เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลุกฮือในโลกคู่ขนาน : พันทิปโดนสมาชิกแอนตี้ซะแล้ว...! ( ฮา )

    [​IMG]by คนบาป » Thu Mar 31, 2011 6:09 am
    ลุกฮือในโลกคู่ขนาน

    มติชน วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 10:00:00 น.
    Share2427

    โดย บุญชิต ฟักมี

    สำหรับวงการสังคมออนไลน์ไทย พันทิป ดอต คอม เป็นตัวละครสำคัญที่ยากจะปฏิเสธ

    ค่าที่เป็นเวบบอร์ดที่มีอายุยืนยาวเกือบที่สุดของวงการอินเทอร์เน็ทไทย ตั้งแต่ยุคโมเด็ม 14 K ถึงไฮสปีด 6M ด้วยอายุเกินสิบปี ตั้งแต่สมัยที่สมาชิกทั้งเวบรวมกันสามารถนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันได้ในร้านเดียว จนกระทั่งมีสมาชิกหลักหมื่นในทุกวันนี้

    เวบพันทิป หรือพูดให้ถูก คือประชาคมพันทิป กระเพื่อมพลังสะเทือนออกมานอกจอหลายต่อหลายครั้งอย่างมีนัยยะ นับตั้งแต่การอุ้มชูหนังที่ทำท่าจะเจ๊งจนเป็นหนังระดับติดกระแสอย่าง "โหมโรง" ชุบชีวิตร้านหอยทอดลุงเตาถ่าน ไล่ล่าจับโกหกนักร้องเนปาลกำมะลอจนไปจบในเรือนจำ หรือถอดถอนโฆษณานับไม่ถ้วนที่ไม่ชอบด้วยจริตชุมชน

    ในวันนี้ เวบพันทิปถูก "ท้าทาย" ครั้งสำคัญที่สุด จนน่าเสียดายหากจะปล่อยทิ้งหลงลืมโดยไม่มีการบันทึกไว้

    นั่นคือการ "ลุกฮือ" ของผู้เล่นกลุ่มสำคัญ ที่ลุกขึ้นร้องถามความชอบธรรมในการดำเนินงานของผู้ดูแลเวบ หรือ Webmaster จนกระทั่งเกิดการปะทะกันเชิงอำนาจ ที่มีการสูญเสียสมาชิกภาพ (หรือเรียกลำลองว่า "อมยิ้ม") กันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเวบนี้

    เรื่องมันเริ่มจากการที่ สมาชิกท่านหนึ่ง วาดการ์ตูนล้อเลียนวัฒนธรรมการกิน "บุฟเฟต์" ไว้ในห้องก้นครัว ซึ่งเป็นห้องที่พูดคุยแลกเปลี่ยนว่าด้วยอาหารและร้านอาหาร การ์ตูนนั้นล้อเลียนพฤติกรรมการกินบุฟเฟต์ที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่าง รวมทั้งเสียดสีพฤติการณ์ของ "สมาชิก" ขาใหญ่หลายคน ในรูปแบบของการ์ตูนล้อเลียน ซึ่งคนที่อยู่นอกแวดวงคงดูไม่เข้าใจ หรือถึงเข้าใจ ก็ยากแก่การระบุตัวคน

    อย่างไรก็ตาม การ์ตูนนั้นถูกลบโดยทีมงานของเวบพันทิป ด้วยข้อกล่าวหาว่า มีคำหยาบคาย แม้ต่อมา ผู้วาดได้ไปแก้ไขเอาคำหยาบคายออกแล้วมาโพสต์ใหม่ในกลุ่มการ์ตูน (เพื่อป้องกันการลบโดยอ้างว่าผิดห้องผิดกลุ่ม) แต่กระทู้การ์ตูนนั้นก็ยังถูกลบอยู่ดี พร้อมกับ สมาชิกรายหนึ่งยื่นฟ้องต่อศาลอาญาธนบุรี ว่าผู้วาดการ์ตูนหมิ่นประมาทตน โดยขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมายและบังคับให้จำเลยขอขมาตามคำขอแบบคดีหมิ่นประมาททั่วไป

