เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/-Ee20pV3zL4?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/-Ee20pV3zL4?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    Hot sauce for lying: Treat to Russian kids in America
    จาก: RussiaToday | 11 เม.ย. 2011 | 5,306 ครั้ง
    A preliminary child abuse hearing is being held in Alaska after an American woman appeared on a TV show using harsh punishments against her adopted Russian son. The case has sparked calls for better adoption regulations between the two countries. Russia is set to sign an agreement with the U.S. next month to ensure the safety of children adopted into American families. At least 17 adopted Russian children have died in the U.S. since 1992. RT's Gayane Chichakyan reports on this worrying trend.
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Interview : คนงานฟูกูชิมะสวมหัวใจซามูไรกู้วิกฤตนิวเคลียร์ แม้รับรังสีเกินลิมิตแล้ว

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2554 12:41 น.

    [​IMG]
    กลุ่มผู้ประท้วงประณามบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เท็ปโก) ในกรุงโตเกียว วันนี้ (14)



    เอเอฟพี - บุรุษกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้เพื่อควบคุมวิกฤตนิวเคลียร์ญี่ปุ่นด้วยจิตวิญญาณของซามูไร โดยไม่สนใจถึงขีดจำกัดที่ร่างกายจะสามารถรับกัมมันตภาพรังสีได้

    เจ้าหน้าที่บางคนมีความมุ่งมั่นในการทำภารกิจ ซึ่งพวกเขาเห็นว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยชาติในครั้งนี้ ถึงขนาดไม่พกเครื่องโดซิมิเตอร์ ดังนั้น นายจ้างไม่มีทางรู้เลยว่าบุคคลเหล่านี้ได้รับกัมมันตรังสีไปแล้วจริงๆ มากน้อยแต่ไหน

    ทั้งๆ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งประกาศยกระดับความรุนแรงของวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะขึ้นเป็นระดับ 7 ทว่า ฮิโรยูกิ โคโนะ วิศวกรวัย 44 ปี กลับกำลังมุ่งหน้าเข้าไปยังแหล่งกัมมันตรังสีที่รั่วไหล แม้รู้อยู่เต็มอกว่า มันจะทำให้เขาป่วยในวันใดในหนึ่ง

    เขาเล่าให้ฟังว่า “เจ้านายโทร.มาหาผมเมื่อ 3 วันก่อน เขาบอกผมว่า ‘สถานการณ์ที่นั่นร้ายแรงมากกว่าที่สื่อรายงาน มันอยู่เหนือคามคาดหมายของเราแล้ว คุณยังจะมาไหม?’ ”

    “เจ้านายพูดแค่นั้น ไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันมาก เพราะเราต่างรู้ดีว่าสถานการณ์เลวร้ายจริงๆ” โคโนะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นิ่งเงียบเป็นช่วงๆ ระหว่างแต่ละประโยค

    นายจ้างกับโคโนะไม่ได้พูดกันถึงเรื่องเงินตอบแทนหรือค่าชดเชยสำหรับความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวแม้แต่น้อย โรคร้ายต่างๆ นานารวมทั้งมะเร็ง

    เขาสำทับว่า “มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินอีกต่อไป”

    โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ได้รับความเสียหายจากคลื่นสึนามิซัดทำลายพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หลังเกิดแผ่นดินไหว 9.0 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการแล้ว 13,500 คน อีกกว่า 15,000 คนยังหายสาบสูญ และผู้คนนับแสนตกอยู่ในสภาพไร้บ้าน

    ระบบหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ล้มเหลวส่งผลให้แท่งเชื้อเพลิงปรมาณูร้อนขึ้นโดยควบคุมไม่ได้ จนรัฐบาลต้องประกาศยกระดับวิกฤตนิวเคลียร์ครั้งนี้ให้เทียบเท่ากับอุบัติภัยโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล เมื่อ 25 ปีที่แล้ว

    ฮิโรยูกิ โคโนะ วิศวกรภายใต้สัญญาจ้างช่วง ระบุว่า เขาได้รับมอบหมายให้ดูแลห้องควบคุมของโรงฟฟ้าฟูกูชิมะ ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารต้านทานแผ่นดินไหว ณ ที่นั่น เขาจะได้รับกัมมันตภาพรังสีในระดับร้ายแรง โดยทุกๆ ชั่วโมงเขาจะได้รับรังสีเท่ากับที่คนปกติได้รับภายใน 1 ปี

    งานเร่งด่วนของเจ้าหน้าที่ฟูกูชิมะ ไดอิจิ มีตั้งแต่การกำจัดน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี การเก็บกวาดซากปรักหักพังที่ปนเปื้อนรังสี การตรวจวัด ไปจนถึงการเชื่อมต่อสายไฟเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อกู้ระบบหล่อเย็นให้กลับมาทำงานตามปกติให้ได้

    ภารกิจที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ อาจเป็นงานชิ้นสุดท้ายในอาชีพของฮิโรยูกิ โคโนะ ซึ่งใช้ทั้งชีวิตอยู่กับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์

    บุรุษวัย 44 ปีผู้นี้ได้หยุดพักงานมาแล้วช่วงหนึ่ง และกำลังกลับไปเสี่ยงชีวิตอีกครั้งยังศูนย์กลางการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี ทั้งๆ ที่รู้ข่าวว่ามีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งได้รับรังสีเข้าร่างกายเกินกว่าปริมาณที่ควรได้รับตลอดชีวิต

    ลูกจ้างคนหนึ่งของบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เท็ปโก) ซึ่งเป็นเพื่อนของโคโนะระบุว่า เครื่องโดซิมิเตอร์ของเขาแสดงตัวเลขใกล้ถึง 250 มิลลิซีเวิร์ต ถือว่ามากกว่าระดับที่คนทั่วไปได้รับภายในหนึ่งปีถึง 250 เท่า

    ระดับกัมมันตรังสีจากภารกิจนี้สูงเกินกว่าที่กฎหมายญี่ปุ่นกำหนดไว้มากมายนัก โดยคนงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คนใดก็ตามที่ได้รับกัมมันตรังสีเกินระดับที่กำหนดไว้ จะถูกถอดถอนออกจากงานดังกล่าวไปตลอดชีวิต

    “เพื่อนของผมระบายให้ฟังว่า ‘ทำต่อไปไม่ได้แล้ว มันเกินขีดจำกัด ผมขอโทษที่คุณต้องกลับมา แต่ผมทำต่อไม่ไหวจริงๆ’” โคโนะเล่า นอกจากนี้ เพื่อนของโคโนะเล่าถึงเรื่องเพื่อนร่วมงานภายในโรงไฟฟ้า ซึ่งถอดเครื่องโดซิมิเตอร์ เครื่องตรวจวัดกัมมันตภาพรังสีออก ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่มีทางรู้ระดับรังสีสะสมของกลุ่มคนเหล่านั้น

    “หากไม่มีคนงาน วิกฤตนี้จะไม่มีวันจบ” โคโนะกล่าว

    ขณะขับรถออกมาจากบ้านของพ่อแม่ หลังจากเอ่ยคำร่ำลาเรียบร้อยแล้ว โคโนะระบุว่า พยายามไม่คิดถึงสิ่งที่กำลังรออยู่ “ผมยอมรับความเสี่ยงนี้ ผมกำลังไป มันเป็นความรับผิดชอบของผม” เขากล่าว “ตอนเล่นเคนโดสมัยเรียนอยู่ชั้นประถม มีอยู่คำหนึ่งที่เราใช้อยู่เสมอ นั่นคือ สงบสยบความเคลื่อนไหว”

    “ซามูไรต้องสุขุมสงบเยือกเย็นอยู่เสมอ” เขากล่าว

    Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>Interview :</font></b>
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “นาโต” หารือถึงปฏิบัติการโจมตีลิเบีย หลังถูกกดดันให้ลงแรงมากขึ้น

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2554 10:44 น.


