เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

“แคริตัส” เผยประชาชนดับ-สูญหายกว่า 1,000 คนใน “โกตดิวัวร์”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 08:27 น.



ประธานาธิบดี โลรองต์ จีบักโบ แห่งโกตดิวัวร์


เอเอฟพี - ประชาชนราว 1,000 คนเสียชีวิตหรือสูญหายที่เมืองดูเอกูเอทางภาคตะวันตกของโกตดิวัวร์(ไอเวอรีโคสต์) โดยมีการพบหลุมฝังศพหมู่หลายจุดหลังเกิดการปะทะอย่างรุนแรง องค์กรการกุศลคาทอลิก แคริตัส แถลงวันนี้(3)

กลุ่มสนับสนุนว่าที่ประธานาธิบดี อลาสซาเน ออตตารา สามารถยึดเมืองดูเอกูเอได้ตั้งแต่วันอังคาร(29) โดยมีรายงานว่า การต่อสู้ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และพบหลุมฝังศพหมู่หลายจุดภายในเมือง

“เจ้าหน้าที่ แคริตัส ซึ่งเดินทางไปยังเมืองดูเอกูเอในไอเวอรีโคสต์ รายงานว่า มีประชาชนนับพันคนถูกสังหารหรือสูญหายที่เมืองนั้น” แถลงการณ์บนเว็บไซต์ของ แคริตัส ระบุ

“เกิดการสังหารหมู่ขึ้นที่ย่านคาร์ฟูร์เมื่อวันที่ 27-29 มีนาคม ซึ่งกองกำลังสนับสนุนออตตาราเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์”

กองกำลังของ ออตตารา พยายามขับไล่ผู้สนับสนุนประธานาธิบดี โลรองต์ จีบักโบ ซึ่งไม่ยอมสละอำนาจหลังแพ้การเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

แคริตัส ไม่ทราบว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นฝีมือของฝ่ายใด พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการสอบสวนเพื่อหาความจริง

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ(ไอซีอาร์ซี)แถลงเมื่อวันศุกร์(1)ที่ผ่านมาว่า ประชาชนราว 800 คนถูกสังหารภายในวันเดียว ซึ่งเป็นความรุนแรงระหว่างเชื้อชาติที่ “ป่าเถื่อนและกว้างขวางอย่างน่าตกใจ”

“ประชาชนอย่างน้อย 800 คนถูกสังหารที่เมืองดูเอกูเอ เมื่อวันอังคาร(29)” โดโรเทีย คริมิตซัส โฆษกไอซีอาร์ซี ณ กรุงเจนีวา ระบุ โดยอ้างรายงานจากผู้แทนกาชาดที่เข้าไปในพื้นที่เมื่อวันพฤหัสบดี(31)และวันศุกร์(1)

“มีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งไอซีอาร์ซีกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่” คริมิตซัส กล่าว พร้อมเล่าว่า ผู้แทนกาชาดพบเห็นร่างผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

กีย์โยม เอ็นเจฟา เจ้าหน้าที่แผนกสิทธิมนุษยชนประจำคณะผู้แทนสหประชาชาติในโกตดิวัวร์ ระบุว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีประชาชนถูกฆ่าราว 330 คนที่เมืองดูเอกูเอ โดยส่วนใหญ่เป็นฝีมือของกองกำลังออตตารา แต่ก็มีประมาณ 100 รายที่จบชีวิตด้วยน้ำมือของกลุ่มสนับสนุนจีบักโบ

 

“กบฏลิเบีย” อ้างยึด “เมืองบรีกา” คืนจากกองกำลังกัดดาฟี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 19:39 น.




ฝ่ายกบฏอ้างว่า สามารถยึดเมืองบรีกา แหล่งน้ำมันสำคัญของลิเบียได้แล้ว

เอเอฟพี - ฝ่ายกบฏลิเบียกล่าวอ้างกำชัยเหนือกองทัพของมูอัมมาร์ กัดดาฟี วันนี้ (2) หลังการสู้รบอันดุเดือดในสมรภูมิบรีกา เมืองยุทธศาสตร์และแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญของประเทศ นักข่าวเอเอฟพี รายงาน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันคำกล่าวอ้างของฝ่ายกบฏอย่างเป็นทางการ ทว่านักข่าวเอเอฟพีในสมรภูมิลิเบียรายงานเข้ามาว่า เห็นศพทหารฝ่ายกัดดาฟีทั้งหมด 7 ศพ และพบซากรถลำเลียงพลอีกอย่างน้อยกว่า 10 คันอยู่ตลอดถนนรอบเขตนิวบรีกา ทางตะวันออกของเมือง

นักข่าวยังพบร่องรอยหลุมระเบิดขนาดกว้าง 5 เมตร ลึก 2 เมตรอยู่ไม่ไกลจากซากรถทหารกัดดาฟี คาดว่า ขบวนทัพของผู้นำลิเบียอาจถูกเครื่องบินขับไล่ของนาโตโจมตีเมื่อช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา

การปะทะกันระหว่างนักรบกบฏกับกองทัพลิเบียบริเวณนอกเมืองบรีกาคลี่คลายลงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และหลงเหลือเพียงเสียงเครื่องบินขับไล่ของนาโตบินตรวจการณ์ไปมาเหนือน่านฟ้า

ทั้งนี้ ชาวเมืองบรีกาหลายคนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า กองกำลังกบฏได้ยึดเมืองคืน และกำลังค้นหาที่ซ่อนของกลุ่มพลแม่นปืนของกองกำลังกัดดาฟี ซึ่งยังคงปฏิบัติการอยู่

เมืองบรีกา ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงตริโปลี 800 กิโลเมตร และกลายเป็นสนามรบสำคัญในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อกองกำลังของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี เคลื่อนพลกลับเข้าโจมตีอีกครั้ง หลังจากถูกกลุ่มกบฏผลักดันออกไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตั้งแต่วันพฤหัสบดี (31 เม.ย.) ยังไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดเป็นผู้กุมชะตากรรมของเมืองบรีกา หลังจากกลุ่มกบฏรวมพลกันใหม่ที่เมืองอัจดาบิยะห์ ห่างออกไปอีก 80 กิโลเมตรทางตะวันออก

กบฏลิเบียฉลองชัย หลังอ้างว่า กำราบทัพของกัดดาฟีได้ที่สมรภูมิบรีกา


นักรบกบฏเดินกร่าง โดยมีซากรถของกองกำลังลิเบียเป็นฉากหลัง
Around the World - Manager Online -

 

Focus: “ต้นสนเดียวดาย” สัญลักษณ์แห่ง “ความหวัง” ของผู้ประสบภัยสึนามิญี่ปุ่น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 17:36 น.

ต้นสนเดียวดายของเมืองริคุเซนทากาตะยืนตระหง่านอยู่เพียงลำพัง ทั้งๆ ที่ก่อนนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสนที่อุดมไปด้วยประชากรสนกว่า 70,000 ต้น





เอเอฟพี - ต้นสนเดียวดายยืนตระหง่านอยู่เพียงลำพังบนชายฝั่งเมืองริคุเซนทากาตะ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกคลื่นสึนามิซัดทำลายราบพนาสูร ต้นไม้ร้อยปีที่เหลือเพียงต้นเดียวนี้ได้กลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งความหวัง และการต่อสู้ของชาวญี่ปุ่นผู้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่พรากชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 11,000 ราย

สนต้นนี้เป็นหนึ่งประชากรของป่าสนที่มีกว่า 70,000 ต้น ซึ่งทำหน้าที่ปกปักรักษาเมืองริคุเซนทากาตะ จากคลื่นลมทะเลมานานกว่า 300 ปี ทั้งนี้ พื้นที่ในวงกว้างของเมืองกลายสภาพเป็นซากปรักหักพัง เหลือเพียงอาคารคอนกรีตอยู่ไม่กี่หลัง มิหนำซ้ำชาวเมืองกว่า 10 เปอร์เซนต์ได้ตายจาก หรือไม่ก็หายสาบสูญไปพร้อมกับคลื่นยักษ์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม

ป่าสนทั่วบริเวณดังกล่าวล้วนถูกคลื่นสึนามิถอนรากถอนโคน เหลือเพียงต้นไม้แห่งความหวังยืนอยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งชาวเมืองผู้รอดชีวิตทั้งหลายเห็นตรงกันว่า สนต้นนี้คือปาฏิหาริย์ ขณะที่บ้านเรือนของพวกเขาก็ถูกกระแสน้ำพลังมหาศาลทำลายไม่เหลือซาก

“เพราะมันเป็นเพียงสนต้นเดียวที่ไม่ได้รับความเสียหาย มันจึงกลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งการฟื้นฟู” เอริ คามาอิชิ สตรีชาวท้องถิ่นวัย 23 ปี กล่าว ขณะยืนอยู่ใต้ร่มเงาของสิ่งที่ชาวเมืองรับรู้กันในขณะนี้ว่า “ต้นสนแห่งความหวัง”

คามาอิชิ ระบุว่า สนต้นนี้เป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่หลงเหลือยู่ เพื่อยืนยันว่าครั้งหนึ่งตรงนี้คือเมืองริคุเซนทากาตะ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง เลือกเยือนเมืองริคุเซนทากาตะเป็นแห่งแรก ระหว่างแผนการตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยสึนามิ วันนี้

“ที่นี่เคยมีป่าสนขนาดใหญ่ตั้งอยู่” นาโอโตะ คัง กล่าวขณะสำรวจความเสียหายของพื้นที่ปากอ่าวของเมืองริคุเซนทากาตะ ซึ่งต้นสนเดียวดายยืนอยู่ “แต่ป่าสนถูกถอนรากถอนโคน สึนามิทำลายป่าทั้งหมด”

ฮิโรโกะ คิกุตะ สตรีวัย 62 ปี ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังคงไม่ทราบชะตากรรมของสามีตัวเอง เล่าว่า ก่อนหน้านี้หาดทรายสีทองของเมืองริคุเซนทากาตะจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และชาวบ้านตลอดช่วงหน้าร้อน

“ตอนนี้ทกุๆ อย่างหายไปแล้ว เหลือเพียงสนต้นนี้เท่านั้น” คิกุตะบรรยายความรู้สึก “ฉันอยากเห็นป่าสน และชายหาดที่สวยงามอีกครั้งอย่างที่มันเคยเป็น”

ประวัติของป่าสนแห่งนี้ต้องย้อนกลับไปถึงช่วงศตวรรษที่ 17 เมื่อวาณิชผู้ร่ำรวยรายหนึ่งริเริ่มการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อใช้กำบังคลื่นลมพายุให้กับชาวบ้าน ทั้งนี้ ชายหาดของเมืองริคุเซนทากาตะ ซึ่งทอดยาวไปตามปากอ่าวของเมือง มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนปีละไม่ต่ำกว่า 200,000 คน อีกทั้งไดัรับการบรรจุให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่น่าท่องเที่ยวของญี่ปุ่น

