เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้นำกลุ่มประท้วงชีอะฮฺในบาห์เรนร้องอิหร่านอย่าแทรกแซง

    มุสลิมไทยดอทคอม : 31 มีค. 54 14:05:11


    สำนักข่าวมุสลิมไทย ผู้นำกลุ่มประท้วงชีอะฮฺในบาห์เรนร้องอิหร่านอย่าแทรกแซง

    สำนักข่าวอัล-อาราบิญา, ข่าวเอเจนซี่ – เมื่อวันุพุธ (30/03) อะลี ซัลมาน ผู้นำกลุ่มประท้วงชีอะฮฺในบาห์เรนออกมาเรียกร้องอิหร่าน ไม่ให้เข้าแทรกแซงในกิจการภายในของประเทศ นอกจากนั้น เขายังเรียกร้องให้กองกำลังสนับสนุนของประเทศสมาชิกอ่าวอาหรับ ซึ่งนำโดยซาอุดี้อาระเบียถอนออกจากประเทศ และยังย้ำเตือนถึงการที่บาห์เรนอาจถูกทำให้เป็นสนามรบของสงครามตัวแทนระหว่างฝ่ายซุนนี กับชีอะฮฺ

    [​IMG]


    ตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์ไม่สงบ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 24 คน ในจำนวนนี้ 4 คนเป็นตำรวจ รัฐมนตรีกิจการภายในบาห์เรนกล่าวเมื่อวันพุธเช่นกัน ว่า ความไม่สงบนี้อาจมีกลุ่มเฮซบอลเลาะฮฺที่มีอิหร่านสนับสนุนชักใยอยู่เบื้องหลัง

    Wefaq พรรคฝ่ายค้านรัฐบาลแฉว่ามีประชาชนถูกกักขังแล้ว 250 คน และสูญหายอีก 44 คน ซึ่งมาตรการปราบปรามของบาห์เรนถูกอิหร่านประณาม และว่าจะทำให้ความขัดแย้งบานปลายออกไป

    รัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรนกล่าวว่า อิหร่านควรหยุดกล่าวพาดพิงถึงบาห์เรน และว่าการเจรจาจะเริ่มหลังจากประเทศกลับสู่ความสงบ แต่ฝ่ายค้านปฏิเสธว่าไม่มีประเทศใดชักใยอยู่เบื้องหลังการก่อประท้วงนี้ - www.muslimthai.com

     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิตยสารออนไลน์ภาษาอังกฤษของอัล-กออิดะสนับสนุนการลุกฮือในอาหรับ

    มุสลิมไทยดอทคอม : 31 มีค. 54 14:02:53


    สำนักข่าวมุสลิมไทย นิตยสารออนไลน์ภาษาอังกฤษของอัล-กออิดะสนับสนุนการลุกฮือในอาหรับ
    [​IMG]
    ข่าวเอเจนซี่ – อันวาร์ อัล-เอาลากี อุละมะอฺอัล-กออิดะ เชื้อสายเยเมน-สหรัฐ เขียนบทความภาษาอังกฤษตีพิมพ์ในเว็ปไซต์ ในชื่อ Tsunami of Change ซึ่งแสดงทัศนะถึงการลุกฮือขึ้นในประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง ว่าเป็นข่าวดีสำหรับกลุ่มอิสลามสุดโต่งที่ปฏิบัติการอยู่ในตูนีเซีย อิยิปต์ และลิเบีย เหตุผลคือ การต่อต้านกลุ่มนี้จะลดน้อยลง มีผลทำให้ทั้งนักต่อสู้ และอุละมะอฺมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น และจัดกิจกรรมต่างๆ หลังจากถูกกดมากว่า 30 ปี




    นิตยสารภาษาอังกฤษ “Inspire” เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต เป็นผลิตผลของ “กลุ่มอัล-กออิดะแห่งคาบสมุทรอาระเบีย (AQAP)” มีกลุ่มเป้าหมายคือมุสลิมในตะวันตกที่เข้าใจภาษาอังกฤษ

    อีกบทความหนึ่งเขียนโดย ยะฮฺยา อิบรอฮีม ซึ่งกล่าวว่า อัล-กออิดะไม่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วยการประท้วง แต่ไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า การเปลี่ยนแปลงควรจะกระทำด้วยวิถีทางสันติเท่านั้น เพราะไม่ควรตัดการใช้กำลังออกไปโดยสิ้นเชิง

    ส่วนอีกบทความหนึ่งเป็นการแปลสุนทรพจน์ของผู้นำอัล-กออิดะ ซึ่งเรียกร้องให้ชาวอียิปต์หันมาสนับสนุนการนำชารีอะฮฺกลับมาใช้ รวมทั้งมีการพิมพ์คู่มือการใช้ปืนไรเฟิ่ลคาลัชนิคอฟด้วย

    เจ้าหน้าที่ตะวันตก และอาหรับมีความเห็นว่า การลุกฮือของหนุ่ม-สาวในประเทศอาหรับเพื่อแสวงหาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างสงบ เป็นการถ่วงดุลกับสิ่งที่อัล-กออิดะพยายามผลักดันให้เกิดความรุนแรงโดยใช้อาวุธ และทำให้ข้อถกเถียงที่ว่า ประชาธิปไตยกับอิสลามไม่สามารถเข้ากันได้ อ่อนลง - www.muslimthai.com

     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กลุ่มอิสลามเข้มข้นเคลื่อนไหวในอียิปต์

    มุสลิมไทยดอทคอม : 31 มีค. 54 13:59:49


    สำนักข่าวมุสลิมไทย กลุ่มอิสลามเข้มข้นเคลื่อนไหวในอียิปต์
    [​IMG]
    สำนักข่าวเอพี. – เจ้าหน้าที่อียิปต์แถลงว่า กลุ่มมุสลิมซาลาฟีย์ที่เคร่งครัดศาสนาปะทะกับชาวบ้านทางตอนใต้ของกรุงไคโร หลังมีการเรียกร้องให้ปิดร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคอฟฟี่ช้อป ซึ่งเป็นสัญญาณหนึ่งที่แสดงว่า กลุ่มอนุรักษ์นิยมเข้มข้นเริ่มออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น




    การปะทะด้วยอาวุธดังกล่าวเกิดขึ้นค่ำวันจันทร์ ที่หมู่บ้าน Kasr el-Bassil ในจังหวัดฟาญูม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 8 คน

    กลุ่มซาลาฟีย์ถูกมองว่าเป็นกลุ่มเคร่งครัดศาสนาซึ่งถูกกดไว้ภายใต้การปกครองของมุบารัก แต่หลังการลุกฮือขึ้นที่ทำให้กลุ่มภราดรภาพมุสลิมกลับมามีบทบาท ถึงขนาดที่อาจจะได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอียิปต์คนใหม่ ทำให้กลุ่มซาลาฟีย์ออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งทำให้กลุ่มเซคิวล่าร์ และกลุ่มเสรีนิยมกริ่งเกรงถึงการที่อียิปต์จะกลับไปใช้ระบบอิสลามปกครอง

    เมื่อวันอังคารเช่นกัน กลุ่มซาลาฟีย์หลายสิบคนออกมารณรงค์ประท้วงในกรุงไคโรอีกครั้ง ต่อกรณีการกล่าวหาว่านักบวชคริสต์คอปติกกักขังภรรยาที่เชื่อว่าหันมาเข้ารับอิสลามไว้ นอกจากนั้นยังกล่าวหาตำรวจว่าร่วมมือกับกลุ่มคริสต์คอปติกในการส่งตัว Shehata กลับ การจัดประท้วงดังกล่าวดำเนินมาต่อเนื่องเกือบทุกสัปดาห์ตลอดช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แต่ได้ยุติไปหลังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่หน้าโบสถ์คริสต์ในอเล็กซานเดรียเมื่อช่วงปีใหม่ ที่ทำให้มีชาวคริสต์เสียชีวิต 21 ราย

    มีการถือป้ายที่เขียนว่า “สันติ และปราศจากความรุนแรง” เพื่อแสดงให้เห็นว่ากลุ่มซาลาฟีย์ไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายใหญ่หลวงตามที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้ ว่ากลุ่มซาลาฟีย์พยายามจะบังคับให้ผู้หญิงอียิปต์คลุมหน้า และจะสาดด้วยน้ำกรดหากใครไม่ทำตาม ข่าวลือดังกล่าวแพร่สะพัดบนเว็ปไซต์ของชาวคริสต์ ซึ่งทำให้ซาลาฟีย์ออกมาปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม โบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งทางตอนใต้ของ Assuit ได้ย้ายนักศึกษาหญิง 340 คนจากหอพักในมหาวิทยาลัย มาพักในหอพักของโบสถ์เพื่อความปลอดภัยแล้ว

    ถึงแม้กลุ่มซาลาฟีย์จะปฏิเสธความรุนแรง แต่หลายคนมีความเห็นว่าแนวปฏิบัติของกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างกับกลุ่มอัล-กออิดะเท่าไรนัก - www.muslimthai.com

     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “ประยุทธ์” รับเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยลำบาก เหตุน้ำมาก ถนนขาด ฟ้าปิด

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 10:17 น.
    [​IMG]
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)

    ผบ.ทบ.สั่งกองทัพภาคที่ 4 บูรณาการการทำงานกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและส่วนราชการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ พร้อมแก้ปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำไหล รวมทั้งซ่อมถนนที่ถูกตัดขาดเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง เผยปัญหาขณะนี้คือเข้าไม่ถึงพื้นที่ประสบภัยเนื่องจากปริมาณน้ำมาก และอากาศที่ยังปิด ส่วนการตรวจเลือกทหารเกณฑ์ในพื้นที่น้ำท่วมยังต้องดำเนินการต่อไป หากมีปัญหาให้เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณ

    วันนี้ (1 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีวันคล้ายวันสถาปนา พล.1 รอ.ครบรอบ 104 ปี ถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้กำชับกองทัพภาคที่ 4 ให้บูรณาการการทำงานกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของส่วนราชการต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำลังของอาสาสมัคร และอปพร.ร่วมกับประชาชน เรื่องการดูแลปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำไหล เพื่อเปิดเส้นทางให้น้ำไหล และแก้ปัญหาถนนที่ถูกตัดขาดให้ได้เร็วที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนและการเข้าไปให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เนื่องจากเส้นทางขาดและชำรุด จึงมอบหมายให้กรมการทหารช่างประสานการปฏิบัติกับกรมทางหลวง

    “ปัญหาเกิดขึ้นพร้อมกันในหลายพื้นที่ หลายจังหวัด จึงต้องจัดลำดับความเร่งด่วนในการทำงาน วันนี้คงต้องติดตามความก้าวหน้าว่ามีปัญหาติดขัดอะไรหรือไม่ ปัญหาขณะนี้คือการเข้าไปไม่ถึงในพื้นที่เนื่องจากปริมาณน้ำ และการขึ้นตรวจการณ์ทางอากาศทำได้จำกัดเพราะฟ้ายังปิดอยู่ แต่พื้นที่ใดที่เข้าได้ ได้สั่งการให้ใช้กำลังพลและสุนัขทหารเข้าไปดูแล ซึ่งเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญลำดับหนึ่งเพราะเป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งจากการที่นายกรัฐมนตรีไปตรวจเยี่ยมในพื้นที่มา 2 ครั้งแล้วได้ฝากให้กองทัพบกช่วยดูแลเรื่องการสัญจร ความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือหลังน้ำลดให้ทุกส่วนราชการพูดคุยกัน เพื่อบูรณาการการทำงาน”

    ส่วนที่ประชาชนบางส่วนไม่ยอมออกจากพื้นที่เนื่องจากห่วงทรัพย์สินนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าต้องให้ตัวเองปลอดภัยก่อน เราต้องบอกให้ประชาชนระมัดระวัง ต้องอยู่กันเป็นกลุ่มก้อนดูแลกัน และเราต้องจัดเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมเขา เพราะบางพื้นที่เข้าไปไม่ได้ต้องใช้เรือหรือทางอากาศจึงได้ระดมอากาศยานเท่าที่มีอยู่ทั้งหมด ทั้งเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก เฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก และที่มีสลิงสำหรับนำคนหรือสิ่งของไปลงได้ ซึ่งจะไปปฏิบัติภารกิจทั้งด้านยุทธวิธีต่างๆ โดยวันนี้ (1 เม.ย.) จะระดมเพิ่มเติมในส่วนของกรมการทหารช่างว่ายังมีเรือและรถที่เหลืออยู่หรือไม่ เพื่อจะให้ความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด

    สำหรับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารประจำการ (เกณฑ์ทหาร) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 เม.ย.นี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องดำเนินการไปตามปกติ เพื่อให้เข้ารับการฝึกพร้อมกันในเดือนเมษายนนี้ ประมาณ 10 สัปดาห์ หากเลื่อนการเกณฑ์ออกไปจะทำให้ระบบต่างๆ รวนไปหมด จึงได้ให้นโยบายว่าหากมีบุคคลใดที่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ให้ไปแจ้งที่กองอำนวยการตรวจเลือก เพื่อพิจารณาเลื่อนเกณฑ์ไปปีหน้า

    ส่วนในบางพื้นที่ที่มีปัญหาและเจ้าหน้าที่อาจเข้าไปทำการตรวจเลือกไม่ได้ ผู้บังคับกองพันซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจเลือกก็ต้องใช้วิจารณญาณเรื่องการขยับพื้นที่ออกมาและจัดยานพาหนะไปรับ หากแก้ไขไม่ได้ก็คงเสนอมาที่หน่วยเหนือพิจารณาต่อไป

    ความคิดเห็นที่ 1

    ข้อมูลการติดต่อ-ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

    บริจาคสิ่งของ หรือเงิน เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

    1. มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์

    ชื่อบัญชี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ (ประเภทออมทรัพย์) ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อย สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) เลขที่บัญชี 401-636319-9

    ธนาคารทหารไทย สาขาย่อย สำนักพระราชวัง(สนามเสือป่า) ชื่อบัญชี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เลขที่บัญชี 046-2-44777-2 (กรุณาส่งสำเนาใบนำฝาก พร้อมแจ้งชื่อ ที่อยู่ ที่จะออกใบเสร็จของท่าน มาทางโทรสารหรือจดหมาย ภายใน 15 วัน)
    http://www.rajaprajanugroh.org/donation.aspเอ็กซ์

    2. ชื่อบัญชี : มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ธนาคาร ไทยพาณิชย์ (SCB) สาขา เทเวศร์ เลขที่บัญชี: 020-253-3338 (ออมทรัพย์) หรือ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนหลังสวน ชื่อบัญชี มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เลขที่บัญชี 082-2-66600-0

    3. สำนักนายกรัฐมนตรี

    ชื่อบัญชี “กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี”
    ธนาคารกรุงไทย สาขารทำเนียบรัฐบาล
    บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 067-0-06895-0

