เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 13:00
    'ฮุนเซน'เสนอหยุดยิงถาวรให้ปธ.อาเซียนพยาน

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    รองนายกฯไทยพบ"ฮุนเซน"เช้านี้ จากนั้นไปประชุมสุดยอดเศรษฐกิจไทย-เขมร "ฮุนเซน"ชิงเสนอลงนามหยุดยิงถาวรในเวทีอาเซียน ให้ประธานสักขีพยาน
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เดินทางไปประเทศกัมพูชาเมื่อเช้าที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด ทางเศรษฐกิจไทย ครั้งที่ 1
    โดยมีกำหนด 10.00 น. ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีฮุน เซน เพื่อหารือแก้ปัญหาการค้าชายแดนและความร่วมมือในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน และจะไปร่วมงานจัดแสดงสินค้าที่กรุงพนมเปญด้วย
    ทูตไทยในยูเอ็น ชี้ถ้าไม่คืบ 2ชาติอาจถูกเรียกมากำชับอีก
    สำนักข่าวซินหัว รายงานวันนี้ (17 ก.พ.) สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลกัมพูชาว่า จะขอให้ไทยลงนามในข้อตกลงหยุดยิงถาวร โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซีย นายมาร์ตี นาตาเลกาวา ในฐานะประธานอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยาน และจะดีมากหากประธานอาเซียนจะลงนามในข้อตกลงหยุดยิงแบบถาวรในวันที่ 22 ก.พ. ที่กรุงจาการ์ตา
    ขณะที่ นายนรชิต สิงหเสนีย์ เอกอัคราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยถึงสถานการณ์ภายหลังตัวแทนไทยและกัมพูชาแถลงชี้แจงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC) ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากพบว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจเป็นไปได้ว่ายูเอ็นเอสซีจะเรียกคู่กรณีเข้าพบเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งยูเอ็นเอสซีอาจแสดงท่าทีชัดเจนมากขึ้นด้วย ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งดีทั้งสำหรับประเทศไทยและกัมพูชา

    '
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 12:19
    ไต้หวันเล็งลดวีเอทีสกัดเงินเฟ้อ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ไต้หวันเล็งลดภาษีวีเอทีอาหารสกัดเงินเฟ้อ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
    กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันเปิดเผยว่า กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (วีเอที) สินค้าประเภทอาหาร 4 รายการ เหลือ 0%
    นับเป็นความพยายามล่าสุด ที่จะทำให้ราคาอาหารมีเสถียรภาพ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกยังคงพุ่งขึ้น
    ทั้งนี้ กระทรวงเปิดเผยว่า จะลดภาษีวีเอที ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด และถั่วเหลืองลงจาก 5% เหลือ 0% เป็นเวลา 3 เดือนถึง 1 ปีภายใต้ข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลก่อน
    ขณะที่รัฐบาลจะสูญเสียรายได้ 4 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน ถ้ามีการลดภาษีเป็นเวลา 1 ปี
    อย่างไรก็ตาม ไต้หวันยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่จากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารโลก
    อัตราเงินเฟ้อของไต้หวันยังต่ำอยู่ เมื่อเทียบกับของประเทศอื่น โดยอยู่ที่ 1.1% ในเดือนม.ค. เทียบกับ 7% ของอินโดนีเซีย แต่นักวิเคราะห์ของภาครัฐและเอกชนคาดว่าไต้หวันจะรับรู้ถึงผลกระทบจากราคาอาหารโลกที่พุ่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้
    ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติคาดว่า อัตราเงินเฟ้อของไต้หวันจะอยู่ที่ 2.04% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่า 0.96% ในปีที่แล้วอย่างมาก
    คาดว่าธนาคารกลางไต้หวันจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.125% ในการประชุมนโยบายประจำไตรมาสแต่ละครั้งในปีนี้ และส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางจะจับตาราคาที่พุ่งขึ้นอย่างใกล้ชิด

     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 12:08
    คลังสหรัฐแนะจับตาอียิปต์ทำธุรกรรม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    คลังสหรัฐแนะถาบันการเงินจับตาธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอียิปต์อย่างใกล้ชิด
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>









    กระทรวงคลังสหรัฐ แนะนำสถาบันการเงินอเมริกัน จับตามองธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอียิปต์อย่างใกล้ชิดว่ามีการนำเงินของรัฐมาใช้อย่างไม่เหมาะสมหรือไม่
    ทั้
    งนี้ เครือข่ายดำเนินการกับอาชญากรรมการเงินของกระทรวงคลังสหรัฐแนะว่า ธนาคารควรเพิ่มการตรวจสอบบัญชีเอกชนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลการเมืองต่างชาติ และควรจับตามองธุรกรรมที่อาจเป็นการนำเงินของรัฐมาใช้อย่างไม่เหมาะสม ยักยอกเงินของรัฐ มีการรับสินบนหรือจ่ายเงินโดยผิดกฎหมาย


    ขณะเเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์อียิปต์เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์จะยังคงปิดทำการในวันอาทิตย์นี้ และจะเปิดทำการอีกครั้งก็ต่อเมื่อมีความแน่นอนว่าธนาคารพาณิชย์จะเปิดดำเนินการได้ตามปกติ

     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 11:08
    สิงคโปร์เพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    สิงคโปร์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ สูงสุด 4% แต่แบงก์ชาติยังสร้างความมั่นใจ เชื่อแรงกดดันด้านราคาเปลี่ยนแปลงไม่มาก
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศวันนี้ (17 ก.พ.) ปรับทบทวนตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อประจำปี 2554 มาอยู่ที่ 3-4% จากก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ว่า น่าจะอยู่ราว 2-3%
    พร้อมกันนี้ยังเตือนว่า ราคาอาจขยายตัวเร็วขึ้นมาอยู่ที่ราว 5-6%ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวลงในช่วงหลังของปี
    รัฐบาลสิงคโปร์ ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจตลอดทั้งปี 2553 และไตรมาสสุดท้ายของปีดังกล่าว โดยชี้ว่า เศรษฐกิจไตรมาส 4 %น่าจะโตเพียง 3.9% จากเดิมที่ประเมินไว้ 6.9% ขณะตลอดทั้งปีอยู่ที่ 14.5% จากเดิม 14.7%
    อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสิงคโปร์ พยายามที่บรรเทาความวิตก เกี่ยวกับกระแสคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการคุมเข้มด้านนโยบายมากขึ้น โดยระบุว่า แรงกดดันด้านราคา ยังเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก นับแต่มีการทบทวนนโยบายครั้งล่าสุด เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 05:53
    เฟดปรับแนวโน้มศก.ดันหุ้นสหรัฐทะยาน

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    หุ้นสหรัฐทะยานขึ้น หลังเฟดออกมาปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ ประกอบเดลล์เผยรายได้แข็งแกร่ง
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (16 ก.พ.) ปรับตัวขึ้น 60.47จุด (0.49%) มาอยู่ที่ 12,287.1 จุด
    ขณะดัชนีแนสแด็ก ทะยานขึ้น 21.21 จุด (0.76%) ที่ 2,825.56.จุด และดัชนีเอส แอนด์ พี 500 บวกอีก 8.14 จุด (0.61%) ที่ 1,336.15. จุด
    ตลาดได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่า ในปีนี้ สหรัฐจะขยายตัวราว 3.4-3.9%
    แต่ขณะเดียวกันก็เตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นนั้น ไม่น่าจะช่วยลดอัตราว่างงาน ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 9% ให้ลดลงได้
    นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีจากเดลล์ ที่ประกาศรายได้ไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า จากความต้องการอย่างแข็งแกร่งของลูกค้ากลุ่มธุรกิต และราคาอุปกรณ์ที่ลดลง ซึ่งหุ้นเดลล์ทะยานขึ้นถึง 12%

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    NGO “ยันข้อมูล” ลิเบีย “สลายชุมนุม” ดับแล้วอย่างน้อย 4 ราย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กุมภาพันธ์ 2554 17:36 น.
    [​IMG]


    ประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี

    เอเอฟพี - การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ความมั่นคงลิเบีย กับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านประธานาธิบดี มูอัมมาร์ กัดดาฟี ส่งผลให้มีผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต 4 ราย เว็บไซต์ของพรรคฝ่ายค้าน และองค์กรอิสระรายงานวันนี้ (17) ขณะที่นักเคลื่อนไหวบนโลกไซเบอร์พากันเรียกร้องการลุกฮือของคนทั้งประเทศใน “วันแห่งความโกรธแค้น”

    เว็บไซต์ต่างๆ และกลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชนเพื่อชาวลิเบียในกรุงลอนดอนเผยข้อมูลว่า การล้อมปราบผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบเผด็จการของ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียปะทุขึ้นวานนี้ (16) ในเมืองอัลไบดา ทางตะวันออกของประเทศในภูมิภาคแอฟริกาเหนือแห่งนี้

    “กองกำลังความมั่นคงภายใน และกำลังทหารของคณะปฏิวัติใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่การชุมนุมโดยสงบของเยาวชนเมืองอัลไบดา” ส่งผลให้ “มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก” ข้อมูลจากกลุ่มลิเบีย วอตช์ ระบุ ทางด้านกลุ่มฮิวแมน ไรต์ส โซลิดาริตี องค์กรสิทธิมนุษยชนในกรุงเจนีวา ได้รายงานอ้างอิงข้อมูลจากผู้เห็นเหตุการณ์ ว่า มีพลแม่นปืนคอยซุ่มอยู่บนหลังคา และได้ปลิดชีพผู้ประท้วงไปมากถึง 13 ราย และผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก

    คลิปวิดีโอที่แพร่สะพัดไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ได้เผยให้เห็นภาพการชุมนุมของชาวลิเบีย ซึ่งรวมตัวกันจำนวนมากเมื่อคืนวานนี้ ในเมืองอัลไบดา พร้อมทั้งป่าวร้องว่า “ประชาชนต้องการโค่นล้มระบอบ” รวมทั้งภาพเพลิงไหม้อาคาร

    จำนวนผู้ประท้วงในวันนี้ (17) จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับประธานาธิบดี กัดดาฟี ผู้ครองเก้าอี้ผู้นำลิเบียมาตั้งแต่ปี 1969 ไม่ต่างจากผู้นำประเทศเพื่อนบ้านอย่างอียิปต์และตูนิเซีย ซึ่งล้วนต้องยอมศิโรราบให้กับพลังของประชาชนจากการลุกฮือในช่วงเดือนที่ผ่านมา

    กลุ่มเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กกลุ่มหนึ่งได้ปลุกระดมประชาชนถึง “วันแห่งความโกรธแค้น” โดยกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกเข้าร่วม 4,400 คนเมื่อวันจันทร์ (14) และเมื่อวานนี้ (16) จำนวนสมาชิกกลุ่มในเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นเป็น 9,600 ราย หลังการปะทะในเมืองเบนกาซี เมืองใหญ่อันดับสองของลิเบีย โดยหนังสือพิมพ์กูรินา รายงานว่า กองกำลังความมั่นคงและกลุ่มผู้ประท้วงได้ปะทะกันเมื่อช่วงดึกคืนวันอังคาร (15) ในเมืองเบนกาซี ซึ่งทางการป้ายสีว่ามี “ผู้มีเจตนาก่อเหตุรุนแรง” แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ประท้วง

    ทั้งอังกฤษ และสหภาพยุโรปต่างวิงวอนให้รัฐบาลลิเบียใช้ความอดทนอดกลั้น โดยความสัมพันธ์ระหว่างลิเบียกับชาติตะวันตกพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนสหรัฐฯ เรียกร้องลิเบีย เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ให้ทำตามข้อเรียกร้องของประชาชน

    ท่ามกลางความขัดแย้งทางความคิดบนท้องถนน กลุ่มผู้สนับสนุนกัดดาฟีได้รวมตัวกันในกรุงตริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย เมื่อช่วงค่ำคืนวานนี้ และมีการส่งข้อความทางเครือข่ายโทรศัพท์ต่อๆ กันในหมู่ “ยุวชนลิเบีย” โดยประกาศเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมถึง 4 ข้อต้องห้าม ซึ่งประกอบด้วย “มูอัมมาร์ กัดดาฟี, บูรณภาพแห่งดินแดน, ศาสนาอิสลาม และความมั่นคงภายใน”

    ฝ่ายคณะปฏิวัติลิเบีย ซึ่งเป็นเสมือนเสาค้ำยันอำนาจของกัดดาฟี ได้ออกประกาศเตือนว่า จะไม่ยอมให้ผู้ประท้วงต่อต้านระบอบ “ฉกฉวยความสำเร็จของประชาชน และบ่อนทำลายความสงบสุขของพลเรือนและความมั่นคงของชาติ”

    [​IMG]

    กลุ่มผู้สนับสนุนกัดดาฟี รวมตัวกันในกรุงตริโปลี วานนี้(16)

