เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=m5KNSs6EUMU&feature=channel_video_title"]'West doesn't know enough to bomb Libya'[/ame]
    จาก: RussiaToday | 18 พ.ค. 2011 | 3,094 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    RT talks about Libya to politics lecturer Dr. Adrian Pabst from Britain's Kent University.
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Mat4dWpszoQ&feature=channel_video_title"]Stunning video: NASA captures giant comet hitting sun[/ame]
    จาก: RussiaToday | 18 พ.ค. 2011 | 26,453 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    SOHO (NASA-ESA Solar & Heliospheric Observatory) watched as a fairly bright comet dove towards the Sun in a white streak and was not seen again after its close encounter (May 10-11, 2011). The comet, probably part of the Kreutz family of comets, was discovered by amateur astronomer Sergey Shurpakov. In this coronagraph the Sun (represented by a white circle) is blocked by the red occulting disk so that the faint structures in the Sun's corona can be discerned. Interestingly, a coronal mass ejection blasted out to the right just as the comet is approaching the Sun. Scientists, however, have yet to find a convincing physical connection between sun-grazing comets and coronal mass ejections. In fact, analysis of this CME using images from the Solar Dynamics Observatory shows that the CME erupted before the comet came close enough to the solar surface to interact with strong magnetic fields
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=oq6kwX0jkMo&feature=channel_video_title"]China Joins Space Race at Light Speed[/ame]
    จาก: RussiaToday | 17 พ.ค. 2011 | 6,916 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    China has unveiled plans to build its own space station by the end of the decade, and to team up with Russia to land a man on Mars by 2040. RT's Henry Morton reports on the blue-sky thinking which looks set to leave China's rivals in the space race far behind.
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=jULseFawf_Q&feature=channel_video_title"]Peacekeeping Bombs & US Stooges in Libya[/ame]
    จาก: RussiaToday | 17 พ.ค. 2011 | 13,014 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    Moscow has called on the regime of Colonel Gaddafi's to stop killing civillians and observe the UN mandate in Libya. But envoys sent by Gaddafi to Moscow say they will meet thsse terms when NATO stops its bombing campaign. Russia's Foreign Minister Sergey Lavrov has been meeting the Libyan leader's representatives in Moscow. RT's Natalia Novikova has more.
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ครบรอบ วันแห่งหายนะ 63 ปี รัฐอิสราเอลบนแผ่นดินปาเลสไตน์
    มุสลิมไทยดอทคอม : 16 พค. 54 10:18:11

    มุสลิมไทยดอทคอม: ปาเลสไตน์นัดรณรงค์รำลึก “วันแห่งหายนะ”
    สำนักข่าวอัล-อาราบิญา, เอเจนซี่ - รายงานจากหน่วยแพทย์ และผู้สื่อข่าวเอเอฟพีระบุว่า มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 52 คน จากเหตุการณ์ทหารอิสราเอล เปิดฉากยิงใส่ชาวปาเลสนไตน์กว่า 1,000 คน ที่เดินประท้วงในแถบอีเรซ ทางตอนเหนือใกล้ด่านทางออกไปอิสราเอล เมื่อวันอาทิตย์ (15/05)

    ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนอ้อมด่านตรวจของทางการฮามาส และเหลืออีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงแนวกำแพงคอนกรีตที่กั้นอยู่ การประท้วงครั้งนี้เพื่อกำหนดวันครบรอบปีที่ 63 ของการก่อตั้งรัฐอิสราเอลบนแผ่นดินปาเลสไตน์ ซึ่งเรียกกันในภาษาอาหรับว่า “nakba” หรือวันแห่งหายนะ
    [​IMG]
    ในขณะเดียวกันมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นบนที่ราบสูงโกลันด้วย โดยชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ในฝั่งเขตปกครองของซีเรียบุกข้ามเขตเข้ามา และอย่างน้อย 10 คนบาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยกระสุนแก๊สของทหารอิสราเอล

    โฆษกทหารอิสราเอลกล่าวกับสื่อว่า การที่ชาวปาเลสไตน์ซึ่งอยู่บนที่ราบสูงโกลันฝั่งซีเรียจำนวนหลายพันคนบุกรุกเข้ามาเมื่อวันอาทิตย์ เป็นการละเมิดอย่างแท้จริง

    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างการกล่าวของหน่วยรักษาความปลอดภัยว่า ชาวปาเลสไตน์ 4 คนเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บ 11 ราย ในเหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเลบานอน-อิสราเอล

    เช่นกันมีการประท้วงโดยชาวปาเลสไตน์กว่า 5,000 คน ทางตอนใต้ของเมืองราฟาฮฺ ในกาซ่า ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนอียิปต์ โดยผู้ประท้วงโบกธงปาเลสไตน์ และแสดงสัญลักษณ์ถึงความต้องการกลับสู่แผ่นดินเกิดที่จำต้องหนีออกมา ในช่วงระหว่างสงครามอาหรับ-อิสราเอล ในปี พ.ศ. 2491 หลังการตั้งรัฐยิว

    อิสมาอีล ฮานิยา ผู้นำปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า ได้กล่าวปลุกระดมแก่ประชาชนกว่า 10,000 คน ก่อนหน้านี้ว่า จะต้องตั้งความหวังในการยุติการยึดครองของไซออนิสต์ในปาเลสไตน์ให้ได้ในโอกาส nakba ปีนี้ โดยการรวมชาวปาเลสไตน์ภายใต้ผู้นำหนึ่งเดียว

    ชาวปาเลสไตน์กว่า 760,000 คน (ปัจจุบันคาดว่าแตกลูกหลานออกมาอีกเป็น 4.7 ล้านคน) ถูกผลักดัน หรือเนรเทศออกจากแผ่นดินเกิดเมื่อ 63 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้ยิวเข้ามาตั้งรัฐอิสราเอล

    ชาวปาเลสไตน์อีกประมาณ 160,000 คนที่ยังคงยึดโยงอยู่ในถิ่นกำเนิดต้องกลายเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกเรียกว่า “ชาวอาหรับอิสราเอล” ซึ่งปัจจุบันขยายลูก-หลานออกเป็นประมาณ 1.3 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรอิสราเอล

    ชาวปาเลสไตน์ที่ต้องระเห็จออกมาอยู่ตามค่ายอพยพในประเทศต่างๆ เร่งเร้าขอสิทธิ์ในการกลับสู่บ้านเกิดจากสหประชาชาติ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่อิสราเอลไม่อาจยอมรับได้

    ความขัดแย้งนี้เป็นแก่นของปัญหาในตะวันออกกลางระหว่างอาหรับ-อิสราเอลมาช้านาน รวมทั้งประเด็นอื่นๆ อาทิ การเรียกคืนดินแดนอาหรับที่อิสราเอลยึดครองไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 โดยผิดกฎหมายสากล สถานะภาพของเมืองเยรูซาเล็ม ที่อิสราเอลไม่ต้องการแบ่งครึ่งให้ปาเลสไตน์

    การรณรงค์ประท้วงเพื่อรำลึกถึงวัน nakba มีขึ้นในเขตเวสต์แบ๊งค์ และเมืองที่เป็นที่ชุมนุมของชาวอาหรับในประเทศอิสราเอลเช่นกัน และทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยอิสราเอล ต้องประกาศปิดการเข้า-ออกเวสต์แบ๊งค์เมื่อวันอาทิตย์ - www.muslimthai.com
    http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?page=sub&category=109&id=18129
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บารัค โอบามา แถลง “นโยบายอุ้มตะวันออกกลาง: ทุ่มเงินนับพันล้านเหรียญฯ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง”
    กว่า 2 สัปดาห์หลังกำจัด บิน ลาเดน และคืนความยุติธรรมแก่ชาวสหรัฐฯ ได้แล้ว โอบามาแถลงพร้อมเดินหน้าสนับสนุนนโยบายที่มีต่อตะวันออกกลางใหม่

    โอบามาแถลงนโยบายต่อตะวันออกกลางภายหลังวิสามัญ บิน ลาเดน สำเร็จ ด้วยการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ประชาธิปไตย และความมั่นคง

    โอบามา เริ่มต้นด้วยคำกล่าวที่ว่า ตั้งแต่ โอซามา บิน ลาเดน เสียชีวิต ทำเนียบขาวได้พยายามประเมินว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ในภูมิภาค หรือที่เรียกว่า “Arab Spring” หรือ “กระแสการเปลี่ยนแปลงในอาหรับ”

    โอบามาเตรียมแผนที่จะสร้างโอกาสเพื่อเพิ่มความมั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนและเพื่อสหรัฐอเมริกาเอง

    นโยบายอุ้มตะวันออกกลางหรือการเสนอตัวอุปถัมภ์ของสหรัฐฯ นี้ ประธานาธิบดีโอบามาเตรียมที่จะให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจด้วยงบประมาณนับพันล้านแก่อียิปต์ และตูนิเซีย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลและปลดผู้นำเผด็จการเดิมออกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา



    เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระดับสูง 3 ราย ผู้ไม่ประสงค์ออกนามได้ให้การสนับสนุนการประกาศนโยบายของโอบามาโดยกล่าวว่า แผนการดังกล่าวรวมถึงการช่วยปลดหนี้ให้แก่อียิปต์ที่มีมูลค่าราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และอีก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อการค้ำประกันเงินกู้ (Loan guarantees: การที่รัฐยอมรับข้อผูกพันในการรับประกันการชำระหนี้ให้แก่หน่วยราชการต่างๆ และรัฐวิสาหกิจ) ของทั้งสองประเทศ

    เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ทำเนียบขาวหวังว่าประเทศเหล่านี้ (ตูนิเซีย, อียิปต์) จะสามารถเป็นตัวแบบ (model) ให้แก่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้ และเชื่อว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวมากขึ้นจะช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยได้


    “ในทศวรรษที่ผ่านมา เรามุ่งเป้ามาที่ภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอิรัก ด้วยการพยายามด้านการทหาร และตามล่าโอซามา บิน ลาเดน และต่อสู้เพื่อต่อต้านอัลกออิดะห์” โฆษกทำเนียบขาว เจย์ คาร์นีย์ กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “การต่อสู้เพื่อต่อต้านอัลกออิดะห์ยังคงดำเนินต่อไป แต่ภูมิภาคนี้จะมีโอกาสในการขยายความมั่นคงให้เพิ่มมากขึ้น”

    [​IMG]

    ณ กรุงไคโร โอบามา ได้พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับโลกอาหรับที่มีประชากรราว 1.5 พันล้านคน โดยเน้นว่าหลังจากสหรัฐฯ ถูกโจมตีจากเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 ในวันนี้ (19 พฤษภาคม 2011) ประธานาธิบดีจะขอให้ประชาชนในภูมิภาคนี้ได้ทบทวนถึงความรุนแรงที่ร้ายแรงมากผ่านตัวแทนแห่งความรุนแรงดังกล่าวอย่าง บิน ลาเดน ที่เป็นเสมือนบ่อนทำลายที่กัดกร่อนสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ

    “การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีลักษณะผันแปร ไม่มั่นคง” นั่นหมายถึง “บางสิ่งบางอย่างในกรณีนี้ควรมีการสนับสนุน เพราะเป็นโอกาสที่จะช่วยให้อนาคตของภูมิภาคและโลกนี้ดีขึ้น”

    ขณะเดียวกัน โอบามาได้กล่าวถ้อยแถลงเพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้นว่า การบริหารของเขามีการตอบสนองที่แตกต่าง สำหรับรัฐบาลที่ปราบปรามประชาชนที่ประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยในภูมิภาคนั้น เขาจะสานต่อการเจรจาเพื่อให้เกิดสันติภาพในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์

    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์นโยบาย และอดีตผู้เจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง นายอารอน เดวิด มิลเลอร์ ได้ตั้งคำถามสำหรับประธานาธิบดีว่า เขา (โอบามา) สามารถที่จะอัดฉีดมาตรการที่แน่ใจว่าสอดคล้องกับกับนโยบายที่สำคัญ ที่ดูแล้วราวกับว่า นี่คือเกมตีตัวตุ่นขนาดใหญ่

    [​IMG]

    (a big game of Whack-A-Mole: เกมที่มีผู้ถือค้อน/อาวุธขนาดใหญ่ และคอยจับจ้อง เฝ้าดู ตัวตุ่นที่จะคอยสลับผลุบโผล่ไม่ซ้ำกัน และเมื่อตัวตุ่นโผล่มาจากหลุมเมื่อไหร่ ผู้ที่คอยเฝ้าดูพร้อมอาวุธ ก็จะใช้ค้อน/อาวุธในมือตีตัวตุ่นอย่างแรงและค่อยๆ สุ่มตีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชนะ)

    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ได้ปราบปรามประชาชนที่ประท้วงเรียกร้องต่อต้านรัฐบาลอย่างโหดร้าย ประชาชนในซีเรียเสียชีวิตแล้ว 850 ราย นับตั้งแต่การประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา

    จนในที่สุด สหรัฐฯ ก็ได้ตัดสินใจประกาศใช้มาตรการลงโทษผู้นำซีเรีย (ถือว่าเป็นการตอบสนองที่ช้ามากหากเทียบกับผู้นำในลิเบียที่สหรัฐฯ ตัดสินใจใช้กำลังทางทหารตอบโต้โดยทันที ขณะที่อียิปต์ซึ่งเป็นพันธมิตรยาวนานของสหรัฐฯ ทำเนียบขาวก็ปล่อยให้สถานการณ์ผ่านไปเพียงสัปดาห์และขอให้ประธานาธิบดีฮอสนิ มูบารัค ลงจากตำแหน่ง)

    สถานการณ์ไม่สงบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในซีเรีย บาห์เรน และเยเมน โอบามา จะวางยุทธศาสตร์อย่างไรสำหรับผู้ที่เขาเห็นว่าฝ่ายหนึ่งคือศัตรู ฝ่ายหนึ่งคือมิตร

    บารัค โอบามา แถลง “นโยบายอุ้มตะวันออกกลาง: ทุ่มเงินนับพันล้านเหรียญฯ เพื่อรองรับการเปล
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผลสำรวจ ภาพพจน์สหรัฐและโอบาม่าตกต่ำในประเทศมุสลิม