    4. สภากาชาดไทย

    ชื่อบัญชี “สภากาชาดไทย ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย บัญชีกระแสรายวัน หมายเลขบัญชี 045-304-1906 โดยหลังบริจาคแล้วสามารถแฟกซ์ใบนำฝาก พร้อมชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ส่งถึงหัวหน้าฝ่ายการเงิน สำนักงานการคลัง สภากาชาดไทย โทรสาร 0 2256 4069 หรือที่ finance@redcross.or.ทีเอช
    หรือสามารถนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ไปบริจาคได้ที่สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ โทรศัพท์ 0 2251 7614-5 โดยชุดธารน้ำใจสำหรับบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่ม 1 ชุดประกอบด้วย

    ข้าวสาร (5กก. )1 ถุง / ข้าวหอมมะลิกระป๋อง (150 กรัม) 6 กระป๋อง / บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (55 กรัม) 30 ซอง / ปลากระป๋อง (155 กรัม) 6 กระป๋อง / ผักกาดดอง (140 กรัม) 6 กระป๋อง / ปลาราดพริก (155 กรัม) 6 กระป๋อง / น้ำพริก (50 กรัม) 2 กระปุก / ไก่ทอดกระเทียม (80 กรัม) 2 กระป๋อง / เครื่องดื่มช็อกโกแลตผงปรุงสําเร็จรูป 35 กรัม (1x 6 ซอง) 2 ห่อ / น้ำดื่ม 600cc. (1x 12 ขวด) 1 แพ็ค / ไฟฉายพร้อมถ่าน 1 กระบอก / เทียนไข (1×2 แท่ง) 1กล่อง / ไฟแช็ก 1 อัน / โลชั่นทากันยุง (40 กรัม) 1 ขวด / ยาชุดสามัญประจําบ้าน 1 ชุด / ยาแก้น้ำกัดเท้า (10 กรัม) 1 หลอด / เกลือไอโอดีน (500 กรัม) 1 ถุง/ ถุงดำใหญ่และเล็ก เพื่อใส่ขยะอย่างละ 6 ใบ

    5. มูลนิธิสยามกัมมาจล – ไทยพาณิชย์

    ชื่อบัญชี “มูลนิธิสยามกัมมาจล-ไทยพาณิชย์เพื่อผู้ประสบภัยภาคใต้”
    ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่111-3-91657-8 ฟรีค่าโอนข้ามเขต ลดภาษีได้ โดย ส่งสำเนาการโอน พร้อมแจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ และส่ง Fax ไปที่ 02-544-1040 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ SCB Call Center 02-777-7777 ตลอด 24 ชม.
    ช่วยกันนะคะ อย่าให้น้อยหน้าญี่ปุ่น

    Politics - Manager Online -
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รบ.ญี่ปุ่นเตรียม “อัดฉีดเม็ดเงิน” เข้าคุมกิจการ “เท็ปโก”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 10:13 น.

    [​IMG]
    สภาพความเสียหายของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดหนังสือพิมพ์ ไมนิจิ ชิมบุน รายงานวันนี้(1)ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะอัดฉีดเม็ดเงินกองทุนสาธารณะเพื่อพยุงกิจการของเท็ปโก


    เอเจนซี - รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อควบคุมการดำเนินงานของบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เท็ปโก) ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ท่ามกลางกระแสวิตกทั้งต่อวิกฤตนิวเคลียร์และค่าชดเชยความเสียหายที่อาจมหาศาล หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นรายงานวันนี้(1)

    หุ้นเท็ปโกเปิดตลาดเพิ่มขึ้นทันที 6 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่หนังสือพิมพ์ ไมนิจิ ชิมบุน รายงานว่า รัฐบาลเตรียมอัดฉีดเงินกองทุนสาธารณะเพื่อช่วยพยุงสถานะของเท็ปโก แม้สัดส่วนการถือครองหุ้นอาจไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม

    “หากรัฐบาลถือครองหุ้นมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ก็หมายความว่า กิจการเท็ปโกจะถูกโอนเป็นของรัฐ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราวางไว้” เจ้าหน้าที่รัฐบาลซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุ

    เท็ปโก เผชิญแรงกดดันอย่างหนักในการยับยั้งวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ซึ่งระบบหล่อเย็นได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวขนาด 9.0 และคลื่นสึนามิที่ซัดถล่มญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม

    ความผิดพลาดหลายต่อหลายครั้งผนวกกับสัญญาณของการขาดภาวะผู้นำ ทำให้ความเชื่อมั่นของเท็ปโกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งลงเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ

    ไมนิจิ ชิมบุน อ้างแหล่งข่าวภายในรัฐบาล ซึ่งเปิดเผยว่า “การอัดฉีดเม็ดเงินครั้งนี้จะช่วยให้รัฐบาลสามารถควบคุมการทำงานของเท็ปโกได้ในระดับหนึ่ง”

    ด้านเจ้าหน้าที่ของ เท็ปโก ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆในขณะนี้

    ธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ประเมินว่า เท็ปโกอาจต้องแบกรับค่าชดเชยกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากวิกฤตนิวเคลียร์ยังคงดำเนินต่อไป ทำให้หลายฝ่ายคาดว่ารัฐบาลญี่ปุ่นน่าจะเข้ามาโอบอุ้มกิจการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแห่งนี้

    แม้ว่าตามกฎหมาย เท็ปโก อาจไม่ต้องชดเชยความเสียหายอันเกิดจากภัยธรรมชาติ แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า เป็นไปได้ยากที่จะบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เนื่องจากกระแสต่อต้านที่รุนแรงจากสังคม ดังจะเห็นได้ว่ามีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากมารวมตัวกันหน้าสำนักงานของเท็ปโกในกรุงโตเกียว เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ และประณาม เท็ปโก ว่าเป็น “อาชญากร”

    ล่าสุดบรรดานักลงทุนต่างวิตกกังวลยิ่งขึ้น เมื่อ มาซาทากะ ชิมิซุ ประธานบริษัท เท็ปโก ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลสัปดาห์นี้ อีกทั้ง เท็ปโก เองก็ยอมรับว่า เงินกู้ยืมฉุกเฉินจำนวน 2 ล้านล้านเยน หรือราว 720,000 ล้านบาท จากธนาคารรายใหญ่ของญี่ปุ่น อาจไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

    นักวิเคราะห์จากธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ระบุว่า เท็ปโก อาจต้องจ่ายเงินชดเชยสูงถึง 11 ล้านล้านเยน (3.99 ล้านล้านบาท) หรือ 4 เท่าของมูลค่าหุ้นบริษัท หากวิกฤตนิวเคลียร์ยืดเยื้อต่อไปอีก 2 ปี

    [​IMG]

    กลุ่มพลเมืองญี่ปุ่นชูป้ายโจมตีการทำงานของ เท็ปโก



    [​IMG]


    กลุ่มพลเมืองญี่ปุ่นชูป้ายโจมตีการทำงานของ เท็ปโก

    Around the World - Manager Online - ú.
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จนท.ปูพรมเร่งค้นหาผู้สูญหายอีก 5 คน จากดินถล่มที่กระบี่

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 11:40 น.

    กระบี่ - เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่กระบี่ยังคงออกค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดินถล่ม ที่คาดว่าจะติดอยู่ใต้โคลนอย่างต่อเนื่อง

    ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุผู้เขาถล่มทับบ้านเรือนของชาวบ้าน ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ จนทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านเสียหาย มีผู้บาดเจ็บและสูญหายจำนวนหนึ่ง ซึ่งในวันนี้ (1 เม.ย.) เป็นวันที่ 3 ของการออกค้นหาผู้สูญหายที่คาดว่าจะติดอยู่ภายในโคลนตมที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทับภาค 4 ได้ส่งเครื่องจักรหนักเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยการปูพรมออกค้นหา ร่วมกับทหารนาวิกโยธินที่ 411 เขาหางนาค หน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ อส.ร่วม 100 นาย อย่างต่อเนื่อง

    นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การออกค้นหาผู้สูญหาย ที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตและติดอยู่ใต้โคลนตมบริเวณที่เกิดเหตุ การออกค้นหาทางเจ้าหน้าที่ยังออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง

    ขณะนี้มียอดสรุปผู้ที่เสียชีวิตจำนวนที่แน่นอนแล้ว จำนวน 7 ราย โดยผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นคนในพื้นที่ ต.หน้าเขา ที่ถูกภูเขาถล่มทับ 1.นายไพศาล ชูศรี อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 90 ม.7 ต.หน้าเขา 2.นางแก้วดารา แข็งขัน อายุ 49 ปี บ้ายเลขที่ 4 ม.7 ต.หน้าเขา 3. นายสมบูรณ์ ทองเนียม อายุ 32 ปี 4. นางมัทนา ชูศรี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 ม.7 ต.หน้าเขา 5. นางพริก ทองเนียม อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 26 ม.7 ต.หน้าเข า

    ส่วนอีก 2 ราย เสียชีวิตจากการจมน้ำ ทราบชื่อ นายถาวร สุขมีชัย อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 48/2 ม.6 ต.ทับปริก อ.เมือง และ อีกราย ชื่อ ด.ช.สุริยา เดชค้ำ อายุ 14 ปี 176 ม.4 ต.พรุเตียว อ.เขาพนม

    สำหรับผู้สูญหาย ประกอบด้วย 1.ด.ญ. อันธิกา ชูศรี อายุ 5 ปี 90 ม.7 ต.หน้าเขา 2.นายสิทธิพร ทองเนียม ไม่ทราบอายุ บ้านเลขที่ 26ม.7 ต.หน้าเขา 3.นางปิยนารถ ทองเนียม ไม่ทราบอายุ บ้านเลขที่ 26 ม.7 ต.หน้าเขา 4.นางเกษวลี ทองเนียม ไม่ทราบอายุ บ้านเลขที่ 26 ม.7 ต.หน้าเขา และ 5.สามีของนางเกษวลี (ยังไม่ทราบชื่อ) บ้านเลขที่ 26 ม.7 ต.หน้าเขา สรุปยอดผู้เสียชีวิตในพื้นที่จังหวัดกระบี่ จากเหตุภูเขาถล่มและน้ำท่วม จำนวน 7 ราย เป็น ชาย 4 ราย หญิง 3 ราย สูญหาย 5 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 3 ราย

    นายเถลิงศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับการประเมินความเสียหายในเบื้องต้น นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ให้อำเภอต่างๆทั้ง 8 อำเภอ สรุปความเสียหายแจ้งเข้ามา จึงจะสามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ แต่คาดว่ามูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาทอย่างแน่นอน

    สำหรับการช่วยเหลือในด้านต่างๆหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรและมูลนิธิ ทั้งในพื้นที่จังหวัดกระบี่และอื่นๆได้เข้ามาให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ จนทำให้ผู้ประสบภัยคลายความเดือดร้อนไปได้ระดับหนึ่ง

    http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000041158
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จนท.ปูพรมเร่งค้นหาผู้สูญหายอีก 5 คน จากดินถล่มที่กระบี่

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 11:40 น.

    กระบี่ - เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่กระบี่ยังคงออกค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดินถล่ม ที่คาดว่าจะติดอยู่ใต้โคลนอย่างต่อเนื่อง

    ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุผู้เขาถล่มทับบ้านเรือนของชาวบ้าน ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ จนทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านเสียหาย มีผู้บาดเจ็บและสูญหายจำนวนหนึ่ง ซึ่งในวันนี้ (1 เม.ย.) เป็นวันที่ 3 ของการออกค้นหาผู้สูญหายที่คาดว่าจะติดอยู่ภายในโคลนตมที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทับภาค 4 ได้ส่งเครื่องจักรหนักเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยการปูพรมออกค้นหา ร่วมกับทหารนาวิกโยธินที่ 411 เขาหางนาค หน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ อส.ร่วม 100 นาย อย่างต่อเนื่อง

    นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การออกค้นหาผู้สูญหาย ที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตและติดอยู่ใต้โคลนตมบริเวณที่เกิดเหตุ การออกค้นหาทางเจ้าหน้าที่ยังออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง

    ขณะนี้มียอดสรุปผู้ที่เสียชีวิตจำนวนที่แน่นอนแล้ว จำนวน 7 ราย โดยผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นคนในพื้นที่ ต.หน้าเขา ที่ถูกภูเขาถล่มทับ 1.นายไพศาล ชูศรี อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 90 ม.7 ต.หน้าเขา 2.นางแก้วดารา แข็งขัน อายุ 49 ปี บ้ายเลขที่ 4 ม.7 ต.หน้าเขา 3. นายสมบูรณ์ ทองเนียม อายุ 32 ปี 4. นางมัทนา ชูศรี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 ม.7 ต.หน้าเขา 5. นางพริก ทองเนียม อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 26 ม.7 ต.หน้าเข า

    ส่วนอีก 2 ราย เสียชีวิตจากการจมน้ำ ทราบชื่อ นายถาวร สุขมีชัย อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 48/2 ม.6 ต.ทับปริก อ.เมือง และ อีกราย ชื่อ ด.ช.สุริยา เดชค้ำ อายุ 14 ปี 176 ม.4 ต.พรุเตียว อ.เขาพนม

    สำหรับผู้สูญหาย ประกอบด้วย 1.ด.ญ. อันธิกา ชูศรี อายุ 5 ปี 90 ม.7 ต.หน้าเขา 2.นายสิทธิพร ทองเนียม ไม่ทราบอายุ บ้านเลขที่ 26ม.7 ต.หน้าเขา 3.นางปิยนารถ ทองเนียม ไม่ทราบอายุ บ้านเลขที่ 26 ม.7 ต.หน้าเขา 4.นางเกษวลี ทองเนียม ไม่ทราบอายุ บ้านเลขที่ 26 ม.7 ต.หน้าเขา และ 5.สามีของนางเกษวลี (ยังไม่ทราบชื่อ) บ้านเลขที่ 26 ม.7 ต.หน้าเขา สรุปยอดผู้เสียชีวิตในพื้นที่จังหวัดกระบี่ จากเหตุภูเขาถล่มและน้ำท่วม จำนวน 7 ราย เป็น ชาย 4 ราย หญิง 3 ราย สูญหาย 5 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 3 ราย

    นายเถลิงศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับการประเมินความเสียหายในเบื้องต้น นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ให้อำเภอต่างๆทั้ง 8 อำเภอ สรุปความเสียหายแจ้งเข้ามา จึงจะสามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ แต่คาดว่ามูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาทอย่างแน่นอน

    สำหรับการช่วยเหลือในด้านต่างๆหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรและมูลนิธิ ทั้งในพื้นที่จังหวัดกระบี่และอื่นๆได้เข้ามาให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ จนทำให้ผู้ประสบภัยคลายความเดือดร้อนไปได้ระดับหนึ่ง