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/YZLNiFza0io?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/YZLNiFza0io?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    Around the World - Manager Online - NGO
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'บาห์เรน-ลิเบีย'ปราบผู้ชุมนุมหนักสังเวยรวม8ศพ-โลกอาหรับระอุต่อ
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 กุมภาพันธ์ 2554 23:23 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เอเอฟพี/เอเจนซี - สถานการณ์ตึงเครียดจากกรณีการลุกฮือประท้วงขับไล่ผู้นำระบอบเบ็ดเสร็จในโลกอาหรับซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากตูนีเซียและอียิปต์ ยังคงลุกโชนและไหม้ลามอย่างต่อเนื่องไล่ตั้งแต่ดินแดนในแอฟริกาเหนือไปจนถึงรัฐตะวันออกกลางอย่างบาห์เรน โดยล่าสุดมีรายงานว่า ที่บาห์เรนมีการปะทะนองเลือดกันอีกระลอก เมื่อกองกำลังรักษาความมั่นคงได้ใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างหนักหน่วงในช่วงค่ำวันพุธ (16) จนเป็นเหตุให้มีผู้สังเวยชีวิต 4 ศพ และบาดเจ็บอีกร้อยราย ขณะที่ในลิเบีย ก็เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ประท้วงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 4 ราย ก่อนหน้าวันที่แกนนำปลุกระดมกำหนดว่าเป็น “วันแห่งความโกรธแค้น” เมื่อวันพฤหัสบดี (17)



    ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลบาห์เรนปักหลักชุมนุมเมื่อค่ำวันพุธ(16) ก่อนถูกทหารใช้กำลังเข้าสลาย

    [​IMG]
    กองกำลังรักษาความมั่นคงของบาห์เรน เปิดฉากระดมยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายม็อบซึ่งปักหลักอยู่กลางจัตุรัสเพิร์ล ในกรุงมานามา โดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ในช่วงค่ำวันพุธ (16) เวลาประมาณ 3.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือ 7.00 น. วันพฤหัสบดี (17) ตามเวลาเมืองไทย ปฏิบัติการดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บถึง 100 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีบาดเจ็บสาหัสนับสิบราย ทั้งนี้จากปากคำบอกเล่าของประจักษ์พยานและญาติมิตรของผู้เสียชีวิต

    “พวกเขาจู่โจมจัตุรัสแห่งนี้ ที่ซึ่งผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนนอนค้างแรมอยู่ในเต็นท์” เฟเดล อาห์หมัด หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ เล่า โดยที่บางคนยังระบุด้วยว่า พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดและเสียงหวอของรถพยาบาลดังมากจนสามารถได้ยินไกลออกไปถึง 200-300 เมตร

    อย่างไรก็ตาม ทางการบาห์เรน ซึ่งเมินคำเรียกร้องของนานาชาตินำโดยสหรัฐฯ ให้มีการยับยั้งชั่งใจต่อกระแสโกรธกริ้วของกลุ่มผู้ประท้วง ได้ออกมาแถลงแก้ต่างว่า พวกเขาไม่มีทางเลือก หลังจากตลอดวันพุธที่ผ่านมา ชาวบาห์เรนจำนวนหลายพันคนได้ออกมาชุมนุมเดินขบวนประท้วงอย่างหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ และตะโกนเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง และขอรัฐธรรมนูญที่แท้จริง

    “กองกำลังรักษาความมั่นคงได้เข้าเคลียร์พื้นที่ในจัตุรัสเพิร์ล... หลังจากที่หมดสิ้นทุกช่องทางในการพูดคุยสื่อสารแล้ว” พลเอก ตอเรก อัล-ฮัสซัน โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวในคำแถลงผ่านสำนักข่าวทางการ บีเอ็นเอ ถึงแม้ว่าตัวรัฐมนตรีมหาดไทย ราเชด บิน อับดุลเลาะห์ อัล-คอลิฟา จะออกมาแสดงความเสียใจและกล่าวขอโทษต่อผู้เสียชีวิต 2 คน ซึ่งเป็นวัยรุ่นมุสลิมนิกายชีอะห์ ในเหตุปะทะกันก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

    “บางคนออกไปจากจัตุรัสด้วยความเต็มใจ ในขณะที่คนอื่นๆ ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตนภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งก็ทำให้เราต้องใช้กำลังเข้าแทรกแซงเพื่อสลายม็อบ”

    ด้านผู้นำกลุ่มอิสลามมิก เนชั่นแนล แอกคอร์ด แอสโซซิเอชั่น (ไอเอ็นเอเอ) แกนนำกลุ่มฝ่ายค้านนิกายชีอะห์ ในบาห์เรน ได้ออกมากล่าวประณามการลงมือของตำรวจบาห์เรนคราวนี้ โดยระบุว่าเป็น “การจู่โจมกลุ่มผู้ที่ชุมนุมด้วยความสงบอย่างป่าเถื่อนและไร้เหตุผล”



    กองกำลังรักษาความมั่นคงบาห์เรนคุมเข้มตามถนนสายต่างๆหลังใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม


    “การโจมตีครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอันจะนำมาซึ่งความหายนะต่อความมั่นคงของบาห์เรน” เช็ก อาลี ซอละมาน ผู้นำไอเอ็นเอเอ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี

    ทั้งนี้ ผลจากการใช้กำลังปราบปรามเมื่อค่ำคืนวันพุธ (16) ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงขับไล่ผู้นำระบอบปกครองบาห์เรน รวมเพิ่มเป็น 6 รายแล้วนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการลุกฮือขึ้นเมื่อวันจันทร์ (14) อันเป็นผลจากการปลุกระดมผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิต เฟสบุ๊ก ซึ่งใช้ได้ผลในเหตุประท้วงที่ตูนิเซียและอียิปต์

    ข้ามมาที่ ลิเบีย รัฐอาหรับซึ่งตามลักษณะภูมิประเทศถูกกระหนาบซ้ายขวาโดยตูนิเซียและอียิปต์ที่มีการปฏิวัติล้มล้างระบอบผู้นำอำนาจเบ็ดเสร็จจนสำเร็จไปก่อนหน้านี้ ก็มีอันต้องเผชิญกับมรสุมทางการเมืองอย่างรุนแรงเช่นกัน เมื่อเหตุจลาจลล้มล้างระบอบของประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี โหมกระพือ และเกิดการปะทะนองเลือดกันระหว่างกองกำลังรักษาความมั่นคงของลิเบียกับกลุ่มผู้ประท้วงในเมืองอัล-ไบดา โดยที่เว็บไซต์ต่างๆ ของกลุ่มฝ่ายค้านรัฐบาลและกลุ่มสิทธิมนุษยชนลิเบียซึ่งตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ระบุว่า เหตุดังกล่าวในวันพุธ (16) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 4 ราย หนึ่งวันก่อนหน้าวันที่นักเคลื่อนไหวบนโลกไซเบอร์กำหนดให้เป็น “วันแห่งความโกรธแค้น” เพื่อรำลึกถึงโศกนาฏกรรมที่กลุ่มผู้ประท้วง 14 รายเสียชีวิตจากการเดินขบวนที่เมืองเบนกาซี ในปี 2006 เมื่อวันพฤหัสบดี (17)

    “กองกำลังรักษาความมั่นคงภายในและทหารในสังกัดของคณะกรรมการปฏิวัติได้สาดกระสุนจริงเพื่อสลายการชุมนุมโดยสงบของเหล่ายุวชนในเมืองอัล-ไบดา เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 4 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก” ลิเบีย วอตช์ ระบุ

    ขณะที่องค์กรฮิวแมน ไรต์ โซลิดาริตี ในเจนีวา อ้างข้อมูลจากเหล่าผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ลิเบียซึ่งซุ่มดักยิงอยู่บนตึกอาคารได้ส่องผู้ประท้วงตายแล้วถึง 13 ศพ

    Around the World - Manager Online - '
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การต่อสู้ครั้งใหม่ในระหว่างพวก‘อิสลามิสต์’ภายหลังอียิปต์โค่น‘มูบารัค’ (ตอนแรก)

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 กุมภาพันธ์ 2554 21:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ Asia Times Online :: Asian news hub providing the latest news and analysis from Asia)

    The beginning of a new struggle
    By Syed Saleem Shahzad
    12/02/2011

    เมื่อต้องเผชิญกับการชุมนุมประท้วงตามท้องถนนครั้งยิ่งใหญ่มโหฬาร ฮอสนี มูบารัค ก็ก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีอียิปต์ที่เขาครอบครองมาเป็นเวลา 30 ปี ความเคลื่อนไหวคราวนี้น่าที่จะทำให้กลุ่ม “ภราดรภาพมุสลิม” ที่เป็นพวกนิกายสุหนี่ กลับผงาดโดดเด่นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ขณะที่อิหร่านก็ประกาศให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อ “การตื่นขึ้นมาอย่างอิสลาม” คราวนี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อิหร่านซึ่งเป็นพวกนิกายชิอะห์ กับพวกอิสลามิสต์ฝ่ายสุหนี่ อาจจะอยู่ข้างเดียวกันได้เป็นการชั่วคราว แต่ในที่สุดแล้วก็จะต้องเกิดการปะทะกันในตลอดทั่วทั้งภูมิภาคแถบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

    *ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนแรก *

    อิสลามาบัด, ปากีสถาน – ยุคสมัยที่กินระยะเวลา 30 ปีแห่งการครองอำนาจของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ที่บัดนี้ก้าวลงจากตำแหน่งแล้ว เป็นอันสิ้นสุดลงด้วยคำแถลงสั้นๆ บรรจุถ้อยคำ 56 คำ คำแถลงดังกล่าวถูกนำมาอ่านโดยรองประธานาธิบดี โอมาร์ สุไลมาน (Omar Sulieman) ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าดูแลหน่วยงานด้านข่าวกรองของมูบารัค การสิ้นสุดลงของยุคมูบารัคเช่นนี้ ย่อมเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่กลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ที่ก่อนหน้านี้อยู่ในภาวะสงบเสงี่ยมเรื่อยมา ทว่ามันยังไม่ได้มีความหมายใหญ่โตถึงขนาดเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง มรดกของมูบารัคยังน่าที่จะได้รับการสืบทอดต่อไปอีก เฉกเช่นเดียวกับที่ได้บังเกิดขึ้นในประเทศตูนิเซียก่อนหน้านี้

    คำแถลงที่รองประธานาธิบดีสุไลมานนำมาอ่าน มีเนื้อหาดังนี้ “ในพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ พลเมืองทั้งหลาย ระหว่างที่เกิดสภาพการณ์อันยากลำบากอย่างยิ่งเหล่านี้ซึ่งอียิปต์กำลังเดินก้าวผ่านพ้นไปอยู่นี้ ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ได้ตัดสินใจที่จะก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีของสาธารณรัฐแล้ว และได้มอบอำนาจให้คณะกรรมาธิการระดับสูงของกองทัพ เป็นผู้บริหารกิจการของประเทศชาติ ขอพระเจ้าได้ทรงช่วยเหลือทุกๆ คน”

    จากคำแถลงของสุไลมานดังกล่าวนี้ ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้อันชัดเจนว่า ฝ่ายทหารได้ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจ นำโดยรัฐมนตรีกลาโหม จอมพล โมฮัมเหม็ด ฮุสเซน ตันตาวี (Mohammed Hussein Tantawi) หลังจากที่การชุมนุมประท้วงตามท้องถนนของประชาชนดำเนินมาได้กว่า 2 สัปดาห์
    .
    การปิดฉากลงของยุคสมัยแห่งการปกครองอันยาวยืดของมูบารัคที่ปัจจุบันอยู่ในวัย 83 ปีเช่นนี้ ได้กลายเป็นการทำลายภาวะเงียบงันสลบไสลที่เข้าครอบงำแวดวงภูมิปัญญาความรอบรู้ร่วมของโลกมุสลิม และในเวลาเดียวกันก็ทำให้เกิดความตระหนักรับรู้กันขึ้นมาใหม่ว่า การเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนเป็นสิ่งที่มีทรงพลังเป็นสิ่งที่มีอำนาจชี้ขาด กระนั้นก็ตามที จากการที่ภูมิภาคตะวันออกกลางในปัจจุบันยังคงขาดไร้ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอันแท้จริง ดังนั้นภูมิภาคแถบนี้จึงน่าที่จะกลายเป็นสนามประลองกำลังแห่งใหม่ ระหว่างอิหร่านที่เป็นมุสลิมนิกายชิอะห์ และกลุ่มภราดรภาพมุสลิมซึ่งมุสลิมนิกายสุหนี่อยู่ในฐานะครอบงำ

    อย่างไรก็ดี ต้องตราไว้ด้วยว่าอิหร่านนั้นมีความเข้าอกเข้าใจดีว่า ในขณะนี้เป็นเพียงขั้นตอนระยะผ่าน ซึ่งการตั้งความหวังว่าจะมีการปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่โตถึงขั้นเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ (paradigm change) --ตัวอย่างเช่นการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อปี 1979 ที่ขับไล่โค่นล้มพระเจ้าชาห์-- ย่อมเป็นเพียงความฝันอันไกลห่างเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่อิหร่านดูจะมุ่งมั่นตั้งใจดำเนินการ จึงอยู่ที่จะพยายามเจือจางลดทอนการกุมอำนาจ ตลอดจนเจือจางลดทอนบทบาทของเหล่าระบอบปกครองของฝ่ายสุหนี่ ที่ยังคงมีฐานะเหนือกว่าอย่างสุดกู่ในภูมิภาคแถบนี้ ไม่ว่าจะเป็นในซาอุดีอาระเบีย, อียิปต์, จอร์แดน, หรือ ตูนิเซีย