    มุสลิมไทยดอทคอม : 19 พค. 54 12:46:59
    สำนักข่าวมุสลิมไทย ผลสำรวจภาพพจน์สหรัฐ และโอบาม่าตกต่ำในประเทศมุสลิม

    สำนักข่าวตะวันออกกลาง – ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยสำนัก Pew Research Center เปิดเผยว่า ภาพพจน์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในสายตาของโลกอาหรับตกต่ำลง

    [​IMG]

    และถึงแม้ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากในประเทศอินโดนีเซีย จะยังคงมีความนิยมชมชอบประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ แต่ตัวเลขก็ลดลงจากเดิมร้อยละ 5 โดยในปี พ.ศ. 2553 อยู่ที่ 59 %

    ประธานาธิบดีโอบาม่ายังคงไม่ได้รับความนิยมในประเทศมุสลิมส่วนมาก และโดยเฉพาะมีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก กับการที่เขาแสดงความเห็น และจัดการกับปัญหาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในโลกอาหรับ

    แม้ในประเทศจอร์แดน และตุรกีซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ ผู้คนก็แสดงทัศนะที่ต่อต้านมากกว่าเดิมในปีที่ผ่านมา โดยผู้ตอบแบบสอบถามในจอร์แดนที่แสดงความนิยมชมชอบสหรัฐมีเพียงร้อยละ 13 ในปีนี้ โดยตัวเลขลดลงจากปีที่ผ่านมา 8 %

    ส่วนในตุรกี ผู้ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 10 ที่มีความเห็นในเชิงบวกกับสหรัฐ โดยตัวเลขลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ ร้อยละ 17

    มีชาวตุรกีเพียงร้อยละ 12 ที่แสดงความมั่นใจในตัวประธานาธิบดีโอบาม่า ซึ่งก็ลดลงจากเมื่อปีที่ผ่านมาถึง 11%

    ส่วนในจอร์แดน ความเชื่อมั่นในโอบาม่ากลับเพิ่มขึ้น แต่ก็เพียงร้อยละ 2 โดยมีผู้เชื่อมั่นในตัวเขาร้อยละ 28

    สำหรับปากีสถาน ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นในเชิงบวกต่อสหรัฐลดลงอีก เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 11 จากเดิมซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 17

    แต่ตรงกันข้าม ความเชื่อมั่นในตัวประธานาธิบดีโอบาม่าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8 ในปี พ.ศ. 2553 มาอยู่ที่ร้อยละ 10 แต่หากมีการสำรวจในวันนี้ ผลต้องแตกต่างเป็นตรงข้ามอย่างแน่นอน

    การสำรวจครั้งนี้ทำขึ้นก่อนหน้าปฏิบัติการปลิดชีพบินลาดินของสหรัฐ โดยสอบถามประชาชนในประเทศอียิปต์ อินโดนีเซีย อิสราเอล จอร์แดน เลบานอน ปาเลสไตน์ และตุรกี ประเทศละ 1,000 คน และในประเทศปากีสถาน 2,000 คน ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน - www.muslimthai.com

     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ความลับแตก! เผยตำรวจโตเกียวสะกดรอยมุสลิม

    มุสลิมไทยดอทคอม : 18 พค. 54 11:56:41

    สำนักข่าวมุสลิมไทย ความลับแตก! เผยตำรวจโตเกียวสะกดรอยมุสลิม

    ข่าวเว็ปไซต์ Khaleejtimes.com, AFP – มุสลิม 14 คน ในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น และอีกส่วนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายปกครองกรุงโตเกียว และรัฐบาลกลาง กรณีถูกละเมิดเสรีภาพในการนับถือศาสนา

    โจทย์ทั้ง 14 เรียกเงินชดเชยความเสียหาย รวม 154 ล้านเยน หรือ 1.9 ล้านดอลล่าร์ หลังจากเอกสารตั้งแต่ปี 2547 – 2553 กว่า 100 ชิ้น และข้อมูลจาก FBI รั่วไหลออกมาทางอินเตอร์เน็ตเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา โดยเอกสารเหล่านั้นบ่งชี้ถึงรายละเอียด เกี่ยวกับคนทั้ง 14 ที่ต้องสงสัยให้ความร่วมมือกับกระบวนการก่อการร้าย รวมทั้งเปิดเผยชื่อชาวต่างชาติบางคนที่ถูกสอบสวนในญี่ปุ่น

    เอกสารเหล่านั้นเป็นของสำนักงานรักษาความมั่นคงสาธารณะ สังกัดแผนกเจ้าหน้าที่ตำรวจเทศบาลกรุงโตเกียว

    คาซูยูกิ อะซูซาว่า ทนายความของกลุ่มกล่าวว่า ร้อยละ 98 ของมุสลิมจำนวน 72,000 คนในญี่ปุ่นถูกจับตามองเป็นพิเศษ ข้อมูลที่เปิดเผยไม่ได้มีเฉพาะชื่อ รูปถ่าย สมาชิกในครอบครัว และที่อยู่เท่านั้น แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ทำ อาทิ การไปมัสยิด การใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งหมายความว่า คนที่เป็นมุสลิม หรือคนที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับมุสลิม จะอยู่ภายใต้การจับตาของตำรวจ โดยเฉพาะมีการจัดสายลับติดตามมุสลิมที่ออกจากมัสยิดด้วย

    พ่อค้าชาวต่างชาติมุสลิมคนหนึ่งกล่าวว่า หลังจากมีข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวเขารั่วไหลออกมา กิจการร้านค้าของเขามียอดขายลดต่ำลงกว่าครึ่ง รวมทั้งข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้เขาถูกจับกุมหากกลับไปยังประเทศบ้านเกิด

    มุสลิมในญี่ปุ่นส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ หลายคนแต่งงานกับชาวญี่ปุ่นและตั้งรกรากอยู่ที่นี่เลย อีกส่วนหนึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นที่เข้ารับอิสลามใหม่ - www.muslimthai.com

     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปาเลสไตน์-เลบานอนไว้อาลัย 44 ปีแห่งความพ่ายแพ้ “สงคราม” 6 วัน

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2554 19:23 น.

    [​IMG]

    วันนี้ (5) กองกำลังชั่วคราวสหประชาชาติในเลบานอน (UNIFIL) (ขวา) เคลื่อนผ่านทหารอิสราเอล (ซ้าย) ระหว่างออกลาดตระเวนตามแนวชายแดน เตรียมรับมือกับการประท้วงไว้อาลัยให้กับการเสียดินแดนในสงคราม 6 วันเมื่อปี 1967 ของชาวอาหรับ


    เอเอฟพี - ชาวปาเลสไตน์อพยพในเลบานอนชุมนุมไว้อาลัยให้กับการครบรอบ 44 ปีแห่ง “วันนักซา” (Naksa) หรือวันที่กองทัพอาหรับพ่ายแพ้ต่อทัพอิสราเอลในสงคราม 6 วัน ปี 1967 ซึ่งส่งผลให้ชาติยิวสามารถยึดดินแดนหลายๆ ส่วนของชาติอาหรับ ในวันนี้ (5)

    นักเคลื่อนไหวชาวเลบานอนและปาเลสไตน์ได้วางแผนการประท้วงบริเวณชายแดนด้านเลบานอน-อิสราเอล แต่ทางกองทัพออกประกาศห้ามการชุมนุมใดๆ บริเวณเขตชายแดน เนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยความรุนแรงเมื่อเดือนที่แล้วใน “วันนักบา” Nakba หรือวันครบรอบการก่อตั้งประเทศอิสราเอล ปี 1948

    เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดการปะทะหว่างกลุ่มผู้ประท้วงในเลบานอนกับกำลังทหารอิสราเอลบริเวณชายแดนเลบานอน-อิสราเอล ส่งผลให้ประชาชนฝั่งเลบานอนเสียชีวิต 6 ราย วันเดียวกันนั้นเอง มีผู้เสียชีวิตอีก 4 รายในที่ราบสูงโกลาน บริเวณเขตหยุดยิงระหว่างซีเรียกับรัฐยิว

    ส่วนในวันนี้ ผู้ประท้วงสวมผ้าโพกศีรษะของชาวอาหรับจำนวน 22 คนพยายามรวมตัวชุมนุมในหมู่บ้านอะดาอิสเซห์ (Adaisseh) ซึ่งตั้งอยู่ติดกับชายแดนอิสราเอล แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเลบานอนสลายการชุมนุมอย่างรวดเร็ว ช่างภาพเอเอฟพีรายงาน

    นอกจากนี้ กำลังทหารของทั้งเลบานอนและอิสราเอลต่างเตรียมกำลังรับมือสถานการณ์ความวุ่นวาย พร้อมทั้งกองกำลังชั่วคราวสหประชาชาติในเลบานอน (United Nations Interim Force in Lebanon - UNIFIL)

    ร้านค้าต่างๆ ในค่ายผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ 12 แห่งในเลบานอนปิดทำการ มีการเชิญธงสีดำขึ้นสู่ยอดเสาเป็นการไว้อาลัย ขณะที่มีทหารเสริมกำลังเข้ารักษาการณ์ โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนใต้ ซึ่งติดกับอิสราเอล

    ทั้งนี้ สถานการณ์ฝั่งชายแดนอิสราเอล-ซีเรียมีความพยายามชุมนุมเช่นกัน โดยผู้ประท้วงจากซีเรียลอบเข้าไปยังที่ราบสูงโกลานที่อิสราเอลยึดครอง สถานีโทรทัศน์แห่งชาติซีเรียรายงานล่าสุดว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย

    ในช่วงสงคราม 6 วัน ปี 1967 อิสราเอลได้ยึดครองดินแดนในคาบสมุทรไซนาย ซึ่งคืนให้กับอียิปต์แล้วเมื่อปี 1982, ที่ราบสูงโกลานของซีเรีย, เขตเวสต์แบงก์ถึงฝั่งตะวันออกของกรุงเยรูซาเลม และฉนวนกาซา ซึ่งกำลังทหารและชุมชนชาวยิวถอนตัวออกไปเมื่อปี 2005

    [​IMG]

    ทหารอิสราเอลลาดตระเวนตลอดแนวรั้วลวดหนามที่กั้นพรมแดนระหว่างอิสราเอล-เลบานอน

    [​IMG]

    ผู้ประท้วงจากซีเรียแบกร่างของผู้บาดเจ็บที่ถูกทหารอิสราเอลยิง ระหว่างพยายามลอบเข้าไปยังที่ราบสูงโกลานที่ถูกอิสราเอลยึดครองเมื่อ 44 ปีที่แล้ว
    [​IMG]

    ผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ปะทะกับทหารอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์




    [​IMG]

    กองกำลังความมั่นคงของฮามาสในฉนวนกาซาพยายมกันคนไม่ให้เข้าไปประท้วงยังชายแดนอิสราเอล หวั่นถูกทหารยิวยิงเสียชีวิต

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "คลื่นมนุษย์ 800 ล้านคน"จากประเทศจีน กำลังอดอยากขาดแคลนอาหาร!!!
    จีนก้าวกระโดด By โดย บิล แม็กคิบเบน

    [​IMG]

    ผมอยากไปดูด้วยตัวเองว่า การขยายตัวอย่างไร้ทิศทางจะส่งผลอย่างไร และทุกสิ่งก็เกินความคาดหมาย

    ระหว่างนั่งเครื่องบินจากนิวเจอร์ซีย์ไปกรุงปักกิ่ง ผมบังเอิญอ่านพบบทความนี้ในหนังสือพิมพ์ไชนาเดลีย์ "รายงานข่าวแจ้งว่า ที่กรุงปักกิ่ง ช่างติดตั้งเครื่องปรับอากาศหลายคนเสียชีวิตเพราะตกจากที่สูง เนื่องจากขณะนี้ คลื่นความร้อนแผ่เข้าปกคลุมทั่วประเทศ เครื่องปรับอากาศจึงขายดี ส่งผลให้หลายบริษัทขาดแคลนช่างผู้ชำนาญในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ผู้ประกอบการบางรายแก้ปัญหาด้วยการรับคนงานที่ไม่ผ่านการฝึกมาทำงานชั่วคราวเพราะถือคติน้ำขึ้นต้องรีบตัก...(บางราย)ถึงกับไม่จัดหาเข็มขัดนิรภัยให้คนงานเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย"

    บทความนี้นอกจากจะน่ากลัว เนื้อหายังสะท้อนภาพเมืองจีนในใจผมได้อย่างชัดเจน ผมจึงฉีกบทความนี้จากหนังสือพิมพ์แล้วเก็บเข้าแฟ้ม ผมมีแฟ้มส่วนตัวที่อัดแน่นด้วยเรื่องราวของเมืองต่างๆในจีนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมอกสีดำขมุกขมัว หรือโรงงานที่จ่ายค่าแรงถูกเยี่ยงทาส กลุ่มคนบริโภคนิยมที่หมกมุ่นกับการซื้อรถโดยไม่คำนึงถึงผลเสียด้านสิ่งแวดล้อม ผมอยากไปเห็นด้วยตัวเองว่าสภาพการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร จะได้กลับมาเล่าต่อได้ถูกต้องถึงผลของการพัฒนาที่ไร้ทิศทาง

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่แท้จริงในการเขียนรายงานเกี่ยวกับสถานที่ใดสถานที่หนึ่งคือไม่มีเรื่องไหนถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด ไม่ใช่เพราะมุมมองในเรื่องนั้นผิด จริงอยู่ว่าในเมืองจีนมีเรื่องเล่านับไม่ถ้วนเกี่ยวกับสภาพโรงงานที่เลวร้าย การละเมิดสิทธิมนุษยชน การทุจริตในระดับต่างๆ และการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ความจริงไม่ได้จบลงแค่นั้น

