เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชุมนุมขับปธน.เยเมน นองเลือดตายแล้ว2ศพ ส่อเค้าตามรอยอียิปต์
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 กุมภาพันธ์ 2554 01:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลหนักหน่วงขึ้นในเยเมน

    เอเอฟพี - ผู้ประท้วงชาวสุหนี่ 2 รายเสียชีวิตในเหตุปะทะกับตำรวจเยเมนเมื่อวันอังคาร(15) จุดชนวนเสียงเรียกร้องชุมนุมต่อต้านรัฐบาลหนักหน่วงขึ้น ขณะที่รัฐสภาก็เกิดความวุ่นวายหลังพรรคฝ่ายค้านวอล์คเอาต์ประท้วงรัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชน

    พรรคอิสลามิค เนชันแนล แอคคอร์ด แอสโซซิเอชัน ซึ่งมีผู้แทน 18 คน ระงับสมาชิกภาพในรัฐสภาซึ่งชนชีอะห์ครองเสียงส่วนใหญ่ โดย ส.ส.คาลิล อัล มาร์ซุก แกนนำบอกว่าการตัดสินใจวอล์คเอาต์ครั้งนี้มีขึ้นจากความอัปยศด้านความมั่นคงและไม่พอใจเจ้าหน้าที่ซึ่งใช้แนวทางโหดเหี้ยมจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วง จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

    อัล มาร์ซุก ระบุต่อว่านายฟาดาล ซาลมาน มัตรุค ถูกยิงตายหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อวันอังคาร(15) ระหว่างที่ญาติๆรวมตัวกันเพื่อประกอบพิธีศพแก่มัสเฮย์มาห์ อาลี ซึ่งเสียชีวิตด้วยทนพิษบาดแผลไม่ไหว หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสในปฏิบัติการเข้าสลายการชุมนุมของตำรวจในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในวันจันทร์(14)

    กระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่าประชาชนบางส่วนที่เข้าร่วมพิธีศพดังกล่าวเกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยลาดตระเวนจนนำไปสู่การตายของมัตรุค "เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนกรณีแวดล้อมที่ห้อมล้อมคดีนี้"

    นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยยังแถลงด้วยว่ามีผู้ประท้วงอีกรายเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บในช่วงค่ำวันจันทร์(14) และกำลังเปิดการไต่ส่วนถึงกรณีตำรวจใช้อาวุธโดยปราศจากเหตุผลในการสลายการชุมนุมในหมู่บ้านดิเยาะห์หรือไม่

    ข่าวการตายของนักเคลื่อนไหว 2 รายนี้ จุดชนวนเสียงเรียกร้องให้ประชาชนออกมารวมตัวกันให้มากๆ ณ พิธีศพของพวกเขาและยกระดับชุมนุมต่อต้านรัฐบาลให้หนักหน่วงขึ้น

    อีกด้านหนึ่งเว็บไซต์ข่าวอัล จาซีราห์ รายงานว่าชาวเยเมนหลายพันคน ซึ่งมีนักศึกษา นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและทนายความเข้าร่วมด้วยได้กระจายกันไปตามถนนสายต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นวันที่ 4 แล้ว เพื่อเรียกร้องให้เกิดการปฎิรูปทางการเมืองและการก้าวลงจากอำนาจของประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ วัย 64 ปี ที่ดำรงตำแหน่งมายาวนานกว่า 30 ปี ขณะที่ประเทศแห่งนี้กำลังปัญหาการแบ่งแยกดินแดน อาหารขึ้นราคา อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน

    ผู้ประท้วงยังได้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ ในการเรียกระดมแนวร่วมทั่วประเทศ แต่กองกำลังรักษาความมั่นคง ได้เข้าสะกัดการชุมนุมของประชาชนตามจตุรัสต่าง ๆ ทั้งในกรุงซาน่าและที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ ทั้งยังมีการตั้งด่านตรวจตามถนนที่มุ่งสู่ทำเนียบประธานาธิบดี และบางแห่งถึงขั้นกั้นด้วยรั้วลวดหนาม

    มีรายงานว่า ประธานาธิบดีซาเลห์ ได้ยกเลิกแผนการเดินทางไปสหรัฐฯ แต่จะไปเยือนพื้นที่อาศัยของชนเผ่าต่าง ๆ แทน เพื่อโน้มน้าวบรรดาผู้นำชุมชนไม่ให้เข้าร่วมการประท้วง

    หลังจากที่พลังประชาชนสามารถกดดันผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานให้พ้นจากตำแหน่งได้สำเร็จทั้งในตูนีเซียและอียิปต์ ทำให้หลายฝ่ายกำลังจับตามองว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะกลายเป็นโดมิโน เอฟเฟ็คในอีกหลายประเทศหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ประเทศที่กำลังถูกจับตามองเป็นประเทศต่อไปคือเยเมน

    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีซาเลห์ ซึ่งเห็นตัวอย่างจากทั้งตูนีเซียและอียิปต์ ที่ผู้นำที่ครองอำนาจผูกขาดเป็นเวลานานจะต้องเผชิญกับปัญหาอะไรบ้างในขณะนี้ ก็ได้หาทางออกด้วยการประกาศว่า จะลงจากอำนาจเมื่อครบวาระในปี 2013
    Around the World - Manager Online -
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    พี่ใหญ่ยั่วยุ เด็กๆ ชาวมุสลิมในอาฟริกา
    ราวกับว่าก่อนชนวนให้เกิดการทะเลาะกันขนาดใหญ่เร็วๆ นี้หรือเปล่าเนี่ยะ
    จะพ้นปีนี้ไหม
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อิหร่านกล่าวหา “สหรัฐฯ-อังกฤษ-อิสราเอล” ชักใยประท้วงต้านรัฐบาล
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 กุมภาพันธ์ 2554 15:39 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ผู้ประท้วงขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ปราบจลาจล

    เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตำรวจอิหร่านยืนยันวันนี้ (15) ว่า มีผู้ประท้วงรายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในกรุงเตหะราน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมทั้งกล่าวหา สหรัฐฯ อังกฤษ อิสราเอล อยู่เบื้องหลังความวุ่นวาย

    อาห์หมัด เรซอ รอดัน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอิหร่านกล่าวหากลุ่มนอกหัวรุนแรงในการเหตุยิงผู้ประท้วงเมื่อวันจันทร์ (14) พร้อมทั้งระบุว่า การชุมนุมประท้วงดังกล่าวมีสหรัฐฯ อังกฤษ และอิสราเอลคอยบงการอยู่เบื้องหลัง

    “ผู้ประท้วงหนึ่งรายถูกสังหารด้วยน้ำมือของกลุ่ม มูนาเฟกิน ในเหตุกราดยิงเมื่อวานนี้ (14)” สำนักข่าวฟาร์สรายงานคำให้สัมภาษณ์ของ รองผบ.ตร.รอดัน โดยอ้างอิงถึงกลุ่มพีเพิลส์ มูจาฮีดีน ออฟ อิหร่าน (พีเอ็มโอไอ)

    “เหตุการณ์เมื่อวานนี้ มีผู้ประท้วงบางรายถูกจับกุม และโชคร้ายที่กลุ่มมูนาเฟกินยิงใส่ประชาชนและกองกำลังความมั่นคง การก่อเหตุดังกล่าวทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 9 ราย รวมทั้งฝ่ายผู้ประท้วงอีกจำนวนหนึ่ง”

    รองผบ.ตร.รอดัน กล่าวว่า สมาชิกกลุ่มพีเอ็มโอไอ ได้เข้าประจำการในบริเวณที่มีการประท้วง ซึ่งเขาระบุว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย

    ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิหร่านอีกแห่งหนึ่งรายงานว่า ยังมีผู้เฝ้าดูเหตุการณ์เสียชีวิตอีกรายหนึ่งจากการปะทะวานนี้ (14) ทว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่ทางการออกมายืนยันข้อมูลดังกล่าว

    การปะทะวานนี้เกิดขึ้น เมื่อผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลายพันคนกระจายกำลังกันก่อการประท้วงในกรุงเตหะราน ภายใต้คำกล่าวอ้างว่า รวมตัวชุมนุมเพื่อสนับสนุนการลุกฮือของประชาชนชาติอาหรับ พยานและเว็บไซต์ต่างๆ รายงาน

    ระหว่างการประท้วง ผู้สนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลป่าวร้องเนื้อหาต่อต้าน ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด และได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจลาจล โดยเฉพาะบริเวณรอบจัตุรัสอาซอดี

    พยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนเพนต์บอลใส่ฝูงชน เพื่อสลายการชุมนุม และถังขยะตามถนนถูกจุดไฟเผา

    รองผบ.ตร.รอดัน ประณามเหตุความวุ่นวายว่าเป็นน้ำมือของสมาชิกกลุ่ม พีเอ็มโอไอ และ “เป็นกลุ่มชาวสหรัฐฯ และอังกฤษที่จุดไฟเผาถังขยะ”

    เขายังระบุด้วยว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้รับคำสั่งการมาจาก “สหรัฐฯ อังกฤษ และอิสราเอล”

    “มือผู้ปลุกปั่นให้ประชาชนลุกฮือโชกไปด้วยเลือด และพวกเขาต้องตอบคำถามจากพฤติการณ์เหล่านี้” รองผู้บัญชาการตำรวจอิหร่านผูนี้กำลังกล่าวอ้างถึง ฮอสเซน มูซอวี และ เมห์ดี การ์รูบี สองแกนนำพรรคฝ่ายค้าน

    การประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อวานนี้ เป็นการชุมนุมในกรุงเตหะรานครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2010

    มูซอวี, การ์รูบี และกลุ่มผู้สนับสนุนยึดมั่นในการต่อต้านรัฐบาลของอาห์มาดิเนจัดเรื่อยมา โดยให้เหตุผลว่า การได้รับเลือกตั้งรอบสองของประธานาธิบดีผู้นี้เมื่อปี 2009 มีความไม่ชอบมาพากลอย่างมโหฬาร

    [​IMG]

    บรรยากาศความวุ่นวานของการประท้วงกลางกรุงเตหะราน วานนี้ (14)

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เมห์ดี การ์รูบี (ขวา) อดีตประธานรัฐสภา และ ฮอสเซน มูซอวี อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งถูกทางการหมายหัวว่า ปลุกปั่นให้ประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาล ขณะนี้ทางการอิหร่านปิดทางเข้าออกบ้านพักของ มูซอวี เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้าร่วมประท้วง หลังเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมสนับสนุนการปฏิบัติในชาติอาหรับวานนี้ (14)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ฮิลลาลี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงข่าว ณ กรุงวอชิงตันวานนี้ (14) โดยยกย่องความกล้าหาญ และปณิธานของผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน และเรียกร้องให้กรุงเตหะรานเจริญรอยตามตัวอย่างของอียิปต์ ในการปฏิรูประบบการเมือง

    Around the World - Manager Online -
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การลุกฮือที่'อียิปต์'ปลุกฝ่ายค้าน'อิหร่าน-บาห์เรน-เยเมน'ก็ประท้วงต่อต้านรัฐบาล
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 กุมภาพันธ์ 2554 22:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ในกรุงเตหะราน นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านชาวอิหร่านหลายพันคนได้จัดการชุมนุมเมื่อวันจันทร์(14) ก่อนจะถูกทางการยกกำลังเข้าปราบปรามจนมีผู้ถูกยิงตายไปคนหนึ่งและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

    เอเอฟพี/เอเจนซี - การลุกฮือโค่นระบอบปกครองในอียิปต์และตูนิเซีย ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการแข็งข้อในหลายๆ มุมของภูมิภาคตะวันออกกลางต่อไป โดยในกรุงเตหะราน นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านชาวอิหร่านหลายพันคนได้จัดการชุมนุมเมื่อวันจันทร์(14) ก่อนจะถูกทางการยกกำลังเข้าปราบปรามจนมีผู้ถูกยิงตายไปคนหนึ่งและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ขณะที่การประท้วงเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงระบอบปกครองในบาห์เรน ก็มีเสียชีวิตไป 2 คน ส่วนในเยเมน กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลได้บุกเข้าไปไล่ทำร้ายพวกผู้ประท้วงด้วยก้อนหินและไม้กระบอง