    [​IMG]

    ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี (ซ้าย) หลังเสร็จสิ้นการหารือกับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน (ขวา) ณ กรุงปารีส วานนี้ (13) ทั้งสองได้ข้อตกลงกันว่า จะเพิ่มความกดดันทางทหารต่อลิเบีย
    เอเอฟพี - รัฐมนตรีต่างประเทศจากชาติพันธมิตรนาโตมีกำหนดหารือกัน วันนี้ (14) ท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น กรณีการถล่มลิเบียทางอากาศ ขณะมีเสียงเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรยกระดับการโจมตีลิเบีย เพื่อยับยั้งสถานการณ์อันเลวร้ายบนพื้นดิน

    ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศจากแคนาดา ตุรกี และชาติยุโรปรวม 28 ชาติ นัดหมายหารือกันเป็นเวลา 2 วันตั้งแต่วันนี้ ณ กรุงเบอร์ลิน สองสัปดาห์นับจากนาโตเข้ารับปฏิบัติการทางทหาร

    หลังจากเปิดฉากถล่มลิเบียเพื่อปกป้องพลเรือนด้วยมิสไซล์ลูกแรกเมื่อเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกำลังกดดันให้ชาติพันธมิตรต่างๆ เพิ่มจำนวนเครื่องบินรบให้มากขึ้น เพื่อคุ้มครองชีวิตประชาชนจากกองกำลังของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี

    ทั้งนี้ มีชาติพันธมิตรนาโตเพียง 6 จากทั้งหมด 28 ชาติที่กระโจนเข้าร่วมปฏิบัติการทางอากาศถล่มทัพกัดดาฟี ขณะเดียวกัน เครื่องบินรบจากกองทัพฝรั่งเศสและอังกฤษรวมกันมีจำนวนเกินกว่าครึ่งของเครื่องบินรบทั้งหมดที่ร่วมสงครามครั้งนี้ ทางการฝรั่งเศสแถลง

    ความคิดเห็นที่ต่างกันครั้งนี้ย้อนให้รำลึกถึงเหตุการณ์ทำนองเดียวกันกรณีการส่งทหารเข้าสงครามอัฟกานิสถาน ครั้งนั้นทหารสหรัฐฯ มีจำนวนมากถึง 2 ใน 3 ของทหารทั้งหมด ขณะชาติพันธมิตรตะวันตกมัวแต่ครุ่นคิดถึงกลยุทธ์ในการถอนตัว ส่วนครั้งนี้ สหรัฐฯ ขอทำหน้าที่เป็นพียงกำลังเสริม โดยปล่อยให้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของชาติพันธมิตรอื่นๆ

    ตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม ฝรั่งเศสจำเป็นต้องผ่องถ่ายอำนาจบัญชาการให้นาโตโดยไม่สู้เต็มใจนัก ขณะที่เยอรมนีกับตุรกีคัดค้านการแทรกแซงทางทหารใดๆ ก่อให้เกิดความเห็นต่างกันรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่กรณีสงครามอิรักที่มีสหรัฐฯ เป็นแกนนำเมื่อปี 2003

    ปัจจุบัน ฝรั่งเศสต้องผิดหวังกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสงครามกลายเป็นการชักกะเย่อยึดเมืองไปมาระหว่างกองทัพรัฐบาลกับกองกำลังของกบฏ โดยกัดดาฟีตั้งมั่นอยู่ในกรุงตริโปลีและดินแดนฝั่งตะวันตก ส่วนกบฏลิเบียครบอครองเมืองเบงกาซีและดินแดนบางส่วนทางฝั่งตะวันออก

    วานนี้ (13) ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ได้ร่วมโต๊ะอาหารค่ำ พร้อมทั้งหารือกันเรื่องลิเบีย ณ กรุงปารีส โดยคาเมรอนเปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองปรึกษากันถึง “สิ่งที่อังกฤษ-ฝรั่งเศสสามารถทำได้ เพื่อช่วยฝ่ายต่อต้าน เพื่อใช้กำลังทหารกดดันผ่านทางนาโตมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ทำเพื่อเล่นงานรัฐบาล (ลิเบีย) และเรื่องน่าสะพรึงกลัวที่อังกฤษ-ฝรั่งเศสกำลังทำอยู่”

    ระหว่างมื้อค่ำนี้เอง ซาร์โกซีและคาเมรอนตกลงกันว่า จะเพิ่มความกดดันทางทหารต่อ มูอัมมาร์ กัดดาฟี แหล่งข่าวภายในทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส เผย

    การประชุม ณ กรุงโดฮา วานนี้ (13) ชาติมหาอำนาจได้เสนองบประมาณก้อนหนึ่งให้กับกบฏลิเบีย เพื่อใช้ปกป้องตัวเอง และประกาศข้อเรียกร้องให้ พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี สละอำนาจ ทว่าความคิดในการติดอาวุธให้กลุ่มกบฏยังมีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้าน

    Around the World - Manager Online -
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กลุ่ม BRICS เรียกร้องให้ UNSC ปฏิรูประบบ เพิ่มสมาชิกถาวร

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2554 16:19 น.

    [​IMG]

    (จากซ้าย) นายกรัฐมนตรีอินเดีย มานโมฮัน ซิงห์ ประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิตรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีจีน หูจิ่นเทา ประธานาธิบดีบราซิล ดิลมา รุสเซฟฟ์ และประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ จาคอบ ซูมา เข้าร่วมประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่ (บริกส์) ณ เมือซานหย่า มณฑลไหหน่าน ประเทศจีน วันนี้ (14)



    เอเอฟพี - ผู้นำจาก 5 ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่ (บริกส์) เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วันนี้ (14) ให้ปฏิรูประบบการทำงาน เพื่อให้โอกาสประเทศกำลังพัฒนาได้มีปากมีเสียงในประเด็นโลก

    หูจิ่นเทา และ ดมิตรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีจีนและรัสเซีย สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ร่วมประชุมสุดยอดกับผู้นำประเทศจากกลุ่มบริกส์ (BRICS) ซึ่งนอกจากจีนและรัสเซีย ยังประกอบด้วย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ ณ เมืองซานหย่า เมืองตากอากาศในมณฑลไหหน่านของจีน ระหว่างการประชุมประจำปี

    ทั้งนี้ ปัจจุบันทั้ง 3 ประเทศหลังดำรงตำแหน่งสมาชิกหมุนเวียนของยูเอ็นเอสซี และพยายามหาทางเข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวร เพื่อให้ทัดเทียมกับอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    “การปฏิรูปองค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะเป็นไปไม่ได้ ... ที่เราจะยึดติดอยู่กับระบบองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยหลังสงคราม” ประธานาธิบดีหญิงแห่งบราซิล ดิลมา รุสเซฟฟ์ กล่าวระหว่างแถลงข่าว

    นอกจาก หูจิ่นเทา เมดเวเดฟ และรุสเซฟฟ์ การหารือซึ่งครอบคลุมหลากหลายประเด็นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ยังมีประธานาธิบดีจาคอบ ซูมา แห่งแอฟริกาใต้ และนายกรัฐมนตรี มานโมฮัน ซิงห์ แห่งอินเดีย ร่วมด้วย โดยระหว่างการแถลงข่าวร่วมกันของผู้นำทั้งห้า จาคอบ ซูมา กล่าวไว้ว่า “เราเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องปฏิรูประบบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อเพิ่มตัวแทน และประสิทธิภาพให้มากขึ้น”

    จีนและรัสเซียให้การสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าวผ่านทางคำแถลงร่วมของทั้ง 5 ชาติ ซึ่งมีประชากรรวมกันมากกว่า 40 เปอร์เซนต์ของประชากรโลก โดยทั้งอินเดียและบราซิลต่างต้องการที่ว่างในฐานะสมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซี ซึ่งรัสเซียให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่จีนยังไม่ได้ตอบรับอย่างเป็นทางการ

    คำแถลงของการประชุมสุดยอดผู้นำชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่ครั้งนี้ยังได้เรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการใช้กำลังในลิเบียและโลกอาหรับ

    แอฟริกาใต้เป็นรัฐสมาชิกของบริกส์เพียงชาติเดียวที่เห็นชอบกับมติของยูเอ็นเอสซีที่กำหนดเขตห้ามบิน และการใช้ทุกมาตรการเพื่อปกป้องพลเรือนในลิเบีย มติดังกล่าวทำให้ชาติพันธมิตรตะวันตกมีสิทธิชอบธรรมในการถล่มลิเบียในปัจจุบัน

    จีนและรัสเซียต่างงดออกเสียง ระหว่างการลงมติดังกล่าวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

    Around the World - Manager Online -
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เผยผู้ต้องสงสัยบึ้มสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเบลารุสรับสารภาพแล้ว

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2554 00:25 น.