    วันที่สามในจีน ผมปีนขึ้นไปนั่งในรถโฟล์กสวาเกนรุ่นเจตตาซึ่งขับโดยนักออกแบบซอฟต์แวร์ชื่อเหวิน เจียะ ผมรู้จักเขาผ่านเพื่อนอีกที เราสองคนมุ่งหน้าไปเขตอุตสาหกรรมหรงเฉิงทางตะวันตกเฉียงใต้ของปักกิ่ง ที่นี่เป็นเขตชนบทที่มีโรงงานหนาแน่นมากและมีทางหลวงแผ่นดินเชื่อมกับเมืองเทียนสินได้ด้วย เทียนสินเป็นที่ตั้งของท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในจีน เหวิน เจียะพาผมไปที่โรงงานผ้าม่านห้องน้ำชื่อเฮอเป่ย หรงเฉิง เล่อ เจีย ผมพบกับเป่า จีจวิน เจ้าของโรงงานวัย 40 เศษ รูปร่างสูงเพรียวและท่าทางเอาการเอางาน เขาเริ่มทำธุรกิจเล็กๆในอพาร์ตเมนต์ที่ปักกิ่งเมื่อสามปีที่แล้ว ภายในหนึ่งปี เขาก็มาเช่าโรงงานแห่งนี้ ตอนนี้มีคนงานประมาณ 100 คน เป่าพาผมเดินดูห้องทำงาน คนงานส่วนใหญ่อายุระหว่าง 18 ถึง 22 ปี ขะมักเขม้นกับการยกม้วนผ้าโพลีเอสเตอร์ยาวๆลื่นๆมาวางบนโต๊ะขนาดใหญ่มาก จากนั้นก็เย็บริมและเจาะรูตาไก่ ผ้าม่านที่ทำเสร็จแล้วจะบรรจุใส่ถุงพลาสติกและเรียงใส่กล่อง

    เนื่องจากอากาศช่วงนี้ร้อนมาก คนงานจะทำงานตั้งแต่ 7.30 น. ถึง 11.30 น. พักกลางวันแล้วกลับมาทำงานอีกครั้งตอน 15.00 น. ถึง 19.00 น. เราเยี่ยมชมการทำงานได้ไม่กี่นาทีก็ถึงเวลาพักกลางวัน ทุกคนกรูกันไปที่โรงอาหาร วันนั้นมีข้าวกับถั่วลันเตา ต้มมะเขือ เกี๊ยว และน้ำซุปชามใหญ่ ทั้งหมดนี้ราคา 1.7 หยวนหรือประมาณแปดบาท

    ขณะทุกคนกินอาหารกลางวัน เราก็เดินต่อไปที่ห้องนอนในหอพักสำหรับคนงานหญิง แต่ละห้องมีเตียงสองชั้นสี่หลัง เตียงหนึ่งเอาไว้เก็บกระเป๋าและเสื้อผ้า ที่เหลือสำหรับนอน แต่ละห้องมีเด็กสาวอยู่รวมกันประมาณสี่ถึงห้าคน ในห้องมีโต๊ะสำหรับใช้ร่วมกันหนึ่งตัว พัดลมเพดานหนึ่งตัว ถัดจากห้องนอนก็เป็นห้องพักผ่อนซึ่งมีโทรทัศน์จอยักษ์หนึ่งเครื่อง และห้องถัดไปมีโต๊ะปิงปองหนึ่งตัว "คนงานคนไหนสามารถเอาชนะผมได้ จะได้เบียร์หนึ่งขวดเป็นรางวัล" เป่าเล่า

    คนงานกว่าครึ่งมาจากมณฑลเดียวกับเป่า เถ้าแก่หนุ่มอนุญาตให้ผมสัมภาษณ์คนงานได้ตามสบาย ตู้เผ้ยถังเป็นเด็กหนุ่มขี้อายวัย 20 ยิ้มของเขาดูซื่อ ดวงตาแจ่มใส เขาได้เงินเดือนประมาณ 1,000 หยวน ทำงานได้ไม่ถึงสองปี เขาก็เก็บเงินได้ 12,000 หยวน ตู้เล่าว่าอีกปีหรือสองปีก็คงเก็บเงินได้มากพอจะสร้างบ้านหลังเล็กๆที่บ้านเกิดและแต่งงาน ส่วนหลิว เซี่ย เด็กสาววัย 18 เล่าว่าอยากช่วยให้พี่ชายเรียนจบมหาวิทยาลัย ที่จริง พี่ชายของหลิวเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซานตงเมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้โดยอาศัยเงินรายได้ของเธอจากโรงงานแห่งนี้นั่นเอง

    นี่ผมพลัดหลงเข้าไปในโรงงานดีเยี่ยมที่สุดในจีนหรือไม่ สถิติบอกไม่ใช่หรือว่าคนงานจีนสูญเสียนิ้ว แขน หรือมือเพราะอุบัติเหตุในโรงงานปีหนึ่งหลายหมื่นคน ซึ่งในเรื่องนี้เป่ากล่าวว่า เขาคิดว่าโรงงานในเมืองจีนประมาณร้อยละ 70 ถึง 80 มีสภาพการทำงานคล้ายกับโรงงานของเขา เหตุผลหนึ่งที่โรงงานไม่เอาเปรียบลูกจ้างก็เพราะเถ้าแก่เป็นคนดี อีกเหตุผลคือผ้าม่านห้องน้ำที่เขาผลิตนั้นส่งไปขายในร้านไอเคีย บริษัทใหญ่แห่งนี้จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโดยไม่แจ้งล่วงหน้าปีละหลายหน สิ่งที่ไอเคีย ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือสภาพความเป็นอยู่ของคนงาน โดยใส่ใจกับรายละเอียดขนาดนับจำนวนห้องน้ำที่มีให้คนงาน เมื่อแนะนำให้แก้ไขสิ่งใด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเหล่านี้จะผลักดันให้มีการปรับปรุงไปเรื่อยๆ "ซึ่งทำให้ต้นทุนสูงขึ้นแต่ผมก็ยินดี เพราะถือว่าสิ่งที่เขากำหนดให้ปรับปรุงนั้นเป็นการช่วยยกระดับโรงงานให้ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับโรงงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว" เป่ากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

    ผมเริ่มมองเห็นภาพความเปลี่ยนแปลงในเมืองจีนรางๆเมื่อเห็นกิจการของโรงงานแห่งนี้กับอีกหลายแห่ง แต่พอไปเยือนเมืองอี้อูในช่วงท้ายๆของการเดินทาง ผมถึงเริ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าธุรกิจผลิตสินค้าของจีนมีพลังมากมายเพียงไร เมืองอี้อูเป็นที่ตั้งของนครการค้านานาชาติที่จะทำให้คุณตกตะลึงราวกับได้ไปเยือนกำแพงเมืองจีน แม้จะสร้างเสร็จเพียงร้อยละ 40 แต่ก็มีอาคารใหญ่สองหลังยืนตระหง่าน มีผลงานยืนยันว่าสินค้าทุกอย่างที่ผลิตในโลก คนจีนสามารถผลิตได้ถูกกว่า

    ตัวอย่างเช่น ในแผนก "กระเป๋าเดินทางและกระเป๋าถือ รวมทั้งกระเป๋านักเรียน" มีแผงกว้างสามเมตรยาวสี่เมตรประมาณ 800 แผง แต่ละแผงเป็นตัวแทนของแต่ละโรงงาน ผู้ประกอบการทุกโรงงานจัดร้านอย่างสวยงามเพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยความหวังว่าจะได้รับคำสั่งซื้อสักสิบ หรือ 20 หรือ 30,000 ใบ แผนกกระเป๋านี้กินพื้นที่แค่ครึ่งชั้น ส่วนพื้นที่ชั้นบนทั้งหมดเป็นสินค้า "เครื่องมือหนักและ อุปกรณ์ตกแต่ง" พูดง่ายๆคือมีตั้งแต่แม่แรงรถยนต์ไปถึงเครื่องขูดเนยแข็ง

    ที่อาคารหนึ่งมีร้าน "ของเล่นทั่วไป" หลายร้อยแผง เดินไป 20 นาทีก็หลุดเข้าไปในแผนก "ของเล่นไฟฟ้า" จากนั้นเป็นแผนก "ของเล่นแบบเป่าขยาย" สุดท้ายคือแผนกใหญ่ที่สุด "ของเล่นทำด้วยผ้า" ชั้นต่อมาแบ่งระหว่างดอกไม้ประดิษฐ์และเครื่องประดับผม ขึ้นไปอีกชั้นเป็นแผนก "ของที่ระลึก" มีสินค้ากิฟต์ช็อปทุกอย่างที่มีอยู่ในโลก

    เมื่อได้มาเยือนนั่นแหละ ผมถึงเข้าใจสิ่งที่ตัวเองได้อ่านได้เห็นมาก่อนหน้านั้น ตัวอย่างเช่น ชุนหมิงเป็นเมืองชนบทเล็กๆอยู่บนเนินเขาในมณฑลเสฉวน ผู้ชายส่วนใหญ่ในเมืองนี้ทำงานในเหมืองแร่ถ่านหินชั่วคราว ทุกคนต้องพยายามให้แคล้วคลาดจากการเป็นเหยื่อของเหตุเหมืองถล่มหรือระเบิด แต่ละปี ในจีนมีคนงานเหมืองเสียชีวิตเพราะเหมืองแร่ระเบิดประมาณ 6,000 คน สถานที่แห่งนี้น่ากลัวไม่น้อยทีเดียว

    ล่ามพาผมไปเดินรอบๆย่านที่อยู่อาศัยซึ่งมีอาคารหลังหนึ่ง ในนั้นมีคนอาศัยอยู่ร่วมกันราวเจ็ดแปดครอบครัว ผมเห็นหมูหลายตัวนอนอยู่ในห้องติดกับห้องครัว หนึ่งในสมาชิกที่อาศัยอยู่ในอาคารแห่งนั้นคือ จ้าว หลินเทา เด็กหญิงวัย 12 ขวบพูดภาษาอังกฤษตามที่ได้เรียนจากโรงเรียนในหมู่บ้านอย่างภาคภูมิใจ แต่พอเราถามเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ หนูน้อยก็น้ำตาร่วง แม่เธอไปทำงานที่โรงงานในเมือง ทิ้งให้เธอกับน้องสาวอยู่กับพ่อซึ่งชอบทุบตีสองคนพี่น้อง รัฐบาลจัดการศึกษาขั้นต้นจนถึงมัธยมสามแบบให้เปล่า หลังจากนั้นนักเรียนต้องจ่ายค่าเล่าเรียน

    เรื่องของจ้าวเป็นเพียงตัวอย่างชีวิตนักเรียนเกือบ 500 ล้านคนในจีน นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงกล่าวกันว่าการอพยพย้ายถิ่นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติกำลังเกิดขึ้นในจีน ทุกปีจะมีประชากรหลายร้อยล้านคนหนีความอดอยากสิ้นหวังในพื้นที่เกษตรกรรมมุ่งหน้าไปทำงานที่โรงงานทั้งหลายซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของอี้อู

    กระนั้นก็ตาม ประชากรในชนบทยังจัดว่าหนาแน่นมาก ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจไม่ใช่ความหนาแน่นของประชากรในเขตเมือง แต่เป็นความแออัดในเขตชนบท ไร่นาในหลายๆเมืองมีพื้นที่เฉลี่ยไม่ถึงครึ่งไร่ แต่มีประชากรดำรงชีพประมาณ 800 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 60 ของประชากรจีนทั้งประเทศ รายได้เฉลี่ยของชาวชนบทตกอยู่ประมาณหนึ่งในสามของรายได้ชาวเมือง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่สหประชาชาติจะทำนายว่า ในปี 2573 ชาวจีนกว่าร้อยละ 60 จะย้ายไปอยู่ในเมือง

    ถ้าต้องการชะลอการหลั่งไหลเข้าไปอยู่ในเมืองก็ต้องหามาตรการยกระดับรายได้ของชาวชนบท ซึ่งขณะนี้มีผู้พยายามลงมือแล้ว ตัวอย่างเช่น เหริน ซูผิง อาศัยอยู่นอกเมืองเฉินตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน เมื่อปี 2527 เขาเป็นเพียงชาวนาจนๆซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากไฮเฟอร์อินเตอร์เนชันแนล องค์กรการกุศลเพื่อพัฒนาชนบทจากสหรัฐฯแห่งนี้มอบกระต่าย 48 ตัวให้เขาพร้อมกับอบรมวิธีเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ "ทีแรกผมไม่เชื่อหรอกว่าจะได้ของฟรี เหมือนสวรรค์เมตตาแท้ๆ" เขากล่าว

    ภายในไม่กี่ปี เหรินก็กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านเมื่อประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์กระต่ายขาย แถมยังเลื่อมใสในอุดมการณ์ของไฮเฟอร์อินเตอร์เนชันแนลซึ่งเน้นการแบ่งปันความมั่งคั่ง ไม่นาน เขาก็นำกระต่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ 20 ตัวไปแจกให้ชาวไร่ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการกับเขา นอกจากนี้ยังสร้างโรงเรียนฝึกอบรมการเลี้ยงเพาะพันธุ์กระต่าย ซึ่งโครงการไฮเฟอร์ระบุว่ามีชาวไร่ชาวนาผ่านการอบรมไปแล้วราว 300,000 คน "เพียงสองหรือสามปี คุณก็สามารถมีรายได้ปีละ 10,000 หยวน"

    แต่โครงการอย่างไฮเฟอร์ช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่มีพลังเหนือกว่าคือแรงผลักดันของเขตชนบทที่แออัดกับแรงดึงดูดของเขตเมืองซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสดีๆในชีวิต คืนหนึ่งซึ่งอากาศร้อนอบอ้าว ผมขับรถจากกลางกรุงปักกิ่งไปที่หมู่บ้านซึ่งเมื่อก่อนเป็นชนบทเล็กๆ แต่ตอนนี้แวดล้อมด้วยเมืองใหญ่และเป็นที่อยู่ของแรงงานอพยพ หลายหมื่นคน รถเราแล่นเรื่อยๆไปตามถนนในหุบเขาจนไปถึงบ้านของเชา จ่งหลง วัย 57 เขามาจากมณฑลเจียงซีตั้งแต่ปี 2530

    "หมู่บ้านของเราอดอยากมาก" เขากล่าว "เนื้อสัตว์ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่"

    ญาติของเชาเริ่มตั้งทีมก่อสร้าง หน้าที่ของเชาคือปั่นสามล้อซึ่งมีอุปกรณ์ก่อสร้างไปส่ง ไม่นานเขาก็เรียนรู้วิธีปูกระเบื้อง ต่อด้วยการฉาบปูนและทาสี เขาเริ่มธุรกิจของตัวเองและเก็บเงินสร้างบ้านได้สองหลัง ให้แม่อยู่หลังหนึ่ง อีกหลังปล่อยเช่า เมื่อปีที่ผ่านมา ลูกสาวคนที่สองของเชาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ตอนนี้ทำงานอยู่ในบริษัทเภสัชกรรมแห่งหนึ่ง เงินเดือนเริ่มต้น 2,400 หยวน ผมถามว่าตอนลูกคนนี้เกิด เขาคิดไหมว่าลูกจะมีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัย เชามองหน้าผมแล้วหัวเราะ