    ที่อิหร่านนั้น เว็บไซต์ของฝ่ายค้านแห่งหนึ่งระบุว่า ยังมีผู้ที่ถูกทางการจับกุมตัวไปหลายสิบคน ขณะกำลังเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงที่ไม่ได้รับอนุญาจากทางการคราวนี้

    เมื่อถึงช่วงกลางดึกคืนวันจันทร์ เสียงตะโกนว่า “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ที่สุด” ก็ดังกึกก้องจากหลังคาบ้านจำนวนมากในกรุงเตหะราน ซึ่งเป็นฉากเหตุการณ์ที่ชวนให้ย้อนระลึกถึงการประท้วงในปี 2009 ที่มุ่งคัดค้านผลการเลือกตั้งอันปรากฏออกมาว่าประธานาธิบดีมาหมุด อาห์มาดิเนจัด ได้รับเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่ง การชุมนุมเดินขบวนตามท้องถนนของประชาชนที่กินเวลานานประมาณ 1 เดือนในคราวนั้นมีผู้ถูกสังหารไป 8 คน หลังจากนั้นยังส่งผลให้มีการจับกุมอีกหลายระลอกและมีผู้ถูกประหารชีวิตจำนวนมาก

    ผู้เห็นเหตุการณ์เมื่อวันจันทร์รายหนึ่งเล่าว่า กองกำลังความมั่นคงได้ยิงแก๊สน้ำตาเพื่อขับไล่ฝูงชนหลายพันที่กำลังเดินมุ่งไปสู่จัตุรัสแห่งหนึ่งในกรุงเตหะราน นอกจากนั้นผู้เห็นเหตุการณ์อีกรายหนึ่งบอกว่า ที่เมืองอิสฟาฮาน ก็มีการปะทะกันหลายครั้งระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วง และมีผู้ถูกจับหลายสิบคน

    ทางด้านสำนักข่าวฟารส์ ที่เป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของอิหร่าน อ้างว่าในกรุงเตหะรานมีคนถูกยิงตายไป 1 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก โดยเป็นฝีมือการก่อความรุนแรงของพวกปลุกปั่นยุยง

    ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ในการชุมนุมเดินขบวนที่เตหะรานคราวนี้ ผู้ประท้วงบางคนตะโกนถ้อยคำที่เป็นการเปรียบเทียบคณะผู้นำอิหร่านกับพวกจอมเผด็จการที่ถูกโค่นล้มในตูนิเซียและอียิปต์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

    ต่อมาเมื่อวันอังคาร(15) สมาชิกรัฐสภาอิหร่านหลายคนได้แสดงความโกรธเกรี้ยวการประท้วงต่อต้านรัฐบาลคราวนี้ โดยระบุว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ “ถูกชักจูงอย่างผิดๆ” จากพวกศัตรูตัวร้ายกาจของอิหร่าน นอกจากนั้นพวกเขายังเรียกร้องให้แขวนคอผู้นำฝ่ายค้านอย่าง มีร์ ฮอสเซน มูซาวี และ เมห์ดิ คาร์รูบี

    ขณะที่สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และอังกฤษ ต่างออกมาเรียกร้องให้ทางการอิหร่านเคารพสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ของสหรัฐฯ ยังได้สรรเสริญ “ความกล้าหาญ” และ “ความมุ่งมาดปรารถนา” ของผู้ประท้วงชาวอิหร่านอีกด้วย

    นอกจากที่อิหร่านแล้ว ยังมีการชุมนุ,ประท้วงที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน ซึ่งผู้ประท้วงเสียชีวิตไป 2คนจากการปะทะกับตำรวจในช่วงวันจันทร์และเมื่อวานนี้

    ส่วนที่กรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน เมื่อวานนี้กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลได้บุกเข้าไปลุยพวกผู้ชุมนุมประท้วง ทำให้เกิดการต่อสู้กันด้วยก้อนหินและไม้กระบอง จนมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน

    Around the World - Manager Online -
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'เอกวาดอร์'ปรับ'เชฟรอน'$8พันล. ต้นเหตุทำลายสิ่งแวดล้อม'แอมะซอน'
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 กุมภาพันธ์ 2554 19:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเอฟพี - ศาลเอกวาดอร์พิพากษาเมื่อวันจันทร์ (14) สั่งปรับเงินบริษัทเชฟรอน ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมน้ำมันและพลังงานครบวงจรของสหรัฐฯ เป็นจำนวนเงินมหาศาลราว 8,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยค่าเสียหายจากกรณีที่หนึ่งในบริษัทลูกของเชฟรอนเป็นต้นเหตุทำลายสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศในเขตแอมะซอน ทั้งนี้คำตัดสินชี้ขาดนี้มีขึ้นหลังจากการต่อสู้ทางคดีความในชั้นศาลดำเนินยึดเยื้อมานานนับทศวรรษๆ อย่างไรก็ตามทั้งเชฟรอนและฝ่ายผู้เสียหายต่างไม่พอใจกับคำตัดสินดังกล่าวและเตรียมจะยื่นอุทธรณ์ต่อไป

    ศาลในเมืองลาโก อากริโอ จังหวัดซูคัมไบออส มีคำพิพากษาตัดสินให้เชฟรอน บริษัทน้ำมันที่ใหญ่สุดเป็นอันดับสองของสหรัฐฯ รองจากเอ็กซ์ซอนโมบิล ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินรวมประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์ จากกรณีที่บริษัทเทกเซโก บริษัทลูกซึ่งเชฟรอนซื้อกิจการเข้ามาในปี 2001 เป็นตัวการที่ทำให้ระบบนิเวศป่าฝนในพื้นที่เขตแอมะซอนได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงที่บริษัทแห่งนี้ดำเนินการกลั่นน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าวระหว่างปี 1964 ถึง 1990 โดยชาวบ้านท้องถิ่นระบุว่า บริษัทเทกเซโกได้ปล่อยสารพิษลงสู่แม่น้ำแอมะซอนเป็นปริมาณหลายพันล้านแกลลอน พวกเขายังกล่าวอ้างว่า ดินและลำน้ำสายต่างๆ บริเวณนั้นล้วนอยู่ในสภาพที่ปนเปื้อน ขณะที่ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวก็มีอัตราการเกิดโรคมะเร็งที่สูงขึ้นอีกด้วย

    ด้านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานในฉบับวานนี้ (15) โดยให้ตัวเลขที่ชัดเจนว่าจำนวนเงินทั้งหมดที่ศาลสั่งปรับคราวนี้อยู่ที่ 8,600 ล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม ภายหลังศาลมีคำพิพากษา ซึ่งนับเป็นการยุติการต่อสู้ทางคดีความอันยึดเยื้อนับตั้งแต่ที่มีการเริ่มฟ้องร้องกันที่นิวยอร์กในปี 1993 ทางคณะทนายความซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มชุมชนชาวเอกวาดอร์ในเขตแอมะซอนในการยื่นฟ้องต่อศาลคราวนี้ กลับไม่พอใจต่อคำตัดสินโดยระบุว่า ค่าปรับจำนวน 8,000 ล้านดอลลาร์นี้ น้อยเกินไป และเตรียมจะยื่นอุทธรน์ขอให้เพิ่มบทลงโทษมากขึ้น

    “พวกเราเตรียมจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาล เนื่องจากเราเชื่อว่าจำนวนค่าปรับดังกล่าวนั้นไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับมูลค่าความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น” ทนายความ พาโบล ฟาฆาร์โด กล่าว ทั้งนี้กลุ่มโจทก์ ได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์

    ขณะเดียวกันทางเชฟรอน ซึ่งจำต้องรับช่วงคดีความนี้ในฐานะจำเลยต่อจากเทกเซโก ก็ได้กล่าวอ้างว่าทางบริษัทถูกตัดสินให้รอดพ้นจากสภาพหนี้ผูกพันไปแล้วก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากเทกเซโก ได้จ่ายเงินไปทั้งสิ้น 40 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับมาตรการทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งทั้งหมดก็ได้รับการอนุมัติเห็นชอบจากรัฐบาลเอกวาดอร์ และเหตุการณ์ดังกล่าวก็เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เชฟรอนจะเข้าซื้อกิจการของเทกเซโกเสียอีก

    “คำพิพากษาตัดสินของศาลเอกวาดอร์นั้นขัดต่อกฎหมายและไม่อาจมีผลบังคับใช้ได้” เชฟรอน กล่าวในคำแถลง “มันเป็นผลิตผลแห่งความฉ้อฉล และขัดแย้งกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชอบด้วยกฎหมาย”

    เชฟรอน ยังระบุด้วยว่า คำตัดสินชี้ขาดของศาลสหรัฐฯ และศาลนานาชาติก่อนหน้านี้ จะขัดขวางไม่ให้ศาลเอกวาดอร์บังคับดำเนินคดีปรับเงินครั้งนี้ได้

    ทั้งนี้เชฟรอนได้กล่าวหามาตลอดว่า มีความไม่ชอบมาพากลขึ้นในกระบวนการพิจารณาคดีนี้ โดยในปี 2009 เชฟรอนได้โพสต์คลิปวีดีโอบนเว็บไซต์ออนไลน์อ้างว่า เป็นคลิปที่เผยให้เห็นการหลอกล่อติดสินบนผู้พิพากษาซึ่งรับผิดชอบคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลายวันหลังจากที่คลิปวีดีโอนี้แพร่สะพัดออกไป ผู้พิพากษาคนนี้ก็ได้ออกมายืนกรานปฏิเสธว่าไม่ใช่ตน

    ทางด้านเครือข่ายกลุ่มนักเคลื่อนไหวพิทักษ์สิ่งแวดล้อม “แอมะซอน วอตช์ แอนด์ เรนฟอเรสต์ แอกชั่น เน็ตเวิร์ก” ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ได้ออกคำแถลงสรรเสริญคำตัดสินของศาลเอกวาดอร์ครั้งนี้ โดยระบุว่า “ตลอดช่วงเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา เชฟรอนได้จ่ายเงินในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ระดับต่างๆ และล็อบบี้การรณรงค์ต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและหายนะด้านสาธารณสุขที่บริษัทได้ก่อไว้ในเขตป่าฝนแอมะซอน”

    องค์กรดังกล่าว ยังชื่นชมคำตัดสินคราวนี้ด้วยว่าเป็นการตัดสิน “แห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน” โดยระบุว่า เป็นครั้งแรกที่คนพื้นเมืองสามารถเอาชนะคดีความที่ต่อสู้กับบรรษัทข้ามชาติซึ่งตั้งอยู่ในประเทศที่เกิดความเสียหายขึ้น

    อนึ่ง เงินค่าปรับบริษัทเชฟรอนครั้งนี้ มีจำนวนที่แซงหน้าเงินค่าปรับบริษัทเอ็กซ์ซอนโมบิล คอร์ป ก่อนหน้านี้ จากกรณีทำน้ำมันรั่วนอกชายฝั่งอะแลสกาในปี 1989 ซึ่งเริ่มแรกศาลได้สั่งปรับเป็นเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าภายหลังได้ลดลงมาเหลือเพียง 500 ล้านดอลลาร์หลังการยื่นอุทธรณ์หลายครั้ง อย่างไรก็ตามเงินค่าปรับเชฟรอนคราวนี้ยังน้อยกว่าเงินชดเชยจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์ ที่บริษัทบีพีของอังกฤษ จ่ายเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมรอบอ่าวเม็กซิโกหลังแท่นขุดเจาะดีปวอเตอร์ ฮอไรซอนระเบิดจนน้ำมันปริมาณมหาศาลไหลทะลักลงทะเลในปีที่แล้ว

    Around the World - Manager Online - '
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การเมือง : ทัศนะวิจารณ์

    วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 01:00
    <DD class=columnist-name>วีระศักดิ์ พงศ์อักษร <DD class=by-line>แกะรอยการเมือง - weerasak@nationgroup.com </DD>
    'Change'... สำหรับไทยใกล้เข้ามาแล้ว!