    [​IMG]


    เจ้าหน้าที่เบลารุสเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
    บีบีซี - ประธานาธิบดีอเลกซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส เผยวานนี้(13) สองผู้ต้องสงสัยสารภาพแล้วว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงมินสก์เมื่อวันจันทร์(11) อันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย แย้มมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองฝ่ายต่อต้านเขา

    "เราทราบแล้วว่าใครเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการก่อการร้ายนี้และรู้แล้วว่าพวกเขาดำเนินการด้วยวิธีไหน" ประธานาธิบดีระบุ "สิ่งเดียวที่เรายังไม่รู้ก็คือเพราะเหตุใด แต่เราจะได้คำตอบเร็วๆนี้" เขากล่าวพร้อมบอกว่าการจับกุมที่มีขึ้นเมื่อวันอังคาร(12) ดำเนินการอย่างเงียบๆ โดยปราศจากการยิงต่อสู้หรือความยุ่งยากใดๆ

    ระเบิดที่ภายในบรรจุตะปูและตลับลูกปืน ถูกวางเอาไว้ ณ สถานีรถไฟหลักแห่งหนึ่งกลางเมืองหลวงของเบลารุส ก่อนคนร้ายจุดชนวนในชั่วโมงเร่งด่วนในเย็นวันจันทร์(11) ช่วงเวลาที่ประชาชนกำลังเดินทางกลับบ้าน

    "สิบเอ็ดโมงวันนี้ พวกเขาสารภาพแล้ว" ประธานาธิบดีลูคาเชนโกกล่าว ขณะที้ อันเดย์ ชาเวด รองอัยการทั่วไป ระบุเสริมว่าผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนเป็นชาวเบลารุส

    รองอัยการรายนี้บอกต่อว่าในภาพที่กล้องวงจรปิดบึนทึกได้ พบหนึ่งในผู้ต้องสงสัยอยู่ ณ ชานชาลาของสถานี Oktyabrskaya และค่อยวางกระเป๋าลงใกล้ๆม้านั่ง ต่อมาท่าทางของเขาก็เหมือนกับล้วงไปสัมผัสอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อ ซึ่งจากนั้นไม่นานก็เกิดระเบิด

    เจ้าหน้าที่บอกว่าคนร้ายจุดชนวนระเบิดด้วยเครื่องควบคุมระยะไกลและมีผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้ราว 200 คน ขณะที่ทางการกำหนดวันไว้ทุกข์แก่เหยื่อเป็นเวลา 1 วัน

    ลูคาเชนโก แสดงความยินดีกับปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยมของตำรวจและบอกว่าต่อไปทางเจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนนักการเมืองฝ่ายค้านในความเชื่อมโยงเหตุโจมตีนี้

    เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในเบลารุส สืบเนื่องจากการดำเนินคดีสมาชิกฝ่ายค้านซึ่งชุมนุมขับไล่การได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยของลูกาเชนโก

    ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมของฝ่ายต่อต้านในคืนวันเลือกตั้ง พร้อมจับกุมนักเคลื่อนไหวและฝ่ายสนับสนุนผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไปราว 600 คน โดยในจำนวนนั้นถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว ขณะที่อีกหลายคนถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี

    ประธานาธิบดีลูคาเชนโก บอกว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ยังสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ประกอบด้วยปฏิบัติการโจมตีกรุงมินสก์ ในปี 2008 และเมืองวิเท็บส์ค ทางตะวันตกของประเทศในปี 2005 โดยทั้งสองเหตุการณ์มีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 50 คน
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รัสเซียงงญี่ปุ่นเพิ่มระดับวิกฤตนิวเคลียร์ ชี้เกินเลยความจริง

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2554 02:01 น.

    [​IMG]

    กลุ่มเยาวชนรัสเซียเคลื่อนไหวต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ จากความหวั่นกลัวต่อวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น

    เอเอฟพี - หัวหน้านิวเคลียร์ของรัสเซียชี้เมื่อวันพุธ(13) วิกฤต ณ โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะของญี่ปุ่น ยังไม่เทียบเท่ากับมหันตภัยเชอร์โนบิล ระบุโตเกียวกระทำเกินจริงที่ยกระดับความหายนะทางนิวเคลียร์สู่ขั้น 7 คาดอาจเป็นเพราะเหตุผลเกี่ยวกับการเงิน

    "สำหรับผมแล้ว มันยากที่จะประเมินว่าทำไมญี่ปุ่นถึงตัดสินใจแบบนี้" เซอร์เก คิริเยนโก ประธานบริษัทรอสอะตอม รัฐวิสาหกิจพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซียบอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างร่วมประชุมกลุ่มประเทศบริกซ์(BRICS) ที่เมืองซานยา ทางภาคใต้ของจีน "ผมสงสัยว่ามันอาจเป็นประเด็นด้านการเงินมากกว่าทางนิวเคลียร์"

    เมื่อวันอังคาร(12) ญี่ปุ่นยกระดับความหายนะทางนิวเคลียร์ที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ ให้ขึ้นสู่ระดับ 7 ซึ่งเป็นขีดสูงสุดตามเกณฑ์การวัดวิกฤตปรมาณูระหว่างประเทศ และเท่ากับภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ครั้งเลวร้ายที่สุดของโลก ณ โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ของอดีตสหภาพโซเวียต เมื่อ 25 ปีก่อน

    "ผมเดาว่าบางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับการประกันภัย ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องนี้แหละ เพราะมันดูแปลกไปหน่อย" คิริเยนโกกล่าว พร้อมระบุว่าเดิมทีเขาคิดว่าเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นน่าจะลดระดับหายนะลงมากกว่า เนื่องจากสถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้าในตอนนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ

    "เราคาดคะเนว่าสถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้าน่าจะอยู่ราวๆระดับ 5 หรือ 6" คิริเยนโกกล่าว "แต่วันนี้มันยังไม่ถึงระดับ 6 ด้วยซ้ำ"

    Around the World - Manager Online -
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชี้เด็กอ้วนกลายเป็นปัญหาระดับชาติของจีน

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 เมษายน 2554 20:39 น.

    [​IMG]

    ลู่ จือเหา หรือ เสี่ยว เหา เด็กน้อย วัย 4 ขวบ เจ้าของน้ำหนัก 62 กิโลกรัม กำลังแทะปีกไก่อย่างสำราญใจ (ภาพเอเยนซี)

    ไชน่า เดลี่ - บรรดาครอบครัวชนชั้นกลางจีนที่มีฐานะร่ำรวยขึ้น และเลี้ยงลูกน้อยอย่างประคบประหงมจนได้เรื่อง ส่งผลให้ลูกตนเองกลายเป็น “เด็กอ้วน”

    ลู่ จือเหา หรือ เสี่ยว เหา เด็กน้อย วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งเล่นไป-มารอบๆบ้านของตน ณ หมู่บ้านริมน้ำแห่งหนึ่งในเมืองฝัวซาน มณฑลก่วงตง(กวางตุ้ง) ขณะที่ ไขมันที่พุง แขน และขา ก็กระเพื่อมตามจังหวะการวิ่ง พร้อมกล่าวขณะกำลังหม่ำลูกสาลี่ว่า "ผมอยากเป็นซูเปอร์แมน"

    เสี่ยว เหา เมื่อแรกเกิดมีน้ำหนักเพียง 2.6 กิโลกรัม แต่เมื่อเริ่มโตขึ้น น้ำหนักตัวและส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้ เด็กน้อยวัยกระเตาะตัวอ้วนปั้ก สูง 110 เซนติเมตร มีน้ำหนักถึง 62 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าเด็กเล็กวัยเดียวกันโดยเฉลี่ยถึง 5 เท่า

    และด้วยแก้มที่กลมตุ่ย ทำให้ตาและปากของเด็กอ้วนคนนี้ ดูหยุ่นย่น อีกทั้งมีขาที่โค้งงองุ่มง่าม เนื้อและไขมันที่ซ้อนกันเป็นชั้น ดูละม้ายคล้ายมาสคอตบริษัทยางรถยนต์มิชลินรุ่นจิ๋ว สำหรับความอ้วนที่ล้นเกินของเสี่ยว เหา สาเหตุหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุลกัน

    ที่ผ่านมา พ่อ-แม่ของเสี่ยว เหา ได้นำลูกชายของตนไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาลแล้วหลายแห่ง ทว่า ผลการตรวจสอบของแต่ละแห่งกลับระบุว่า ฮอร์โมนของเสี่ยวเหาอยู่ในระดับปกติ จนทำให้บรรดาแพทย์ต่างตะลึงไปตามๆกัน โดยตามความเห็นของบรรดาแพทย์ที่ตรวจ ระบุว่า สมองของ เสี่ยว เหา ไม่มีปัญหาใดๆ โรคอ้วนของเด็กคนนี้ น่าจะมีแนวโน้มจากนิสัยการกินและปัจจัยอื่นๆ

    เสี่ยว เหา มักมีความอยากอาหารอยู่เป็นประจำ พ่อแม่และบรรดาเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมก็มักจะตามใจอยู่เสมอ “ง่ำ ง่ำ ง่ำ ผมชอบกินปลา” เจ้าตุ้ยนุ้ยพูดขึ้น พร้อมกับเคี้ยวอาหารในปาก ในขณะที่ มื้อเย็นนี้ เด็กน้อยไซส์เฮฟวี่เวทกินข้าวและปลานึ่งไปแล้วหลายชาม

    นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศทำให้เขตเศรษฐกิจเมืองชายฝั่งจีนเจริญมั่งคั่ง และขณะนี้จีนกำลังเข้าสู่ยุคพัฒนาเขตเมืองอย่างรวดเร็ว บรรดาครอบครัวชนชั้นกลางจีนที่ผุดมั่งคั่งมากมาย เลี้ยงดูประคบประหงมตามใจลูกหลาน