    Local - Manager Online -
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    น้ำท่วมชุมพรเบื้องต้นเสียหายกว่า 40 ล้าน ตายแล้ว 2 ราย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 10:33 น.
    [​IMG]
    เรือที่ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดจนได้รับความเสียหาย

    ชุมพร - ชุมพรจมน้ำเสียหายกว่า 40 ล้าน เสียชีวิตแล้ว 2 ราย จังหวัดสั่งมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังดินถล่มตลอด 24 ชั่วโมง

    ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดชุมพร สรุปความเสียหายจากอุทกภัย วาตภัย และ ดินถล่ม ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 23-31 มีนาคม 2554 ว่า มีพื้นที่ประสบภัยรวม 7 อำเภอ 1 เทศบาลเมือง 48 ตำบล 438 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน57,942 คนจำนวน 19,547 ครัวเรือน มีบ้านเรือนเสียหายบางส่วน 90 หลัง เสียหายทั้งหลังจำนวน 9 หลัง พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 4,500 ไร่ มูลค่าความเสียหายทั้งจังหวัด จากการสำรวจในเบื้องต้นคือ 43,529,000 บาท ยังไม่รวมความเสียหายของ อ.ละแม ที่อยู่ระหว่างการสำรวจ โดยเฉพาะ อ.หลังสวน เสียหายมากที่สุดประมาณ 20,650,000 บาท

    นอกจากนั้น พื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านปากน้ำละแม ต.ละแม อ.ละแม จ.ชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดฝนตกหนักมีคลื่นลมทะเลสูงมาก ประมาณ 3-4 เมตร ทำให้เรือประมงของชาวบ้านที่จอดเทียบท่าจมน้ำ เสียหายถึง 17 ลำ สามารถซ่อมแซมได้ 15 ลำ ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายคาดว่า และรอเจ้าหน้าทางราชการที่เกี่ยวเข้ามาช่วยเหลือต่อไป

    สำหรับเหตุการณ์นำท่วม มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิตที่ ตกหนองน้ำ หมู่ที่ 7 ต.นาขา อ.หลังสวน จำนวน 1 ราย เป็นชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านในหูต อ.หลังสวน กำลังสอบสวนและหาข้อมูลว่าผู้ตายเป็นใคร ส่วนอีกรายทราบชื่อ นายจรัญ ขนุนอ่อน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/1 หมู่ที่ 5 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ในสวนปาล์มหมู่ที่ 15 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร

    สำหรับ จังหวัดชุมพรขณะนี้ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สวี อ.หลังสวน และทุ่งตะโก อ.พะโต๊ะ ซึ่งมีภูเขาสูงมากกว่าอำเภออื่น และฝนที่ตกติดต่อกันมาถึง 9 วัน ทำให้ดินบนเขาอยู่สภาพอิ่มน้ำและพร้อมจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา จังหวัดชุมพรจึงมีคำสั่งให้มิสเตอร์เตือนภัยที่มีอยู่จำนวน 417 คน ทั้ง 8 อำเภอเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมอพยพราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

    http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000041136
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    น้ำท่วมชุมพรเบื้องต้นเสียหายกว่า 40 ล้าน ตายแล้ว 2 ราย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 10:33 น.
    [​IMG]
    เรือที่ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดจนได้รับความเสียหาย

    ชุมพร - ชุมพรจมน้ำเสียหายกว่า 40 ล้าน เสียชีวิตแล้ว 2 ราย จังหวัดสั่งมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังดินถล่มตลอด 24 ชั่วโมง

    ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดชุมพร สรุปความเสียหายจากอุทกภัย วาตภัย และ ดินถล่ม ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 23-31 มีนาคม 2554 ว่า มีพื้นที่ประสบภัยรวม 7 อำเภอ 1 เทศบาลเมือง 48 ตำบล 438 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน57,942 คนจำนวน 19,547 ครัวเรือน มีบ้านเรือนเสียหายบางส่วน 90 หลัง เสียหายทั้งหลังจำนวน 9 หลัง พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 4,500 ไร่ มูลค่าความเสียหายทั้งจังหวัด จากการสำรวจในเบื้องต้นคือ 43,529,000 บาท ยังไม่รวมความเสียหายของ อ.ละแม ที่อยู่ระหว่างการสำรวจ โดยเฉพาะ อ.หลังสวน เสียหายมากที่สุดประมาณ 20,650,000 บาท

    นอกจากนั้น พื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านปากน้ำละแม ต.ละแม อ.ละแม จ.ชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดฝนตกหนักมีคลื่นลมทะเลสูงมาก ประมาณ 3-4 เมตร ทำให้เรือประมงของชาวบ้านที่จอดเทียบท่าจมน้ำ เสียหายถึง 17 ลำ สามารถซ่อมแซมได้ 15 ลำ ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายคาดว่า และรอเจ้าหน้าทางราชการที่เกี่ยวเข้ามาช่วยเหลือต่อไป

    สำหรับเหตุการณ์นำท่วม มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิตที่ ตกหนองน้ำ หมู่ที่ 7 ต.นาขา อ.หลังสวน จำนวน 1 ราย เป็นชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านในหูต อ.หลังสวน กำลังสอบสวนและหาข้อมูลว่าผู้ตายเป็นใคร ส่วนอีกรายทราบชื่อ นายจรัญ ขนุนอ่อน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/1 หมู่ที่ 5 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ในสวนปาล์มหมู่ที่ 15 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร

    สำหรับ จังหวัดชุมพรขณะนี้ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สวี อ.หลังสวน และทุ่งตะโก อ.พะโต๊ะ ซึ่งมีภูเขาสูงมากกว่าอำเภออื่น และฝนที่ตกติดต่อกันมาถึง 9 วัน ทำให้ดินบนเขาอยู่สภาพอิ่มน้ำและพร้อมจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา จังหวัดชุมพรจึงมีคำสั่งให้มิสเตอร์เตือนภัยที่มีอยู่จำนวน 417 คน ทั้ง 8 อำเภอเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมอพยพราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

    Local - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เกษตรกรพบพระเดือดร้อนหนัก หลังอากาศแปรปรวนผลผลิตเสียหายยับ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 11:52 น.

    ตาก - เกษตรกรพบพระเดือดร้อนหนัก จากสภาพอากาศแปรปรวน ทั้งหอมแดง กระเทียม ข้าวโพดเสียหายยับเยิน ร้อง อบต.ของความช่วยเหลือ

    รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งว่า นางนิชาภา อุดจอม ผู้แทนเกษตรกรตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จ.ตาก ได้ยื่นหนังสือแสดงข้อมูลความเสียหายของสมาชิกที่ปลูกหอมแดง กระเทียม และต้นถั่ว ที่ได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในขณะนี้ ให้กับนายพิเชษฐ์ สุนันต๊ะ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ช่องแคบ อ.พบพระ เพื่อขอความช่วยเหลือ จากทาง อบต.เพื่อประสานความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้เมล็ดถั่วเน่าเสีย และใบหอม ใบกระเทียมเน่าเสีย รวมไปถึงข้าวโพดด้วย

    ฝ่ายบริหาร อบต.ช่องแคบ รับปากว่าจะเร่งดำเนินการยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง ถึงผลกระทบและความเสียหายจากสภาพอากาศที่แปรปรวนเสนอ นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ ปศุสัตว์ ฯลฯ เพื่อเข้ามาดูแลประชาชนและเกษตรกรในทันที

    นางนิชาภากล่าวว่า มีสมาชิกกลุ่มเกษตรกร หมู่ 2 ตำบลช่องแคบ จำนวน 18 ราย รวม 312 ไร่ ได้รับความเสียหายดังกล่าว และยังมีพื้นที่อื่นๆอีกได้รับความเสียหายเช่นกัน หากคิดเป็นเม็ดเงินแล้ว เสียหายจำนวนมาก เพราะการลงทุนกระเทียมใช้ต้นทุนไร่ละ กว่า 100,000 บาท

    ขณะนายหนูภาพ เสาร์รอง เกษตรกรอำเภอพบพระ และอดีตรองนายก อบต.ช่องแคบ กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้พื้นที่การเกษตรในอำเภอพบพระได้รับความเสียหายนับพันไร่ขึ้นไป ซึ่งอยากจะขอให้จังหวัดตากและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ และเข้ามาสำรวจเพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่โดยเร็วที่สุด

    Local - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “โป่งเดือด” ปุด ปุด...มหัศจรรย์แห่งพื้นพิภพ/ปิ่น บุตรี

    โดย ปิ่น บุตรี 31 มีนาคม 2554 18:24 น.

    โดย : ปิ่น บุตรี

    [​IMG]

    โป่งเดือด น้ำพุร้อน อันซีนไทยแลนด์


    “เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย”

    แม้หนังเรื่องนี้จะฉายมาได้ 5 ปีแล้ว แต่สภาพภูมิอากาศโลกในช่วงนี้ มันทำให้ผมอดนึกถึงหนังเรื่องนี้อีกครั้งไม่ได้

    มีอย่างที่ไหนหน้าร้อนเมืองไทยที่ปกติอากาศเป็นต้องร้อนระยับ ชนิดมีข่าวจากกรมอุตุฯออกมาแทบทุกร้อนว่า ในช่วงต้นเมษาไปจนถึงสงกรานต์จะมีวันที่ร้อนที่สุดในรอบปีให้ติดตามกัน แต่สภาพอากาศของบ้านเราในช่วงนี้หาได้เป็นเช่นนั้นไม่

    หน้าร้อนปกติจะเป็นฤดูทองของการเที่ยวทะเลภาคใต้ แต่หน้าร้อนปีนี้ ภาคใต้โดนฝนถล่มหนัก จมบาดาลไปหลายเมือง อีกทั้งยังมีแผ่นดินถล่ม มีมรสุมคลื่นลมแรง ไม่เหมาะต่อการออกทะเลไกลฝั่งด้วยประการทั้งปวง

    ส่วนภาคกลาง เดิมช่วงก่อนสงกรานต์แบบนี้มักจะมีฝนชะช่อมะม่วงตกลงมา แต่อากาศวันนี้ภาคกลางหน้าร้อนกลับกลายเป็นหน้าหนาวไป แถมบางวันฝนยังตกหนักอีกต่างหาก

    ในขณะที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน หน้าร้อนก็กลับกลายเป็นหน้าหนาวมาก จนหลายๆพื้นที่ถึงขนาดต้องผิงไฟคลายหนาวกันเลยทีเดียว

    สำหรับคนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ยังไงๆ ควรเช็คสภาพลมฟ้าอากาศก่อนออกเดินทางให้ดีและให้แน่นอน เพื่อจะได้รู้อากาศรู้เรา เวลาเที่ยวจะได้ปลอดภัย ไม่ผิดหวัง ไม่สูญเสีย

    เพราะอากาศโลกเราทุกวันนี้มันแปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่ต่างจากอารมณ์ของคุณเธอส่วนใหญ่เท่าไหร่ ซึ่ง“โก้วเล้ง”มังกรเมรัย ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า ผู้ชายที่บอกว่าตัวเองเข้าใจในอิสตรีเพศโดยถ่องแท้ ไม่ต่างอะไรจากตัวโง่งมดีๆนี่เอง

    นอกจากสภาพอากาศจะแปรปรวนแล้ว โลกของเราในช่วงหลังมักจะเกิดภัยพิบัติใหญ่ๆบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นถี่ จนคนไทยส่วนหนึ่งเกิดอาการวิตกจริตไปกับคำทำนายของหมอดูคู่กับหมอเดา ตื่นตระหนกไปกับข่าวลือและการปั่นข่าวแบบมันปากของนักเล่าข่าวบางคน รวมถึงการวิตกไปกับฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ใครหนอช่างคิดได้ แต่นี่แหละคือวิถีแห่งสังคมตื่นข่าวแบบไทยๆ ที่บ่อยครั้งข่าวลือ ข่าวโคมลอย ข่าวปล่อย ข่าวเต้า ข่าวมั่ว มีอิทธิพลแรงเหนือกว่าข่าวจริงอยู่มากโข

    ไหนๆก็พูดถึงแผ่นดินไหวแล้ว ผมก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่เกิดจากความร้อนใต้พื้นดิน มาบอกเล่าสู่กันฟัง นั่นก็คือ“โป่งเดือด” สถานที่ที่เกิดความมหัศจรรย์เล็กๆของธรรมชาติ ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้เป็นหนึ่งใน“อันซีนไทยแลนด์” อันน่าสนใจยิ่ง

    [​IMG]

    บ้านพักที่พื้นที่โป่งเดือด


    “โป่งเดือด” หรือ “โป่งเดือดป่าแป๋” หรือ “น้ำพุร้อนโป่งเดือด” ตั้งอยู่ในเขต“อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง” ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ 2 ส่วน ด้วยกัน

    ส่วนแรกคือ ส่วนบ้านพัก ที่มีการสร้างบ้านพักเป็นหลังๆลดหลั่นกันไปตามเนินเขา โดยมีน้ำร้อนจากโป่งเดือดให้แช่ พร้อมการจัดตกแต่งสวนอย่างสวยงาม ดูไม่ต่างอะไรจากรีสอร์ทชั้นดี ซึ่งถือเป็นภาพลักษณ์ใหม่ของอุทยานแห่งชาติ ที่ผมเห็นแล้วอยากจะนอนเล่นที่นี่สัก 2-3 คืน เพียงแต่ว่าเมื่อไม่ได้จองมาก่อน เต็นท์ของทางอุทยานฯจึงเป็นทางเลือกที่ดี่ที่สุดในการพักค้างที่นี่

    [​IMG]

    เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ


    ส่วนที่สองเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติโป่งเดือด ซึ่งทางอุทยานก็ทำดีอีกนั่นแหละ เขาทำเป็นทางเดินสะพานไม้กลมกลืนกับธรรมชาติทอดผ่านพื้นที่ที่มีการจัดแต่งภูมิทัศน์อย่างเป็นระเบียบสวยงาม และทำเป็นทางเดินปูนทอดลึกเข้าไปในผืนป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม

    ใครที่มาที่นี่แล้วคิดจะนำไข่ไปต้มจิ้มน้ำปลาพริกเหมือนกับน้ำพุร้อนหลายๆแห่ง บอกคำเดียวว่า “ไม่ได้” เพราะทางอุทยานฯเขาห้ามนำไข่และอาหารเขาไปในบริเวณน้ำพุร้อน ทั้งนี้เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวนำขยะไปทิ้งเรี่ยราดในบริเวณน้ำพุร้อน

    สำหรับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติโป่งเดือดมีระยะทางประมาณ 800 เมตร สุดทางที่บ่ออาบน้ำแร่ร้อนที่มีการจัดทำเป็นเรื่องเป็นราวอย่างดี