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    "เชื่อมาตลอดว่าโครงสร้างสังคมไทยที่พิการบิดเบือนในปัจจุบัน จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันใกล้
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT> และไม่มีใครขัดขวางการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้ได้... แต่เราสามารถทำให้ Change เป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ และไม่สูญเสียชีวิตได้"
    Change ...ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะสังคมตะวันตก...หรือในโลกอาหรับ เช่นที่กำลังดำเนินการอยู่...ในสังคมอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึกแบบประเทศไทย...ก็มิอาจได้รับการยกเว้น

    เพราะโครงสร้างสังคมไทยในปัจจุบันได้เสียความสมดุลไปแล้ว... เพราะข้อเรียกร้องใหม่ๆ ที่เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ แต่โครงสร้างอำนาจแบบเก่าๆ ไม่สามารถตอบสนองได้เช่นอดีต!

    นักวิชาการชั้นนำ กลุ่มคนที่เฝ้ามองสังคมไทย อย่างห่วงใยก็คิดเช่นนั้น
    ยิ่งหากสังคมไม่ตระหนักและลงมือ "ทำ" อะไรบางอย่าง...เชื่อ 100% ได้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำไปสู่ขั้นแตกหัก...ประเทศจะแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
    ในอดีตระบบอุปถัมภ์...จะปรับความสมดุลในตัวของมันเอง เป็นสังคมที่คนที่มีฐานะสูงกว่า ดูแลคนที่ฐานะต่ำกว่า ซึ่งดำเนินการเช่นนี้มาอย่างยาวนาน หรือจะเรียกว่า ความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นอย่างยาวนานแล้ว เพียงแต่ระบบอุปถัมภ์สามารถทำหน้าที่ของตัวเองอย่างได้ผลเท่านั้นเอง
    เพราะนั่นคือ โครงสร้างอำนาจแบบเก่าๆ ที่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องเก่าๆ ได้ดีเสมอมา ... แต่มิใช่วันนี้ !
    เมื่อโครงสร้างอำนาจไม่เปลี่ยน แถมมีการกระจุกตัวของทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ย่อมที่จะกระตุกให้กลุ่มคนที่ฐานะต่ำกว่า มีข้อเรียกร้องใหม่ตามมา
    การอุปถัมภ์แบบเดิมจึงไม่อาจตอบสนองได้...เชื้อเพลิงแห่งความขัดแย้ง จึงค่อยๆ ทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน!
    ส่วนจะระเบิดออกมาเมื่อไร...ยังไม่มีใครประเมินได้ แต่เห็นพ้องตรงกันหลายฝ่ายว่า...ไม่นานนัก
    คำถามจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะป้องกันหรือเบรก "ระเบิด" หรือ Change อย่างไร แต่ทำอย่างไรสังคมจะเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ ระเบิดไม่กระจัดกระจาย มีทิศทางของตัวเอง
    เพราะหากปล่อยให้ระเบิดกระจัดกระจาย...เท่ากับว่าจะเกิดการปะทะกันรุนแรง บาดเจ็บ ล้มตายตามมาอีกเยอะแยะ อย่างบทเรียนในหลายประเทศ เมื่อขัดแย้งจนถึงขั้นเกิด "สงครามกลางเมือง" กันแล้ว ยากที่จะประสานรอยร้าวได้อีก
    ไม่ว่าจะเป็นสงครามของคนในชาติ หรือสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน...ล้วนเป็นต้นทุนที่แพงเกินไป...ผลตอบแทนจึงไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน
    ทำอย่างไร ให้ Change อย่างสร้างสรรค์
    ข้อคิดใหญ่ที่ต้องใช้พลังของคนทั้งชาติ...พลังที่ต้องร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปเสียตั้งแต่วันนี้...การปฏิรูปที่ต้องแก้จุดหลักของความเหลื่อมล้ำ...ว่าด้วยทรัพย์สิน...ที่เป็นปัญหาใหญ่มากกว่าความเหลื่อมล้ำรายได้
    ปมการถือครองที่ดิน...เป็นหัวใจหลัก ซึ่งคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) ที่มี อานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน เดินมาถูกทางแล้ว...
    1. ให้มีการจำกัดเพดานการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรไว้ไม่เกิน 50 ไร่ต่อครัวเรือน เพื่อลดการกระจุกตัวของการถือครองที่ดิน
    2. ให้จัดระบบข้อมูลการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรทั้งประเทศให้เป็นข้อมูลสาธารณะ เพื่อใช้ในการจัดการบริหารที่ดินให้เกิดประโยชน์และเกิดความเป็นธรรม
    3. ให้จัดตั้งกองทุนธนาคารที่ดินเพื่อการเกษตรขึ้น เพื่อทำหน้าที่จัดซื้อที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือที่มีการถือครองล้นเกินมาจัดสรรให้กับเกษตรกรที่ขาดแคลนที่ดินทำกิน
    4. ให้จัดเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมอัตราก้าวหน้า เพื่อลดแรงจูงใจในการสะสมที่ดินไว้โดยไม่ได้ทำประโยชน์
    5. ให้มีการกำหนดเขตการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยกำหนดให้ผู้ถือครองที่ดินดังกล่าว จะต้องเป็นผู้ทำการเกษตรด้วยตนเองเท่านั้น
    แนวทางถูกต้อง...เพียงแต่ขั้นตอนการขับเคลื่อนดูจะน่าวิตก
    ขาดความร่วมมือจากคนทั้งสังคม...ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ คปร.กำลังขับเคลื่อนนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ตัวเองมากน้อยแค่ไหน
    หากคนทั้งสังคมยังปล่อยให้เลื่อนไหล ขาดพลังขับเคลื่อนจากคนส่วนใหญ่เช่นวันนี้ ...ระเบิดแบบกระจัดกระจาย Change ที่ต้องแลกกับเลือดเนื้อ ย่อมมีให้เห็นอย่างแน่นอน....หรือเราทุกคนจะปล่อยให้ประเทศเป็นเช่นนั้น!

    'Change'...
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การเมือง : ทัศนะวิจารณ์

    วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 05:22
    <DD class=columnist-name>ทัศนะจากผู้อ่าน <DD class=by-line>ผู้อ่านสามารถส่งเรื่องมาได้ที่ ktwebeditor@nationgroup.com </DD>
    ธนบัตร 4 ด้าน

    โดย : ประวิทย์ เรืองศิริกูลชัย

    สำหรับคนทั่วไป โดยปกติแล้วธนบัตรจะมีอยู่เพียง 2 ด้านเท่านั้น คือ ด้านหน้า และด้านหลัง แต่ความจริงแล้วยังมีอีก 2 ด้าน
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ที่ไม่ได้สังเกตให้ดีๆ ก็จะไม่พบ นี่เป็นแนวคิดที่ประยุกต์ต่อเนื่องมาจาก "เหรียญ 3 ด้าน" เราจะมาพิจารณาดูกันต่อไป

    หากนำสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้กับ "นโยบายการคลัง" ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็จะเห็นกันอยู่ 2 ด้านเท่านั้น คือ

    ด้านที่ 1 ด้านหน้า : "ทฤษฎีเคนส์" ด้วยการดำเนินนโยบายขาดดุลการคลังหนักๆ เพื่อกระตุ้น GDP ให้สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันพบว่า หนี้สาธารณะของประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมาก เริ่มเข้าสู่เขตอันตรายแล้ว แต่อเมริกาก็ยังคงเลือกเดินเส้นทางนี้

    ด้านที่ 2 ด้านหลัง : รัดเข็มขัดการคลัง ซึ่งก็เป็นทิศทางตรงข้ามกับ "ทฤษฎีเคนส์" คือ การลดขาดดุลการคลังลงมา โดยยอมให้ GDP ชะลอตัวลงไปบ้าง แต่มีข้อดีในการดูแลภาระหนี้สาธารณะไม่ให้สูงเกินขอบเขต จนอาจเป็นปัญหาได้เหมือนกรณีประเทศ กรีซ และไอร์แลนด์ ดังนั้น ประเทศในยุโรปจึงเลือกเดินเส้นทางนี้

    อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยได้ค้นพบ "ด้านที่ 3" โดยบังเอิญ แต่คิดว่าคนไทยคงไม่ดีใจนัก และน่าจะกังวลใจเสียมากกว่า

    ด้านที่ 3 ด้านข้างธนบัตรฝั่งยาว คือ การขาดดุลการคลังที่มากขึ้น แต่กลับทำให้ GDP ต่ำลง คือ การใช้เงินขาดดุลการคลังในโครงการที่มีค่าตัวทวี (multiplier) ติดลบ นี่คือ แนวคิดของการทำสิ่งที่ "เคลื่อนไหวให้หยุดนิ่ง" ตัวอย่างที่เด่นชัดมากในตอนนี้ ก็คือ "กองทุนการออมแห่งชาติ" (กอช.)

    ด้วยแนวคิดการที่รัฐบาลสนับสนุนการออมให้กับประชาชนที่เป็นแรงงานนอกระบบนั้น รัฐบาลอาจต้องสมทบเงินถึง 2 หมื่นล้านต่อปี (ขาดดุลการคลังเพิ่ม) และประชาชนจะสมทบเงินราว 3 หมื่นล้านบาท มองดูเผินๆ แล้ว นี่คือ เรื่องที่ดีเพราะจะช่วยให้ประชาชนได้รู้จักการออม ขณะที่รัฐบาลก็เข้าไปสนับสนุนส่วนนี้ เพื่อให้ประชาชนในวัยเกษียณจะได้มีเงินทองใช้จ่ายได้

    อย่างไรก็ดี คณะรัฐมนตรี และ ส.ส.ในสภา ได้ประเมินแต่ผลดีของ "แรงกิริยา" ขณะที่ไม่ได้มองไปที่ผลเสียหายของ "แรงสะท้อนกลับ" (แรงปฏิกิริยา) เพราะการออมที่มากขึ้น ก็คือ การใช้จ่ายที่น้อยลง ณ ปัจจุบัน และนั่นหมายถึง รายได้ที่ลดลงของคนอีกกลุ่มหนึ่งไปด้วย ซึ่งอาจเรียกได้ว่า "การขัดแย้งของความมัธยัสถ์" (paradox of thrift) คือ คนหนึ่งคนเมื่อมัธยัสถ์จะเป็นผลดีกับเขาเอง แต่หากประชาชนร่วมใจกันมัธยัสถ์แล้ว จะทำให้การใช้จ่ายรวมลดลง และสะท้อนไปที่รายได้รวมลดลงไปด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้วจะออมไม่ได้ในที่สุด และเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวม
    หากประเมินค่าตัวทวีของคนกลุ่มนี้ที่ 3 เท่า เงินกองทุน กอช.จะระดมเงินได้ราว 5 หมื่นล้านต่อปี ดังนั้น อาจสร้างความเสียหายต่อ GDP ได้ถึง 1.5 แสนล้านบาท (ราว 1.5% GDP) และเงินจะจมในกองทุนต่อเนื่องถึง 10 ปีเต็มๆ คิดเป็นความเสียหายได้ถึง 1.5 ล้านล้านบาท ที่น่ากังวลใจมาก ก็เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้ผ่าน ครม.และสภามาแล้ว 3 วาระ ด่านสุดท้าย ก็คือ วุฒิสภา ความหวังของประเทศชาติที่จะหยุดยั้งความเสียหายมหาศาลนี้ ก็คงอยู่ในมือของท่าน ส.ว.ผู้ทรงเกียรติแล้ว

    ด้านที่ 4 ด้านข้างธนบัตรฝั่งสั้น แม้จะสังเกตเห็นได้ยาก แต่เราจะใช้ประโยชน์ของด้านนี้ใส่ธนบัตรเพื่อซื้อสินค้าตามตู้ขายสินค้าอัตโนมัติอยู่บ่อยๆ : ความหมายด้านนี้ คือ การที่รัฐบาลมีรายได้เพิ่ม และยังสามารถกระตุ้น GDP ได้อีกด้วย เช่น กรณีของ "สินเชื่อ 999" และ "กองทุน 555" ซึ่งรัฐบาลจะได้เงินจากภาษีสินเชื่อ และค่าค้ำประกันสินเชื่อถึงราว 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ภาระการคลังลดลง ในเวลาเดียวกัน ก็จะปล่อยสินเชื่อให้กับชาวบ้าน 20 ล้านคน วงเงินราว 1 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยลดภาระการผ่อน ภาระดอกเบี้ยลงทุกเดือน ทำให้เหลือเงินติดกระเป๋ามากขึ้น จึงช่วยกระตุ้น GDP ได้เป็นอย่างดี และเป็นแนวคิดของการทำสิ่งที่ "หยุดนิ่งให้เคลื่อนไหว"