    “ไม่ถึง 20 ปีที่ผ่านมา ชาวจีนจำนวนมาก แม้ที่อยู่ในเมืองที่ร่ำรวยที่สุด ยังเลี้ยงชีพตนเองอย่างยากลำบาก แต่ปัจจุบัน พวกเขากลับประสบความยากลำบากในการลดน้ำหนัก” ข้อความในหนังสือชื่อ Fat China: How expanding waistlines are Changing a Nation ซึ่งเขียนโดย พอล เฟรนช์ และแมททิว แครบบ์ ระบุ

    “เงื่อนไขได้แก่ การมีรายได้เพิ่มขึ้น มีอายุยืนยาวขึ้น และนโยบายลูกคนเดียว นำมาซึ่งปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า“กระเป๋า 6 ใบ” (six pocket) ในครอบครัวของเด็กที่มีฐานะค่อนข้างดี สมาชิกในครอบครัวปู่-ย่า พ่อ-แม่ หรือลุง-ป้า มักทุ่มควักเงินปรนเปรอลูกหลาน”

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้เรียกปรากฎการณ์ดังกล่าวนี้ว่า “ฮ่องเต้น้อย” ซึ่งเป็นผลพวงจากนโยบายวางแผนครอบครัวของจีน ที่บังคับใช้ตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว เพื่อควบคุมจำนวนประชากรจีน

    “โรคอ้วนเป็นปัญหาสำหรับกลุ่มผู้บริโภคชนชั้นกลางรุ่นใหม่ที่มีฐานะค่อนข้างดี” หนังสือของ เฟรนช์ และแครบบ์ ระบุ

    เฉิน ฮ่วน แม่ของเจ้าเด็กน้อยอุ้ยอ้าย ยอมรับว่า เสี่ยว เหาจะมีอารมณ์ฉุนเฉียว หากไม่ยอมให้กินอาหาร โดยลูกชายตัวกลมจะนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟา หากไม่ให้กินบิสกิตหลังมื้อเย็น

    “เขาเดินขึ้น-ลงบันไดยาก และจำเป็นต้องช่วยพยุงขึ้นรถโดยสารที่พาเขาไปศูนย์ดูแลเด็ก นอกจากนี้ การอาบน้ำให้เขาก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีก้อนเนื้อและไขมันม้วนทับกันเป็นวง”

    ลู่ อวิ๋นเฉิง พ่อของเจ้าหนูมิชลิน เผย “แน่นอน ผมเป็นห่วงเขา ขาของเขารับน้ำหนักตนเองไม่ไหว หัวใจของเขาก็ต้องก็ทำงานหนัก เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไป”

    ปัจจุบัน พ่อ-แม่ของเสี่ยว เหา ได้เริ่มยอมรับคำแนะนำของแพทย์โดยการเริ่มควบคุมอาหารแต่ละมื้อของเด็กอ้วนคนนี้ พร้อมทั้งพาไปออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ โดยหวังว่าจะสามารถควบคุมน้ำหนักได้

    ทั้งนี้ หน่วยงานที่ดูแลโรคอ้วนในวัยเด็กแห่งจีน พบว่า เกือบ 1 ใน 5 ของเด็กจีนที่มีอายุต่ำกว่า 7 ปี มีน้ำหนักสูงเกินปกติ และมากกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ เป็นโรคอ้วน

    ชมภาพ "เสี่ยว เหา" ในแต่ละอิริยาบถ(ภาพเอเยนซี)

    [​IMG]
    พ่อ-แม่ กำลังจูงมือ เสี่ยว เหา เดินเล่น ณ หมู่บ้านริมน้ำแห่งหนึ่งในเมืองฝัวซาน มณฑลก่วงตง(กวางตุ้ง)

    [​IMG]


    เฉิน ฮ่วน แม่ของเสี่ยว เหา รับน้ำหนักตัวของลูกไม่ไหว

    [​IMG]


    แม่กำลังอาบน้ำให้เสี่ยว เหา

    [​IMG]


    เสี่ยว เหา ขอเติมข้าว ระหว่างกินข้าวกลางวันที่โรงเรียนอนุบาล


    [​IMG]

    งีบหลับในห้องเรียนเล็กน้อย

    [​IMG]


    เพื่อนๆกำลังหยอกล้อเล่นกับเสี่ยว เหา

    [​IMG]


    เสี่ยว เหา และผองเพื่อน นอนกลางวัน ในโรงเรียนอนุบาล

    [​IMG]


    เสี่ยว เหา กำลังเล่นกับเพื่อนๆในโรงเรียนอนุบาล


    [​IMG]

    กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เลียช้อนอย่างเพลิดเพลิน


    [​IMG]

    ภาพขณะอยู่ที่โรงพยาบาล

    [​IMG]


    ขณะกำลังเล่นขับรถในบ้าน

    [​IMG]


    เสี่ยว เหา เริงร่า เมื่อคุณพ่ออุ้ม

    [​IMG]


    สีหน้าเคร่งเครียดระหว่างฝึกว่ายน้ำ

    [​IMG]


    ขณะกำลังออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ

    China - Manager Online -
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เกษตรกรจีนยุคใหม่ รุดขายผลผลิตฯบนโลกออนไลน์

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 เมษายน 2554 20:38 น.

    [​IMG]

    ในภาพหลานสาวกำลังช่วยนางหวัง คลิ๊ก เข้าเว็บไซต์ขายผลผลิตทางการเกษตร (ภาพเอเอฟพี)

    เอเอฟพี - เกษตรกรจีนยุคไซเบอร์ เริ่มมีอนาคตที่สดใส เมื่อใช้วิธีขยายช่องทางการกระจายสินค้าด้วยการขายผลผลิตทางการเกษตรบนอินเทอร์เน็ต

    เป็นระยะเวลาหลายปีที่ หวัง อี้ว์หลัน และสามี จำต้องเข็นรถสามล้อบรรทุกผลผลิตทางการเกษตร อาทิ บล็อคโคลี่ พริกไทย มะเขือม่วง และมะเขือเทศ ออกไปขายที่ตลาดกลางแจ้งใกล้กับกรุงปักกิ่ง ทว่าปัจจุบัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นอีกต่อไป เมื่อสามารถโพสต์ขายผลิตผลทางการเกษตรเหล่านั้นบนโลกออนไลน์

    เมื่อ 2 ปีก่อน คู่สามี-ภรรยา ได้ลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์มาเครื่องหนึ่ง และเริ่มขายผลิตผลทางการเกษตรบนโลกออนไลน์เช่นเดียวกับเกษตรกรจีนรายอื่นๆ ที่หันมาใช้วิธีการดังกล่าว

    หวัง ภรรยาวัย 55 ปี กล่าวกับเอเอฟพีขณะกำลังให้หลานสาวช่วยเข้าเว็บไซต์ขายผลผลิตการเกษตร aptc.cn ว่า “เมื่อคุณมีคอมพิวเตอร์ คุณก็เข้าสู่ตลาดทั่วโลกได้”

    “อินเทอร์เน็ตทำให้เรามีตลาดการขายสินค้าที่กว้างมากขึ้น และสร้างความสะดวกสบาย เราอยู่แต่ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องออกไปขายผักที่ตลาด และสำหรับการสั่งซื้อ ขั้นแรกลูกค้าจะสั่งรายการสินค้าที่ต้องการ ทางเราก็เตรียมสินค้า จากนั้นพวกเขาก็จะส่งรถตู้มารับ แต่หากเป็นเมื่อก่อน สินค้าพืชผักขายได้ยากมาก หากขายไม่หมด มันก็จะเน่า และต้องโยนทิ้งไป”

    นับตั้งแต่หวัง และหลิว ซู่จิน สามีวัย 66 ปี เริ่มค้าขายพืชผักทางอินเทอร์เน็ต รายได้ของทั้งคู่ก็เพิ่มมากกว่า 2 เท่า อยู่ที่ปีละ 20,000 - 30,000 หยวน พร้อมกับมีชีวิตที่สุขสบายมากขึ้น

    [​IMG]

    ภาพโฆษณาบริการจัดส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆให้กับเกษตรกร “农信通”(ภาพเอเยนซี)

    ในปี 2549 ไชน่า โมบายล์ บริษัทรัฐวิสาหกิจผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดในโลก ได้เปิดบริการที่มีชื่อว่า “农信通- หนงซิ่นทง” ซึ่งเป็นบริการจัดส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆให้กับเกษตรกร อาทิ ข้อมูลราคาตลาดล่วงเวลา พยากรณ์อากาศ และข้อมูลนโยบายรัฐบาล ผ่านทางข้อความของโทรศัพท์มือถือ สายด่วนฮอตไลน์ และทางเว็บไซต์ อีกทั้งยังเปิดให้เหล่าเกษตกรสามารถโฆษณาสินค้าเกษตรแบบออนไลน์ได้

