เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 13 มกราคม 2554 14:17ซิตี้แบงก์เปิดสาขาในไทยเพิ่ม20แห่งในปี55
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    นายปวิณ รอดลอยทุกข์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า ธนาคารมีแผนจะขยายสาขาเพิ่ม 2 สาขา ภายในปีนี้ หลังได้รับการอนุมัติให้ดำเนินธุรกิจธนาคารอย่างเต็มรูปแบบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนักธุรกิจและพนักงานเงินเดือน
    สำหรับผลิตภัณฑ์หลักของธนาคารจะยังเน้นไปที่กลุ่มสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต นอกจากนี้ธนาคารยังมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 20 สาขา ในปี 2555 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้ธนาคารต่างชาติดำเนินธุรกิจในไทย
    ส่วนในปี 2555 ธนาคารซิตี้แบงก์จะเพิ่มสาขาอีก 17 สาขา เพื่อให้มีสาขาครบ 20 สาขา ตามเกณฑ์ที่ธปท.อนุญาต ที่ผ่านมาธนาคารมีแผนจะขยายสาขามาโดยตลอด แต่สถานการณ์ในปัจจุบันถือว่าเอื้ออำนวยที่สุด เพื่อให้เราจะมีกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น
    ปวิณ รอดลอยทุกข์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์

    ซิตี้แบงก์เตรียมเปิดสาขาในไทยเพิ่ม 20 สาขา ภายในปี"55 ขยายฐานลูกค้ารายย่อย

    นายปวิณ รอดลอยทุกข์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า ธนาคารมีแผนจะขยายสาขาเพิ่ม 2 สาขา ภายในปีนี้ หลังได้รับการอนุมัติให้ดำเนินธุรกิจธนาคารอย่างเต็มรูปแบบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนักธุรกิจและพนักงานเงินเดือน

    สำหรับผลิตภัณฑ์หลักของธนาคารจะยังเน้นไปที่กลุ่มสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต นอกจากนี้ธนาคารยังมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 20 สาขา ในปี 2555 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้ธนาคารต่างชาติดำเนินธุรกิจในไทย

    ส่วนในปี 2555 ธนาคารซิตี้แบงก์จะเพิ่มสาขาอีก 17 สาขา เพื่อให้มีสาขาครบ 20 สาขา ตามเกณฑ์ที่ธปท.อนุญาต ที่ผ่านมาธนาคารมีแผนจะขยายสาขามาโดยตลอด แต่สถานการณ์ในปัจจุบันถือว่าเอื้ออำนวยที่สุด เพื่อให้เราจะมีกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น

     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 9 พฤษภาคม 2554 16:57มาเลย์ตำหนิไทยกรณีพิพาทกัมพูชา
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]
    กัวลาลัมเปอร์ - มาเลเซียตำหนิไทย กรณีพิพาทล่าสุดกับกัมพูชา ระบุได้ตกลงในสัญญาให้ส่งผู้สังเกตการณ์ไปดินแดนข้อพิพาทแล้ว

    นายริชาร์ด ไรโอต จาเอม รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่าไทยกับกัมพูชาตกลงกันแล้วที่จะรับผู้สังเกตการณ์ทางทหารอินโดนีเซีย เข้าไปยังชายแดน และไทยควรยึดมั่นกับข้อตกลง

    "ผมไม่อยากพูดว่าพวกเขาขาดความเชื่อมั่น แต่พวกเขาไม่ยึดมั่นในข้อตกลง ไทยปฏิเสธและนี่เป็นสาเหตุให้มีการปะทะกันอีก ผมย้ำว่าทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงไทยกัมพูชา เห็นพ้องในข้อตกลงแต่น่าเศร้าที่จะพูดว่าข้อตกลงไม่คืบหน้าไปไหน เพราะกัมพูชายอมรับ แต่ไทยไม่ยอมรับ" นายจาเอมกล่าว

    "ก่อนหน้านี้ กัมพูชาชี้ไปที่ไทยว่าเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ส่วนไทยก็บอกว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่ม ดังนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศจึงตัดสินใจส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไป เพื่อตัดสินว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน" นายจาเอมเท้าความ

    ทั้งนี้ ไทยเรียกร้องให้กัมพูชาถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหารก่อนยอมรับผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย

     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 9 พฤษภาคม 2554 14:34ผู้นำเจไอชู"บิน ลาเดน"ได้ขึ้นสวรรค์
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]
    ผู้นำเจไอชู"บิน ลาเดน"ได้ขึ้นสวรรค์ อัยการถอน 2 ข้อหาเรื่องก่อการร้าย

    นายอาบู บาการ์ บาเชียร์ ผู้นำทางจิตวิญญาณของกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ (เจไอ) ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายในอินโดนีเซีย ให้ความเห็นกับนักข่าวในวันนี้ก่อนที่จะเข้าสู่ศาลกรุงจาการ์ตาที่พิจารณาคดีเขาในข้อหาสนับสนุนการจัดตั้งค่ายฝึกก่อการร้ายในจังหวัดอาเจะห์ โดยบอกว่า โอซามา บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายอัลไกด้า เป็นนักรบศักดิสิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ และหากเป็นเรื่องจริงว่าเขาถูกสังหาร ศพของเขาจะได้รับการต้อนรับจากพระเจ้าและจะได้ขึ้นสวรรค์ แต่หาก
    ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ ไม่สำนึกบาปและหันมานับถือศาสนาอิสลาม เขาจะตายเยี่ยงคนนอกรีดและจะต้องตกนรก
    ปัจจุบัน ผู้นำเจไอ วัย 72 ปีกำลังถูกดำเนินคดีในข้อหาสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ผู้ก่อการร้าย ปลุกระดมให้ผู้อื่นกระทำการก่อการร้าย และมีส่วนพัวพันกับค่ายฝึกก่อการร้าย ที่ถูกตรวจพบในจังหวัดอาเจะห์เมื่อต้นปีที่แล้ว กลุ่มเจไอได้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพหลายครั้งในอินโดนีเซียทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 260 ราย
    ทั้งนี้ อัยการได้เสนอต่อผู้พิพากษาในวันนี้ ให้ถอนข้อหาร้ายแรงที่สุด คือ การจัดหาอาวุธปืนและระเบิดสำหรับการก่อการร้าย เนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้เขาจะรอดพ้นโทษประหารชีวิต นอกจากนี้ อัยการยังขอยกเลิกข้อหาปลุกระดมให้ดำเนินการก่อการร้ายด้วย ทำให้เหลือเพียงข้อหาเดียว
    คือ จัดหาเงินทุนสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และอัยการได้แนะนำให้ลงโทษสูงสุด คือ จำคุกตลอดชีวิต หลังจากนั้น ผู้พิพากษาได้นัดวันขึ้นศาลครั้งใหม่ในวันที่ 25 พฤษภาคมเพื่อฟังคำให้การจากฝ่ายจำเลย
    ผู้สนับสนุนหลายร้อยคนของนายบาเชียร์ ได้รวมตัวกันที่ด้านนอกศาลและตะโกนสนับสนุนนายบาเชียร์ พร้อมทั้งประกาศว่า การถอนข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดถือเป็นชัยชนะสำคัญในคดีนี้

     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “เหตุผล อารมณ์ และสัญชาตญาณ” เครื่องปรุงรสเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย (Creative Economy)