    ด้านที่ 4 นี้เอง เป็นส่วนสำคัญของเศรษฐศาสตร์ไทเก๊ก (Taiji-Econ.) และยังน่าจะเป็น "กุญแจดอกสำคัญ" ในการแก้ไขปัญหาการคลัง พร้อมๆ กับการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว แถบยุโรป ญี่ปุ่น และอเมริกาในอนาคตอีกด้วย

     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 06:21
    สัญญาณเงินเฟ้อกดหุ้นสหรัฐร่วง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    หุ้นสหรัฐปรับตัวลง จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมา และการส่งสัญญาณถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดตลาดวานนี้ (15 ก.พ.) ปรับตัวลง 41.55 จุด (0.34%) มาอยู่ที่ 12,226.64 จุด
    ขณะที่ดัชนีแนสแด็ค ร่วงลง 12.83 จุด (0.46%) มาอยู่ที่ 2,804.35 จุด และดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ลดลง 4.31 จุด (0.32%) ที่ 1,328.01 จุด
    เทรดเดอร์ ระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึง ราคาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการก่อตัวด้านเงินเฟ้อ ประกอบกับตัวเลขยอดค้าปลีก ที่ร่วงลงเกินคาด กดดันให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้น
    <!-- Tags Keyword --><!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT>
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 12:51
    "โอบามา"เผยงบประมาณปี2555

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    "โอบามา"เผยแผนใช้จ่ายปี55 ตั้งเป้าลดขาดดุลให้ได้ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปี
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
    นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ยื่นร่างงบประมาณประจำปี 2555 มูลค่า 3.73 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อสภาคองเกรส โดยตั้งเป้าว่าจะลดการขาดดุลงบประมาณรวมทั้งสิ้น 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลา 10 ปี
    ทั้งนี้ งบประมาณราว 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่รัฐบาลสหรัฐคาดว่าจะรัดเข็มขัดได้ในเวลา 10 ปี คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 2 ใน 3 ถือเป็นการตัดลดค่าใช้จ่าย ซึ่งรวมถึงการระงับแผนใช้จ่ายในประเทศ นาน 5 ปี มูลค่า 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ส่วนอีก 1 ใน 3 จะมาจากการจัดเก็บภาษีเพิ่ม ครอบคลุมการจำกัดมาตรการลดภาษีให้กับผู้มีรายได้สูง ซึ่งเป็นข้อเสนอที่นายโอบามาเสนอเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกสภาคองเกรสปฏิเสธ
    คณะกรรมการด้านงบประมาณเสนอว่า ควรมีการตัดลดงบประมาณถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 10 ปีข้างหน้า รวมถึงควรมีการปรับเพิ่มเกณฑ์การเกษียณอายุ ตัดลดงบโครงการสวัสดิการสังคมลง และปฏิรูปประกันสุขภาพ แต่นายโอบามา ไม่ได้รวมข้อเสนอเหล่านี้ ในแผนตัดงบประมาณครั้งนี้
    หากแผนนี้ได้รับการรับรองจากสภาคองเกรส คาดว่า ผู้จ่ายภาษีชาวอเมริกันจะต้องจ่ายภาษีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า ผู้ที่มีรายได้มากกว่าปีละ 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐ จะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีอีกต่อไป ทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มถึงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2564
    ส่วนบริษัทต่างๆ คาดว่า จะต้องจ่ายภาษีรายได้ปีหน้าเพิ่มขึ้น 65% หรือราว 327,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงงบประมาณซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายขององค์การนาซ่าให้อยู่ระดับเดิมนาน 5 ปี

    "
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 17:09

    จีนขึ้นแท่นผู้ซื้อสินค้าเกษตรใหญ่สุดโลกแทนแคนาดา

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    จีนขึ้นแท่นผู้ซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐรายใหญ่สุดแทนแคนาดาในปี 2553
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT> กระทรวงเกษตรสหรัฐเปิดเผยว่า จีนกลายเป็นผู้นำเข้าอันดับ 1 สำหรับสินค้าเกษตรของสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรก โดยเป็นผู้ซื้อสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ แทนที่แคนาดา
    ทั้งนี้ การที่จีนมีความต้องการถั่วเหลืองสหรัฐอย่างต่อเนื่องเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จีนซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าถึง 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ส่วนแคนาดาซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐคิดเป็นมูลค่า 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
    การส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐทั้งหมดในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 1.158 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งก่อนที่ 1.148 แสนล้านดอลลาร์ที่ทำไว้ในปี 2551
    กระทรวงเกษตรสหรัฐ คาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรในปีงบประมาณ 2554 จะอยู่ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ 1.265 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 10%จากสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.149 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2551
    กระทรวงเกษตรสหรัฐ จะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรครั้งต่อไป
    ในวันที่ 24 ก.พ.ในการประชุมแนวโน้มประจำปีของกระทรวงฯ

     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 17:02
    ฟิลิปปินส์จี้เอกชนนำเข้าข้าวส่วนใหญ่ปีนี้

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ฟิลิปปินส์จี้เอกชนนำเข้าข้าวส่วนใหญ่ปีนี้
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>

    นายแองเจลิโต บานาโย ผู้อำนวยการสำนักงานอาหารแห่งชาติ (เอ็นเอฟเอ)เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์ต้องการให้เทรดเดอร์ข้าวในภาคเอกชนนำเข้าข้าวส่วนใหญ่จากจำนวน 1 ล้านตัน ที่ฟิลิปปินส์ต้องการนำเข้าในปีนี้ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 14:53
    สื่อกัมพูชาตีข่าว 'ฮอร์ นัมฮง'ย้ำไทยล้ำดินแดน

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    สื่อกัมพูชาตีข่าว รมต.ต่างประเทศกัมพูชา ยันไทยเป็นฝ่ายล้ำแดน การเจรจาทวิภาคีไร้ประโยชน์ หากไทยไม่ยอมรับผิด
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT>หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพ ของกัมพูชา รายงานว่า นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ได้กล่าวโจมตีไทยระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีทีเอ็นว่า สิ่งที่เขาชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ (ยูเอ็นเอสซี)คือ ความต้องการที่จะให้สหประชาติ ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปหาข้อเท็จจริง กรณีไทยบุกรุกดินแดนของกัมพูชา ส่วนการปะทะกันด้วยอาวุธนั้น ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจผิด แต่เป็นสงครามจากการรุกล้ำดินแดนของไทยเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา เช่น การเรียกร้องเอาปราสาทพระวิหารของกัมพูชา การผลักดันประชาชนของกัมพูชา ให้ออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร การเรียกร้องให้กัมพูชารื้อธงชาติที่ซุ้มประตูของวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ หรือ ในเขตพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร
    นายฮอร์ ยังได้ตั้งคำถามว่า ถ้าเป็นความเข้าใจผิดในสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งของไทยที่มีต่อกัมพูชา เหตุใดจึงไม่เลือกใช้แนวทางแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นแบบทวิภาคีหรือไตรภาคี เหตุใดจึงใช้เล่ห์เหลี่ยม ไม่ยอมรับคำตัดสินที่ไทยและกัมพูชา ได้ลงนามยอมรับไปแล้ว และหลายครั้ง ที่ไทยเหยียบย่ำการเจรจาแบบทวิภาคีต่อกัมพูชา ทำให้ไม่มีคุณค่าต่อการเจรจาแบบทวิภาคีอีกต่อไป การที่ไทยอยากจะขอแก้ตัวในการเจรจาแบบทวิภาคกับกัมพูชาหลังจาก
    นี้ จะมีประโยชน์อันใด ถ้าไทยไม่ยอมรับความผิดเหล่านี้
    นายฮอร์ กล่าวด้วยว่า เขาต้องการได้รับคำตอบจากยูเอ็นเอสซีว่า นับแต่นี้ต่อไป จะต้องให้กัมพูชาและไทยทำอย่างไร จึงจะสามารถยุติการปะทะกันด้วยอาวุธสงครามได้ เขาอ้างว่า สงครามที่ไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เช่น การยิงปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. 120 ม.ม. และ 155 ม.ม. ลึกเข้าไปในกัมพูชาประมาณ 20 กิโลเมตร สร้างความเสียหายต่อปราสาทพระวิหาร วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ
    นอกจากนี้ ยังยิงเข้าไปในพื้นที่สำบอกคะมุม ที่อยู่ห่างจากตัวปราสาท 500 กิโลเมตร พื้นที่เวียลอินตรี และพนมทรัพย์ ที่อยู่ห่างจากตัวปราสาท 1,200 กิโลเมตร รวมถึงพื้นที่ตาซึมและที่อื่น ๆ อีกด้วย
    นายฮอร์ กล่าวอีกว่า เขาต้องการให้ศาลโลกอธิบายคำตัดสินเมื่อปี 2505 เพื้อให้ไทยได้ตาสว่างจากความบ้าบิ่นที่จะฝ่าฝืนสนธิสัญญาเขตแดน เมื่อปี 2447 และ 2450
    ทั้งนี้ สนธิสัญญาเขตแดนที่นายฮอร์อ้างถึง คือ ข้อตกลงที่ไทยลงนามกับฝรั่งเศส เมื่อปี 2447
    ที่ให้สันปันน้ำเป็นเกณฑ์ในดินแดนที่มีปัญหา และแผนที่ผนวก เมื่อปี 2450 ที่ฝรั่งเศสลากเส้น
    แบ่งพรมแดนที่เอาปราสาทเขาพระวิหาร ที่อยู่ในความครอบครองของไทย ไปอยู่ในดินแดนของกัมพูชา

     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 10:52
    <!-- End Content Header -->
    ธ.โลกเตือน"ราคาอาหารโลกถึงระดับอันตราย"

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ธ.โลกเตือน"ราคาอาหารโลกถึงระดับอันตราย" จุดชนวนการเมืองไร้เสถียรภาพ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT> รายงานล่าสุดของธนาคารโลก เตือนว่า ราคาอาหารโลกพุ่งขึ้นถึงระดับที่เป็นอันตราย ที่อาจจะจุดชนวนนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ผลักดันให้คนหลายล้านคนทั่วโลกอยู่ในฐานะยากจน และเพิ่มต้นทุนสินค้าอุปโภค-บริโภค
    นายโรเบิร์ต เซลลิก ประธานธนาคารโลก ระบุว่า รายงานล่าสุดบ่งชี้ว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ราคาอาหารโลกทะยานขึ้นไปถึง 29% ต่ำกว่าช่วงที่เกิดวิกฤติราคาอาหารโลกเมื่อปี 2551 เพียง 3% เท่านั้น ซึ่งการที่ราคาอาหารโลก ทะยานสูงเช่นนี้ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชาชนในประเทศกำลังพัฒนา เพราะประชากรในประเทศเหล่านี้ใช้จ่ายครึ่งหนึ่งของรายได้ไปกับค่าอาหาร
    "ราคาอาหารเป็นหัวใจสำคัญและเป็นเรื่องท้าทายหลักของประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศในทุกวันนี้ "เซลลิก กล่าว พร้อมประเมินว่า การที่ราคาข้าวโพด ข้าวสาลี และน้ำมันทะยานขึ้นไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้วทำให้ประชาชนประสบปัญหายากจนอย่างรุนแรงจำนวน 44 ล้านคนทั่วโลก
    รายงานฉบับนี้ มีขึ้นหนึ่งวันก่อนหน้าที่รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศต่างๆในกลุ่มจี20 จะประชุมร่วมกันที่กรุงปารีส โดยนายเซลลิก กล่าวว่า รู้สึกวิตกกังวลว่าบางประเทศอาจมีปฏิกิริยาต่อปัญหาราคาอาหารแพงด้วยการห้ามส่งออกอาหารหรือใช้มาตรการควบคุมอาหาร ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะยิ่งทำให้ปัญหาราคาอาหารแพงเลวร้ายยิ่งขึ้น
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Life Style<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:time Hour="1" Minute="0">01:00</st1:time><o:p></o:p>
    น้ำมันใสๆ ใส่มะเร็ง