    อนึ่งในส่วนที่สองนี้ แม้เพียงแค่มาเดินชิลล์สูดโอโซน ชื่นชมธรรมชาติ สัมผัสความร่มรื่นของต้นไม้ใบหญ้า ผมว่ามันก็น่าสนใจไม่น้อยแล้ว แต่ใครที่มาที่นี่แล้วพลาดการยลโป่งเดือดไฮไลท์ของที่นี่ ก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงโป่งเดือดโดยสมบูรณ์
    [​IMG]


    ไอความร้อนที่ส่งขึ้นมาจากใต้ผิวดิน


    หลังเดินเรื่อยๆเอื่อยๆจากจุดเริ่มต้นชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางโชคดีที่ได้พบกับ“ขนุนดิน” ลูกกลมแดงขึ้นอวดโฉมอยู่จำนวนหนึ่ง

    จากนั้นผมได้พบสัญญาณเตือนของโป่งเดือด เป็นกลุ่มไอน้ำสีขาวลอยคละคลุ้งอยู่ในดงต้นไม้ ส่วนเมื่อเดินลึกเข้าไปก็จะผ่านพื้นที่ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้เคยเสด็จฯ ประพาสป่าโป่งเดือดและประทับแรม(เต็นท์)ในระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ. 40 ซึ่งทางอุทยานฯได้ทำป้ายไม้เขียนบอกไว้ชัดเจน

    แล้วอีกเพียงไม่กี่อึดใจผมก็เดินมาถึงยังบริเวณ“โป่งเดือด”ไฮไลท์ของสถานที่ ซึ่งมีกลิ่นกำมะถันเหม็นๆลอยมาเตะจมูก มีควันขาวจากไอน้ำลอยขโมงขึ้นมาทั่วบริเวณ ในขณะที่บนพื้นดินที่เป็นแอ่งน้ำตื้นๆ แทรกแซมด้วยก้อนหินน้อย-ใหญ่นั้น น่ายลไปด้วยน้ำพุร้อนเดือดปุด ปุด แถมบางจุดยิ่งน่าทึ่งเข้าไปใหญ่ เพราะมีน้ำร้อนฉ่าพวยพุ่งซู่ขึ้นมาเหนือพื้นดินเป็นจังหวะอยู่ตลอดเวลา

    [​IMG]

    น้ำพุร้อนเดือดปุดๆที่พวยพุ่งขึ้นมาเหนือผิวดิน


    บริเวณนี้มีอุณหภูมิร้อนมาก แค่ไปยืนใกล้ๆนี่หน้าร้อนฉ่าแล้ว ดังนั้นทางอุทยานฯจึงตีไม้กั้นไว้ให้เรายืนดูกันเฉพาะในพื้นที่ที่จัดให้ด้านนอก

    น้ำพุร้อนโป่งเดือด ถือเป็นความมหัศจรรย์เล็กๆของธรรมชาติ เกิดจากน้ำใต้ผิวดินที่เป็นน้ำซับจากน้ำฝนไหลผ่านช่องว่างใต้ดินที่มีความร้อนส่งผ่านขึ้นมาจากหินหลอมเหลวที่อยู่ลึกลงไปในชั้นดิน ทำให้ใต้ผิวดินบริเวณนี้มีอุณหภูมิและแรงดันสูงมาก มันจึงดันส่งน้ำ(ร้อน)ใต้ผิวดินให้พวยพุ่งขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา

    ทั้งนี้จากข้อมูลของอุทยานฯระบุว่า น้ำพุร้อนโป่งเดือดเป็นน้ำพุร้อนที่มีชื่อทางธรณีวิทยาว่า “ไกเซอร์”(Geyser) ในขณะที่น้ำพุร้อนทั่วไปมีลักษณะเป็น“บ่อน้ำร้อน”(Hot Pool)

    น้ำพุร้อนไกเซอร์มีอุณหภูมิและแรงดันสูงมาก ทำให้โป่งเดือดมีน้ำพุร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินสูงกว่าน้ำพุร้อนทั่วไป สำหรับน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมามีอุณภูมิอยู่ที่ประมาณ 90-99 องศาเซลเซียส ส่วนน้ำพุร้อนที่อยู่ใต้ดินร้อนกว่ามากมีอุณภูมิอยู่ที่ประมาณ 170-203 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

    ในอดีตน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาเคยสูงถึง 5 เมตร แต่ปัจจุบันเหลือแค่ประมาณ 1-2 เมตร เพราะธรรมชาติเปลี่ยนไปมาก น้ำซับใต้ดินจึงลดน้อยลงไป
    [​IMG]


    นักท่องเที่ยวบันทึกภาพโป่งเดือดเป็นที่ระลึก


    โป่งเดือดมีบ่อน้ำพุร้อนหลักๆอยู่ 3 บ่อ บ่อใหญ่มีน้ำพุพ่นสูงประมาณเกือบ 2 เมตร ในเวลาเฉลี่ยประมาณทุกๆ 30 วินาที ว่ากันว่าถ้าไปปรบมือหรือตะโกนเสียงดังใกล้ๆบ่อน้ำพุ น้ำที่พุ่งขึ้นมาจะแรงกว่าปกติ แต่เท่าที่ผมลองไปปรบมือเรียกน้ำ ดูจะไม่มีอะไรแตกต่างจากปกติสักเท่าไหร่ สงสัยเราคงปรบมือไกลไปหรือไม่ก็อาจจะปรบมือผิดคีย์ก็เป็นได้ แต่ปรบมือข้างเดียวนี่ยังไงก็ไม่ทำแน่นอน

    สำหรับน้ำพุร้อนโป่งเดือดที่พวยพุ่งขึ้นมาดุจดังโชว์อันมหัศจรรย์ของธรรมชาตินั้น นอกจากจะสร้างความเพลิดเพลินแล้ว ว่ากันว่ามันยังมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยรักษาโรคปวดข้อปวดเข่าอีกด้วย

    และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์เล็กๆของธรรมชาติ ซึ่งตั้งแต่มีมวลมนุษยชาติถือกำเนิดขึ้นมา แม้ธรรมชาติจะให้คุณจะประเคนสารพัดประโยชน์ต่างๆนานา ให้กับมวลมนุษยชาติอย่างมากมาย แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มหนึ่งนอกจากจะไม่สำนึกในบุญคุณแล้ว พวกเขายังทำร้าย ทำลาย ตักตวง กอบโกย เอากับธรรมชาติแบบไม่บันยะบันยัง

    นั่นจึงทำให้ใครหลายคนเชื่อว่า มหัตภัยจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงหลังๆนั้น เป็นการเอาคืนจากธรรมชาติ

    เพราะที่ผ่านมามนุษย์เราได้กระทำกับธรรมชาติอย่างหนักหนาสาหัส มากจนเกินไปแล้ว

    Travel - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ภาคใต้เริ่มหายใจคล่องน้ำท่วมทุเลา แต่ท่องเที่ยวยังอ่วม

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 16:34 น.
    [​IMG]

    น้ำท่วมภาคใต้ มีนาคม 2554


    ททท.ภาคใต้แจงเหตุการณ์น้ำท่วมเริ่มเบาบางลง พื้นที่บางแห่งฝนหยุดตก ฟ้าเริ่มเปิดแล้ว สุราษฏร์ฯ เริ่มให้บริการเดินเรือรับส่งนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ตามเกาะ สนามบินในหลายจังหวัดมีเครื่องบินขึ้นลง แต่สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังคงปิดให้บริการ แม้มีประกาศแจ้งเตือนระวังน้ำป่าไหลหลาก แต่ย้ำชัดนักท่องเที่ยวปลอดภัย

    จากสถานการณ์น้ำท่วมหนักอันเนื่องมาจากฝนตกอย่างต่อเนื่องในภาคใต้ มีหลายจังหวัดได้รับผลกระทบอย่างหนักทั้งจากน้ำท่วม ดินถล่ม และผลกระทบอื่นๆ โดยเฉพาะหมู่เกาะต่างๆ มีนักท่องเที่ยวติดค้างอยู่ตามเกาะเพราะคลื่นสูงไม่สามารถเดินทางกลับได้ ส่งผลให้ประชาชนหวั่นวิตกถึงความปลอดภัย ผลกระทบ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

    ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายภาณุ วรมิตร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ภาพรวมในตัวเมืองสุราษฏร์ฯ ยังมีฝนตกอยู่ แต่ในหลายอำเภอสถานการณ์เริ่มทุเลาลงแล้ว จากเหตุการณ์น้ำท่วมไม่มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวมากนัก ส่วนมากจะมีผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่มากกว่า และวันนี้(31 มี.ค.)เรือเฟอร์รี่สามารถวิ่งจากสมุยมาแผนดินใหญ่ฝั่งสุราษฎร์ได้แล้ว

    “ตอนนี้อากาศเริ่มเปิดแล้ว ในตัวเมืองส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่ได้รับผลกระทบหนักสักเท่าไร แต่สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งก็ยังคงปิดให้บริการ” ผอ.ททท.สุราษฏร์ฯ กล่าว สถานที่ท่องเที่ยวที่ปิดให้บริการในช่วงนี้อาทิ พระบรมธาตุไชยยา พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไชยยา ฟาร์มสเตย์ และอุทยานแห่งชาติก็ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่

    “ตอนนี้ยังไม่มีการสำรวจความเสียหายของแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ แต่หลังจากฝนหยุดตกจะเริ่มดำเนินการในส่วนนี้ แล้วจะนัดพูดคุยกับผู้ประกอบการถึงผลกระทบ จากนั้นจะเริ่มแก้ปัญหา แล้วจะประสานงานกับนักท่องเที่ยว ใช้เวลาไม่นาน” ผอ.ททท.สุราษฏร์ฯ แจงเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาและกู้สถานการณ์ พร้อมเสริมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ยังคงประสบปัญหาติดเกาะอยู่ในพื้นที่ที่เดินทางกลับไม่ได้ ทาง ททท.จะดูแลประสานงานเรื่องการเดินทางให้

    สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่เกาะสมุย สอบถามจากพนักงานร้านจ่าโสซึ่งตั้งอยู่หน้าท่าเรือพบว่าช่วงฝนตกหนักร้านมีลักษณะเป็นเกาะล้อมด้วยน้ำ มีน้ำท่วมเข้ามาภายในร้านด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้นักท่องเที่ยวลดลงมากแต่ยังคงมีอยู่ประปราย วันนี้เรือเฟอร์รี่เปิดให้บริการมีนักท่องเที่ยวรอออกจากพื้นที่จำนวนมาก บริเวณที่ท่วมหนักจะอยู่แถวโรงแรมสันติบุรี เพราะเป็นที่ราบลุ่ม สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากที่ร้าน

    นอกจากนี้แหล่งข่าวททท.ภาคใต้เผยว่าตอนนี้เครื่องบินในภูเก็ตขึ้นลงปกติทุกสายการบิน ที่ตัวเมืองไม่มีปัญหาแล้ว จะมีปัญหาก็แค่นักท่องเที่ยวที่ติดเกาะอยู่เท่านั้น ส่วนการเดินเรือในจังหวัดตรังยังคงไม่เปิดให้บริการเพราะตอนนี้ยังคงมีคลื่นสูง 2-3 เมตร แหล่งท่องเที่ยวประกาศปิดทั้งหมด ส่วนน้ำตกได้มีการประกาศเตือนระวังน้ำป่าไหลหลาก แต่ตอนนี้ยังไม่มีเหตุร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ

    Travel - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ธปท.ผวาเงินเฟ้อพุ่ง แนวโน้มทะลุ 6% กนง.ประชุม 20 เม.ย.นี้

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 22:25 น.

    แบงก์ชาติยอมรับห่วงเงินเฟ้อพุ่ง หลังแรงคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นในทุกเดือน ล่าสุดอาจเกิน 6% ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 2-3% พร้อมนำปัญหาน้ำท่วมภาคใต้เข้าร่วมพิจารณาในการประชุม กนง.วันที่ 20 เม.ย.นี้เผยน้ำท่วมเบื้องต้นกระทบภาคท่องเที่ยว ประมงและขนส่ง แต่ต้องรอประเมินอีกครั้ง แบงก์ 46 สาขาภาคใต้ ปิดชั่วคราว

    นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เดือนมี.ค.ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคใต้ของไทย เหตุการณ์ภัยพิบัติญี่ปุ่น และปัญหาความไม่สงบทางการเมืองลิเบีย ทำให้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 เม.ย.นี้จะนำปัจจัยเหล่านี้มาร่วมพิจารณา และประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยใหม่ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังคงขยายตัวเป็นบวกได้ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งไตรมาสแรกปีก่อนฐานสูงถึง 12.7%

    “ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้จะมีโอกาสที่จะอยู่ในช่วง 2-3% ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดการณ์ไว้ และมีโอกาสที่การส่งออกไทยสูงกว่า 11-14% ซึ่งเป็นการประมาณการของธปท.ในช่วงเดือนม.ค.อย่างไรก็ตาม ธปท.เชื่อว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะปัญหาเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจถดถอยหรือ Stagflation แม้แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นมาก และมองว่ากลุ่มประเทศ(G3) ยกเว้นญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจสหรัฐช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น และในยุโรปก็ไม่ได้แย่นัก”

    สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคใต้ของไทยนั้น ธปท.อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อยู่ โดยในเบื้องต้นอาจได้รับผลกระทบมายังภาคการท่องเที่ยว ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูการท่องเที่ยวในภาคใต้ รวมถึงการประมง การขนส่งคมนาคม ส่วนภาคการเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญมองว่าช่วงนี้ยังไม่ใช่ฤดูกรีดยางและหากสถานการณ์คลี่คลายอย่างที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นในสัปดาห์หน้าก็จะกระทบภาคเกษตรไม่มากนัก

    ส่วนปัญหาแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นมองว่าในระยะสั้นอาจส่งผลกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ให้ชะลอการผลิต การส่งมอบสินค้า รวมถึงการหาอะไหล่ชิ้นส่วนยากขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้อาจผลิตชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้และในกลุ่มอิเล็กทรอนิสก์อาจหาชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบจากประเทศอื่นทดแทน

    อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมอาหารและวัสดุก่อสร้างของไทยอาจได้รับการสั่งซื้อมากขึ้น ปัญหาการสู้รบในลิเบีย ภาคการส่งออกไทยยังไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่อาจมีผลต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาไม่ได้ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ยังสามารถผลิตสำรองได้ ทำให้รองรับปัญหาในลิเบียได้

    ทั้งนี้ ล่าสุดเศรษฐกิจในเดือนก.พ.ที่ผ่านมายังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้มีบางอุตสาหกรรมลดลงจากปัจจัยชั่วคราวที่โรงกลั่นน้ำมันปิดซ่อมบำรุงและการผลิต Hard Disk Drive หดตัว แต่เชื่อสถานการณ์ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่เสถียรภาพต่างประเทศยังไม่มีประเด็นที่น่าเป็นห่วง แต่เสถียรภาพในประเทศแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อยังมีอยู่และอนาคตมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.87%