“สำหรับชาวเมืองริคุเซนทากาตะ ป่าสนตรงนี้เป็นมากกว่าป่าธรรมดาๆ” เพราะมันช่วยปกป้องชาวบ้านมานานหลายร้อยปี ยาซูโอะ มูรากามิ วัย 69 ปี กล่าว

มูรากามิยังตั้งความหวังไว้ว่า สนต้นเดียวที่เหลืออยู่นี้จะช่วยเป็นแรงกระตุ้น และเยียวยาหัวใจที่แตกสลายของผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก แม้ตัวของเขาเองจะเสียทั้งภรรยาและบุตรสาว ส่วนหลานสาววัย 6 ปีก็ยังคงหายสาบสูญ

เมืองริคุเซนทากาตะตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงโตเกียว 400 กิโลเมตร และได้รับความเสียหายใหญ่หลวงจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.0 และคลื่นยักษ์สึนามิ รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า ชาวเมืองริคุเซนทากาตะกว่า 1,000 คนเสียชีวิต และมีผู้สูญหายอีก 1,300 คน ขณะเดียวกัน ผู้รอดชีวิตอีกหลายพันคนยังต้องพักพิงอยู่ในศูนย์ผู้ประสบภัย อนึ่ง ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติเมื่อวันที่ 11 มีนาคมพุ่งเกิน 11,000 ราย และอีกกว่า 16,000 คนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม









Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>Focus:</font></b>

 

เผา “อัลกุรอาน” ไม่พอ! ศาสนาจารย์มะกันเตรียมประท้วงหน้า “มัสยิด” ใหญ่ในสหรัฐฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 09:55 น.

ศาสนาจารย์ เทอร์รี โจนส์ แห่งโบสถ์ในมลรัฐฟลอริดา


เอเจนซี - ศาสนาจารย์ เทอร์รี โจนส์ แห่งโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ในมลรัฐฟลอริดาไม่สะทกสะท้าน แม้การเผาพระคัมภีร์อัลกุรอานจะทำให้ชาวอัฟกานิสถานออกมาประท้วงอย่างรุนแรงก็ตาม โดยระบุวานนี้(2)ว่า จะไปประท้วงต่อต้านอิสลามที่หน้ามัสยิดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯด้วย

แผนของของศาสนาจารย์รายนี้อาจยิ่งโหมไฟแค้นในใจชาวมุสลิม ซึ่งรวมตัวประท้วงที่เมืองกันดาร์ฮาและสังหารเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติไปแล้ว 7 ราย ทั้งยังสร้างกระแสเกลียดชังตะวันตกไปทั่วโลกมุสลิม

“เราต้องการให้สังคมตระหนักถึงความสุดโต่งในอิสลาม” ศาสนาจารย์ โจนส์ ให้สัมภาษณ์ที่โบสถ์ในเมืองเกนสวิลล์ โดยมีรูปคัมภีร์อัลกุรอานที่ถูกเพลิงเผาไหม้ปรากฎบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

“การที่คนถูกฆ่าเป็นเรื่องเลวร้ายมากแน่นอน ซึ่งผมคิดว่ามันแสดงให้เห็นถึงความสุดโต่งในอิสลาม”

อดีตผู้จัดการโรงแรมซึ่งผันตัวมาเป็นศาสนาจารย์ กล่าวว่า จะเดินหน้าประท้วงต่อในวันที่ 22 เมษายนนี้ ที่หน้ามัสยิดในเมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นศาสนสถานของชาวมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ

ด้านประธานาธิบดี บารัค โอบามา ก็ออกมาประณามการเผาทำลายพระคัมภีร์อัลกุรอาน แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อของ โจนส์ โดยตรง

“การดูหมิ่นทำลายคัมภีร์ของศาสนาใดก็ตาม รวมถึงอัลกุรอาน ถือเป็นความใจแคบและดื้อรั้นอย่างยิ่ง” แถลงการณ์จากทำเนียบขาววานนี้(2)ระบุ

“อย่างไรก็ตาม การทำร้ายและสังหารผู้บริสุทธิ์เพื่อแก้แค้นก็เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรี รวมถึงเกียรติของความเป็นมนุษย์”

โจนส์ เคยสร้างกระแสต่อต้านไปทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว เมื่อเขาประกาศว่าจะเผาคัมภีร์อัลกุรอานในวันที่ 11 กันยายน ซึ่งเป็นวันครบรอบเหตุวินาศกรรมที่อาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ แต่ในที่สุดก็ยอมล้มเลิกไปตามคำขอของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่นานาชาติ

แต่เมื่อวันที่ 20 มีนาคม โจนส์ ได้จำลองการพิพากษาพระคัมภีร์อัลกุรอานและจุดไฟเผาคัมภีร์ ซึ่งแม้จะไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมากนัก แต่ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวก็ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตไปทั่วโลกมุสลิม



ชาวมุสลิมนิกายซุนนีในปากีสถาน ร้องประณามสหรัฐฯในเมืองราวัลพินดี เมื่อวันศุกร์(1) หลังจากศาสนาจารย์ โจนส์ เผาทำลายพระคัมภีร์อัลกุรอาน


ผู้นำชาวคริสต์และมุสลิมในสหรัฐฯต่างกล่าวประณามการกระทำของ โจนส์ และโบสถ์ โดฟ เวิลด์ เอาต์รีช ในฟลอริดา ที่มีสมาชิกประมาณ 30 คน

“สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ โบสถ์เล็กๆแห่งเดียวกลับสร้างความโกรธแค้นให้แก่คนมากมายขนาดนี้” จอฟฟ์ ตุนนิคลิฟ ผู้อำนวยการสหพันธ์บาทหลวงนานาชาติ(WEA) ซึ่งมีสมาชิกบาทหลวงกว่า 100 ประเทศ กล่าว

“ผมขอถามเขาว่า ทำไมเขาจึงต้องการยั่วยุให้คนออกมาตอบโต้เช่นนี้? ทั้งที่ทราบดีว่าผลจะเป็นอย่างไร”

เจ้าหน้าที่รัฐบาลปากีสถานและอัฟกานิสถานต่างเรียกร้องให้สหรัฐฯจับตัว โจนส์ มาลงโทษ แต่ทว่าการวิพากษ์วิจารณ์หรือเผาทำลายพระคัมภีร์อัลกุรอานได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายสหรัฐฯ ซึ่งรับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

โจนส์ อ้างว่า ปฏิกิริยาของชาวมุสลิมในอัฟกานิสถาน “แสดงให้เห็นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอย่างชัดเจน”

“สมมติว่าเพื่อนบ้านทำให้ผมโกรธ ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะบุกรุกบ้านเขาและฆ่าเขาทิ้งอยู่ดี”

โจนส์ เล่าว่า ตนถูกขู่เอาชีวิตนับร้อยๆครั้งตั้งแต่ประกาศว่าจะเผาอัลกุรอานเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ต้องพกปืนและไปฝึกยิงปืนเพื่อป้องกันตนเอง ขณะที่สาธุชนก็มาเข้าโบสถ์น้อยลง เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

ทั้งนี้ โจนส์ ไม่ได้ระบุว่า จะเผาอัลกุรอานในวันที่ 22 เมษายน ด้วยหรือไม่ แต่ขอร้องไม่ให้ทุกฝ่ายมองว่าการกระทำของเขาเป็นการโจมตีชาวมุสลิมทั้งมวล

“สำหรับชาวมุสลิมที่รักสันติและอาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว เราเสียใจที่ทำให้พวกเขาโกรธเคือง ซึ่งผมมั่นใจว่าพวกเขาคงรู้สึกเช่นนั้นแน่ แต่เราไม่ได้ตั้งใจทำร้ายพวกเขา เราเพียงต้องการต่อต้านความสุดโต่งในอิสลามเท่านั้น”





Around the World - Manager Online -

 

ซาอุดี้ประณามข้อกล่าวหา “เล่นกับไฟ” ของอิหร่าน

มุสลิมไทยดอทคอม : 2 เมย. 54 16:40:49


สำนักข่าวมุสลิมไทย ซาอุดี้ประณามข้อกล่าวหา “เล่นกับไฟ” ของอิหร่าน

สำนักข่าวอัล-อาราบิญา – เมื่อวันศุกร์ (01/04) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดี้ออกมาประณามแถลงการณ์ของอิหร่าน ว่าใช้ถ้อยคำที่ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ โดยในแถลงการณ์นั้นอิหร่านเตือนซาอุดี้ว่า “กำลังเล่นกับไฟ” และเร่งเร้าให้ซาอุดี้ถอนทหารออกมาจากบาห์เรนทันที




ทางการซาอุดี้กล่าวว่า แถลงการณ์ของอิหร่านจงใจที่จะไม่กล่าวถึง การที่อิหร่านเข้าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน และละเมิดอธิปไตยในลักษณะที่ขัดต่อกฎหมายสากล และขนบธรรมเนียม

แถลงการณ์ของอิหร่านออกโดยคณะกรรมาธิการความมั่นคง และนโยบายต่างประเทศของรัฐสภา ในขณะเดียวกันส.ส.อิรัก อะฮฺมัด อัล-ชาลาบี ให้สัมภาษณ์ในกรุงแบกแดดเรียกร้องให้มีการถอนกำลังต่างชาติออกจากบาห์เรน และเรียกร้องให้ยุติการก่ออาชญากรรมต่อชาวบาห์เรนด้วย

ฝ่ายปกครองบาห์เรนกล่าวหาว่า อิหร่านชักใยอยู่เบื้องหลังการลุกฮือของชาวชีอะฮฺในบาห์เรน รวมทั้งฝ่ายค้านซึ่งเป็นกลุ่มชีอะฮฺในบาห์เรนมีความเชื่อมโยงกับอิหร่าน

ส่วนซาอุดี้กล่าวย้ำว่า อิหร่านอาจจะลืมไปว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะละเมิดอธิปไตยโดยแทรกแซงบาห์เรน หรือประเทศอื่นๆ ในอ่าวอาหรับ แต่บาห์เรนมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเรียกร้องขอความช่วยเหลือจาก “กองกำลังป้องกันคาบสมุทร” ตามข้อตกลงซึ่งได้ทำไว้ก่อนหน้านี้ในระหว่างสมาชิกกลุ่มประเทศในอ่าว หรือ GCC - www.muslimthai.com

 

