจสอบการขนส่งอาหารด้วย

ฟิลิป ครอว์ลีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐฯกำลังประเมินสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ แต่ยังไม่พร้อมที่จะส่งความช่วยเหลือให้ในขณะนี้

“เรามีนโยบายมอบความช่วยเหลือแก่เกาหลีเหนืออยู่แล้ว แต่จะต้องประเมินความต้องการของประชาชน และตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่า อาหารจะถูกส่งถึงมือชาวบ้านที่เดือดร้อนที่สุดจริงๆ” ครอว์ลีย์ กล่าว

เกาหลีใต้เคยส่งข้าวจำนวน 400,000 ตัน และปุ๋ยอีก 300,000 ตันให้แก่เกาหลีเหนือทุกปี แต่ความช่วยเหลือดังกล่าวหยุดชะงักลงในปี 2008 เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเริ่มถดถอยลง และประธานาธิบดี ลี เมียงบัค ซึ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ ก็พยายามยกเงื่อนไขลดอาวุธมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการมอบความช่วยเหลือให้เกาหลีเหนือ

ผลสำรวจความเห็นของผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือ 1,600 คน โดย 2 นักวิจัยสหรัฐฯ มาร์กัส โนแลนด์ และ สตีเฟน แฮกการ์ด พบว่า ชาวเกาหลีเหนือราวครึ่งหนึ่งไม่เคยทราบว่านานาชาติส่งอาหารเข้าไปช่วยเหลือพวกเขามานานแล้ว ส่วนผู้ที่พอจะทราบก็เชื่อว่า อาหารเหล่านั้นตกเป็นของกองทัพและเจ้าหน้าที่รัฐบาล แทนที่จะถึงมือชาวบ้านทั่วไป

อย่างไรก็ตาม มาร์กัส และ แฮกการ์ด ยังสนับสนุนให้มีการส่งอาหารเข้าไปช่วยชาวเกาหลีเหนือต่อไป เพราะเชื่อว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่ควรถูกโยงเป็นประเด็นการเมือง

Around the World - Manager Online -

 

ผู้อพยพหลายพันหลบหนีเหตุจลาจลลิเบียทะลักสู่ตูนิเซีย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 01:27 น.






คนต่างด้าวอพยพออกจากลิเบียมุ่งหน้าสู่ตูนิเซีย


เอเอฟพี - ผู้อพยพต่างด้าวหลายพันคนจากลิเบีย พากันหลั่งไหลข้ามพรมแดนเข้าไปยังตูนิเซีย นับเป็นคลื่นอพยพระลอกแรกนับตั้งเหตุยุ่งเหยิงในลิเบียปะทุขึ้นและคร่าชีวิตทหารกับพลเรือนไปแล้วกว่า 300 ศพ

ฌอง ฟิลิป คอซีย์ โฆษกขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน(IOM) เปิดเผยกับเอเอฟพีเมื่อวันพุธ(23) "นี่คือผู้อพยพต่างด้าวกลุ่มแรก จำนวนมากข้ามพรมแดนด้วยรถยนต์ โดยส่วนใหญ่เป็นรถรับจ้างและยังมีรถบัสอีก 2 คัน"

พวกเขาเหล่านั้นประกอบด้วย "ชาวตูนิเซีย 4,700 คน ตุรกี 120 คนและเลบานอน 12 คน นอกจากนี้ยังมีชาวแอฟริกาตะวันตกอีกจำนวนหนึ่ง" เขาบอก พร้อมระบุต่อว่าเจ้าหน้าที่ของIOM ยังรายงานด้วยว่ามีชาวซีเรียหลายคนและเยอรมนีอีก 3 คนที่อพยพข้ามพรมแดนมาด้วย

คอซีย์ให้สัมภาษณ์ด้วยว่าผู้อพยพเหล่านั้นเล่าให้ฟังว่าทหารตามจุดตรวจต่างๆสั่งให้พวกเขาหยุดรถเพื่อตรวจค้นสัมภาระและได้ริบโทรศัพท์มือถือ หนังสือเดินทางและทรัพย์สัมบัติอื่นๆของพวกเขาไป

IOM คาดหมายว่าในลิเบียมีแรงงานผิดกฎหมายราว 1.5 ล้านคน ก่อนเหตุความไม่สงบปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้แม้ส่วนใหญ่มาจากอียิปต์ ตูนิเซีย แอฟริกาตะวันตกและแอฟริกาตะวันออก แต่ก็มีอีกหลายคนที่มาจากเอเชีย ทั้ง ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา บังกลาเทศ ปากีสถานและจีน

"เรากำลังมองถึงความเป็นไปได้ทุกช่องทางสำหรับอพยพผู้อพยพจากลิเบียไปยังประเทศที่ 3" โฆษกอีกคนของ IOM ระบุ "แต่ตอนนี้เราต้องการเงินบริจาคเพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้อพยพต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามายังตูนิเซีย พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่มาจากประเทศยากจน"

Around the World - Manager Online -

 

เวียดนามหาทางช่วยคนงานนับหมื่นในลิเบีย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 11:57 น.







ภาพวันที่ 23 ก.พ.2554 พลเมืองตุรกีเดินออกจากเรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือเมืองมาร์มาริส (Marmaris) ทั้งไปจากลิเบียที่มีชาวตุรกีทำงานอยู่ราว 25,000 คน ในขณะที่รัฐบาลอีก 23 ประเทศทั่วโลกขอความช่วยเลือให้ตุรกีช่วยขนย้ายพลเมืองของตนออกจากลิเบียด้วยเช่นกัน รัฐบาลเวียดนามก็กำลังหาททางช่วยเหลือคนงานนับหมื่นที่อยู่ใต้วิกฤติการณ์ในประเทศแอฟริกาเหนือขณะนี้.-- REUTERS/Osman Orsal.



ASTVผู้จัดการออนไลน์--ทางการเวียดนามกล่าวว่ากำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้คนงานและคนสัญชาติเวียดนามที่มีจำนวนกว่า 10,000 คน ที่กำลังอยู่ใต้วิกฤติการทางการเมืองในประเทศแอฟริกาเหนือขณะนี้ เพื่อหาหลักประกันให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของคนเหล่านั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวในวันพุธ 23 ก.พ.

กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้ประชุมเรื่องนี้ในวันอังคาร รวมกับกระทรวงการต่างประเทศและบริษัทต่างๆ ที่จัดส่งคนงานไปยังลิเบีย นางเหวียนเฟืองงา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า

ตามรายงานในชั้นต้นของฝ่ายแรงงานสถานทูตเวียดนามประจำลิเบีย คนงานทุกคนปลอดภัยและนายจ้างไม่ให้เดินทางออกจากไซต์งาน ที่ส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้าง ทั้งก่อสร้างทั่วไปและการก่อสร้างที่เกี่ยวกับน้ำมัน

เวียดนามได้งดจัดส่งแรงงานไปลิเบียเป็นการชั่วคราวจนกว่า ประเทศนั้นจะมีความสงบเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) กล่าว

ตมตัวเลขของกระทรวงแรงงานฯ คนงานเวียดนามประมาณ 2,000 คน ทำงานในเขตเมืองเบนกาซี เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ที่เกิดความไม่สงบขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เหลือทำงานในกรุงตริโปลีเมืองหลวงและเมืองใหญ่น้อยโดยรอบ นายจ้างให้อยู่แต่ภายในที่พัก และ ได้รับการสนับสนุนอาหารอย่างเพียงพอ

ในแต่ละปีแรงงานเวียดนามในต่างแดนจำนวนหลายหมื่นคน ส่งรายได้กลับประเทศเป็นเงินมหาศาล เมื่อรวมกับส่วนที่ชาวเวียดนามที่อาศัยทำกินในโพ้นทะเลส่งกลับไปให้ครอบครัว เป็นจำนวนกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว

ความพยายามของเวียดนามยังมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลหลายประเทศกำลังหาทางอพยพพลเมืองของตนออกจากลิเบีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตุรกีซึ่งมีพลเมืองทำงานในลิเบียราว 25,000 คน ทั้งหมดกำลังทยอยเดินทางกลับประเทศโดยทางเรือ

ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ ขณะนี้มีรัฐบาลอีก 23 ประเทศ ได้ขอให้ตุรกี ช่วยอพยพพลเมืองของตนออกจากลิเบียด้วย แต่ทางการเวียดนามยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้.

IndoChina - Manager Online -

 

สื่อต่างแดนปลุกกระแส "ปฏิวัติดอกมะลิ" จีนโต้เป็นไปไม่ได้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 11:32 น.






เจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกลุ่มผู้นัดหมาย "ชุมนุมดอกมะลิ" เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในกรุงปักกิ่ง (ภาพรอยเตอร์)


เอเยนซี - จีนโต้การปฏิวัติดอกมะลิเป้นไปไม่ได้ ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีการปลุกกระแส "ชุมนุมดอกมะลิ" ต่อ นัดร่วมชุมนุมกันทุกวันอาทิตย์เพื่อบีบรัฐบาลฯ

โฆษกรัฐบาลกลาง เจ้า ชี่เจิง กล่าววันที่ 24 ก.พ. ว่า การปฏิวัติ "มะลิ" แบบที่เกิดขึ้นในตูนีเซียและอียิปต์ล่าสุด นั้นไม่สามารถจุดไฟในแผ่นดินจีน โดยเจ้า เชื่อว่า มีคนกลุ่มหนึ่งต้องการที่จะเห็นจีนตกอยู่ในสภาวะสับสนวุ่นวาย และไม่มีเสถียรภาพ นับเป็นการออกความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงฯ ของทางการจีน เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ได้รับความสนใจของสื่อตะวันตกตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้า กล่าวว่า รัฐบาล มองเห็นปัญหาต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาจากการพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และพยายามเข้าไปจัดการอยู่

ด้านรองประธานาธิบดี สี่จิ้นผิง แม้ไม่ได้อ้างถึงเหตุการณ์ประท้วงกลุ่มย่อยๆ ซึ่งไม่มีรูปแบบจัดตั้งชัดเจนใน 11 เมือง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ได้เร่งย้ำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และผู้นำกองทัพฯ เร่งหาทางที่จะทำงานกับประชาชนเพื่อประสานและลดความขัดแย้งต่างๆ ที่ต้นเหตุ

รายงานข่าวกล่าวว่า Boxun.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของชาวจีนในต่างแดน ได้เริ่มรณรงค์ให้ชาวจีนใน 13 เมืองใหญ่ มารวมตัวกันทุกๆ วันอาทิตย์ เพื่อกดดันรัฐบาลบริหารฯ ด้วยความโปร่งใส และเปิดให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

เว็บฯ นี้ยังได้มีข้อเรียกร้องในจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลจีนว่า หากรัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาของประชาชน แต่เอาแต่เซนเซอร์อินเทอร์เน็ต และปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร กระแสคลื่นใต้น้ำนี้ก็มีแต่จะรุนแรงขึ้น และแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น

ปัญหาซึ่งประชาชนเรียกร้องให้ทางการเร่งเอาใจใสแก้ไขในเวลานี้ นอกจากเรื่องภาวะข้าวยากหมากแพง แรงงานถูก แล้วยังมีอาทิ ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนจากการกระทำของรัฐบาลท้องถิ่นในระดับต่างๆ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ปรากฎการณ์ วิญญาณตายซาก’ในระบบราชการของจีน ที่คนไม่ทำงานกลับได้รับเงินเดือน

ในช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่า ได้ไปเยี่ยมสำนักงานรับหนังสือและเรื่องร้องทุกข์ เพื่อพูดสนทนากับพวกผู้ยื่นหนังสือ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนจากการกระทำของรัฐบาลในระดับต่างๆ เพื่อเน้นให้เห็นว่าคณะผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผู้ปฏิบัติงานอาวุโสของพรรคฯ ต้องเข้าไปใกล้ชิดมวลชนด้วยตัวเอง อย่าปล่อยให้มองปัญหาของประชาชนเป็นปกติเช่นที่ผ่านๆ มา ซึ่งคนเหล่านี้มักถูกข่มขู่รังควาน จากเจ้าหน้าที่และบุคลากรด้านความมั่นคงแห่งรัฐ

รัฐบาลยังเร่งปฏิบัติ แผนห้าปีฯ ฉบับที่ 12 (ปี 2554 -2558) ซึ่งเพิ่มรายจ่ายด้านสวัสดิการสังคมจำนวนมหาศาล อาทิ การเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศจีน 22.8% และเพิ่มเงินเดือนสำหรับพนักงานหน่วยงานต่างๆ ขึ้นไปประมาณ 15% เพื่อช่วยเหลือคนงานรับมือกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น และเร่งแผนโครงการบ้านสำหรับผู้มีรายได้น้อย

ข้อความในเว็บฯ Boxun.com ยังระบุว่า เพื่อป้องกันการถูกตำรวจเข้าปราบปรามเช่นที่เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ผู้ร่วมชุมนุมไม่จำเป็นต้องแสดงออกซึ่งการประท้วงอย่างเปิดเผย ขอเพียงแค่เดินวนไปมาที่จุดนัดหมายโดยไม่ต้องเปิดตัว ในทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 น.

จดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลจีนครั้งนี้ ยังได้เปลี่ยนคำว่า "ปฏิวัติดอกมะลิ" ที่ได้แรงบันดาลใจจากการปฎิวัติที่ตูนิเซีย มาเป็น "ชุมนุมดอกมะลิ" แทน พร้อมกับเรียกร้องความโปร่งใสหลังหน่วยงานสิทธิมนุษยชนสหรัฐฯ ได้แถลงวันที่ 23 ก.พ. ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้คุมตัวนักเคลื่อนไหว และนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนชาวจีน ไปแล้วอย่างน้อย 100 คน ระหว่างเหตุความไม่สงบในตะวันออกกลางปะทุขึ้น โดยแถลงการณ์ระบุถึงนักกฎหมาย 3 คน ได้แก่ เถิงเปียว ถัง จื่อเถียน และเจียง เถียงหย่ง ซึ่งไม่มีข้อมูลว่าขณะนี้อยู่ที่ใด และอาจะถูกปฏิบัติอย่างไม่ชอบธรรม

China - Manager Online -

 

ประชากรเซี่ยงไฮ้พุ่งไม่หยุด แตะ 23 ล้านคน!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กุมภาพันธ์ 2554 18:45 น.








ASTVผู้จัดการ/ไชน่า เดลี - นักประชากรศาสตร์จีนเผยจำนวนประชากรของเซี่ยงไฮ้ กำลังจะทะลุ 23 ล้านคน มากกว่าที่เคยคาดการณ์ถึง 3 ล้าน กระตุ้นรัฐออกมาตรการคุมจำนวนประชากร-วางผังเมืองอย่างเป็นระบบ-แก้เรื่องสวัสดิการสังคม รับรองคนที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้น

วันอังคาร (22 ก.พ.) นักวิชาการด้านประชากรศาสตร์ของจีนออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันจำนวนประชากรของมหานครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศจีนและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก กำลังจะทะลุ 23 ล้านคน ซึ่งถือว่ามากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ถึง 3 ล้านคน พร้อมกระตุ้นให้รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ออกมาตรการคุมจำนวนประชากร วางผังเมืองอย่างเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อรองรับกับจำนวนประชากรที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ

นายติง จินหง ผู้อำนวยการวิทยาลัยการพัฒนาสังคม และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรแห่งมหาวิทยาลัยครูหัวตง ระบุว่า ปัจจุบันเซี่ยงไฮ้มีจำนวนประชากรที่อยู่ในทะเบียนราษฎร์ราว 14 ล้านคน แต่จากการคาดการณ์เชื่อว่าน่าจะมีคนต่างเมืองที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในมหานครแห่งนี้ราว 9 ล้านคน ทำให้ในภาพรวมเซี่ยงไฮ้น่าจะมีประชากรมากถึง 23 ล้านคน

ผอ.สถาบันวิจัยประชากรระบุว่า ตัวเลขการคาดการณ์จำนวนประชากรข้างต้นนำมาจากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรแห่งชาติซึ่งเริ่มสำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ขณะที่ผลอย่างเป็นทางการจะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในเดือนเมษายนนี้

สำหรับผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ 9 ล้านคนนั้นจำนวน 2 ล้านคนเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ระยะสั้นเช่น เพื่อรักษาพยาบาลหรือท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ที่อพยพเข้ามาอยู่อาศัยระยะยาวหรือนานกว่าหกเดือนขึ้นไปนั้นมีจำนวน 7 ล้านคน ด้านรายงานของสื่อจีนก่อนหน้านี้บ่งชี้ว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ความหนาแน่นของประชากรที่อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นจาก 2,588 คนต่อตารางกิโลเมตรในปี 2543 เป็น 3,600 คนต่อตารางกิโลเมตรในปี 2553

หวัง จื้อสยง หัวหน้าฝ่ายสถิติของเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าเซี่ยงไฮ้กำลังประสบกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของประชากรที่รวดเร็วกว่าเมืองหลวงอย่างปักกิ่ง รวมถึงเมืองอื่นๆ ในประเทศจีนที่มีประชากรหนาแน่น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญก็ระบุว่าเซี่ยงไฮ้ต้องให้ความสำคัญอย่างมากต่อการบริหารจัดการด้านประชากรมิฉะนั้นเซี่ยงไฮ้ก็จะสูญเสียความสามารถในการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

เหริน หย่วน ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยพัฒนาสังคมและนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ยังกระตุ้นให้รัฐบาลหาหนทางในการบริหารจัดการประชากรจำนวนมากในเซี่ยงไฮ้ให้มีประสิทธิภาพ “ผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามายังเซี่ยงไฮ้มีส่วนในการพัฒนาเมืองแห่งนี้อย่างมากมายมหาศาล แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นเรื่องท้าทายต่อเมืองที่มีทรัพยากรและพื้นที่จำกัด”

“การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของประชากรทำให้บริการสาธารณะของเมืองต้องรับภาระและแรงกดดันอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สาธารณสุข เป็นต้น” ศ.เหรินระบุ พร้อมย้ำว่าระบบ “ฮู่โข่ว” หรือระบบการลงทะเบียนประชากรเพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชนของจีนนั้นเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ผู้ที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ไม่ได้รับสิทธิในการใช้บริการสาธารณะต่างๆ และรัฐต้องปรับเปลี่ยนระบบสวัสดิการสังคมให้ดีขึ้นและเอื้อประโยชน์กับผู้คนที่อพยพมาจากต่างเมืองมากกว่านี้

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000024133

 

“อภิสิทธิ์” เผยเตรียมเรือขนคนไทยในลิเบียกลับแล้ว แต่ต้องดูความปลอดภัย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 14:02 น.