    “แรงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในทุกเดือนทั้งราคาสินค้าและต้นทุนการผลิต สะท้อนได้จากการตอบแบบสำรวจของภาคธุรกิจที่ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อใน 12 เดือนข้างหน้ามีโอกาสสูงกว่า 6% อย่างไรก็ตามต้นทุนเพิ่มขึ้นและมีแรงกดดันด้านอุปสงค์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัว ทำให้ผู้ประกอบการมองว่าสถานการณ์ที่ปรับราคาสินค้าได้ยากเริ่มลดลง”

    นอกจากนี้รายได้เกษตรกรขยายตัว 36.1% ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ตามราคาพืชผล เช่นเดียวกับการส่งออกมีมูลค่า 18,406 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือขยายตัว 29.1% การนำเข้ามีมูลค่า 16,375 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 18.6% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังขยายดีต่อเนื่องที่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวในยุโรปและสหรัฐเข้ามาเพิ่มเติม จากเดิมมีแค่กลุ่มเอเชียทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.8 ล้านคนและมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 68.9% ซึ่งสูงกว่าระยะเดียวกันปีก่อนและดีขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศ

    “ขณะนี้การบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับปัจจัยหนุน คือ รายได้เกษตรและการจ้างงานสูงขึ้น รวมถึงสินเชื่อขยายตัวถึง 15% ในเดือนนี้ เช่นเดียวกับการลงทุนที่ขณะนี้เริ่มเห็นการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเพื่อรองรับมหกรรมบ้านและคอนโดที่เกิดขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและสินเชื่อภาคธุรกิจที่ขยายตัวดีถึง 12% พร้อมทั้งความเชื่อมั่นนักธุรกิจที่ดีขึ้นด้วย จึงเป็นแรงส่งเศรษฐกิจทีีดีในระยะต่อไป”

    ***แบงก์46สาขาปิดหนีน้ำท่วม
    รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์จำนวน 10 แห่ง ได้ขออนุญาต ธปท. ปิดสาขาเป็นการชั่วคราวรวม 46 สาขา เนื่องมาจากผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ ขณะเดียวกันยังมีศูนย์แลกเปลี่ยนเงินอีก 2 แห่ง แจ้งปิดทำการเป็นการชั่วคราวเข้ามาด้วย

    Stock Markets - Manager Online -
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวบ้านรุมค่า"เทพเทือก"ไม่แจกข้าว สลด!พบศพเพิ่ม ระดมค้นหาเหยื่อเขาพนมถล่ม

    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 31 มีนาคม 2554 22:27 น.

    ศูนย์ข่าวภาคใต้/ASTVผู้จัดการรายวัน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมวงศ์สานุวงศ์ ทรงห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมกระบี่ระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาผู้สูญหายเหยื่อเขาพนม เชื่อที่เหลืออีก 6 คนเสียชีวิตแล้ว "นายกฯ" ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม กำชับผู้ว่าฯ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ชาวบ้านแฉเพราะนายทุนรุกป่า-ด่า "สุเทพ"ไม่แจกข่าว "เมืองคอน" ยังไม่พ้นวิกฤต น้ำทะลักท่วมซ้ำอีกจระเข้โผล่ขึ้นหลังคาชาวบ้านผวา-รพ.ท่าศาลาปิดบริการรอบสอง ยอดตายพุ่ง 15 ศพ

    วานนี้ (31 มี.ค.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.กระบี่ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ประสบปัญหาอุทกภัยเพื่อตรวจเยี่ยมและนำสิ่งของไปบรรเทาทุกข์

    โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเข้าไปดูแลเรื่องการบริหารจัดการของกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้มีการจัดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มเกิดอุทกภัย โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่า มี 8 จังหวัด 10 อำเภอ ซึ่งรวมประชาชนกว่าหลายแสนคนที่ได้รับความเดือดร้อน

    “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ท่านทรงเป็นห่วงประชาชนและพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งพระองค์ท่านทรงพระราชเงินส่วนหนึ่งผ่านสภากาชาดไทย และผมคิดว่า พระองค์ท่านคงส่งความห่วงใยไปถึงประชาชนทุกคนที่ยากลำบากในขณะนี้ และในส่วนของราชวงศ์อื่นๆ ด้วยทุกพระองค์ก็เป็นห่วง เพราะเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงมากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นความเดือดร้อนในระยะยาวและอีกเรื่องหนึ่งที่พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงคือ อาชีพของประชาชนที่ทำสวนยางพาราและสวนปาล์ม ซึ่งอาจจะเสียหายมากซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในอนาคตด้วย จึงอยากให้ทุกคนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านและฝากให้ทุกคนช่วยส่งกำลังใจรวมทั้งส่งเงินทอง ใครที่มีแรงมากก็ส่งมากหน่อย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

    **นายกฯบินกระบี่ตรวจดินถล่มหน้าเขา

    เวลา 12.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีว่าการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) น.ส.อัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกฯ นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทีมงานรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯนั่งเครื่องบินออกจากกองการบิน กรมการขอส่งทหารบก กองทัพอากาศดอนเมือง เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเหตุการณ์ภับพิบัติดินถล่ม หมู่ 7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่

    พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เกิดเหตุเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการค้นหาศพ พร้อมกับเดินทางเข้าวัดถ้ำโกบ เพื่อทำการคาราวะศพผู้เสียชีวิต ด้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพภายในวัด พร้อมกับเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยที่พักอยู่ภายในวัดดังกล่าวด้วย

    นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความห่วงใย พร้อมกับมอบหมายให้นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นผู้ดูแลในเรื่องของการช่วยเหลือต่อไป

    หลังจากนั้นนายกฯได้เดินทางกลับมาในค่ำวันเดียวกัน เพื่อเข้าร่วมในรายการพิเศษรับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ที่ช่อง 9 ในเวลา 21.00 น.

    **กระบี่ระดมพลค้นหาผู้สูญหาย

    ด้านนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม ที่ถูกดินโคลนถล่ม ทับบ้านเรือนชาวบ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ข้อเท็จจริงก็คือจากการสืบสวนหาข้อมูลพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สูญหาย 6 ราย บาดเจ็บ 24 ราย บ้านเรือนเสียหาย 17 หลัง พื้นที่ทางการเกษตร เสียหายประมาณ 200 ไร่ ซึ่งต่างกับที่มีข่าวออกไปว่ามีผู้สูญหายนับร้อยราย และเสียชีวิตจำนวนมาก

    สำหรับผู้สูญหายทั้ง 6 รายที่ยังค้นหาไม่เจอนั้นทางศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดกระบี่ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยนาวิกโยธิน ที่ 411 ทหารจาก ร 15 พัน 1 และเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร รวมกว่า 120 นายออกค้นหาต่อไป จนกว่าจะพบผู้สูญหายทั้ง 6 ราย

    นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและดินถล่มนั้น ในเบื้องต้นทางจังหวัดได้จัดส่งข้าวสารอาหารแห้ง รวมทั้งเครื่องใช้ที่จำเป็นที่ได้รับบริจาคนำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนการช่วยเหลือในเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ไม่มีที่อยู่ในขณะนี้นั้น ทางจังหวัดได้จัดเป็นศูนย์อพยพผู้ประสบภัยให้ที่วัดถ้ำโกบ ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจนสามารถอพยพประชาชนกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่ได้

    สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นผู้ที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังทางจังหวัดจะจ่ายเงินชดเชยให้รายละ 50,000 บาท

    **ระดม จนท.ทหารค้นหาผู้สูญหาย

    ทาง พ.อ.ทิม เรือนโต ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 จ.กระบี่ เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้เข้าไปสนับสนุนกำลังพลประมาณ 232 นายเพื่อเร่งอพยพและช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.เขาพนม อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาได้นำรถผลิตกระแสไฟเข้าไปเพื่อใช้เป็นไฟส่องสว่างให้กับชาวบ้านที่ศูนย์อพยพชั่วคราว พร้อมกับได้มีการร่วมวางแผนการปฎิบัติการค้นหาผู้ที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่คาดว่าอาจมีมากกว่า 100 คนอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ระดับน้ำเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นจนทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ศูนย์กลางที่ประสบภัยได้แล้ว

    ทั้งนี้ ยอมรับว่าในการเข้าพื้นที่นั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งอาจทำให้การช่วยเหลืออาจไม่ทั่วถึง เบื้องต้นจึงต้องเน้นการบูรณาการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายในระดับพื้นที่เพื่องานการให้ช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน โดยล่าสุดได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วทั้งทางรถยนต์ เรือและการเดินเท้าเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจสถานการณ์เบื้องต้นแล้วเพื่อความปลอดภัยหากเกิดกรณีฉุกเฉิน

    นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนสุนัขดมกลิ่นเข้าไปร่วมสมทบกับทีมค้นหาด้วยอีก15 ตัว ทั้งนี้ภารกิจของทหารตลอดทั้งวันนี้จะเน้นการเปิดทางเพื่อให้หน่วยงานต่างๆสามารถเข้าพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น หลังจากที่เส้นทางหลายแห่งถูกน้ำกัดเซาะจนขาด ทำให้ไม่สามารถเดินทางผ่านไปมาได้ ขณะเดียวกันภารกิจสำคัญที่ต้องปฎิบัติการควบคู่กันคือ การเร่งหาและช่วยเหลือผู้ที่สูญหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย

    **พบอีก 2 ศพติดอยู่กับท่อนซุง

    อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ อส.กว่า 150 นายได้ทำการเดินเท้าปูพรมค้นหาผู้เสียชีวิตที่คาดว่ายังติดอยู่ใต้โคลน ในบริเวณที่เกิดเหตุบ้านต้นหาร ม.7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จากการเดินเท้าค้นหาของเจ้าหน้าที่พบ รถกระบะ สภาพพังเสียหายย่อยยับ 5 คัน และจากการใช้เวลาในการค้นหาประมาณ 2 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ได้พบศพติดอยู่กับท่อนซุง 2 ศพ ชาย 1 คน หญิง 1 คน สภาพติดโคลนเต็มตัว เจ้าหน้าที่ได้ใช้เลื่อยยนต์ตัดท่อนซุงเพื่อนำเอาศพออกมาด้วยความทุลักทุเลและได้ทำการค้นหาอย่างต่อเนื่อง
    ส่วนผู้สูญหายอีก 4 คนนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะออกค้นหาในบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งฟหนึ่งในวันนี้ (1เม.ย.)

    **เชื่ออีก 6 ที่สูญหายเสียชีวิตแล้ว


    นายมเนาว์ ศรีชาย นายก อบต.หน้าเขา อ.เขาพนม เปิดเผยว่า "วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่ทางหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ระดมกำลังช่วยกันต้นหาผู้ที่สูญหาย และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ของหมู่ที่ 7 บ้านต้นหาร (หมู่บ้านที่เกิดเหตุ) ซึ่งขณะนี้ได้พบผู้เสียชีวิตที่แน่นอนแล้ว 4 ศพ โดยพบเมื่อวานนี้ 2 ศพและวันนี้อีก 2 ศพ แต่ยืนยันว่า ยังมีผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ใต้โคลนตมมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ยังมีผู้ที่สูญหาย 6 คนที่ยังหาไม่พบน่าจะเสียชีวิตหมดแล้ว ระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมาที่ทางหน่วยงานต่างๆ ได้ระดมลงไปในพื้นที่ต่างก็ได้ระดมกำลังค้นหาผู้สูญหายและผู้เสียชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว สภาพในหมู่บ้านก็ยังเต็มไปด้วยท่อนซุง ดินโคลน"

    **ชุดค้นหาเผยตาย5หาย5เจ็บ40


    ด้านนายวิสุทธิวงศ์ อนันตพงศ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ หัวหน้าทีมชุดค้นหาผู้สูญหายกรณีน้ำและดินโคลนถล่มเขาพนม เปิดเผยว่า หลังจากได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลนและเศษซากไม้ที่ปรักหักพักทับถมกันจำนวนมากทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหาผู้รอดเสียชีวิต ประกอบกับสภาพอากาศในพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยนัก เพราะฟ้าปิดตลอดทั้งวัน และมีบางช่าวงที่ฝนโปรยปรายลงมาแม้จะไม่มากนักก็ตาม

    "เบื้องต้นจึงได้หยุดการค้นหาผู้สูญหายในเวลา 16.00 น.เนื่องจากในพื้นที่ไม่มีไฟส่องสว่างทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยจะเริ่มการค้นหาผู้สูญหายที่มีตัวเลขยืนยันชัดเจนอีก 5 รายที่เหลือในวันนี้ (1)ต่อไป ยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้ยืนยันแล้ว 5 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บประมาณ 40 รายแต่ส่วนใหญ่เป็นการบาดเจ็บเล็กน้อยทำให้ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่ไม่ประสงค์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยได้ขอกลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวที่ศูนย์อพยพทั้ง 3 แห่งในพื้นที่ อ.เขาพนม เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกอุ่นใจมากกว่าเมื่อได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว"

    **เด็ก11ขวบฝ่าน้ำป่าช่วยน้อง2ขวบ


    ด.ช.จักรกฤษ ชูศรี อายุ 11 ปี ได้เล่าเหตุการณ์ดินโคลนภูเขาถล่มในพื้นที่ ต.หน้าเขา อ.เขาพนมว่า หลังเกิดน้ำป่าดินโคลนทุกคนพากันวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทัน เมื่อตนลุกขึ้นยืนได้เห็นน้องชายวัย 2 ขวบเศษถูกกกระแสน้ำป่าและดินโคลนซัดมาติดซากท่อนไม้โดยมีกิ่งไม้ขนาดเล็กอัดหนีบไว้ จึงได้เดินฝ่าแรงน้ำและดินโคลนเข้าไปช่วยเหลือน้องชาย จากนั้นอุ้มน้องชายเดินฝ่าออกมาจนปลอดภัย ก่อนที่จะมีคนมาช่วยนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลเขาพนม

    สำหรับตนเองนั้นได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาขวา แผ่นหลัง และใบหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นรอยถลอก ขูดขีด จากซากท่อนไม้ เศษไม้ที่ถูกน้ำและดินโคลนซัดลงมา ขณะที่น้องชายศีรษะแตก มีแผลที่มือซ้าย ใบหน้า และที่บริเวณต้นขาขวา แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว จึงอยากขอบคุณผู้ที่ให้การช่วยเหลือในวันนั้นด้วยที่ได้นำพามาส่งโรงพยาบาล