ฟัตวาเอมิเรตส์ โกหกในวันเอพริล ฟูลส์ “April Fools” ไม่ฮาราม

มุสลิมไทยดอทคอม : 2 เมย. 54 18:29:14


สำนักข่าวมุสลิมไทย ฟัตวาเอมิเรตส์ โกหกในวันเอพริล ฟูลส์ “April Fools” ไม่ฮาราม

สำนักข่าวตะวันออกกลาง – หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เดอะ เนชั่นแนล รายงานอ้างอุละมะอฺ ในเอมิเรตส์ ผู้ไม่ประสงค์เปิดเผยนาม ซึ่งฟัตวาว่า การโกหกในวันเอพริล ฟูลส์ “April Fools” ซึ่งกำหนดขึ้นในวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี ไม่เป็นเรื่องผิด หากการโกหกดังกล่าวเป็นการล้อกันเล่นขำๆ ซึ่งไม่ก่อความเดือดร้อน

อุละมะอฺเอมิเรตส์คนดังกล่าว ตอบคำถามผู้สื่อข่าวซึ่งถามว่า การอำกันในวันเอพริลฟูลส์ เป็นเรื่องฮารามหรือไม่? ซึ่งเขาตอบว่า ท่านศาสดา (ศอลฯ) ก็เคยพูดหยอกล้อกับซอฮาบะฮฺของท่าน ในขณะที่กำลังพูดเรื่องจริงกันอยู่ และว่าต้องมีเส้นขีดขั้น ระหว่างเรื่องตลกธรรมดา กับเรื่องตลกที่จะก่อความเดือดร้อนสาหัสให้กับผู้อื่น

หนังสือพิมพ์ดังกล่าวยังอ้างถึงคำกล่าวของ อะหมัด อัล-ฆุบาอิสซี อาจารย์สอนวิชากฎหมายอิสลาม ในมหาวิทยาลัย UAE ซึ่งเตือนว่า การล้อกันเล่นสามารถยอมรับได้ในระดับหนึ่ง ตราบเท่าที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย หรือความเดือดร้อน - www.muslimthai.com

 

“ศุกร์สยอง” สำหรับหลายรัฐบาลในตะวันออกกลาง

มุสลิมไทยดอทคอม : 2 เมย. 54 9:20:58


สำนักข่าวมุสลิมไทย “ศุกร์สยอง” สำหรับหลายรัฐบาลในตะวันออกกลาง

สำนักข่าวตะวันออกกลาง – ที่ผ่านมาการนมาซญามาอะฮฺช่วงเที่ยงวันศุกร์เคยมีจุดประสงค์เดียวคือ เป็นการรวมผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลาม แต่ปัจจุบันมีอีกเป้าหมายหนึ่ง คือเป็นการนัดแนะรวมพลของผู้ประท้วง เพื่อขับไล่ผู้นำเผด็จการ หรือระบอบปกครอง


อียิปต์


ในอียิปต์ การนัดแนะกันออกมาประท้วงที่จัตุรัสตะฮฺรีรฺ ในวันศุกร์ทำให้สามารถขับไล่ผู้นำสำเร็จมาแล้ว และยังมีการนัดแนะกันของกลุ่มเดิมเพื่อรณรงค์ Save the revolution ร่วมกับกลุ่มหนุ่ม-สาวแนวร่วมปฏิวัติ ที่รณรงค์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ในการจัดการกับอดีตผู้นำ และครอบครัว รวมทั้งจัดการปราบปรามการคอรัปชั่นอย่างจริงจัง


ซีเรีย


ในซีเรีย มีการนัดแนะให้ออกมาประท้วงในวันศุกร์ผ่านเฟสบุ๊กในชื่อ Syrian Revolution 2011เช่นกัน หลังจากประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดทำให้ประชาชนผิดหวังในการแถลงเมื่อวันพุธ (30/03) ที่ไม่ยอมยกเลิกกฎหมายภาวะฉุกเฉินที่ใช้มาถึง 48 ปี และไม่ประกาศมาตรการที่เพิ่มเสรีภาพให้แก่ประชาชน

กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ประชาชนหลายสิบคนถูกสังหาร และถูกจับกุมหลังการประท้วงในซีเรียที่เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ที่เมืองดะราอฺทางตอนใต้ และที่เมืองท่าลัตตาเกีย

ในจอร์แดน เมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปะทะกันระหว่างฝ่ายที่ภักดีกับรัฐบาล กับผู้ประท้วง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 160 คน และสมาชิกหนุ่มสาวของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมวางแผนจัดการนั่งประท้วงอย่างสงบนอกศาลากลางในกรุงอัมมานอีก


ลิเบีย


ตูนีเซีย


เยเมน


สำหรับประเทศในกลุ่มสมาชิกอ่าวอาหรับ เช่น โอมาน และบาห์เรน ซึ่งที่ผ่านมามีการประท้วงเกิดขึ้น ยังไม่มีการเรียกร้องให้ออกมาประท้วงรอบใหม่
แต่การรวมกลุ่มอาจเกิดขึ้นได้เสมอตามธรรมชาติหลังการนมาซญะมาอะฮฺทุกวันศุกร์

สถานการณ์ล่าสุดในรัฐสุลต่านโอมานเมื่อวันอังคาร (29/03) ทหารได้ออกสลายผู้ประท้วงเพียงหยิบมือเดียว ที่เมืองโซฮาร์ ทางตอนเหนือของประเทศ กลุ่มนี้จัดประท้วงเรียกร้องการปฏิรูปมานานประมาณ 1 เดือนแล้ว

ในบาห์เรน มีการประท้วงเพื่อให้มีการปฏิรูปการปกครองตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อกลางเดือนมีนาคม ตำรวจสามารถยุติการประท้วงได้สำเร็จ ภายหลังจากที่ประเทศสมาชิกอ่าวอาหรับอื่นๆ นำโดยซาอุดี้อาระเบีย ส่งกองทหารเข้ามาคุมสถานการณ์ รัฐมนตรีมหาดไทยบาห์เรนออกมาแถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 24 คนจากการปะทะกันในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 4 คน

เมื่อวันศุกร์เช่นกัน กองกำลังฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีอะลี อับดุลเลาะฮฺ ซอและฮฺ ได้ออกมาแสดงแสนยานุภาพ ในขณะที่กลุ่มต่อต้านก็ยังคงทำการประท้วงต่อไป

ตามรายงานของสำนักข่าวทางการ SABA ผู้นำศาสนา หัวหน้าเผ่าต่างๆ ตัวแทนจากกลุ่มสังคมพลเมือง กลุ่มหนุ่ม-สาว และกลุ่มเกษตรกร ได้เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในเมืองหลวงซานาเพื่อร่วม “วันสนับสนุนซอและฮฺ” กับกลุ่มที่สนับสนุนประธานาธิบดี

วันศุกร์นี้เช่นกัน กลุ่มประท้วงจัดวัน “Welcome Day” ที่จัตุรัสในมหาวิทยาลัยซานา แต่ได้ยกเลิกแผนที่จะเดินขบวนไปยังทำเนียบประธานาธิบดี ด้วยเกรงจะเกิดเหตุปะทะกับกลุ่มสนับสนุน - www.muslimthai.com

 

ข่าวล่าสุด ความขัดแย้งคูเวต-อิหร่าน

มุสลิมไทยดอทคอม : 1 เมย. 54 14:15:05


สำนักข่าวมุสลิมไทย ข่าวล่าสุด ความขัดแย้งคูเวต-อิหร่าน

สำนักข่าว เอพี. – ทางการคูเวตประกาศเมื่อวันพฤหัส (31/03) ว่า จะเนรเทศนักการทูตอิหร่านจำนวนหนึ่งออกจากคูเวต ฐานพยายามสืบความลับทางราชการ เหตุครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 สมัยที่สหรัฐบุกอีรัก นับเป็นเหตุกระทบกระทั่งล่าสุดที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ




ทางการบาห์เรนกล่าวหาว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังการก่อความไม่สงบในประเทศ ซึ่งก่อความกังวลห่วงใยในหมู่ประเทศสมาชิกอ่าวอาหรับ จนถึงกับส่งกองกำลังเข้ามาช่วยรักษาสถานที่สำคัญ

รัฐมนตรีคูเวตกล่าวว่า มีหลักฐานว่านักการทูตกลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับบุคคลที่ต้องสงสัยเป็นสายลับ 3 คน ซึ่งศาลคูเวตเพิ่งตัดสินประหารชีวิตไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

สำนักข่าวทางการอิหร่าน รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งออกมาปฏิเสธในเรื่องนี้ในทันทีเมื่อวันพฤหัส โดยรัฐมนตรีต่างประเทศอะลี อักบาร์ ซาลิฮีกล่าวว่า อิหร่านไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในของคูเวต และว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วกลับถูกฟื้นขึ้นมาในช่วงนี้ เป็นแผนการของต่างชาติที่ต้องการทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว IRNA ของอิหร่านรายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ตกลงจะดำเนินการปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้เพื่อแก้ปัญหาความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น

สายลับที่ถูกตัดสินประหารเป็นชาวอิหร่าน 2 คน และคูเวต 1 คน ซึ่งเป็นทหารประจำการอยู่ในคูเวตระหว่างที่ถูกจับเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่ผ่านมา

ศาลคูเวตดำเนินการสอบสวนคดีนี้อย่างไม่เปิดเผย แต่ได้แถลงว่า จากการสารภาพของผู้ต้องหาพบว่ามีการสืบความลับทางทหารของคูเวต รวมทั้งภาพถ่ายฐานทางทหาร ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศคูเวตกล่าวว่า มีการตั้งเครือข่ายสายลับซึ่งโยงใยไปถึงทางการอิหร่าน ซึ่งกระทรวง ฯ ได้เรียกทูตอิหร่านเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการแล้ว

สื่อคูเวตรายงานว่าผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ถ่ายภาพฐานทัพคูเวต และฐานทัพสหรัฐในคูเวตให้กับทางการอิหร่าน แต่มีข่าวว่าผู้ต้องหาปฏิเสธและว่าที่สารภาพไปเพราะถูกทรมานด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้สารภาพ

ในสมัยที่สหรัฐรุกรานอิรัก ฐานทัพสหรัฐในคูเวตถูกใช้เป็นฐานสำหรับกองกำลังผสม และทหารสหรัฐ

มุสตาฟา อะลานี นักวิเคราะห์แห่ง Gulf Research Centre ในดูไบกล่าวว่า เหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นนี้ จะกระทบต่อสัมพันธภาพระหว่าง 2 ประเทศไปอีกนาน