    <o:p>[​IMG]</o:p>

    <o:p></o:p>

    <o:p>[​IMG]</o:p>

    โดย : ทีมข่าวจุดประกาย<o:p></o:p>
    <SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT><!-- Begin Media Content --><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics--><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <!-- End More Pics --><!-- End More picture--><!-- Begin Thumb More picture -->ภาพประกอบข่าว<o:p></o:p>
    หลายบ้านต้องใช้น้ำมันกระเหม็ดกระแหม่ บ้างทอดซ้ำหรือไปใช้น้ำมันแบบใหม่แต่เก่าของคนอื่น เรียกว่าน้ำมันมือสอง แถมมะเร็ง ความดัน หลอดเลือดตีบครบ<o:p></o:p>
    ธรรมดาแค่ราคาของขึ้น "คนในครัว" ก็แทบจากหาวิธีบริหารจัดการเพื่อคุณค่าทางอาหารบนโต๊ะกินข้าวไม่ทันอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อวัตถุดิบสำคัญอย่าง "น้ำมัน" มาเกิดวิกฤตการณ์อย่างนี้ซ้ำอีก งานนี้จึงถือว่าเป็นอะไรที่ต้องการมากกว่าแค่ "คว่ำกระทะ" แน่นอน<o:p></o:p>

    เป็นปกติ สีนวลมัน และความกรุบกรอบที่เคลือบอยู่หลังสะเด็ดน้ำมันขึ้นจากกะทะจะทำให้ "อาหารทอด" มักแซงปาดหน้ากับข้าวจานอื่นๆ "เกลี้ยง" ก่อนเพื่อนทุกครั้ง เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกินจริงเลยสำหรับ นิรมาน สอนง่าย แม่บ้านอาชีพวัย 49 ปี และสาวสมัยอย่าง โบว์ - ศิริลักษณ์ พวงระย้า ครูโรงเรียนประถมแถบปริมณฑล<o:p></o:p>

    ทุกมื้อ ทั้งคู่ต่างยอมรับว่า "ของทอด" เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ในวงอาหาร จะไก่ หมู ปลา หรือไข่ อย่างน้อยต้องมี "ติดโต๊ะ" ไว้ 1 จานเสมอ<o:p></o:p>

    แม้จะมีสลับบทเป็นแม่บ้านถุงพลาสติกบ้าง แต่ส่วนใหญ่ ครูสาวลูก 2 คนนี้มักจะชอบเข้าครัวปรุงอาหารให้สามี และลูกๆ มากกว่า โดยทั่วไป มื้อเย็นจะถือเป็นช่วงเวลาที่เธอได้อวดเสน่ห์ปลายจวัก<o:p></o:p>

    "ถึงทำอะไรได้ไม่ค่อยเยอะก็เถอะนะ" เจ้าของคำตอบเผยรอยยิ้ม<o:p></o:p>
    รายการอาหารแต่ละมื้อจะถูกบันทึกเอาไว้ในหัวก่อนถึงตลาด เพราะค่อนข้างใช้เวลาเดินทางพอสมควร การจ่ายตลาดของเธอแต่ละครั้งจึงรวมอีก 2-3 วันข้างหน้าด้วย<o:p></o:p>
    "น้ำมันถั่วเหลือง" เป็นส่วนประกอบหลักที่โบว์เลือก ไม่ว่าจะผัด หรือทอด เพราะก่อนออกเหย้าออกเรือนไป ก็ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นแม่ และในความรู้สึกของโบว์ มันก็ดีกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ ที่เคยใช้<o:p></o:p>
    ขณะที่ เวิร์คกิ้งวูแมนสมัยนี้ มีไม่น้อยที่บ้านและออฟฟิศอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ส้ม-นันทิยา จริยารังสีโรจน์ จึงมีโอกาสได้ละจากโน๊ตบุ๊คมาคว้ากระทะเคาะตะหลิวบ้าง อย่างน้อยก็วันละมื้อสำหรับ 2 ที่ ตัวเองกับสามี<o:p></o:p>
    ในจังหวะที่น้ำมันนอกจากจะขอเรียกเก็บค่าตัวเพิ่ม แถมยังเล่นตัวขาดตลาดให้ชั้นวางของร้านค้าว่างเอาไว้อย่างนั้น ทำให้แม่บ้านแต่ละคนต้องหันกลับมาพลิกตำราบริหารน้ำมันหน้าเตากันแทบไม่ทัน<o:p></o:p>

    ตอนนี้ ส้มจำต้องวางกะทะกับตะหลิวลงชั่วคราว หันมาหยิบจับหม้อมาต้มๆ นึ่งๆ มากขึ้น เพราะเธอถือคติ "แพงไม่กิน กินของถูก"<o:p></o:p>

    จากที่บ้านเคยใช้น้ำมัน 3 อย่าง คือ น้ำมันปาล์ม สำหรับทอด, น้ำมันดอกทานตะวัน สำหรับผัดผัก และ น้ำมันถั่วเหลือง สำหรับจากอื่นๆ ภายใต้งบประมาณค่ากับข้าว 4,000 บาทต่อเดือน วิธีเปลี่ยนสำรับกับข้าวแบบนี้ จึงเหมาะสมที่สุดสำหรับส้ม<o:p></o:p>
    สำหรับนิรมาน แม่บ้านรุ่นพี่ ไม่ขอเกี่ยงยี่ห้อ แค่ประหยัดเงินในกระเป๋าได้เป็นพอ<o:p></o:p>
    "จะยี่ห้อไหนก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ" นิรมานยืนยัน <o:p></o:p>
    เพื่อความอร่อย บ้างก็ยอมรับภาระที่เพิ่มขึ้น บ้างก็ปรับเมนูแบบไม่ง้อน้ำมัน แต่สูตรหนึ่งที่อยู่ในใจหลายๆ คนเมื่อพูดถึงวิธีเซฟค่าใช้จ่าย ยุคน้ำมัน (ทำครัว) แพง ก็คือ การ "ใช้น้ำมันซ้ำ"<o:p></o:p>
    นิรมานยอมรับถึงกลเม็ดนี้ที่เธอใช้มาชั่วนาตาปีแล้ว<o:p></o:p>
    "ปกติแล้วจะใช้น้ำมันเก่าด้วย อย่างเราทอดปลา 1 ครั้ง เสร็จแล้วก็จะเก็บใส่หม้อแยกไว้ใช้ในครั้งต่อไป น้ำมันใหม่จะเก็บไว้ใช้ซ้ำ 2-3 ครั้งแล้วค่อยทิ้ง รู้ว่ามันไม่ค่อยดีนะ แต่เราก็จำเป็นต้องประหยัด" เธอบอก<o:p></o:p>
    ขณะที่แม่บ้านรุ่นใหม่อย่างโบว์ และส้ม ต่างยอมเทน้ำมันลงกระทะน้อยลงดีกว่าใช้ซ้ำ<o:p></o:p>
    "เรารู้สึกว่ามันไม่สะอาด เก็บไว้แล้วมันเหม็นหืน แถมเห็นข่าวก็ไม่เสี่ยงดีกว่า" โบว์ออกความเห็น<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    นานา (น้ำ) มัน <o:p></o:p>
    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาหาร ด้านอาหารและโภชนาการอย่าง ผศ.ดร.ทิพยเนตร อริยปิติพันธ์ ศูนย์วิจัยวิทยาลิพิดและไขมัน คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอธิบายถึงลักษณะของน้ำมันประกอบอาหารที่ใช้กันอยู่ในครัวทุกวันนี้หากให้แยกชนิดกันจริงๆ คงจะแยกกันไม่หมด<o:p></o:p>

    ตามเอกสารวิชาการเรื่องการเลือกใช้น้ำมันพืชปรุงอาหารเพื่อสุขภาพที่เธอเขียนนั้นสามารถแยกประเภทของน้ำมันทั้งหมดออกเป็น 7 ประเภท คือ<o:p></o:p>

    น้ำมันที่มี กรดไขมันอิ่มตัว (saturated fatty acid; SFA) โมเลกุลขนาดกลาง เช่น น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์มเคอร์เนิล ไม่เหมาะใช้ประกอบอาหารความร้อนสูง เพราะจุดเกิดควันค่อนข้างต่ำ<o:p></o:p>
    น้ำมันที่มี SFA โมเลกุลขนาดใหญ่ อย่าง น้ำมันปาล์มโอเลอิน เหมาะสำหรับการ "ทอดอาหาร" แทนน้ำมันจากไขมันสัตว์<o:p></o:p>
    น้ำมันที่มี MUFA (กรดโอเลอิก) ปริมาณมาก และมี SFA ต่ำ ปัจจุบันมาจาก 2 แหล่งคือ พืชธรรมชาติอย่าง น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา และน้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ หรือน้ำมันจากพืชที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม (Genetically modified organism; GMO) เช่น น้ำมันถั่วเหลืองกรดโอเลอิกสูงและกรดลิโนเลนิกต่ำ น้ำมันดอกคำฝอยกรดโอเลอิกสูง น้ำมันคาโนลากรดโอเลอิกสูง และน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันกรดโอเลอิกสูง เป็นต้น ทั้งหมด เหมาะกับการ "ต้ม นึ่ง ผัด" มากกว่าการ "ทอดท่วม"<o:p></o:p>
    น้ำมันที่มี MUFA (กรดโอเลอิก) และ PUFA (กรดไลโนลิอิก) ในปริมาณใกล้เคียงกันอย่าง น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง และน้ำมันงา ซึ่งเหมาะกับการประกอบอาหารทั่วไป ที่ความร้อนไม่สูงเกินไปนักเพื่อคงสภาพกรดไขมันที่ดีต่อร่างกาย<o:p></o:p>
    น้ำมันที่มี PUFA (กรดไลโนลิอิก) มาก MUFA (กรดโอเลอิก) ปานกลาง และกรดลิโนเลอิกต่ำมาก อย่าง น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันฝ้าย ซึ่ง "ไม่เหมาะ" กับการทอดอาหารอย่างยิ่ง<o:p></o:p>
    น้ำมันที่มี กรดลิโนเลอิกในปริมาณมาก เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันคาโนลา ซึ่งไม่เหมาะกับการทอดอาหาร หรือใช้ความร้อนที่สูงเกินไปอีกเช่นกัน<o:p></o:p>
    น้ำมันพืช หรือไขสัตว์ ที่ผ่านกระบวนการไฮโดรจิเนชัน (การเติมไฮโดรเจนให้อะตอมกรดไขมันไม่อิ่มตัวให้กลายเป็นกรดไขมันอิ่มตัว) น้ำมันประเภทนี้จะมีจุดหลอมเหลว และจุดเกิดควันสูงขึ้น อย่างเช่น มาการีน และเนยขาว เหมาะกับการประกอบอาหารด้วยความร้อนสูง เช่น โดนัททอด ไก่ทอด ขนมอบ เค้ก และคุกกี้ เป็นต้น<o:p></o:p>
    หากพูดถึงความเข้าใจในการใช้น้ำมันของผู้คนทั่วไป ผศ.ดร.ทิพยเนตร รู้สึกว่าโดยส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้ที่ถูกต้อง ซึ่งบางครั้งอาจจะเกิดจากปัจจัยด้านราคาทำให้บางครั้งน้ำมันจึงขาดการใส่ใจไป ซึ่งในส่วนผู้ผลิตหรือการดูแลของทางภาครัฐเองก็ยังไม่เข้มงวด และชัดเจนเท่าที่ควร<o:p></o:p>
    "อย่างที่ฝรั่งเศสเขาจะระบุไว้ข้างขวดอย่างชัดเจนว่า ถ้ามีไขมันลิโนเลอิกเกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ห้ามนำไปทอดอาหาร แต่ที่ประเทศไทยไม่มี"<o:p></o:p>
    ซึ่งในภาวะน้ำมัน (ครัว) แพงสำหรับคนในสายอาหารอย่าง เธอถือว่าเป็นโอกาสในวิกฤติที่คนจะได้หันมาใช้น้ำมันที่หลากหลายขึ้น เพราะน้ำมันแต่ละชนิดต่างมีกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกัน<o:p></o:p>
    "จำง่ายๆ ว่า ถ้าปรุงอาหารทั่วไปก็ใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน อะไรจำพวกนี้ แต่ถ้าจะทอดอาหารก็ใช้น้ำมันปาล์มโอเลอิก แต่ทุกอย่างไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำค่ะ"<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ทอดซ้ำ ทำร้าย<o:p></o:p>
    ก่อนน้ำมันจะเข้าสู่สถานะ "ของหายาก" สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บุกตลาดและล้วงไปถึงก้นครัวใน 50 เขตของกรุงเทพฯ 8 จังหวัดทั่วประเทศ ภาคละ 2 จังหวัด เพื่อจะดูว่าคนไทยใช้น้ำมันกันอย่างไร ทอดซ้ำหรือไม่ และชอบกินของทอดมากแค่ไหน ภายใต้โครงการ "สำรวจสถานการณ์และพฤติกรรมน้ำมันทอดซ้ำในประเทศไทย" ได้รับทุนสนับสนุนโดย ได้รับทุนสนับสนุนโดยแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)<o:p></o:p>