    Every man has only one destiny.
    Don Vito Corleone

    นับจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา มนุษย์ได้ถูกกำหนดให้มี “เส้นทางชีวิต” เพียงประการเดียว เพื่อจะได้พัฒนาความชำนาญเฉพาะทาง (Comparative Advantage) ที่นำไปสู่ประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิตสินค้าและบริการ
    ในยุคสมัยที่เศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรมกำลังตกต่ำ เศรษฐกิจสร้างสรรค์กำลังเฟื่องฟู ชีวิตมนุษย์ก็อาจต้องพลิกผันอีกครั้ง โดยเปลี่ยนจากความขยันหมั่นเพียรในการเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Specialist) กลายมาเป็นการโอบรับความหลากหลายของเส้นทางชีวิต เพื่อบรรจบเชื่อมร้อยให้เป็น “พลังสร้างสรรค์” ที่พิเศษเฉพาะตัวและเลียนแบบได้ยาก
    [​IMG]
    คนไทยในวันนี้ยังมิได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลง หนุ่มสาวทั้งหลายยินดีที่จะแย่งชิงไขว่คว้าปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เพียงเพื่อจะเดินออกมาจากรั้วและพบว่า “งานสบาย เงินดี” ไม่มีอยู่อีกต่อไป
    ตัวเลขการว่างงาน (Unemployment Rate) ได้กลายเป็นปัญหาและภาระหนักหน่วงที่สุดของประเทศพัฒนา โดยเฉพาะเมื่อระบบสวัสดิการสังคมที่ออกแบบมาด้วยเจตนาดี กลับทำให้ผู้คนในโลกตะวันตก เต็มไปด้วยความเกียจคร้านและเบื่อหน่ายที่จะออกหางานทำ
    วิธีคิดแบบเหตุผลนิยมสุดขั้ว เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มนุษย์เลือกที่จะแบมือรับเงินจากรัฐบาลอย่างไร้ศักดิ์ศรี แทนที่จะทำงานสร้างสรรค์ให้สมกับที่ได้ถือกำเนิดเกิดมา การทำงานไม่ได้มีคุณค่าความหมายต่อชีวิต นอกจากเป็นเพียงเครื่องมือไปสู่ความสะดวกสบายทางวัตถุเท่านั้น
    ประเทศไทยอาจต้องพบจุดจบที่น่าเศร้าเช่นเดียวกับผู้คนอ่อนล้าในประเทศตะวันตก หากไม่รีบปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจและวิธีคิดในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจำกัดขอบเขตของชีวิตให้อยู่ในสาขาวิชาที่ร่ำเรียนมา ความหวาดกลัวที่จะถามหัวใจตนเองและก้าวเดินไปสร้างสรรค์ผลงานแนวใหม่ที่ยังไม่มีใครค้นพบ
    Harry Potter นิยายระดับพันล้านที่สร้างรายได้ให้นักประพันธ์และประเทศอังกฤษอย่างมหาศาล ได้ถือกำเนิดมาในห้วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของชีวิต เธอกำลังตกงานและยากไร้ แถมยังหย่าร้างกับสามีพร้อมด้วยลูกติดที่ต้องทะนุถนอมเลี้ยงดู หากทว่า การพังทลายของชีวิตทำงานที่น่าเบื่อ ได้เปิดโอกาสให้เธอได้เริ่มต้นทำในสิ่งที่รักอย่างจริงจัง นั่นคือ การเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่
    หากทุกคนต้องรอให้ชีวิตถึงห้วงวิกฤตเสียก่อน แล้วจึงค่อยลุกขึ้นมาสร้างสรรค์ คงไม่เป็นการดีต่อชีวิตและประเทศชาติอย่างแน่นอน ทางออกที่ดีกว่า คือ การละทิ้งเหตุผลที่น่าเบื่อหน่ายของโลกการทำงานแบบเดิมไปชั่วคราว เพื่อปลดปล่อยอารมณ์และจินตนาการให้โลดแล่น ฝึกฝนสัญชาตญาณให้เฉียบไวในการเปิดรับโอกาสยิ่งใหญ่ ที่มักจะผ่านเข้ามาในเส้นทางที่เราไม่คุ้นชิน
    การยืนหยัดในเส้นทางการทำงานแบบเดิม มีแต่จะทำให้ผลตอบแทนชีวิตลดน้อยลง เพราะทุกปีจะมีเด็กจบใหม่ เงินเดือนถูกกว่า แห่วิ่งออกมายื้อแย่งแข่งขันในตลาดแรงงาน พนักงานอาวุโสทั้งหลายจึงจำใจต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินเดือนและผลตอบแทนแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย
    “สัญชาตญาณ” จึงเป็นความหวังเดียว ที่จะชี้เส้นทางใหม่ที่ไม่คาดฝันให้ชีวิต วิถี่ที่จะไม่มีใครเลียนแบบได้ วิถีที่มีความเป็นตัวของตัวเองอย่างถึงที่สุด (Originality) แน่นอนว่า ในช่วงเริ่มต้นอาชีพหรือธุรกิจใหม่อาจสร้างผลตอบแทนไม่มากนัก หากทว่า ความสามารถและประสบการณ์ที่เพิ่มพูนขึ้นก็ย่อมนำมาซึ่งผลตอบแทนที่มากกว่าอาชีพเดิมที่เต็มไปด้วยคู่แข่งที่น่ากลัว
    เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ไม่ได้เป็นสิ่งที่สับสนและยากเย็นอย่างที่คนส่วนใหญ่คาดคิด หากมนุษย์จะต้องพาตัวเองหลุดพ้นจากความน่าเบื่อของประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสุด ร้านอาหารในระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ไม่จำเป็นต้องมีรสชาติดีที่สุด หากทว่าจะต้องสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยอารมณ์สุนทรีย์ อารมณ์ที่แหวกแนวจากร้านอื่น อารมณ์ที่หล่นหายไปในยุคแห่งความเฟื่องฟูทางวัตถุ
    การเริ่มต้นสิ่งใหม่เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและผลตอบแทนมหาศาล ทุกประเทศจึงรีบเร่งที่จะทดลองค้นคว้าเพื่อค้นหารูปแบบที่เหมาะสมในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่กระนั้นก็ยังคงงงงันว่า “ความสร้างสรรค์” จะปฏิวัติและเปลี่ยนแปลงโลกไปได้อย่างไร โลกที่ล้นเกินไปด้วยนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์จนไม่เหลือที่ว่างอื่นใดให้เติมเต็ม นี่คือ โอกาสครั้งใหญ่ที่ประเทศไทยจะกล้าคิดอย่างแตกต่าง โดยการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางจิตใจ นวัตกรรมที่ไม่ต้องอิงกับความหรูเลิศอลังการทางวัตถุ นวัตกรรมที่กลับมาให้ความสำคัญกับการเติมเต็มอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย อารมณ์ความรู้สึกที่ยังมีสัดส่วนการวิจัยน้อยนิดเมื่อเทียบกับการทดลองทางวัตถุ
    หากทว่า สัญชาตญาณและอารมณ์ก็ยังมีจุดอ่อนที่ต้องให้เหตุผลมาช่วยเติมเต็ม เพราะข้อดีของจินตนาการที่ไร้ขอบเขต ก็อาจกลับเป็นข้อเสียได้หากหลุดลอยจากโลกความจริง การทดลองเดินตามความฝันไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย ก็อาจทำให้กลายเป็นคนล้มเหลวได้ในท้ายที่สุด การปล่อยให้เหตุผลที่เข้มงวดเข้ามาบีบบังคับเงื่อนเวลาในการค้นหาตัวเอง ย่อมช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นคนหลักลอยได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ภาวะบีบคั้นที่เหมาะสมอาจนำไปสู่การกระตุ้นให้สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด สามารถเปล่งประกายอย่างถึงขีดสุด และนำไปสู่ความสำเร็จยิ่งกว่าในภาวะปกติสุข
    การตัดสินใจสุดท้ายว่าจะเชื่อเหตุผล อารมณ์ หรือสัญชาตญาณ ย่อมไม่มีสูตรสำเร็จ บางทีการเชื่อเหตุผลอาจเป็นความผิดพลาด เพราะอีกนิดเดียวโครงการความฝันที่เคยล้มเหลวยาวนานก็จะพลิกกลับมาเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่กระนั้น หากปล่อยให้ยืดยาวต่อไปก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเสียเวลาและทรัพยากรไปอีกเท่าไร จนกระทั่งวัยหนุ่มสาวล่วงพ้นผ่านไป แล้วกลายเป็นวัยกลางคนที่หดหู่ปวดร้าว ไม่สามารถหยัดยืนในสังคมต่อไปได้
    มิตรภาพแห่งความสร้างสรรค์ (Creative Friends) จึงเป็นสิ่งจำเป็นของผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อคอยตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอว่า แนวคิดหรือโครงการใหม่ที่เราเลือกเดินนั้น มีความเป็นไปได้แค่ไหน จะต้องระดมทรัพยากรอย่างไร และเมื่อใดจึงควรจะล้มเลิกโครงการก่อนที่จะกลายเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่
    ศิลปะในการสนทนาและสร้างสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งมีเพื่อนในหลากหลายวงการเท่าใด โอกาสสำเร็จก็จะมีเพิ่มขึ้นเท่านั้น เพราะการสร้างสรรค์ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยการหยิบยืมทรัพยากรทางความคิดจากทุกหนแห่ง เพื่อมาผสมผสานอย่างซับซ้อนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครสามารถเลียนซ้ำได้
    หากทว่า การสร้างสรรค์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนที่หลากหลายประทับใจและยินยอมช่วยเหลือเกื้อกูล ย่อมไม่ได้มาจากเหตุผลที่แห้งแล้งทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว หากยังต้องเข้าถึงอารมณ์รู้สึกของผู้คนอีกด้วย ที่สำคัญ คนส่วนใหญ่ย่อมมีทั้งส่วนที่เปิดเผยและซ่อนเร้น จึงมีเพียงสัญชาตญาณที่เฉียบคมเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เราไม่ติดกับดักแค่เพียงสิ่งที่เห็นอย่างฉาบฉวย หากทว่าสามารถค้นลึกเข้าไปในสิ่งที่อยู่ภายใน เพื่อสนองตอบความต้องการที่ไม่ได้เอ่ยออกมาได้อย่างถึงแก่น
    “เหตุผล อารมณ์ และสัญชาตญาณ” จึงเป็นส่วนผสมสำคัญที่จะต้องคลุกเคล้าเข้ากันอย่างลงตัว เพื่อที่จะประกอบการในเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้อย่างมีรสชาติ หากขาดแคลนองค์ประกอบหนึ่งใดไป สินค้าที่ผลิตออกมาก็จะไม่ครบรส และมีความน่าจะเป็นสูงที่จะล้มเหลวในระยะยาว
    จงเริ่มฝึกฝนที่จะละทิ้งการงานในระบบอุตสาหกรรมแบบเดิมที่น่าเบื่อหน่ายและอนาคตริบหรี่เพราะเต็มล้นไปด้วยคู่แข่งที่น่ากลัว เพื่อออกผจญภัยตามหาความฝันและอารมณ์รักร้อนแรงที่มีในหัวใจ โดยลับคมสัญชาตญาณให้ใหม่สดเสมอ ในการเปิดรับโอกาสที่ผ่านเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน สุดท้าย เหตุผลจะคอยช่วยคำนวณความเสี่ยงและผลกำไร เพื่อให้การเดินทางที่ยาวนานและสนุกสนานของเรา ได้รับรางวัลตอบแทนที่แสนคุ้มค่า

    “เหตุผล อารมณ์ และสัญชาตญาณ” เครื่องปรุงรสเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย (Creative Economy) | Siam Intelligence
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โดย ปาริชาติ โชคเกิด: นักวิจัย Siam Intelligence Unit

    กัมพูชาเปิดเกมรบ: ช่วงชิงผลประโยชน์แห่งชาติแบบตายผ่อนส่ง

    เกมการเมืองระหว่างประเทศที่เดิมพันด้วยชีวิตทหารและพลเรือนบริเวณชายแดนของทั้งสองฝ่ายแม้สถานการณ์จะเบาบางลงแล้ว แต่ระดับความสำคัญของปัญหายังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง การเปิดเกมรบก่อนของกัมพูชา ตามที่แหล่งข่าวและฝ่ายความมั่นคงของไทยระบุ จนนำไปสู่การปะทะกันทางทหารแบบยืดเยื้อยาวนาน