    คดีในศาลใช้เวลาต่อสู้กันเกือบปี ในขณะที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี ฝ่ายโจทก์ก็ได้โพสต์ความคืบหน้าของคดีในลักษณะการ "เย้ย" ฝ่ายจำเลย รวมทั้งประการสำคัญที่สุด คือการอวดอ้างต่อบรรดาแฟนๆ ว่า จำเลยถูกศาลจับใส่กุญแจมือ

    หากเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลได้มีคำพิพากษา "ยกฟ้อง" จำเลย เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเห็นได้ว่า ตัวการ์ตูนที่จำเลยวาดนั้นคือโจทก์ - กล่าวคือ ตัวการ์ตูนไม่มีลักษณะบ่งชี้ว่าเป็นใคร และโจทก์ก็ไม่ใช่คนเดียวที่ตั้งกระทู้ในเวบพันทิปชักชวนคนไปกินอาหารตามที่ต่างๆ

    เมื่อคำพิพากษาออกมาเช่นนั้น ฝ่ายจำเลยจึงมาประกาศแจ้งคำพิพากษาให้ผู้ใช้บริการคนอื่นๆในเวบดังกล่าวทราบ พร้อมกับนำเสนอภาพการทำอาหารเมนู "ฉลองอิสรภาพ" คือ มะระยำ ตำบอน และที่ฮือฮาที่สุดคือ "แลน" (หรือกล่าวให้สุด คือสัตว์ร่วมสกุล{Varanus} ของ "***") ทอดสมุนไพร

    ทว่าผลของกระทู้ดังกล่าว คือการระงับสมาชิกภาพของผู้ตั้งรวมทั้งลบกระทู้นั้นทิ้ง

    ท่ามกลางเสียงคัดค้านโวยวายอย่างอึงอลว่ามีกลุ่มที่เรียกว่า "มาเฟีย" ในเวบพันทิป คือสมาชิกที่ได้รับการ "ให้ท้าย" จากกลุ่มผู้ดูแล – เช่นในกรณีนี้ ที่ระหว่างฟ้องคดี ฝ่ายโจทก์จะเย้ยจะหยันจำเลยอย่างไรก็ทำได้ แต่เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีพ้นข้อกล่าวหา กลับถูกลบกระทู้และสมาชิกภาพ

    และยังข้อกังขาของสมาชิก ว่าทางผู้ดูแลของเวบพันทิป ไปให้การในศาลในฐานะพยานฝ่ายโจทก์ ที่มีการเบิกความเป็นโทษเพื่อเอาผิดต่อจำเลยอย่างชัดเจนในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

    สมาชิกที่คัดค้านเรียกร้องดังกล่าว ถูกระงับสมาชิกภาพลงในทันที หลังจากโพสต์ข้อความไม่นาน

    ตามด้วยการระงับสมาชิกภาพของสมาชิกกลุ่มที่คัดค้านว่า การระงับสมาชิกภาพแบบสาดมั่วของผู้ดูแลเวบนั้นเป็นการลุแก่อำนาจ สมาชิกบางส่วน ไปตั้งกระทู้เสียดสีผู้ดูแลพันทิป ด้วยการตั้งกระทู้ที่เกี่ยวกับ "เป็ด" (ตามภาพของการ์ตูนที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาวาดจนเป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้อง) แน่นอนว่า พวกเขาถูกระงับสมาชิกภาพในไม่กี่นาที

    กระทั่งสมาชิกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ที่โพสต์คำว่า "เป็ด" ในช่วงนั้น ก็ถูกระงับสมาชิกภาพไปด้วย หรือแม้แต่กระทู้ที่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกลบหายเช่นกัน