    สภาพการณ์เช่นนี้น่าจะปรากฏออกมา ในรูปของการที่ประชาชนคนเดินถนนชาวอาหรับทั้งหลาย จะบังเกิดความขุ่นเคืองไม่พอใจกันมากขึ้น โดยที่อิหร่านวาดหวังว่ามันอาจจะช่วยให้ศาสนาอิสลามแบบนิกายชิอะห์เติบโตขยายตัวขึ้นในตะวันออกกลาง หากผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ย่อมจะกลายเป็นการเพิ่มพูนความล้ำลึกในทางยุทธศาสตร์ให้แก่อิหร่าน อีกทั้งยังเป็นไปได้ที่อาจจะนำไปสู่การฟื้นชีพขึ้นมาใหม่ของจักรวรรดิกาหลิปแห่งฟาติมิยะห์ (Fatimid caliphate) ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในตูนิเซียและอียิปต์ ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.909 ถึง 1171

    ณ ช่วงจังหวะเวลาที่ระบอบปกครองมูบารัคกำลังร่อแร่จวนเจียนจะล้มครืนลงมา ขณะที่การปลุกระดมทางการเมืองตามท้องถนนของอาหรับก็ไม่มีท่าทางที่จะอ่อนกำลังลงไปนั้นเอง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ อยาโตลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Khamenei) ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ก็ได้ออกมากล่าวในพิธีละหมาดใหญ่วันศุกร์ในกรุงเตหะราน ซึ่งเป็นการออกมากล่าวในพิธีเช่นนี้ครั้งแรกในช่วงระยะเวลา 7 เดือน

    “นี่แหละคือสิ่งที่มักถูกพูดถึงอยู่เสมอในฐานะที่เป็นการปรากฎของการตื่นขึ้นมาอย่างอิสลาม (Islamic awakening) ในช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติอิสลามของประชาชาติแห่งชาวอิหร่านผู้ยิ่งใหญ่ (ในปี 1979) และมันก็กำลังแสดงตัวออกมาให้เห็นอีกในวันนี้” เขากล่าว

    “การปฏิวัติของพวกเรากำลังสร้างแรงบันดาลใจและก็กลายเป็นแบบอย่างเพื่อการเจริญรอยตาม สืบเนื่องจากความวิริยะอุตสาหะ, ความมีเสถียรภาพ, และการยืนหยัดอยู่ในหลักการของการปฏิวัตินี้” คาเมเนอี พูดในอีกตอนหนึ่ง

    “วันนี้ในอียิปต์ใครๆ ก็สามารถได้ยินเสียงของพวกท่านกำลังก้องสะท้อนดังอุโฆษ ประธานาธิบดีอเมริกันผู้นั้น (จิมมี คาร์เตอร์) ผู้ซึ่งอยู่ในอำนาจในระหว่างการปฏิวัติ (อิหร่าน) ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่พวกท่านได้ยินในอียิปต์ฟังดูคุ้นหูมาก สิ่งที่กำลังได้ยินอยู่ในไคโรวันนี้คือสิ่งที่ได้ยินกันในเตหะรานในระหว่างวันเวลา (แห่งการดำรงตำแหน่ง) ของเขา” คาเมเนอี บอก เขายังพูดด้วยว่า พัฒนาการที่เกิดขึ้นในช่วงหลังๆ มานี้ในแอฟริกาเหนือ เป็นผลลัพธ์ของ “การตื่นขึ้นมาอย่างอิลาม ซึ่งตามหลังการปฏิวัติอิสลามอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่าน”

    ทางด้าน คามัล อัล ฮัลบาวี (Kamal al-Halbavi) ผู้นำของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ได้กล่าวยกย่องสรรเสริญคำแถลงคราวนี้ของคาเมเนอี ในระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุบีบีซีภาคภาษาเปอร์เซีย นอกจากนั้นเขากล่าวด้วยว่าต้องการให้ประเทศอียิปต์ของเขาดำเนินการพัฒนาในทุกๆ ด้านแบบเดียวกับในอิหร่าน เขาบอกว่าอิหร่านกำลังประสบความสำเร็จมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและทางด้านวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งกำลังกลายเป็นมหาอำนาจรายหนึ่งของภูมิภาค

    มาถึงตอนนี้ ขอให้เราพิจารณาข้อเขียนของ จิม โล้บ (Jim Lobe) แห่งสำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส (Inter Press Service) ซึ่งเขียนถึงกลุ่มภราดรภาพมุสลิมเอาไว้อย่างน่าสนใจ เขาบอกว่า “กลุ่มภราดรภาพมุสลิมได้รับการยอมรับว่าเป็นการรวมกลุ่มทางการเมืองที่มีการจัดตั้งจัดองค์กรอย่างดีที่สุดและมีระเบียบวินัยสูงที่สุด ความนิยมชมชื่นที่กลุ่มนี้ได้รับจากประชาชนนั้น เห็นกันว่าสืบเนื่องจากเครือข่ายให้บริการทางสังคมและบริการทางการแพทย์ของกลุ่ม ซึ่งมุ่งให้บริการแก่ภาคส่วนที่ยากจนของสังคม รวมทั้งเนื่องจากการที่กลุ่มภราดรภาพมุสลิมยึดมั่นมาเป็นเวลายาวนานในจุดยืนที่คัดค้านระบอบปกครองมูบารัค ตลอดจนการที่พวกเขาถูกกล่าวโทษถูกจับกุมเล่นงานจากระบอบมูบารัค เป็นที่เชื่อกันว่ากลุ่มนี้ได้รับความจงรักภักดีของประชาชนถึงประมาณ 30% ของประชากรทั่วทั้งอียิปต์ทีเดียว

    ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาของอียิปต์เมื่อปี 2005 พวกผู้สมัครที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (ตัวกลุ่มภราดรภาพมุสลิมเอง ถูกสั่งยุบเลิกอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 1954) ชนะได้ที่นั่ง 20% ในรัฐสภาอียิปต์ แต่พวกเขากลับได้รับความสนับสนุนเพียงนิดเดียวเท่านั้นในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทว่าตามความเห็นของพวกผู้สังเกตการณ์ทั้งในท้องถิ่นและในระดับระหว่างประเทศ การเลือกตั้งคราวหลังนี้มีการทุจริตคดโกงอย่างโจ๋งครึ่ม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคประชาธิปไตยแห่งชาติ (National Democratic Party) ที่เป็นพรรครัฐบาล และบัดนี้ด้วยสถานการณ์การเมืองที่พลิกผัน จึงถูกมองว่ากำลังมีอนาคตที่ไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง”

    ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าโต๊ะปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ เขาเป็นผู้เขียนหนังสือที่กำลังจะออกจำหน่ายในเร็วๆ นี้ซึ่งใช้ชื่อ Inside Al-Qaeda and the Taliban 9/11 and Beyond จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ Pluto Press สหราชอาณาจักร สำหรับที่อยู่ทางอีเมล์ของเขาคือ saleem_shahzad2002@yahoo.com </STRONG>
    (อ่านต่อตอน 2 ซึ่งเป็นตอนจบ)

    Around the World - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การต่อสู้ครั้งใหม่ในระหว่างพวก‘อิสลามิสต์’ภายหลังอียิปต์โค่น‘มูบารัค’(ตอนจบ)
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 กุมภาพันธ์ 2554 21:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ Asia Times Online :: Asian news hub providing the latest news and analysis from Asia)

    The beginning of a new struggle
    By Syed Saleem Shahzad
    12/02/2011

    เมื่อต้องเผชิญกับการชุมนุมประท้วงตามท้องถนนครั้งยิ่งใหญ่มโหฬาร ฮอสนี มูบารัค ก็ก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีอียิปต์ที่เขาครอบครองมาเป็นเวลา 30 ปี ความเคลื่อนไหวคราวนี้น่าที่จะทำให้กลุ่ม “ภราดรภาพมุสลิม” ที่เป็นพวกนิกายสุหนี่ กลับผงาดโดดเด่นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ขณะที่อิหร่านก็ประกาศให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อ “การตื่นขึ้นมาอย่างอิสลาม” คราวนี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อิหร่านซึ่งเป็นพวกนิกายชิอะห์ กับพวกอิสลามิสต์ฝ่ายสุหนี่ อาจจะอยู่ข้างเดียวกันได้เป็นการชั่วคราว แต่ในที่สุดแล้วก็จะต้องเกิดการปะทะกันในตลอดทั่วทั้งภูมิภาคแถบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

    *ข้อเขียนนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนจบ*

    (ต่อจากตอนแรก)

    กลุ่มภราดรภาพมุสลิมและแนวความคิดอุดมการณ์ของกลุ่มนี้ ได้หยั่งรากอย่างล้ำลึกในบรรดากลุ่มอิสลามิสต์ (ซึ่งส่วนใหญ่ที่สุดเป็นมุสลิมนิกายชิอะห์) ในอิหร่าน และได้ส่งอิทธิพลอย่างมากมายต่อการต่อสู้ของพวกเขาในช่วงกลางทศวรรษ 1960 จนถึงทศวรรษ 1970 อิทธิพลอันลึกซึ้งดังกล่าวสะท้อนให้เห็นอยู่ในงานเขียนของ ดร.อาลี ชาเรียตี (Dr Ali Shariati ผู้มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1933 – 1977) ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นนักทฤษฎีผู้เสนออุดมการณ์สำหรับการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ทั้งนี้ชาเรียตีได้อ้างอิงผลงานของ ไซเอด กุตบ์ (Syed Qutb) แห่งกลุ่มภราดรภาพมุสลิมของอียิปต์ อยู่บ่อยครั้ง

    ภายหลังที่เกิดการปฏิวัติอิสลามขึ้นในอิหร่าน ประเทศนี้ก็ได้กลายเป็นพลังดึงดูดหลักเบื้องหลังบรรดากลุ่มพลังฝ่ายอิสลามิสต์ทั้งหลายในโลก คอลิด อิสลามโบวลี (Khalid Islambouli) นักรบญิฮัดซึ่งมีสายสัมพันธ์โยงใยอยู่กับ น.พ.อัยมาน อัล ซอวาฮิรี (Dr Ayman al-Zahawari) รองหัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ในปัจจุบัน ได้ก่อเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีอันวาร์ ซาดัต (Anwar Sadat) แห่งอียิปต์เมื่อปี 1981 ในเวลานั้นรัฐบาลอิหร่านซึ่งต้องการตอบโต้ต่อการที่ซาดัตยอมลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล ตลอดจนการที่เขายินยอมให้พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่านผู้ถูกโค่นล้มไปพำนักลี้ภัยอยู่ระยะหนึ่งในอียิปต์ ได้จัดแจงขนานนามถนนสายหนึ่งในกรุงเตะหรานเสียใหม่ตามชื่อของอิสลามโบวลี เพื่อเป็นการยกย่องปฏิบัติการของเขา หลังจากที่อิสลามโบวลีถูกลงโทษประหารชีวิตแล้ว รูโฮลเลาะห์ โคไมนี (Ruhollah Khomeini) ผู้นำสูงสุดของอิหร่านในเวลานั้น ยังได้ประกาศยกย่องเขาเป็นผู้สละชีพเพื่อศาสนา นอกจากนั้นอิหร่านยังเสนอให้ที่พำนักลี้ภัยแก่บรรดาสมาชิกในครอบครัวของอิสลามโบวลีอีกด้วย

    ในระยะเวลาใกล้เคียงกันนั้น นั่นคือ ตลอดช่วงทศวรรษ 1980 และทศวรรษ 1990 อันเป็นช่วงเวลาที่ระบอบปกครองอิยิปต์ทำการปราบปรามกวาดล้างกลุ่มภราดรภาพมุสลิมอย่างเลวร้ายที่สุด อิหร่านก็ได้กลายเป็นบ้านแห่งที่สองของพวกผู้นำของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมจำนวนมาก นอกจากนั้นภายหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีก่อวินาศกรรมสหรัฐฯในวันที่ 11 กันยายน 2001 อิหร่านยังได้ให้ที่พำนักหลบภัยแก่พวกผู้นำระดับสูงของอัลกออิดะห์อีกด้วย (ดูเรื่อง How Iran and al-Qaeda made a deal Asia Times Online, April 30, 2010, และเรื่อง Broadside fired at al-Qaeda leaders Asia Times Online December 10, 2010.)