    <EMBED style="POSITION: relative" src=http://www.youtube.com/v/2Yl12pWHQM8?version=3 width=640 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED style="POSITION: relative">
    คลิปรายงานข่าวของ Al Jazeera เหตุปะทะไทย-กัมพูชา
    ในขั้นต้น ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สำหรับปมประเด็นขัดแย้งร้อนๆ ที่ตีโต้กันไปมาบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา แม้ว่าไทยจะอ้างว่า ฝ่ายกัมพูชาเปิดเกมก่อน ทำให้ไทยต้องโต้กลับ แต่ก็มีบางฝ่ายมองว่า เหตุขัดแย้งที่เกิดขึ้น อาจสืบเนื่องมากจากการยั่วยุ ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง
    นอกจากนี้ การทดสอบศักยภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ในบริเวณชายแดน ก็สามารถสร้างปมปัญหาให้ขุ่นเคืองกันได้ ทั้งนี้ การกระทำใดก็ตาม ที่สร้างแรงปลุกปั่น ยั่วยุให้เกิดปัญหามีได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมยิงกระสุนจริงบริเวณใกล้เคียงชายแดนของทั้งสองฝ่าย หรือการทดสอบอาวุธรบชนิดใหม่ที่เพิ่งนำเข้า ตลอดจนการเพิ่มจำนวนทหารในการตรึงกำลังบริเวณชายแดน
    อย่างไรก็ตาม การค้นหาคำตอบสำหรับประเด็นคำถามดังกล่าว คงไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะประเด็นที่ต้องคิดต่อ คือการหาทางออกของปัญหา ณ ปัจจุบัน
    <EMBED style="POSITION: relative" src=http://www.youtube.com/v/-365JLbdakQ?version=3 width=640 height=505 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED style="POSITION: relative">
    คลิปรายงานข่าวของกัมพูชา (ที่รวมภาพถ่ายทอดจากสถานีโทรทัศน์ไทยเข้าไว้ด้วย): เหตุปะทะไทย-กัมพูชา
    ผลประโยชน์แห่งชาติแบบตายผ่อนส่ง: ทุกชีวิตมีค่า ไม่ว่าทหารชาติไหน ?!

    การเปิดเกมรบที่ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุของฝ่ายใดเป็นผู้ยั่วยุก่อนก็ตาม อันนำไปสู่การปะทะกันทางทหารระหว่างไทย-กัมพูชา เสมือนวางเงินดาวน์ด้วยความเสี่ยงและการสูญเสียชีวิตของทหารและพลเรือนของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติที่เป็นรูปธรรม อาทิ การนำเรื่องเหตุปะทะจากความขัดแย้งขึ้นสู่องค์การสหประชาชาติ เพื่อทบทวนปัญหา โดยอ้างว่าไทยไม่ยอมรับคำตัดสินศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ทำให้ปัญหาที่เป็นข้อพิพาทระหว่างกัน มีความขัดแย้งบานปลายมาราวกึ่งศตวรรษ ตลอดจนการกลบข่าวขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ระหว่างประชาชนกับภาครัฐภายในประเทศ เช่น การพยายามให้ทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน แม้จะส่งผลกระทบต่อพลเมืองในชาติ บางภาค บางส่วนก็ตาม
    และการแก้เกมปัญหาการเมืองในชาติด้วยการใช้ปลายกระบอกปืนจุดชนวนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กี่ครั้ง กี่ครา ก็สามารถจุดกระแสชาตินิยม กระแสความรักชาติ ลุกโชนได้ทุกทีไป ผลที่ได้คือ เมื่อกระแสชาตินิยมจุดติด ข่าวความขัดแย้งภายในประเทศดูจะเป็นปัญหาเล็กลงถนัดตา ภายใต้ม่านหมอกของกระแสชาตินิยมบังตา ระหว่างนั้น ไม่ว่ารัฐบาลฝ่ายใดก็ตัดสินใจทำอะไรได้โดยสะดวก ทั้งยังมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การแสดงแสนยานุภาพทางทหารไม่ว่าจะกับใคร ก็ย่อมป้องปรามให้ฝ่ายตรงข้ามระวังตัวมากขึ้น
    ปลุกกระแสชาตินิยม: ตอบสนองผลประโยชน์แห่งชาติ

    ปลายปี 2010 ที่ผ่านมา บริษัทจีนมีแผนการจะเข้าไปลงทุนในกัมพูชามูลค่าราว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (AFP) ที่มีการหารือร่วมกับผู้นำกัมพูชาที่จะสร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหินขนาด 700 เมกะวัตต์ที่เมืองท่าสีหนุวิลล์ รวมถึงการลงทุนในด้านอื่น
    [​IMG]
    ทั้งนี้ เศรษฐกิจของกัมพูชาโดยมากอาศัยการส่งออกเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหลัก ถึงกระนั้น ระดับเศรษฐกิจของกัมพูชาก็ยังอยู่ในสถานะยากไร้ และมีสัดส่วนคนยากจนอยู่ราวร้อยละ 30 ของประเทศ และชาวกัมพูชากว่า 14 ล้านคนต้องดำรงชีวิตด้วยเงินเพียง 50 เซนต์ หรือ 0.50 เหรียญสหรัฐต่อวัน
    บริษัทของจีนราว 400 รายเข้าไปลงทุนในกัมพูชาแล้วมูลค่านับพันล้าน ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าถ่านหิน กัมพูชาได้รับรายได้จากจีนไปแล้วกว่า 6.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อการปรับโครงสร้างพื้นฐาน กว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว และกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่ออุตสาหกรรมเสื้อผ้า อีกกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตร
    อย่างไรก็ตาม การลงทุนมักจะมาคู่กับผลกระทบไม่ว่าจะต่อสิ่งแวดล้อมหรือประชาชน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ชาวกัมพูชาเดินขบวนประท้วงบริเวณสถานทูตจีนในกรุงพนมเปญ (Voice of America) เนื่องจาก ต้องการยกเลิกสัญญาที่บริษัทจีนเข้าไปลงทุนภายใต้โครงการบ้านจัดสรรที่เป็นเหตุให้ต้องบังคับให้ชาวบ้านกว่าพันครัวเรือนที่อยู่ติดทะเลต้องย้ายออกไป วันที่ 17 มกราคม 2011 มีผู้ประท้วงราว 30 คนที่เป็นตัวแทนของผู้ที่ได้รับผลกระทบ พยายามจะเข้าไปยังสถานทูตจีนเพื่อยื่นจดหมายให้แก่นักการทูตจีน และต้องการให้ช่วยเหลือด้วยการชดเชยจากการเข้าไป เพราะต้องรื้อถอนบ้านเรือนของชาวบ้าน ในเมืองบึงกาก
    โครงการด้านอสังหาริมทรัพย์นี้เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทจีนและบริษัทกัมพูชา เจ้าหน้าที่ของสถานทูตจีนปฏิเสธที่จะรับจดหมายจากชาวบ้านและตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาเกี่ยวกับการประท้วงที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสลายการชุมนุมด้วยกระบองไฟฟ้า แต่ยังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
    <EMBED style="POSITION: relative" src=http://www.youtube.com/v/0WK9yHopZcc?start=83&version=3 width=640 height=505 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED style="POSITION: relative">
    จนในที่สุด 21 เมษายน 2011 (ก่อนหน้าเหตุปะทะไทย-กัมพูชาเพียงวันเดียว) เกิดเหตุปะทะระหว่างหน่วยงานความมั่นคงกับประชาชนขยายตัวขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ประท้วงชาวกัมพูชาราว 100 รายที่ไม่ต้องการให้มีโครงการสร้างบ้านจัดสรรบริเวณบ้านเรือนของตน ซึ่งมีถึง 1,500 ครอบครัวในบริเวณทะเลสาบบึงกาก (Reuters)
    ชาวกัมพูชานับหมื่นรายกำลังถูกขับไล่ออกจากที่อยู่อาศัยของตน จากโครงการเพื่อการพัฒนา นำโดยบริษัทจีนที่อยู่ในมองโกเลียใน บริษัท Erdos Hongjun Invesment
    กว่า 2,725 ครัวเรือนได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากบริเวณบึงกากแล้ว แต่ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ปฏิเสธจะรับเงินชดเชยจากภาครัฐในอัตรา 8,500 เหรียญสหรัฐต่อครอบครัว เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า ตำรวจปฏิบัติการภายในกรอบกฎหมายและจะไม่ใช้กำลังที่เกินกว่าเหตุ เขากล่าวว่า มีผู้ประท้วงจำนวน 9 รายถูกจับกุมเนื่องจากเข้าทำร้ายตำรวจด้วยร่ม และขว้างปาเจ้าหน้าที่ด้วยอิฐ
    ที่มาของสัญลักษณ์ปลุกปั่นกระแสชาตินิยมสอดแทรกอยู่ในธงชาติกัมพูชา

    ลักษณะเด่นของธงชาติประเทศกัมพูชาที่ปรากฏเด่นเป็นตระหง่านมาตั้งแต่ทศวรรษ 1850 แล้ว (รัฐบาลกัมพูชาในสมัยของกษัตริย์นโรดมลงนามในสนธิสัญญาฉบับแรกกับฝรั่งเศส และเริ่มตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1863) กล่าวคือการมีรูปปราสาทหินนครวัดสามยอดสีขาว (Angkor Wat) อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของธงชาติมาโดยตลอด ลักษณะของธงชาติในปัจจุบันประกอบด้วยแถบสีน้ำเงินอยู่ด้านบนและด้านล่างของธงหมายถึงภราดรภาพ อิสรภาพ และความร่วมมือ และแถบสีแดงอยู่ตรงส่วนกลางของธงซึ่งหมายถึง ความกล้าหาญ ขณะที่สีขาวของนครวัดหมายถึง ความซื่อสัตย์ วัฒนธรรม สถาบันกษัตริย์ และศาสนา
    [​IMG]
    ธงชาติกัมพูชาไม่ว่ายุคไหน (เว้นแต่ในช่วงที่อยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติเท่านั้นที่มีธงสีฟ้าอ่อน และรูปแผนที่กัมพูชาอยู่ตรงกลาง ช่วง ค.ศ.1992-1993) จะมีสัญลักษณ์ของนครวัดประกอบอยู่ในผืนธงเสมอ แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาให้ความสำคัญกับนครวัดมาอย่างยาวนาน และเมื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชาติ อีกทั้งเป็นสิ่งที่ชาวกัมพูชาหวงแหน จึงเป็นเรื่องปกติที่กระแสชาตินิยมจะจุดติดทุกครั้งที่มีสถานการณ์ขัดแย้งอันมีเรื่องของนครวัดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
    ปัญหาคำสั่งการ: ตามสายบังคับบัญชาการของทหารทั้ง 2 ฝ่าย