รัฐบาลคูเวตตกอยู่ภายใต้ความกดดันจากส.ส.ฝ่ายซุนนี และสื่อ ให้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง

อะลานีกล่าวว่า หากมีการสืบความลับจริงก็น่าจะเป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของกองกำลังต่างชาติ และสหรัฐที่ตั้งฐานอยู่ในคูเวตมากกว่า

ในคูเวตมีชาวอิหร่านอาศัย และทำงานอยู่ประมาณ 45,000 คน - www.msulimthai.com

 

WARNING: WHAT IS GOING ON?...JUDGE JUDY AND THREE REPORTERS LOST CONTROL ( LIVE ON
<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/SqWZ6k8yS-A?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/SqWZ6k8yS-A?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

จาก: NYC812 | สร้างเมื่อ: 1 เม.ย. 2011
EXCLUSIVE: Cameras Rolled During Judge Judy Health Scare, 'I Need To Stop' She Told Audience | Radar Online

Are government microwave mind-control tests causing TV presenters' brains to melt down? | Mail Online

 

THE DEVIL IN DISGUISE ( PREACHERS MAKING HUNDREDS OF MILLIONS A YEAR TAX FREE )
<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/lqweb7Xppqw?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/lqweb7Xppqw?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

จาก: NYC812 | สร้างเมื่อ: 1 เม.ย. 2011
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=JK_RGgEwsGY]YouTube - Farting Preacher [Best Of][/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=gD5V4tDJ7HE&feature=related]YouTube - Mrs. Farting Preacher 3.mp4[/ame]

 

“เมืองมินามิซันริกุ” เริ่มการอพยพครั้งใหญ่ ตั้งแต่ประสบภัย “สึนามิ”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 18:05 น.


คุณยายชาวเมืองมินามิซันริกุโบกมืออำลาหลานชาย ขณะกำลังอพยพไปอยู่เมืองอื่นเป็นการชั่วคราว จนกว่าบ้านหลังใหม่จะสร้างเสร็จ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน หรือ หนึ่งปี



เอเอฟพี - ประชากรเมืองท่ามินามิซันริกุมากกว่าครึ่งตกอยู่ในสภาพไร้ที่พักพิง มิหนำซ้ำยังขาดแคลนน้ำและไฟฟ้า วันนี้ (3) ทางการจึงเริ่มดำเนินการอพยพผู้ประสบภัยกว่า 1,100 คนไปยังศูนย์ผู้ช่วยเหลือในเมืองอื่นๆ ใกล้เคียงที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากกว่า

ปัจจุบัน ชาวเมืองมินามิซันริกุราว 9,500 คน ต้องอาศัยอยู่ตามศูนย์ผู้ประสบภัยสึนามิต่างๆ ทั่วเมือง นับตั้งแต่เกิดเหตุธรณีพิบัติและคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม อนึ่ง ก่อนหน้าภัยธรรมชาติครั้งร้ายแรงมาเยือน เมืองท่าของจังหวัดมิยางิแห่งนี้มีประชาการประมาณ 17,500 คน

การอพยพระลอกแรกวันนี้มีรถบัสเป็นหาพนะขนส่งผู้ประสบภัยไปส่งตามศูนย์ช่วยเหลือ 10 แห่งในเมืองคูริฮาระ เมืองโทเมะ เมืองโอซากิ และเมืองคามิ ในจังหวัดมิยางิ

ฮิโรยูกิ อิชิฮาระ เจ้าหน้าที่ราชการจังหวัดมิยางิ กล่าวว่า “เราหวังว่าการอพยพครั้งใหญ่หนนี้จะช่วยให้ประชาชนได้อยู่มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้มันเป็นพัฒนาการเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น”

“คาดว่าผู้อพยพจะต้องพักอยู่ตามศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ ไปจนกว่าบ้านพักชั่วคราวจะสร้างเสร็จ การก่อสร้างอาจใช้เวลานาน ระหว่าง 6 เดือน - 1 ปี”

โคอิจิโระ โออูจิ ชายชราวัย 75 ปี หนึ่งในผู้อพยพออกจากเมืองมินามิซันริกุกลุ่มแรก กล่าวว่า “มันถึงขีดจำกัดของผมกับการต้องอยู่โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า” สำนักข่าวเกียวโด รายงาน “สักวัน ผมจะกลับมาที่นี่แน่นอน และสร้างเมืองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”


วันนี้ (3) มีการอพยพผู้ประสบภัยกลุ่มแรกไปพักอาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆ กระจัดกระจายไปยังศูนย์ผู้ประสบภัย 10 แห่งทั่วจังวัดมิยางิ




เด็กนักเรียนมัธยมปลายค้นหาข้าวของที่สูญหาย ภายใต้ซากปรักหักพัง




สมาชิกครอบครัวที่เหลืออยู่สวดมนต์ภาวนาให้กับคนที่สูญหายไป บนพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งบ้านของพวกเขาเคยตั้งอยู่



ยูตากิ วาตานาเบะ ชาวประมงเมืองมินามิซันริกุ นั่งทอดถอนใจอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง ขณะเหน็ดเหนื่อยจากการตามหาสมาชิกครอบครัวที่ยังหายสาบสูญ

Around the World - Manager Online -

 

เปิดใจคนงานผู้กล้า อาสากลับมา “กู้วิกฤต” โรงไฟฟ้าเพื่อประเทศชาติ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 16:24 น.


สภาพความเสียหายของโรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา

เอเอฟพี - หลังจากวันที่สึนามิซัดถล่มโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ผ่านพ้นไป 3 สัปดาห์ ฮิโรยูกิ โคโนะ ตัดสินใจกลับเข้าไปในเขตภัยพิบัติอีกครั้ง เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยยับยั้งการหลอมละลายของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์

โคโนะ เจ้าหน้าที่ควบคุมรังสีวัย 44 ปี ซึ่งคร่ำหวอดกับวงการอุตสาหกรรมนิวเคลียร์มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น อาสารับหน้าที่ซึ่งหลายคนปฏิเสธ แม้จะทราบดีว่า ภารกิจครั้งนี้อาจเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาจะได้ทำ

“ว่ากันตามตรง ไม่มีใครอยากเข้าไปหรอกครับ” โคโนะ ให้สัมภาษณ์ที่ศูนย์ผู้อพยพเมืองคาโซะ ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นที่พำนักชั่วคราวของเขามาตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม

“ระดับกัมมันตภาพรังสีที่โรงไฟฟ้าสูงอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับเวลาปกติ ผมรู้ดีว่าไปคราวนี้ สภาพร่างกายของผมคงไม่แข็งแรงพอจะทำงานในโรงไฟฟ้าได้อีกต่อไป”

โคโนะ ทำงานที่โรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ มานานกว่าทศวรรษ และตัดสินใจอพยพออกจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นทันทีที่เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ แต่อีกครึ่งเดือนให้หลัง เขาก็ได้รับอีเมลติดต่อจากบริษัทอย่างที่คาดไว้

“โปรดทราบ เราขอให้ท่านกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่โรงไฟฟ้า จะได้หรือไม่?” อีเมลจากบริษัทผู้รับช่วงสัญญาจาก เท็ปโก ระบุ

ด้วยความที่เป็นโสดและไม่มีบุตรภรรยาต้องดูแล โคโนะ จึงคิดว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องรับภารกิจดังกล่าว

“การสลับเวรทำงานที่โรงไฟฟ้าค่อนข้างลำบากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนของผมก็มีครอบครัวต้องดูแลทั้งนั้น” โคโนะ กล่าว

แต่ โคโนะ ไม่ใช่แค่พนักงานของโรงไฟฟ้าเท่านั้น เขายังเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวด้วย และเมื่อแจ้งให้พ่อแม่ทราบว่าจะกลับไปทำงานอีกครั้ง เขาจึงพยายามพูดถึงความเสี่ยงให้น้อยที่สุด แต่ก็ไม่อาจหลอกลวงพวกท่านได้

บิดา ของโคโนะ ซึ่งเคยเป็นวิศวกรไฟฟ้าที่ ฟุกูชิมะ ไดอิจิ อยู่หลายปี บอกให้เขาทำตามหัวใจตัวเอง ส่วนมารดากล่าวเพียงว่า “ไปแล้วรีบกลับมาให้เร็วที่สุดล่ะ”


เจ้าหน้าที่กำลังฉีดเรซินใกล้กับอาคารเตาปฏิกรณ์ เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของรังสี

ขณะเกิดแผ่นดินไหววันที่ 11 มีนาคม โคโนะ อยู่ในอาคารกังหันเตาปฏิกรณ์ และรู้สึกว่าโต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้ๆเริ่มสั่น ตอนแรกเขาคิดว่าคงมีคนล้อเล่น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่กี่วันก่อนหน้านั้นก็มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น เขาจึงสรุปว่าคงเป็นเพียงอาฟเตอร์ช็อกเท่านั้น

แต่แล้วอุปกรณ์ทุกอย่างรอบตัวก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเกิดเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปทั่ว โคโนะจึงรู้ว่า นี่ไม่ใช่แค่แผ่นดินไหวธรรมดาแล้ว

คนงานโรงไฟฟ้าต่างกรูออกจากตัวอาคาร และวิ่งหนีเอาชีวิตรอดขึ้นไปบนเนินเขาใกล้ๆ

“เราได้ยินเสียงคนตะโกนว่า 'สึนามิมาแล้ว!' พอมองไปที่อ่าวก็เห็นกำแพงคลื่นสีขาวไล่หลังเรามา ผมกลัวมากเลยครับ” โคโนะ เล่า

เขาติดตามคนงานคนอื่นๆขึ้นไปบนเนินเขา เมื่อมองลงมาก็เห็นกระแสน้ำไหลท่วมเสาสูง 10 เมตรจนมิด ส่วนเตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 แห่งก็กลายเป็นเพียงก้อนหินโล้นๆที่ตั้งอยู่กลางคลื่นทะเลอันบ้าคลั่ง

ขณะที่ประชาชนต่างหลบหนีภัยพิบัติรุนแรงที่สุดของประเทศหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 คนงานโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะยังต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อควบคุมวิกฤตไว้ให้ได้

ภารกิจเร่งด่วนมีตั้งแต่การระบายน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจำนวนมหาศาล, เก็บกวาดเศษขยะรังสี, วัดระดับรังสี และเชื่อมต่อสายเคเบิลเพื่อให้ระบบหล่อเย็นกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

โคโนะ จะปฏิบัติงานที่ศูนย์บัญชาการโรงไฟฟ้า ซึ่งตั้งอยู่บนหอคอยทนแผ่นดินไหว และจะต้องสัมผัสสารกัมมันตรังสีในแต่ละชั่วโมงเท่ากับที่คนทั่วไปได้รับในเวลา 1 ปี