    หยัง เหอ เกษตกรผู้เพาะปลูกดอกไม้แห่งมณฑลอันฮุย เผยว่า “บริการดังกล่าวราคาไม่แพง เสียไม่กี่หยวนต่อเดือน ฉันเพียงแค่ส่งข้อความไปยังเว็บไซต์ไชน่า โมบายล์ ในมณฑลอันฮุย จากนั้นข้อความของฉันก็จะได้รับการโพสต์ลงบนบอร์ดเสนอและสั่งซื้อสินค้า หากมีคนเห็นข้อความของฉัน พวกเขาก็จะติดต่อมา”

    หลิว จิง ผู้จัดการโครงการหนงซิ่นทง กล่าวว่า “บริการส่งข้อมูลดังกล่าวมีราคาถูก คิดค่าบริการเพียงเดือนละ 2 หยวน ขณะนี้ มีผู้ใช้บริการฯจำนวนมาก เฉพาะมหานครฉงชิ่งแห่งเดียว มีผู้ลงทะเบียนสมัครสมาชิกแล้ว 3 ล้านคน”

    “เราต้องการให้เกษตรกรจีนได้ใช้บริการที่มีประสิทธิภาพ ราคาไม่แพง และเอื้อประโยชน์ต่อพวกเขา” หลิว กล่าวกับเอเอฟพี

    เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์จีน ได้บรรลุข้อตกลงกับธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งชาติจีน และไชน่า โมบายล์ เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศสำหรับการค้าขายในชนบท

    บรรดานักวิเคราะห์ ชี้ว่า “ขณะที่ เกษตรกรจีนไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงลิบได้ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือจะสามารถช่วยให้พวกเขาเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น และสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น”

    เหริน เสียนฟัง นักวิเคราะห์แห่ง IHS Global Insight กล่าวกับเอเอฟพีว่า “หากรัฐบาลสามารถนำบริการดังกล่าวไปเผยแผร่ให้กับเกษตกรทั่วประเทศ ตลาดการซื้อ-ขายสินค้าจะดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และจะสามารถลดแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อได้ และที่สำคัญ หากไม่มีบริการข้อมูลเหล่านี้ เกษตรกรก็จะไม่ค่อยมีช่องทางการขายสินค้าของตน”

    ทั้งนี้ สถานภาพอันยากลำบากของบรรดาเกษตรกรจีน ซึ่งมีรายได้ต่ำ เป็นหนึ่งในวาระการประชุมหลัก ของการประชุมสภาประชาชนประจำปีของจีน ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้นำระดับสูงของจีนได้ให้คำมั่นว่าจะพัฒนาภาคชนบทและยกระดับรายได้ของเกษตรกร เนื่องจากกังวลว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่กำลังเพิ่มมากขึ้น อาจกลายเป็นการจุดชนวนให้เกิดการก่อความไม่สงบในสังคม

    จากข้อมูลสถิติ ระบุ ในปี 2553 รายได้โดยเฉลี่ยต่อปีของชาวจีนในชนบท อยู่ที่ 5,919 หยวน ขณะที่ รายได้ของชาวจีนที่อาศัยในเมือง อยู่ที่ระดับเกือบ 20,000 หยวน

    อย่างไรก็ตาม แม้รายได้จะเพิ่มมากขึ้น แต่บรรดาเกษตรกรยังคงต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ด้วยว่า ต้องเผชิญกับปัญหาการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข ที่ยังคงเป็นเรื่องยาก อีกทั้งต้องเผชิญกับการฮุบกรรมสิทธิ์ที่ดินของบรรดาพวกนายทุนที่ต้องการซื้อไว้เก็งกำไร

    หวัง ซึ่งมีลูกสาวที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดวัย 25 ปี รักษาตัวอยู่ที่บ้าน เนื่องจากครอบครัวไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ กล่าวทิ้งท้ายว่า “สัญญาเช่าที่ดินของฉันจะหมดลงในปี 2556 และฉันกังวลว่ารัฐบาลจะไม่ต่อสัญญาให้ หากเราไม่มีที่ดินทำกิน เราจะทำอย่างไร เราคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”

    China - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 14 เมษายน 2554 01:00
    กาแฟดำ
    มิตรแท้คือมิตรในยามยาก
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    ผมถามท่านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย คุณเซอิจิ โคจิมะ ระหว่างการสัมภาษณ์พิเศษอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่าความเสียหายจากภัยร้ายแรง (แผ่นดินไหว สึนามิ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่ว) ครั้งนี้หากเปรียบกับสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว อะไรเลวร้ายกว่ากันสำหรับญี่ปุ่น


    ท่านทูตตอบอย่างไม่ลังเลว่า "ในบางด้าน ภัยครั้งนี้ร้ายแรงกว่า...เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ญี่ปุ่นถูกทำลายในบริเวณที่กว้างขวางเกือบทั่วประเทศ แต่ครั้งนี้ อาณาเขตที่ถูกกระทบมีจำกัดกว่า...แต่ครั้งนี้เราต้องมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างชาติใหม่มากกว่าสงครามโลกครั้งที่สอง..."


    คำว่า "ความมุ่งมั่น" คือ หัวใจของการฟื้นคืนสู่ภาวะปกติสำหรับญี่ปุ่น หลังเผชิญกับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์


    ทูตโคจิมะ บอกผมว่า "จากกำลังใจ ความช่วยเหลือและการแสดงออกจากทั้งโลกต่อคนญี่ปุ่นครั้งนี้ เรารู้ว่าเราจะไม่เดินคนเดียว เรารู้สึกอบอุ่นอย่างยิ่ง..."

    และท่านก็กล่าวเป็นภาษาไทยให้ผมฟังอย่างตั้งอกตั้งใจว่า

    "มิตรแท้คือมิตรในยามยาก..."

    ตรงกับที่นายกฯ นาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่นออกสารขอบคุณชาวโลกด้วยคำญี่ปุ่นที่อ่านว่า "คีซูน่า" (kizuna) ที่แปลว่า "ความผูกพันแห่งมิตรภาพ" และภาษาอังกฤษที่ว่า
    "A friend in need is a friend indeed."

    คนญี่ปุ่นฟันฝ่าอุปสรรคระดับโลกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ใครที่ได้ไปเมืองฮิโรชิมา หรือนางาซากิ ซึ่งเคยเป็นเป้าการถล่มด้วยระเบิดปรมาณูในครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง ย่อมจะจินตนาการได้ว่า ชนชาติที่โดนภัยอันใหญ่หลวงที่ผู้คนล้มตายกันครั้งละเป็นหมื่นเป็นแสนนั้น มีรอยแผลแห่งโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจจะลบเลือนไปได้ง่ายๆ อย่างไร


    วันนี้ คนญี่ปุ่นทั้งประเทศยังไม่รู้ว่าพิบัติธรรมชาติ และภัยจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่มนุษย์สร้างเองนั้นจะหมดลงไปได้เมื่อใด เพราะขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ก็ยังมีแผ่นดินไหวต่อเนื่องที่เรียกว่า Aftershocks ตามมาไม่ขาดสาย แม้ว่าลูกใหญ่ระดับ 9 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม จะเกิดมาแล้วหนึ่งเดือนก็ตาม


    ภัยอันใหญ่หลวงครั้งนี้แปลว่าญี่ปุ่นจะต้องระดมเงินทุนครั้งมหาศาลหลายสิบล้านล้านบาท เพื่อให้อุตสาหกรรมกลับมาผลิตในระดับปกติ และที่สำคัญกว่า นั่นคือ การเรียกขวัญและกำลังใจของคนญี่ปุ่นกลับมาสู่สังคมแห่งความกระตือรือร้น และสร้างสรรค์เหมือนเดิมให้ได้ ท่าทีของคนญี่ปุ่นที่สงบ เย็น และมุ่งมั่นจะเอาชนะอุปสรรคหนักหนาสากรรจ์ครั้งนี้ เป็นที่ชื่นชมของคนทั้งโลก


    ท่านทูต โคจิมะ บอกผมว่า "ก่อนเหตุการณ์นี้ คนญี่ปุ่นเองไม่เคยรู้ว่าเรามีบุคลิกแข็งแกร่ง พร้อมจะเผชิญกับความโหดเหี้ยมแห่งธรรมชาติได้อย่างที่ปรากฏ แต่เมื่อเกิดเรื่องแล้ว และคนอื่นได้เห็นเราตั้งรับภัยพิบัติอย่างเยือกเย็นสุขุม เราก็ภูมิใจว่าเราสามารถปักหลักตั้งรับได้อย่างแข็งแกร่ง..."


    เขาบอกว่าญี่ปุ่นจะไม่เพียงแค่รอดจากความเสียหายรุนแรงครั้งนี้เท่านั้น "แต่เราจะฟื้นกลับมาเป็นชาติที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอีก..."