    ส่วนหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการปะทะกันทางทหาร อาจมาจากความอ่อนด้อย ไร้ประสิทธิภาพของโครงสร้างตามสายบังคับบัญชาทางทหาร ในส่วนของการให้คำสั่งการ ที่ต้องบังคับบัญชาผ่านกันเป็นทอด แม้จะมีคำอ้างว่า ปัญหาข้อพิพาทจบลงตั้งแต่ผู้นำระดับสูงตกลงกันให้หยุดยิงแล้วก็ตาม แต่กว่าคำสั่งจะมาถึงในระดับท้องถิ่น ต้องใช้เวลาแลกกับการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บประปรายของทหารและความหวั่นกลัวของพลเรือน
    แน่นอน การสูญเสียชีวิตของพรรคพวก เพื่อนพ้อง ที่ร่วมเป็นรั้วของชาติ ป้องกันข้าศึกรุกรานบริเวณชายแดน ต้องใช้ระยะเวลาผูกพันกันฉันท์พี่น้องอย่างยาวนาน เป็นไปได้ว่า ความคลั่งแค้นของเหล่าทหารบริเวณชายแดน ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ย่อมบังเกิด เมื่อเพื่อนพ้องของตนถูกสังหาร จนนำไปสู่การปะทะกันโดยปราศจากคำสั่งการ (หรือตามคำกล่าวอ้างว่า..ในระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูง ปัญหายุติแล้ว พร้อมภาพตัดมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่ว่า คำสั่งยังเดินทางมาไม่ถึง ทหารอยู่ชายแดน ก็ต้อง “สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี” กันต่อไป) แต่นี่จะเป็นปัจจัยสำคัญได้แล้วหรือยัง สำหรับการปรับปรุง แก้ไข ปฏิรูป เปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของกองทัพเสียที
    ประชาคมอาเซียนในฝัน


    อาเซียนในฝันคงเป็นจริงได้ หากรัฐภาคีคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติร่วมกันมากกว่าผลประโยชน์แห่งชาติส่วนตน การให้คนกลางไกล่เกลี่ยปัญหาโดยใช้กลไกภายใต้กรอบพหุภาคีในระดับภูมิภาค เช่น อาเซียน เป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหา จะเข้มแข็งได้ หากทุกชาติมีความรู้สึกร่วมในการเป็นเจ้าของอาเซียนร่วมกัน ต้องให้มีความจำเป็นเพียงใด ที่อาเซียนจะสามารถดำเนินการแค่เพียงในขั้นต้น ตามกฎบัตรอาเซียน หมวด 8 การระงับข้อพิพาท ข้อ 22 หลักการทั่วไป
    1. รัฐสมาชิกต้องพยายามที่จะระงับข้อพิพาททั้งปวงอย่างสันติให้ทันท่วงที โดยผ่านการสนทนา การปรึกษาหารือ และการเจรจา
    2.ให้อาเซียนจัดตั้ง และธำรงไว้ซึ่งกลไกระงับข้อพิพาทในทุกสาขาความร่วมมือของอาเซียน
    เมื่อใดก็ตามที่รัฐภาคีรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นได้จริง ถือเป็นการยกระดับความร่วมมืออาเซียนให้กระชับแน่นขึ้น แต่หากความขัดแย้งใดๆ ต้องถึงมือชาติมหาอำนาจ หรือองค์การระหว่างประเทศในระดับโลกแก้ปัญหา ก็เท่ากับว่า อำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและไทยถูกบั่นทอน ขณะเดียวกัน ศักดิ์และสิทธิ ของอาเซียนก็บรรเทาเบาบาง ดังนั้น ผู้นำของทั้งสองฝ่ายคงต้องพิจารณาอย่างจริงจัง สำหรับการให้ความร่วมมือกับกลไกระหว่างประเทศ ประเภทใดที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่ส่วนรวมและประเทศชาติของตนได้อย่างจริงจัง
    <EMBED style="POSITION: relative" src=http://www.youtube.com/v/ZfHJdhVdIIQ?version=3 width=640 height=505 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED style="POSITION: relative">
    มาตรการด้านความมั่นคงในฝัน: เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งสองฝ่าย
    1. ลดจำนวนทหารในการตรึงกำลังบริเวณชายแดนระหว่างกัน
    2. ขยายอาณาบริเวณการตรึงกำลังออกไปให้มีระยะไกลกว่าที่เคยกำหนดไว้เดิม
    3. ซ้อมรบร่วมกัน ภายใต้กรอบอาเซียน กระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน มากกว่าใช้วิธีเผชิญหน้าตอบโต้กัน มาตรการข้อนี้ จำเป็นต้องได้รับการผลักดันทั้งจากรัฐภาคีทั้งหมดในอาเซียน โดยประธานอาเซียนควรเป็นแกนนำในการดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและลดความหวาดระแวงต่อกันของรัฐภาคีที่มีข้อพิพาทกัน
    4.ใช้วิธีเจรจากันอย่างสันติ ยึดหลักอาเซียน หากมีปัญหาให้ใช้การเจรจาระหว่างกันอย่างสันติ ไม่ใช้กำลังทหารเข้าแก้ไขปัญหา
    ในด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-กัมพูชานั้น **สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ ประเทศกัมพูชา (The Phnompenhpost) ได้เผยตัวเลขการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ เมื่อวันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2011 ที่ผ่านมาว่า มีอัตราเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 54% โดยในปี 2010 มีมูลค่าการค้าโดยรวมอยู่ที่ 2.56 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 1.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ
    การส่งออกสินค้าของกัมพูชามายังไทยในปี 2010 สูงขึ้นถึง 176% ต่อปี มูลค่าสูงถึง 215 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ไทยส่งออกไปยังกัมพูชาสูงขึ้น 48 % มูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 2.34 พันล้านเหรียญสหรัฐ
    จะดีกว่าไหม ถ้าทั้งสองฝ่ายคำนึงผลประโยชน์ร่วมกัน มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน คิดจะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้าอย่างถาวร คงไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง..ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน อาเซียนต้องรวมตัวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เช่นนั้น ประชาคมอาเซียนทั้ง 3 เสา คงเป็นได้เพียงประชาคมอาเซียนกลวงๆ มีความร่วมมืออย่างหลวมๆ และไม่สามารถก้าวข้าม
    วิถีอาเซียน (ASEAN Way) ที่มีหลักการประจำใจที่ว่า ไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน ถ้าเช่นนั้น ปัญหาข้อพิพาทของแต่ละประเทศก็ยังดำเนินต่อไป ความร่วมมืออย่างไม่สนิทใจจะทำให้ประชาคมอาเซียนแข็งแกร่งได้จริงหรือ

    กัมพูชาเปิดเกมรบ: ช่วงชิงผลประโยชน์แห่งชาติแบบตายผ่อนส่ง | Siam Intelligence
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปริศนา บินลาดิน :อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อบินลาดินถูกสังหาร
    มุสลิมไทยดอทคอม : 8 พค. 54 10:58:59

    สำนักข่าวมุสลิมไทย ปริศนา บินลาดิน (1/3) : อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อบินลาดินถูกสังหาร
    [​IMG]
    โดย ดร.จรัญ มะลูลีม
    ความรุนแรงที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ คนตายไม่ถึง 3 พันคน แต่หลังจากบุช ทำสงครามในอิรักคนตายไปหลายหมื่นคน ในอัฟกานิสถานก็มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นคน แต่ความตายของคนพวกนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงทั้งๆ ที่ เป็นเรื่องที่ได้รับการประณามและน่าเศร้าใจเช่นกัน ขณะที่เหตุการณ์ 9/11 ถูกพูดถึงทุกปี

    อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อบินลาดินถูกสังหาร
    ที่มองเห็นได้ขณะนี้ก็คือการก่อความไม่สงบจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ต้องดูระยะเวลาและช่วงจังหวะ เพราะขบวนการอัล-กออิดะฮ์มีการวางแผน ขณะเดียวกันสมาชิกของขบวนการก็ถูกไล่ล่าอยู่ ฉะนั้นระดับอัตราที่ออกมา อาจจะอยู่ในระดับไม่ใหญ่มาก แต่เกิดขึ้นหลายแห่ง
    ที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 เหตุการณ์ใหญ่ๆ แบบนั้นไม่เกิดขึ้นอีกเลย เกือบ 10 ปี ฉะนั้นปฏิบัติการณ์ตอบโต้จะเป็นเซลล์เล็กๆ เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ 9/11 จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ เช่น ในกรุงไนโรบีของเคนย่า กรุงดาเอสสาลาม ของแทนซาเนีย เป็นเหตุระเบิด
    [​IMG]
    แต่กรณีเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ บินลาดินเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ของปากีสถานว่า เขาไม่ได้เป็นผู้กระทำแต่เห็นด้วยกับการกระทำครั้งนี้ ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า เป็นฝีมือของเขา