“อภิสิทธิ์” เผยเตรียมเรือขนแรงงานไทยในลิเบียกลับแล้ว แต่ก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยขณะเดินทางขึ้นเรือซึ่งต้องประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ส่วนสถานการณ์น้ำมันมีผลแค่จิตวิทยา

วันนี้ (24 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือคนไทยในประเทศลิเบียว่า ขณะนี้เราได้เตรียมเรือและมีการติดต่อสื่อสารกับคนงานและหัวหน้า ประเด็นที่เราต้องติดตามต่อ คือ การตัดสินว่าจะเดินทางอย่างไร เมื่อไหร่ เพราะว่าการขึ้นเรือมีความเสี่ยง เรื่องความวุ่นวายระหว่างทาง ตรงนี้มีการติดต่อประสานงานกันตลอดเรื่องการเตรียมเรือและการขนส่งแล้วและมีการติดต่อประสานงาน ขณะนี้ที่ประเมินสถานการณ์ที่ผ่านมาว่าให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อน ซึ่งคนไทยยังปลอดภัย เมื่อช่วงเช้าตนได้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงข่าวชี้แจง และจะมีการประสานงานกันโดยตลอด ส่วนมีการปล้นระหว่างทางก็เป็นปัญหา ก่อนหน้านี้บริเวณข้างในปลอดภัยแต่ข้างนอกอันตราย และคนของเราเป็นหลักหมื่นทางเรือ ถือเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าตอนนี้คนที่ติดค้างไม่สามารถออกมาได้เลยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะบอกว่าออกไม่ได้เลย ตนคงจะไปยืนยันอย่างนั้นไม่ได้ ส่วนใหญ่ที่อยู่ให้อยู่ในแคมป์ที่ปลอดภัยเราประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา

ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อราคาน้ำมันโลก และกระทบต่อนโยบายรัฐเรื่องนี้ด้วย หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า โดยสภาพข้อเท็จจริงน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้กระทบมากขนาดนั้น ประเทศอื่นๆ สามารถผลิตเพิ่มออกมาได้ แต่ผลเป็นเรื่องของทางด้านจิตวิทยา ขณะนี้คาดว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมาจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้มีการหารือเรื่องนี้ว่าจะตรึงราคาน้ำมันดีเซล คงจะทำให้เงินกองทุนเมื่อไปถึงปลายเดือน เม.ย.อาจจะลงมาถึง 8,000-9,000 ล้านบาท ถึงเดือน เม.ย.อย่างไรก็ทำได้ เมื่อถามว่าจะกระทบต่อสถานะของกองทุนน้ำมันมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เหลือ 8,000-9,000 ล้านบาท อย่างที่ตนย้ำว่าวันที่ตนเข้ามาบริหาร ขณะนั้นกองทุนน้ำมันเป็นหนี้ ตอนนี้เหลืออยู่ 8,000-9,000 ล้านบาท ถามว่าหลังจากเดือน เม.ย.จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะมีการพิจารณาต่อว่าจะทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าการฝืนกลไกตลาดโดยการเข้าไปแทรกแซงจะเป็นการคิดผิดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ ถ้าระดับราคาเพิ่มสูงขึ้นกึ่งถาวร ต้องมาประเมินกันใหม่ ถ้าโดยสภาพความเป็นจริงของอุปสงค์อุปทานต่างๆ ราคาน้ำมันไม่ควรจะสูงกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เวลานี้ต้องมาประเมินตลอดเวลา เมื่อถามว่า การเข้าไปตรึงราคาน้ำมันจะไม่ทำให้กองทุนน้ำมันติดลบ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวยอมรับว่าใช่ แต่คงจะไม่ให้กองทุนติดลบ

Politics - Manager Online -

 

Analysis : “เกาหลีเหนือ” คุมเข้มข่าวสาร-หวั่นปชช.ลุกฮือตามกระแสปฏิวัติในอาหรับ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2554 15:25 น.




คิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ


เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนือเพิ่มมาตรการปิดกั้นข่าวสารจากโลกภายนอก หลังกระแสโค่นล้มรัฐบาลแผ่ขยายไปทั่วโลกอาหรับ แหล่งข่าวและเจ้าหน้าที่ในเกาหลีใต้ ระบุ

กระนั้นก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า ตระกูล คิม จะยังสามารถกุมอำนาจทางการเมืองที่สืบทอดมานานหลายทศวรรษเอาไว้ได้ ด้วยปัจจัยที่เอื้ออำนวย เช่น ประชาชนยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และขาดสถาบันทางสังคมที่จะก่อตัวเป็นฝ่ายโค่นล้มรัฐบาล

“ดูเหมือนว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะกังวลเกี่ยวกับขบวนการประชาธิปไตยในตะวันออกกลางอย่างมาก พวกเขาจึงพยายามไม่ให้แนวคิดเช่นนั้นรั่วไหลเข้าไปยังเกาหลีเหนือ” สำนักข่าวยอนฮัป รายงานวันนี้(24) โดยอ้างคำพูดเจ้าหน้าที่ในกรุงโซล

ในระยะนี้ เกาหลีเหนือยิ่งเพิ่มมาตรการควบคุมความนึกคิดของประชาชน และปิดกั้นข่าวสารจากนอกประเทศอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ซึ่งไม่ขอเอ่ยนามเผย

ฮุน อิน-แต๊ก รัฐมนตรีกระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวยอนฮัปสัปดาห์นี้ว่า เกาหลีเหนืออาจดำเนินการบางอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสการประท้วงแพร่กระจายถึงพลเมือง 24 ล้านคนในเกาหลีเหนือ

“ผมคิดว่าผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือคงทราบสถานการณ์ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงต้องหาทางปกป้องรัฐบาลไม่ให้ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน” ฮุน กล่าว

“ผมเชื่อว่า ชาวเกาหลีเหนือคงยังไม่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง เพราะโทรทัศน์เกาหลีเหนือไม่รายงานข่าว และประชาชนก็ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ด้วย”

“เพราะฉะนั้น อิทธิพลของการประท้วงต่อชาวเกาหลีเหนือจึงยังไม่รุนแรง” ฮุน ระบุ

หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เดลี เอ็นเค ในเกาหลีใต้ รายงานว่า รัฐบาลโสมแดงได้ตั้งกองกำลังตำรวจปราบจลาจลพิเศษขึ้น เพื่อเตรียมรับมือการประท้วงที่อาจเกิดขึ้นตามอย่างตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ โดยตำรวจเหล่านี้มีหน้าที่ตรวจสอบหาสัญญาณความไม่สงบต่างๆ ตามคำสั่งของผู้นำ คิม จอง อิล

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เคยมีชาวเกาหลีเหนือกลุ่มย่อยๆออกมาประท้วงรัฐบาลเพราะความอดอยากหรือปัญหาอื่นๆอยู่บ้างเป็นระยะ หลังจากที่มีคนตายนับแสนระหว่างเกิดภัยแล้งในทศวรรษที่ 1990