    วันนี้ ญี่ปุ่นไม่อายที่จะบอกคนทั้งโลกว่าต้องการความช่วยเหลือและความเห็นใจจากคนทั่วไป ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่น คือ มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เป็นผู้นำโดดเด่นทางด้านอุตสาหกรรม เป็นนักคิดนักประดิษฐ์ไฮเทคที่หาใครมาเปรียบได้ยาก


    วันนี้ ทูตญี่ปุ่นบอกผมว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ของไทยได้ให้ญี่ปุ่นยืมเครื่องปั่นไฟฟ้าเก่าสองตัว ที่เคยซื้อจากญี่ปุ่นมาก่อน เพื่อนำกลับไปช่วยเมืองที่ถูกแผ่นดินไหว และสึนามิทำลายจนดับมืดไปหมด


    ญี่ปุ่นเคยให้ความช่วยเหลือทั้งข้าวของ และเงินทองแก่เราในฐานะประเทศร่ำรวยกว่า เจือจานให้ประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย


    วันนี้ ไทยสามารถส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปช่วยญี่ปุ่นได้ ต้องถือว่าเป็นภาพแห่งความเอื้ออาทร และความเป็นเพื่อนในยามยากอย่างแท้จริง


    ตอกย้ำว่าไม่ว่ามนุษย์หรือประเทศชาติ ไม่มีใครอยู่โดดเดี่ยวได้จริงๆ...เพราะธรรมชาติกำหนดไว้เช่นนั้น ไม่ว่าจะภาวะเป็นมิตร หรือในยามกราดเกรี้ยวก็ตาม

     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 14 เมษายน 2554 16:00
    บริคส์เตือนราคาโภคภัณฑ์ผันผวนกระทบฟื้นตัว

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ผู้นำประเทศมหาอำนาจตลาดเกิดใหม่ เตือนราคาโภคภัณฑ์ผันผวน ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
    ผู้นำประเทศมหาอำนาจตลาดเกิดใหม่ (บริคส์) เตือนว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวน ถือเป็นความเสี่ยงสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากราคาสินค้า พลังงาน และโลหะสูงขึ้น เนื่องจากวิกฤตินิวเคลียร์ในญี่ปุ่นและความขัดแย้งในลิเบีย จนส่งผลต่อเนื่องให้เงินเฟ้อสูงขึ้น

    ขณะเดียวกัน นักลงทุนที่มีความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ก็หันไปทุ่มลงทุนในตลาดเกิดใหม่
    "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนมากเกินไป โดยเฉพาะราคาอาหารและพลังงาน ถือเป็นความเสี่ยงครั้งใหม่สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก" แถลงการณ์ร่วมจากกลุ่มบริคส์ ซึ่งประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ระบุ
    ทั้ง 5 ประเทศกล่าวว่าจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดด้านความมั่นคงอาหาร พร้อมเสริมว่าประชาคมโลกต้องทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมด ไม่เฉพาะอาหาร
    นอกจากนั้น แถลงการณ์ยังระบุว่าประเทศตลาดเกิดใหม่ถูกคุกคามจากกระแสเงินทุนจำนวนมหาศาล ที่ดันให้ค่าเงินของประเทศเหล่านี้แข็งค่าขึ้น

     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 12 เมษายน 2554 12:50
    ไอเอ็มเอฟเตือนเงินเฟ้อตลาดเกิดใหม่ทำศก.โลกเสี่ยง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ไอเอ็มเอฟชี้ อัตราเงินเฟ้อในระดับสูงของตลาดเกิดใหม่ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยง
    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นของประเทศเกิดใหม่เป็นความเสี่ยงใหม่ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ก็ยังไม่รุนแรงพอที่จะขัดขวางการฟื้นตัว
    ทั้งนี้ การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกครั้งล่าสุดของไอเอ็มเอฟ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการพุ่งความสนใจไปที่วิกฤตการณ์ทางการเงิน และภาวะถดถอยของประเทศร่ำรวย
    อัตราการขยายตัวสูงสุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากตลาดเกิดใหม่ อาทิ จีน บราซิล และอินเดีย ซึ่งช่วยชดเชยภาวะตกต่ำรุนแรงของสหรัฐ และประเทศร่ำรวยอื่นๆที่มีสาเหตุจากภาวะฟองสบู่แตกในตลาดที่อยู่อาศัย
    ไอเอ็มเอฟ เตือนว่า ประเทศเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ที่เหมือนกับภาวะฟองสบู่ที่เคยทำให้เกิดวิกฤติการเงินในปี 2550-51
    "ความท้าทายสำหรับประเทศเกิดใหม่หลายประเทศ และประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศก็คือ การรับรองว่า สภาวะที่เหมือนกับการขยายตัวในปัจจุบันจะไม่กลายเป็นภาวะที่ร้อนแรงมากเกินไปในปีหน้า" ไอเอ็มเอฟ ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
    นายโอลิเวียร์ บลองชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ไม่มีภัยคุกคามจำนวนมากต่อเศรษฐกิจโลก และไม่มีความเสี่ยงช่วงขาลงครั้งใหญ่ในขณะนี้ แต่ก็มีจุดที่เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข พร้อมระบุว่า ภาคการเงิน ที่ยังคงย่ำแย่ในยุโรป และภาระหนี้สินจำนวนมากของสหรัฐเป็นจุดที่ต้องได้รับความสนใจ
    อย่างไรก็ดี แนวโน้มราคาน้ำมันที่ทะลุระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไม่ได้รุนแรงพอที่จะกระทบเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
    "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นมากเกินคาด แต่เราก็ไม่คิดว่า การพุ่งขึ้นในครั้งนี้จะขัดขวางการฟื้นตัว" นายบลองชาร์ด กล่าว
    ไอเอ็มเอฟ ยังคงคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้า โดยคงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสำหรับปีนี้ และปีไว้ที่ 4.4% และ 4.5% ตามลำดับ
    แต่ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ประเทศเกิดใหม่เป็นจุดที่น่ากังวลเป็นพิเศษ โดยเตือนว่า ประเทศเหล่านี้เผชิญกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ขณะที่กำลังพยายามจัดการกับกระแสเงินทุนไหลเข้าที่ยากต่อการควบคุม
    "เรากำลังเตือนประเทศเกิดใหม่ว่า พวกเขากำลังจะเข้าสู่จุดที่สถานการณ์ต่างๆอาจจะดีเกินไป" นายบลองชาร์ด กล่าว

     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 12 เมษายน 2554 19:39
    วันเกิดพระราม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    เด็กๆ ในแคว้นแคชเมียร์ อินเดีย ร่วมขบวนแห่ฉลองวันเกิดพระราม ซึ่งเป็นปางที่ 7 ของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ

     
  13. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    วันนี้ดูข่าว แต่ได้ยินไม่ถนัดนะ ได้ยินว่ากลุ่ม จี20 รวมตัวประชุม เพื่อที่จะทำให้เงินสกุลของอเมริกากลายเป็นสกุลรอง แต่ไม่ได้ยินว่าจะทำให้สกุลไหนเป็นอันดับแรก แปลกจังครับ
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เท่าที่ตามดูข้อมูลเรื่องเงินเฟ้อมานะ และฟังกูรู+กูรู้ เขาวิเคราะห์ให้ฟังประมาณว่า
    สกุลเงินหลักของโลกจะเป็นทองคำไม่รู้จะรวมแร่เงินด้วยไหม รวมเป็นมาตรฐานทองคำ
    จะพิมพ์แบงค์กงเต็กออกมาซื้อหนี้ตัวเอง ก็จะทำไม่ได้อีกต่อไป แล้ว ไอเอ็มเอฟจะรับ
    เป็นเจ้าภาพพิมพ์เงินสกุลหลัก(SDR) ที่เป็นมาตรฐานทองคำ แล้วประเทศอื่นๆ ก็ใช้เงิน
    ของไอเอ็มเอฟ แทน us dollar แต่ละประเทศก็จะอิงกับเงินไอเอ็มเอฟแทน เดาเอานะ
    ของจริง ต้องดูกันต่อไปว่า กลุ่มจี20 เขาจะตกลงกันได้ไหม เพราะใครมียูเอสดอลล่าร์
    เยอะ ก็จะเจ็บตัวเยอะ เพราะเมกาคงไม่ยอมเอาทองคำที่มีมาใช้หนี้คนอื่น อาจจะชักดาบ
    ลดค่าเงินของตัวเองไปเลย 60-70 เปอร์เซนต์ คัทลอสแบบ เอ็นพีแอล
    แบบว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เป็นหนี้ 100 จ่ายคืน 30-40 รีเซ็ทระบบแล้วเริ่มต้น
    ระบบเงินใหม่ เงินก็จะหายากขึ้นจะพิมพ์กระดาษมาปั่นตลาดหุ้นตลาดทุนก็จะทำไม่ได้
    เพราะผิดกฏที่สังคมเสียงส่วนใหญ่เขาตกลงไว้ และสังคมไม่ยอมรับ ทำให้ความเหลื่อมล้ำ
    มันน้อยลง จะพิมพ์เงินซี้ซั้วไปปั่นตลาดหุ้นหากำไรเข้าประเทศ หรือไปโจมตีค่าเงินคนอื่น
    ไม่ได้อีกแล้ว ก็ไม่รู้จะได้เกิดไหมนะ ระบบเงินตราอิงมาตรฐานทองคำ
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เคยโพส์ทไว้ที่หน้า10 #185 เอามาแปะใหม่อีกทีนะ

    วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

    SDR, Silver Manipulation และ IMF Gold Sale 1/3


    Vince (guest): ฝากถึงคุณจิมมี่ช่วยรบกวนขยายความให้หน่อยครับเรื่อง SDR จากครึ่งหลังของวีดีโอนี้น่าสนใจมากครับ AJ กับ BC พูดเกี่ยวกับการผลักดัน อัตตราแลกเปลี่ยนใหม่ของโลกขึ้นมา การออกมาแฉเรื่องการบิดเบือนราคา Silver ที่ออกมาในข่าว mainstream วิธีการกดราคาโดยการประกาศขายทองของ IMF ที่ผ่านมา มีบางช่วงที่ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง SDR ครับ ขอบคุณครับ

    <TABLE style="MARGIN: 10px 0px" class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 425><THEAD><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tcat colSpan=2></TD></TR></THEAD><TBODY><TR><TD class=panelsurround align=middle><EMBED height=350 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube.com/v/YmYNDtO0464 wmode="transparent" allowfullscreen="true"></EMBED></TD></TR></TBODY></TABLE>​



    ตอบครับ :

    เนื่องด้วยเป็นคำถามที่ต้องตอบยาวครับ ขอนำมาตอบในโพสต์นี้เพื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆท่านอื่นที่สงสัยในประเด็นนี้เช่นกันครับ

    SDR หรือ Special Drawing Right ก็คือตราสารที่เปรียบได้กับเงินสกุลหนึ่งที่ออกโดย IMF โดยมีทองคำเป็นตัวหนุนครับ SDR เกิดขี้นถ้าจำไม่ผิดก็ 16-17 ปีมาแล้วครับ แต่ไม่มีการใช้อย่างแพร่หลายเพราะสหรัฐ "ไม่ชอบ" เพราะกลัวว่ามันจะแพร่หลายนั่นเองแล้วเมื่อเค้าปั๊มเงินดอลล่าออกไปใครจะเอาล่ะครับเพราะเป็นกระดาษล้วนๆและไม่มีทองคำหนุน ก็เลยต้องไม่เวิร์คไปตามระเบียบ สาเหตุของการเกิดก็คือในหลายๆ ครั้งเมื่อดอลล่าเกิดสั่นคลอน แล้วประเทศคู่ค้าใหญ่ๆของสหรัฐเห็นความเสี่ยงของเงินดอลล่าก็ช่วยกันผลักดันและให้ IMF ซึ่งเปรียบเสมือนองค์กรกลางทางการเงินของโลกเป็นเจ้าภาพให้ครับ

    ที่สำคัญจะออกตราสารตัวนี้อย่างซี้ซั้วมั่วนิ่มไม่ได้ เพราะจะต้องใช้ทองคำสำรองของ IMF เองเป็นตัวหนุนเท่านั้น จึงจะสร้างความเป็นกลางและความเชื่อมั่นในระดับโลกได้ครับ ในช่วง 2-3 ปีหลังนี้ หลังจากที่สหรัฐโดนวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์เข้าไปเต็มๆ ทำให้ประเทศต่างๆที่ถือครองทรัพย์สินในสกุลดอลล่าได้หวาดเสียวกันอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่ม BRICS ที่มีปริมาณการค้าในสกุลดอลล่าที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงเรียกร้องให้ IMF ปัดฝุ่นและนำ SDR ออกมาใช้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการปะทะกับสหรัฐในประเด็นของเงินดอลล่าเท่านั้นเอง

    แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะคะแนนเสียงการโหวตใน IMF เป็นของชาติมหาอำนาจตะวันตกไปแล้ว 60 กว่าเปอร์เซนต์ จีนและรัสเซียจึงพยายามดิ้นรนเพื่อเพิ่มสัดส่วนคะแนนเสียงการลงคะแนนเสียงของตนใน IMF ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา โดยอ้างชาติกำลังพัฒนาต่างๆ แต่ก็โดนบล๊อคอีกตามระเบียบ เพราะฉะนั้นในทางลึก IMF ก็เป็นองค์กรของพวก Globalist นั่นเอง

    มันถึงได้เข้ามาล้มประเทศไทยในวิกฤติการปี 40 แล้วให้กลุ่มทุนในเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังเข้ามาไล่กว้านซื้อทรัพย์สินของเราในราคาถูกนั่นไงครัับ (ส่วนนี้เพิ่มเติมให้ในกรณีที่ใครเพิ่งจะเข้ามาอ่านครับ)

    ส่วนความพยายามผลักดัน SDR ในช่วงนี้ คงจะถึงเวลาที่การ "ล่มสลาย" ของเงินดอลล่าใกล้เข้ามาทุกที แล้วจะต้องมีเงินสกุลใหม่มาแทนที โดยจีนก็พยามผลักดันเงินหยวนของตัวเอง แต่...โดนเตะสกัดอีกตามระเบียบ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเงินสกุลกลางเป็นของใครผู้นั้นก็ครองอำนาจในโลกใบนี้นั่นเอง เพราะจะเป็นผู้ควบคุมการพิมพ์พันธบัตร มีอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลอย่างเช่นสหรัฐในวันนี้

    ลองคิดดูว่าแค่สหรัฐมีเงินดอลล่าที่เป็นสกุลกลางโดยยังมีเงินอีกสารพัดสกุลในโลก แต่สหรัฐยังมีอิทธิพลได้ขนาดนี้แล้วถ้ากลายเป็นระบบเงินสกุลเดี่ยวหรือสกุลเดียวที่จะใช้กันทั่วโลกและถ้าใครได้อำนาจตรงนี้ไป คือจะเป็นผู้ควบคุมการพิมพ์พันธบัตรหรือที่เราเรียกกันว่าเงินออกมา ก็แทบจะกลายเป็นผู้ครอบครองระบบเงินตราของโลกแบบเบ็ดเสร็จทันที

    ซึ่งจะรวมไปถึงเศรษฐกิจโลก การค้าโลก การเมืองโลก และการทหารไปด้วยครับ แค่คิดก็หนาวแล้ว และนี่ก็คือ "จุดประสงค์หลัก" ของเรื่องและเป็นที่มาของความวุ่นวายทั้งหมด ที่พวกเค้าพยายามผลักดันกันอยู่นั่นเองครับ ซึ่งโอกาสสำเร็จมีความเป็นไปได้สูงมากด้วยเครือข่ายและเครื่องมือที่เค้ามีอยู่ น่าจะได้เห็นกันเร็วๆนี้ และอาจจะเร็วจนเราไม่ทันตั้งตัวก็ได้ครับ

    เพราะฉะนั้น ถ้านี่คือจุดประสงค์หลัก วิธีการก็คือเค้าต้อง "ทุบ" ดอลล่าให้ตายในกรอบเวลาที่วางไว้ไงครับ และนี่ก็คือที่มาของการทำ QE2 และอีกสารพัดวิธีที่จะทำได้ แต่...ที่ผ่านมาหลังจากที่ทุบแล้วชาติต่างๆที่เป็นเจ้าหนี้ที่ถือครองดอลล่าไว้ก็เป็นฝ่ายเดือดร้อนสิครับก็เข้าไปอุ้มไว้เพื่อไม่ให้ทรัพย์สินของตนด้อยค่าลง ที่สำคัญประเทศคู่ค้าก็ต่างๆ ก็ต้องสร้างสมดุลย์ไม่ให้เงินของตัวเองแข็งเกินไปจนกระทบกับความสามารถในการแข่งขันและการส่งออก และโดยเฉพาะอีกหลายๆประเทศที่เก็บทุนสำรองเป็นเงินดอลล่าไว้อย่างมหาศาลโดนเข้าไปเต็มๆครับ แทบจะคิดมูลค่าความเสียหายออกมาเป็นรายวันได้เลยเมื่อดอลล่ามีการซวิงขึ้นลงอย่างรุนแรง จึงแปรสภาพกลายไปเป็น Currency War หรือสงครามค่าเงินไปในที่สุด และมีการคาดการณ์ว่าสงครามค่าเงินแหละที่จะนำไปสู่สงครามการค้า และสงครามจริงในที่สุด ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นแล้วในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านๆ มาครับ

    รอดูกันครับว่าการประกาศวันที่ 3 เค้าจะ "ทุบ" ประมาณไหน จะเอาแบบแค่เบาะๆไปเรื่อยๆ ลากไปอีกซักหน่อย หรือจะเอาแบบ "ตายคามือ" แล้วเปลี่ยนแปลงโลกกันไปเลย ก็รอฟังข่าวกันครับ

    .......เพราะฉะนั้นชื่อของเกมส์ เกมส์นี้ก็คือ "อำนาจ" ครับ.......