    แม้ว่าผู้ดูแลเวบ – วรพจน์ หิรัฐประดิษฐกุล จะอ้างว่า การลบสมาชิกภาพและกระทู้ดังกล่าวว่า นอกจากจะเป็นไปเพื่อป้องกันมิให้สมาชิกถูกฟ้องเนื่องจากคดี "ยังไม่แพ้ชนะ" แล้ว ยังเนื่องมาจากภาพอุจาดวาดเสียวในการชำแหละแลนในกระทู้ต้นเหตุ แต่เหตุผลดังกล่าวก็ยังฟังไม่ขึ้นสำหรับสมาชิกกลุ่มใหญ่ รวมทั้งเป็นคำอธิบายที่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายด้วย ความอึดอัดคับข้องดังว่านั้นทำให้มีผู้ยื่นขอคืนสมาชิกภาพหลายราย พร้อมกับสมาชิกภาพที่ถูกระงับ และกระทู้ถูกลบเพราะ "ลองของ" ในแทบทุกนาที ในช่วงวันพฤหัส วันศุกร์ ต่อวันเสาร์

    และในที่สุด การต่อต้านทวงถามหรือเสียดสีอันมีเนื้อหาข้อความหรือรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับ "เป็ด" ก็ลุกลามไปทุกกลุ่มทุกห้องในพันทิป มี “อมยิ้ม” หรือสมาชิกที่สังเวยตนเองบ้าง ถูกลบถูกยึด มีทั้งผู้ที่ใช้บริการมานานเกินสิบปี หลายคนเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้ตั้งผู้ตอบเวบที่มีคุณภาพ หรือเป็นผู้เผยแพร่สูตรและวิธีทำอาหารที่ได้รับการยอมรับ ทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่รอดจากการ "สังหารหมู่อมยิ้ม" ของพันทิปในช่วงสองวันเดือดที่ผ่านมา

    ต้องไม่ลืมว่า การสมัครเป็นสมาชิกเวบพันทิปนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยากวุ่นวาย ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวเองด้วยการแจ้งข้อมูลราษฎร์พร้อมหลักฐาน หรืออย่างน้อยคือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ไปให้เวบพันทิปเพื่ออนุมัติการมี "ล็อกอิน" หรือชื่อสมาชิกภาพ

    แต่กระนั้น จนถึงขณะนี้ มีผู้ถูกระงับสมาชิกภาพ (เรียกลำลองว่า ยึดล็อกอิน) หรือคืนสมาชิกภาพด้วยตนเองแล้วเกินกว่าร้อยชื่อ จะด้วยความเหลืออดต่อความอยุติธรรม หรือกระไรก็ตามแต่ รวมทั้งมีผู้เข้าร่วมกลุ่ม "มั่นใจว่าคนไทยเยอะแยะไม่เชื่อมั่นมาตรฐานเว็บพันทิป" ที่เพิ่งตั้งขึ้นเมื่อวันศุกร์ เกินกว่าเก้าพันคน และเชื่อว่าน่าจะเกินหมื่นคนได้ภายในวันหรือสองวันนี้

    สถานการณ์ยังไม่ถึงจุดจบ แม้จะคลี่คลาย ด้วยคำประกาศจากวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของเวบพันทิป ว่า ได้รับทราบเรื่องแล้ว และมีนโยบายที่จะไม่ให้มีการ "ยึดล็อกอิน" พร่ำเพรื่ออีก รวมทั้งจะทำการคืนสมาชิกภาพให้ผู้ที่ถูกระงับสมาชิกภาพโดยไม่เป็นธรรมต่อไป ซึ่งคุณวันฉัตรได้อ้างว่าเหตุที่ฝ่ายผู้ดูแลได้กระทำการดังกล่าว ก็เนื่องจากเกรงว่าเวบพันทิปจะต้องถูกฟ้องตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ประกอบกับจะปรับปรุงระบบการลบกระทู้ยึดล็ออกอินให้เป็นธรรมดีขึ้นกว่านี้