    **ชาวบ้านแฉนายทุนรุกป่าจนภูเขาถล่ม


    นางละเอียด พุตศรี อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 7 บ้านต้นหาร เล่านาทีระทึกว่า ขณะที่ตนอยู่ในบ้านพร้อมกับลูกสาว ลูกเขย และหลานทั้งหมด 5 คน ก็ได้ยิดเสียงดังมาจากยอดเขา แต่ก็ไม่ได้สะเอะใจอะไร จากนั้นเพียงไม่กีนาที ทั้งน้ำ ทั้งท่อนซุง ทั้งหินก็เทลงมา ลูกสาว คือ นางสุปราณี รักเมือง และนายถานิตย์ รักเมือง ได้จับลูกอายุ 4 ขวบ 1 คนวิ่งหนี แต่นายถานิตย์ กับลูกได้ถูกโคลนซัด ไปคนละทิศคนละทางหายไปตามกระแสน้ำไม่ได้รับรู้ชะตากรรมว่าสมาชิกในครอบครัวมีใครรอดชีวิตหรือไม่

    แต่หลังจากที่ได้ค้นหาก็ได้พบสมาชิกทุกคนรอดชีวิตทั้งหมด ขณะนี้ทั้งลูกและหลาน นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเขาพนม ส่วนลูกเขยนั้นอาการสาหัส เพราะว่าถูกท่อนซุงกระแทกบริเวณลำตัว
    "สาเหตุที่สำคัญที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เพราะว่า บนภูเขาด้านบน ได้มีการบุกรุกตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก น้ำที่ลงมาจากยอดเขาถ้าหากว่ามันเป็นน้ำแต่เพียงอย่างเดียว ความเสียหายมันจะไม่มากอย่างนี้ แต่สภาพที่เห็นมันเป็นท่อนซุง ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ลงมากับน้ำเป็นจำนวนมาก" นางละเอียด กล่าว

    **เมืองคอนยังไม่คลี่คลาย-ยอดตาย15


    ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราชวานนี้ ยังเต็มไปด้วยความสับสนเนื่องจากความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม ขณะที่ฝนได้หยุดตกตั้งเที่ยงคืนที่ผ่านมา (30) อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มอยู่ตลอดเวลา และมีฝนเริ่มโปรยปรายมาตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวานนี้ ในขณะที่ระดับน้ำหลายจุดยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตัวเมืองนครศรีธรรมราชฝั่งตะวันออก และพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้ง 4 อำเภอริมชายฝั่งทะเล การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากอุปสรรคสำคัญคือน้ำทะเลหนุนประกอบกับน้ำจากเทือกเขาหลวงจำนวนมหาศาลที่ถ่ายเทลงมาอย่างต่อเนื่องผ่านตัวเมืองชั้นกลาง

    ขณะเดียวกันความเสียหายระดับน้ำในพื้นที่หลายจุดโดยเฉพาะ ต.เสาเภา สูงมากในหลายหมู่บ้าน บางหมู่บ้านมิดหลังคาชั้นสอง ถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี เป็นอัมพาตไม่สามารถสัญจรไปมาได้เพราะมีน้ำท่วมบนถนนระดับสูง 1-2 เมตรหลายจุด โดยเฉพาะในเขต อ.ท่าศาลา อ.สิชล น้ำท่วมถนนสูงหลายจุด ทางเจ้าหน้าที่แขวงการทางต้องนำแผงมากั้นไม่ให้รถผ่านเป็นระยะๆ ทำให้ทั่วทั้งจังหวัดเต็มไปด้วยความสับสนจากเหตุการณ์นี้ ขณะเดียวกันมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้วร่วม 15ราย

    **รพ.ท่าศาลาอ่วมซ้ำหลังนายกฯกลับ


    สำหรับที่โรงพยาบาลท่าศาลา อ.ท่าศาลา หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังและตรวจความหายที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ กระแสน้ำได้ทะลักเข้าท่วมอีกครั้งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลา 12.00 น.ของวานนี้ โดยระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรบางจุดมิดศีรษะ ท่วมสูงจนพ้นถนนนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานีจนต้องปิดการจราจร ทำให้แพทย์พยาบาลต้องหยุดให้บริการอย่างสิ้นเชิงหลังจากเปิดบริการมาได้เพียง 20-30 เปอร์เซ็นเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง

    นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.โรงพยาบาลท่าศาลา เผยว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจุดที่นายกฯมานั้นสูงในระดับสะเอว ระบบห้องทำฟันที่กำลังซ่อมเสียหายทั้งหมดอีกแล้ว ช่างต่อเริ่มนับ 1 ใหม่ตอนนี้จึงปิดร้อยเปอร์เซ็นอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ปกติส่วนผู้ป่วยนั้นต้องขออภัยในความไม่สะดวกจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลสิชล และมหาราช นครศรีธรรมราช หรือโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธก่อน

    **จระเข้ยังพล่านทั่วเมืองคอน


    เวลา 11.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบจระเข้ตัวเขื่องขึ้นไปนอนตากอากาศอยู่บนหลังคาบ้านในชุมชนบ่อทรัพย์ ริมถนนศรีธรรมราช ที่ถูกท่วมสูงกว่าสองเมตร บางจุดมิดหลังคาโดยได้ไปนอนตากอากาศอยู่บนหลังคาบ้านของนายสถาพร โสภิณ ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าว

    นายสถาพร เจ้าของบ้านเผยว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่บนชั้น 2 ภายในบ้านได้ยินเสียงไก่ร้องดังผิดปกติ จึงรีบมาดุที่หน้าต่างพบจระเข้ตัวหนึ่งนอนบนหลังคาบ้านใกล้กับสุนัข ซึ่งหนีน้ำท่วมมานอนอยู่บนหลังคาเดียวกัน เมื่อเห็นจึงตะโกนให้เพื่อนที่มีอาวุธปืนยิงใส่เข้าบริเวณปาก 1 นัด ซึ่งจระเข้ตัวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บแต่กระโจนลงน้ำหลบหนีไปได้

    หลังจากทราบข่าวชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณชุมชนต่างก็ทยอยนำลูกหลาน เด็กขึ้นมาอาศัยอยู่บนถนนและไม่กล้าลงไปเล่นน้ำอีก นอกจากนั้นยังพบว่ามีการพบเห็นจระเข้อีกหลายจุดอย่างต่อเนื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปค้นหาด้วยสภาพที่น้ำท่วมสูงทำให้จระเข้หนีไปอย่างรวดเร็วยากต่อการจับกุม โดยหลังจากนี้หากพบเห็นเจ้าหน้าที่จะใช้อาวุธปืนยิงทันที

    **น้ำท่วมรพ.สุราษฏร์คนป่วยหนีวุ่น


    ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลายพื้นที่น้ำยังท่วมสูงโดยทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.พุนพิน อ.พระแสง เพราะระดับน้ำท่วมสูงมากกว่า 2 เมตร ขณะเดียวกันในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาคสุราษฎร์ธานี ก็ได้แจ้งเตือนเรื่องการงดปล่อยน้ำประปาชั่วคราวเช่นกัน

    ขณะเดียวกันน้ำได้ทะลักท่วมโรงพยาบาลท่าโรงช้าง อ.พุนพิน สูงกว่า 1 เมตร ทำคนป่วย 80 รายหนีวุ่น ขณะที่อุปกรณ์การแพทย์จมน้ำ ด้านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประสานเฮลิคอปเตอร์โรงพยาบาลกรุงเทพร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินลำเลียงคนป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี

    **ชาวบ้านโวย"สุเทพ"ไม่แจกข้าว


    เวลา 17.30 น.ระหว่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีลงเรือท้องแบนตรวจน้ำท่วมบริเวณตลาดสดเทศบาลท่าข้ามที่อยู่ริมแม่น้ำตาปี อ.พุนพิน ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนราว 2 หมื่นคน ปรากฏว่าในระหว่างที่นายสุเทพ นั่งเรือขากลับนั้นได้มีชาวบ้านเป็นชายอายุ 50-60 ปีได้ตะโกนต่อว่านายสุเทพ ด้วยเสียงอันดังว่า “มาทำไม ถ้ามาแล้วไม่เอาข้าวมาแจกแล้วไม่ต้องมา“
    ทำให้นายสุเทพ ถึงกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีและได้ตะโกนตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะจัดข้าวกล่องมาแจก“ จากนั้นจึงหันไปหารือกับนายทศพล งานไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม โดยระบุว่า ในเบื้องต้นนายสุเทพจะขอรับผิดชอบแจกข่าวกล่อง 3 พันกล่อง จากนั้นจะให้ทางจังหวัดรับผิดชอบในส่วนที่เหลือ ในระหว่างนี้ก็จะได้ให้นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ช่วยดูแลรับผิดชอบอีกแรง

    **ปภ.ตรังสรุปน้ำท่วมรวม10อำเภอ


    สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมอีกหลายจังหวัดเช่น จ.ระนอง ชุมพร พัทลุง ฯลฯ สถานการณ์บางพื้นที่เร่มคลี่คลาย โดยเฉพาะที่ จ.ตรัง แต่สถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งจังหวัดรวม 10 อำเภอ 68 ตำบล 499 หมู่บ้าน 5 เทศบาล ราษฎรประสบภัย 28,435 ครัวเรือน 51,865 คน

    สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในช่วงต่อไประดับน้ำในพื้นที่แนวเทือกเขาบรรทัด บริเวณ อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว อ.ปะเหลียน จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จะเพิ่มสูงขึ้นในบริเวณลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตรังของ อ.วังวิเศษ อ.เมืองตรัง อ.สิเกา อ.กันตัง ซึ่งรับน้ำจากแนวเทือกเขาบรรทัด และจาก จ.นครศรีธรรมราช

    คปภ.เผยประกันชั้นหนึ่งจ่ายเต็ม


    นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำหรับผู้ได้รับความเสียหายจากอุกภัยเบื้องต้นขอให้ประชาชนตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้ว่ามีความคุ้มครองอะไรบ้าง โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองน้ำท่วมหลักมีดังนี้1) การประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ให้ความคุ้มครองตัวรถคันเอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่าตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไปของมูลค่ารถ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัย

    2) การประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มและการประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินจะได้รับความคุ้มครองตามความเสียหายตามที่ระบุไว้ในตัวกรมธรรม์

    ทั้งนี้ ในปัจจุบันภัยทางธรรมชาติได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง โดยไม่สามารถป้องกันความสูญเสียได้ทันท่วงที ดังนั้น หากประชาชนจัดทำประกันภัยไว้ก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ โดยอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก เช่น การซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติ 4 ภัยสำหรับที่อยู่อาศัย(น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว และลูกเห็บ) มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัยอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 0.015-0.15 ของทุนประกันภัย หรือคิดเป็นค่าเบี้ยประกันภัยประมาณ 15 - 150 บาท ต่อทุนเอาประกันภัย 100,000 บาท เป็นต้น

    http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000041030
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวบ้านรุมค่า"เทพเทือก"ไม่แจกข้าว สลด!พบศพเพิ่ม ระดมค้นหาเหยื่อเขาพนมถล่ม

    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 31 มีนาคม 2554 22:27 น.

    ศูนย์ข่าวภาคใต้/ASTVผู้จัดการรายวัน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมวงศ์สานุวงศ์ ทรงห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมกระบี่ระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาผู้สูญหายเหยื่อเขาพนม เชื่อที่เหลืออีก 6 คนเสียชีวิตแล้ว "นายกฯ" ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม กำชับผู้ว่าฯ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ชาวบ้านแฉเพราะนายทุนรุกป่า-ด่า "สุเทพ"ไม่แจกข่าว "เมืองคอน" ยังไม่พ้นวิกฤต น้ำทะลักท่วมซ้ำอีกจระเข้โผล่ขึ้นหลังคาชาวบ้านผวา-รพ.ท่าศาลาปิดบริการรอบสอง ยอดตายพุ่ง 15 ศพ

    วานนี้ (31 มี.ค.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.กระบี่ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ประสบปัญหาอุทกภัยเพื่อตรวจเยี่ยมและนำสิ่งของไปบรรเทาทุกข์

    โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเข้าไปดูแลเรื่องการบริหารจัดการของกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้มีการจัดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มเกิดอุทกภัย โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่า มี 8 จังหวัด 10 อำเภอ ซึ่งรวมประชาชนกว่าหลายแสนคนที่ได้รับความเดือดร้อน

    “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ท่านทรงเป็นห่วงประชาชนและพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งพระองค์ท่านทรงพระราชเงินส่วนหนึ่งผ่านสภากาชาดไทย และผมคิดว่า พระองค์ท่านคงส่งความห่วงใยไปถึงประชาชนทุกคนที่ยากลำบากในขณะนี้ และในส่วนของราชวงศ์อื่นๆ ด้วยทุกพระองค์ก็เป็นห่วง เพราะเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงมากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นความเดือดร้อนในระยะยาวและอีกเรื่องหนึ่งที่พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงคือ อาชีพของประชาชนที่ทำสวนยางพาราและสวนปาล์ม ซึ่งอาจจะเสียหายมากซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในอนาคตด้วย จึงอยากให้ทุกคนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านและฝากให้ทุกคนช่วยส่งกำลังใจรวมทั้งส่งเงินทอง ใครที่มีแรงมากก็ส่งมากหน่อย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

    **นายกฯบินกระบี่ตรวจดินถล่มหน้าเขา

    เวลา 12.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีว่าการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) น.ส.อัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกฯ นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทีมงานรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯนั่งเครื่องบินออกจากกองการบิน กรมการขอส่งทหารบก กองทัพอากาศดอนเมือง เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเหตุการณ์ภับพิบัติดินถล่ม หมู่ 7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่

    พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เกิดเหตุเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการค้นหาศพ พร้อมกับเดินทางเข้าวัดถ้ำโกบ เพื่อทำการคาราวะศพผู้เสียชีวิต ด้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพภายในวัด พร้อมกับเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยที่พักอยู่ภายในวัดดังกล่าวด้วย

    นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความห่วงใย พร้อมกับมอบหมายให้นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นผู้ดูแลในเรื่องของการช่วยเหลือต่อไป

    หลังจากนั้นนายกฯได้เดินทางกลับมาในค่ำวันเดียวกัน เพื่อเข้าร่วมในรายการพิเศษรับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ที่ช่อง 9 ในเวลา 21.00 น.