    โพสต์โดย What's going on in America
    <SCRIPT type=text/javascript>if (window['tickAboveFold']) {window['tickAboveFold'](document.getElementById("latency-5065602776584403354")); } </SCRIPT>

    วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    SDR, Silver Manipulation และ IMF Gold Sale 2/3

    ตอบครับ:

    มาดูกันในอีก 2 ประเด็นที่เหลือครับ คือ Silver Manipultion หรือการบิดเบือนราคาแร่เงิน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสินแร่ที่อยู่คู่กับมนุษย์ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งความนิยมจะเป็นรองก็เพียงน้ำมันและทองคำเท่านั้นครับ แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ Silver หรือเงินถูกจัดให้เป็นเงินตราจริงๆ มาตั้งแต่ยุคโบราณครับ ถ้าใครที่อ่านพระคัมภีร์ไบเบิลในภาคพันธสัญญาเดิมจะเห็นว่า มีการกล่าวถึงแร่เงินอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็คือเงินถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไม่ต่ำกว่า 5-6,000 ปีมาแล้วนั่นเอง

    ส่วนประเด็นเรื่องความพยายามบิดเบือนราคานั้น จริงๆ แล้วเค้าไม่ได้ บิดเบือนหรือ "ปั่น" แค่เงินเท่านั้นครับ ปัจจุบันกลุ่มขาใหญ่กลุ่มนี้เค้าเข้าไปปั่นหรือควบคุมราคาทรัพยากรแทบทุกชนิดในทุกประเทศในโลกใบนี้ ด้วยกลไกของตลาด Derivatives หรือตราสารอนุพันธ์ วิธีการก็คือเค้าคิดให้มีการใช้กลไกของตลาดค้าล่วงหน้าซึ่งแรกเริ่มก็มีการส่งมอบสินค้ากันจริงๆ จนในที่สุดก็พัฒนามาเป็นเพียงการซื้อขายสัญญาหรือที่เราเรียกว่า Future Contract หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นการเก็งกำไรแบบ 100% เต็มจากการขึ้นลงของราคา โดยไม่มีการส่งมอบ "ถั่ว" แม้แต่เม็ดเดียว หรือเก็งกำไรกันจนถึงขั้นซื้อขายอะไรกันยังแทบจะไม่รู้เลยครับ มีเพียงแต่อ้างอิงราคาตลาดของโภคภัณฑ์ชนิดนั้นๆ เท่านั้นเอง

    และไอ้เจ้าวิธีหลังนี้เองที่พวกขาใหญ่ ซึ่งก็คือ JPMorgan, HSBC, Citi Group, Goldman Sachs และอีกสารพัดที่อยู่ในเครือข่าย เข้าทำการ "Naked Short" หรือก็คือเข้าเปิดสัญญาขาย(ลูกเดียวอย่างต่อเนื่องและยาวนาน)ล่วงหน้าในสารพัดตลาด รวมทั้ง "ทองคำ" แบบไม่มีการส่งมอบจริง โดยการขายล่วงหน้าในราคาต่ำกว่าท้องตลาดหรือราคาที่ควรจะเป็น ยิ่งกว่านั้นพวกเค้ากดราคาขายลงอย่างต่อเนื่องหรือให้อยู่ในระดับหนึ่งที่พวกเค้าต้องการ โดยสร้างภาพให้ราคาของโภคภัณฑ์ชนิดนั้นๆ อยู่ในการควบคุมและมีราคาต่ำ เพื่อรักษากำลังซื้อของเงินสกุลหนึ่งคือ "ดอลล่าสหรัฐ" นั่นเอง (เพราะการกำหนดราคาราคาซื้อ-ขายสินค้าระหว่างประเทศเกือบทั้งหมดทำกันในสกุลดอลล่าสหรัฐ) และประเทศที่เป็นผู้บริโภคนิยมหรือผู้ซื้อหลักคือมีสัดส่วนถึง 30% ของทรัพยากของโลก ก็คือสหรัฐอีกนั่นเอง

    จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว องค์กรตรวจสอบทางด้านการลงทุนในตราสารองค์กรหนึ่งคือ CFTC ได้หยิบยกประเด็นการบิดเบือนราคาแร่เงินในตลาดซื้อขายล่วงหน้าของ JP Morgan และ HSBC ขึ้นมาตรวจสอบว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวเป็นการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้อื่นเสียหายและผิดกฏหมายหรือไม่ การตรวจสอบและการไต่สวนโดยคณะกรรมาธิการของวฺุฒิสภาดังกล่าวใช้เวลาไปแล้วถึง 2 ปี จนในที่สุดก็มีการพยายามกล่าวโทษทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้ และมีนักลงทุนอีกบางส่วนที่เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษว่าการกระทำดังกล่าวของ JP Morgan และ HSBC ทำให้พวกเค้าเสียหายและขาดทุนจากการลงทุนอย่างมหาศาล จนกลายเป็นประเด็นที่พาดหัวข่าวของสื่อยักษ์ใหญ่หลายๆ ค่าย ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาครับ

    สถานการณ์ล่าสุด เนื่องจากกระแสข่าวและความตื่นตัวในเรื่องดังกล่าว จากการเพ่งเล็งจากหลายๆ ฝ่ายในเรื่องดังกล่าว JP Morgan ไม่สามารถเข้าช๊อตเพื่อกดราคาแร่เงินลงได้อย่างง่ายดายเหมือนที่ผ่านๆ มา จึงต้องประสบภาวะขาดทุนจำนวนมหาศาลเนื่องจากต้องถูกบังคับปิดสถานะช๊อตที่เปิดไว้ในปริมาณมหาศาล ในทางตรงกันข้าม ราคาแร่เงินในตลาดล่วงหน้ากลับวิ่งหน้าตั้ง พุ่งสูงขึ้นจาก $18.xx/ออนซ์ มาไต่ระดับที่ 24.xx/ออนซ์ ทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 30 ปี ในเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาครับ จนทำให้ JP Morgan ต้องถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม (Call Margin) เป็นเงิน "หลายพันล้านเหรียญ" เพื่อปิดสถานะในรอบการซื้อขายที่ผ่านมาครับ

    โพสต์โดย What's going on in America
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2011
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/R_b6lphQVNk?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/R_b6lphQVNk?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>
    ชอบ
    'Can't bomb Libya into liberation - strikes spread carnage & chaos'

    จาก: RussiaToday | 15 เม.ย. 2011 | 360 ครั้ง
    Chris Nineham from Stop the War Coalition says Libya should be coping with the conflict itself as NATO intervention only brings more destruction.
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ba7lV6MNBVs?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/ba7lV6MNBVs?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    'We Won't Go': Ethnic cleansing claims as UK gypsies face eviction
    จาก: RussiaToday | 16 เม.ย. 2011 | 302 ครั้ง
    In the UK, animosity between the country's largest Gypsy community and a nearby town has come to a head. The travellers, who're being told to leave their home of decades, say they won't go down without a fight. And as RT's Laura Emmett reports, human dignity is being sacrificed simply to increase house prices.
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/xkGKWvO-17s?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/xkGKWvO-17s?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    Firebombs fly in fierce clashes over Greece dump site
    จาก: RussiaToday | 15 เม.ย. 2011 | 4,297 ครั้ง
    Firebombs exploded and clouds of tear gas filled the air as helmeted riot police moved in on protesters on the edge of small Greek town Keratea, which is gripped by a rebellion against state plans to place a rubbish dump in the area. The planned landfill site has prompted several months of violent protests from residents. Protest organisers argue the proposed landfill site is too close to a residential area and would also damage an ancient site, which they say has not been properly excavated.
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/d3WY7QtVnyI?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/d3WY7QtVnyI?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    CIA on Facebook & Twitter: Wayne Madsen on info warfare
    จาก: RussiaToday | 15 เม.ย. 2011 | 4,671 ครั้ง
    As pro-reform uprisings continue across the Arab world, the U.S. is stepping up its influence with anti-government activists around the world. America is using new mobile phone technology to help protest groups - and manipulating social network websites as well as Twitter with fake idenities - to spread dissent and encourage regime-change by influencing media coverage.
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/s59hVXFD8Oo?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/s59hVXFD8Oo?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    Italian activist Vittorio Arrigoni found dead in Gaza after kidnap
    จาก: RussiaToday | 15 เม.ย. 2011 | 5,299 ครั้ง
    An Italian activist has been found dead in Gaza city hours after being abducted. Vittorio Arrigoni was seized on Thursday by Islamist radicals who threatened to kill him if Hamas did not release a number of Palestinian prisoners. The extremists posted a video of him on YouTube, tied up and blindfolded before the killing. Hamas officials say two suspects have been arrested, and others are being sought.
     

แชร์หน้านี้

Loading...