กลุ่มสังคมสงเคราะห์สหรัฐฯออกมาเตือนเร็วๆนี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังประสบภาวะอดอยากขั้นร้ายแรง ทำให้ประชาชนถึงกับต้องเข้าป่าไปเก็บพืชผักกินเป็นอาหาร

อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือก็สามารถอยู่รอดหลังการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ในยุโรปเมื่อช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ได้ และนักวิเคราะห์รวมถึงผู้ลี้ภัยชาวโสมแดงเองก็มองว่า โอกาสที่จะเกิดการต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่เป็นไปได้ยาก

“ณ ปัจจุบันนี้ โอกาสที่จะเกิดการปฏิวัติในเกาหลีเหนือยังเป็นไปได้น้อย เพราะรัฐบาลสามารถปิดกั้นข่าวสารจากภายนอกได้เบ็ดเสร็จ ซึ่งต่างจากอียิปต์และลิเบีย” จาง จิน-เซียง ผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ กล่าวระหว่างการเสวนาที่กรุงโซล



นักวิเคราะห์มองว่า โอกาสที่รัฐบาลเกาหลีเหนือจะถูกโค่นล้มเหมือนที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางเป็นไปได้น้อย และกองทัพซึ่งจงรักภักดีต่อระบอบ คิม ก็คงไม่ก่อการปฏิวัติอย่างแน่นอน


แม้รัฐบาลเกาหลีเหนือจะสามารถปิดกั้นอินเทอร์เน็ตและช่องทางสื่อสารกับโลกภายนอกอื่นๆ แต่ดีวีดีและโทรศัพท์มือถือที่มีผู้ลักลอบนำเข้าจากจีน ก็ช่วยทำลายปราการดังกล่าวได้บ้าง

ผลสำรวจโดยนักวิจัยสหรัฐฯซึ่งสอบถามผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ 1,600 คน พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งสามารถเข้าถึงข่าวต่างประเทศรวมถึงสื่อบันเทิงต่างๆ ได้ ซึ่งนับเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากทศวรรษที่ 1990

อย่างไรก็ตาม ผู้ลี้ภัย ระบุว่า เกาหลีเหนือยังขาดแคลนแรงงาน, องค์กรศาสนา หรือกลุ่มมวลชนอื่นๆ ที่อาจรวมตัวกันเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

“ผมไม่เห็นอะไรในประชาสังคมที่จะนำไปสู่ปรากฎการณ์ทางการเมืองอย่างในอียิปต์ได้เลย” สตีเฟน แฮกการ์ด นักวิจัยสหรัฐฯ กล่าวระหว่างรายงานผลการศึกษาที่กรุงวอชิงตัน เดือนที่แล้ว

เกาหลีเหนือติดตั้งระบบ 3จี เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2008 โดยความช่วยเหลือของบริษัทอียิปต์ แต่การเข้าถึงระบบดังกล่าวยังจำกัดอยู่ในกลุ่มพลเมือง 1-2 เปอร์เซ็นต์ของประเทศเท่านั้น

เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้วที่โทรทัศน์และวิทยุในเกาหลีเหนือจะมีตัวปรับสัญญาณเพื่อรับข้อมูลจากสถานีแห่งชาติ และหากชาวบ้านที่อยู่ใกล้ชายแดนพยายามฟังหรือชมรายการของเกาหลีใต้ ก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก

ยาง มู จิน จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล กล่าวว่า “แทบไม่มีโอกาสเลยที่เกาหลีเหนือจะมีการประท้วงโค่นล้มรัฐบาลเหมือนในตะวันออกกลาง”

“ผมเชื่อว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังจับตามองกระแสโลกอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์ในตะวันออกกลางคงมีผลทางจิตวิทยาต่อพวกเขาไม่น้อย ทำให้ต้องเข้มงวดกับประชาชนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือไม่มีเครือข่ายทางสังคมที่จะแปรสภาพคำร้องทุกข์ไปเป็นขบวนการล้มล้างรัฐบาล และกองทัพซึ่งจงรักภักดีต่อระบอบ คิม ก็คงไม่ก่อการปฏิวัติอย่างแน่นอน”

Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>Analysis :</font></b>

 

ไม่ทราบว่าคุณ k.kwan ได้ตามข่าวจาก Facebook ของกลุ่มคุณจิมมี่บ้างรึเปล่าครับ เพราะตอนนี้ในบล๊อคไม่ค่อยมีอะไรอัพเดทแต่จะไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเฟซบุ๊คแทนครับ ลองตามดูนะครับเพราะตอนนี้ข่าวร้อนๆเพียบเลยครับ ยกตัวอย่างที่กำลังร้อนๆตอนนี้เลยก็

 

ขอบคุณคุณChainQLel2 มากค่ะ ที่ช่วยมาให้ข้อมูล
พอดีไม่ได้เข้า facebook ต่อไปจะเข้าไปดูข้อมูลที่นี่แทน ข้อมูลน่าสนใจมากค่ะ

 

Jimmy Siri
คงต้องขอแยกอัพเดตเรื่องยุโรปไว้ซักหน่อยครับ เพราะตอนนี้ที่กรีซเอาอีกแล้ว !!! ยังคงเป็นประเด็นเดิมคือเรื่อง "Austerity Measure" หรือมาตรการรัดเข็มขัดต่างๆที่ออกมาจากรัฐบาลที่ไปซ้ำเติมสถานการณ์ความลำบากยากแค้นของประชาชนเข้าไปอีก

ความเคลื่อนไหวตอนนี้มองให้ทั่วๆ ทั้งกระดานนะครับ ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง สหรัฐ ยุโรป จีน และรัสเซีย รวมทั้งเงินเฟ้อ ราคาอาหาร ราคาน้ำมัน ภัยพิบัติต่างๆ เพื่อจะได้เห็นภาพรวมของโลกทั้งหมด และทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเรานี่แหละครับคือสิ่งที่จะนำเราไปสู่การจัดระเบียบโลกใหม่หรือ New World Order ภายในปี 2012 นี่ล่ะครับ

<EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/GthZEd35xwI?version=3 allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always">

RussiaToday | 23 ก.พ. 2011 |
Young demonstrators hurled rocks and fire bombs at riot police as clashes broke out on Wednesday in Athens during a mass rally against austerity measures, part of a general strike that crippled services and public ransportation around the country. Police fired tear gas and flash grenades at protesters, blanketing parts of the city centre in choking smoke.
RT on Facebook: RT | Facebook
RT on Twitter: RT (RT_com) on Twitter