    ปัจจุบันอิหร่านยังคงเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของ 2 องค์กรหลักของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในปาเลสไตน์ ซึ่งได้แก่ กลุ่มฮามาส (Hamas) และกลุ่ม อิสลามิก ญิฮัด (Islamic Jihad)

    การที่ขบวนการอิสลามิสต์ทั้งหลายให้การสนับสนุนการปฏิวัติในอิหร่าน และการที่อิหร่านก็ให้การสนับสนุนพวกองค์กรเหล่านี้ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นพวกสุหนี่-ซาลาฟี (Sunni-Salafi) นั้น พวกขบวนการอิสลามิสต์เห็นกันว่าเป็นอะไรที่อาจเรียกว่า “การเข้าเป็นพวกเดียวกันสืบเนื่องจากเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์” (historic comprise)

    กลุ่มภราดรภาพมุสลิมที่ได้รับการหนุนหลังจากซาอุดีอาระเบีย ก็ได้เคยให้การสนับสนุนการปฏิวัติในอิหร่าน ด้วยจุดประสงค์ที่จะยุติราชวงศ์ชิอะห์ของพระเจ้าชาห์ซึ่งสืบทอดสายโลหิตกันมาอย่างบริสุทธิ์สูงส่ง โดยที่ข้ออ้างเรื่องความบริสุทธิ์สูงส่งนี้เอง ได้ผสมผสานอย่างลึกซึ้งเข้าไปอยู่ในอคติที่มุ่งแยกตัวไม่ปะปนกับพวกอาหรับและพวกเติร์ก นอกจากนั้นราชวงศ์นี้ยังเป็นความต่อเนื่องของจักรวรรดิซาฟาวิด (Safavid empire) ซึ่งพวกบรรพบุรุษของราชวงศ์นี้ได้เปลี่ยนไปนับถืออิสลามนิกายชิอะห์ในปี 1501 เพื่อสร้างข้ออ้างสำหรับการไม่ยอมรับชาวเติร์กออตโตมัน (Ottomon Turks) เข้าเป็นส่วนหนึ่งแห่งจักรวรรดิกาหลิปของตน ด้วยเหตุนี้ นักทฤษฎีผู้เสนออุดมการณ์ให้แก่การปฏิวัติอิหร่านอย่าง ดร.อาลี ชาเรียตี จึงขนานนามจักรวรรดิซาฟาวิด และลัทธิชิอะห์ของพระเจ้าชาห์ ว่าเป็น “ลัทธิชิอะห์สีดำ” (Black Shi'ism) โดยเจือด้วยอคติและลักษณะที่ไม่เป็นอิสลามจำนวนมาก

    ดังนั้น กลุ่มภราดรภาพมุสลิมจึงตั้งความหวังเอาไว้ไม่ใช่น้อยๆ ให้แก่ “ลัทธิชิอะห์สีแดง” (Red Shi'ism) ของชาเรียตี ซึ่งมีรากเหง้าอิงอยู่กับคัมภีร์กุรอาน อิงอยู่กับชีวิตของศาสดามุฮัมมัด และชีวิตของลูกหลานของศาสดามุฮัมมัด (บานี ฟาติมะห์ Bani Fatima) ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มภราดรภาพมุสลิมจึงถือว่าการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน จะเป็นเพื่อนมิตรของประชาชาติอาหรับ กระนั้นก็ตามที มันก็สามารถมองได้ว่า นี่คือการจับมือเป็นพันธมิตรกันทางยุทธศาสตร์ของพวกอิสลามิสต์ทฝ่ายชิอะห์และฝ่ายสุหนี่ เพื่อผลประโยชน์ที่มีอยู่ร่วมกันของพวกเขา นอกจากนั้น พวกอิสลามิสต์ฝ่ายชิอะห์ยังคิดพิจารณาไปถึงการที่พวกเขาจะสามารถขยายบทบาทในโลกมุสลิมเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

    ในทำนองเดียวกัน การที่อิหร่านประกาศในช่วงหลังๆ มานี้ ว่าสนับสนุนพวกอิสลามิสต์ทั้งหลายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ก็สามารถถือเป็นการเดินหมากทางยุทธศาสตร์ โดยที่พวกเขามองว่าพวกอิสลามิสต์ที่มีฝ่ายสุหนี่เป็นสมาชิกส่วนใหญ่นั้น ไม่น่าที่จะก่อให้เกิดการปฏิวัติอิสลามใดๆ ขึ้นมาได้ ทว่าพวกอิสลามิสต์สุหนี่เหล่านี้ย่อมสามารถที่จะร่วมส่วนแสดงบทบาทในการทำให้เกิดความปั่นป่วนผันผวนทางการเมืองขึ้นมาอย่างแน่นอน ประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเละห์ (Ali Abdallah Saleh) แห่งเยเมน และกษัตริย์อับดุลเลาะห์ (King Abdullah) แห่งจอร์แดน กำลังถูกสั่นคลอนเสถียรภาพอย่างหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ว่าแม้กระทั่งภายหลังการล้มครืนของมูบารัคในอียิปต์ ก็ยังไม่มีกลุ่มพลังทางการเมืองอันเข้มแข็งใดๆ ในประเทศเหล่านี้ ที่อาจจะกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดที่มีความหมายใดๆ ขึ้นมาได้

    อย่างไรก็ดี สภาพแวดล้อมของภูมิภาคตะวันออกกลางที่กำลังถูกกระตุ้นด้วยสถานการณ์ทางการเมืองเฉกเช่นปัจจุบันนี้ อาจจะส่งผลกระเพื่อมต่อเนื่องไปในอิรัก, บาห์เรน, คูเวต, และซาอุดีอาระเบีย

    การปรากฏตัวของผู้นำสูงสุดของอิหร่านภายหลังจากที่หายหน้าไปนาน และการที่เขาเรียกร้องให้เกิด “การตื่นขึ้นมาอย่างอิสลาม” ในตะวันออกกลาง ไม่ได้ติดตามมาพร้อมกับความสนับสนุนทางวัตถุใดๆ ทั้งสิ้นต่อพวกอิสลามิสต์สุหนี่ในโลกอาหรับ ทว่าเป็นที่แน่นอนทีเดียวว่าอิหร่านจะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ “การตื่นขึ้นมาอย่างอิสลาม” ในหมู่อิสลามิสต์ฝ่ายชิอะห์ ทั้งในอิรัก, เยเมน, บาห์เรน, คูเวต, และซาอุดีอาระเบีย เหมือนกับที่พวกเขาได้เคยกระทำมาแล้วเมื่อตอนที่ซาอุดีอาระเบียและเยเมนร่วมมือกันปราบปรามกวาดล้างการก่อกบฎของพวกชิอะห์ที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่านในปี 2009 ทั้งนี้ต้องไม่ลืมด้วยว่า ในกรณีของบาห์เรนนั้น มักต้องพึ่งพิงอาศัยกองทหารรักษาดินแดนแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (Saudi National Guards) อยู่เสมอ ในการควบคุมไม่ให้เกิดการก่อความไม่สงบของชิอะห์ ซึ่งมีทางอิหร่านคอยหนุนหลังอยู่

    เมื่อพิจารณากันในทางอุดมการณ์แล้ว อิสลามแบบสุหนี่ และอิสลามแบบชิอะห์ ย่อมเป็นศัตรูทางการเมืองกันมาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นทีเดียว หากย้อนหลังเข้าไปในประวัติศาสตร์ อุดมการณ์ทั้งสองฝ่ายนี้เคยเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นคือ ตอนที่ บานี ฟาติมะห์ (ลูกหลานของศาสดามุฮัมมัด) กับ บานี อับบัส (Bani Abbas ลูกหลานของ อับบัส อาของศาสดามุฮัมมัด) ร่วมมือกันโค่นล้มราชวงศ์อุมัยยัด (Umayyad Dynasty) แล้วนำราชวงศ์อับบาสิด (Abbasid Dynasty) ขึ้นสู่อำนาจในปี ค.ศ.750 แต่ความเป็นพันธมิตรกันดังกล่าวก็มีอายุยืนยาวเพียงแค่ช่วงเวลา 4 ปีแห่งรัชสมัยของ อัล ซัฟฟาห์ อับบาซี (al-Saffah Abbasi)

    ชาเรียตี เป็นผู้ที่สร้างคำว่า “วิลลายัต-อี-ฟากีห์ (Willayat-e-Faqih การปกครองดูแลโดยคณะนักกฎหมายอิสลาม ก่อนที่ อัล มาห์ดี al-Mahdi จะปรากฏตัวขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง) และได้ชุบชีวิตให้แก่หลักกฎหมายอิสลามในศาสนาอิสลามฝ่ายชิอะห์ ตลอดจนเป็นผู้ที่สร้างที่ทางขึ้นมาสำหรับการปฏิวัติอิสลาม หลักการทฤษฎีสำคัญดังกล่าวนี้ เป็นข้อเสนอใหม่เพื่อให้มีการสร้างพันธมิตรระหว่างอิสลามสุหนี่กับอิสลามชิอะห์ขึ้นมาอีกครั้ง โดยในคราวนี้อิหร่านที่เป็นชิอะห์คือกองหน้าของการปฏิวัติ ขณะที่พวกอิสลามิสต์ฝ่ายสุหนี่เป็นผู้ที่เข้าร่วม อย่างไรก็ดี มันยังคงเป็นกลุ่มพันธมิตรที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่สบายใจ ถึงแม้ว่าอิหร่านกำลังให้การคุ้มครองปกป้องพวกผู้นำของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม และของอัลกออิดะห์ รวมทั้งกำลังให้ความสนับสนุนการต่อต้านของพวกอิสลามิสต์ชาวปาเลสไตน์อยู่ก็ตามที

    จากการที่อัลกออิดะห์กำลังก่อสร้างสมรภูมิสงครามอันกว้างใหญ่ไล่ตั้งแต่อัฟกานิสถานไปจนถึงเอเชียกลาง และจากอิรักไปจนถึงโซมาเลีย ส่วนกลุ่มภราดรภาพมุสลิมกำลังนำการลุกฮือของประชาชนในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ทั้งอิสลามฝ่ายสุหนี่และอิสลามฝ่ายชิอะห์จึงกำลังก้าวย่างเข้าสู่ระยะแห่งการตัดสินชี้ขาด

    อย่างไรก็ตาม แนวความคิดของพวกเขาที่แตกต่างกัน ระหว่าง “อาณาจักรอิหม่าน (Imamat) ซึ่งมีคณะผู้นำเป็นฝ่ายชิอะห์ กับ “อาณาจักรกาหลิป” (caliphate) ที่มีคณะผู้นำเป็นฝ่ายสุหนี่ ในที่สุดแล้วจะต้องเกิดการปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น และการอยู่ร่วมกันไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้เลย เมื่อการก่อความไม่สงบของพวกชิอะห์ปรากฏขึ้นมาในตะวันออกกลาง ดังที่ผู้นำสูงสุดของอิหร่านได้ปรากฏตัวก้าวออกมายืนอยู่ข้างหน้าอย่างฉับพลันในฐานะที่เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนที่สำคัญที่สุดของอิสลามิสต์ชิอะห์ การเผชิญหน้ากันชนิดถึงเป็นถึงตายระหว่าง 2 ส่วนหลักของโลกมุสลิม ก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

    ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าโต๊ะปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ เขาเป็นผู้เขียนหนังสือที่กำลังจะออกจำหน่ายในเร็วๆ นี้ซึ่งใช้ชื่อ Inside Al-Qaeda and the Taliban 9/11 and Beyond จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ Pluto Press สหราชอาณาจักร สำหรับที่อยู่ทางอีเมล์ของเขาคือ saleem_shahzad2002@yahoo.com </STRONG>

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยูเนสโกกลับลำไม่ส่ง จนท.ตรวจปราสาทพระวิหาร รอสถานการณ์สงบ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2554 09:51 น.

    [​IMG]

    ปราสาทพระวิหาร (แฟ้มภาพ)



    “ยูเนสโก” กลับลำไม่ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพปราสาทพระวิหารตามที่เขมรเรียกร้อง จนกว่าความตึงเครียดทางทหารจะบรรเทา และต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้ง 2 ประเทศ

    นางซู วิลเลียมส์ โฆษกหญิงขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก แถลงว่า ยูเนสโกยังไม่มีแผนจะไปเยือนปราสาทพระวิหาร จนกว่าความตึงเครียดทางทหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาจะบรรเทาเสียก่อน

    นอกจากนี้ โฆษกหญิงขององค์การยูเนสโก เปิดเผยต่อวิทยุ VOA ภาษาเขมรว่า การเข้าไปยังปราสาทพระวิหารจะต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งสองประเทศ ก่อนหน้านี้ นางอิรินา โบโควา เลขาธิการองค์การยูเนสโก ได้ออกแถลงการณ์ว่าจะส่งทูตพิเศษมาเจรจากับไทยและกัมพูชา

    ทั้งนี้ กัมพูชาได้เรียกร้องให้องค์การยูเนสโกส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสภาพความเสียหายของปราสาทพระวิหารที่อ้างว่าเป็นรอยกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงมาจากฝั่งไทย ในระหว่างการปะทะกันด้วยอาวุธเมื่อช่วงต้นเดือน ขณะที่ทางการไทยได้คัดค้านการส่งทีมเจ้าหน้าที่จากองค์การยูเนสโกเข้าไปยังบริเวณปราสาทพระวิหารในขณะที่สถานการณ์ยังคงตึงเครียด

    Politics - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "ฮุนเซน"เลือดเข้าตา ดึง "ลาว-ญวน" รบไทย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2554 00:56 น.