    แต่ก็ยังมีคนเข้าร่วมกลุ่ม "มั่นใจฯ ไม่เชื่อมั่นมาตรฐานเว็บพันทิป" อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการคืนสมาชิกภาพก็ยังมีปรากฎประรายจนถึงวันนี้

    เพราะความกังขาก็ยังมี ทั้งประเด็นว่า มีสมาชิกกลุ่มที่เวบพันทิป "ให้ท้าย" อยู่ และได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด หรือสมาชิกบางคน ใช้วาจาเกะกะระราน ด่าทอ เย้ยหยัน สมาชิกคนอื่นอย่างชัดเจนเป็นที่น่ารังเกียจ แต่ก็ดูเหมือนกับว่า ทางพันทิปก็ยังรักษาสมาชิกภาพไว้ให้อย่างเหนียวแน่น (ล่าสุดสมาชิก "ขาใหญ่" ผู้นั้น ได้ตั้งกระทู้ในทำนองอวดอ้างว่าได้ไปกินข้าวกับกลุ่ม "มาเฟียพันทิป" หรือสมาชิกเก่าแก่รุ่นก่อตั้ง อย่าง "สบายอารมณ์" ท่ามกลางกระแสการลุกฮือของสมาชิกกลุ่มหนึ่ง)

    ใคร่ขอบันทึกไว้ ในฐานะของเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องฮือฮาในโลกไซเบอร์ไทย ที่อยากตั้งข้อสังเกตไว้ในฐานะที่มองเรื่องนี้ว่า "ไม่ธรรมดา" และอาจจะเป็น "บทเรียน" สำคัญ สำหรับการบริหารเวบต่อไปในทศวรรษต่อไปนี้

    อันที่จริง ข้อกล่าวหาเรื่อง "มาเฟียพันทิป" หรือการใช้อำนาจไม่เหมาะสมของผู้ดูแลเวบนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกๆ ที่เกิดเป็นประเด็นโต้เถียงร้องทุกข์ เรื่องนี้ถูกพูดจากล่าวหากันมาตั้งแต่ช่วงขวบปีแรกของเวบพันทิปเสียด้วยซ้ำ

    หากแต่ในครั้งนั้น และครั้งที่ผ่านๆมา เสียง "ต่อต้าน" หรือยกประเด็นเรื่องมาเฟียในเวบนั้นมักจะเป็นเสียงข้างน้อยที่ถูกมองว่าเป็นพวกอกหักตีรวน หรืออย่างเก่งคือ เสียงก้ำกึ่ง หาใช่ฉันทามติของคนกลุ่มใหญ่เช่นในครั้งนี้

    และเกิดในยุคที่การสร้าง "พื้นที่" บนโลกออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก รวมทั้งเทคโนโลยีอื่นที่เริ่มจะรุกคืบเข้ามาเกลื่อนกลืนในช่องทางแสดงอัตลักษณ์อย่าง "เวบบอร์ด" ได้บ้าง อย่างเช่นเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์

    ในยุคที่คำว่า "นายของเวบ" หรือ Webmaster อาจจะเป็นสิ่งล้าสมัย ด้วยถูกท้าทายด้วยคำว่า Social Network หรือสังคมออนไลน์ ที่ไม่มีใครเป็น "นาย" ใครเป็น "ข้า" ไม่มีใคร "ขึ้น" ใคร "ลง" ต่อกัน

    ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด • View topic - ลุกฮือในโลกคู่ขนาน : พันทิปโดนสมาชิกแอนตี้ซะแล้ว...! ( ฮา )

    [​IMG]by silance mobius » Thu Mar 31, 2011 2:50 pm
    เอาบทสรุปมาให้อ่าน เผื่อใคร อยากทราบในรายละเอียด
    ศึกพันทิปตายสิบเกิดแสน!!
    พี่พันเสียหมา!!
    [รายงานพิเศษ]ไม่ใช่แลนทำแกงไม่ได้!!
    [สกู๊ปพิเศษ]อาบังWIN!!
    อาบังลองดี!วาดการ์ตูนเสียดสีขาใหญ่ก้นครัว!!!