    **กระบี่ระดมพลค้นหาผู้สูญหาย

    ด้านนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม ที่ถูกดินโคลนถล่ม ทับบ้านเรือนชาวบ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ข้อเท็จจริงก็คือจากการสืบสวนหาข้อมูลพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สูญหาย 6 ราย บาดเจ็บ 24 ราย บ้านเรือนเสียหาย 17 หลัง พื้นที่ทางการเกษตร เสียหายประมาณ 200 ไร่ ซึ่งต่างกับที่มีข่าวออกไปว่ามีผู้สูญหายนับร้อยราย และเสียชีวิตจำนวนมาก

    สำหรับผู้สูญหายทั้ง 6 รายที่ยังค้นหาไม่เจอนั้นทางศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดกระบี่ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยนาวิกโยธิน ที่ 411 ทหารจาก ร 15 พัน 1 และเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร รวมกว่า 120 นายออกค้นหาต่อไป จนกว่าจะพบผู้สูญหายทั้ง 6 ราย

    นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและดินถล่มนั้น ในเบื้องต้นทางจังหวัดได้จัดส่งข้าวสารอาหารแห้ง รวมทั้งเครื่องใช้ที่จำเป็นที่ได้รับบริจาคนำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนการช่วยเหลือในเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ไม่มีที่อยู่ในขณะนี้นั้น ทางจังหวัดได้จัดเป็นศูนย์อพยพผู้ประสบภัยให้ที่วัดถ้ำโกบ ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจนสามารถอพยพประชาชนกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่ได้

    สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นผู้ที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังทางจังหวัดจะจ่ายเงินชดเชยให้รายละ 50,000 บาท

    **ระดม จนท.ทหารค้นหาผู้สูญหาย

    ทาง พ.อ.ทิม เรือนโต ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 จ.กระบี่ เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้เข้าไปสนับสนุนกำลังพลประมาณ 232 นายเพื่อเร่งอพยพและช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.เขาพนม อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาได้นำรถผลิตกระแสไฟเข้าไปเพื่อใช้เป็นไฟส่องสว่างให้กับชาวบ้านที่ศูนย์อพยพชั่วคราว พร้อมกับได้มีการร่วมวางแผนการปฎิบัติการค้นหาผู้ที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่คาดว่าอาจมีมากกว่า 100 คนอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ระดับน้ำเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นจนทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ศูนย์กลางที่ประสบภัยได้แล้ว

    ทั้งนี้ ยอมรับว่าในการเข้าพื้นที่นั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งอาจทำให้การช่วยเหลืออาจไม่ทั่วถึง เบื้องต้นจึงต้องเน้นการบูรณาการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายในระดับพื้นที่เพื่องานการให้ช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน โดยล่าสุดได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วทั้งทางรถยนต์ เรือและการเดินเท้าเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจสถานการณ์เบื้องต้นแล้วเพื่อความปลอดภัยหากเกิดกรณีฉุกเฉิน

    นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนสุนัขดมกลิ่นเข้าไปร่วมสมทบกับทีมค้นหาด้วยอีก15 ตัว ทั้งนี้ภารกิจของทหารตลอดทั้งวันนี้จะเน้นการเปิดทางเพื่อให้หน่วยงานต่างๆสามารถเข้าพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น หลังจากที่เส้นทางหลายแห่งถูกน้ำกัดเซาะจนขาด ทำให้ไม่สามารถเดินทางผ่านไปมาได้ ขณะเดียวกันภารกิจสำคัญที่ต้องปฎิบัติการควบคู่กันคือ การเร่งหาและช่วยเหลือผู้ที่สูญหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย

    **พบอีก 2 ศพติดอยู่กับท่อนซุง

    อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ อส.กว่า 150 นายได้ทำการเดินเท้าปูพรมค้นหาผู้เสียชีวิตที่คาดว่ายังติดอยู่ใต้โคลน ในบริเวณที่เกิดเหตุบ้านต้นหาร ม.7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จากการเดินเท้าค้นหาของเจ้าหน้าที่พบ รถกระบะ สภาพพังเสียหายย่อยยับ 5 คัน และจากการใช้เวลาในการค้นหาประมาณ 2 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ได้พบศพติดอยู่กับท่อนซุง 2 ศพ ชาย 1 คน หญิง 1 คน สภาพติดโคลนเต็มตัว เจ้าหน้าที่ได้ใช้เลื่อยยนต์ตัดท่อนซุงเพื่อนำเอาศพออกมาด้วยความทุลักทุเลและได้ทำการค้นหาอย่างต่อเนื่อง
    ส่วนผู้สูญหายอีก 4 คนนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะออกค้นหาในบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งฟหนึ่งในวันนี้ (1เม.ย.)

    **เชื่ออีก 6 ที่สูญหายเสียชีวิตแล้ว


    นายมเนาว์ ศรีชาย นายก อบต.หน้าเขา อ.เขาพนม เปิดเผยว่า "วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่ทางหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ระดมกำลังช่วยกันต้นหาผู้ที่สูญหาย และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ของหมู่ที่ 7 บ้านต้นหาร (หมู่บ้านที่เกิดเหตุ) ซึ่งขณะนี้ได้พบผู้เสียชีวิตที่แน่นอนแล้ว 4 ศพ โดยพบเมื่อวานนี้ 2 ศพและวันนี้อีก 2 ศพ แต่ยืนยันว่า ยังมีผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ใต้โคลนตมมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ยังมีผู้ที่สูญหาย 6 คนที่ยังหาไม่พบน่าจะเสียชีวิตหมดแล้ว ระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมาที่ทางหน่วยงานต่างๆ ได้ระดมลงไปในพื้นที่ต่างก็ได้ระดมกำลังค้นหาผู้สูญหายและผู้เสียชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว สภาพในหมู่บ้านก็ยังเต็มไปด้วยท่อนซุง ดินโคลน"

    **ชุดค้นหาเผยตาย5หาย5เจ็บ40


    ด้านนายวิสุทธิวงศ์ อนันตพงศ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ หัวหน้าทีมชุดค้นหาผู้สูญหายกรณีน้ำและดินโคลนถล่มเขาพนม เปิดเผยว่า หลังจากได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลนและเศษซากไม้ที่ปรักหักพักทับถมกันจำนวนมากทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหาผู้รอดเสียชีวิต ประกอบกับสภาพอากาศในพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยนัก เพราะฟ้าปิดตลอดทั้งวัน และมีบางช่าวงที่ฝนโปรยปรายลงมาแม้จะไม่มากนักก็ตาม

    "เบื้องต้นจึงได้หยุดการค้นหาผู้สูญหายในเวลา 16.00 น.เนื่องจากในพื้นที่ไม่มีไฟส่องสว่างทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยจะเริ่มการค้นหาผู้สูญหายที่มีตัวเลขยืนยันชัดเจนอีก 5 รายที่เหลือในวันนี้ (1)ต่อไป ยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้ยืนยันแล้ว 5 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บประมาณ 40 รายแต่ส่วนใหญ่เป็นการบาดเจ็บเล็กน้อยทำให้ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่ไม่ประสงค์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยได้ขอกลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวที่ศูนย์อพยพทั้ง 3 แห่งในพื้นที่ อ.เขาพนม เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกอุ่นใจมากกว่าเมื่อได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว"

    **เด็ก11ขวบฝ่าน้ำป่าช่วยน้อง2ขวบ


    ด.ช.จักรกฤษ ชูศรี อายุ 11 ปี ได้เล่าเหตุการณ์ดินโคลนภูเขาถล่มในพื้นที่ ต.หน้าเขา อ.เขาพนมว่า หลังเกิดน้ำป่าดินโคลนทุกคนพากันวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทัน เมื่อตนลุกขึ้นยืนได้เห็นน้องชายวัย 2 ขวบเศษถูกกกระแสน้ำป่าและดินโคลนซัดมาติดซากท่อนไม้โดยมีกิ่งไม้ขนาดเล็กอัดหนีบไว้ จึงได้เดินฝ่าแรงน้ำและดินโคลนเข้าไปช่วยเหลือน้องชาย จากนั้นอุ้มน้องชายเดินฝ่าออกมาจนปลอดภัย ก่อนที่จะมีคนมาช่วยนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลเขาพนม

    สำหรับตนเองนั้นได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาขวา แผ่นหลัง และใบหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นรอยถลอก ขูดขีด จากซากท่อนไม้ เศษไม้ที่ถูกน้ำและดินโคลนซัดลงมา ขณะที่น้องชายศีรษะแตก มีแผลที่มือซ้าย ใบหน้า และที่บริเวณต้นขาขวา แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว จึงอยากขอบคุณผู้ที่ให้การช่วยเหลือในวันนั้นด้วยที่ได้นำพามาส่งโรงพยาบาล

    **ชาวบ้านแฉนายทุนรุกป่าจนภูเขาถล่ม


    นางละเอียด พุตศรี อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 7 บ้านต้นหาร เล่านาทีระทึกว่า ขณะที่ตนอยู่ในบ้านพร้อมกับลูกสาว ลูกเขย และหลานทั้งหมด 5 คน ก็ได้ยิดเสียงดังมาจากยอดเขา แต่ก็ไม่ได้สะเอะใจอะไร จากนั้นเพียงไม่กีนาที ทั้งน้ำ ทั้งท่อนซุง ทั้งหินก็เทลงมา ลูกสาว คือ นางสุปราณี รักเมือง และนายถานิตย์ รักเมือง ได้จับลูกอายุ 4 ขวบ 1 คนวิ่งหนี แต่นายถานิตย์ กับลูกได้ถูกโคลนซัด ไปคนละทิศคนละทางหายไปตามกระแสน้ำไม่ได้รับรู้ชะตากรรมว่าสมาชิกในครอบครัวมีใครรอดชีวิตหรือไม่

    แต่หลังจากที่ได้ค้นหาก็ได้พบสมาชิกทุกคนรอดชีวิตทั้งหมด ขณะนี้ทั้งลูกและหลาน นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเขาพนม ส่วนลูกเขยนั้นอาการสาหัส เพราะว่าถูกท่อนซุงกระแทกบริเวณลำตัว
    "สาเหตุที่สำคัญที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เพราะว่า บนภูเขาด้านบน ได้มีการบุกรุกตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก น้ำที่ลงมาจากยอดเขาถ้าหากว่ามันเป็นน้ำแต่เพียงอย่างเดียว ความเสียหายมันจะไม่มากอย่างนี้ แต่สภาพที่เห็นมันเป็นท่อนซุง ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ลงมากับน้ำเป็นจำนวนมาก" นางละเอียด กล่าว

    **เมืองคอนยังไม่คลี่คลาย-ยอดตาย15


    ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราชวานนี้ ยังเต็มไปด้วยความสับสนเนื่องจากความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม ขณะที่ฝนได้หยุดตกตั้งเที่ยงคืนที่ผ่านมา (30) อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มอยู่ตลอดเวลา และมีฝนเริ่มโปรยปรายมาตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวานนี้ ในขณะที่ระดับน้ำหลายจุดยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตัวเมืองนครศรีธรรมราชฝั่งตะวันออก และพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้ง 4 อำเภอริมชายฝั่งทะเล การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากอุปสรรคสำคัญคือน้ำทะเลหนุนประกอบกับน้ำจากเทือกเขาหลวงจำนวนมหาศาลที่ถ่ายเทลงมาอย่างต่อเนื่องผ่านตัวเมืองชั้นกลาง

    ขณะเดียวกันความเสียหายระดับน้ำในพื้นที่หลายจุดโดยเฉพาะ ต.เสาเภา สูงมากในหลายหมู่บ้าน บางหมู่บ้านมิดหลังคาชั้นสอง ถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี เป็นอัมพาตไม่สามารถสัญจรไปมาได้เพราะมีน้ำท่วมบนถนนระดับสูง 1-2 เมตรหลายจุด โดยเฉพาะในเขต อ.ท่าศาลา อ.สิชล น้ำท่วมถนนสูงหลายจุด ทางเจ้าหน้าที่แขวงการทางต้องนำแผงมากั้นไม่ให้รถผ่านเป็นระยะๆ ทำให้ทั่วทั้งจังหวัดเต็มไปด้วยความสับสนจากเหตุการณ์นี้ ขณะเดียวกันมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้วร่วม 15ราย

    **รพ.ท่าศาลาอ่วมซ้ำหลังนายกฯกลับ


    สำหรับที่โรงพยาบาลท่าศาลา อ.ท่าศาลา หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังและตรวจความหายที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ กระแสน้ำได้ทะลักเข้าท่วมอีกครั้งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลา 12.00 น.ของวานนี้ โดยระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรบางจุดมิดศีรษะ ท่วมสูงจนพ้นถนนนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานีจนต้องปิดการจราจร ทำให้แพทย์พยาบาลต้องหยุดให้บริการอย่างสิ้นเชิงหลังจากเปิดบริการมาได้เพียง 20-30 เปอร์เซ็นเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง

    นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.โรงพยาบาลท่าศาลา เผยว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจุดที่นายกฯมานั้นสูงในระดับสะเอว ระบบห้องทำฟันที่กำลังซ่อมเสียหายทั้งหมดอีกแล้ว ช่างต่อเริ่มนับ 1 ใหม่ตอนนี้จึงปิดร้อยเปอร์เซ็นอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ปกติส่วนผู้ป่วยนั้นต้องขออภัยในความไม่สะดวกจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลสิชล และมหาราช นครศรีธรรมราช หรือโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธก่อน

    **จระเข้ยังพล่านทั่วเมืองคอน


    เวลา 11.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบจระเข้ตัวเขื่องขึ้นไปนอนตากอากาศอยู่บนหลังคาบ้านในชุมชนบ่อทรัพย์ ริมถนนศรีธรรมราช ที่ถูกท่วมสูงกว่าสองเมตร บางจุดมิดหลังคาโดยได้ไปนอนตากอากาศอยู่บนหลังคาบ้านของนายสถาพร โสภิณ ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าว

    นายสถาพร เจ้าของบ้านเผยว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่บนชั้น 2 ภายในบ้านได้ยินเสียงไก่ร้องดังผิดปกติ จึงรีบมาดุที่หน้าต่างพบจระเข้ตัวหนึ่งนอนบนหลังคาบ้านใกล้กับสุนัข ซึ่งหนีน้ำท่วมมานอนอยู่บนหลังคาเดียวกัน เมื่อเห็นจึงตะโกนให้เพื่อนที่มีอาวุธปืนยิงใส่เข้าบริเวณปาก 1 นัด ซึ่งจระเข้ตัวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บแต่กระโจนลงน้ำหลบหนีไปได้

    หลังจากทราบข่าวชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณชุมชนต่างก็ทยอยนำลูกหลาน เด็กขึ้นมาอาศัยอยู่บนถนนและไม่กล้าลงไปเล่นน้ำอีก นอกจากนั้นยังพบว่ามีการพบเห็นจระเข้อีกหลายจุดอย่างต่อเนื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปค้นหาด้วยสภาพที่น้ำท่วมสูงทำให้จระเข้หนีไปอย่างรวดเร็วยากต่อการจับกุม โดยหลังจากนี้หากพบเห็นเจ้าหน้าที่จะใช้อาวุธปืนยิงทันที

    **น้ำท่วมรพ.สุราษฏร์คนป่วยหนีวุ่น


    ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลายพื้นที่น้ำยังท่วมสูงโดยทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.พุนพิน อ.พระแสง เพราะระดับน้ำท่วมสูงมากกว่า 2 เมตร ขณะเดียวกันในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาคสุราษฎร์ธานี ก็ได้แจ้งเตือนเรื่องการงดปล่อยน้ำประปาชั่วคราวเช่นกัน