    [​IMG]

    เสียงปืนที่ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องบริเวณชายแดนปราสาทพระวิหาร หลังยูเอ็นเอสซีมีมติสนับสนุนให้ไทย-กัมพูชาเจรจาระดับทวิภาคีผ่านเวทีอาเซียน เป็นเครื่องยืนยันว่ากัมพูชาจะไม่ยุติศึกง่ายๆ

    ยิ่งมีประเด็นการความสมบูรณ์ของการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกมาเดิมพันด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่เสือเฒ่าบาดเจ็บอย่างฮุนเซนยอมไม่ได้

    สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ฮุนเซน เสียรังวัดอย่างรุนแรง เริ่มตั้งแต่การประเมินผิดพลาดว่าถ้าเปิดศึกแล้วจะสามารถยกระดับปัญหาเขตแดนสองประเทศไปสู่เวทีโลก ดึงสหประชาชาติให้ส่งกองกำลังสันติภาพมาประจำการบริเวณพพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร

    หักคอให้ไทยยอมถอนทหารออกจากบริเวณดังกล่าว เพื่อปูทางไปสู่การเสนอแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ตามเงื่อนไขของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งความจริงกัมพูชาควรต้องทำให้แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2552 แต่ก็ยืดเยื้อคาราคาซังข้ามมาถึงปี 2554 ที่คณะกรรมการมรดกโลกจะประชุมกันในเดือนมิถุนายนนี้

    สัญญาณที่ส่งออกมาจากยูเนสโก้ผ่านนางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการองค์การยูเนสโก ที่ระบุว่า มีการแต่งตั้ง นายโคอิชิโร มัตสึอูระ อดีตผู้อำนวยการยูเนสโก เป็นทูตพิเศษเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร โดยนายมัตสึอุระจะเดินทางมากรุงเทพฯ และพนมเปญ เพื่อหารือมาตรการลดความตึงเครียดและส่งเสริมการเจรจาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ปราสาทเขาพระวิหารนั้น แสดงให้เห็นว่า

    ผลจากการโจมตีพลเรือนไทยของฮุนเซนได้สะเทือนไปถึงตัวปราสาทพระวิหารที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มากเสียยิ่งกว่ารอยถากของกระสุนปืนจากฝั่งไทยที่ตอบโต้ไปยังฐานทหารกัมพูชาบริเวณปราสาทพระวิหารเสียอีก

    ท่าทีของ “ยูเนสโก” ที่เล็งเห็นถึงผลกระทบและความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในบริเวณปราสาทพระวิหารซึ่งต้องเป็นพื้นที่สันติภาพ ย่อมส่งผลต่อการพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารของกัมพูชาที่จะมีการประชุมในเดือนมิถุนายนอย่างแน่นอน

    ดังนั้น เมื่อทิศทางในเวทีมรดกโลกเริ่มตีบตัน ฮุนเซนย่อมต้องเปิดแนวรบใหม่เพื่อชิงความได้เปรียบ โดยเห็นได้จากการตีปี๊บลากศาลโลกกลับมาพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารอีกครั้ง หวังให้มีการขยายผลคำพิพากษาให้ครอบคลุมถึงเขตแดนสองประเทศด้วย

    จะว่าไปแล้วความพยายามที่จะเข้าสู่กระบวนการของศาลโลกนั้น กัมพูชาได้ขู่มาโดยตลอดว่า หากสองประเทศตกลงกันในระดับทวิภาคีไม่ได้ ก็จะให้ศาลโลกพิจารณาคดีนี้อีกครั้ง เกมนี้ของกัมพูชาจึงเป็นไพ่เก่าที่คิดว่าแต้มดีเป็นต่อประเทศไทยซึ่งฮุนเซนถือไว้มานาน จนวันนี้กัมพูชาถูกบีบโดยสถานการณ์ให้ต้องทิ้งไพ่ใบนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองเพราะเคยชนะคดีมาก่อน

    ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะต้องเตรียมการรับมืออย่างเท่าทัน รัดกุมและรอบคอบ เพื่อไม่ให้ไทยเพลี่ยงพล้ำ ดีที่สุดคือต้องยับยั้งความพยายามขยายผลไปสู่ศาลโลกของกัมพูชาให้ได้

    ไพอีกใบหนึ่งที่ ฮุนเซน คิดว่ามีเหนือประเทศไทย คือ การมีประเทศเวียดนาม และลาวเป็นภาคีร่วมรบ ซึ่งหากจำกันได้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เคยออกมาเปิดเผยข้อมูลนี้ผ่านสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาไว้ว่า

    “การสนับสนุนกำลังต่างๆ ล้วนแต่ต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น ผมไม่อยากให้ถึงจุดนั้นเพราะสิ้นเปลือง ดังนั้นเราต้องช่วยกันลดระดับปัญหา เพราะสงครามไม่ใช่จะยิงกันแล้วเลิกง่ายๆ ต้องเอาทหารไปอยู่ตามแนวชายแดนมากขึ้น 2-3 เท่า รวมถึงการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ซึ่งถือว่าสิ้นเปลือง ยิ่งไปกว่านั้นการทำการรบคงไม่ได้จบในสนาม แต่จะมีปัญหาต่อเนื่องผูกพันกันไปอีกหลายปี โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องสู้รบจากข้อพิพาทกับกัมพูชาที่เป็นประเทศเล็กกว่าประเทศไทย

    แต่กัมพูชาเวียดนาม-ลาว มีความร่วมมือกันทุกด้านโดยเฉพาะด้านการทหารด้วยการเป็นภาคีสมาชิกซึ่งกันและกัน แต่ละประเทศจะมีสนธิสัญญาร่วม ถ้าใครเกิดความเดือดร้อน มีปัญหาจะช่วยเหลือกันอย่างไร ซึ่งก็มีเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งก็เท่ากับเราอยู่คนเดียว ที่จะต้องต่อสู้และต้องดูแล เราอยู่ในอาเซียน 10 ประเทศ แต่ความช่วยเหลือสนับสนุนใกล้ชิดกันในเรื่องของการทำสงคราม เราไม่ได้อยู่กับเขา ซึ่งเขามีภาคีสมาชิกกันอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร เราสามารถป้องกันประเทศได้อยู่แล้วไม่ต้องเป็นห่วง"

    การมี เวียดนาม และลาว เป็นภาคีร่วมรบ อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กัมพูชาในวันนี้ยังไม่ยอมหยุดยิง แม้ ฮุนเซน ประกาศจำกัดพื้นที่การปะทะแต่ก็ไม่เคยพูดถึงการยุติการปะทะขณะเจรจา แถมยังมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาอย่างต่อเนื่องว่า เพื่อนภาคีร่วมรบของกัมพูชาอย่างเวียดนาม ได้ส่งทั้งอาวุธและกองกำลังทหารมาช่วยฮุนเซนแล้วอย่างลับๆ

    โดยข่าวในพื้นที่ไปไกลถึงขั้นว่า การปะทะกันครั้งหลังสุดระหว่างไทย-กัมพูชานั้น มีทหารเวียดนามร่วมลาดตระเวนอยู่กับทหารกัมพูชาด้วย จริงเท็จอย่างไรเป็นเรื่องที่กองทัพต้องเร่งหาคำตอบ

    ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ ต้องเดินหมากคูทางการเมืองระหว่างประเทศให้เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อไม่ให้ไทยถูกโดดเดี่ยว เพราะแม้ว่าเราจะไม่มีภาคีร่วมรบ แต่การมีภาคีร่วมทางการค้าและเศรษฐกิจซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการกดทับไม่ให้เกิดการสู้รบยืดเยื้อได้เช่นเดียวกัน โดยเห็นได้จากการยื่นมือเข้ามาในฐานะครอบครัวอาเซียนเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้น

    สถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ยังมิอาจตัดสินว่าใครแพ้ หรือชนะ และไม่มีประโยชน์ที่จะไปคิดถึงชัยชนะในขณะที่ประชาชนของทั้งสองประเทศพ่ายแพ้ยับเยินจากไฟสงคราม

    Politics - Manager Online -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2011
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Analysis : นักวิเคราะห์ชี้ “รัฐอาหรับ” อาจใช้กำลังสลายผู้ประท้วง “บาห์เรน” หวังหยุดกระแสปฏิวัติ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2554 11:56 น.

    [​IMG]

    รถถังของกองทัพบาห์เรนเข้าประจำการบริเวณจตุรัสเพิร์ล ในกรุงมานามา วานนี้(17)

    เอเอฟพี - กลุ่มประเทศอาหรับรอบๆอ่าวเปอร์เซียอาจส่งกำลังทหารเข้าช่วยหยุดยั้งการประท้วงในบาห์เรน เพื่อต้องกันมิให้กระแสปฏิวัติลุกลามไปทั่วภูมิภาค นักวิเคราะห์ชี้

    นักวิเคราะห์ซึ่งเฝ้าสังเกตความวุ่นวายทางการเมืองในแอฟริกาและตะวันออกกลางระบุวานนี้(17)ว่า หากการประท้วงของมุสลิมนิกายชีอะห์แพร่จากบาห์เรนไปยังประเทศอาหรับอื่นๆ จะเป็นถือเป็นชัยชนะทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่สำหรับอิหร่าน

    รัฐมนตรีต่างประเทศของ 6 ชาติซึ่งอยู่ในคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ(GCC) ยืนยันในการประชุมที่กรุงมานามาวานนี้(17) พร้อมจะให้การสนับสนุนบาห์เรนทั้งในด้านการเมือง, เศรษฐกิจ, ความมั่นคง และการป้องกันประเทศ

    “รัฐอ่าวอาหรับทุกประเทศไม่สามารถรับการเปลี่ยนแปลงชนิดหน้ามือเป็นหลังมือในบาห์เรนได้ ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขยังไม่สามารถทำได้ หากปราศจากพัฒนาการทางการเมืองอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะต้องใช้เวลา” ดาคีล อัล-ดาคีล นักวิเคราะห์การเมืองชาวซาอุดีอาระเบีย กล่าว

    “การประท้วงจะก่อให้เกิดความสับสนทางการเมืองและความมั่นคงในบาห์เรน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้อิหร่านและประเทศอื่นๆเข้ามาแทรกแซงได้ รัฐอาหรับต่างๆ โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย คงไม่ยอมให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น” ดาคีล ระบุ

    ตั้งแต่วันจันทร์(14)ที่ผ่านมา มีชาวบาห์เรนเสียชีวิตแล้ว 5 รายและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งประกาศว่าจะล้มระบอบการปกครองในบาห์เรน

    “ความต้องการล้มรัฐบาลและเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถือเป็นการยั่วยุสำหรับรัฐอ่าวอาหรับทั้งหมด ซึ่งซาอุดีอาระเบียจะสนับสนุนระบอบการปกครองในบาห์เรน และจะป้องกันมิให้รัฐบาลบาห์เรนถูกล้มอย่างแน่นอน” ดาคีล กล่าว

    การที่สำนักข่าว อัลจาซีรา ของกาตาร์ รายงานเหตุประท้วงในบาห์เรนอย่างระมัดระวัง และไม่เข้มข้นเท่าข่าวการโค่นล้มรัฐบาลตูนีเซียและอียิปต์ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของกรุงโดฮาที่มีต่อสถานการณ์ในบาห์เรน ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐอ่าวอาหรับทั้ง 6

    [​IMG]
    ชาวมุสลิมชีอะห์ยืนโบกธงชาติระหว่างการประท้วงในกรุงมานามา วานนี้(17)

    ประเทศกลุ่มจีซีซีซึ่งเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมันสำรองร้อยละ 45 ของโลก และมีปริมาณการส่งออกน้ำมันคิดเป็น 1 ใน 5 ของทั่วโลก ประกอบด้วย บาห์เรน, กาตาร์, คูเวต, โอมาน, ซาอุดีอาระเบีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

    อิบรอฮีม อัล-คอยยัต นักวิเคราะห์การเมืองเชื่อว่า ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างรัฐอ่าวอาหรับ อาจทำให้ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือราชวงศ์บาห์เรน

    คอยยัต กล่าวด้วยว่า ความวุ่นวายในบาห์เรนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรัฐอ่าวอาหรับทั้ง 6 เท่านั้น แม้แต่สหรัฐฯก็คงไม่ยอมให้เกิดการโค่นล้มระบอบการปกครองในบาห์เรน ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือที่ 5 ของตน

    อับดุลวาฮับ บาดราคาน นักวิเคราะห์ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า “ราชวงศ์อาหรับต่างรู้สึกหวาดหวั่นกับข้อเรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการปกครอง หรือแม้กระทั่งแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ในภูมิภาค โดยเฉพาะความขัดแย้งกับอิหร่าน เป็นเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลจะไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของประชาชน”

    นักวิเคราะห์ยังมองว่า กลุ่มผู้ประท้วงบาห์เรนส่วนใหญ่ที่เป็นชาวชีอะห์ จะยิ่งทำให้โอกาสประสบความสำเร็จลดลง

    ริยาด กอห์วาจี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์ทางทหารแห่งภูมิภาคตะวันออกไกลและอ่าวเปอร์เซีย ระบุว่า ปัจจัยด้านการแบ่งแยกไม่เป็นผลดีต่อผู้ประท้วงในบาห์เรน และกองทัพซึ่งเป็นมุสลิมซุนหนี่ที่จงรักภักดีต่อพระราชวงศ์ ก็พร้อมจะจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วงทุกเมื่อ แต่ก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากซาอุดีอาระเบียด้วย
    Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>Analysis :</font></b>
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อิหร่านยันเรือรบแล่นผ่านคลอดสุเอซ แม้ถูกยิวจวก'ยั่วยุ'

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2554 01:59 น.