    พูดง่ายๆ ว่าถ้าบินลาดินเสียชีวิตจริง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเพราะขบวนการอัล-กออิดะฮ์เองก็ออกมายืนยันว่าเป็นบินลาดินและประกาศจะแก้แค้นให้ก็จะเป็นการสูญเสียทางสัญลักษณ์ เพราะเขาไม่ได้ปฏิบัติการมา 10 ปีแล้ว เป็นผลทางด้านจิตวิทยามากกว่า และคนปฏิบัติการณ์จริงๆ เป็นมือขวาของเขา ชื่อว่าอัยมาน อัล-ซาวาฮีรี เป็นชาวอียิปต์ จะเห็นได้ว่าขบวนการอัลกออิดะฮ์ เป็นขบวนการระหว่างประเทศ ไม่ได้มีสมาชิกมาจากประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ
    เหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตะลึงและฮือฮามาตลอด คือการไล่ล่าบินลาดินที่ใช้เวลายาวนาน จะเห็นได้ว่าค่าตัวของบินลาดินแพงกว่าค่าตัวของซัดดัม ฮุสเซนหลายเท่า คือประมาณ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ
    สิ่งที่น่าสนใจในเหตุการณ์ครั้งนี้ ข้อแรกคือ ผู้เสียชีวิตเป็นบินลาดินจริงหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ซาอุดีอาระเบียเคยบอกว่าบินลาดินเสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคไทฟรอยด์ แต่ผู้นำของปากีสถานคือ มูชัรร็อฟ พูดว่าบินลาดิน ยังมีชีวิตอยู่ในอัฟกานิสถาน
    ความเชื่อของคนทั่วไปเชื่อว่า บินลาดินอาศัยอยู่ระหว่างรอยต่อของอัฟกานิสถานกับปากีสถาน ที่ผ่านมาบินลาดินอยู่บนเทือกเขาโทราโบร่า ของอัฟกานิสถานและถูกสหรัฐและพันธมิตรถล่มอย่างหนัก บางคนบอกว่าเท่ากับเอานิวเคลียร์ลูกน้อยๆ ไปถล่มทีเดียว และที่เป็นความเข้าใจของคนส่วนใหญ่คือ ไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ในเมืองเพราะบินลาดิน เป็นนักรบที่อยู่ตามขุนเขา มีอุโมงค์ ที่ตัวเขาอยู่และภรรยาเขาอยู่ด้วย
    แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายสืบราชการลับของปากีสถานก็บอกว่า ตราบใดที่บินลาดินยังอยู่ ถ้าไม่ได้ก่อเรื่องอะไร เขาก็สามารถอยู่ได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลสหรัฐกับปากีสถานก็ร่วมกันต่อต้านบินลาดินอย่างมาก
    กล่าวให้ถึงที่สุดแล้วปากีสถานน่าจะมีคนหลายกลุ่มทั้งที่นิยมบินลาดิน และไม่นิยม ปัญหาในปากีสถานที่เกี่ยวข้องกับบินลาดินเป็นปัญหาที่สลับซับซ้อน ขบวนการอัลกออิดะฮ์ของบินลาดินก็เป็นองค์กรที่เข้มแข็งที่สุดที่ไม่ใช่รัฐ น่าจะมีเงินทุนจากทั่วโลก เฉพาะเงินที่มาจากครอบครัวของบินลาดินเองก็เยอะแยะ สำหรับบินลาดิน คนที่เกลียดชังและรักเขาน่าจะใกล้เคียงกัน
    ประการต่อมาคือ ข่าวที่สร้างผลสะเทือนที่สุดก็น่าจะได้แก่เรื่องวิธีจัดการกับศพ เพราะหนึ่งในพิธีกรรมของอิสลามนั้น ไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร จะเป็นคนดีหรือคนทำผิดบาปร้ายแรง อย่างไรก็ตาม แต่พิธีการทางศาสนาต้องมี และต้องปฏิบัติตามแนวคิดของอิสลามคือฝังบนพื้นดินไม่ใช่ทะเล เพราะการจะทิ้งศพลงทะเลจะกระทำกับคนที่เสียชีวิตระหว่างเดินทางในทะเลเท่านั้น
    การเอาไปฝังหรือโยนทะเล โดยอ้างว่าไม่อยากให้สถานที่ใดเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นการอ้างที่เลื่อนลอย อย่าลืมว่าบินลาดิน เขาเป็นวะฮาบีย์ ไม่มีการเคารพหลุมศพแน่นอน แม้แต่กษัตริย์สายวะฮาบีย์ที่สิ้นพระชนม์ เขายังไม่ทำสัญลักษณ์อะไรให้รู้มากเลย และในหลักการของวะฮาบีย์ ต้องเคารพพระเจ้าอย่างเดียว ฉะนั้น ข้ออ้างเรื่องการโยนลงทะเลจึงฟังไม่ขึ้น แล้วที่บอกว่าทำพิธีบนเรือ ก็ไม่มีใครเห็น แล้วฝ่ายสหรัฐตัดสินใจแน่นอนว่าจะไม่เปิดเผย
    จะเห็นได้ว่าประเทศที่ต่อต้านการกระทำทำดังกล่าวอย่างหนักคือ ปากีสถานกับอินโดนีเซีย อินโดนีเซียเชื่อว่าสานุศิษย์ของอัลกออิดะฮ์ยังมีอยู่ เพราะมีปฏิบัติการต่อต้านตะวันตกที่นั่นอยู่มากและเป็นประเทศที่ชาวมุสลิมมากที่สุดในโลกและมีหลายสายหลายแนวคิด รวมทั้งที่เรารู้จักในนามเจไอด้วย
    ผลกระทบต่อโลกในทางสัญลักษณ์ ทำให้โลกไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่ผู้นำสหรัฐพูด แต่สิ่งที่ผู้นำสหรัฐได้อย่างมากคือคะแนนเสียงท่วมท้น หลังจากคะแนนความนิยมของประชาชนที่มีต่อเขาเพี่ยงพล้ำเมื่อไม่นาน
    อดีตที่เป็นบทเรียน
    ตอนที่บินลาดินช่วยสหรัฐรบในนามมุญาฮีดีน ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ในสหภาพโซเวียต เขาได้เกณฑ์คนมาจาก 40 ประเทศ ทั้งบินลาดินและซัดดัม ครั้งหนึ่งสหรัฐก็เคยสนับสนุน กรณีซัดดัม ฮุสเซนสหรัฐสนับสนุนให้ทำสงครามกับอิมามโคมัยนี เพราะอิมามโคมัยนี ขับไล่สหรัฐออกนอกประเทศ และจับคนสหรัฐขังไว้ยาวนาน 444 วัน จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่เคยทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก เมื่ออุดมการณ์เปลี่ยนไป ก็กลายเป็นศัตรู

    ความรุนแรงที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ คนตายไม่ถึง 3 พันคน แต่หลังจากบุช ทำสงครามในอิรักคนตายไปหลายหมื่นคน ในระหว่างรุกเข้าไปจนถึงบัดนี้ ในอัฟกานิสถานก็มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นคน แต่ความตายของคนพวกนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงทั้งๆ ที่ เป็นเรื่องที่ได้รับการประณามและน่าเศร้าใจเช่นกัน ขณะที่เหตุการณ์ 9/11 ถูกพูดถึงทุกปี ก็โลกมันเป็นแบบนี้ คือ ไม่เห็นชะตากรรมของคนอื่นเห็นแต่ของตัวเอง
    ประการต่อมาเมื่อทำสงครามไม่สำเร็จ ปรากฎว่ายาเสพติดในอัฟกานิสถานมีมากกว่าสมัยที่สหรัฐและพันธมิตรยังไม่เข้าไป ประการที่ 2 ความรุนแรงในการก่อการร้ายก็ไม่ลดลง ทั้งในอัฟกานิสถานและอิรัก ฉะนั้น ขบวนการต่อต้านการครอบครองโลกมุสลิมของตะวันตก ถึงเป็นที่นิยมขึ้นมา และนิยมไปถึงภาคใต้ของไทย - www.muslimthai.com
    ปริศนา บินลาดิน (1/3) : อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อบินลาดินถูกสังหาร
    ปริศนา บินลาดิน (2/3) : อุดมการณ์ของบินลาดินมาถึงภาคใต้ตอนล่างหรือไม่
    ปริศนา บินลาดิน (3/3): ทำไมชาวมุสลิมจำนวนมากจึงรู้สึกร่วมกับบินลาดิน
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คริสเตียนในมาเลย์ขอให้รัฐบาลรับรองเป็นศาสนาประจำชาติ
    มุสลิมไทยดอทคอม : วันนี้** 14:12:57

    สำนักข่าวมุสลิมไทย คริสเตียนในมาเลย์ขอให้รัฐบาลรับรองเป็นศาสนาประจำชาติ
    สำนักข่าวอัล-อาราบิญา, เอเจนซี่ - เมื่อวันจันทร์ (09/05) รัฐบาลมาเลเซียพยายามลดความตึงเครียด และการเผชิญหน้าระหว่างมุสลิม-คริสเตียน หลังจากมีรายงานว่า ผู้นำชาวคริสต์ในมาเลเซียเตรียมยื่นขอให้รัฐบาลรับรองศาสนาคริสต์ เป็นศาสนาที่ 2 ของประเทศ
    [​IMG]

    กลุ่มนักรณรงค์ชาวมุสลิมได้ยื่นคำขาดให้ตำรวจตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว และถือว่าการทำเช่นนี้เป็นการคุกคามต่อศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาหลักของมาเลเซีย

    แต่ผู้นำศาสนาคริสต์ได้ออกมาปฏิเสธ และว่าการกล่าวหาเช่นนี้เท่ากับสร้างความระแวงสงสัย และความแตกแยกระหว่างมุสลิม และศาสนิกอื่นในมาเลเซีย แต่ยอมรับว่ามีการประชุมเกิดขึ้น แต่เป็นการพูดกันแต่ในประเด็นด้านศาสนาเท่านั้น และไม่มีการพูดกันเรื่องการเมือง

    ต้นเหตุได้เปิดเผยในที่สุดว่า บล็อกเกอร์ด้านการเมืองที่ไม่เปิดเผยนาม 2 ราย ได้โพสต์เรื่องนี้ทางอินเตอร์เน็ตตั้ง แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นจนเมื่อวันเสาร์ (07/05) ที่ผ่านมา เมื่อหนังสือพิมพ์ Utusan Malaysia ลงข่าวหน้า 1 ด้วยพาดหัวที่ชวนให้เกิดความขัดแย้ง ว่า “หรือมาเลเซียจะเป็นประเทศคริสเตียน?”