    ขณะเดียวกันน้ำได้ทะลักท่วมโรงพยาบาลท่าโรงช้าง อ.พุนพิน สูงกว่า 1 เมตร ทำคนป่วย 80 รายหนีวุ่น ขณะที่อุปกรณ์การแพทย์จมน้ำ ด้านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประสานเฮลิคอปเตอร์โรงพยาบาลกรุงเทพร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินลำเลียงคนป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี

    **ชาวบ้านโวย"สุเทพ"ไม่แจกข้าว


    เวลา 17.30 น.ระหว่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีลงเรือท้องแบนตรวจน้ำท่วมบริเวณตลาดสดเทศบาลท่าข้ามที่อยู่ริมแม่น้ำตาปี อ.พุนพิน ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนราว 2 หมื่นคน ปรากฏว่าในระหว่างที่นายสุเทพ นั่งเรือขากลับนั้นได้มีชาวบ้านเป็นชายอายุ 50-60 ปีได้ตะโกนต่อว่านายสุเทพ ด้วยเสียงอันดังว่า “มาทำไม ถ้ามาแล้วไม่เอาข้าวมาแจกแล้วไม่ต้องมา“
    ทำให้นายสุเทพ ถึงกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีและได้ตะโกนตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะจัดข้าวกล่องมาแจก“ จากนั้นจึงหันไปหารือกับนายทศพล งานไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม โดยระบุว่า ในเบื้องต้นนายสุเทพจะขอรับผิดชอบแจกข่าวกล่อง 3 พันกล่อง จากนั้นจะให้ทางจังหวัดรับผิดชอบในส่วนที่เหลือ ในระหว่างนี้ก็จะได้ให้นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ช่วยดูแลรับผิดชอบอีกแรง

    **ปภ.ตรังสรุปน้ำท่วมรวม10อำเภอ


    สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมอีกหลายจังหวัดเช่น จ.ระนอง ชุมพร พัทลุง ฯลฯ สถานการณ์บางพื้นที่เร่มคลี่คลาย โดยเฉพาะที่ จ.ตรัง แต่สถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งจังหวัดรวม 10 อำเภอ 68 ตำบล 499 หมู่บ้าน 5 เทศบาล ราษฎรประสบภัย 28,435 ครัวเรือน 51,865 คน

    สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในช่วงต่อไประดับน้ำในพื้นที่แนวเทือกเขาบรรทัด บริเวณ อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว อ.ปะเหลียน จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จะเพิ่มสูงขึ้นในบริเวณลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตรังของ อ.วังวิเศษ อ.เมืองตรัง อ.สิเกา อ.กันตัง ซึ่งรับน้ำจากแนวเทือกเขาบรรทัด และจาก จ.นครศรีธรรมราช

    คปภ.เผยประกันชั้นหนึ่งจ่ายเต็ม


    นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำหรับผู้ได้รับความเสียหายจากอุกภัยเบื้องต้นขอให้ประชาชนตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้ว่ามีความคุ้มครองอะไรบ้าง โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองน้ำท่วมหลักมีดังนี้1) การประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ให้ความคุ้มครองตัวรถคันเอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่าตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไปของมูลค่ารถ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัย

    2) การประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มและการประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินจะได้รับความคุ้มครองตามความเสียหายตามที่ระบุไว้ในตัวกรมธรรม์

    ทั้งนี้ ในปัจจุบันภัยทางธรรมชาติได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง โดยไม่สามารถป้องกันความสูญเสียได้ทันท่วงที ดังนั้น หากประชาชนจัดทำประกันภัยไว้ก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ โดยอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก เช่น การซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติ 4 ภัยสำหรับที่อยู่อาศัย(น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว และลูกเห็บ) มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัยอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 0.015-0.15 ของทุนประกันภัย หรือคิดเป็นค่าเบี้ยประกันภัยประมาณ 15 - 150 บาท ต่อทุนเอาประกันภัย 100,000 บาท เป็นต้น

    Daily News - Manager Online -
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 เมษายน 2554 13:04
    เอาชีวิตให้รอดก่อน

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ชาวบ้าน อ.นบพิตำ นครศรีธรรมราช พยายามขนย้ายครอบครัวเอาชีวิตรอดจากจุดเสี่ยงหลังถูกตัดขาดเส้นทาง จากภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ สูญเสียทรัพย์สิน
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 เมษายน 2554 14:03
    สรุปท่วม8จังหวัด ตาย21 เฉียดล้านคนเดือดร้อน

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    อธิบดีกรมป้องกันฯ เผยภัยพิบัติน้ำท่วมลาม 8 จังหวัด สังเวยชีวิต 21 คน 998,867 คนทุกข์ระทม เร่งช่วยเหลือค่าจัดการศพ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT>นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ มีพื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด 87 อำเภอ 568 ตำบล 4,615 หมู่บ้าน ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ และพังงา ราษฎรเดือดร้อน 294,097 ครัวเรือน 998,867 คน สำหรับคนเสียชีวิต จำนวน 21 คน แบ่งเป็นจังหวัดนครศรีธรรมราช 9 คน จ.พัทลุง 2 คน สุราษฎร์ธานี 4 คน และกระบี่ 6 คน
    ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแต่ละจังหวัด ประสบอุทกภัยดำเนินการให้ความช่วยเหลือค่าจัดการศพตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
    <!-- Tags Keyword -->
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 เมษายน 2554 13:52
    พัทลุงเตือน4อำเภอติดเทือกบรรทัด ระวังดินภูเขาถล่ม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    พัทลุงน้ำยังท่วมใน 5 อำเภอริมทะเลสาบสงขลา ปภ.เฝ้าระวังภูเขาถล่ม 4 อำเภอ เทือกเขาบรรทัด
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจากจังหวัดพัทลุงว่า ล่าสุดน้ำยังคงท่วมขังใน 5 อำเภอ แถบริมทะเลสาบ คือ อ.เมือง อ . ควนขนุน อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว และอ.ปากพะยูน โดยเฉพาะพื้นที่ หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 11 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว ได้เกิดน้ำทะเลหนุน ทำให้ชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนต้องย้ายไปอาศัยอยู่กับญาติจำนวน 25 หลังคาเรือน และพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านหัวป่าเขียว ต.ทะเลน้อย ชาวบ้านยังคงอาศัยอาคารศิลปะชีพจำนวน 33 ครัวเรือน เนื่องจากน้ำยังท่วมขังสูงยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้
    นางริ่น ใฝสังห์อายุ 50 ปี ภูมิลำเนา หมู่ที่ 1 นาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง กล่าวว่า มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ และน้ำทะเลหนุนสูงจนต้องขนย้ายสิ่งของภายในบ้านไว้ที่สูงเพื่อความปลอดภัย ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนขาดน้ำดื่มเพราะบ่อน้ำในพื้นที่ใช้ไม่ได้ น้ำประปาหมู่บ้านเป็นสีขาวขุ่นไม่สามารถดื่มได้
    นายธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ความเสียหายเบื้องต้นจากสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้อยู่ที่ 103 ล้านบาท โดยพื้นที่การเกษตรและสาธารณประโยชน์ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นถนน ที่ได้รับความเสียหายเสีย 97 สาย สะพาน 6 แห่ง วัด มัสยิด โรงเรียน และสถานีอนามัย จำนวน 138 แห่ง และขณะนี้ได้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่มใน 28 หมู่บ้าน 4 อำเภอ ริมเทือกเขาบรรทัด คือ อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต และอ.ป่าพะยอม หวั่นดินถล่ม พร้อมประสานขอสนับสนุน กำลังทหารในค่ายอภัยบริรักษ์ จังหวัดพัทลุง ให้มีการเตรียมความพร้อมอพยพชาวบ้านตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุ

     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 เมษายน 2554 13:52
    ฝ่ายค้านญี่ปุ่นจ่อร่วมตั้งรัฐบาลเอกภาพช่วยชาติ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ฝ่ายค้านญี่ปุ่นส่งสัญญาณเข้าร่วมกับรัฐบาล ตั้งรัฐบาลเอกภาพช่วยฟื้นฟูชาติจากภาวะบอบช้ำภัยพิบัติ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT> พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (แอลดีพี) ซึ่งเป็น พรรคฝ่ายค้านใหญ่สุดของญี่ปุ่น อาจเข้าร่วมกับรัฐบาล จัดตั้งรัฐบาลเอกภาพ เพื่อฟื้นฟูชาติ หลังญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยเป็นแนวทางที่นายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เสนอและดูเหมือนว่าสมาชิกพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล มีท่าทีเห็นด้วยกับแนวความคิดนี้
    นายคัตซึยา โอกาดะ เลขาธิการพรรคดีพีเจ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล บอกว่า ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่หลังยุคสงคราม ความร่วมมือของทั้ง 2 พรรคเป็นสิ่งที่จำเป็น การที่มีหลายพรรคเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ก็มีเสียงคัดค้านจากสมาชิกอาวุโสหลายคนของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งมองว่า การเข้าร่วมกับพรรครัฐบาลจะยิ่งช่วยให้นายคัง ซึ่งกำลังถูกแรงกดดันให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ มีอายุทางการเมืองยาวนานขึ้น
    อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรคฝ่ายค้านบางราย ยื่นข้อเสนอให้พรรครัฐบาลให้คำมั่นก่อนว่า นายคังจะต้องลาออกและจัดการเลือกตั้งในอนาคต ก่อนที่จะตกลงเข้าร่วมกับพรรครัฐบาล
    ขณะที่วันนี้ รัฐมนตรีหลายคน และนายกคัง จัดประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยชุดสูทแทนที่จะเป็นชุดจั๊มพ์สูทสีฟ้า ซึ่งเป็นชุดที่เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยใส่เวลาปฏิบัติงาน และเป็นชุดที่นายคังและรัฐมนตรีหลายคนใส่ทุกวันหลังเกิดภัยพิบัติเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน
    นักวิเคราะห์การเมืองญี่ปุ่นมองว่า การกลับมาใส่ชุดสูทวันนี้ เพราะตรงกับวันที่ 1 เมษายน ซึ่งถือเป็นวันแรกของปีงบประมาณ แต่นายยูคิโอะ เอดาโน โฆษกรัฐบาล บอกว่า ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรีต้องการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเผชิญปัญหากับผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานแก้วิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ขณะนี้รัฐบาลต้องการแสดงให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ญี่ปุ่นจะต้องเดินหน้าสู่การฟื้นฟู
    ด้านรัฐมนตรีกระทรวงการจัดการภัยพิบัติ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ยังคงเลือกที่จะใส่ชุดจั๊มพ์สูทสีฟ้าอยู่ ส่วนรัฐมนตรีท่านอื่นๆ เปลี่ยนมาใส่ชุดสูทแล้ว

     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 เมษายน 2554 14:14
    แฉทีมฟูกูชิม่า 50 รู้ตัวดีว่าต้องตาย

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    แม่ของคนงานในทีมฟูกูชิม่า 50 แฉฮีโร่ทุกคนที่ปฏิบัติภาระกิจแก้ปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รู้ตัวดีว่าต้องตาย
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT> เว็บไซท์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟ รายงานอ้างการเปิดเผยของมารดาของหนึ่งในคนงานที่เข้าร่วมภารกิจในการกอบกู้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิม่า หมายเลข 1 ว่า คนเหล่านี้รู้ตัวว่า จะต้องเสียชีวิตจากการได้รับสารกัมมันตรังสี
    คนงาน 300 คน ที่ประกอบด้วย ช่างเทคนิค ทหาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่ทำงานสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันรอบละ 50 คน หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฟูกูชิม่า 50 ต่างได้รับสารกัมมันตรังสีในระดับที่เป็นอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในระหว่างที่พวกเขาพยายามระบายความร้อนที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดหายนะที่เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่
    มารดาของหนึ่งในคนงาน เปิดเผยว่า คนกลุ่มนี้ได้พูดคุยกันถึงชะตากรรมของตนเอง และยอมตาย ถ้าจำเป็นต้องเผชิญวิกฤติในระยะยาว
    นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี่ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้นำคนแรกที่ไปเยือนญี่ปุ่น นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิพัดถล่ม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม กล่าวว่า โลกจำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากลในเรื่องของพลังงานนิวเคลียร์ภายในปีนี้ ขณะที่ความวิตกเรื่องการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีในญี่ปุ่นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
    นอกจากนี้ นายซาร์โกซี ยังเรียกร้องให้มีการประชุมว่าด้วยการสังเกตการณ์การใช้พลังงานนิวเคลียร์ของกลุ่มจี 20 ที่ฝรั่งเศส เป็นประธานหมุนเวียน เพื่อหารือกันถึงเรื่องการตั้งกฎเกณฑ์เกี่ยวกับความปลอดภัยด้วย และนับเป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้น หลังจากนายนิค เคร้กก์ รองนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ได้ตั้งข้อสงสัยถึงอนาคตของการใช้พลังงานนิวเคลียร์ว่า อาจต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้มาตรฐานความปลอดภัย พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่ยอมเอาเงินจากกองทุนสาธารณะมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ ซึ่งจะเป็นการรบกวนผู้เสียภาษีอย่างเด็ดขาด
    ขณะที่ หลายประเทศวิตกต่อการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังจากญี่ปุ่นนั้น ญี่ปุ่นได้เรียกร้องไปยังคู่ค้าในประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก หรือ (ดับเบิลยูทีโอ)ไม่ให้วิตกเกินเหตุ ด้วยการเข้มงวดการนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่นโดยไม่จำเป็น ซึ่งขณะนี้ มีจำนวนของบริษัทต่างชาติ ระงับการนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่ารัฐบาลจะรับรองความปลอดภัยก็ตาม
    ส่วนการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ได้ชื่อว่าเป็นหายนะที่สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูงที่สุดในโลก และจะเป็นการใช้งบประมาณฟื้นฟูที่สูงที่สุดในโลก นับตั้งแต่สงครามโลกเป็นต้นมาด้วยเช่นกัน
    ด้านวอลล์ สตรีท เจอนัล ได้รายงานอ้างเอกสารที่ได้รับมาว่า บริษัทโตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์(เทปโก้) เจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเพิ่งจะถูกตำหนิอย่างรุนแรง จากความผิดพลาดในการคำนวณตัวเลขการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีก่อนหน้านี้ ยังมีข้อบกพร่องที่ร้ายแรงกว่านั้นอีก ก็คือ มีการวางแผนเตรียมรับมือกับอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ในขอบเขตที่จำกัด โดยไม่มีทั้งการเตรียมพร้อมขอความช่วยเหลือจากหน่วยดับเพลิงในกรุงโตเกียว ไม่มีแผนการขอทรัพยากรทางทหาร หรือขอยืมเครื่องมือที่จำเป็นจากสหรัฐ ซึ่งเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นส่วนที่สำคัญของการรับมือวิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งสิ้น

     

แชร์หน้านี้

Loading...