ผู้ชุมนุมยัง hurled ระเบิดหินและไฟที่เป็นตำรวจจลาจลปะทะกันในวันพุธที่แตกออกในเอเธนส์ในระหว่างการชุมนุมจำนวนมากกับมาตรการความเข้มงวดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนัดหยุดงานทั่วไปที่พิกลพิการและ ransportation บริการประชาชนทั่วประเทศ ตำรวจยิงระเบิดแก๊สน้ำตาและแฟลชที่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง, blanketing ส่วนของใจกลางเมืองในสำลักควัน

 

Rob Peter, pay Paul: Will cash-strapped Europe pay for Arab democracies?
<EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/2yJs38xrloI?version=3 allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">

RussiaToday | 23 ก.พ. 2011 |
Western nations are debating multi billion-dollar aid deals for what's seen as democratic and economic transformation in North Africa and the Middle East. But while politicians in Europe and the U.S. say the West should show the region the tangible fruits of freedom, many believe the timing couldn't be worse. Laura Emmet explains.
RT on Facebook: RT | Facebook
RT on Twitter: RT (RT_com) on Twitter



ประเทศตะวันตกหลายพันล้านดอลล่าโต้วาที - ข้อตกลงความช่วยเหลือสำหรับสิ่งที่เห็นเป็นประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง แต่ในขณะที่นักการเมืองในยุโรปและสหรัฐอเมริกากล่าวว่าเวสต์จะแสดงผลไม้ภาคที่มีตัวตนเป็นอิสระหลายคนเชื่อระยะเวลาไม่อาจจะเลวร้ายยิ่ง Laura Emmet อธิบาย

 

Petrol bombs & tear gas: Greek police clash with anti-austerity protesters
<EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/fI-YxjVGpVQ?version=3 allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">

RussiaToday | 23 ก.พ. 2011 |
Greek police clashed with protesters on Wednesday as thousands of workers marched to parliament to protest against austerity policies aimed at helping the country cope with a huge debt crisis. Riot police fired several rounds of teargas and flash bombs at protesters hurling petrol bombs in front of parliament as crowds of striking protesters ran for cover. Public and private sector employees' 24-hour strike grounded flights, shut down schools and paralysed public transport in this year's first nationwide walkout against cost cuts. About 35,000 Greeks marched through the streets of Athens chanting "We are not paying" and "No sacrifice for plutocracy". In four places across the city, police fired teargas to disperse demonstrators hurling stones and plastic bottles at them.
RT on Facebook: RT | Facebook
RT on Twitter: RT (RT_com) on Twitter


ตำรวจปะทะกับผู้ประท้วงกรีกในวันพุธที่เป็นหลายพันคนเคลื่อนขบวนไปยังรัฐสภาเพื่อประท้วงความเข้มงวดกับนโยบายที่มุ่งช่วยเหลือประเทศรับมือกับวิกฤติหนี้มาก ตำรวจจลาจลยิงหลายรอบของ teargas และระเบิดแฟลชที่ผู้ประท้วง hurling น้ำมันระเบิดที่หน้ารัฐสภาเป็นฝูงชนของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงวิ่งโดดเด่นสำหรับปก ราชการและการนัดหยุดงานตลอด 24 ชั่วโมงพนักงานภาคเอกชน'เที่ยวบินลงดินให้ปิดโรงเรียนและการขนส่งสาธารณะที่เป็นอัมพาตในการหยุดงานประท้วงทั่วประเทศในปีนี้ครั้งแรกกับลดค่าใช้จ่าย 35,000 เกี่ยวกับชาวกรีกเคลื่อนขบวนไปตามถนนของกรุงเอเธนส์สวดมนต์"เราจะไม่จ่าย"และ"ไม่มีการเสียสละเพื่อการปกครองโดยคนมีเงิน" ในสี่สถานที่ในเมืองตำรวจยิงสลายการชุมนุม teargas เพื่อ hurling หินและขวดพลาสติกที่พวกเขา

 

Gaddafi Speech: I will fight till death & die a martyr
<EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/1ntntr3z9e4?version=3 allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">

RussiaToday | 23 ก.พ. 2011 |
The Libyan leader has vowed to fight till the death and die a martyr in his homeland, refusing to step down amid widespread anti-government protests. In his first major speech since the unrest began, Colonel Muammar Gaddafi talked of the 'cowards and traitors' responsible for the uprising. Referring to protesters as 'rats', Gaddafi urged his supporters to take to the streets and attack the opposition who he claimed were bribed, drugged and 'serving the devil.' The Libyan interior minister has defected and joined the protesters calling on the army to follow and support the people's demands for change. Several Libyan ambassadors have also quit in protest over the use of force on civilians, demanding the end of Gadaffi's decades-long rule. The country's leader reportedly ordered the army to use airstrikes against the demonstrators - something he denies. Several hundred have been killed and over four thousand injured in the first week of violence, making it the bloodiest of all the Arab revolts.
RT on Facebook: RT | Facebook
RT on Twitter: RT (RT_com) on Twitter



ผู้นำลิเบียได้สาบานที่จะต่อสู้จนตายและตายในบ้านเกิดของเขาทรมาน, ไม่ยอมก้าวลงท่ามกลางการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างกว้างขวาง ในการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกของเขาเริ่มตั้งแต่ความไม่สงบ, พันเอก Muammar Gaddafi พูดถึง'cowards และ traitors'รับผิดชอบต่อการจลาจล อ้างถึงกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง'หนู'เป็น, Gaddafi เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของเขาเพื่อนำไปใช้ถนนและโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่เขาอ้างว่ามี bribed, มึนเมาและ'การแสดงมาร.' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้บกพร่องเกี่ยวกับลิบยาและเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้กองทัพที่จะปฏิบัติตามและสนับสนุนความต้องการของประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลง เกี่ยวกับลิบยาทูตหลายแห่งได้นอกจากนี้ยังออกจากในการประท้วงมากกว่าการใช้กำลังพลเรือนเรียกร้องจุดสิ้นสุดของกฎทศวรรษที่ผ่านมายาว Gadaffi ของ ผู้นำประเทศรายงานสั่งกองทัพบกที่จะใช้กับผู้ชุมนุม airstrikes -- สิ่งที่เขาปฏิเสธ หลายร้อยคนถูกฆ่าตายและเกินสี่พันได้รับบาดเจ็บในสัปดาห์แรกของความรุนแรงทำให้ bloodiest ของทั้งหมด revolts อาหรับ

 

Europe faces African exodus as thousands flee from bloodshed
<EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/VzT8KfVjOeQ?version=3 allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">