    เนื้อข่าวระบุว่า ในการประชุมของนักบวชชาวคริสต์เมื่อเร็วนี้ มีการพูดจากันถึงเรื่องที่จะให้มีการรับรองศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เป็นทางการของมาเลเซีย

    ที่น่าตกใจคือ หนังสือพิมพ์ภาษามาเลย์ดังกล่าว มีนายกรัฐมนตรีนาญิบ ราซัค เกี่ยวข้องเป็นเจ้าของ และบทความดังกล่าวยังระบุว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคริสเตียน

    เมื่อวันอาทิตย์ นายราญิบได้ออกมากล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนถึงข่าวในหนังสือพิมพ์ดังกล่าว และว่าเป็นการนำเสนอประเด็นที่ไม่สร้างสรรค์ และเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบจนกว่าความจริงจะปรากฏ และให้คำมั่นว่า ผู้ที่พยายามจะบ่อนทำลายเอกภาพของชาติจะต้องถูกลงโทษแน่นอน

    ลิม กวน เอง สังกัดฝ่ายค้านมาเลเซียออกมากล่าวเมื่อวันจันทร์ ว่า รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบเต็มๆ หากมีสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาเกิดขึ้นกับชุมชนชาวคริสต์ อันเนื่องมาจากบทความที่ปรากฏทางหนังสือพิมพ์ดังกล่าว - www.muslimthai.com

     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คริสต์หัวรุนแรง ป่วนอียิปต์ ปะทะมุสลิมทั่วประเทศ
    มุสลิมไทยดอทคอม : 9 พค. 54 13:45:08
    สำนักข่าวมุสลิมไทย อียิปต์วุ่นไม่หยุด มุสลิม-คริสต์ปะทะกันทั่วประเทศ
    ข่าวเว็ปไซต์ cnn.com – ความขัดแย้งระหว่างมุสลิม และคริสต์คอปติคในอียิปต์รุนแรงขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่าน ทำให้คณะรัฐบาลอียิปต์ต้องเรียกประชุมด่วน ในขณะที่กลุ่มชาวคริสต์เรียกร้องขอความคุ้มครองจากประชาคมโลก
    [​IMG]

    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน และบาดเจ็บ 232 ราย จากการปะทะกันนอกโบสถ์ในไคโร สืบเนื่องจากข่าวลือที่ว่า มีหญิงชาวคริสต์ที่เปลี่ยนมานับถืออิสลามถูกกักตัวไว้ในโบสถ์
    สำนักข่าวทางการ EgyNews รายงานว่า นายกรัฐมนตรี อิซาม ชาราฟ ถึงกับเลื่อนการเดือนทางไปเยือนบาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ออกไป เพื่อร่วมประชุมด่วนกับคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้

    เมื่อวันอาทิตย์ (08/05) ชาวคริสต์กลุ่มเล็กๆ ชุมนุมกันหน้าสถานทูตสหรัฐในไคโร เรียกร้องขอการคุ้มครองจากนานาชาติ และประณามรัฐบาลอียิปต์ที่ดูดาย

    ที่เมือง Maspiro ใกล้ไคโร มีความรุนแรงเกิดขึ้นหลังชาวคริสต์คอปติคหลายร้อยคน และชาวมุสลิมจำนวนหนึ่ง รณรงค์เรียกร้องความเป็นเอกภาพในประเทศ หน้าอาคารสถานีโทรทัศน์ มีการขว้างปาก้อนหินจากหลังคาบ้านใส่ผู้รณรงค์ชาวคริสต์ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายคน ในขณะที่หน่วยรักษาความปลอดภัยพยายามแยกทั้ง 2 ฝ่ายจากกัน

    ผู้เห็นเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันเสาร์ (07/05) กล่าวว่า กลุ่มมุสลิมถืออาวุธเดินขบวนไปยังโบสถ์เซนต์ มีนา ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในอียิปต์ หลังจากนั้นมีการยิงตอบโต้กันทำให้ประชาชนต้องหาที่หลบภัย

    มีความขัดแย้งเกี่ยวกับรายงานของผู้ที่บุกเข้าไปในโบสถ์ โดยบางรายงานกล่าวว่าเป็นกลุ่มมุสลิมซาลาฟีย์ ส่วนอีกรายงานหนึ่งซึ่งรวมทั้งข้อมูลจากโฆษกกระทรวงกิจการภายใน กล่าวว่า เป็นชาวมุสลิมจากมัสยิดที่อยู่ใกล้เคียง ในขณะเดียวกันมีเหตุเพลิงไหม้ที่โบสถ์โฮลี่ เวอร์จิ้น ซึ่งคาดว่าผู้ก่อเหตุคือกลุ่มเดียวกัน

    มุสลิมจากมัสยิดอัล-เวฮฺดะ ที่อยู่ตรงกันข้ามออกมายืนดูพร้อมวิจารณ์ว่าเป็นการกระทำของเหล่าอันธพาล และหลายคนแสดงความเห็นว่า ก่อนการปฏิวัติก็ไม่เคยมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น

    เมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการสหรัฐดูแลด้านเสรีภาพในการนับถือศาสนาในประเทศต่างๆ ได้เพิ่มชื่อประเทศอียิปต์เข้าไว้ ในรายชื่อประเทศที่เสรีภาพในการนับถือศาสนาถูกละเมิดมากที่สุด และรายงานยังระบุว่า รัฐบาลอียิปต์ทั้งในสมัยมุบารัก และหลังจากนั้น มีส่วนร่วมในการละเมิดเสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยดูดายไม่ให้การปกป้องคุ้มครองผู้นับถือศาสนาอื่นเท่าที่ควร และไม่ติดตามเอาผิดผู้ที่ทำความผิดต่อผู้อื่น - www.muslimthai.com
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นักวิชาการ-ศิลปินอิสราเอลเรียกร้องยุติการยึดครองปาเลสไตน์

    มุสลิมไทยดอทคอม : 21 เมย. 54 14:11:57


    สำนักข่าวมุสลิมไทย นักวิชาการ-ศิลปินอิสราเอลเรียกร้องยุติการยึดครองปาเลสไตน์

    [​IMG]
    สำนักข่าวตะวันออกกลาง – เมื่อวันพุธ (20/04) กลุ่มผู้ชนะเลิศรางวัล Israel Prize จำนวน 17 คน ทำหนังสือเรียกร้องให้มีการตั้งรัฐปาเลสไตน์ ภายใต้เขตแดนในปี พ.ศ. 2510




    นักวิชาการ และศิลปินคนสำคัญที่จะร่วมลงนาม อาทิ เมนาเฮม ยาอารี อดีตประธานสถาบันวิทยาศาสตร์อิสราเอล ชูลามิต อะลูนี ผู้ก่อตั้งพรรคฝ่ายซ้าย Meretz และแดนนี่ คาราแวน ศิลปินนักเขียนและช่างปั้น

    ทั้ง 3 คนได้รับรางวัล อิสราเอลไพรซ์ ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของอิสราเอลที่มอบให้กับผู้มีผลงานดีเด่นในด้านต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ

    หนังสือเรียกร้องดังกล่าวยังระบุว่า การยุติการยึดครองปาเลสไตน์เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ - www.muslimthai.com

     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    มัวร์-อเมริกาขลาดกลัวเกินกว่าที่จะจับเป็นบินลาดิน และนำมาขึ้นศาลพิพากษาความผิด
    มุสลิมไทยดอทคอม : 7 พค. 54 17:05:03

    สำนักข่าวมุสลิมไทย
    ข่าวการตายของบินลาดินสร้างความปีติยินดีทั่วกรุงนิวยอร์ก แต่บุคคลผู้หนึ่งซึ่งมีความเห็นที่แตกต่าง นั้นคือ ไมเคิ่ล มัวร์ นักสร้างภาพยนตร์ ที่เห็นว่าการเฉลิมฉลองการสังหารชีวิตของบุคคลผู้หนึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
    มัวร์ให้สัมภาษณ์ เพียร์ส์ มอร์แกน แห่งสำนักข่าว CNN เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เขาเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่า หากได้มีการจับเป็นบินลาดิน และนำขึ้นสู่ศาลในสหรัฐ แต่การทำเช่นนี้แสดงว่าชาวอเมริกันขี้ตื่นเกินไป
    เขากล่าวว่า จริงอยู่ที่โลกอาจจะน่าอยู่ขึ้นเมื่อไม่มีบินลาดิน แต่การเฉลิมฉลองให้กับความตายของคนคนหนึ่ง เป็นเรื่องที่ก้าวล่วงไปมากกว่าที่ควร และเขาถูกอบรมสั่งสอนมาไม่ให้แสดงความยินดีจนเกินกว่าเหตุในเรื่องเช่นนี้
    มัวร์ ได้รับรางวัลออสก้าร์ ในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สารคดี Fahrenheit 9/11 ซึ่งเป็นเรื่องราวที่โจมตีการทำสงครามกับความหวาดกลัว
    เขากล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ชาวอเมริกันไปเปิดแชมเปญฉลอง และมีงานรื่นเริงกันบนพื้นที่ที่เคยเป็นตึกเวิลด์เทรด (Ground Zero)
    โดยเฉพาะเมื่อญาติของผู้ที่เสียชีวิตต้องการอยู่ในห้วงเวลาอันมีพลัง และเปี่ยมด้วยอารมณ์รันทด ณ สถานที่ที่ญาติพี่-น้องของเขาต้องจบชีวิตลง
    ในเมื่อพวกเขาต้องสูญเสียญาติพี่-น้องไป พวกเขาคงไม่วิ่งไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง และร้องตะโกนเชียร์อเมริกาอย่างแน่นอน
    มัวร์ยังกล่าวว่า อเมริกาขลาดกลัวเกินกว่าที่จะจับเป็นบินลาดิน และนำมาขึ้นศาลพิพากษาความผิด
    [​IMG]ไมเคิ่ล มัวร์ นักสร้างภาพยนตร์