    อยู่กรุงปักกิ่งไม่กี่วัน ผมก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมสังเกตการณ์งานประชุมประจำปีของสมาคมนักข่าวสิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมประชุมกว่า 40 คนเข้าไปอัดกันอยู่ในห้องประชุมซึ่งร้อนอบอ้าว อวิน เจียนหลี อดีตข้าราชการจากมณฑลหูเป่ย์ นำภาพที่นักรณรงค์ในกลุ่มของเธอผนึกกำลังกันเดินเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตรไปตามริมแม่น้ำฮั่นซึ่งกำลังประสบปัญหามลภาวะอย่างหนักเพราะโรงงานเล็กๆหลายแห่งปล่อยของเสียลงสู่แม่น้ำ ในภาพนั้น นักรณรงค์พร้อมใจกันโบกธงผืนใหญ่สีเขียวมีข้อความเป็นภาษาจีนว่า "รักษ์แม่น้ำของเรา" นอกจากนี้ยังมีภาพของอวินเองขณะเข้าร่วมประชุมครั้งใหญ่ๆ และภาพหมู่บ้านริมแม่น้ำซึ่งมีประชากร 3,000 คน ซึ่งเธอบอกว่า 110 คน ในนั้นป่วยเป็นมะเร็ง อวินเล่าว่า เมื่อชาวบ้านร้องเรียน เจ้าหน้าที่ของมณฑลก็มอบเงินให้จำนวนหนึ่งเป็นค่าขุดบ่อน้ำดื่มแห่งใหม่

    ว่ากันว่า แต่ละปีในจีนมีการประท้วงถึง 70,000 ครั้ง เรื่องที่ประท้วงมากติดอันดับคือสารพิษจากโรงงาน เจ้าหน้าที่ของจีนพยายามตอบข้อเรียกร้องของประชาชน ตัวอย่างเช่น พรรคคอมมิวนิสต์ประกาศว่าจะยึดมั่นกับ "เศรษฐกิจครบวงจร" ทั้งนี้เพราะแรงกดดันจากนักสิ่งแวดล้อมในยุโรป คำประกาศเช่นนี้มีความหมายหลายนัย หากเป็นประเทศเดนมาร์กก็หมายถึงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมซึ่งมีโรงปั่นไฟ โรงงานยา โรงงานผลิตแผ่นกั้นผนัง และโรงกลั่นน้ำมันตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เพื่อให้แต่ละโรงงานใช้กากของเสียจากอีกแห่งเป็นวัตถุดิบในการผลิต แต่ในจีนไม่ใช่อย่างนั้น ทุกวันนี้ คำประกาศดังกล่าวหมายถึงการประชุมซ้ำแล้วซ้ำอีก ตามมาด้วยการสัญญาและประกาศก้องว่าจะเริ่มโครงการนำร่องมากมาย เช่น การเปลี่ยนเศษซัลเฟอร์ให้เป็นปุ๋ย เป็นต้น

    ลืมเรื่องมลภาวะไปสักพัก ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือระบบธรรมชาติเกือบทุกอย่างในจีนกำลังออกอาการบอบช้ำจากการถูกใช้งานอย่างหนักมานานหลายพันปี โดยเฉพาะในครึ่งศตวรรษหลังนี้ ซึ่งมีการใช้ทรัพยากรแบบผิดๆอย่างแพร่หลาย เพื่อให้เข้าใจสภาวะแวดล้อมที่แท้จริงของจีน ผมเดินทางย้อนกระแสน้ำของแม่น้ำชาวซึ่งเป็นต้นกำเนิดอ่างเก็บน้ำเก่าแก่ของปักกิ่ง แม้พื้นที่ลุ่มจะปกคลุมด้วยไร่ข้าวโพดแต่บนเนินเขากลับโล่งเตียน เมื่อปี 2501 ท่านประธานเหมาประกาศนโยบายปฏิวัติแบบก้าวกระโดด ประชาชนเริ่มผลิตเหล็กกล้าในครัวเรือน ข้อสำคัญคือการผลิตเหล็กกล้าต้องใช้ฟืนจำนวนมาก ไม่นานเนินเขาทั้งหลายจึงกลายเป็นเขาหัวโล้น

    ทุ่งหญ้าหายไปพร้อมกับป่าไม้ เมื่อคนในเมืองมากขึ้น ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ก็เพิ่มขึ้น ผลที่ตามมาคือจำนวนปศุสัตว์มากขึ้น เลสเทอร์ บราวน์ นักสิ่งแวดล้อมอเมริกันซึ่งศึกษาเกี่ยวกับประเทศจีนมานานกล่าวว่า จีนมีแพะแกะ 339 ล้านตัว เทียบกับเจ็ดล้านตัวในสหรัฐฯ "ผมเคยไปดูสภาพในปศุสัตว์หลายแห่งซึ่งเจ้าของต้องเอาเสื้อผ้าของมนุษย์ไปสวมให้แกะเพื่อไม่ให้มันแทะเล็มขนกันเอง" บราวน์เล่าให้ผมฟัง

    เมื่อไม่มีรากต้นไม้ให้ยึดดิน พื้นที่หลายส่วนของเขตชนบทจึงกลายเป็นทราย เขตทะเลทรายขยายออกไปปีละหลายร้อยกิโลเมตร ทุกวันนี้ พายุทรายในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมกลายเป็นฤดูกาลใหม่สำหรับชาวปักกิ่ง

    รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและเร่งดำเนินโครงการรณรงค์ปลูกต้นไม้หลายโครงการ ระหว่างเดินทางทวนแม่น้ำชาว ผมเห็นเนินเขาสีน้ำตาลเป็นหย่อมๆเหมือนคนเป็นสิวผิวปรุประ พอเข้าไปดูใกล้ๆก็เห็นจุดสีขาวซึ่งความจริงแล้วคือหินขัดที่วางเรียงซ้อนกันอย่างดีเป็นกระถางต้นไม้ การจัดวางหินเพื่อให้อุ้มน้ำและประคับประคองต้นอ่อนให้ แข็งแรง กระถางเหล่านี้มีหลายแสนใบ นึกไม่ออกเลยว่าต้องใช้แรงงานคนมากมายเพียงใดกว่าจะสร้างสรรค์งานพิสดารเช่นนี้ออกมาได้

    แม้งานเหล่านี้จะยังไม่สามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมของแม่น้ำชาวให้ดีขึ้น แต่ยิ่งเดินทางสูงขึ้นไปสภาพแวดล้อมก็เขียวขึ้น ที่หมู่บ้านอันห่างไกล ชายชราเล่าให้เราฟังว่า เมื่อเจ็ดปีก่อน ในหุบเขามีแต่ทราย ต่อมารัฐบาลจ่ายเงินให้ชาวบ้าน 4,000 หยวนเพื่อล้อมคอกสัตว์ไม่ให้เที่ยวกินหญ้า เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว

    แต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้จะสามารถปกป้องสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยจากการคุกคามของทะเลทรายได้จริงหรือ แม้ภาคใต้ของจีนจะอุดมสมบูรณ์ดี แต่ ภาคเหนือยังแห้งแล้งอยู่มาก ขณะน้ำในแม่น้ำชาวและสายอื่นๆถูกผันไปหล่อเลี้ยง เมืองต่างๆที่เติบโตขึ้นริมสองฝั่งแม่น้ำ แต่ปักกิ่งต้องหาน้ำมาเลี้ยงตัวเองด้วยการขุดลึกลงไปใต้ดิน ด้วยเหตุนี้ ระดับน้ำใต้ดินจึงพร่องลงไปหลายเมตรเมื่อเกิดภาวะภัยแล้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา "ในอีกแปดถึงสิบปี หลายเมืองในภาคเหนือจะไม่มีน้ำใช้" หม่า จวิน ผู้เขียนหนังสือ วิกฤตการณ์น้ำในจีน (Chinaีs Water Crisis) คาดการณ์ "รัฐบาลดำเนินโครงการขนาดใหญ่มากมายเพื่อผันน้ำจากแม่น้ำแยงซีเกียงและแม่น้ำสาขา แต่โครงการเหล่านี้จะทำให้ปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมรุนแรงยิ่งขึ้น"

    เมื่อขึ้นไปถึงต้นน้ำของแม่น้ำชาว เราก็ข้ามหุบเขาไปอีกสองสามลูก จากนั้นก็ขับรถกลับปักกิ่งโดยใช้เส้นทางเลียบแม่น้ำขาวซึ่งแห้งพอๆกัน ระหว่างทางเราเห็นเสาไฟแรงสูงตั้งเรียงรายเป็นแนวยาว หอสูงสร้างด้วยเหล็กกล้าเหล่านี้สร้างต่อๆกันทอดข้ามภูเขาสูงๆต่ำๆเหมือนกำแพงเมืองจีน เมื่อปี 2547 จีนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 50 กิกะวัตต์ และปี 2548 เพิ่มเป็น 70 กิกะวัตต์ ประมาณว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าที่จีนพยายามเพิ่มขึ้นในแต่ละปีเท่ากับครึ่งหนึ่งของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในอินเดีย นับเป็น การเพิ่มปริมาณความต้องการพลังงานมากที่สุดในโลก

    พลังงานใหม่เกือบทั้งหมดมาจากถ่านหินซึ่งจีนมีอยู่มหาศาล เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ประกาศแผนสร้างเตานิวเคลียร์ปีละสองเตาทุกปีไปถึงปี 2563 แม้จะบรรลุเป้าหมาย กระแสไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์คิดเป็นเพียงร้อยละสี่ของปริมาณกระแสไฟฟ้าทั้งประเทศ ที่สุด จีนก็หันไปเผาถ่านหิน ซึ่งเชื่อว่าปีนี้จะทำสถิติใหม่เกิน 2,000 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม แม้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้ามาป้อนได้สูงสุดขนาดนี้ จีนก็ยังต้องดิ้นรน กระเสือกกระสน เพราะเมื่อปี 2547 ประชาชน 23 มณฑลจากทั้งหมด 31 มณฑลต้องประสบภาวะขาดแคลนไฟฟ้า "ในบางมณฑล โรงงานไฟฟ้าทำงานสัปดาห์ละสามหรือสี่วันเท่านั้น" หยาง ฟู่เฉียง รองประธานมูลนิธิพลังงานซึ่งอยู่ในกรุงปักกิ่ง กล่าว

    สาเหตุที่ทำให้จีนต้องการไฟฟ้ามากมายขนาดนี้คงเป็นเพราะเกษตรกรพากันหลั่งไหลสู่เมืองใหญ่ หยางกล่าวว่า คำนวณคร่าวๆแล้ว แต่ละปีน่าจะมีคนอพยพมาอยู่ในเมืองใหญ่ไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน พวกเขาทำงานหาเงินมาซื้อตู้เย็นเครื่องเล็กๆหรือเครื่องปรับอากาศ คนงานเหล่านี้ทำงานในโรงงานผลิตผ้าม่านห้องน้ำและกระเป๋าเดินทางซึ่งต้องใช้พลังงานทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่การสร้างกระท่อมคอนกรีตหลังเล็กๆสำหรับซุกหัวนอนก็ต้องใช้ทรัพยากร ร้อยละห้าของเชื้อเพลิงที่ใช้ในเมืองจีนหมดไปกับการผลิตซีเมนต์

    ยังมีรถยนต์อีก สิบปีก่อน ในเมืองจีนแทบจะไม่มีรถยนต์ แต่ปัจจุบัน จีนเป็นตลาดรถยนต์อันดับที่สามของโลก ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 ยอดขายรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละสิบ พอสิ้นปี สรุปว่ายอดขายทั้งหมด 5.6 ล้านคัน ถ้าอยากไปดูตลาดรถยนต์ใหญ่ๆในปักกิ่ง คุณต้องจอดรถไว้ไกลๆ อาจจอดที่ปั๊มน้ำมันซึ่งมีพนักงานคอยโบกให้เข้าจอด หรือริมถนนที่มีคนขายของส่งโค้กให้ลูกค้าที่เดินผ่านไปมา

    ใช่ว่าจีนจะไม่ตระหนักถึงปัญหาใหญ่ที่เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วและไร้ทิศทาง พาน หยู รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า มหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจของจีนนั้น "จะพบจุดจบในเร็วๆนี้ เพราะสิ่งแวดล้อมรับมือไม่ไหว ห้าในสิบเมืองที่มีมลภาวะมากที่สุดในโลกอยู่ในจีน พื้นที่หนึ่งในสามของจีนประสบปัญหาฝนกรด ครึ่งหนึ่งของน้ำในแม่น้ำใหญ่ที่สุดเจ็ดสายของจีนใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย" แต่หากไม่มีการเติบโตรวดเร็วขนาดนั้น ประเทศก็ไม่สามารถรองรับการหลั่งไหลเข้าสู่เมืองใหญ่ของชาวชนบท จะดึงดูดให้ชาวไร่ชาวนายอมจมปลักอยู่ในที่ดินขนาดไม่ถึงครึ่งไร่ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาได้ข่าวว่าคนในเมืองกินอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์

    ด้วยเหตุนี้ จีนจึงต้องดิ้นรนต่อไป ด้านหนึ่งก็ต้องพัฒนาให้รวดเร็วเพียงพอสำหรับการขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัดของแรงงานอพยพทั้งหลาย ส่วนอีกด้านก็ต้องรักษาสมดุลในการใช้พลังงานและทรัพยากรเพื่อไม่ให้ประเทศชาติยับเยินหมดสภาพ

    ทางการจีนวางเป้าหมายว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจให้โตสี่เท่าในปี 2563 แต่จะจำกัดการ ใช้พลังงานให้เพิ่มขึ้นเพียงสองเท่า ดูเหมือนเป้าหมายหลังนี้จะเป็นไปได้ยาก เพราะช่วงสองสามปีนี้ยอดกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่อย่างน้อย รัฐบาลระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วว่ามีการผ่านกฎหมายควบคุมอาคารใหม่ โดยกำหนดว่าอพาร์ตเมนต์ ต่างๆจะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าอพาร์ตเมนต์รุ่นเก่าถึงร้อยละ 50 นอกจากนั้น รัฐบาลจะหยุดให้เงินอุดหนุนด้านพลังงานแก่อุตสาหกรรมหนักทั้งหลาย