“คนญี่ปุ่นเรามีสำนวนว่า 'กินข้าวถ้วยเดียวกัน' คนเหล่านี้เป็นเพื่อนที่ผมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย ผมจึงขอไปทำงานร่วมกับพวกเขา”

เพื่อนๆของ โคโนะ ต่างบอกเล่าถึงสภาพการทำงานที่กดดัน เนื่องจากรังสีแกมมาระดับเข้มข้นแพร่กระจายไปทั่วบริเวณโรงไฟฟ้า

“แม้พวกเขาจะไม่พูดตรงๆ แต่ผมก็รู้ว่า ทุกคนอยากถูกย้ายออกมาให้เร็วที่สุด”

โคโนะ จะต้องทำงานต่อเนื่องหลายวัน ก่อนที่จะได้หยุดพัก 2-3 วัน และประทังชีวิตด้วยอาหารกระป๋อง หรือขนมธัญพืชอัดแท่งที่ให้พลังงานสูง

“เราบอกกันและกันว่า ญี่ปุ่นเคยถูกทำลายย่อยยับในสงครามโลกครั้งที่ 2 และนี่เป็นอีกครั้งที่ญี่ปุ่นต้องล้มลุกคลุกคลาน แม้ว่าสมรภูมิจะต่างกัน แต่พวกเราก็คือ กามิกาเซ่ ในยุคปัจจุบัน” โคโนะ กล่าว


กลุ่มพลเรือนถือป้ายต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ในกรุงโตเกียว

Around the World - Manager Online -

 

“บาห์เรน” สั่งแบน นสพ. หลังกุข่าวให้ร้ายรัฐบาลระหว่าง ปชช.ลุกฮือ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 16:14 น.



การชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพของมุสลิมชีอะห์ในกรุงมานามา (แฟ้มภาพ)





เอเอฟพี - รัฐบาลบาห์เรนสั่งระงับการเผยแพร่หนังสือพิมพ์รายวัน อัล-วาซัด ซึ่งรายงานข่าววิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของทางการ กรณีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของมุสลิมชีอะห์ ซึ่งกินเวลานานนับเดือน และถูกปราบปรามเมื่อไม่นานมานี้

คณะกรรมาธิการสารสนเทศบาห์เรนยังได้อ้างถึงการดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์รายวันฉบับดังกล่าว สำนักข่าวบีเอ็นเอของรัฐบาลรายงานเมื่อช่วงดึกคืนที่ผ่านมา (2) โดยไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุของคำสั่ง

อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลบาห์เรนเคยกล่าวหา หนังสือพิมพ์อัล-วาซัด ว่า ตีพิมพ์รายงานเท็จหลายต่อหลายชิ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับปฏิบัติการรักษาความมั่นคงภายในบาห์เรน กระบอกเสียงของรัฐบาลอ้างว่า อัล-วาซัด กุข่าว และสร้างตัวละครขึ้นมา โดยอ้างว่าบุคคลเหล่านั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์อัล-วาซัดอยู่ภายใต้การดูแลของ มาซูร์ อัล-จัมรี อดีตนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลระหว่างการลุกฮือของมุสลิมชีอะห์ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เขาเดินทางกลับไปบาห์เรนอีกครั้งเมื่อปี 2001 หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงบาห์เรน ซึ่งได้รับกำลังเสริมจากพันธมิตรชาติมุสลิมสุหนี่ สามารถสลายการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มชีอะห์ ที่ยืดเยื้อมานานนับเดือนเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

กระทรวงมหาดไทยบาห์เรนแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ราย ระหว่างเหตุชุลมุนในการประท้วง

Around the World - Manager Online -

 

“บาห์เรน” สั่งแบน นสพ. หลังกุข่าวให้ร้ายรัฐบาลระหว่าง ปชช.ลุกฮือ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 16:14 น.



การชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพของมุสลิมชีอะห์ในกรุงมานามา (แฟ้มภาพ)





เอเอฟพี - รัฐบาลบาห์เรนสั่งระงับการเผยแพร่หนังสือพิมพ์รายวัน อัล-วาซัด ซึ่งรายงานข่าววิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของทางการ กรณีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของมุสลิมชีอะห์ ซึ่งกินเวลานานนับเดือน และถูกปราบปรามเมื่อไม่นานมานี้

คณะกรรมาธิการสารสนเทศบาห์เรนยังได้อ้างถึงการดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์รายวันฉบับดังกล่าว สำนักข่าวบีเอ็นเอของรัฐบาลรายงานเมื่อช่วงดึกคืนที่ผ่านมา (2) โดยไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุของคำสั่ง

อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลบาห์เรนเคยกล่าวหา หนังสือพิมพ์อัล-วาซัด ว่า ตีพิมพ์รายงานเท็จหลายต่อหลายชิ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับปฏิบัติการรักษาความมั่นคงภายในบาห์เรน กระบอกเสียงของรัฐบาลอ้างว่า อัล-วาซัด กุข่าว และสร้างตัวละครขึ้นมา โดยอ้างว่าบุคคลเหล่านั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์อัล-วาซัดอยู่ภายใต้การดูแลของ มาซูร์ อัล-จัมรี อดีตนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลระหว่างการลุกฮือของมุสลิมชีอะห์ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เขาเดินทางกลับไปบาห์เรนอีกครั้งเมื่อปี 2001 หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงบาห์เรน ซึ่งได้รับกำลังเสริมจากพันธมิตรชาติมุสลิมสุหนี่ สามารถสลายการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มชีอะห์ ที่ยืดเยื้อมานานนับเดือนเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

กระทรวงมหาดไทยบาห์เรนแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ราย ระหว่างเหตุชุลมุนในการประท้วง

Around the World - Manager Online -

 

ประกาศิตจากสหรัฐฯ อดีต ปธน.“โกตดิวัวร์” ต้องสละอำนาจทันที

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 13:41 น.




ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
เอเอฟพี - สหรัฐฯ เดินหน้ากดดันโลรองต์ จีบักโบ อดีตประธานาธิบดีไอเวอรีโคสต์ผู้หวงแหนเก้าอี้ วันนี้ (3) ให้ยอมสละอำนาจโดยทันที พร้อมทั้งประณามว่าเขากำลังดึงประเทศเข้าสู่สภาวะไร้ขื่อแป

“สหรัฐฯ ขอเรียกร้องให้อดีตประธานาธิบดีโลรองต์ จีบักโบ สละอำนาจโดยทันที” คำแถลงของฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ “จีบักโบกำลังทำให้โกตดิวัวร์ตกอยู่ในสภาพบ้านเมืองที่ไม่มีขื่อมีแป”

ข้อเรียกร้องนี้ปรากฏขึ้นหลังวานนี้ (2) เสียงปืนใหญ่และระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวกลางกรุงอาบิดจัน จากการสู้รบอันหนักหน่วงตลอด 3 ในเมืองยุทธศาสตร์แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม กระทั่งตอนนี้ จีบักโบก็ยังปฏิเสธข้อเรียกร้องของชาติมหาอำนาจที่ต้องการให้เขายอมรับผลการเลือกตั้ง และลงจากอำนาจ ท่ามกลางการรุกคืบของกลุ่มนักรบโกตดิวัวร์ ซึ่งให้การสนับสนุนประธานาธิบดี อลาสซาเน ออตตารา ผู้นำตัวจริงเสียงจริง ซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2010 และนานาชาติให้การยอมรับ

ทั้งนี้ รายงานหลายต่อหลายชิ้นกล่าวถึงการนองเลือด และการอพยพลี้ภัยครั้งใหญ่ของประชาชน ขณะเดียวกันสภากาชาดสากลรายงานมาจากเมืองดูโกอู (Duekoue) ว่า มีผู้เสียชีวิต 800 คนภายในวันเดียว นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความอกสั่นขวัญหายจากทั้งจำนวนเหยื่อเคราะห์ร้าย และความโหดร้ายทารุณที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ข้อมูลจากองค์กรคาริตัสระบุว่า มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายมากกว่า 1,000 คน ส่วนคณะเจ้าหน้าที่ยูเอ็นในโกตดิวัวร์ก็รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตขั้นต้นไว้ที่ 330 ราย พร้อมทั้งกล่าวโทษนักรบจากทั้งฝ่ายโลรองต์ จีบักโบ และอลาสซาเน ออตตารา ว่า มีส่วนในการสังหารหมู่ครั้งใหญ่

ฮิลลารี คลินตัน ระบุว่า สหรัฐฯ มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อ “สถานการณ์อันเสื่อมทรามและอันตราย” ในไอเวอรีโคสต์ อีกทั้งรายงานหลายชิ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งบรรยายถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการสังหารหมู่ ในเมืองทางตะวันตกของประเทศแอฟริกาตะวันตกแห่งนี้

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังเน้นย้ำอีกว่า ทั้งสองฝ่ายควรเคารพสิทธิมนุษยชน และให้การรับรองความปลอดภัยของพลเรือน

“เรายังได้เรียกร้องต่อกองกำลังของประธานาธิบดีออตตาราให้เคารพกฎสงคราม โดยหยุดโจมตีพลเรือน” ฮิลลารี คลินตัน กล่าว “กองกำลังของประธานาธิบดีออตตาราต้องดำรงไว้ซึ่งอุดมคติและวิสัยทัศน์ตามคำที่ผู้ชนะการเลือกตั้งท่านนี้ได้กล่าวไว้”

นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลินตันได้เร่งเร้าให้กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในไอเวอรีโคสต์บังคับใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์


โลรองต์ จีบักโบ อดีตประธานาธิบดีไอเวอรีโคสต์ผู้หวงเก้าอี้ยิ่งกว่าชีวิตของประชาชน เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2010




ประธานาธิบดีอลาสซาเน ออตตารา ซึ่งนานาชาติให้การยอมรับ มีกองกำลังนักรบที่ให้การสนับสนุน และเดินหน้าทำสงครามกลางเมืองกับฝ่ายตรงข้ามมาตั้งแต่สิ้นสุดการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

Around the World - Manager Online -

 

ประกาศิตจากสหรัฐฯ อดีต ปธน.“โกตดิวัวร์” ต้องสละอำนาจทันที

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 13:41 น.




ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
เอเอฟพี - สหรัฐฯ เดินหน้ากดดันโลรองต์ จีบักโบ อดีตประธานาธิบดีไอเวอรีโคสต์ผู้หวงแหนเก้าอี้ วันนี้ (3) ให้ยอมสละอำนาจโดยทันที พร้อมทั้งประณามว่าเขากำลังดึงประเทศเข้าสู่สภาวะไร้ขื่อแป

“สหรัฐฯ ขอเรียกร้องให้อดีตประธานาธิบดีโลรองต์ จีบักโบ สละอำนาจโดยทันที” คำแถลงของฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ “จีบักโบกำลังทำให้โกตดิวัวร์ตกอยู่ในสภาพบ้านเมืองที่ไม่มีขื่อมีแป”

ข้อเรียกร้องนี้ปรากฏขึ้นหลังวานนี้ (2) เสียงปืนใหญ่และระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวกลางกรุงอาบิดจัน จากการสู้รบอันหนักหน่วงตลอด 3 ในเมืองยุทธศาสตร์แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม กระทั่งตอนนี้ จีบักโบก็ยังปฏิเสธข้อเรียกร้องของชาติมหาอำนาจที่ต้องการให้เขายอมรับผลการเลือกตั้ง และลงจากอำนาจ ท่ามกลางการรุกคืบของกลุ่มนักรบโกตดิวัวร์ ซึ่งให้การสนับสนุนประธานาธิบดี อลาสซาเน ออตตารา ผู้นำตัวจริงเสียงจริง ซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2010 และนานาชาติให้การยอมรับ

ทั้งนี้ รายงานหลายต่อหลายชิ้นกล่าวถึงการนองเลือด และการอพยพลี้ภัยครั้งใหญ่ของประชาชน ขณะเดียวกันสภากาชาดสากลรายงานมาจากเมืองดูโกอู (Duekoue) ว่า มีผู้เสียชีวิต 800 คนภายในวันเดียว นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความอกสั่นขวัญหายจากทั้งจำนวนเหยื่อเคราะห์ร้าย และความโหดร้ายทารุณที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ข้อมูลจากองค์กรคาริตัสระบุว่า มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายมากกว่า 1,000 คน ส่วนคณะเจ้าหน้าที่ยูเอ็นในโกตดิวัวร์ก็รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตขั้นต้นไว้ที่ 330 ราย พร้อมทั้งกล่าวโทษนักรบจากทั้งฝ่ายโลรองต์ จีบักโบ และอลาสซาเน ออตตารา ว่า มีส่วนในการสังหารหมู่ครั้งใหญ่

ฮิลลารี คลินตัน ระบุว่า สหรัฐฯ มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อ “สถานการณ์อันเสื่อมทรามและอันตราย” ในไอเวอรีโคสต์ อีกทั้งรายงานหลายชิ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งบรรยายถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการสังหารหมู่ ในเมืองทางตะวันตกของประเทศแอฟริกาตะวันตกแห่งนี้

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังเน้นย้ำอีกว่า ทั้งสองฝ่ายควรเคารพสิทธิมนุษยชน และให้การรับรองความปลอดภัยของพลเรือน

“เรายังได้เรียกร้องต่อกองกำลังของประธานาธิบดีออตตาราให้เคารพกฎสงคราม โดยหยุดโจมตีพลเรือน” ฮิลลารี คลินตัน กล่าว “กองกำลังของประธานาธิบดีออตตาราต้องดำรงไว้ซึ่งอุดมคติและวิสัยทัศน์ตามคำที่ผู้ชนะการเลือกตั้งท่านนี้ได้กล่าวไว้”

นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลินตันได้เร่งเร้าให้กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในไอเวอรีโคสต์บังคับใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์


โลรองต์ จีบักโบ อดีตประธานาธิบดีไอเวอรีโคสต์ผู้หวงเก้าอี้ยิ่งกว่าชีวิตของประชาชน เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2010




ประธานาธิบดีอลาสซาเน ออตตารา ซึ่งนานาชาติให้การยอมรับ มีกองกำลังนักรบที่ให้การสนับสนุน และเดินหน้าทำสงครามกลางเมืองกับฝ่ายตรงข้ามมาตั้งแต่สิ้นสุดการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

Around the World - Manager Online -

 

พบขุมธาตุหายากมหึมาในเจ้อเจียง มูลค่ากว่า 70,000 ล้านหยวน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 14:52 น.


สแกนเดียมเป็นธาตุหายากชนิดหนึ่ง เป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตภาคต่างๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมการป้องกันการทหาร อวกาศ พลังงานนิวเคลียร์ วัสดุตัวนำยิ่งยวด (superconductor) และอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ในภาพ: ธาตุหายาก (ภาพเอเจนซี)



ภาพการขุดสำรวจแหล่งแร่ธาตุโลหะหายากในมณฑลเจ้อเจียง (ภาพเอเจนซี)

สื่อจีนเจ้อเจียงรื่อเป้ารายงานเมื่อวันอังคาร(29 มี.ค.) ว่าสำนักงานสำรวจธรณีวิทยามณฑลเจ้อเจียงแห่งภาคตะวันออกของจีน ได้ค้นพบแหล่งแร่สแกนเดียม ซึ่งเป็นธาตุหายากชนิดหนึ่ง จากการประเมินเบื้องต้นอาจมีธาตุหายากสแกนเดียม มากกว่า 70 ตัน มูลค่า ประมาณ 70,000 ล้านหยวน

ทั้งนี้ ธาตุหายาก (rare earths) ประกอบด้วยธาตุเคมี 17 ชนิด โดยมีสแกนเดียมเป็นธาตุเคมีตัวหนึ่ง สแกนเดียมเป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตภาคต่างๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมการป้องกันการทหาร อวกาศ พลังงานนิวเคลียร์ วัสดุตัวนำยิ่งยวด (superconductor) และอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ และยังเป็นแหล่งแร่ธาตุหายากเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ

หัวหน้าทีมสำรวจทางธรณีวิทยา นาย หยัง เสี่ยวชุน สแกนเดียมมีราคาสูงมาก โดยปกติจะแพงกว่าทองคำถึง 4 เท่า และเคยทำสถิติราคาสูงกว่าทองคำถึง 10 เท่า

ผู้เชี่ยวชาญธรณีวิทยาในประเทศหลายคนเชื่อว่า โครงสร้างธรณีของมณฑลเจ้อเจียงที่เป็นหินภูเขาไฟ ผิวหน้าดินของหินภูเขาไฟจะกลายเป็นแร่อโลหะ และการเปลี่ยนแปลงของเขตที่อุดมด้วยหินภูเขาไฟยังเป็นเงื่อนไขที่ดียิ่งในการเกิดแร่โลหะ

China - Manager Online -

 

พบขุมธาตุหายากมหึมาในเจ้อเจียง มูลค่ากว่า 70,000 ล้านหยวน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 14:52 น.


สแกนเดียมเป็นธาตุหายากชนิดหนึ่ง เป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตภาคต่างๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมการป้องกันการทหาร อวกาศ พลังงานนิวเคลียร์ วัสดุตัวนำยิ่งยวด (superconductor) และอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ในภาพ: ธาตุหายาก (ภาพเอเจนซี)



ภาพการขุดสำรวจแหล่งแร่ธาตุโลหะหายากในมณฑลเจ้อเจียง (ภาพเอเจนซี)

สื่อจีนเจ้อเจียงรื่อเป้ารายงานเมื่อวันอังคาร(29 มี.ค.) ว่าสำนักงานสำรวจธรณีวิทยามณฑลเจ้อเจียงแห่งภาคตะวันออกของจีน ได้ค้นพบแหล่งแร่สแกนเดียม ซึ่งเป็นธาตุหายากชนิดหนึ่ง จากการประเมินเบื้องต้นอาจมีธาตุหายากสแกนเดียม มากกว่า 70 ตัน มูลค่า ประมาณ 70,000 ล้านหยวน

ทั้งนี้ ธาตุหายาก (rare earths) ประกอบด้วยธาตุเคมี 17 ชนิด โดยมีสแกนเดียมเป็นธาตุเคมีตัวหนึ่ง สแกนเดียมเป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตภาคต่างๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมการป้องกันการทหาร อวกาศ พลังงานนิวเคลียร์ วัสดุตัวนำยิ่งยวด (superconductor) และอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ และยังเป็นแหล่งแร่ธาตุหายากเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ

หัวหน้าทีมสำรวจทางธรณีวิทยา นาย หยัง เสี่ยวชุน สแกนเดียมมีราคาสูงมาก โดยปกติจะแพงกว่าทองคำถึง 4 เท่า และเคยทำสถิติราคาสูงกว่าทองคำถึง 10 เท่า

ผู้เชี่ยวชาญธรณีวิทยาในประเทศหลายคนเชื่อว่า โครงสร้างธรณีของมณฑลเจ้อเจียงที่เป็นหินภูเขาไฟ ผิวหน้าดินของหินภูเขาไฟจะกลายเป็นแร่อโลหะ และการเปลี่ยนแปลงของเขตที่อุดมด้วยหินภูเขาไฟยังเป็นเงื่อนไขที่ดียิ่งในการเกิดแร่โลหะ

China - Manager Online -

 

2012 อาจเพ้อเจ้อ แต่โลกเอาคืนสิของจริง

โดย บัณรส บัวคลี่ 28 มีนาคม 2554 15:33 น.