    โดยมีความคิดว่าการทำเช่นนั้นจะกระตุ้นให้ผู้ก่อการร้ายเปิดฉากโจมตี ในความคิดของมัวร์ อเมริกาควรนำบินลาดินมาขึ้นศาลเพื่อแสดงให้เห็นถึงวิถีแบบอเมริกันชน ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม และว่าจิตวิญญาณของความเป็นอเมริกันอาจสูญหายไปจากประเทศนี้แล้ว
    และเขาอาจจะเป็นคนรุ่นเก่าที่ยึดมั่นในระบบความยุติธรรมของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สหรัฐอเมริกาแตกต่างจากประเทศอื่น
    นับตั้งแต่มีข่าวการสังหารชีวิตของบินลาดิน มัวร์ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา และเป็นอิสระ ความคิดเห็นของเขาทำให้หลายคนไม่พอใจ อาทิ การที่เขากล่าวว่า บินลาดินถูกลอบสังหาร หรือการที่เขาทวีตในทวิตเตอร์กว่า 40 ครั้ง วิพากษ์วิจารณ์วิธีที่บินลาดินถูกสังหาร รวมทั้งข้อความหนึ่งที่ทวีตว่า “บินลาดินอาจจะตาย แต่ด้วยวิถีนี้ เขากลับกำชัยชนะ”
    [​IMG]
    [​IMG]
    ภาพเปิดแชมเปญฉลอง และมีงานรื่นเริง ของอเมริกันชน dailymail.co.uk
    มัวร์กล่าวว่า “เรากำลังละทิ้งสิทธิของตัวเอง เราละลายเงินหลายหมื่นล้านดอลล่าร์ไปกับการทำสงครามที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำ ขณะนี้ความกลัวกำลังครอบงำพวกเราอยู่”
    ในการสัมภาษณ์ดังกล่าว มัวร์ให้เครดิตกับประธานาธิบดีโอบาม่าว่า เขาทำสิ่งที่บุชพยายามมา 8 ปีได้ภายใน 2 ปี และโอบาม่าต้องผ่านความกดดันต่างๆ นาๆ ในขณะเดียวกับที่ต้องตัดสินใจในเรื่องแผนล่าบินลาดิน ก่อนหน้านั้นมีความพยายามของพรรครีพับลิกัน ที่จะบ่อนทำลายชื่อเสียงของโอบาม่า อาทิ เรื่องสถานที่เกิดว่าอาจไม่ใช่ที่ฮาวาย และเรื่องอื่นๆ รวมทั้งที่ต้องเผชิญกับคู่แข่ง มหาเศรษฐีโดนัลด์ ทรัมพ์
    มัวร์กล่าวว่า เขาหวังว่าประชาชนอเมริกันคงไม่ลืมเรื่องเหล่านี้ในปีหน้า - www.muslimthai.com

     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=iX2FDs8zswc&feature=channel_video_title"]JULIAN ASSANGE RT EXCLUSIVE - FULL INTERVIEW (PART 1 of 2)[/ame]
    [​IMG]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=0yhFRWaQbNg&feature=channel_video_title"]JULIAN ASSANGE RT EXCLUSIVE - FULL INTERVIEW (PART 2 of 2)[/ame]

    จาก: RussiaToday | 8 พ.ค. 2011 | 10,020 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    Wikileaks' Julian Assange speaks exclusively to RT. The man behind WikiLeaks says his website's revelations are just the tip of the iceberg. In an exclusive interview with RT, Julian Assange said it is only a matter of time before more damaging information becomes known.
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=PTraMwTHHmo&feature=channel_video_title"]The Closest Enemy: All US paths lead to China?[/ame]
    จาก: RussiaToday | 10 พ.ค. 2011 | 303 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    The world's two economic giants have ended a first day of talks aimed at easing the strains in their relations. But there are still many areas in which China and the U.S. are struggling to find common ground. Beijing says Washington is trying to stunt its economic growth, America hit back with criticism of China's human rights record. RT's Kristine Frazao has been following the difficult negotiations.
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=_JI9UYeL6GA&feature=channel_video_title"]Keiser Report: Economic Euthanasia (E145)[/ame]
    จาก: RussiaToday | 10 พ.ค. 2011 | 308 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    Watch full episode 145 of Keiser Report on Tuesday. This week Max Keiser and co-host, Stacy Herbert, report on assessing either the value of Osama bin Ladens hideout or the price of food through the Feds eyes. In the second half of the show, Max talks to Mike Maloney of GoldSilver.com about silver, the Hunt brothers and the dollar.
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=r93JD6etOuU&feature=channel_video_title"]End of Assad? 'Syria's choice - dictatorship or anarchy'[/ame]
    จาก: RussiaToday | 7 พ.ค. 2011 | 3,236 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    Syrian troops, backed by tanks, have reportedly entered the costal town of Baniyas. It follows a day of nationwide protests across the country that left 30 people dead. The US is warning the regime that it will take new steps against it, in response to the latest bloody crackdown by security forces. Syrian officials blame armed terrorist groups for the unrest, while protesters say they want an end to decades of repression and corruption. It's now thought more than 580 people have been killed since the uprising began almost two months ago. With US sanctions already in place, and the threat of more to come, the EU has also agreed on an assets freeze and a travel ban for top Syrian officials. RT talks more on this with International Relations expert, Professor Mark Almond from Bilkent University in Turkey.
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=GuqZfaj34nc&feature=channel_video_title"]Gaddafi gold-for-oil, dollar-doom plans behind Libya 'mission'?[/ame]
    จาก: RussiaToday | 5 พ.ค. 2011 | 57,149 ครั้ง



    กำลังโหลด...

    More speculation has been raised on the reasons for NATO's intervention in Libya. As RT's Laura Emmett reports, the organisation may have been trying to prevent Gaddafi from burying the American buck.
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นาโตถล่มบ้านพัก “กัดดาฟี” หลังเจ้าตัวโผล่ออกทีวี-นักข่าวดับ 2ราย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤษภาคม 2554 08:17 น.

    [​IMG]




    มูอัมมาร์ กัดดาฟี ปรากฎตัวต่อสื่อโทรทัศน์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม หลังการเสียชีวิตของ ซาอิฟ อัล-อาหรับ บุตรชายคนเล็ก


    เอเอฟพี - นาโตปฏิบัติการโจมตีทางอากาศบริเวณบ้านพักของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี วานนี้ (12) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ผู้นำลิเบียปรากฎตัวผ่านสื่อโทรทัศน์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บุตรชายถูกสังหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย โฆษกรัฐบาลลิเบียเผย

    “มีผู้เสียชีวิต 3 คน สองคนเป็นผู้สื่อข่าว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนนำทาง ซึ่งพาพวกเขาไปถ่ายทำสารคดี” มุสซา อิบรอฮีม โฆษกรัฐบาลลิเบีย แถลงต่อสื่อมวลชนใกล้ๆ กับหลุมขนาดใหญ่ใน บับ อัล-อาซีซียา บ้านพักของกัดดาฟี

    มุสซาระบุว่า ผู้สื่อข่าวที่เสียชีวิต คือ อาลี อัล-กรอว์ และ อิสมาอีล อัล-ชารีฟ ซึ่ง “กำลังถ่ายทำเหตุการณ์ที่ประชาชนนับร้อยเฉลิมฉลองที่พวกเขายังยืนหยัดต่อสู้กับนาโตได้”

    มุสซาเปิดเผยว่า กรอว์เป็นนักข่าวและนักถ่ายทำภาพยนตร์ชาวลิเบีย แต่ไม่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับชารีฟ และไม่บอกด้วยว่าทั้งสองทำงานให้กับสำนักข่าวใด

    ส่วนคนนำทางที่เสียชีวิตคือ อับเดล ซาลาม มัสซูด โมฮัมเหม็ด วัย 25 ปี ซึ่ง “นอกจากผู้สละชีพทั้งสามแล้ว ยังมีคนบาดเจ็บอีก 27 คน” จากการโจมตีหลายครั้งของนาโต มุสซา ระบุ โดยยืนยันว่าเป็นตัวเลขที่เป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ดูแล 2 คนที่ติดตามนักข่าวกลุ่มนี้เข้าไปทำสารคดี เผยว่า มีคนตายถึง 6 คน และบาดเจ็บ 10 คน

    มุสซากล่าวเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (12) ว่า คืนก่อนที่ บับ อัล-อาซีซียา จะถูกโจมตี มีการพบศพ 4 ศพ หลังจากนาโตยิงถล่มถนนที่มุ่งสู่สนามบิน ซึ่งเคยใช้เป็นค่ายทหารเมื่อทศวรรษที่ 1980 ซึ่งยอดตายครั้งนั้นอาจเป็นสาเหตุให้มีรายงานสับสนเกี่ยวกับจำนวนผู้ตายที่ บับ อัล-อาซีซียา

    การโจมตีบ้านพักของกัดดาฟีครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากที่สถานีโทรทัศน์แห่งชาติถ่ายทอดการประชุม ซึ่งผู้นำลิเบียเข้าร่วมด้วย นับเป็นการปรากฎตัวครั้งแรกของ กัดดาฟี หลังจากที่ ซาอิฟ อัล-อาหรับ บุตรชายคนเล็ก และหลานๆ อีก 3 คน เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของนาโต ซึ่งลิเบียประณามว่าเป็น “ความพยายามลอบสังหารผู้นำลิเบียโดยตรง”

    [​IMG]

    ชาวลิเบียที่สนับสนุน กัดดาฟี ตะโกนขับไล่ นาโต ที่บ้านพัก บับ อัล-อาซีซียา ของผู้นำลิเบีย วานนี้(12)

    [​IMG]

    สตรีลิเบียร่วมกลุ่มประณามนาโต เพื่อไว้อาลัยแก่การเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวและคนนำทางชาวลิเบีย

    Around the World - Manager Online -
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐฯเผยเอกสารลับ “สงครามเวียดนาม” หลัง “รั่วไหล” มานาน 40 ปี

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤษภาคม 2554 09:23 น.



    [​IMG]


    โรเบิร์ต แม็กนามารา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สั่งให้จัดทำ "เพนตากอน เปเปอร์ส"


    เอเอฟพี - รัฐบาลสหรัฐฯประกาศเผยแพร่เอกสารลับเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เพนตากอน เปเปอร์ส” วานนี้(12) หลังจากที่เอกสารชุดนี้เคยรั่วไหลออกมาครั้งแรก เมื่อ 40 ปีที่แล้ว

    หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯซึ่งเก็บรักษาหนังสือและเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ ประกาศว่า เอกสารดังกล่าวซึ่งไม่ถือเป็นความลับอีกต่อไป จะถูกนำมาเก็บไว้ที่ห้องสมุดประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ในเมือง ยอร์บา ลินดา รัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษา

    เอกสารลับสุดยอดซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-เวียดนาม, 1945-1967: ผลการศึกษาโดยกระทรวงกลาโหม” (United States-Vietnam Relations, 1945-1967: A Study Prepared by the Department of Defense) บอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและเวียดนามทั้งในด้านการเมืองและการทหาร ระหว่างปี 1945 ถึง 1967

    เอกสารดังกล่าวจัดทำขึ้นในปี 1967 ตามคำสั่งของ โรเบิร์ต แม็กนามารา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในสมัยนั้น ซึ่งต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม ทว่าเอกสารฉบับนี้เปิดเผยการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯในเวียดนาม ยิ่งกว่าที่สาธารณชนเคยได้รับทราบมาก่อน

    เอกสารฉบับนี้เคยถูกนำมาตีพิมพ์ลงหน้านิตยสาร นิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อปี 1971 สร้างความเสื่อมเสียครั้งใหญ่แก่สหรัฐฯ และเชื่อกันว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อดีตประธานาธิบดี ลินดอน จอห์นสัน ตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้งรอบสอง ท่ามกลางกระแสต่อต้านสงครามที่กำลังรุนแรง

    นิวยอร์ก ไทม์ส ได้รับเอกสารลับดังกล่าวมาจาก แดเนียล เอลสเบิร์ก ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ด้านการทหารของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในสมัยนั้น

    Around the World - Manager Online -
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐฯเผยเอกสารลับ “สงครามเวียดนาม” หลัง “รั่วไหล” มานาน 40 ปี

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤษภาคม 2554 09:23 น.