    คืนสุดท้ายที่ผมอยู่ในเซี่ยงไฮ้จบลงที่การเดินเล่นในย่านอาคารเก่าสไตล์ยุโรปซึ่งเรียงรายหันหน้าไปทางริมแม่น้ำหวงผู่ ฝั่งตรงข้ามคือเขตผู่ตงซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบแดงด้านการพัฒนาเมืองสมัยใหม่ของจีน สัญลักษณ์อันโดดเด่นของเขตผู่ตงได้แก่หอคอยต่างๆที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับแสงนีออนอันงดงาม เช่น จินเหมาทาวเวอร์ซึ่งมีโรงแรมสูงที่สุดในโลกอยู่บนชั้นสูงสุด 34 ชั้น และโอเรียนทัล เพิร์ล ทีวี ทาวเวอร์ ซึ่งมี ลูกโลกสีชมพูแจ๊ดเปล่งประกายอยู่กลางท้องฟ้า นอกจากนี้ยังมีอาคารออโรราซึ่งติดโทรทัศน์จอยักษ์กลางแจ้งฉายภาพโฆษณาสินค้าอย่างต่อเนื่อง มีคนนับหมื่นยืนดูภาพ ความงดงามเหล่านี้ท่ามกลางความมืด ในที่นี้รวมถึงคนที่เพิ่งมาจากชนบทซึ่งดูออกไม่ยากโดยดูจากเสื้อผ้าโทรมๆ แต่ใบหน้ายังมีน้ำมีนวลผิดกับคนในเมือง

    ผมไม่มั่นใจว่าประเทศจีนจะสามารถขจัดปัญหาความขัดแย้งระหว่างการพัฒนาอย่างรวดเร็วกับการทำลายสิ่งแวดล้อมได้หรือไม่ (พื้นดินในเขตผู่ตงกำลังทรุดตัวหนักเพราะเซี่ยงไฮ้สูบน้ำใต้ดินออกไปใช้มากเกินไป) แต่ทิวทัศน์ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำหวงผู่ก็ช่างเต็มไปด้วยความหวังสำหรับคนที่ยืนดื่มด่ำกับแสงสียามค่ำคืนเบื้องหน้า

    ที่มา http://www.readersdigestthailand.co.th/article/2129
    เครดิตคุณเกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1244
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เยอรมนีเชื่อ "ถั่วงอก" อาจเป็นต้นตอเชื้ออีโคไลระบาดหนัก

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2554 08:48 น.


    [​IMG]



    ถั่วงอกอาจเป็นต้นตอการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล


    เอเอฟพี - กระทรวงเกษตรของเยอรมนีเผย ถั่วงอกจากรัฐโลว์เออร์-แซกโซนี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ อาจเป็นต้นตอการระบาดของอีโคไล เชื้อแบคทีเรียมรณะซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 22 ราย

    อย่างไรก็ตาม แกร์ท ลินเดมานน์ รัฐมนตรีเกษตรของรัฐดังกล่าวระบุว่า ยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าถั่วงอกเป็นที่มาของเชื้ออีไคไล ซึ่งกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ แต่มีสัญชาติบ่งชี้ที่ค่อนข้างชัดเจน จึงแนะนำผู้บริโภคไม่ให้รับประทานถั่วงอก

    เขาเสริมว่า จากผลการทดสอบเบื้องต้นของถั่วงอก ที่ปลูกในไร่แห่งหนึ่ง ชานเมืองลือบูร์ก พบว่ามีการปนเปื้อนแบคทีเรียมรณะชนิดนี้ อย่างไรก็ดี จำเป็นต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลให้แน่นอนเสียก่อน

    กระทรวงเกษตรของโลว์เออร์-แซกโซนียังแถลงว่า ถั่วงอกเหล่านั้นถูกส่งไปยังร้านอาหารหลายแห่งเป็นสาเหตุให้ร้านอาหารจำนวนมากในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศพบการแพร่ระบาดของเชื้ออีโคไล

    ข่าวดังกล่าวมีขึ้นขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโคไลใน 12 ประเทศแถบยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 22 คน และอีกกว่า 2,200 คนล้มป่วย โดยผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดอยู่ในเยอรมนี แต่อีก 1 รายเสียชีวิตในสวีเดน นับเป็นตัวเลขล่าสุดจากศูนย์ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อของยุโรป

    Around the World - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'ยุโรป'ยังมึนไม่รู้ต้นตอที่ทำให้'เชื้ออี.โคไล'ระบาดใหญ่

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2554 21:54 น.


    [​IMG]



    สตรีแดนกระทิงดุรายนี้ถือแตงกวาที่ได้รับแจกฟรีๆ เพื่อเป็นการประชดประชันเยอรมนี หลังจากเจ้าหน้าที่เมืองฮัมบูร์กกล่าวหาว่าแตงกวาจากสเปนเป็นต้นตออี.โคไล





    เอเอฟพี - บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถสืบสาวไปจนถึงต้นตอที่ทำให้เชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล เกิดการระบาดใหญ่ในยุโรป โดยที่ในเวลานี้ได้แพร่ออกไปยัง 12 ประเทศ และคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อยที่สุด 19 คน ส่วนใหญ่อยู่ในเยอรมนี ทั้งนี้เมื่อวันเสาร์(4)ที่ผ่านมา พวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “เทศกาลเมืองฮัมบูร์ก” ไม่ได้เป็นตัวการสำคัญของการระบาดอย่างที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยกัน

    คณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) แถลงว่า จะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญไปยังเยอรมนี เพื่อสนับสนุนเพิ่มพูนความพยายามในการค้นหาจุดเริ่มต้นของแบคทีเรียอันตรายถึงตายชนิดนี้ ขณะที่กาตาร์กลายเป็นประเทศล่าสุดที่สั่งห้ามนำเข้าสินค้าประเภทผักสดจากแดนดอยช์

    หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ “โฟกัส” ของเยอรมันรายงานในวันเสาร์ว่า พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบสงสัยกันว่า เทศกาลท่าเรือซึ่งจัดขึ้นในเมืองฮัมบูร์กระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม และดึงดูดผู้มาเที่ยวจากทั้งในเยอรมนีและต่างประเทศเป็นจำนวน 1.5 ล้านคน อาจจะเป็นต้นตอของการระบาด

    แต่ สถาบันโรเบิร์ต-โคช ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับชาติด้านเชื้อโรคของเยอรมนี ออกมาแถลงว่าไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน “ข้อมูลของสื่อมวลชนที่พูดถึงการเชื่อมโยงกันระหว่างการติดเชื้อ อี.โคไล กับการชุมนุมผู้คนขนาดใหญ่ๆ นั้น ไม่ได้สอดรับกับความรู้ของทางสถาบันเอาเลย” สำนักข่าวดีพีเอของเยอรมันอ้างคำแถลงของสถาบันนี้

    สื่อมวลชนท้องถิ่นยังรายงานว่า ชายกลางคนวัย 50 เศษผู้หนึ่งได้เสียชีวิตในเมืองบรันเดนบูร์ก โดยเขาอาจจะเป็นเหยื่อรายที่ 20 ของเชื้อแบคทีเรียนี้ในยุโรป ทว่าสาเหตุการตายของชายผู้นี้ยังไม่แน่นอน เพราะนอกจากเชื้ออีโคไลแล้ว เขายังติดเชื้ออื่นๆ อีกหลายชนิด

    นอกจากนั้นยังมีรายงานข่าวของสื่อเยอรมันที่ระบุว่า ตำรวจกำลังสอบสวนภัตตาคาร 2 แห่งในเมืองลืบเบค ทางภาคเหนือของประเทศ โดยที่แห่งหนึ่งเป็นสถานที่ซึ่งแขกผู้มารับประทานอาหารถึง 17 คนล้มป่วย ส่วนอีกแห่งหนึ่งก็มีสตรี 8 คนได้รับเชื้อ โดยที่คนหนึ่งถึงขั้นเสียชีวิต

    อย่างไรก็ดี คริสเตียน ไซเฟิร์ต โฆษกของกระทรวงคุ้มครองผู้บริโภคในภูมิภาคนี้บอกว่า การคาดเดาที่ว่าภัตตาคารเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการระบาดนั้น ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด

    สถานการณ์โรคระบาดจากเชื้อแบคทีเรียที่เยอรมนีกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ ถือว่าหนักหนาสาหัสที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาทีเดียว ทั้งนี้ตั้งแต่ที่เชื้อ เอนเทอโรเฮโมร์ราจิก อี. โคไล ( enterohaemorrhagic E. coli อี. โคไล ชนิดที่มีเลือดออก) หรือเรียกย่อๆว่า อีเฮค (EHEC) เริ่มต้นระบาดขึ้นในยุโรปเมื่อเดือนทีแล้ว การเสียชีวิตทั้งหมดยกเว้นเพียงรายเดียวต่างเกิดขึ้นในเยอรมนี แถมคนไข้รายเดียวซึ่งไปเสียชีวิตในสวีเดนก็เป็นผู้ที่เพิ่งกลับออกมาจากเยอรมนี

    ปัจจุบัน นอกจากเยอรมนีแล้ว ชาติอื่นๆ ที่พบผู้ป่วยด้วยเชื้ออี โคไล ยังประกอบด้วย ออสเตรีย, อังกฤษ, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, และสหรัฐอเมริกา โดยที่คนไข้เหล่านี้ต่างมีประวัติเกี่ยวข้องอยู่กับการเดินทางไปเยอรมนี

    สำหรับผู้ที่ล้มป่วยนั้น พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขในระดับภาคของเยอรมนีรายงานว่า มีอยู่มากกว่า 2,000 ราย โดยที่ผู้ป่วยเหล่านี้มีอาการปวดกระเพาะอาหารอย่างฉับพลัน, ท้องร่วง, มีไข้, และอาเจียน

    ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นสตรี ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าต้นตอของเชื้อ “อาจจะเป็นอะไรบางอย่างที่สตรีชมชอบมากกว่าบุรุษ” แอนเดรีย เอลลิส นักระบาดวิทยาประจำฝ่ายความปลอดภัยอาหาร ขององค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงจากนครเจนีวา

    ในคนไข้บางราย การติดเชื้อยังอาจนำไปสู่การเกิดโรคกลุ่มอาการเม็ดเลือดแดงแตก -ไตวาย (haemolytic uraemic syndrome หรือ HUS) ซึ่งมีความร้ายแรงถึงทำให้ตายได้

    ตามตัวเลขขององค์การอนามัยโลก มีผู้ป่วยอย่างน้อย 552 รายที่ป่วยด้วยกลุ่มอาการนี้ ในจำนวนนี้ 520 คนอยู่ในเยอรมนี ขณะที่มีชาติในยุโรปอื่นๆ 10 ชาติและสหรัฐฯรายงานว่า พบการติดเชื้อ HUS หรือไม่ก็ EHEC

    องค์การอนามัยโลกได้ระบุเชื้อแบคทีเรียที่กำลังระบาดอยู่นี้ว่า เป็น อี. โคไล สายพันธุ์หายาก ซึ่งไม่เคยพบมาก่อนว่าเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดด้วยการทำให้อาหารเป็นพิษ อย่างไรก็ตาม พวกนักวิจารณ์ในนครฮัมบูร์กและในประเทศจีนระบุว่า มันเป็นเชื้อ “ประเภทใหม่” ที่รุนแรงอย่างยิ่งแถมสามารถต่อต้านยาปฏิชีวนะได้อย่างน่ากลัวด้วย

    วิกฤตด้านสุขภาพคราวนี้ยังกำลังจุดชนวนให้เกิดความตึงเครียดทางการค้าขึ้นในยุโรป

    ตอนแรกทีเดียว เยอรมนีกล่าวโทษว่าการระบาดมีสาเหตุจากแตงกวาที่นำเข้าจากสเปน แต่ต่อมาก็ยอมรับว่าไม่มีข้อมูลที่สนับสนุนอย่างหนักแน่นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม สเปนระบุว่าการป่าวร้องโดยขาดหลักฐานได้ทำให้ผักผลไม้ของตนขายไม่ออก ได้รับความเสียหายประมาณสัปดาห์ละ 200 ล้านยูโร และตนจะเรียกร้องค่าชดเชย

    ทางด้านประเทศอื่นๆ เช่น รัสเซีย และเลบานอน ได้ออกประกาศห้ามนำเข้าผักจากสหภาพยุโรป โดยที่ในวันเสาร์ กาตาร์ได้สั่งห้ามนำเข้าแตงกวา, มะเขือเทศ, และผักกะหล่ำ จากทั้งสเปนและเยอรมนี

    Around the World - Manager Online - '
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การระบาดของเชื้ออีโคไลในเยอรมนี เริ่มคงที่


    [​IMG]

    สถานการณ์การระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล.ในเยอรมนี ล่าสุดเริ่มมีสัญญานว่าการระบาดอยู่ในภาวะคงที่ และมีแนวโน้มสถานการณ์จะไม่รุนแรงไปมากกว่านี้

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยุโรป เปิดเผยว่าขณะนี้เริ่มมีสัญญานว่า การแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไลเริ่มคงที่ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ผู้ป่วยที่รับเชื้ออีโคไลที่เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลทางเหนือของเยอรมนีลดน้อยลง แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดยุติแล้ว

    สำหรับยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อแบคทีเรียอีโคไล ยังอยู่ที่ 18 คน ติดเชื้อ 1,836 คน นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบเชื้อดังกล่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่ศูนย์ด้านโรคระบาดในเยอรมนี ยังคงเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการรับประทานแตงกวา มะเขือเทศ และผักกาดหอม อย่างไรก็ตามศูนย์ห้องแล็ปตรวจสอบอีโคไลของอียูในกรุงโรม บอกว่า การประกาศเตือนดังกล่าวไม่สมเหตุผล เนื่องจากยังไม่มีการตรวจสอบทางวิทยาศาตร์ที่ชี้ชัดว่า ผักดังกล่าวเป็นแหล่งต้นตอการแพร่ระบาด