RussiaToday | 23 ก.พ. 2011 |
Italy fears up to 300 thousand illegal immigrants could arrive in the country as they flee the ongoing bloodshed in Libya. The Italian Foreign Minister is warning of an exodus of biblical proportions from North Africa. The revolt across the region has already seen thousands of refugees from Tunisia land on Italian shores. Egor Piskunov reports.
RT on Facebook: RT | Facebook
RT on Twitter: RT (RT_com) on Twitter



อิตาลีกลัวถึง 300,000 อพยพผิดกฎหมายได้มาถึงในประเทศที่พวกเขาหนีการนองเลือดอย่างต่อเนื่องในลิเบีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอิตาลีเตือนการอพยพของสัดส่วนในพระคัมภีร์จากแอฟริกาเหนือ กบฏในภูมิภาคได้เห็นอยู่แล้วนับพันของผู้ลี้ภัยจากดินแดนบนชายฝั่งอิตาลีตูนีเซีย Egor Piskunov รายงาน

 

เร่งตามหาอีก 4 รายยังติดต่อไม่ได้
24 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่าล่าสุด พบตัว 2 ใน 6 คนไทยแล้วในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ คือ น.ส.หฤทยา เหลืองสุรภีสกุล และ น.ส.พิมพร เลี้ยงเชื้อ ทั้งสองปลอดภัยดีโดยไม่ได้ติดอยู่ในตึกถล่มตามที่หลายฝ่ายเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม นักศึกษาพยาบาลไทยอีก 4 ราย ได้แก่ 1.น.ส.ธนิดา อินทรวรางกูร 2.น.ส.จิตรา ไวทยธาดาพงศ์ 3.น.ส.สิริพรรณ วงษ์บุญงาม 4.น.ส.วันเพ็ญ ปรีกลาง ยังขาดการติดต่อ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตามหาตัว

ขณะเดียวกัน จอห์น คีย์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าวถึงการค้าหาผู้รอดชีวิตในซากตึกว่า หลายครั้งที่เราจะได้ยินข่าวปาฏิหารย์ของผู้รอดชีวิตในเหตุภัยพิบัติแบบนี้ เราจึงเลิกหวังไม่ได้ แต่ก็ต้องเผื่อใจยอมรับความเป็นจริง พร้อมประกาศให้แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 92 คนแล้วและคาดว่าจะสูงขึ้นอีก จากตัวเลขผู้สูญหายหลายร้อยคน โดยนักวิเคราะห์ประเมินความเสียหายไว้ที่ 12,000 ล้านดอลล่าร์ หรือราว
http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1177

 

อังกฤษเตรียม “อายัดทรัพย์” กัดดาฟีทั้ง เงิน-บ้าน-กิจการ หลายพันล้านปอนด์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2554 09:54 น.



พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี


เอเอฟพี - รัฐบาลอังกฤษเตรียมอายัดสินทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านปอนด์ของ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ซึ่งสะสมไว้ในเมืองผู้ดีเร็วๆ นี้ หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานวันนี้ (25)

กระทรวงการคลังกรุงลอนดอนได้ตั้งทีมติดตามสินทรัพย์ของกัดดาฟีในอังกฤษ ซึ่งทางการเชื่อว่าประกอบไปด้วย เงินในบัญชีธนาคาร กิจการต่างๆ และบ้านพักกลางกรุงลอนดอนมูลค่า 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 49 ล้านบาท) หลังหนึ่ง หนังสือพิมพ์เมืองผู้ดีฉบับดังกล่าวรายงาน

“สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ ต้องนำชาวอังกฤษออกจากลิเบีย” แหล่งข่าวภายในรัฐบาลให้ข้อมูลกับหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ

“หลังจากนั้น เราพร้อมที่จะอายัดทรัพย์สินของกัดดาฟี กระบวนการดังกล่าวกำลังทำงาน เจ้าหน้าที่ระดับสูงจะพิจารณาเรื่องนี้”

รัฐบาลอังกฤษสันนิษฐานว่า กัดดาฟีได้ครอบครองสินทรัพย์สภาพคล่องมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 985,000 ล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอน ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เทเลกราฟยังระบุอีกว่า การอายัดทรัพย์สินของผู้นำจอมเผด็จการแห่งลิเบียผู้นี้จะเกิดขึ้น “ภายในไม่กี่วัน”

ขณะนี้ประชาคมโลกกำลังจับตาดู พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อย่างไม่วางตา หลังจากเขาสั่งสลายการชุมนุมด้วยวิธีที่รุนแรง ซึ่งคร่าชีวิตผู้ประท้วงโดยสันติไปแล้วหลายร้อยชีวิต



ผู้ประท้วงชูสัญญลักษณ์แห่งชัยชนะในเมืองเบนกาซี






กลุ่มเยาวชนผู้ต่อต้าน กัดดาฟี ทาหน้าทาตาด้วยสีของธงชาติผืนเก่า





ธาติลิเบียผืนดั้งเดิมสะบัดไหวในการชุมนุมขับไล่กัดดาฟี

Around the World - Manager Online -

 

วิกฤตลิเบียทำน้ำมันผันผวนรุนแรง-หุ้นสหรัฐฯปิดในกรอบแคบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2554 05:08 น.





เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันวานนี้(24) ผันผวนหนัก ช่วงหนึ่งทะยานจ่อ120ดอลลาร์ ก่อนดิ่งลงแรงจนปิดลบเล็กน้อย หลังซาอุดีอาระเบียรับประกันชดเชยอุปทานที่ตึงตัว อันเนื่องมาจากเหตุความไม่สงบในลิเบียท่ามกลางข่าวผู้นำถูกยิง ขณะที่วอลล์สตรีท ก็แกว่งตัวจากความตื่นตระหนกที่ลุกลามในดินแดนแห่งนี้ ก่อนปิดผสมผสาน

แม้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯยืนยันว่าไม่มีหตุผลที่จะน่าเชื่อถือต่อข่าวที่ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกยิง อย่างไรก็ตามข่าวลือดังกล่าวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันราคาน้ำมัน โดยหลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดก็ฉุดให้น้ำมันดิ่งลงรวดเดียวกว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเลยทีเดียว

ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ตลาดน้ำมันก็ค่อยๆแกว่งตัวลงแล้ว จากข่าวอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มโอเปก บอกว่าโอเปกมีกำลังการผลิตสำรองสูงพอที่ชดเชยอุปทานที่ตึงตัว อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ในลิเบีย หลังจากช่วงเปิดตลาด ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปจ่อ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สืบเนื่องจากความวิตกที่ว่า สถานการณ์ไม่สงบในลิเบียอาจแผ่ลามไปสู่ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆ ในตะวันออกกลาง