    [​IMG]
    เรือรบอิหร่านที่เตรียมแล่นผ่านคลองสุเอซ
    เอเจนซี - สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐอิหร่านรายงานว่าเรือรบ 2 ลำมีกำหนดแล่นผ่านคลองสุเอซของอียิปต์ในวันพฤหัสบดี(17) อันจะกลายเป็นการแล่นผ่านคลองแห่งนี้ครั้งแรกกองทัพเรือเตหะรานนับตั้งแต่อิหร่านปฏิวัติอิสลามปี 1979 ท่ามกลางเสียงเตือนของอิสราเอล ที่มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการยั่วยุ

    แผนการเดียวกันนี้เคยถูกแถลงออกมาเมื่อวันพุธ(16) แต่ถูกยกเลิกออกไป อย่างไรก็ตามล่าสุดทางสำนักข่าวเพรสส์นิวส์ภาคภาษาอังกฤษ รายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งว่าแผนเคลื่อนขบวนเรือกลับคืนสู่กำหนดการอีกครั้ง

    "เรือรบ 2 ลำของอิหร่าน จะแล่นผ่านคลองสุเอซ เวลานี้เรือทั้งสองลำกำลังมุ่งสู่คลองสุเอซ" เจ้าหน้าที่อิหร่านบอก ขณะเพรสส์ทีวีรายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่อียิปต์ ระบุเช่นกันว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่เรือรบ 2 ลำจะแล่นผ่านคลองแห่งนี้

    นอกจากนี้สื่อมวลชนแห่งรัฐเตหะรายยังอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่กองทัพเรือรายหนึ่งกล่าวเสริมว่า "เจ้าหน้าที่ของอิหร่านได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของไคโร เพื่อขออนุญาตให้เรือทั้งสองลำแล่นผ่านคลองสุเอซ"

    อย่างไรก็ตามแผนแล่นผ่านคลองสุเอซของเรือรบอิหร่านครั้งนี้อาจก่ออาการปวดเศียรเวียนเกล้าแก่คณะทหารซึ่งเพิ่งขึ้นปกครองอิยิปต์ได้ไม่นานตามหลังการลาออกของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค หลังอะวิกดอร์ ลีเบอร์แมน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ชี้ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการกระทำที่ยั่วยุ

    เหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งแรกที่เรือรบอิหร่านแล่นผ่านคลองสุเอซ นับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อปี 1979 ที่กระทบต่อความสัมพันธ์กับอียิปต์ โดยอียิปต์หันไปยอมรับอิสราเอลและลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอลในปีนั้น

    คลองสุเอซเป็นเส้นทางน้ำสำคัญทางพาณิชย์และยุทธศาสตร์ระหว่างยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย ทำรายได้สำคัญให้แก่รัฐบาลอียิปต์

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000021730
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 08:08
    'อภิสิทธิ์'ไฟเขียวดีเอสไอสอบกักตุนน้ำมันปาล์ม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    นายกฯ ไฟเขียวดีเอสไอสอบต้นตอน้ำมันปาล์มขาดแคลน ยันรับทราบดีประชาชนเดือดร้อน ขณะที่"ธาริต"ถกกรมการค้าภายในวันนี้ ลุยสอบบริษัทกักตุนโควต้า
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเชิงนโยบายได้กำหนดแนวทางชัดเจน เพื่อแก้ไขปัญหาความขาดแคลน เรื่องนี้ติดตามอยู่ทุกวัน เพราะรู้ว่าเป็นปัญหาที่เดือดร้อนมาก และถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล่าสุด กรณีอนุมัติให้นำเข้าเพิ่มเติม 120,000 ตัน ยังไม่มีการนำเข้ามา และยังไม่มีการจัดการ
    "ดีเอสไอกำลังดำเนินการ ขณะนี้ กำลังไล่ดูว่าสาเหตุที่ไม่นำเข้าคืออะไร ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลให้อำนาจดีเอสไอเข้าไปดำเนินการ" นายกรัฐมนตรีกล่าว

    ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับทราบข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบเรื่องการกักตุนน้ำมันปาล์ม และได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และขอความร่วมมือไปยังอธิบดีกรมการค้าภายในเพื่อประสานความร่วมมือในการเข้าถึงข้อมูล และความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน โดยจะประชุมกันในวันนี้ (18 ก.พ.)

    นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ กล่าวว่า ได้สั่งให้อธิบดีดีเอสไอ ตั้งทีมสอบสวนกรณีปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน เนื่องจากสงสัยว่ามีการเอาเปรียบประชาชนอย่างเป็นกระบวนการ
    ทั้งนี้ คณะกรรมการได้อนุมัติให้นำเข้าน้ำมันปาล์มล็อตแรก จำนวน 3 หมื่นตัน เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนและราคาแพงในเดือน ม.ค. 2554 แต่ต่อมากระทรวงพาณิชย์ขอนำเข้าเพิ่ม เนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาขาดแคลนได้ จึงได้อนุมัตินำเข้าล็อตที่ 2 อีกจำนวน 1.2 แสนตัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรทันที เพราะราคาผลปาล์มปรับลดลง ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่สามารถนำเข้ามาได้ เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มในต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นกว่าราคาในประเทศ ที่จำหน่ายในราคาควบคุมขวดละ 47 บาท

    พาณิชย์ขอพันล้านตั้งกองทุน
    นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะให้ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบการกักตุนน้ำมันปาล์ม เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงว่ามีการกักตุนหรือไม่ เพราะกระทรวงไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะไปดำเนินการเอาผิดกับผู้กักตุน และเห็นว่าการแก้ไขปัญหาขณะนี้ ควรจะมีการตั้งกองทุนน้ำมันปาล์มมาดูแลราคาไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภค เบื้องต้นจะเสนอนายกรัฐมนตรีขออนุมัติงบประมาณ 1 พันล้านบาท มาแก้ปัญหาในช่วง 2 เดือนนี้
    สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตันล่าช้า เพราะกำลังดูเงื่อนไขราคาน้ำเข้าอยู่ เพื่อไม่ให้ได้ราคาสูงเกินไป จนกระทบต่อราคาขายปลีกในประเทศที่กำหนดเพดานไว้ที่ลิตรละ 47 บาท

    เอกชนชี้ยิ่งผลิตยิ่งขาดทุน
    รายงานข่าวจากกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ถึงสถานการณ์น้ำมันปาล์มล่าสุด การที่กระทรวงพาณิชย์ออกมาระบุถึง 4 กลุ่มผู้ผลิตไม่ผลิตน้ำมันปาล์มออกสู่ตลาด ซึ่งผู้ผลิตทั้ง 4 ราย ตามชื่อที่ถูกระบุนั้น เป็นกลุ่มที่ได้รับการจัดสรรโควตาปาล์มทั้งหมด เห็นว่าปัญหาต้นทุนน้ำมันปาล์มในขณะนี้สูงกว่าราคาที่รัฐบาลกำหนดให้จำหน่าย ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตน่าจะประสบกับภาวะขาดทุน ยิ่งผลิตมากก็ยิ่งขาดทุน จำเป็นที่จะต้องลดกำลังการผลิต หรืออีกทางหนึ่ง คือ นำไปผลิตบรรจุแบบปี๊บแทน
    แหล่งข่าวยังระบุว่า ต้นทุนปาล์มนำเข้าลิตรละกว่า 40 บาท เป็นน้ำมันกึ่งบริสุทธิ์ โรงกลั่นต้องนำมาแยกสี ทำให้ต้นทุนเกือบ 45 บาท ยังไม่รวมบรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่ง ค่าบริหารจัดการ และค่าอื่นๆ ซึ่งคิดแล้วในขณะนี้คือทำแล้วขาดทุน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัญหาปาล์มในประเทศจะคลี่คลายตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.นี้เป็นต้นไป จากผลผลิตที่เริ่มทยอยออก และเชื่อว่าราคาจำหน่ายจะปรับตัวตามกลไก

    '
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การเมือง : ทัศนะวิจารณ์
    วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 01:00

    ประชา บูรพาวิถี
    แกะรอยการเมือง
    ชะตากรรม 'เหยื่อ'

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    "เขมรฉลาด เอาบ้านเป็นรั้วป้องกันประเทศ แต่ไทยเฮาปลูกต้นไม้เป็นรั้ว ไล่ชาวบ้านออกจากแนวชายแดน"

    เสียงสะท้อนจากหญิงวัยกลางคนแห่ง หมู่บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ผ่านหน้าจอทีวีดาวเทียมช่อง "เอฟเอ็มทีวี" ในเช้าวันหนึ่ง

    คำว่า "เอาบ้านเป็นรั้ว" หมายถึงรัฐบาลกัมพูชา ได้สนับสนุนให้มีการปลูกบ้านพักของทหาร ตำรวจในพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ภูบักพริก"

    ส่วน "ไทยปลูกต้นไม้" หมายถึงการประกาศให้พื้นป่าแถบนั้นให้เป็น "อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร" จึงมีการอนุรักษ์ป่าไม้ และปลูกต้นไม้ทดแทนในบริเวณที่ถูกชาวบ้านบุกรุกเข้าไปทำกิน

    ชาวบ้านเปรียบเทียบให้เห็นว่า ฝั่งเขมรกำลังรุกด้วยหมู่บ้านครอบครัวทหาร-ตำรวจ แต่ฝั่งไทยมีแต่ป่าไม้ ไม่มีบ้านเรือน ไม่มีเรือกสวนไร่นา

    คนโศกขามป้อม ต่างรู้ดีว่า บริเวณจัดตั้งหมู่บ้านของชาวเขมร เดิมเป็นไร่นาของพวกเขา ซึ่งอยู่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก ติดหน้าผาทางลงไปฝั่งเขมร (ตามแนวชายแดน ฝั่งไทยอยู่สูงกว่าฝั่งเขมรตลอดแนว)

    ชุมชนคนเขมรที่ว่านี้ชื่อ บ้านเบ๊าะสะเบา ต.กันตร๊วจ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร

    ชาวโศกขามป้อมก็คือคนชายแดน ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่เบื้องซ้ายของปราสาทพระวิหาร และอยู่ในรอยต่อของ อ.น้ำขุ่น จ.อุบลฯ กับ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

    ก่อนปี 2521 ชาวบ้านบุกเข้าไปหักร้างถางพง จับจองเป็นที่ทำกินแถวถิ่นภูบักพริก ภูกระทิง ซึ่งไม่มีคนเขมรอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว และใต้หน้าผาลงไป เป็นเขตเขมรก็ไม่มีหมู่บ้าน

    แต่หลังจากเกิดสงครามเขมร 4 ก๊ก ฝ่ายเฮง สำริน ยึดพนมเปญ จึงทำให้ฝ่ายเขมรแดงต้องถอยทัพมาสร้างฐานที่มั่นในชนบท

    บริเวณภูบักพริก จึงเป็นที่ตั้งกองกำลังเขมรแดง กลุ่ม "ตาม๊อก" นักฆ่าจอมโหดมือขวา "พลพต"

    ทางการไทย จึงมีคำสั่งห้ามชาวโศกขามป้อมเข้าไปในเรือกสวนไร่นาของตัวเองแถวภูบักพริก เพราะเป็นเขตปิดลับของเขมรแดง ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ผ่านรัฐบาลเกรียงศักดิ์ และรัฐบาลเปรม

    ปี 2530 สงครามใกล้สงบ ชาวบ้านยังถูกห้ามไม่ให้เข้าไป เพราะมีทหารเขมรแดงหลงเหลืออยู่บ้าง หากเข้าไปทำกิน อาจถูกเขมรแดงจับหรือฆ่าทิ้ง ในข้อหาเป็นสายลับให้เขมรเฮง สำริน

    ปี 2541 ไฟสงครามเขมร 4 ก๊กมอดดับ ชาวโศกขามป้อมกลับคืนสู่ไร่นาของตัวเอง ก็ถูกเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของ "อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร" จับกุมข้อหาบุกรุกป่าอนุรักษ์

    ชาวบ้านเริ่มกังขา ทำไมปล่อยเขมรมาสร้างบ้านเรือนตรงบริเวณไร่นาพวกเขา และเหตุใดเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของไทย จึงไม่ไปจับกุมคนเขมร

    นอกจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ก็ยังมี "ทหารดำ" หรือทหารพราน ที่มาประจำการอยู่ในบริเวณผามออีแดง ที่คอยผลักดันชาวบ้านให้ถอยห่างจากชายแดน โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่พิพาท

    ชาวโศกขามป้อมรู้สึกน้อยใจเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่ไม่ปกป้องคนไทย หรือเรือกสวนไร่นาของพวกเขา ปล่อยให้คนเขมรเข้าบุกยึดเอาไปต่อหน้าต่อตา

    "ถ้าพวกอนุรักษ์ป่าไม้ บ่ไล่ชาวบ้านออกจากภูบักพริก มันกะบ่เสียแผ่นดินดอก เดี๋ยวนี้เขมรมันยึดไปแล้ว"

    "สองสามปีมานี้ เขมรมันเริ่มตั้งบ้าน แต่กี้ทหารเขมรก็คุยกับไทบ้านดี พาไทบ้านไปเก็บเห็ดถึงเขตเขา ตอนหลังคุยกันบ่ได้ เฮากะบ่เชื่อใจเขมร"

    นี่เป็นวิธีคิดแบบคนชายแดน ที่ต้องนอนหวาดผวาอยู่ใน "หลุมหลบภัย"

    พวกเขามิอาจรับรู้ถึง "ชาตินิยมโรแมนติก" ที่ว่ามนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันโดยสันติ ในโลกที่ไม่มีพรมแดน

    พวกเขามิอาจรับรู้ถึง "ชาตินิยมบางระจัน" ที่ว่าต้องรบกันลั่นปฐพี เพื่อปกป้องแผ่นดิน แม้เท่ารอยตีนไก่ ก็ไม่ให้สูญเสีย

    ไม่ว่าจะรักสงบหรือรบจนขาดใจ คนโศกขามป้อมก็คือ เหยื่อ!