    การแพร่ระบาดของแบคทีเรียอีโคไล ทำให้เกิดความหวั่นวิตกไปทั่วโลกและเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของเกษตรกรยุโรปเลยทีเดียว ทั้งนี้รัสเซีย ตลาดส่งออกผักรายใหญ่ของยุโรปได้ออกมาปฏิเสธคำร้องขอของยุโรปที่ให้ยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าผักสดยุโรป ขณะที่อังกฤษกำลังถกเครียดว่า ควรห้ามนำเข้าผักที่ผลิตในเยอรมนีหรือไม่ ส่วนสหรัฐฯเริ่มให้มีการมีการตรวจสอบการขนส่งสินค้าจากเยอรมนีและสเปนแล้ว รายงานระบุว่า ผู้ปลูกแตงกวาในแคว้นแซ็กโซนี่ของเยอรมนีต้องทำลายแตงกวาและมะเขือเทศไปกว่า 200 ล้านผลเพียงวันเดียว

    ทั้งนี้รัฐบาลเยอรมนีก็เร่งค้นหาแหล่งต้นตอการแพร่ระบาดอย่างเต็มที่ ล่าสุดกำลังตรวจสอบร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เมืองลูเบ็ค ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เผยว่า กำลังตรวจสอบว่าการแพร่ระบาดเริ่มขึ้นที่งานเทศกาลที่ฮัมบรูก์ เมื่อเดือนที่แล้วหรือไม่ ซึ่งในงานนั้นมีประชาชนและนักท่องเที่ยว 1.5 ล้านคน และร้านอาหารดังกล่าวในเมืองลูเบ็ค ก็เป็นร้านที่มาร่วมงานเทศกาลนี้

    รายงานระบุว่า ลูกค้าหญิง 8 คนซึ่งเป็นนักท้องเที่ยวชาวเดนมาร์คล้มป่วยเมื่อรับประทานอาหารของร้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่สรรพากรหญิงเยอรมนีที่รับประทานอาหารของร้านเสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโคไล อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็บอกว่า พนักงานของร้านและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ป่วยจากเชื้อดังกล่าว อย่างไรก็ตามได้มีการสั่งตราวจสอบบริษัทที่ขนส่งวัตถุดิบให้กับร้านอาหารเพื่อหาแหล่งต้นตอการแพร่ระบาดที่แท้จริงด้วย

    รายงานล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล.ในยุโรป มี 19 คน และกว่า 2,000 คนในอย่างน้อย 12 ประเทศล้มป่วย ในจำนวนผู้เสียชีวิต 18 คนอยู่ในเยอรมนี และ 1 คนในสวีเดน

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com<!-- google_ad_section_end -->

    เครดิตคุณเกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1244
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เงินเฟ้อป่วน! กำลังซื้อหด-ตลาดเงินเพี้ยน ธปท.รับน่าห่วง "เทสโก้" เร่งปลุกตลาด

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2554 08:38 น.

    [​IMG]

    เงินเฟ้อป่วน! "กำลังซื้อหด-ตลาดเงินเพี้ยน" ธปท.ยอมรับ สถานการณ์เข้าขั้นน่ากลัว เพราะเกิดในช่วง ศก. ขยายตัว อาจเกิดภาวะช็อก ส่วนนโบยหาเสียงที่จะดัน "จีดีพี" โต 8% อาจเกินศักยภาพจริง "คลัง" บ่นอุบ ตลาดเงินเพี้ยนหนัก ดบ. พุ่งไม่หยุด "เทสโก้" เร่งอัดโปรโมชั่นปลุกกำลังซื้อ เตรียมเข็นสินค้า 300 รายการ หั่นราคา 27% "พาณิชย์" เผยสถิติเดือน พ.ค. บริษัทเกิดใหม่ เพิ่มขึ้น 38% แต่เลิกกิจการ สูงถึง 66% สะท้อนความไม่เชื่อมั่นศก. ตามภาวะการเมือง น้ำมัน และเงินเฟ้อ

    นายอัมพร แสงมณี ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแนวโน้มเงินเฟ้อในปัจจุบัน โดยยอมรับว่า ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจนมีความเป็นไปได้จะหลุดกรอบร้อยละ 3 ในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ และเห็นว่าการคาดการณ์เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะเกิดขึ้นระหว่างที่เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ก่อให้เกิดช็อกเงินเฟ้อคาดการณ์สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดช็อกราคาอาหาร หรือช็อกราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันสูงขึ้นมากด้วย เพราะจะทำให้เกิดความยั่งยืนของเงินเฟ้อสูงตามมา แต่หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เชื่อว่าจะเห็นเงินเฟ้อลดลงได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า

    ส่วนกรณีที่มีพรรคการเมืองหาเสียงว่าจะผลักดันนโยบายเศรษฐกิจให้ขยายตัวร้อยละ 8 นั้น เห็นว่าถ้าเศรษฐกิจไทยมีขีดความสามารถในการขยายตัวได้ถึงร้อยละ 8 ก็คงไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจมีศักยภาพโตได้ร้อยละ 4.5 หากเศรษฐกิจเร่งตัวเกินศักยภาพ ก็จะเกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมา

    “เมื่อคนคาดว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้น ก็จะตั้งราคาสินค้าเผื่อไว้ตามต้นทุนหรือตามคาดการณ์นั้น ดังนั้น การเผื่อไว้จะทำให้เงินเฟ้อขึ้นถาวรเป็นเรื่องที่น่าห่วง และหากเศรษฐกิจเร่งตัวขึ้นเกินศักยภาพพื้นฐาน แรงกดดันเงินเฟ้อจะเร่งตัวต่อเนื่อง ดังนั้น หลักการดำเนินนโยบายการเงิน คือ การคาดการณ์เงินเฟ้อไม่สูงมากเกินไป”

    อย่างไรก็ตาม การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายครั้งที่ผ่านมา ยืนยันว่าเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ติดลบให้เข้าสู่ภาวะปกติในระดับที่สอดคล้องและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพื่อดูแลเสถียรภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไม่เติบโตเกินศักยภาพ

    **คลังอัดตลาดเงินเพี้ยน โวยเงินเฟ้อดัน ดบ.ขึ้นไม่หยุด

    นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มาอยู่ที่ 3%ต่อปี เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาว มีส่วนต่างน้อยมาก ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ ส่งผลให้นักลงทุนจะนำเงินมาเก็งกำไรในตลาดเงินระยะสั้นมากขึ้น การกู้เงินระยะยาวของคลัง โดยการออกพันธบัตรระยะ 10 ปี ปัจจุบันมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 3.7% ส่วนอัตราดอกเบี้ยการกู้เงินระยะสั่นปรับขึ้นมา 3.2% ทำให้ส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้สั้นและยาวต่างกันแค่ 0.5% เท่านั้น

    นายจักรกฤศฎิ์ กล่าวอีกว่า เงินเฟ้อที่ยังมีแนวโน้มสูงส่งผลให้ กนง.ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยคลังคาดว่า หลังจากนี้ กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.25% ภายในสิ้นปี 2554 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สั้นและยาวเกือบจะเป็นอัตราเดียวกัน ทำให้ตลาดเงินระยะสั้นมีปัญหาเก็งกำไรรุนแรง และตลาดการระยาวก็มีปัญหาไม่มีนักลงทุนสนใจ

    "กนง. ต้องดูแลตลาดการเงินไม่ให้บิดเบือนผิดปกติไปมากกว่านี้ เพราะในอนาคตหากอัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นไปเป็น 5-6% และต้องขึ้นดอกเบี้ยดูแลเศรษฐกิจอีก ธปท. จะดูตลาดการเงินไม่ให้มีการเก็งกำไรอย่างไร"

    นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวแนะนำว่า กนง. ควรศึกษาการบริหารตลาดการเงินของธนาคารกลางประเทศจีน ที่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ประมาณ 6% ต่อปี และเงินกู้ระยะสั้นอยู่ที่ประมาณ 3% ต่อปีเท่านั้น เพราะมีการใช้เครื่องมือบริหารเงินหลายอย่าง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย

    **เทสโก้ฯ ดัมพ์ราคา 27% ปลุกกำลังซื้อ

    นายเคิร์ท แคมป์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายลูกค้าและการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส ยอมรับว่า เป็นห่วงอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาสูงกว่าร้อยละ 4.19 ซึ่งทางห้างก็พร้อมช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพ

    ดังนั้น ห้างจึงมีนโยบายปรับลดราคาสินค้าลงกว่า 300 รายการ มีราคาลดลงสูงสุดถึงร้อยละ 27 โดยเน้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งข้าว น้ำมันพืช รวมถึงผลิตภัณฑ์นมต่างๆ ถึงช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2554 นี้ พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ทางเทสโก้ โลตัส ได้มีการเจรจาเรื่องราคาสินค้ากับผู้ผลิตอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ยังไม่มีการแจ้งปรับขึ้นราคา

    ขณะเดียวกันยังจะเพิ่มการดูแลในเรื่องความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค ซึ่งหากประชาชนซื้อสินค้าแล้วพบว่า ราคาที่ปรากฏในช่วงการชำระเงินไม่ตรงกับราคาที่ชั้นวางสินค้า ก็พร้อมจะคืนเงินส่วนต่าง 2 เท่า หรือสูงสุดถึง 1,000 บาท สำหรับสินค้าทุกประเภท ในระยะเวลาการขอคืนเงินได้ภายใน 7 วัน

    ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายที่จะขอความร่วมมือให้ห้างค้าปลีกเพื่ออาหารเมนูจานละ 25 บาทในศูนย์อาหาร ก็ยินดีให้ความร่วมมือกับทางหน่วยงานภาครัฐเพื่อช่วยประชาชนในการลดค่าครองชีพ

    **พาณิชย์ เผย พ.ค. บริษัทเจ๊ง 66%

    นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าววานนี้ โดยระบุว่า ในเดือนพฤษภาคม 2554 มีการยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ จำนวน 4,862 ราย โดยมีเงินทุนจดทะเบียนจำนวน 69,512 ล้านบาท แบ่งเป็นจัดตั้งในกรุงเทพฯ 2,713 ราย ภูมิภาค 2,689 ราย เพิ่มขึ้น 38% เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 1,360 ราย แต่เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2554 ลดลง 4% หรือ 236 ราย ส่วนเปรียบเทียบ 5 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-พฤษภาคม) กับช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 25% หรือ 5,267 ราย

    ส่วนนิติบุคคลที่เลิกกิจการทั่วประเทศมีจำนวน 681 ราย เพิ่มขึ้น 66% หรือ 273 รายเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน แบ่งเป็นเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 203 ราย ภูมิภาค 478 ราย และเพิ่มขึ้น 34% หรือ 173 รายเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2554 ส่วนเมื่อเทียบ 5 เดือนแรกปีนี้กับช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 21% หรือ 536 ราย

    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สรุปว่า แนวโน้มจากสถิติการจดทะเบียนตั้งบริษัทไม่ดี เพราะแม้จะมีการจัดตั้งบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ด้านการจดทะเบียนเลิกกิจการก็สูงมากเช่นกัน สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความไม่เชื่อมั่นเศรษฐกิจ จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งอยู่ในช่วงการเลือกตั้งที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีทิศทางอย่างไร ปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงปัญหาราคาน้ำมันและภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

    Stock Markets - Manager Online -
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 4 มิถุนายน 2554 17:56กูรูอินเดียเลิกอดอาหารหลังรบ.ยอมตามคำขอ
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    รัฐบาลอินเดียยอมทำตามคำเรียกร้องแก้ปัญหาคอร์รัปชันของอาจารย์โยคะอินเดีย หลังอาจารย์เริ่มอดอาหารประท้วง

    สวามีบาบา รามเทพ ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์โยคะชื่อดังแห่งอินเดีย ประกาศว่ารัฐบาลตกลงทำตามคำเรียกร้องของเขา และเขาจะเลิกอดอาหารประท้วงทันทีที่รัฐบาลรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะทำตามคำเรียกร้องของเขา
    สวามีรามเทพเริ่มอดอาหารประท้วงเมื่อช่วงเช้าวันนี้ พร้อมผู้สนับสนุนกว่าหมื่นคน โดยประกาศจะอดอาหารจนกว่ารัฐบาลจะรับมาตรการกวาดล้างการทุจริตของตน ซึ่งได้แก่ การทวงคืนเงินสินบนที่เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองนำไปซุกซ่อนในธนาคารต่างแดน ซึ่งบางฝ่ายประเมินว่าอาจสูงถึง 14 ล้านล้านบาท กลับมาช่วยเหลือคนยากจนในประเทศ และประหารชีวิตรัฐมนตรีที่พิสูจน์ได้ว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง
    สวามี รามเทพเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจโยคะและผลิตภัณฑ์สุขภาพมูลค่ากว่าร้อยล้านดอลลาร์ พำนักอยู่เมืองหะริดวาร์ ทางเหนือของอินเดีย รายการโยคะทางโทรทัศน์ทุกเช้าของเขามีผู้ติดตามชม 20 ล้านคน
    รัฐบาลพรรคคองเกรสส์อินเดียถูกรุมเร้าด้วยเรื่องทุจริตอื้อฉาว รวมทั้งกรณีรัฐมนตรีถูกจับฐานทุจริตออกใบอนุญาตโทรคนาคมมูลค่าเกือบ 40 ล้านดอลลาร์ และการยักยอกงบประมาณเตรียมจัดกีฬาในเครือจักรภพในปีที่แล้ว