ช่วงหลายวันมานี้ผมหมกมุ่นอยู่กับข้อมูล/หนังสือ/เว็บไซต์/ตำรับตำราว่าด้วยโลกร้อน/ธรรมชาติเอาคืน ไปจนถึงทฤษฎีวันสิ้นโลกมากขึ้นจนแทบจะทิ้งสิ่งที่เคยสนใจด้านอื่น ๆ ไปเสียสนิท

ด้วยความที่ไม่มีต้นทุนความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มากพอการทำความเข้าใจกับเรื่องบางเรื่องจึงดูยุ่งยากพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องสนามแม่เหล็กตลอดถึงมุมและองศาทางดาราศาสตร์ ก็แปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกันเพราะบางเรื่องบางประเด็นเคยผ่านตามาก่อนแต่ไม่ได้สนใจเพราะเข้าใจว่าเป็นจินตนาการ

อย่างเรื่องขั้วแม่เหล็กโลกพลิก (ขอวงเล็บภาษาอังกฤษเพราะจะได้เข้าใจตรงกันว่าหมายถึง Magnetic pole reversal ) ที่โลกกำลังหวาดกลัวว่ามันจะเกิดในปี 2012 แท้จริงแล้วผมเคยได้รับการอธิบายแบบง่าย ๆ ด้วยวิธีการละเมียดละไมมาก่อนแล้วจากการอ่านนิยายจีน (เกี่ยวกันด้วยหรือ-หือ?) ก็น่าประหลาดใจอยู่เหมือนกันที่มันมาเกี่ยวกันได้เนื่องจากว่าผมนิยมอ่านกำลังภายในของหวงอี้ ไล่ติดตามอ่านทุกเรื่องทุกชิ้นจนล่าสุดมีซีรี่ส์นิยายสั้นเชิงวิทยาศาสตร์แอ๊คชั่นที่ไม่เกี่ยวกับบู๊ลิ้มเลยเรื่อง “ผจญภัยข้ามขอบฟ้า” ตัวเอกชื่อว่า หลิงตู้หวี่ (ถ้านิยายเป็นจริงอีตานี่คงจะทำให้ประเทศจีนกลายเป็นมหาอำนาจเหนือตะวันตกเพราะเก่งกว่าเจมส์ บอนด์ บวกแรมโบ้เสียอีกเพราะมีกำลังภายในและญาณวิเศษแบบตะวันออก)

มีอยู่ตอนหนึ่งนิยายเรื่องนี้อธิบายเรื่องขั้วแม่เหล็กโลกพลิกโดยอ้างถึง การขุดพบช้างแมมมอธในไซบีเรียในท้องในปากยังมีหญ้าสดอยู่เลย นั่นแสดงว่าขณะที่แมมมอธตัวนี้ตายจะต้องเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเพราะน้ำแข็งยังแช่ซากช้างอายุหมื่นปีไว้ได้สมบูรณ์มากและยืนยันว่าสาเหตุการตายน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนอุณหภูมิฉับพลันจากร้อนเป็นหนาวจัดซึ่งนิยายบอกว่ามาจากการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกฉับพลันพลิกด้านที่เป็นศูนย์สูตรขึ้นไปอยู่ทางเหนือ

(ตอนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ก็ผ่าน ๆ ไปจนลืม ๆ ไปแล้วแต่เมื่อมาตรวจสอบศึกษาเรื่องราวความวิตกกังวลเรื่องแกนโลกเปลี่ยนรอบล่าสุดจึงค่อยมาอุทานกับตัวเองว่า เอ้า !!! เรื่องเดียวกันนี่หว่าเหมือนกับอ่านดาร์วินชี่โค้ดและเรื่องอื่นๆ ของ แดน บราวน์ ตอนแรกนึกว่าเขาจินตนาการได้ดีที่ไหนได้มันมีผู้ศึกษาเรื่องราวเหล่านี้มาก่อนและนักเขียนหยิบไปผูกในนิยายภายหลัง)

คนในวงการวิทยาศาสตร์ที่สนใจเรื่องนี้เขายืนยันกันมานานแล้ว (แต่คนนอกวงการอย่างผมไม่รู้) ว่าโลกของเราใบนี้เคยมีการพลิกเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กมาก่อนแล้ว หลักฐานนอกจากกรณีช้างแมมมอธไซบีเรียแล้วยังมีการนำเอาแมกม่าหินหลอมเหลวมาตรวจสอบการเรียงของอนุภาคหินซึ่งถูกเหนี่ยวนำจากขั้วแม่เหล็กที่ไม่เหมือนขั้วปัจจุบัน ซึ่งหมายถึงว่าในโลกโบราณไม่ได้มีขั้วแม่เหล็กเหนือ-ใต้แบบปัจจุบัน

ความรู้เหล่านี้เมื่อมาประกอบกับการยืนยันว่าขั้วแม่เหล็กโลกเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ที่ญี่ปุ่นยิ่งจูงให้ต้องติดตามสนใจลึกลงไปอีก

ผมเคยโง่มานานเข้าใจว่าปัญหาโลกร้อนที่นำมาสู่ปรากฏการณ์โลกเอาคืนมาจากการตัดไม้ทำลายป่าและปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปทำลายเกราะป้องกันตัวเองบนท้องฟ้า แต่แท้จริงแล้วองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องของปัญหานี้มันซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะเพราะที่สุดโลกของเรามันเป็นส่วนหนึ่งของสุริยจักรวาลดินน้ำลมไฟฤดูกาลและการดำรงอยู่ของมนุษย์ล้วนขึ้นกับดวงอาทิตย์ซึ่งคนโบราณยกเป็น “สุริยเทพ” ทั้งสิ้นดังนั้นการที่เกิดอาเพศฤดูกาลไม่ปกติในบ้านเราหากเอาเหตุเอาปัจจัยทั้งหลายมาวางแผ่กันยังไงเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์แทบทั้งสิ้น

เริ่มจากภายนอกสุดเรื่องโลกร้อนที่เรากำลังประสบอยู่ก็เกิดจากธรรมชาติได้จัดสมดุลระยะห่างที่เหมาะสมของโลกกับแหล่งพลังงานก็คือดวงอาทิตย์เอาไว้ดีแล้ว อะไรที่ใกล้เกินหรือห่างเกินย่อมไม่เหมาะทั้งสิ้นธรรมชาติท่านยังแถมยังมีเกราะป้องกันไม่ให้โลกร้อนเกินไปจนส่งผลต่อความสมดุลนั่นก็คือชั้นบรรยากาศ แต่เมื่อมนุษย์เราช่วยกันทำลายเกราะป้องกันตัวเอง ยิ่งปล่อยก๊าซไปทำลายชั้นบรรยากาศก็เหมือนกับทำลายเกราะป้องกันตัวเอง หรือภูมิคุ้มกันตนเองในที่สุด

กลับมาดูภายใน นักวิทยาศาสตร์เขาก็วิจัยพบมานานแล้วว่าเจ้าหินหลอมเหลวที่อยู่ภายในโลกแท้จริงมันก็คือห้องเครื่องควบคุมยานอวกาศที่เรียกว่าโลก ถ้าพระอาทิตย์เป็นพลังงานภายนอก เจ้าหินหลอมเหลวแมกม่าในใจกลางโลกก็เป็นแหล่งพลังงานภายใน เขาวิจัยพบว่าการหมุนรอบตัวเองของโลกเปรียบได้กับการหมุนของไดนาโมทำให้เกิดขั้วแม่เหล็กและแกนแม่เหล็กของโลกขึ้นมา หากมีมือยักษ์บังคับให้โลกหยุดหมุนแหล่งพลังงานที่ก่อให้เกิดแม่เหล็กดังกล่าวก็จะหยุดตามจะส่งผลถึงอะไรบ้างครับ ? ตอบว่ามากมายไปหมด เข็มทิศและอุปกรณ์ที่อาศัยขั้วแม่เหล็กโลกหยุดทำงาน แต่ยังไม่เท่ากับสัตว์โลกอย่างค้างคาว วาฬ ฯลฯที่จะสูญเสียความสามารถในการนำทางจำแนกทิศได้ และยังส่งผลต่อสสารต่าง ๆ ไม่ว่าไฮโดรคาร์บอนน้ำมันดิบที่อยู่ภายใต้ผิวโลก

และเอาเข้าจริงพลังงานแม่เหล็กก็เป็นเกราะคุ้มครองโลกเหมือนกับชั้นบรรยากาศนั่นแหละครับ ไม่ว่าอะไรหายไปมันก็คือจะทำให้ดุลความสัมพันธ์แบบไม่ห่างไป ไม่ใกล้ไประหว่างโลกกับดวงอาทิตย์สูญเสียไป..ไม่ต้องบอกต่อก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันคือวันที่โลกถูกเผานั่นเอง !

ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้อ่านข่าวว่าด้วยโลกร้อนหรือการพยายามทำข้อตกลงลดการปล่อยสารทำลายเรือนกระจกของบรรดาชาติมหาอำนาจแบบผ่าน ๆ เหมือนเป็นเรื่องไกลตัวแต่พอเกิดอาเพศมาถึงเรือนชาน มองเห็นตัวอย่างปรากฏการณ์ที่บอกว่าประเทศของเราคงหนีไม่พ้นธรรมชาติเอาคืนเสียจริง ๆ ก็ยิ่งพบว่า ข่าวสารดังกล่าวที่เคยอ่านผ่าน ๆ แท้จริงมันช่างใกล้ตัวเสียเหลือเกิน

สิ่งที่ผมได้พยายามเรียนรู้ตลอดหลายวันมานี้บอกว่าเรื่องหลายเรื่องที่ดูเหมือนจะแยกจากกัน ไม่ว่า พายุสุริยะ ขั้วแม่เหล็กโลก การสูบเอาไฮโดรคาร์บอนออกจากใต้พิภพตลอดศตวรรษที่ผ่านมา บรรษัทยานยนต์และนโยบายของชาติผู้บริโภค การทำลายป่าไม้ การบริโภคแบบตะวันตก และแม้กระทั่งน้ำท่วมเดือนมีนาคม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น

มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมยังลังเลไม่อาจจัดเข้าอยู่ในหมวดเรื่องเดียวกันได้นั่นก็คือคำพยากรณ์ว่าโลกจะถึงกาลพินาศในปี 2012 ซึ่งต้นตอของเรื่องมาจากฝรั่งนั่นแหละ

เพราะแม้จะเป็นการพยายามอธิบายวันสิ้นโลกจากคำทำนายชาวมายัน (หรือศาสดาพยากรณ์อื่น ๆ รวมถึงนอสตราดามุส) และผูกเอาการวิปริตผิดเพี้ยนของธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน เรื่องนี้จะต้องค้นคว้าเพิ่มเติมเพราะมันดูเหมือนจะเป็นวาระของโลกไปแล้วเหมือนกับ Y2K ตอนเปลี่ยนศักราชนั่นแหละ

อันที่จริงฝรั่งด้วยกันเขาก็ไม่ได้เชื่อเรื่องคำพยากรณ์ 2012 ทั้งหมดหรอกนะครับ มีการวิพากษ์วิจารณ์นาย Patrick Geryl นักเขียนชาวเบลเยี่ยมผู้ที่ประกาศคำพยากรณ์นี้ออกมามากมาย มีเว็บไซต์จับผิดเช่นบอกว่า Geryl ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์แต่เป็นนักเขียน (ที่มีศิลปะผูกโยงสืบค้นเรื่องราว) อยากจะให้ท่านไปลองหาอ่านดูเอาเองทั้งฝ่ายหนุนและค้านสนุกดี บางแห่งเขาบอกว่า 2012: Prophet of nonsense ด้วยซ้ำไป ในที่นี้ขอหยิบมาเป็นตัวอย่างให้ดูสัก 2-3 เว็บ (คลิก 1,คลิก 2,คลิก 3)

ที่ต้องยกเรื่องนี้มาพูดเพราะนับจากนี้กระแส 2012 คงจะมาแรงมากขึ้น ๆ ผมคาดเดาไม่ออกว่ามันจะส่งผลยังไงกับสังคมไทยของเราบ้างเพราะในแง่บวกมันอาจทำให้คนหันมาสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ๆ จนกลายเป็นจุดพลิกเปลี่ยนของกระแสสิ่งแวดล้อมครั้งที่ 2 (จากยุคเดิมที่เกิดประมาณปี 33-35) หรือไม่แน่ที่พอถึงปี 2012 ปุ๊บแล้วโลกไม่แตกจริงสังคมก็เลิกสนใจปัญหาดินฟ้าอาเพศไปเสีย

2012 อาจจะมีหรือไม่ ?? อย่าเพิ่งสนใจเลยเพราะที่แน่ ๆ วิปริตอาเพศมันเกิดแล้วเห็น ๆ ทั้งในบ้านเขาบ้านเราอย่าไปมัวรอเหตุโลกแตกหรือมาหาคือตอบว่าโลกจะแตกจริงหรือไม่ในปี 2012 กันอยู่เลย

“โลกแตก 2012” อาจจะพกลม...แต่ “2011 โลก (เริ่ม) เอาคืน” นี่สิครับของจริง!