    [​IMG]


    โรเบิร์ต แม็กนามารา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สั่งให้จัดทำ "เพนตากอน เปเปอร์ส"


    เอเอฟพี - รัฐบาลสหรัฐฯประกาศเผยแพร่เอกสารลับเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เพนตากอน เปเปอร์ส” วานนี้(12) หลังจากที่เอกสารชุดนี้เคยรั่วไหลออกมาครั้งแรก เมื่อ 40 ปีที่แล้ว

    หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯซึ่งเก็บรักษาหนังสือและเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ ประกาศว่า เอกสารดังกล่าวซึ่งไม่ถือเป็นความลับอีกต่อไป จะถูกนำมาเก็บไว้ที่ห้องสมุดประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ในเมือง ยอร์บา ลินดา รัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษา

    เอกสารลับสุดยอดซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-เวียดนาม, 1945-1967: ผลการศึกษาโดยกระทรวงกลาโหม” (United States-Vietnam Relations, 1945-1967: A Study Prepared by the Department of Defense) บอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและเวียดนามทั้งในด้านการเมืองและการทหาร ระหว่างปี 1945 ถึง 1967

    เอกสารดังกล่าวจัดทำขึ้นในปี 1967 ตามคำสั่งของ โรเบิร์ต แม็กนามารา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในสมัยนั้น ซึ่งต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม ทว่าเอกสารฉบับนี้เปิดเผยการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯในเวียดนาม ยิ่งกว่าที่สาธารณชนเคยได้รับทราบมาก่อน

    เอกสารฉบับนี้เคยถูกนำมาตีพิมพ์ลงหน้านิตยสาร นิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อปี 1971 สร้างความเสื่อมเสียครั้งใหญ่แก่สหรัฐฯ และเชื่อกันว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อดีตประธานาธิบดี ลินดอน จอห์นสัน ตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้งรอบสอง ท่ามกลางกระแสต่อต้านสงครามที่กำลังรุนแรง

    นิวยอร์ก ไทม์ส ได้รับเอกสารลับดังกล่าวมาจาก แดเนียล เอลสเบิร์ก ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ด้านการทหารของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในสมัยนั้น

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000058746
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 13 พฤษภาคม 2554 01:00 กาแฟดำ
    จำนวนคนอ่าน 501 คน 'Package solution' ก็แค่'นวัตกรรมการทูต'
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    ผมไม่ได้หวังว่าสูตร “Six in One” หรือ “package solution” ที่อินโดนีเซีย เสนอให้ไทยและกัมพูชา จะไปถึงไหนได้

    แม้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศอินโดฯ มาร์ตี นาตาเลกาวา จะแสดงความหวังไปในทางที่ดีว่านี่จะเป็นทางออกสำหรับทั้งสองฝ่าย

    แม้ต้องยอมรับว่านี่คือ “นวัตกรรม” ทางการทูตของ “คนกลาง” อย่างอินโดฯ ที่พยายามจะให้ทั้งสองประเทศหาทางลงอย่างไม่ต้องเสียหน้า แต่ไม่ได้แปลว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยินยอมลดราวาศอกในเงื่อนไขของตัวเองแต่อย่างไร

    อุปสรรคง่ายๆ ของการหาทางออกระหว่างไทยกับกัมพูชาก็คือ นายกฯ ฮุน เซน ต้องการให้ไทยยอมให้คณะผู้สังเกตการณ์อินโดฯ ไปประจำตรงชายแดนสองประเทศ

    นายกฯ ไทยบอกว่าจะยอมทำตามก็ต่อเมื่อ กัมพูชาถอนทหารออกจากบริเวณที่เป็นประเด็นพิพาท

    ผู้นำกัมพูชาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เขมรถอนทหาร ออกจากจุดที่ตนเองถือว่าเป็นของตัวเอง

    เท่านี้คนกลางอย่างอินโดฯ ก็ปวดหัวแย่แล้ว

    รัฐมนตรีต่างประเทศไทย กษิต ภิรมย์ และรัฐมนตรีต่างประเทศเขมรฮอร์นัมฮง ทำท่าว่าจะผ่อนปรนกับสูตร package solution ของรัฐมนตรีต่างประเทศนาตาเลกาวา ตอนที่อยู่ต่อจาการ์ตา อีกหนึ่งวันหลังการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    ข่าวที่ออกมาวันนั้นฟังเหมือนกับว่าสามรัฐมนตรีต่างประเทศตกลงที่จะ “รวบ” เอาเงื่อนไขของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน และจะไม่มีการตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติมก่อนที่จะนำเอา “สูตรรวม” นี้ไปใช้

    รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดฯ อธิบายกับนักข่าวว่า เรา (รัฐมนตรีทั้งสาม) คุยถึงประเด็นที่ว่าใครจะทำอะไรก่อนที่จะนำไปสู่ก้าวต่อไป เป็นเรื่องของกระบวนการ ไม่ใช่เรื่องแต่ละขั้นตอน (not an event-by-event thing)

    พูดง่ายๆ คือขั้นต่อไปคือไทยจะตกลงตามเงื่อนไข (TOR) ว่าด้วยการส่งคณะผู้สังเกตการณ์อินโดฯ มาที่ชายแดน ขณะเดียวกันเขมรก็จะประกาศให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดน (GBC)

    แรกเริ่มนั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในเนื้อหาของ TOR แต่ไทยจะไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่างเป็นทางการจนกว่าเขมรจะถอนทหารออกจากบริเวณพิพาท และจากปราสาทพระวิหาร และไทยต้องการจะเอาเรื่องถอนทหารเขมรไปเจรจากันในที่ประชุม GBC

    แต่เขมรปฏิเสธที่จะถอนทหาร และไม่ยอมเรียกประชุม GBC จนกว่าไทยจะยอมรับคณะผู้สังเกตการณ์จากอินโดฯ
    แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คุณอภิสิทธิ์ และกษิต ยืนยันว่าเขมรจะต้องถอนทหารออกจากบริเวณชายแดนที่ว่าเสียก่อน ที่ไทยจะยอมรับคณะสังเกตการณ์ของอินโดฯ

    และเพิ่มเงื่อนไขอีกว่าอินโดฯ ควรจะส่ง “คณะล่วงหน้า” ในการทำการสำรวจสถานการณ์ตรงชายแดนไทยและกัมพูชาเสียก่อน

    ไทยคัดค้านการที่เขมรมีทหารอยู่ในบริเวณที่เกิดความขัดแย้ง เพราะนั่นเป็นการละเมิดเจตนารมณ์ของ Hague Convention ของการปกปักรักษาทรัพย์สินทางวัฒนธรรมและขัดต่อสาระแห่ง “บันทึกความเข้าใจ” หรือ MoU ที่ทั้งสองประเทศลงนามเมื่อปี ค.ศ. 2000

    เมื่อทั้งสองฝ่ายยืนกรานอย่างนี้ ก็ต้องเชื่อว่าความตึงเครียดระหว่างสองประเทศจะลากยาวต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ วันนี้มีสถานภาพเป็นแค่ “รักษาการ” เท่านั้น จะทำความตกลงอะไรที่ตีความว่าเป็นการทำสัญญาอะไรไม่ได้

    อีกทั้งฮุน เซนก็คงจะไม่ยอมเงื่อนไขของไทยในช่วงนี้ไม่ได้ เพราะเขาอาจจะคิดว่าหากรอหลังเลือกตั้งไทย เขาอาจจะสามารถเจรจากับรัฐบาลใหม่ (หากมีความเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาล) ได้ง่ายกว่า

    จึงฟันธงได้ว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจากนี้ไป จนถึงวันเลือกตั้งจะตกอยู่ในภาวะ “กระอักกระอ่วน” และ “เสี่ยงกับการปะทะรอบใหม่” ได้ตลอดเวลา

    'Package solution'
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน เข้ามาช่วยแก้ปัญหาหนี้สินประชาชนในส่วนของหนี้บัตรเครดิต โดยเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนที่เป็นลูกหนี้ชั้นดี มารีไฟแนนซ์ (ย้ายหนี้) จากบัตรเครดิตมาเป็นหนี้ส่วนบุคคลที่มีเงื่อนไขการชำระหนี้ที่ยาวนานขึ้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
    กระทรวงการคลังกำหนดวงเงินสำหรับโครงการนี้ไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้วันที่ 1 มิถุนายนนี้
    [​IMG]

    นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เบื้องต้นธนาคารกรุงไทยและออมสิน จะรับโอนหนี้บัตรเครดิตที่มีวงเงินเฉลี่ย 1-2 แสนบาท/ราย และจะคิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 10% ต่อปี
    โครงการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต (รวมไปถึงโครงการกู้บ้านหลังแรกของ ธอส.) ถูกวิจารณ์ว่าเป็นนโยบาย “ประชานิยม” ของพรรคประชาธิปัตย์ก่อนสู้ศึกเลือกตั้ง ซึ่งนายกรณ์ ปฏิเสธว่าเป็นนโยบายของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และเป็นโครงการที่ดำเนินมาก่อนแล้ว

    ที่มา – มติชน, ไทยรัฐ

    ก.คลังออกมาตรการ "รีไฟแนนซ์" หนี้บัตรเครดิต ผ่าน ธ.กรุงไทย-ออมสิน | Siam Intelligence
     

แชร์หน้านี้

Loading...