     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 3 มิถุนายน 2554 15:30"มูดี้ส์"ขู่หั่นเรทติ้งสหรัฐเรื่องเพิ่มเพดานหนี้
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    "มูดี้ส์"ขู่หั่นเรทติ้งสหรัฐเรื่องเพิ่มเพดานหนี้ หลังทำเนียบขาว-คองเกรสงัดข้อหนักเรื่องนี้
    มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศเตือนว่า มูดี้ส์จะพิจารณาปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงจากขั้นสูงสุด ถ้าหากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไม่ประสบความคืบหน้าในการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐภายในช่วงกลางเดือนก.ค.
    เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ"
    ประกาศเตือนของมูดี้ส์ดังกล่าวเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อประธานาธิบดีบารัก โอบามา และนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ให้ใช้ความพยายามในการบรรลุข้อตกลงในเร็วๆนี้เพื่อสกัดกั้นภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงินโลก
    มูดี้ส์ระบุว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่ทั้งสองฝ่ายจะเผชิญทางตัน และเรียกร้องให้มีความคืบหน้าในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณในเร็วๆนี้ ก่อนที่การแข่งขันทางการเมืองจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.2555
    นายสตีเวน เฮส นักวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือระดับประเทศของมูดี้ส์ กล่าวว่า เราคิดว่านี่เป็นโอกาสอันหนึ่ง แต่ถ้าหากโอกาสนี้ผ่านเลยไปโดยที่ พวกเขาไม่ทำให้โครงการปรับลดยอดขาดดุล/หนี้สินระยะยาวครั้งใหญ่กลายเป็นจริงขึ้นมา เราก็คิดว่าโอกาสในการบรรลุข้อตกลงประเภทนี้จะลดน้อยลงมากจนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีไปแล้ว
    การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐจะสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินโลกแต่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่กังวลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงในอนาคต
    ด้านนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ พยายามโน้มน้าวสภาคองเกรสให้เพิ่มอำนาจการกู้ยืมของกระทรวงการคลัง เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลผิดนัดชำระหนี้โดยเขาได้เดินทางไปยังสภาคองเกรสเพื่อกล่าวชี้แจงจุดยืนของเขาต่อสมาชิกสภาคองเกรสสมัยแรกเป็นเวลา 45 นาที
    นายไกธ์เนอร์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวหลังการประชุมว่า ผมมั่นใจว่าจะมีสองสิ่งเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งได้แก่การที่เราหลีกเลี่ยงจากวิกฤติการผิดนัดชำระหนี้ และเราจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันในเรื่องแผนการคลังระยะยาว
    นายไกธ์เนอร์ประชุมกับสมาชิกสภาคองเกรสในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมูดี้ส์ประกาศเตือนว่า การเจรจาเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้าทำให้มีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่รัฐบาลกลางสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้เป็นเวลาสั้นๆ
    นายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นผู้นำในการเจรจาดังกล่าว ขณะเผชิญอุปสรรคจากจุดยืนที่แข็งกร้าวของทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต
    นายไกธ์เนอร์ คาดการณ์ว่า อาจเกิดหายนะทางการเงินขึ้น ถ้าหากสภาคองเกรส ไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลภายในวันที่ 2 ส.ค.ซึ่งเป็นวันที่กระทรวงการคลังจะใช้งบในมาตรการบริหารเงินสดพิเศษจนหมด หลังทางกระทรวงใช้มาตรการดังกล่าวนับตั้งแต่หนี้รัฐบาลสหรัฐขึ้นไปชนเพดานที่กำหนดไว้ที่ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 16 พ.ค.
    นายไกธ์เนอร์ กล่าวด้วยว่า การประชุมระหว่างเขาและสมาชิกสภาคองเกรสสมัยแรกดำเนินไปได้ด้วยดี แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนแสดงความไม่พอใจต่อการประชุมนี้ โดยพวกเขาต้องการให้รัฐบาลปรับลดงบรายจ่ายลงอย่างรุนแรงเพื่อแลกเปลี่ยนกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้
    นางคริสตี โนม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากกลุ่มที พาร์ตี้ ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมในพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า สมาชิกสภาคองเกรสสมัยแรกจากพรรครีพับลิกันบอกนายไกธ์เนอร์อย่างชัดเจนว่า พวกเขาจะไม่ให้เช็คเปล่ากับคณะผู้บริหารชุดนี้เพื่อใช้จ่ายเงินได้อีกต่อไป
    การเจรจาระหว่างสมาชิกสภาคองเกรสพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันในการทำข้อตกลงเรื่องการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณจะมีขึ้นอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย.
    สมาชิกพรรครีพับลิกันปฏิเสธที่จะพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นภาษีในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้ ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตคัดค้านข้อเสนอของพรรครีพับลิกันที่ให้ปรับลดการจ่ายเงินค่าสวัสดิการรักษาพยาบาลผู้เกษียณอายุ หรือ"เมดิแคร์"

    "
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐฯ กับการจัดการ “สงครามไซเบอร์”

    เพนตากอนเตรียมมาตรการตอบโต้การก่อวินาศกรรมบนโลกไซเบอร์

    ยุทธศาสตร์ไซเบอร์หรือยุทธศาสตร์ด้านสารสนเทศแห่งเพนตากอนที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในครั้งแรกนี้ คาดว่าจะเปิดเผยบางส่วนแก่สาธารณชนราวเดือนหน้า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะต่อกรกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง เนื่องจากแฮกเกอร์พยายามจะคุกคามเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งทางใต้ดิน หรือท่อส่งน้ำมัน โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นศัตรูทางด้านทหาร
    “เพนตากอน” หรือ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เจตนาที่จะวางแผนเพื่อเป็นการเตือนไปยังศัตรูที่มีศักยภาพในการโจมตีสหรัฐฯ ด้วยวิธีนี้ “หากคุณปิดเครือข่ายเชื่อมโยงระบบสายส่งพลังงาน (power grid) ของเรา เราอาจจะปล่อยขีปนาวุธไปที่บ้านของคุณได้เช่นกัน” เจ้าหน้าที่ทหารกล่าว
    การโจมตีด้วยระบบเพนตากอนครั้งล่าสุดที่เห็นได้ชัดก็คือ การปล่อยเวิร์ม Stuxnet เข้าเพื่อทำลายระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเครือข่ายเกี่ยวพันกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อิหร่าน และนี่เป็นวาระเร่งด่วนที่สหรัฐฯ พยายามจะพัฒนาแนวทางในการโจมตีศัตรูคู่อาฆาตบนโลกไซเบอร์อย่างเป็นทางการ
    ในปี 2008 ได้เกิดห้วงเวลาที่สำคัญขึ้น กล่าวคือระบบคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่งของทหารสหรัฐถูกทำลาย อย่างไรก็ตาม Lockheed Martin บริษัทผู้ผลิตอาวุธและอากาศยานรายใหญ่ที่สุดของโลกเพิ่งเปิดเผยว่าเป็นเหยื่ออีกรายของการเข้าทำลายระบบเช่นกัน
    [​IMG]
    รายงานดังกล่าวถูกจุดประกายให้นำไปสู่การถกเถียงหารือกันแต่ก็ยังเป็นประเด็นอ่อนไหวที่เพนตากอนเลือกที่จะไม่กล่าวถึง รวมทั้งการโจมตีของสหรัฐฯ ที่เคยทำมาก่อนหน้า และการให้คำนิยามเมื่อถูกก่อวินาศกรรมบนโลกไซเบอร์ว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความใส่ใจอย่างมาก เพราะสามารถก่อให้เกิดสงครามได้ อนึ่ง คำถามเหล่านี้ก็เคยเป็นหัวข้อที่สร้างความขัดแย้งภายในกลุ่มของเหล่าทหารมาแล้ว
    แนวคิดหนึ่งที่อาจได้รับแรงขับเคลื่อนจากเพนตากอนที่ถือว่ามีลักษณะ “สาสมกัน”

    หากมีการโจมตีในโลกไซเบอร์และนำไปสู่การล้มตาย ความเสียหาย การทำลาย หรือสร้างความแตกแยกในระดับสูง อันเป็นสาเหตุของการโจมตีทางทหารตามรูปแบบ อาจนำไปสู่การพิจารณาเพื่อ “ใช้กำลัง” เพื่อเป็นการแก้แค้นการกระทำดังกล่าวที่เห็นว่าสมน้ำสมเนื้อกันดี
    เพนตากอนได้ออกเอกสารที่เปิดเผยบางส่วนราว 12 หน้า และปิดลับอีก 30 หน้า ซึ่งสรุปกฎหมายว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธที่มีส่วนประกอบจากอนุสัญญาและกฎหมายหลากหลายฉบับด้วยกัน อันอาจนำไปสู่การก่อสงครามและหมายรวมถึงการทำโทษผู้ก่ออาชญากรรมดังกล่าว
    การประยุกต์ใช้ “สงครามตามแบบ” บนโลกไซเบอร์นั้น มียุทธศาสตร์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึง “หลักการสงครามไซเบอร์” ของสหรัฐฯ และพันธมิตรในการสร้างนโยบายทางด้านความมั่นคงใหม่ โดยองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ได้ริเริ่มทำเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นการวมกลุ่มเพื่อปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อการโจมตีศัตรูบนโลกไซเบอร์หรือผู้ก่อวินาศกรรมด้านสารสนเทศ
    เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเชื่อว่าการโจมตีทางคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญอย่างมากและจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลในด้านทรัพยากร เช่น การใช้ขีปนาวุธในการจู่โจมด้านเทคโนโลยี อาทิ เครือข่ายเชื่อมโยงระบบสายส่งพลังงาน น่าจะได้รับการพัฒนาโดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุน
    การเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการของเพนตากอนครั้งนี้มาจากการตระหนักรู้ของฝ่ายทหารสหรัฐ ที่ค่อยๆ สร้างระบบป้องกันเพื่อต่อต้านการโจมตีเช่นนี้ โดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Security Agency: NSA) ได้พยายามรวบรวมเครือข่ายด้านทหารเพื่อสร้างระบบในการโจมตีเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้แข็งแกร่งมากขึ้น
    [​IMG]
    ตามจริงแล้ว เพนตากอนเริ่มแผนโจมตีมาตั้งแต่ปี 2008 เช่นในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่เชื่อว่ามีการโจมตีที่เริ่มมาจากในรัสเซียแม้จะไม่เคยกล่าวว่าการกระทำเช่นนั้นมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาล แต่รัสเซียก็ออกมาปฏิเสธการเกี่ยวพันในกรณีดังกล่าว
    อย่างไรก็ตามกฎว่าด้วยความขัดกันทางอาวุธนั้น ชี้ให้เห็นว่าสงครามตามแบบนั้น มีการใช้สนธิสัญญาระหว่างประเทศ เช่น สนธิสัญญาเจนีวา ที่สหรัฐฯ และชาติอื่นๆ ต่างพิจารณาเห็นพ้องกันว่า กฎหมายระหว่างประเทศนั้นถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
    แต่สงครามไซเบอร์ หรือสงครามสารสนเทศไม่ได้ถูกคุ้มครองหรือครอบคลุมโดยสนธิสัญญาที่มีให้เห็นหรือดำรงอยู่ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทหารหลายฝ่ายจึงกล่าวว่า เขาต้องการแสวงหาฉันทามติท่ามกลางกลุ่มพันธมิตรเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว
    ทั้งนี้ พลอากาศตรี Charles Dunlap (เกษียณอายุราชการแล้ว) และอาจารย์แห่ง Duke University law school ได้กล่าวว่า “Act of war” คือ วลีทางการเมือง ไม่ใช่คำที่ใช้ในทางกฎหมาย ซึ่งเห็นว่าการโจมตีทางไซเบอร์นั้นมีความรุนแรงพอๆ กับการโจมตีด้วยอาวุธ หรือที่ทหารมักเรียกว่าเป็น “การใช้กำลัง” (use of force)
    ขณะที่ James Lewis ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางคอมพิวเตอร์ แห่งศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้แก่ทีมบริหารของประธานาธิบดีโอบามา กล่าวว่า ในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกำลังประเมินว่าการโจมตีทางไซเบอร์ประเภทใดที่ถือเป็น “การใช้กำลัง” ขณะที่นักวางแผนทางด้านการทหารหลายรายเชื่อว่า มาตรการในการ “เอาคืน” หรือ “แก้แค้น” ดังกล่าว ควรต้องระบุให้ชัดถึงความเสียหาย ความพยายาม และสาเหตุของการโจมตีนั้นด้วย
    ตัวอย่าง ถ้ามีการก่อวินาศกรรมระบบคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดเหตุขัดข้องจนต้องปิดตัวลง เช่น ในด้านการค้า ถ้ามีการขัดขวาง หรือปิดล้อมทางเดินเรือ ก็สามารถพิจารณาได้ว่า ท่าทีดังกล่าวมีลักษณะต้องการก่อสงคราม สามารถตัดสินใจให้ใช้มาตรการ “เอาคืน” เพื่อโต้ตอบกลับไปได้เลย

    The Wall Street Journal

    สหรัฐฯ กับการจัดการ "สงครามไซเบอร์" | Siam Intelligence
     
  18. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    ......