ความคิดเห็นที่ 14
อาหารที่ทิ้งไว้บนโต็ะ ปกติจะมีมดมาตอมเต็มไปหมด

แต่วันนี้ (30 มีนาคม 2554) ไม่มีมาตอมสักตัว

ผ้าเช็ดเขียงหลังจากหั่นหมูแลัวทิ้งไว้ ก็ไม่มีมดมาตอมเลย

มันหายไปไหนหมด หรือจะเป็นเพราะอากาศหนาวผิดปกติ

หรือว่าสัตว์มีสัณชาตญาณรู้เหตุการณ์เร็วกว่ามนุษย์ อย่างที่เขาว่ากัน

วันนี้จึงรีบตุนข้าวสาร เทียน ไฟแช็ค น้ำดื่ม และจะตุนสิ่งจำเป็นอื่นๆต่อไป

ไม่อยากยื้อแย่งถ้าวันโลกาวินาศมีจริง

แม้เหตุร้ายไม่เกิด ก็ไม่เสียหายแต่อย่างใด เอามากินมาใช้ได้อีกนาน
คนใฝ่ธรรม

ความคิดเห็นที่ 2
ดูที่เวป หลังจิต มีเยอะไปหมด
gold

Columnists - Manager Online - 2012

 

เรื่องของแผ่นดินไหว

โดย พระบาท นามเมือง 29 มีนาคม 2554 14:14 น.


แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องในระยะหลังๆ มานี้ ทำให้เราหันมาสนใจทฤษฏีเรื่องแผ่นดินไหวกันมากขึ้น แม้ว่าเราไม่อาจทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้อย่างแม่นยำ หรือมนุษย์ไม่อาจรับรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหวได้ดีกว่าสัตว์หลายชนิด แต่ก็มีความพยายามที่จะศึกษาหาความจริงและหาทฤษฏีที่จะตอบให้ได้ว่าแผ่นดินไหวจะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร

ก่อนอื่นเราคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าแผ่นดินไหวมีที่มาอย่างไร

โลกเรานี้พื้นผิวที่เป็นเปลือกโลกไม่ได้ว่าเป็นชิ้นเดียวแต่มีอยู่หลายชิ้น และเคลื่อนตัวได้ อาการที่เคลื่อนตัวนี้เองทำให้แผ่นของเปลือกโลกแบ่งชิ้นๆ ที่เรียกเท็คโทนิคเพลท (Tectonic Plates) ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น ๗ ถึง ๘ ชิ้นใหญ่ๆ ขึ้นอยู่ว่าเราจะนิยามว่าขนาดไหน ใหญ่ หรือเล็ก แต่ก็ยังมีแผ่นเท็คโทนิคเล็กอีกมาก

แผ่นดินที่มีเปลือกโลกหุ้มอยู่นั้นเมื่อมีแผ่นเท็คโทนิคเคลื่อนไหวทั้งเข้าหากันหรือเข้าชนบ้าง แยกจากกันหรือออกจากจุดศูนย์กลางของตัวมันเองบ้าง และบางครั้งก็เปลี่ยนแปลงรูปแบบของตัวมันเองไปบ้าง การเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบดังกล่าว ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟประทุหรือระเบิด รวมทั้งเกิดภูเขาขึ้นทั้งบนบกและในทะเล

เปลือกโลกมีสองชนิดคือ เปลือกโลกภาคพื้นทวีปที่มีความหนามากแต่ความหนาแน่นต่ำส่วนเปลือกโลกอีกชนิดคือเปลือกโลกภาคพื้นสมุทรมีความหนาน้อยกว่าแต่ความหนาแน่นมากกว่าดังนั้นแผ่นเท็คโทนิคจึงอาจเป็นได้ทั้งสองชนิดหรือชนิดใดชนิดหนึ่ง

มีการสำรวจพบว่าพลังงานที่เกิดจากแผ่นดินไหวเกือบ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ นั้นมาจากวงรอบของแผ่นดินไหวแถบแปซิฟิค ที่เรียกว่า เซอคัมแปซิฟิค ประเทศที่อยู่ในแถบนี้ก็คือ ญี่ปุ่นที่โดนแผ่นดินไหวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ๙ ริกเตอร์ ฟิลิปปินส์ ชิลี พื้นที่บางส่วนในสหรัฐอเมริกาที่ทางแคลิฟอร์เนียทางซานแอนเดรีย และแถบชายฝั่งตะวันตกของอลาสก้า รวมไปถึงหมู่เกาะอลิวเชี่ยนด้วย

วงรอบของแผ่นดินไหวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งวิ่งผ่านแถบภูเขาที่กั้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและลากไปถึงอิหร่านผ่านไปยังเทือกเขาหิมาลัย โซนแผ่นดินไหวที่มักร้ายแรงนี้เรียกว่า วงรอบอัลไพน์-หิมาลายัน

นอกจากนั้นยังมีข้อมูลจากการบันทึกถึงแผ่นดินไหวต่างๆ พบว่าจะเกิดจากระดับความลึกใต้พื้นดินตั้งแต่ ๕ ถึง ๗๐๐ กิโลเมตร แต่เกือบ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ของแผ่นดินไหวทั้งหมดเกิดจากระดับความลึกลงไปใต้ดินน้อยกว่า ๑๐๐ กิโลเมตร

ครับ แผ่นดินไหวจึงเกิดขึ้นจากเมื่อแผ่นหินขนาดใหญ่จากแผ่นเพลทเคลื่อนที่เข้าหากันและเกิดตามรอยต่อของแผ่นเพลทดังกล่าวที่ร้ายแรงก็คือ วงรอบเซอคัมแปซิฟิคที่มีผลกระทบถึงนิวซีแลนด์ นิวกีนี ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ชิลีหมู่เกาะอลิวเชียน อลาสก้า ฝั่งตะวันตกของอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้

แน่นอนครับเมื่อเกิดในทะเลและมีระดับความรุนแรงมากๆ ก็จะมีสึนามิเข้ามาสมทบทำให้น่ากลัวมากขึ้น

สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่น่ากลัวและมีระดับความรุนแรงตั้งแต่ปี ค.ศ ๒๐๐๑ เท่าที่รวบรวมได้มีดังนี้ครับ

ปี ๒๐๐๑ ที่แคว้นกุฏราจ อินเดีย ระดับ ๘ ริกเตอร์ คนเสียชีวิตราวๆ สองหมื่นคน และแผ่นดินไหวรู้สึกทั่วอินเดียและปากีสถาน
ปี ๒๐๐๓ เกิดที่เมืองแบม ประเทศอิหร่าน ระดับ ๖.๖ ริกเตอร์ ผู้เสียชีวิตสองหมื่นหกพันคน เมืองนี้อยู่บนเส้นทางแพรไหม บ้านเรือนสร้างจากอิฐดินเหนียว
ปี ๒๐๐๔ อาเจะ ๙ ริกเตอร์ ในเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย คนตายสองแสนคน ส่วนใหญ่ตายเพราะโดนสึนามิจากมหาสมุทรอินเดีย ที่อินโดนีเซียตายไปแสนห้าที่เหลือที่ศรีลังหาและมีคนตายไกลถึงโซมาเลีย
ปี ๒๐๐๕ อาซาด แคชเมียร์ ๗.๖ ริกเตอร์ คนตายแปดหมื่นคน ถือว่าร้ายแรงมากเพราะเกิดในฤดูหนาว
ปี ๒๐๐๘ มลฑลเสฉวน จีน ๗.๙ริกเตอร์ คนตายหกหมื่นเก้าพัน
ปี ๒๐๑๐ เฮติ ระดับ ๗.๐ ริกเตอร์ คนตาย ๓๑๖,๐๐๐ คน กวาดคนทั้งเมืองใหญ่ที่สำคัญและทำให้คนที่รอดตายแสนกว่าคนไร้ที่อยู่
ปี ๒๐๑๐ ชิลี ระดับ ๘.๘ ภาคกลางของประเทศชิลี เกิดเตือนภัยสึนามิทั่วมหาสมุทรแปซิฟิค
ปี ๒๐๑๐ ไครสเชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ระดับ ๗.๐ ความเสียหายระหว่างปี ๒๕๑๐-๑๑ ซึ่งมีระดับ ๖.๓ ซึ่งเป็นอาฟเตอร์ช็อคเมื่อ วันที่ ๒๒ ก.พ. ๒๐๑๑
ปี๒๐๑๑ ฮอนชู ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆ นี้ มีระดับรุนแรงถึง ๙ ริกเตอร์ และมีสึนามิเข้ากวาดบ้านเรือนและรถราและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทำความเสียหายและมีคนเสียชีวิตนับหมื่น โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เสียหายอีกหลายโรง
ปี๒๐๑๑ พม่า ระดับความรุนแรง ๖.๘ ริกเตอร์ มีคนพม่าและคนไทยเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีอาฟเตอร์ช็อคอีกจำนวนหนึ่ง

ครับจากที่เราสังเกต จะเห็นได้ว่าในระยะสองปีหลังนั้นแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยมากเป็นพิเศษในแถบวงรอบแปซิฟิค ซึ่งเป็นวงรอบที่มีความอัตราบ่อยครั้งที่สุดที่เกิดแผ่นดินไหวของโลก

และเป็นที่น่าสังเกตว่า คนไทยได้รับรู้ถึงแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะแผ่นดินไหวที่พม่าทำให้วัดวาอารามและสถานที่เก่าแก่รวมทั้งบ้านเรือนของเรารู้สึกว่าจะได้รับผลกระทบไปด้วย

เรื่องแผ่นดินไหวในปีนี้คงไม่ยุติลงแค่นี้หรอกครับ

Columnists - Manager Online -