    ปล. ใหม่สุดอยู่บนสุดเด้ออออ

    แม๊ อินเทรนด์ Global World Jasmine Revolution เจงๆ นะท่านผู้ชม
    แม้แต่โลกไซเบอร์ก็เอากะเขาด้วยไม่ธรรมดา ซะแล้ว ต้องขอมีส่วนร่วมจั๊กหน่อยแน...
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2011
  2. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
    เว็บนี้ก็โพสต์แต่ข้อความที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มคนไม่กี่คน มาตลอดอยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีประโยชน์กับส่วนรวมตรงไหน มีแต่ด่าว่าผู้อื่น อยู่เสมอ ๆ แถมมีเรื่องการเมืองที่ไม่เป็นกลางมาเกี่ยวข้องอยู่ตลอด ... ใครเห็นต่างเขาไม่ได้หรอกครับ ในนั้น เละ ...
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กัดดาฟีไล่ผู้นำตะวันตกลาออก เหตุเป็นต้นตอสงครามนองเลือด

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 00:23 น.
    [​IMG]
    ภาพจากจอเรดาร์ในเครื่องบินเอฟ16 ของพันธมิตรตะวันตกที่กำลังล็อคเป้าถล่มกองกำลังกัดดาฟี


    เอเอฟพี - มูอัมมาร์ กัดดาฟี ประธานาธิบดีลิเบียเตือนเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี(31) ชาติตะวันตกกำลังเริ่มต้นบางอย่างในลิเบียที่พวกเขามิอาจควบคุมได้ พร้อมกล่าวหาผู้นำชาติเหล่านั้นเป็นต้นตอของเหตุทำลายล้างและสูญเสียชีวิตผู้คน แขวะควรลาออกจากตำแหน่งไปทั้งหมด

    กัดดาฟี กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐว่า "พวกเขากำลังเริ่มต้นในสิ่งที่เป็นอันตราย บางสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้ มันจะอยู่นอกเหนือการควบคุมไม่ว่าพวกเขาจะจัดการมันด้วยวิธีการใดก็ตาม"

    คำพูดของ กัดดาฟี อ้างถึงชาติพันธมิตรตะวันตกที่นำโดยอังกฤษ ฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ซึ่งปฏิบัติการโจมตีลิเบียมาตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม ตามอาณัติกำหนดเขตห้ามบินและปกป้องพลเรือนของสหประชาชาติ

    ในคำปราศรัยอย่างเจาะจงแต่ไม่ระบุชื่อคนเหล่านั้น กัดดาฟี กล่าวต่อว่า "ไม่ว่าผู้นำคนใดก็ตามซึ่งตัดสินใจทำสงครามครูเสดครั้งที่ 2 ระหว่างคริสเตียนและมุสลิม ทั่วทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" พวกเขาควรลาออกไปได้แล้ว

    นอกจากนี้เขายังกล่าวหาผู้นำเหล่านั้นว่าเป็นต้นตอแห่งเหตุทำลายล้างและการตายของผู้คนจำนวนมาก "พวกเขาต้องการสร้างความแข็งแกร่งแค่เฉพาะตนเอง และหวังทำลายผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างประชาชนชาวลิเบียและประชาชนของพวกเขา พวกเขาต้องการดึงเรากลับสู่อดีต"

    "วิธีแก้ปัญหาคือพวกเขาต้องลาออกในทันทีและประชาชนของพวกเขาควรหาผู้นำคนใหม่ ผู้ซึ่งเคารพความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของสองชาติ" กัดดาฟีกล่าวตอบโต้เสียงเรียกร้องก่อนหน้านี้ของผู้นำชาติตะวันตกที่หวังเห็นประธานาธิบดีรายนี้ซึ่งอยู่ในอำนาจมานานกว่า 4 ทศวรรษลาออกจากตำแหน่งตตามหลังเหตุจลาจลนองเลือดที่ต่อต้านการปกครองของเขา