    ........ดัััันนน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2011
  19. CottonFields

    CottonFields เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +149
    วันนี้แวะกลับเข้ามาเยี่ยมบ้านเก่า ครึ้มอกครึ้มใจ เลยเอาข้าเขียนของคุณเน็กซ์แห่งเวบไทยโกลด์ที่ผมเคยนำบทความมาลงก่อนหน้านี่้

    ถ้ายังจำกันได้ ช่วงที่ผมเข้ามาแนะนำให้เก็บทองคำในกระทู้คุณขวัญ ราคาทองยังไม่ถึงบาทละสองหมื่นเลย ถ้าตอนนั้นใครไหวตัวทันถือว่าโชคดีครับ

    ส่วนของผมเต็มปอดเลยครับ และอีกไม่นานสิ่งที่ทุกท่านไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นครับ นั่นคือแมนเนี่ยเฟส เป็นอย่างไร ติดตามบทความของคุณเน็กซ์ครับ

    อ่านแบบเต็ม ๆ ได้ที่เวบไทยโกลด์นะครับ

    โพสต์ <abbr class="published" title="2011-07-19T06:27:29+00:00">วันนี้, 01:27 PM</abbr>
    [​IMG]




    1,400-1,500-1,600 เหรียญ

    ปีนี้เป็นปี “ทอง”จริงๆครับ
    ช่วงต้นปีเราได้เห็น 1,400$ หลังจากนั้นไม่นานก็ 1,500$
    แล้ววันนี้ทองคำทำสถิติแตะที่ระดับ 1,600$ เป็นครั้งแรก

    มองย้อนกลับไปแบบนี้อาจจะดูเหมือนง่าย
    แต่ใครที่ลงทุนทองคำอยู่ก็คงรู้ว่าเส้นทางที่ผ่านมามันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น

    สาเหตุก็เพราะระหว่างทางมี บทวิเคราะห์,ปัจจัย,และข่าวสารต่างๆมากมาย ที่บ่งชี้ว่า

    ทองจะลง,ลงบ้าง,ไปจนถึงขั้น ลงเละ !! [​IMG]

    การเหวี่ยงของราคาแต่ละครั้งก็ยิ่งทำให้เราไขว้เขว

    ผู้ที่ยังกอดทองคำอยู่เต็มพอร์ทมาจนได้ถึงวันนี้ จึงประกอบไปด้วย

    [​IMG] 1. ผู้ที่ซื้อทองเก็บทิ้งๆไว้และไม่ได้ติดตามข่าวสารอะไร

    [​IMG] 2. ผู้ที่เข้าใจในปัจจัยพื้นฐานทองคำเป็นอย่างดีและไม่หวั่นไหวกับราคาที่ขยับขึ้นๆลงๆ ในแต่ละวัน

    ที่ผ่านมา ผู้ที่หาจังหวะเข้าซื้อทองคำ เล็งแล้วเล็งอีก
    เพื่อให้ได้ราคาที่ตนเองต้องการ กลับสำคัญที่ว่า "ได้ซื้อหรือเปล่า"? และ "ซื้อเยอะหรือไม่"? มากกว่า

    สำหรับ "ทองคำแท่ง" ไม่มีคำว่าซื้อเกินกำลังหรือเกินตัว (Overtrade)
    ตราบเท่าที่คุณมีเงินเก็บเย็นๆ สามารถจะซื้อหามันมาได้โดยไม่ต้องไปกู้ยืมใครมาลงทุน

    [​IMG] หลายต่อหลายคนยกเลิกบัญชีเงินฝากไม่ว่าจะออมทรัพย์หรือประจำหันมาเก็บเป็นทองคำแทน
    ถึงวันนี้ คุณคงรู้และเข้าใจแล้วว่า “สิ่งที่คุณตัดสินใจนั้นถูกหรือผิด”

    [​IMG] มีคนเคยตำหนิ โอกาส“ทอง”(จริงๆ) ว่าแนะนำให้คนซื้อทองแบบไม่ลืมหู ลืมตา???
    ผมคงต้องขอชี้แจงว่า "ไม่จริงครับ"

    เพราะหากเป็นเช่นนั้นผมคงไม่ต้องเสียเวลามานั่งเขียนบทความยาวนานหลายเดือน เขียนหนังสือทั้งเล่ม
    “เพื่ออธิบาย” เหตุและผลว่าทำไมคุณถึงควรถือครองทองคำ.......

    เหตุผลต่างๆ เหล่านั้นล้วนยังคงอยู่ พร้อมให้คุณย้อนกลับไปอ่านได้ทุกเวลา
    หรือต่อให้คุณพลาดไปแแล้วที่ผ่านมาคุณดันหลงเชื่อผมมากเกินไป ซื้อทองเข้าไปเต็มรัก(แบบไม่ลืมหูลืมตาขึ้นมาจริงๆ)
    ถึงวันนี้ คุณคงรู้และเข้าใจแล้วว่า “สิ่งที่คุณตัดสินใจนั้นผิดหรือถูก”

    เหตุผลต่างๆ เหล่านั้นนับวันมีแต่จะยิ่งชัดขึ้นๆ แรงขับเคลื่อนราคาทองคำในปีนี้
    เริ่มจาก

    -นโยบาย QE2 ตามมาด้วย

    -ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป

    -ความวุ่นวายในตะวันออก และ

    -ปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐอมเริกา


    ปัญหาเหล่านี้ต้องใช้คำว่า “ยังคาราคาซัง” นับวันมีแต่จะบานปลายและแย่ลง

    วันนึงเราอาจจะเห็นยูโรอ่อน ดอลล่าร์แข็ง อีกวันนึงเราเห็น ยูโรแข็ง ดอลล่าร์อ่อน สลับกันไปมาอยู่อย่างนี้

    สาเหตุก็เพราะปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะฝั่งยูโรโซนที่ลามจากกรีซ ไปอิตาลี่ โปรตุเกส และ ไอร์แลนด์ เงินทุนไหลออกไปหาดอลล่าร์
    เกิดภาพลวงตาขึ้นมาว่าดอลล่าร์แข็ง
    การโยกหนีปัญหาแบบนี้ ไม่ต่างจากการกระโดดหนีจากกระทะลงเตาแก๊ส
    เพราะสุดท้ายค่าเงินที่จะล่มสลายในที่สุดก่อนเพื่อนคือ “ดอลล่าร์”


    [​IMG] ปัญหาระยะสั้นเร็ววันนี้ของสหรัฐก็คือ “การยกระดับเพดานหนี้” (Debt Ceilling)

    เพดานหนี้ มีเอาไว้เพื่อ “จำกัดการมีหนี้” ไม่ให้มากเกินไป
    นักการเมืองสหรัฐกำหนดมันขึ้นมาเพื่อทำให้ตนเองดูเหมือน คนมีระเบียบ รู้จักจำกัดการใช้จ่าย
    แต่ทุกครั้งที่หนี้พุ่งสูงติดเพดาน

    “เค้าเลื่อนขึ้นทุกครั้ง” ???

    เพดานบ้านไหน ปรับขึ้นได้ตลอดแบบนี้ ? เวลาสัมภาระในห้องเก็บของบ้านเราเต็ม
    เราสมควรเลือกทิ้งของบางอย่างที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ไม่ใช่ รื้อฝ้าห้องเก็บของแล้วเลื่อนให้มันสูงขึ้น

    สหรัฐก็เช่นกัน เมื่อหนี้ชนเพดานที่ 14.294 Trillion
    สิ่งที่สหรัฐจำเป็นต้องทำคือ “ตัดรายจ่ายภาครัฐทิ้ง”

    ไม่มีใครแก้ปัญหาภาระหนี้ได้โดยการ“เป็นหนี้เพิ่ม”
    การใช้จ่ายเกินตัวต้องแก้ปัญหาด้วยการลดการบริโภคในอนาคต (under consumption)นี่คือหลักเศรษฐศาสตร์อย่างง่ายที่ใครๆก็เข้าใจ

    แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า สหรัฐจะทำการเลื่อนเพดานหนี้เหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมาพร้อมประกาศว่า
    “นี่คือชัยชนะ ของการประนีประนอมในสภา ช่วยประเทศชาติให้เดินหน้าต่อไปได้”

    จะเดินหน้าไปไหนครับ? Hyperinflation รึเปล่า?

    ถ้อยแถลงของ บารัค โอบาม่า ชัดเจนว่า

    “หากเราไม่เลื่อนเพดานหนี้ ประเทศชาติและระบบเศรษฐกิจเสี่ยงต่อการล่มสลาย (Default)
    ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้ารับไม่ได้และเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเค้า”


    Moody’s ได้ยินบ้างหรือเปล่าครับ ??

    Moody’s rating เป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ประหลาดมาก
    ไล่ลดอันดับความน่าเชื่อถือประเทศอื่นไปทั่ว
    แต่กับสหรัฐยังคงไว้ที่ AAA


    ล่าสุดออกมาเตือนว่าหากสหรัฐไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้จะลดอันดับ ??

    ทำไมไม่ลดวันนี้ล่ะครับ...

    หากสหรัฐเป็นบริษัทเอกชน การไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มได้จะทำให้ล้มละลาย(Bankruptcy)
    บริษัทแบบนี้ยังควรจะมีความน่าเชื่อถือระดับ AAA อยู่อีกหรือ ??

    สมมุติว่า...สหรัฐไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้แล้วล่มสลายขึ้นมาจริงๆ
    Moody’s จะทำยังไง? ลดเครดิตเหลือ AA อย่างนั้นหรือ ??
    มันควรจะเรทเป็น “ขยะ” (Junk) แล้วในตอนนั้น

    หากเป็นเช่นนี้ จะมี AA A+ A- B C ไว้ทำไม ?
    ในเมื่อขนาดใกล้จะล่มสลายยังคงไว้ได้ซึ่ง Tripple A ??

    การกระทำแบบนี้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากความไม่โปร่งใสของสถาบันจัดอันดับ
    จีนเองคงจะทนไม่ได้จึงมีบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตนเอง (ต้ากง) และได้กล้าลดระดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐมานานแล้ว


    [​IMG] Quantitative Easing นโยบายผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่

    นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำขึ้นไปอีก ขอเพียงเบน เบอร์นันเก้ บอกไบ้เป็นนัยๆว่าจะอัดฉีดเพิ่ม
    ทองก็พร้อมจะพุ่งต่อเนื่องได้ทันที

    “ยังไงก็มาครับ”

    ไม่สำคัญว่าจะใช้ชื่อเรียกว่าอะไร สำคัญที่เค้าจะทำอะไรมากกว่า การพิมพ์เงินเพิ่ม เค้าก็เปลี่ยนชื่อมาหลายครั้งแล้ว
    จะเปลี่ยนอีกหรือไม่ตั้งชื่อก็คงไม่แปลก

    เวลานี้ทำ “ลีลา” ราวกับว่า QE เป็นทางเลือก อาจจะอัดฉีดหรือไม่อัดฉีดก็ได้ ขอพิจารณาก่อน
    แท้จริงแล้วเป็นแค่การเกทับ หรือภาษาวัยรุ่นเรียกว่า “แอ๊บ”
    เพราะคำตอบสุดท้ายก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก.....พิมพ์เงินเพิ่ม

    เมื่อ “คิวอี” รอบใหม่มา นักลงทุนทองคำก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถึง “คิวอั๊ว” (อีกแล้ว)

    ประเด็นต่อมาที่น่าสนใจก็คือ

    กลางที่ประชุม Semi-annual คำให้การของประธานธนาคารกลางต่อสภาคองเกรส
    ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างแพร่หลายนั่นก็คือ

    เบน เบอร์นันเก้ ตอบวุฒิสมาชิก รอน พอล ว่า "Gold is not money"

    ทองคำไม่ใช่เงิน เป็นแค่โลหะมีค่า แต่ก็ถือว่าเป็นสินทรัพย์อีกอย่างหนึ่ง

    ผู้ที่ติดตามอ่านบทความมาตั้งแต่ต้น คงเข้าใจดีว่าทำไม “ทองคำถึงเป็นเงินที่แท้จริง” ผมขออนุญาตไม่อธิบายซ้ำ
    เมื่อถูกถามต่อว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไม ธนาคารกลางทั่วโลกถึง เก็บทองคำไว้เป็นทุนสำรอง ?
    เบน เบอร์นันเก้ ตอบว่ามันเป็น ธรรมเนียม (Tradition)

    ธรรมเนียมอะไร ?

    เบน เบอร์นันเก้ พูดถูกครับ แต่พูดไม่หมด
    หากจะพูดให้ถูกต้องครบถ้วนควรจะเป็น

    "ธนาคารกลางเก็บทองไว้ตามธรรมเนียม โดยธรรมเนียมที่ว่านั้นก็คือ ทองคำคือเงินที่แท้จริง (Real money)"

    แบบนี้ต่างหากถึงจะถูก
    แต่ เบน เบอร์นันเก้อาจไม่คิดเช่นนั้นก็ได้
    ถ้าเป็นอย่างนี้เรามาดู “ธรรมเนียมปฏิบัติ” ของธนาคารกลางย้อนหลังกันหน่อยครับ


    [​IMG]


    กราฟนี้คือกราฟปริมาณทองคำเปลี่ยนแปลงต่อปีของธนาคารกลางทั่วโลก (จาก World Gold Council)

    เริ่มต้นที่ปี 2002 แต่หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น จนมาถึงปี 2008 จะพบว่า
    ธนาคารกลางขายทองคำทิ้งมาตลอดกว่า 20 ปี !!

    แต่หลังจากนั้นจนมาถึงปีนี้ ธรรมเนียมปฏิบัติของธนาคารกลางเปลี่ยนไป
    จากเคยขายทองคำเปลี่ยนมาเป็น “ซื้อทอง”!!

    แท่งกราฟที่เคยแดงมาตลอดพลิกกลับมาเป็นแท่งเขียว
    เฉพาะปีนี้ปีเดียว ตั้งแต่ต้นปีถึงเมษายน ธนาคารกลางเก็บทองเข้าคลังแล้ว 150 ตัน !!

    นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตปีที่แล้วเพิ่มขึ้นเพียง 2% ในขณะที่ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นถึง 10%
    เมื่อ Demand มากกว่า Supply ถือเป็นปัจจัยสำคัญให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเข้าไปอีก

    ..............................................................................


    ตั้งแต่ต้นปี เพียง 7 เดือน ทองปรับตัวขึ้นมาแล้ว 12% (ในสกุลเงินบาท)
    ค่าเฉลี่ยการปรับขึ้นต่อปีอยู่ที่ 17% จะเห็นว่าก็ยังพอมี Upside เหลือ แต่ผมสังหรณ์ใจว่า ปีนี้เราอาจได้เห็นการปรับราคาขึ้น “เกินค่าเฉลี่ย”

    ต่อจากนี้ไปหากเห็นการปรับฐานของทองคำก็ไม่ต้องตกใจนะครับ
    ทุกครั้งที่ทองลง คือ “ส่วนลดที่ทองคำมอบให้เรา” รับมันไว้ครับ
    เพราะธรรมชาติของทอง “หากมันลง เดี๋ยววันนึงมันก็ขึ้นอยู่วันยังค่ำ
    แต่ถ้ามันลองได้ขึ้นแล้วบางทีมันวิ่งโดยไม่หันกลับไปมองดอยเก่าอีกเลย”


    อืม...เป็นอย่างนี้เวลาทองลงเราควรดีใจหรือเสียใจดี ?

    ประเด็นต่างๆที่ได้เกริ่นไว้ ก็เหมือนลูกระเบิดที่เราเองก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าลูกไหนมันจะระเบิดออกมาก่อน
    เตรียมยาหยอดตาไว้ด้วยนะครับ เพราะคงต้องจ้องกันตาไม่กระพริบ
    หากทองคำเข้า Mania phase เมื่อไหร่
    ยากที่จะได้เก็บของถูกระหว่าทางครับ.

    [​IMG]
     
  20. Eroda

    Eroda สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +5
    ตอนนี้เหล่าอัศวินได้ลุกขึ้นมาเต้นฟุตเวิรค์แล้ว จับตาดูต่อจากนี้ให้ดีครับ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rAwp2FnRmsE&skipcontrinter=1]‪Knights Templar 2083 by Anders Behring Breivik - Oslo killer‬&rlm; - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...