     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การเมือง : สถานการณ์โลก
    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 16:47
    จีนมอบของขวัญล้ำค่าวันเกิดผู้นำเกาหลีเหนือ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]


    จีนมอบของขวัญล้ำค่า เนื่องในวันเกิดของผู้นำเกาหลีเหนือ รวมทั้งลูกท้อยักษ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของอายุยืน

    เว็บไซท์หนังสือพิมพ์โชซอน อิลโบ ของเกาหลีใต้ รายงานว่า จีนได้มอบของขวัญวันเกิด ครบรอบปีที่ 70 ของนายคิม จอง-อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นลูกท้อทำจากพอชเลนขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืน รูปแกะสลัก และดีวีดีอีก 4 ชุด

    ขณะที่เว็บไซท์สำนักข่าวซินหัว และสำนักข่าวกลางของเกาหลีเหนือ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ได้นำของขวัญเหล่านี้ ไปมอบให้นายคิม ระหว่างการเยือนเกาหลีเหนือเมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา แต่ไม่เปิดเผยว่ามีอะไรบ้าง

    อย่างไรก็ตาม ชุมชนชาวเน็ตของจีน พยายามดูภาพอย่างละเอียด และสรุปว่า มีลูกท้อพอชเลนขนาดยักษ์ รวมอยู่ในของขวัญ 3 ชิ้น ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว ลูกท้อเป็นของขวัญที่ใช้มอบเป็นของขวัญวันเกิดสำหรับผู้ใหญ่ที่สูงอายุ ซึ่งจะมีการเขียนตัวอักษรประกอบเพื่ออวยพรให้มีสุขภาพดี คนจีนที่ร่ำรวยนิยมให้ลูกท้อที่สลักจากหยก ทองคำ หรือพอชเลน ซึ่งเป็นกระเบื้องเนื้อดีคุณภาพสูง ซึ่งชาวเน็ตจีนเชื่อว่า ลูกท้อพอชเลนที่มอบให้นายคิม จะทำจากมณฑลเหอหนานที่มีชื่อเสียงในเรื่องการทำพอชเลน

    ของขวัญที่เป็นรูปแกะสลักนั้น เป็นตัวแทนของยอดเขามังเคียง ในกรุงเปียงยาง ส่วนดีวีดีถ้าไม่ใช่ภาพยนตร์ก็น่าจะเป็นละครชุดของจีน เพราะเป็นที่ทราบดีว่า ผู้นำเกาหลีเหนือชื่นชอบภาพยนตร์หรือละครชุดเป็นอย่างมาก

    นายคิม ถูกระบุว่า เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี 2485 ที่ฐานที่มั่นลึกลับบนยอดเขาที่เป็นรอยต่อระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือ แต่บางรายงานระบุว่า เขาเกิดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี 2484 ที่ค่ายทหารโซเวียตในไซบีเรีย

     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    OVincEo: คุณจิมมี่ครับ พอดีผมพอจะคิดออกแล้วว่าอะไรที่จะเป็น "Possible out comes" ที่กลุ่ม Elite อาจฉวยโอกาสในช่วง กลางเดือนมีนา หาก Pole Shift(Bull Shit) เกิดขึ้นจริง เขาสามารถใช้เป็นข้ออ้างเพื่อการรีเซตระบบการเงินที่แทบจะทั้งหมดในตอนนี้อยู่ในรูปแแบบดิจิตอลทั้งสิ้น ให้ลองนึกเล่นๆก็ได้ครับว่าถ้าระบบการเงินทั่วโลกหยุดชะงักเพราะ สนามแม่เหล็กโลกหดตัวชั่วขณะทำให้ คลื่น CME ทำลายระบบอิเลคทรอนิกและหยุดทำงานครับ

    OVincEo: อีกหนึ่ง "Possible out comes" คือเรื่อง Yellowstone เริ่มจากการเตรียมการโดยปล่อยให้น้ำมันใต้พิ้นโลกรั่วเป็นเวลายาวนาน ทำให้ใต้เปลือกโลกในบริเวณนั้นกลวงจนทำให้ลาวาไหลเข้ามาแทนที่ หรือแผ่นเปลือกโลกฝิดขึ้น หากเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้นก็ลองจินตนาการดูครับว่าแผ่นเปลือกโลกที่ฝืดเมื่อมันเคลื่อนตัวจะเกิดอะไรขึ้น

    Jimmysiri: เหล่านั่นแหละครับคือส่งที่ผมตั้งข้อสังเกตุไว้ เพราะถ้าตามข้อมูลของ Lindsey Williams แกพูดค้างไว้ว่าจะมีอะไรที่ใหญ่มากเกิดขึ้น ใหญ่ขนาดให้มองข้ามเรื่องสงครามย่อยๆ ไปเลย ซึ่งตอนนี้มีอีกเรื่องที่ออกมาคือการประกาศใช้เงินสกุลใหม่ของโลกเพื่อมาแทนที่เงินดอลล่า ตอนนี้ความชัดเจนและความเคลื่อนไหนต่างๆ รวมทั้งสัญญานก็ส่งออกมาเรื่อยๆครับ

    Jimmysiri: เอาคร่าวๆ ว่าออกมาจาก G19 ไม่รวมสหรัฐเพราะเป็นตัวสร้างปัญหา World Reserve Currency ตัวใหม่จะมี IMF เป็นเจ้าภาพ ซึ่งแปลงสภาพมาจาก SDR ไปเป็นเงินสกุลใหม่ โดยตั้งวงเงินไว้ที่ 100 Trillion แต่สรุปออกมาตอนนี้ที่ 47 Trillion โดยเงินใหม่นี้จะหนุนด้วยทอง 20% เพราะมีเท่านั้น ส่วนอีก 80% คือระบบตระกร้าโลหะมีค่าต่างๆ ก็คือเงินใหม่ต้องมีตัวหนุนทั้งหมด เล่นมั่วแบบเดิมไม่ได

    Jimmysiri: สหรัฐจะได้ไป 6 Trillion ทีเหลือไปแก้ปัญหาที่สร้างไว้เอง เพราะฉะนั้นจะสาหัสมาก ยกเลิกระบบ FED ครองโลก แต่กระดาษเก่าที่เรียกว่า Federal Reserve Note ยังคงใช้ได้อยู่ แต่จะถูกเปลี่ยนออกโดยธนบัตรที่ออกโดยรัฐบาลเหมือนชาวโลกที่เค้าทำกัน โดยจะใช้เวลาประมาณ 12 เดือน 401K และ C/D จะสิ่นสภาพทันที แต่จะทยอยแลกเป็นเงินใหม่ได้ แต่คงไม่ได้เท่าเดิม Derivatives สิ้นสภาพเช่นกัน เพราะเกือบทั้งหมดออกโดย FED

    Jimmysiri: ฉะนั้นทั่วโลกจะต้องมีการ Revalue หรือปรับค่าเงินกันใหม่ทั้งหมดเกือบ 140 ประเทศผ่านการประชุมในลักษณะเดียวกัย G20 โดยใช้อิรัคที่นำไปก่อนแล้วเป็นต้นแบบ จะถูกเรียกว่า Global Reset คือมาเริ่มต้นกันใหม่ จากฐานราก หรือ Ground Zero และนี่ก็คือรายละเอียดคร่าวๆ อัพเดต ณ วันนี้ กรอบเวลาอาจจะเป็นในปีนี้ครับ ความวุ่นวายในช่วงแรกเกิดขึ้นแน่ ธนาคารล้ม บริษัทน้อยใหญ่ล้มได้เห็นแน่ แต่หนักี่สุดก็คือสหรัฐ จะต้องมีการ Hair Cut หนี้ระหว่างประเทศกันบางส่วน หรือยกหนี้ให้กันเลย เช่นฝรั่งเศษยกหนี้ให้อิรัค จีนยกให้อิรัค แต่ขั้นตอนก็คงไม่ง่ายครับ

    Jimmysiri: ผลกระทบด้านต่างๆ คงตามมาอีกมากมาย ทั่วโลก แต่ก็เป็นอะไรที่ต้องมี และต้องทำ ดูแล้วก็เป็นทางอีกที่ดีที่สุดสำหรับระบบการเงินโลกในวันนี้ เพราะค่อนข้างแฟร์กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหนี้ใหญ่คือจีน ที่จะได้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง ไม่ใช่อยู่ในมือของ FED อย่างที่เป็นอยู่ ส่วนสหรัฐก็ต้องยอมรับสภาพไปครับเพราะเป็นลูกหนี้ และดูเหมือนการเปลี่ยนผ่านหรือตรงนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีของทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวก NWO ที่เข้าทางแล้วทั้งหมด คือให้เกิดสกุลเงินใหม่ที่ควบคุมโดย IMF นั่นคือโจทย์ข้อใหญ่ จีนก็มีทางไป ไม่ต้องกังวลเรื่องดอลล่า

    Jimmysiri: เอาสิ่งเหล่านี้ไปต่อกับเรื่องระบบเงินใหม่ที่ผมเขียนๆ ไว้ก็จะเห็นภาพทั้งหมดครับ

    VerachaiW: แล้วหนี้บัตรเครดิต ผมจะมีใครยกให้ไหมเนี่ย

    Anon6993: แล้วมันจะมีผลกระทบยังไงกับค่าเงินบาทของเราครับ? ผมยังตามไม่ค่อยทัน..

    Anon5733: นั่นนะสิครับ ถ้าทุกประเทศในโลกถือเงินดอลลาร์เป็น Reserve กันหมด ถ้าดอลลาร์เสื่อมค่าลง เงิบบาทเราก็เสื่อมค่าลงเหมือนๆกันทั่วโลก

    Jimmysiri: คุณวินซ์ลองดูข้อมูลนี้เพิ่มซักหน่อยครับ
    <iframe title="YouTube video player" width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/UdbfYOqK0lU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    Jimmysiri: เรื่องการเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อจะมาทดแทนดอลล่าร์เป็นความพยายามผลักดันของจีนเพราะเป็นผู้เสียหายครับ ที่ฝรั่งเศษออกมาเพราะเป็นประธาน G20 ณ เวลานี้ และเป็นหน้าที่โดยตรงของนายซาโคซี่ ที่จะปฏิรูประบบการเงินของโลกเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ในระบบการเงิน เช่น สงครามค่าเงิน แต่ปัญหาจริงๆ ที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาภายในของสหรัฐ ที่เป็นเจ้าของเงินสกุลกลางของโลก หรือ World Reserve Currency ที่ทั่วโลกถือกันอยู่

    Jimmysiri: ถ้าการเปลี่ยนผ่านตรงนี้เป็นไปอย่างราบรื่นก็คงได้รับผลกระทบน้อยครับ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้กำกับนโยบายด้วยก็คือแบงค์าชาติและกระทรวงการคลัง ว่าเข้าใจและตามทันกระแสเหล่านี้หรือไม่ เช่นการที่ชาติเจ้าหนี้แทบจะหยุดซื้อหนี้ของสหรัฐและในทางกลับกันต่างเร่งลดการถือครองทรัพย์ในสกุลดอลล่าลง แต่วันนั้นเรากลับอยู่ในอันดับที่ 14 ของโลกที่ถือครองหนี้ของสหรัฐมากที่สุด