    ทั้งนี้ข้อกล่าวหาซ้ำๆต่อการโจมตีทางอากาศของกองกำลังพันธมิตรที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์จากปากของกัดดาฟี มีขึ้นพร้อมๆกับที่ทางนาโต ยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบว่าปฏิบัติการของพันธมิตรมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพลเรือนจริงหรือไม่

    พลโทชาร์ลส์ บูชาร์ด ผู้บัญชาการปฏิบัติการลิเบียของนาโตบอกว่าเขารับทราบข่าวคำบอกเล่าของบาทหลวงแคทอลิดชาวอิตาลีรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในกรุงตริโปลีแล้ว หลังบาทหลวงรายนี้ระบุว่ามีประชาชน 40 ราย เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติการทิ้งระเบิดในเขตบุสลิม ในเมืองหลวงของลิเบีย หลังอาคารแห่งหนึ่งพังถล่มลงมา

    "เราอยู่ระหว่างสืบสวนและเราจะรายงานรายละเอียดเมื่อการสืบสวนแล้วเสร็จ" บูชาร์ดกล่าว "การตรวจสอบของผมคือสืบให้รู้แน่ชัดว่ากองกำลังนาโตมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่"

    นาโตเข้ารับผิดชอบบัญชาการปฏิบัติการทั้งหมดในลิเบียวันพฤหัสบดี (31) ตั้งแต่เวลา 06.00 น.จีเอ็มที หรือ 13.00 น.ตามเวลาของไทย แทนกองกำลังพันธมิตรตะวันตก ที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งยิงถล่มกองกำลังผู้ภักดีต่อมูอัมมาร์ กัดดาฟีทางอากาศมาตั้งแต่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา

    ความคิดเห็นที่ 4
    เขมรพม่าอัฟริกา ประเทศจนๆ มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยคนตายเป็นล้านๆ ฝรั่งบอกเราไม่มีอำนาจแทรกแซง เราควรปล่อยให้เขาจัดการปัญหากันเอง
    อีรัก อัฟกานีสถาน ลิเบีย น้ำมันเยอะ รวย ฝรั่งบอกพวกเราต้องเสียสละเอาทหารเข้าไปยึด เพราะเราทำเพื่่อมนุษยชน สร้างประชาธิปไตยให้ประเทศเหล่านี้ เพื่อความสงบสุขของโลก ขอขอบคุณฝรั่งใจดีที่รักชาวเอเซียเราตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    แต่ยังไงก็คอยดูถึงคิวเรา อนาคตอ่าวไทยจะมีน้ำมันเยอะที่สุดในโลก เพราะที่อื่นไม่เหลือแล้ว เดี๋ยวเขมรตกลงกับฝรั่งให้สัมปทาน แล้วให้ฝรั่งสนับสนุนแผนที่ของเขา คราวนี้ละพอเราไปทำอะไรเข้า เขมรได้ฟ้องฝรั่งใจดีว่าไปรังแกเขาแน่ ไทยได้โดนโทมาฮอกฝรั่งแบบลิเบียแน่ โดยหาว่าเรารังแกเขมรคอยดูแล้วกัน ไม่งั้นเขมรจะกล้าด่าเราทั้งๆที่เขาก็รู้ว่า สู้เราไม่ได้หรือ
    ฝรั่งใจดี
    Around the World - Manager Online -
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พบรังสีหมื่นเท่าในอุโมงค์ใต้เตานิวเคลียร์-เนื้อวัวปนเปื้อนซีเซียมในญี่ปุ่น

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 01:59 น.
    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่ตรวจพบกัมมันตภาพรังสีในน้ำ ณ อุโมงค์ใต้ดินนอกอาคารกังหันไอน้ำของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ


    เอเจนซี - เจ้าหน้าที่ตรวจพบกัมมันตภาพรังสีในน้ำ ณ อุโมงค์ใต้ดินนอกอาคารกังหันไอน้ำของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ สูงกว่าระดับปกติถึง 10,000 เท่า สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของบริษัทผู้ดำเนินการเมื่อวันพฤหัสบดี(31) ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขก็พบเนื้อวัวปนเปื้อนซีเซียมผิดปกติในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้าดังกล่าว

    โตเกียว อิเล็กทริค เพาเวอร์ โค (เท็ปโก) บริษัทผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ระบุด้วยว่าเจ้าหน้าที่ยังพบกัมมันตภาพรังสีในน้ำใต้ดินใกล้อาคารกังหันไอน้ำของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ เช่นกัน นอกจากนี้แล้วทางกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นยังพบกัมมันตรังสีซีเซียมสูงผิดปกติในเนื้อวัวใกล้พื้นที่ดังกล่าวด้วย

    ก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่นระงับการส่งออกผลผลิตต่างๆทั้งนมและผักใบเขียวจากฟุกุชิมะและอีก 3 จังหวัดใกล้เคียง หลังพบกัมมัมตภาพรังสีปนเปื้อนในตัวอย่างอาหารเหล่านั้น นอกจากนี้ยังได้จับตาอย่างเข้มงวดต่อการส่งออกผลผลิตในอีก 6 จังหวัด ซึ่งครอบคลุมถึงพื้นที่ซึ่งติดกับโตเกียวด้วย

    คำยืนยันของบริษัทผู้ดำเนินการแห่งนี้ขึ้นขณะที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับแรงกดดันที่สูงขึ้นเรื่อยๆต่อการขยายเขตอพยพเพิ่มเติมรอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ได้รับความเสียหายแห่งนี้ หลังจากพบกัมมันตภาพรังสีระดับสูงนอกเขตอพยพและพบระดับกัมมันตรังสีไอโอดีน -131 ในทะเลใกล้โรงไฟฟ้าเพิ่มสูงเกินเกณฑ์ปกติถึง 4,385 เท่า

    โดยทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ที่เป็นองค์กรชำนัญพิเศษด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ ได้ออกมาแถลงเสนอแนะให้ญี่ปุ่นพิจารณาขยายพื้นที่ซึ่งประกาศให้เป็นเขตอพยพประชาชน

    ข้อเสนอแนะนี้เป็นการหนุนหลังสิ่งที่องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ” เคยเรียกร้องเอาไว้ อีกทั้งหลักฐานที่ใช้สนับสนุนก็เป็นเรื่องระดับกัมมันตภาพรังสีที่วัดได้จากหมู่บ้านลิตาเตะ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ประมาณ 40 กิโลเมตร เช่นเดียวกันด้วย โดยกรีนพีซบอกว่า ระดับรังสีที่หมู่บ้านดังกล่าวถือว่าเป็นอันตรายสำหรับชาวบ้านที่ต้องพำนักอาศัยเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กๆ และสตรีมีครรภ์ ซึ่งมีความเสี่ยงมากเป็นพิเศษ

    สำหรับไอเออีเอนั้น เดนิส ฟลอรี หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยและความมั่นคงทางนิวเคลียร์ของไอเออีเอ กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวจากสำนักงานใหญ่ขององค์กรนี้ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ว่า ระดับรังสีที่พบในหมู่บ้านลิตาเตะ สูงเกินเกณฑ์ที่ถือกันว่าควรต้องสั่งอพยพประชาชน

    โดยที่ เอเลนา บูโกลวา ผู้อำนวยการของศูนย์เหตุการณ์และภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ ของไอเออีเอ ระบุว่า วัดกัมมันตภาพรังสีที่หมู่บ้านแห่งนั้นได้ 2 เมกะเบคเคอเรลต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงกว่าระดับที่ไอเออีเอแนะนำให้อพยพประชาชน “ราวสองเท่าตัว”