    การลงพื้นที่เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 พบว่า ผู้บริโภค 27.05 เปอร์เซ็นต์ ซื้ออาหารทอดนอกบ้าน 7-9 ครั้งต่อเดือน และมีมากถึง 15.17 เปอร์เซ็นต์ที่ซื้ออาหารทอดนอกบ้านเกือบทุกวัน โดยซื้อให้ตัวเองและเผื่อแผ่ถึงครอบครัว 3อันดับของเมนูทอดยอดนิยมคือ ไก่ทอด กุ้ง,ปลาหมึกทอด และ หมูทอด<o:p></o:p>


    ละจากแผงลอยและตลาด แม่บ้านที่ชอบเข้าครัวเอง ก็ใช้น้ำมันทอดซ้ำ 29.2 เปอร์เซ็นต์ จานฮิตคือ ปลาทอด และ ไข่เจียว,ไข่ดาว <o:p></o:p>

    ส่วนผู้ขาย ผู้ประกอบการ ใช้น้ำมันทอดซ้ำ เฉพาะในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 54.66 เปอร์เซ็นต์ และมี 3 จังหวัดที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำสูงเกิน 60 เปอร์เซ็นต์คือ พิษณุโลก นครราชสีมาและลำปาง<o:p></o:p>
    มาถึงหัวใจสำคัญของภารกิจนี้ คือ การทดสอบน้ำมันทอดอาหาร เพื่อหาความเสื่อม จังหวัดที่มาอันดับ 1 คือ สงขลา เสื่อมสภาพ 44.29 เปอร์เซ็นต์และใกล้เสื่อมสภาพ 55.24 เปอร์เซ็นต์ ตามมาติดๆ คือ ภูเก็ตและกรุงเทพฯ ที่ใช้น้ำมันเสื่อมและเกือบเสื่อมรวมกันกว่าร้อยละ 50<o:p></o:p>
    และเมื่อหารเฉลี่ยทั่วประเทศ พบว่าภาพรวมของน้ำมันในท้องตลาด มีประมาณร้อยละ 13 เสื่อมคุณภาพแล้ว<o:p></o:p>
    ภก.วรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร ผู้รับผิดชอบโครงการปฏิวัติน้ำมันทอดซ้ำ แผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายพฤติกรรมใช้ซ้ำของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดว่า<o:p></o:p>

    "ปกติทอดแล้วน้ำมันจะพร่อง ก็จะเติมน้ำมันใหม่ลงไป พอเลิกขายก็เก็บน้ำมันส่วนนี้ไว้ ใช้ทอดใหม่ในวันพรุ่ง นี่ถือเป็นน้ำมันทอดซ้ำแล้ว" ภก.วรวิทย์ อธิบายความหมาย<o:p></o:p>

    ตรงกับข้อมูลจากรายงาน การสำรวจสถานการณ์และพฤติกรรมการใช้น้ำมันทอดซ้ำในประเทศไทย ที่พบว่า น้ำมันใสๆ ที่เห็นด้วยตาเปล่า มีถึงร้อยละ 40 ได้กลายเป็นน้ำมันเสื่อมสภาพและใกล้จะเสื่อมสภาพ แต่กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันดำ (สังเกตพบความผิดปกติ) กลับเป็นน้ำมันที่ยังไม่เสื่อมสภาพ <o:p></o:p>
    แล้วน้ำมัน(เสื่อม)ใสๆ ที่กินเข้าไปแล้วนั้น จะมีกลุ่มสารโพลาร์ ที่พิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง สารตัวนี้ยุโรปและไทย กำหนดไว้ว่าต้องมีไม่เกินร้อยละ 25 หรือ 25 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม <o:p></o:p>
    "น้ำมันใหม่ มีสารโพลาร์อยู่แล้ว 5-6 เปอร์เซ็นต์ พอเจอความร้อนค่าจะสูงขึ้น ยิ่งทอดซ้ำยิ่งสูงขึ้น" ภก.วรวิทย์ ให้ความรู้ เพิ่มอีกว่า เมื่อใดที่สารโพลาร์เขยิบเข้าใกล้ 25 ประมาณ 22-23 แล้วเติมน้ำมันใหม่เข้าไป กลับยิ่งไปเร่งการเสื่อมให้มากขึ้น โดยน้ำมันปาล์มที่นิยมใช้ทอดจะมีคุณสมบัติคงตัวกว่า หรือเสื่อมช้ากว่าน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันรำข้าว<o:p></o:p>
    "แต่น้ำมันทุกอย่าง ที่ร้อนยิ่งเสื่อมสภาพเร็ว" ผู้รับผิดชอบโครงการปฏิวัติน้ำมันทอดซ้ำยืนยัน<o:p></o:p>
    นอกจากตัวเร่งให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงแล้ว ในน้ำมันเสื่อมสภาพยังมี ตัวก่อโรคอีก 2 ชนิดคือ สารโพลีไซคลิกอะโรเมติค ไฮโดรคาร์บอน ที่เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์และสัตว์<o:p></o:p>
    "ตัวสุดท้ายคือ ไขมันทรานส์ (Trans fat) ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ตัวนี้ในยุโรปกับสหรัฐอเมริกาซีเรียส ออกกฎคุมเข้มแต่ไทยยังไม่ได้กำหนดมาตรฐาน "<o:p></o:p>
    ผลการสำรวจข้างต้น ทำกันในช่วงที่เรายังมีน้ำมันกินใช้กันปกติ แต่ตอนนี้ที่เราขาดสภาพคล่องทางน้ำมันกันถ้วนหน้า จึงคาดการณ์กันว่า น้ำมันในครัวเรือนและท้องตลาดคงทอดซ้ำกันในความถี่ที่มากกว่านี้<o:p></o:p>

    "ไม่ใช่เพราะมันแพงนะคะ แต่เพราะมันไม่มีให้ซื้อเราก็เลยต้องทอดซ้ำ" วิริยา คุณาวุฒิ แม่บ้านลูกสามวัย 36 จากกรุงเทพฯ ที่เคยเป็นขาประจำ "น้ำมันรำข้าว" ยืนยันว่าเธอมีกำลังพอที่จะซื้อและสู้ราคาน้ำมันดีๆ<o:p></o:p>

    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ระวัง! น้ำมันมือสอง<o:p></o:p>
    ระดับรายย่อยอาจพบว่ามีการทอดซ้ำมากขึ้น แต่ระดับรายใหญ่ มีข่าวเล็ดรอดออกมาว่า กำลังปั๊ม "น้ำมันมือสอง" ออกมาป้อนตลาด<o:p></o:p>

    "มีแน่ ๆ เพราะเคยคุยกับเทศบาล เขาไปขอซื้อต่อที่ร้านไก่ทอด ปลาทอด ที่เก็บน้ำมันเหลือไว้เป็นปี๊บๆ เพื่อไปทำไบโอดีเซล เคยซื้อในราคากิโลกรัมละ12บาท แต่มีคนชิงซื้อไปในราคา 13-14 บาท พอเพิ่มราคาให้ ทางโน้นก็ให้ราคาสูงกว่าอีก" ภก.วรวิทย์สันนิษฐานว่า "ทางโน้น" คือผู้ซื้อไปผลิตน้ำมันมือสอง<o:p></o:p>

    ก่อนจะอธิบายว่า น้ำมันมือสองคือ การเอาน้ำมันเก่าไปฟอกใหม่ โดยใช้สารเคมีไปฟอกสี ให้ออกมาสวย ใส น่าใช้เหมือนเดิม หรือยิ่งกว่าเดิมอีก<o:p></o:p>
    "ยิ่งถ้าเจือน้ำมันใหม่ดีๆ ฟอกสีออกมาได้สวยใสเลยทีเดียว...แต่สารโพลาร์ยังอยู่ครบถ้วนครับ" เภสัชกรคนเดิมพูดยิ้มๆ พร้อมบอกต่ออีกว่า ในฐานะของนักวิชาการด้านอาหาร น้ำมันเสื่อมสภาพคือ ขยะดีๆ นี่เอง <o:p></o:p>
    น้ำมันมือสองของเขา แต่ใหม่ของเรา ไปโผล่อยู่ตามผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ตาเปล่าแม้จะชัดเจน ไม่ฝ้าฟาง ไม่สั้น ไม่ยาว และไม่เอียง ก็แยกแยะไม่ออก<o:p></o:p>
    อันดับแรกคือ ทาเส้นก๋วยเตี๋ยว เพื่อไม่ให้เส้นติดกัน แต่เดิมจะใช้น้ำมันพืชทา แต่พอน้ำมันแพงและขาดแคลน จึงลดค่าใช้จ่ายด้วยการเอาน้ำมันมือสองมาทา เพราะทั้งถูกกว่าและหนืดกว่า (ยิ่งถูกยิ่งหนืด) โดยเฉพาะเส้นใหญ่ ถ้าไม่ทาจะยิ่งติดกัน<o:p></o:p>
    "สองคือ ผสมอาหารสัตว์ ที่นิยมใส่ในอาหารสัตว์เพราะต้องการขุนสัตว์ให้อ้วน มีน้ำหนักจะได้ขายได้ราคาดี ไม่แน่ใจว่าสารโพลาร์ จะย้อนกลับมาสู่คนหรือไม่ เพราะสุดท้ายคนก็กินเนื้อสัตว์"<o:p></o:p>
    สุดท้ายคือ ฟอกให้ใส แล้วเอามาขายเป็นมือสอง มัดถุงขายตามตลาด ที่กำลังขายดีอยู่ในขณะนี้<o:p></o:p>
    ..............................................................................<o:p></o:p>
    ถึงที่สุดแล้ว คงไม่มีใครสรุปได้ว่า วิธีไหนดีที่สุดหรือเลวร้ายที่สุดในยุคน้ำมันฝืดเคืองอย่างนี้ แต่อะไรที่ไม่ดีหรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อยู่ห่างๆ ไว้และไม่ตามใจปาก...ดีที่สุด <o:p></o:p>
    http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20110216/377420/น้ำมันใสๆ-ใส่มะเร็ง.html<o:p></o:p>
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 12:58
    สื่อกัมพูชาเลี่ยงเสนอข่าวโค่นผู้นำอียิปต์