    Jimmysiri: ผลกระทบตรงๆ ก็คือเงินเฟ้อ ในระดับรุนแรงครับ หนักเบาตามความแข็งแกร่งของแต่ละประเทศ สิ่งที่จะบอกตรงนี้ก็คือราคาทองคำเงินและคอมโมต่างๆ ถ้าเราไม่ไหวตัว หรือตามกระเสไม่ทัน ซึ่งสุดท้ายคงหนีไม่พ้นต้องมาปรับค่าเงินกันใหม่ทั้งหมดก่อนที่จะเดินไปต่อหรือเริ่มใช้ระบบเงินใหม่ อาจจะเป็น Painful Adjustment หรือคือกาปรับตัวอย่างเจ็บปวด อย่างที่โซรอสพูดไว้ครับ แต่คงไม่หนักเท่ากับสิ่งที่คนอเมริกันจะต้องประสบ เมื่อถึงวันนั้นลูกหนี้ก็แทบจะเอาตัวไม่รอด แล้วเจ้าหนี้ก็ต้องทำ Haircut หรือตัดหนี้สูญกันไปตามระบบไงครับ

    OVincEo: ผมก็ว่าเรื่อง Elenin นี้แปลกๆ ทำไมเขาถึงโยนเผือกร้อนไปให้ นักดาราศาสตร์ชาวรัสเซียกับกล้องดูดาวตัวเล็กๆ ทำไมไม่ใช่ NASA เป็นผู้ค้นพบเอง ดังนั้น ช่วง 15 มีนา ผมยังไม่ตัดประเด็นทิ้งครับ เพราะพวก Elite อาจเตรียมการสำหรับ บางอย่างเอาไว้ "Bull Shit" หรือ Pole Shift ของปลอมหรือเปล่า ก็อย่างที่วีดีโอบอกหน่ะครับ ของจริงมันเริ่มช่วง Nov/Oct ตามชื่อ 911(Elenin) ช่วงนี้ข่าวเยอะมากครับ คุณจิมมี่คงได้ยินถึงเรื่องที่ NASA ให้ข่าวว่า TYCHE แล้วให้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกับ NIBIRU ที่เราทราบๆกันมาเลยครับ แปลกมากๆ

    Anon1552: แล้วมีกลุ่มไหนบ้างครับที่ต่อต้าน NWO

    non1722: เท่าที่ศึกษามาดูเหมือนว่าประเทศในบ้านเราโดนเรื่องพวกนี้ไปเต็ม ๆ ที่แท้มันคือละครตบตานี่เอง

    Anon1036: ผมไม่รู้จะขอบคุณท่าน jimmy ยังไงดีแล้วนะครับ

    Jimmysiri: นั่นก็เพราะน้อยคนที่จะกลับไปค้นหาที่มาของประวัติศาสตร์ ที่จะทำให้เราเข้าใจว่าทั้งหมดมันคือเรื่องเดียวกัน โดยเครือข่ายหรือคนกลุ่มเดียวกันไงครับ ทำให้โลกเข้าใจไปเองว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นเพียงทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด Conspiracy หรือจับแพะชนแกะ เพราะไม่รู้จะเอามันมาเชื่อมต่อกันตรงไหน ต่อยังไงก็ไม่ติด แล้วเป็นองค์กรระดับโลกทั้งนั้น "น่าจะมาดี" แต่ที่แท้ก็เข้ามา "ตี" ครับ ในหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา ส่วนกระแสต่อต้านจะมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ หรือที่เรียกว่า Global Awakening หรือการตื่นตัวกันในระดับโลก ยิ่งใกล้เวลากระแสต่อต้านจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคนจำนวนมากจะยอมสละชีวิตเพื่อต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้

    Jimmysiri: @vince ส่งจิ๊กซอพิ่มให้อีกตัวครับ..........................

    <iframe title="YouTube video player" width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/vTTCac3Q1vw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    OVincEo: ขอบคุณครับคุณจิมมี่ ผมเคยศึกษาตามวีดีโอข้างบนเมื่อหลายปีก่อน และลองจากทั้ง google skymap, microsoft worldwide telescope ตามพิกัดที่ได้ให้ไว้ก็เป็นเช่นนั้นจริงครับ และผมได้ค้นลึกลงไปอีกและได้เห็นว่าอะไรอยู่ข้างหลังภาพที่ถูกรีทัชออกไป มันคือดาวสุกสว่างสองดวง มีประกายยาว 6 แฉกเหมือนไฟหน้ารถตอนกลางคืนเลยครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเจอที่ไหนจำได้คร่าวๆว่าเป็นเว็บของ NASA เองเดี๋ยวผมจะลองหามาให้ดูนะครับ ถ้าตามหลักฐานดาวสองดวงนี้จะสามารถเห็นได้ด้วยกล้อง Infared เท่านั้นหรือ IRAS ครับ คือถ้าอ้างจากดาวบนท้องฟ้า ดาวสองดวงนี้ถือว่ามีความร้อนอยู่สูงมากที่สุดเท่าที่เราพอจะตรวจพบ จากความสว่างของประกาย 6 แฉกครับ

    ....."The Gold War phase II" by Jimmy Siri
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทหารบาห์เรนสาดกระสุนใส่ผู้ชุมนุม บาดเจ็บเพียบ
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>19 กุมภาพันธ์ 2554 01:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากจากการระดมยิงของทหารบาห์เรน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

    เอเจนซี - ทหารบาห์เรนระดมยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่รวมตัวใกล้จตุรัสเพิร์ล ในกรุงมานามาเมื่อวันศุกร์(18) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ในปฏิบัติการอันดุดันที่มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากตำรวจบุกเข้าสลายพื้นที่ตั้งแคมป์ของกลุ่มผู้ประท้วง

    ยะลาล ไฟรูซ อดีตส.ส.จากพรรคเวฟักซึ่งเพิ่งลาออกจากรัฐสภาในวันพฤหัสบดี(17) เปิดเผยว่าผู้ชุมนุมรวมตัวกันตามจุดต่างๆในเมืองหลวง เพื่อรำลึกผู้ประท้วงรายหนึ่งซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ จากแก๊สน้ำตาที่ตำรวจยิงใส่พวกเขา

    ไฟรูซ เล่าต่อว่าจากนั้นผู้ชุมนุมต่างมุ่งหน้ามายังจัตุรัสเพิร์ล ทว่ากลับถูกทหารที่เข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าวตามหลังการบุกสลายแคมป์ของตำรวจเมื่อวันพฤหัสบดี(17) เปิดฉากยิงเข้าใส่จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยบางรายอาการสาหัส ขณะที่ตำรวจยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้

    สถานีโทรทัศน์อัล-มานาร์ของเลบานอน รายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของหมอรายหนึ่ง ณ โรงพยาบาลซัลมานิเยาะห์ ในกรุงมานามา ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 25 คนเข้ามารักษาตัว และในจำนวนนั้นมี 2 รายอาการสาหัส

    ก่อนหน้านี้ตำรวจปราบจลาจลอาศัยช่วงเวลาที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองและขอรัฐธรรมนูญที่แท้จริง
    กำลังนอนหลับพักผ่อนเข้าสลายพื้นที่ตั้งของผู้ชุมนุมในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี(17) จนมีผู้เสียชีวิต 4 รายและบาดเจ็บถึง 231 คน

    ต่อมารถถังและรถหุ้มเกราะพร้อมกำลังทหาร ได้เข้าควบคุมจตุรัสดังกล่าว ซึ่งผู้ประท้วงหวังใช้มันเป็นฐานการชุมนุมแบบเดียวกับจตุรัสตอห์รีร์ของอียิปต์ จนสามารถโค่นล่มประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ได้สำเร็จในวันที่ 11 กุมภาพันธ์

    Around the World - Manager Online -
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เยเมนระอุ!ปาบึ้มถล่มผู้ชุมนุมต้านปธน.ตาย2บาดเจ็บนับสิบ
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 กุมภาพันธ์ 2554 23:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    เหตุปะทะกันระหว่างผู้สนับสนุนและฝ่ายต่อต้านปธน.ซาเลห์ ในกรุงซานา ขณะที่ในเมืองทาเอซ มีคนขว้างระเบิดโจมตีกลุ่มผู้ประท้วง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายสิบคน

    เอเอฟพี - การชุมนุมของผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในเมืองทาเอซ ของเยเมน ถูกโจมตีด้วยระเบิดมือเมื่อวันศุกร์(18) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายและบาดเจ็บหลายสิบคน ขณะเดียวกันยังมีรายงานได้เกิดการปะทะกันในกรุงซานาด้วย

    เหตุโจมตีด้วยระเบิดมือมีขึ้นขณะที่ผู้ชุมนุมหลายร้อยคนรวมตัวกันใจกลางเมืองทาเอซหลังจากพิธีสวดมนต์เย็นในวันศุกร์(18) เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ลงจากตำแหน่ง หลังก่อนหน้านี้มีการประท้วงรุนแรงภายในเมืองแห่งนี้ต่อเนื่องมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่าเห็นคนที่อยู่ในรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงปาระเบิดเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง "มันเป็นรถยนต์ของทางการ พวกเขามีด้วยกันสองคน แต่เรายังจะไม่ชี้ชัดโดยทันทีว่ามันมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง ตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตคือ 2 รายและบาดเจ็บ27คน"

    ขณะที่ในกรุงซานา มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านและสนับสนุนประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ทำให้ผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศีกษาได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 4 ราย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีผู้สื่อข่าวหลายคนถูกฝ่ายสนับสนุนพรรครัฐบาลใช้ตะบองและขวานทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดี(17) มีประชาชนถูกยิงเสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บราว 20 คนจากฝีมือของตำรวจ หลังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงปะทะกับผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในเมืองเอเดน ทางตอนใต้ของประเทศ

    ทั้งนี้จากตัวเลขล่าสุด ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในเยเมน นับตั้งแต่การปะทะปะทุขึ้นเมื่อวันอาทิตย์(13) เพิ่มเป็น 7 ราย แบ่งเป็นในเอเดน 5 คนและทาเอซ 2 คน

    Around the World - Manager Online -
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลิเบียสลายชุมนุมใน “วันแห่งความโกรธแค้น” ผู้ประท้วงดับ 24 ราย

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 กุมภาพันธ์ 2554 17:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ประธานาธิบดี มูอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย

    เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ความมั่นคงลิเบีย เข้าสลายการชุมนุมขับไล่ประธานาธิบดี มูอัมมาร์ กัดดาฟี ใน “วันแห่งความโกรธแค้น” จนทำให้มีผู้ประท้วงเสียชีวิตถึง 24 ราย องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์ วอตช์ เผยวันนี้ (18)

    ฮิวแมนไรต์ วอตช์ อ้างแหล่งข่าวซึ่งเห็นเหตุการณ์ ว่า จากการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนใน 2 เมืองใหญ่ของลิเบีย วานนี้ (17) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 คน และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

    “ทางการลิเบียควรหยุดใช้อาวุธร้ายแรงกับประชาชน เว้นแต่เพื่อปกป้องชีวิต และควรให้องค์กรอิสระเข้ามาสอบสวนเหตุยิงประชาชนในครั้งนี้ด้วย” แถลงการณ์ของ ฮิวแมนไรต์ วอตช์ ระบุ

    เหตุรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นในเมืองอัลไบดาทางภาคตะวันออกของลิเบีย โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องขออุปกรณ์การแพทย์เพิ่มเติมเข้ามาทำการรักษาผู้บาดเจ็บกว่า 70 คน ซึ่งกว่าครึ่งอยู่ในอาการสาหัส ฮิวแมนไรต์ วอตช์ เผย

    ผู้ชุมนุมรายหนึ่งซึ่งได้รับบาดเจ็บและรอการรักษาอยู่ในแผนกผู้ป่วยหนัก กล่าวกับ ฮิวแมนไรต์ วอตช์ ว่า เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม โดยมีผู้ถูกยิงสาหัส 16 คน และบาดเจ็บอีกนับสิบ

    ที่เมืองเบนกาซี ทนายความ, นักเคลื่อนไหว และผู้ประท้วงหลายร้อยคนมารวมตัวกันที่หน้าศาล วานนี้ (17) เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ และขอให้รัฐบาลเคารพกฎหมายบ้านเมือง

    ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวกับ ฮิวแมนไรต์ วอตช์ ว่า เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุดตรวจการ (street clothes) และพกมีด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม และระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ยิงผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมี 8 คนที่ ฮิวแมนไรต์ วอตช์ สามารถยืนยันการเสียชีวิตได้

    “การลงมือสังหารประชาชนอย่างโหดร้ายของเจ้าหน้าที่ แสดงให้เห็นความป่าเถื่อนของ มูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในประเทศ” ซาราห์ เลอาห์ วิตสัน ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์ วอตช์ ประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ กล่าว

    “ชาวลิเบียไม่ควรต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเรียกร้องสิทธิความเป็นมนุษย์ของพวกเขา” วิตสัน ระบุ


    [​IMG]
    ผู้สนับสนุนประธานาธฺบดี มูอัมมาร์ กัดดาฟี ชูภาพถ่ายและป้ายแสดงข้อความสนับสนุนรัฐบาล ที่เมืองตริโปลี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000021948
     

แชร์หน้านี้

Loading...