ในลอนดอน ช่วงหนึ่งของการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิด “เบรนต์” เพื่อการส่งมอบเดือนเมษายน พุ่งขึ้นไปถึง 119.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ 22 สิงหาคม 2008 ก่อนดิ่งลงมาอย่างแรงจนปิดที่ 111.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเพียง 11 เซนต์

ส่วนน้ำมันดิบ เวสต์ เทกซัส อินเตอร์มิเดียต (WTI) ของสหรัฐฯ เพื่อการส่งมอบเดือนเมษายนเช่นกัน ช่วงหนึ่งของการซื้อขายทะยานขึ้นกว่า 5 ดอลลาร์ สู่ 103.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนดิ่งลงรวดเดียวกลับมาปิดที่ 97.28 ดอลลาร์ ลดลง 82 เซนต์

ขณะเดียวกันความวิตกกังวลต่อความรุนแรงในแถบตะวันออกกลาง ยังได้จุดชนวนหวาดหวั่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(24) อย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีหลักปิดผสมผสานท่ามกลางการจับตาอย่างระมัดระวังของนักลงทุน

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 37.28 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,168.50 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 14.91 จุด (0.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,737.90 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.30 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,306.10 จุด

Around the World - Manager Online -

 

ผู้นำลิเบียโบ้ย'บินลาดิน'ชักใยผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้าน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2554 02:51 น.



รถถังของทหารที่ถูกฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีลิเบีย ยึดเอาไว้ได้ที่เมืองเบนกาซี


เอเอฟพี - มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ปราศรัยเมื่อวันพฤหัสบดี(24) กล่าวหาชาวบ้านในอัซ-ซอวิเยาะห์ เมืองตะวันตกของกรุงตริโปลี ซึ่งมีการปะทะกันดุเดือดระหว่างทหารและกลุ่มกบฏ มีความเชื่อมโยงและถูกชักใยโดยอุซามะห์ บินลาดิน แกนนำอัลกออิดะห์

นอกจากนี้ในถ้อยแถลงทางโทรศัพท์ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ กัดดาฟี ยังกล่าวหาผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านเขาด้วยว่าอยู่ในสภาพติดยา

เขาระบุว่าผู้ชุมนุมประท้วงไม่ได้มีความต้องการอย่างแท้จริงที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่พวกเขาถูกกำกับควบคุมโดยผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ อย่างบิน ลาดิน

"บิน ลาดิน นี่คือศัตรูซึ่งควบคุมอยู่เบื้องหลังประชาชนของเรา อย่าไปหลงเชื่อบิน ลาดิน" ผู้นำลิเบีย กล่าวและว่า "มันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การประท้วงครั้งนี้ถูกดำเนินการณ์โดยอัล-เคด้า เหล่าเยาวชนลูกหลานของเราที่กลายเป็นกองกำลังติดอาวุธ ถูกยุยงปลุกปั่นโดยกลุ่มคนซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของอเมริกาและโลกตะวันตก"

กัดดาฟีแถลงว่าผู้ถูกยุยงปลุกปั่นเหล่านั้นถือเป็นประชาชนจำนวนน้อย และรัฐบาลจะต้องจับตัวคนกลุ่มนี้มาให้ได้ เขายังระบุอีกว่ากลุ่มเยาวชนที่ออกมาประท้วงโค่นล้มเขา ถูกล่อลวงให้มีความสุขและก่อความรุนแรงด้วยยาเสพติด

เขากล่าวว่าสถานการณ์ในลิเบียไม่เหมือนกับอียิปต์และตูนิเซีย ที่สุดท้ายคนเป็นผู้นำประเทศต้องถูกขับไล่ออกจากตำแหน่ง เพราะประชาชนชาวลิเบียมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพวกเขาอยู่ในมือของตนเอง และจะใช้อำนาจดังกล่าวผ่านคณะผู้ปกครองประเทศ

"นี่คือประเทศของพวกคุณ และมันขึ้นอยู่กับพวกคุณว่าจัดการเรื่องนี้อย่างไร"

นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ผู้นำรายนี้ปรากฏตัวผ่านสถานีโทรทัศน์ นับตั้งแต่ผู้ชุมนุมต่อต้านการปกครองอันยาวนาน 41 ปีของเขา ลุกฮือขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์

เมื่อวันอังคาร(22) ในท่าทีที่แข็งกร้าวและพูดวกเวียนในบางครั้ง กัดดาฟี ปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ประกาศว่าเขายังอยู่ในลิเบียในฐานะผู้นำการปฏิวัติ พร้อมบอกด้วยว่าเขายอมตายในฐานะผู้เสียสละเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิดและจะต่อสู้จนเลือดหยดสุดท้าย

นอกจากนี้เขายังออกคำสั่งทหารและตำรวจออกบดขยี้พวกก่อจลาจลต่อต้านการปกครองของเขา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายร้อยคน

กลุ่มมวลชนในเมืองทางภาคตะวันออกที่เวลานี้อยู่ในความควบคุมของฝ่ายต่อต้าน ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี(24) ได้ออกมาประกาศว่า จะจัดการชุมนุมครั้งใหญ่ในกรุงตริโปลีในวันพฤหัสบดี (24) “จุดหมายปลายทางของเราคือที่ตริโปลี” ผู้ประท้วงรายหนึ่งกล่าว “หากตริโปลีปลดปล่อยตนเองเป็นอิสระไม่ได้”

สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐรายงานว่าผู้ก่อการร้าย 3 รายได้เล่นงานเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงรายหนึ่งซึ่งประจำอยู่ในอัซ-ซอวิเยาะห์ และปาดคอตำรวจ 3 นายเมื่อวันพฤหัสบดี(24) ท่ามกลางรายงานข่าวถึงการปะทะกันอย่างดุเดือดในเมืองแห่งนี้

อัซ-ซอวิเยาะห์ ตั้งอยู่แถบเมดิเตอร์เรเนียน ห่างจากกรุงตริโปลี ไปทางตะวันตกเพียง 50 กิโลเมตร ขณะที่การต่อสู่รอบๆเมืองหลวงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออกของประเทศตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ประท้วงต่อต้านระบอบกัดดาฟี อย่างไรก็ตามเวลานี้ยังไม่สามารถระบุถึงจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตที่แน่ชัดได้

Around the World - Manager Online -