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    สื่อกัมพูชาไม่ค่อยให้พื้นที่ข่าวโค่นผู้นำอิยิปต์ ขณะ "ฮุน เซน" ขู่เล่นงานหนักผู้ปลุกระดมการประท้วง
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT> วิทยุเสียงอเมริกา(วีโอเอ)ภาษาเขมร รายงานว่า เหตุการณ์ประท้วงในอิยิปต์ ที่ลงเอยด้วยการลาออกของนายฮอสนี มูบารัก ประธานาธิบดีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แทบจะไม่มีรายงานในสื่อของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กำลังมีประเด็นร้อนเรื่องข้อพิพาทบริเวณชายแดนกับไทย โดยข่าวการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของอิยิปต์ และการเมืองในภูมิภาคเดียวกัน ถูกบดบังด้วยข่าวการปะทะกันด้วยปืนใหญ่ ในพื้นที่พิพาทใกล้ปราสาทพระวิหาร
    นายอู วิรัค ผู้อำนวยการบริหารของศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา ให้ความเห็นว่า ข่าวสารที่ถูกจำกัด ย่อมหมายถึงประชาชนชาวกัมพูชา พลอยได้รับข้อมูลน้อยตามไปด้วย ทั้งที่สถานการณ์อิยิปต์และกัมพูชานั้นเหมือนกัน
    ประธานาธิบดีมูบารัก ก้าวลงจากอำนาจหลังการประท้วงต่อต้านรัฐบาลนาน 18 วัน สิ้นสุดการเกาะกุมอำนาจอันยาวนานเกือบ 30 ปี สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในภูมิภาคตะวันกลาง หลังจากเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นก่อนที่ตูนิเซีย เมื่อเดือนมกราคมและกลายเป็นการประท้วงต่อเนื่องในหลายประเทศอาหรับ รวมทั้งเยเมนด้วย
    ด้านนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ประกาศเตือนล่วงหน้าต่อการลุกฮือประท้วงในกัมพูชา และขู่ว่าจะตอบโต้อย่างหนักหน่วงต่อผู้ที่ปลุกระดม แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายคนทั้งจากพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ระบุว่า ยินดีต่อการลาออกของประธานาธิบดีมูบารัก ที่สละอำนาจให้กองทัพเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง
    นายเชียม เยียบ ส.ส.พรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งเป็นรัฐบาล บอกว่า การลาออกของนายมูบารัก เป็นไปตามเจตนารมย์ของประชาชน เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงครั้งใหญ่ การประท้วงที่ยืดเยื่อจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของชาวอิยิปต์
    ขณะที่ นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ บอกว่า การลาออกของผู้นำ เป็นสิ่งที่สามารถเรียกร้องได้ในประเทศที่ไม่พอใจในตัวผู้นำ รวมทั้ง กัมพูชา สถานการณ์โลกในเวลานี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลงในหลายประเทศ ที่มีผู้นำที่เลวร้าย ที่คอรัปชั่น ไม่ทำงานและเกื้อหนุนพวกพ้อง มีกว่า 200 ประเทศแล้ว ที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง แต่ยังมีอีก 2 ประเทศ ที่ควรต้องเปลี่ยนแปลง หนึ่งก็คือเยเมน และอีกหนึ่งคือกัมพูชา
    ส่วนนายเลา มงฮาย นักวิจัยจากคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย ได้ขานรับแถลงการณ์จาก
    นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติที่ว่า เหตุการณ์ในอิยิปต์เป็นบทเรียนกับประเทศเผด็จการสำหรับกัมพูชา ถ้าผู้นำไม่เปิดให้มีการแสดงออกทางการเมืองอย่างเสรี และถ้ายังคอรัปชั่น หรือไม่ยอมทำงาน ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า ในอนาคตก็อาจจะจุดชนวนความไม่พอใจให้กับคนรุ่นใหม่ และก็จะเหมือนกับตูนิเซียและอิยิปต์ในที่สุด
    ขณะเดียวกัน บรรณาธิการข่าวของหนังสือพิมพ์ รัศมี กัมพูชา ระบุว่า คนกัมพูชาให้ความสนใจข่าวอิยิปต์น้อยเพราะข่าวสงครามกับไทยกลบหมด ส่วนนายเขียว กัณหฤทธิ์ รัฐมนตรีข่าวสาร อ้างว่า สื่อในกัมพูชาไม่ได้กลัวที่จะเสนอข่าวอิยิปต์ แต่ได้เสนอข่าวไปอย่างเพียงพอแล้ว

     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทหารเขมรยั่วยุไทยไม่เลิก ระเบิดดังสนั่นใกล้ “ภูมะเขือ” กลางดึกกว่า 30 ครั้ง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 กุมภาพันธ์ 2554 12:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ศรีสะเกษ - ทหารเขมรยั่วยุไทยไม่เลิก เสียงระเบิดดังสนั่นกลางดึกว่า 30 ครั้ง ที่บริเวณช่องแปดหลัก ติด “ภูมะเขือ” ทิศตะวันตกเขาวิหาร บ.หนองอุดม เผยใกล้จุดผู้ว่าฯ ศรีสะเกษและคณะนอนพักค้างคืนในหมู่บ้านชายแดนเป็นขวัญกำลังใจชาวบ้าน ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษเผยเสียงระเบิดดังอยู่ในเขตกัมพูชา ใช้ระเบิดขว้างถล่มยั่วยุใกล้ฐานที่ตั้งทหารไทย แต่ฝ่ายไทยไม่ตอบโต้ ระบุเร่งสร้างหลุมหลบภัยเพิ่ม 451 แห่ง ขณะชาวบ้านผวาเฝ้าระวังเตรียมอพยพทั้งคืน ด้าน ตร.ระดมกำลังตรวจเข้ม รวบผู้ต้องสงสัยสปายเขมรแล้ว 7 คน

    วันนี้ (16 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ และ พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.กันทรลักษ์ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจเข้มเป็นประจำทุกคืน ทุกหมู่บ้านที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย- กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกหมู่บ้านในเขต ต.เสาธงชัย ต.ภูผาหมอก และ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ ซึ่งอยู่ติดกับแนวชายแดนมากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันกันก่ออาชญากรรม และรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับฝ่ายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2)

    นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น.คืนวันนี้ (16 ก.พ.) ได้มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวที่บริเวณช่องแปดหลัก ใกล้กับบ้านหนองอุดม ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ติดกับภูมะเขือ ทางทิศตะวันตกเขาพระวิหารโดยมีเสียงดังคล้ายระเบิดประมาณ 30-40 ครั้ง พอใกล้สว่างเหตุการณ์จึงได้สงบลง ซึ่งเสียงคล้ายระเบิดที่ดังอย่างต่อเนื่องนี้เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ปัญหา 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) แต่ทหารไทยไม่ได้มีการยิงตอบโต้แต่อย่างใด

    ทั้งนี้ บริเวณที่เกิดเหตุนี้อยู่ใกล้กับบ้านรุง ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการเข้าไปนอนพักค้างคืนอยู่ในหมู่บ้านชายแดน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชน แต่ไม่มีกระสุนปืนใหญ่เข้ามาในเขตแดนไทยแต่อย่างใด

    นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตลอดคืนที่ผ่านมาได้นอนพักค้างคืนอยู่ที่บ้านรุง ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชาไม่มากนัก เสียงคล้ายระเบิดที่ดังขึ้นนั้น จากการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้อยู่ในเขตแดนไทยแต่มีเสียงดังอยู่ในเขตของกัมพูชา ซึ่งคาดว่าเป็นการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชาที่อาจใช้ระเบิดขว้างเข้ามาใกล้กับฐานที่ตั้งของทหารไทย แต่ทหารไทยไม่ได้มีการตอบโต้แต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเผชิญเหตุภัยการสู้รบที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้นจึงต้องเร่งดำเนินซ่อมแซมหลุมหลบภัย รวมทั้งสร้างหลุมหลบภัยขึ้นมาใหม่ตามหมู่บ้านชายแดนด้านเขาพระวิหารโดยหลุมหลบภัยเดิมมีอยู่จำนวน 326 จุด ต้องทำการซ่อมแซมจำนวน 297 จุด และต้องสร้างเพิ่มเติมขึ้นใหม่ทุกหมู่บ้านจำนวน 451 จุด ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงระหว่างรออนุมัติงบประมาณจากส่วนกลาง ส่วนการดำเนินการก่อสร้างหลุมหลบภัยจะแล้วเสร็จภายใน 30 วันครบทุกจุด

    นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนการซ่อมแซมบ้านเรือนของชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่นั้น ขณะนี้กลุ่มอาชีวศึกษาศรีสะกษ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ ร่วมกับกองพันทหารช่างที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 กำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยคาดว่าบ้านเรือนของประชาชนที่ถูกกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายกัมพูชาเสียหายทั้งหลังจำนวน 7 หลังนั้นจะใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 35 วัน ส่วนการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายบางส่วนขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 50% เพื่อให้ชาวบ้านสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ตามเดิมต่อไป

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการที่มีเสียงระเบิดดังต่อเนื่องครั้งนี้ ล่าสุดนี้ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้อพยพออกจากพื้นที่แต่อย่างใด เนื่องจากเสียงดังที่เกิดขึ้นอยู่ในเขตแดนของกัมพูชา อีกทั้งไม่ได้มีการยิงกระสุนปืนใหญ่เข้ามาในเขตแดนไทย

    อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านภูมิซรอล บ้านหนองเม็ก และ บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ได้ตื่นนอนขึ้นมานั่งเฝ้าระวังสถานการณ์คอยฟังเสียงระเบิดดังกล่าวตลอดทั้งคืนกระทั่งเหตุการณ์สงบ ทั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมอพยพเข้าไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้ทันที หากสถานการณ์รุนแรง

    นอกจากนี้รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. คืนที่ผ่านมา ( 15 ก.พ.) ได้มีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร โดยเสียงดังคล้ายระเบิดดังกล่าวอยู่ในเขตของกัมพูชา และทหารไทยไม่ได้ทำการตอบโต้ ซึ่งคาดว่าเป็นการยั่วยุของทหารกัมพูชาเช่นกัน

    ด้าน พล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ช่วงนี้ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตราเข้มงวดตามหมู่บ้านชายแดนด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนที่อพยพกลับมาอยู่บ้านเรือนของตัวเอง อีกทั้งเป็นการป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สิของชาวบ้าน และเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามหรือมือที่สามเข้ามาสร้างความวุ่นวายตามเขตแดนไทยในช่วงที่เหตุการณ์กำลังเข้าสู่ภาวะปกติ

    “ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับของทางฝ่ายกัมพูชาแล้วจำนวนทั้งสิ้น 7 คน ขณะนี้กำลังเร่งทำการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง รวมทั้งได้ประสานกับทางฝ่ายทหารเพื่อรักษาความปลอดภัยและเพื่อความมั่นคงในเขตพื้นที่จ.ศรีสะเกษ อย่างเต็มที่ต่อไป” พล.ต.ต.เสริมสุข กล่าว
    Local - Manager Online -
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “โอบามา” มอบเหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดแก่ “จอร์จ บุช”
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 กุมภาพันธ์ 2554 11:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ มอบเหรียญเสรีภาพแห่งประธานาธิบดีแก่อดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช พร้อมยกย่องว่าเป็นสุภาพบุรุษอเมริกันตัวจริง


    เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ มอบเหรียญเสรีภาพแห่งประธานาธิบดี (Presidential Medal of Freedom) ซึ่งเป็นเหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดฝ่ายพลเรือน ให้แก่ แองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี และ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 41 จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช วานนี้(15)

    นอกจากนี้ยังมีบุคคลสำคัญทางการเมืองและวัฒนธรรมที่ได้รับเหรียญรางวัลดังกล่าวอีกมากมาย เช่น หม่าโหยวโหย่ว นักเชลโลชาวจีน, มายา แองเจโล กวีชื่อดัง และ วอเรน บัฟเฟ็ตต์ มหาเศรษฐีพันล้านผู้ใจบุญ

    จอห์น ลิวอิส สมาชิกรัฐสภาผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมือง, สแตน มิวเซียล นักเบสบอล และ ฌีน เคนเนดี สมิธ น้องสาวของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี และนักต่อสู้เพื่อผู้พิการ ก็ได้รับรางวัลดังกล่าวด้วย

    โอบามา กล่าวยกย่องอดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช ว่า เป็น “นักการทูตมือหนึ่ง” ซึ่งสามารถทำในสิ่งที่ทุกคนคิดว่าทำไม่ได้ เช่น การยุติสงครามเย็นโดยปราศจากเสียงปืนแม้แต่นัดเดียว

    “ความอ่อนน้อมและสุภาพของท่านสะท้อนจิตวิญญาณของชาวอเมริกันได้ดีที่สุด ใครก็ตามที่รู้จักท่านจะทราบดีว่า นี่คือสุภาพบุรุษที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนลุกขึ้นทำเพื่อสังคม” โอบามา กล่าว

    [​IMG]

    ประธานาธิบดี โอบามา มอบเหรียญรางวัลแก่ วอเรน บัฟเฟ็ตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้ใจบุญ


    โอบามา ยังกล่าวถึง แมร์เคล ซึ่งเติบโตขึ้นในเยอรมนีตะวันออกว่า “เมื่อกำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลง และเยอรมนีได้กลับมารวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง แมร์เคลก็ได้ทำลายปราการของเธอเอง จนกลายเป็นสตรีคนแรกและชาวเยอรมันตะวันออกคนแรกที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี”

    ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวเป็นเชิงเย้าหยอกว่า วอเรน บัฟเฟ็ตต์ เคยลุงทุนแล้ว “เจ๊ง” ครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ปี แต่ก็ไม่เคยทิ้งตลาดหุ้น จนในที่สุดเริ่มได้ผลกำไรขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ก่อนจะมาเป็นมหาเศรษฐีอย่างทุกวันนี้

    “คุณจะไม่เห็นหรอกว่า วอเรน บัฟเฟ็ตต์ สวมสูทหรูๆหรือขับรถราคาแพงๆ แต่คุณจะเห็นเขาสละทรัพย์สินส่วนใหญ่เพื่อช่วยเหลือคนทั่วโลกที่กำลังทุกข์ทรมาน, เจ็บป่วย หรือต้องการความช่วยเหลือ” โอบามา กล่าว

    โอบามา ยังกล่าวยกย่องบทกวีและงานเขียนของ มายา แอลเจโล ว่าช่วยกระตุ้นจิตสำนึกของคนในชาติได้เป็นอย่างดี

    [​IMG]

    นางบาร์บารา บุช อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ

    [​IMG]




    โอบามา ก้มลงจุมพิตแก้มของ ดร.มายา แองเจโล นักเขียน, กวี, นักแสดง และนักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองชื่อดัง




    [​IMG]

    หม่าโหยวโหย่ว นักเชลโลชาวจีน
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โสมแดงฉลองวันเกิดผู้นำคิมยิ่งใหญ่ท่ามกลางภาวะขาดแคลน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 กุมภาพันธ์ 2554 11:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>การร่วมตัวของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ และกองทัพเกาหลีเหนือเนื่องในโอกาสวันเกิดของผู้นำคิมจองอิล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - สื่อทางการโสมแดงเผย เกาหลีเหนือฉลองวันเกิดให้กับผู้นำ คิม จองอิล ซึ่งมีอายุครบ 69 ปีในวันนี้ (16) อย่างรื่นเริงยิ่งใหญ่ ขณะที่กลุ่มผู้คัดค้านระบุว่าสิ่งของที่เคยแจกจ่ายให้กับประชาชนเนื่องในโอกาสวันเกิดของผู้นำนั้นถูกลดจำนวนลงด้วย

    "ทั่วทั้งประเทศอบอวลไปด้วยความภูมิใจ และความสนุกสนานอย่างยิ่งใหญ่" สำนักข่าวเคซีเอ็นเอรายงานในคืนวันอังคาร (15) ก่อนหน้าวันหยุดที่ถือได้ว่าสำคัญที่สุดของประเทศวันหนึ่ง

    ทางการได้จัดงานเลี้ยงฉลอง โดยมีทั้งการแสดงศิลปะ ภาพยนต์ ระบำใต้น้ำ และงานเทศกาลคิมจองกิลเลีย ตามเวทีต่างๆ ขณะที่ท้องถนนในเมืองประดับประดาด้วยโคมไฟ และข้อความอวยพร

    นอกจากนี้ ยังมีการส่งเครื่องบินไปมอบของขวัญ เช่น ลูกกวาด หมากฝรั่ง คุกกี้ แก่เด็กๆ บนเกาะ 8 แห่งในทะเลเหลือง ซึ่งปฏิบัติเป็นประจำทุกปีด้วย

    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>การแสดงระบำใต้น้ำด้วยความพร้อมเพรียง โดยแปรอักษรเป็นวันเกิดของผู้นำคิม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เดลิเอ็นเค กลับรายงานว่า การมอบอาหารเนื่องในโอกาสวันเกิดของผู้นำตามประเพณีนั้นไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ โดยที่ไม่มีแม้แต่จังหวัดเดียวที่ได้รับของแจกจ่ายเหล่านั้น

    หนังสือพิมพ์ดังกล่าวได้อ้างแหล่งข่าวในจังหวัดฮัมกยอง ทางตะวันออกเฉียงเหนือว่า ทางการมักจะส่งข้าว หรือข้าวโพดสำหรับ 5-10 วันไปให้แก่ชาวบ้านก่อนหน้าวันเกิดของผู้นำคิมเป็นเวลา 3 วัน

    ทว่า จนถึงเช้าวันอังคารแล้วก็ยังไม่มีอาหาร หรือข้าวของใดๆ ส่งไปถึง หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้รับของขวัญเช่นกัน ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวของเดลิเอ็นเค ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ดำเนินการโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเปียงยาง

    ทั้งนี้ ผู้นำคิมกำลังพยายามที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งกำลังย่ำแย่ และบรรเทาภาวะขาดแคลนอาหารของประชาชน ในขณะที่เขาเตรียมการส่งมอบอำนาจการปกครองประเทศให้แก่ลูกชายคนเล็ก คิม จอง อุน
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพผู้นำคิม กับลูกชายคนเล็ก คิมจองอุน ชื่นชมของขวัญวันเกิดจากจีน โดยเคซีเอ็นเอไม่ได้ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไร</TD></TR></TBODY></TABLE>
    Around the World - Manager Online -
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ส.ว.มะกันห่วงความปลอดภัย “ซูจี” หลังถูกรบ.ทหารขมขู่ “จบไม่สวย”
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 กุมภาพันธ์ 2554 10:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    มิตช์ แมคคอนเนล ส.ว.สหรัฐฯสังกัดพรรครีพับลิกัน

    เอเอฟพี - มิตช์ แมกคอนเนล สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯสังกัดพรรครีพับลิกัน ระบุวานนี้(15)ว่า ได้พูดคุยกับนางอองซาน ซูจี ทางโทรศัพท์ และรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเธออย่างยิ่ง

    “คำขู่จากรัฐบาลทหารพม่าในระยะนี้ ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของ ซูจี และสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(เอ็นแอลดี)”แมคคอนเนล ซึ่งกล่าวโจมตีผู้นำทหารพม่าอย่างเผ็ดร้อนมาโดยตลอด เผย

    “การข่มขู่เช่นนี้เป็นสิ่งที่เลวร้าย และสมควรถูกประณามจากนานาชาติที่สนับสนุนเสรีภาพและประชาธิปไตย ผมและเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาทุกท่านจะติดตามความเป็นไปของ ซูจี และสถานการณ์ในพม่าอย่างใกล้ชิด” แมคคอนเนล ระบุ

    สื่อรัฐบาลทหารพม่าออกคำเตือนไม่นานนี้ว่า อองซาน ซูจี และพรรคพวกจะ “พบจุดจบอันน่าเศร้า” หากยังสนับสนุนให้ชาติตะวันตกคว่ำบาตรพม่าต่อไป

    คำขู่ดังกล่าวถูกเผยแพร่หลังจากที่ ซูจี ออกมาระบุว่า มาตรการลงโทษของตะวันตกจะช่วยกดดันรัฐบาลทหารพม่า แต่ไม่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก

    นับเป็นครั้งแรกที่สื่อรัฐบาลทหารพม่าออกมาตอบโต้ ซูจี อย่างชัดแจ้ง ตั้งแต่เธอได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังถูกคุมขังในบ้านพักนานถึง 7 ปี โดย ซูจี ได้รับอิสรภาพหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในพม่าสิ้นสุดลงเพียงไม่กี่วัน

    พรรคเอ็นแอลดี ได้แถลงตอบโต้คำขู่อย่างระมัดระวัง โดยระบุว่า ยังไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเป็นทางการใดๆจากรัฐบาลทหารพม่า ต่อกรณีคำแถลงของพรรคเรื่องการคว่ำบาตร

    อย่างไรก็ตาม แมคคอนเนล กล่าวว่า ซูจี “ยังมีขวัญกำลังใจที่ดี และยังเป็นวีรสตรีผู้กล้าของประชาชนชาวพม่า”

    สำนักงานของแมคคอนเนล ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่เขาได้สนทนากับ ซูจี โดยตรง และได้พูดคุยถึงนโนบายสหรัฐฯต่อพม่า, ทิศทางในอนาคตของพม่า อีกทั้งความปลอดภัยของ ซูจี เอง
    Around the World - Manager Online -
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “จ้อน” ควง “สามสี” บุกพนมเปญพบ “ฮุนเซน” บีโอไอเลื่อนโรดโชว์ไม่มีกำหนด
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 กุมภาพันธ์ 2554 08:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    “อลงกรณ์” ควงแขน “ไตรรงค์” นำคณะนักธุรกิจฝ่าดงกระสุนบุกพนมเปญ 17 ก.พ.นี้ อ้อนขอพบ “ฮุนเซน” หวังเจรจาแก้ไขอุปสรรคการค้าชายแดน เพิ่มมูลค่าการค้าของ 2 ประเทศ ยันเดินหน้าจัดงานแสดงสินค้าฯ เพราะเอกชนยืนยันเข้าร่วมเกินครึ่งจาก 328 ราย หลังบิ๊กเขมรรับปากความปลอดภัย “บีโอไอ” ผวาเสียงปืน เลื่อนแผนนำนักลงทุนโรดโชว์ไม่มีกำหนด

    นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการค้าไทย-กัมพูชา โดยระบุว่าแม้สถานการณ์ในขณะนี้ไทยและกัมพูชาจะมีปัญหาการปะทะกันตามแนวชายแดน แต่ไม่น่าจะมีปัญหาต่อการค้าระหว่างกัน ดังนั้น ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 (พรุ่งนี้) ตนและนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะนักธุรกิจจะเดินทางเข้าพบสมเด็จอัครเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อประชุมความร่วมมือเศรษฐิกจการค้าการลงทุนระหว่างไทย-กัมพูชา (Cambodia-Thai Business Summit) ครั้งที่ 1

    “การเกิดเหตุการณ์ปะทะกันครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายมีแนวคิดตรงกันในเรื่องปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองของทั้ง 2 ประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็จะต้องแก้ไขร่วมกันต่อไป ในส่วนของการค้าก็จะต้องเดินหน้าทำการค้าขาย”

    โดยการประชุมครั้งนี้ ไทย-กัมพูชาได้จัดประชุมสภาธุรกิจทั้ง 2 ประเทศ ฝ่ายละ 50 คน การประชุมในกรอบรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะมีการหารือถึงการแก้ปัญหาอุปสรรคการค้าชายแดน และความร่วมมือในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 รวมถึงจะเจรจายกระดับจุดผ่อนปรนตามแนวชายแดนใน 2-3 จังหวัด เพื่อให้มีช่องทางตามด่านการค้าชายแดนเพิ่มขึ้น

    ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์วางเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าของทั้ง 2 ประเทศให้ขยายตัวมากขึ้น จากปีที่ผ่านมา โดยต้องการให้เพิ่มขึ้น 40% หรือคิดเป็นมูลค่า 81,000 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการค้าชายแดนขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% หรือเท่ากับ 55,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะมีปัญหาปะทะกันตามแนวชายแดน แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศ ในทางกลับกันการค้ายังขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย

    “เราคงไม่วิตกกังวลเกี่ยวกับการปะทะกันขณะนี้ ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ ได้มีการหารือว่าจะเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์และทำการค้ากับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และแม้จะเกิดปัญหาการเมืองที่ไม่เข้าใจระหว่างกัน แต่ขณะนี้แต่ละฝ่ายพยายามหาหนทางเดินหน้าการเจรจาระหว่างกัน โดยในส่วนของผมที่ดูแลด้านการค้าจะพยายามสร้างมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่ากัมพูชายังต้องการสินค้าไทยมาก และสินค้าไทยก็เป็นที่นิยมของกัมพูชา แม้จะมีสินค้าจากประเทศเวียดนามเข้ามาตีตลาดกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังมั่นใจการค้าชายแดนจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

    สำหรับงานแสดงสินค้าไทย-กัมพูชาที่กรุงพนมเปญ ระหว่างวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ ยังคงยืนยันจะมีการจัดงานตามปกติ เพราะรัฐบาลกัมพูชาได้ให้การรับรองถึงความปลอดภัย โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการยืนยันเข้าร่วมงานแล้ว 175 ราย จากที่เชิญไปทั้งหมด 328 ราย

    ด้าน นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้เกิดเหตุปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้บีโอไอต้องเลื่อนการพาคณะนักลงทุนไปศึกษาลู่ทางการลงทุน หรือโรดโชว์ ในกัมพูชาออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย จากเดิมที่มีกำหนดจะเดินทางไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นี้ เพราะนักธุรกิจมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย
    Business - Manager Online -
     

แชร์หน้านี้

Loading...