    ทั้งนี้ไอเออีเอได้แนะนำญี่ปุ่นให้ “ประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบระมัดระวัง และพวกเขาก็แสดงท่าทีว่าเรื่องนี้ได้ถูกนำมาประเมินค่าไปแล้ว” ฟลอรีกล่าว

    ในเวลานี้ทางการญี่ปุ่นกำหนดให้พื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้าแห่งนี้ในวงรัศมี 20 กิโลเมตร เป็นเขตที่ประชาชนต้องอพยพออกไป และผู้ที่อยู่ในวงรัศมีระหว่าง 20-30 กิโลเมตร ควรที่จะโยกย้ายออกเช่นกัน แต่ยังไม่ถือเป็นเขตอพยพ เพียงแต่ถ้าจะอยู่ต่อก็ให้อยู่แต่ภายในอาคาร ถึงแม้มีหลายๆ ฝ่ายเสนอแนะไว้ก่อนหน้านี้ เช่นสหรัฐฯได้มีคำชี้แนะพลเมืองและกำลังทหารของตนซึ่งมาช่วยเหลือการกู้ภัยบรรเทาทุกข์คราวนี้ ต้องอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ในรัศมี 80 กิโลเมตร ทว่าฝ่ายโตเกียวก็ยืนยันตลอดมาว่ายังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะต้องมีการขยายพื้นที่อพยพ

    Around the World - Manager Online -
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผวารังสี! ศพนับพันยังถูกทิ้งไว้รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่น

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 03:30 น.
    [​IMG]

    เจ้าหน้าสวมชุดป้องกันกัมมันตภาพรังสีระหว่างเข้ากู้ศพผู้เสียชีวิตรายหนึ่งห่างจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 5 กิโลเมตร


    เกียวโดนิวส์ - ความหวั่นกลัวต่อกัมมันตรังสีขัดขวางเจ้าหน้าที่ซึ่งพยายามเข้าไปเก็บกู้ศพเหยื่อผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวและสึนามิอีกนับ 1,000 ศพ ในรัศมีโซนอพยพ 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ

    แหล่งข่าวตำรวจเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (31) ว่า “มีหลายศพที่ได้รับกัมมันตรังสีระดับสูงหลังเสียชีวิตแล้ว” ทั้งนี้สิ่งที่ยืนยันคำพูดดังกล่าวได้เป็นอย่างดีก็คือ เมื่อวันอาทิตย์ (27) มีการตรวจเจอกัมมันตรังสีระดับสูงในศพผู้เสียชีวิตร่างหนึ่งที่ถูกพบในโอคุมะ จังหวัดฟูกูชิมะ ห่างจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ราว 5 กิโลเมตร

    เวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาหาวิธีการเข้าไปเก็บศพเหล่านั้น ท่ามกลางความกังวลว่าตำรวจ คณะแพทย์และญาติผู้เศร้าโศกของผู้เสียชีวิตอาจได้รับกัมมันตภาพรังสีที่แพร่กระจายจากศพที่กู้มาหรือ ณ ห้องเก็บศพต่างๆ

    เดิมทีพวกเขามีแผนตรวจสอบศพหลังจากเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตเหล่านั้นออกนอกเขตอพยพ แต่ต้องมีการทบทวนแผนใหม่เนื่องจากความกังวลต่อการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสี

    ชาวบ้านถูกเคลื่อนย้านออกนอกโซนอพยพนับตั้งแต่วิกฤตนิวเคลียร์ ณ โรงไฟฟ้าเริ่มขึ้นตามหลังภัยพิบัติสึนามิและแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 มีนาคม นำมาซึ่งการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีหลังระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์และบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วได้รับความเสียหายจากหายนะดังกล่าว

    แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า แม้มีการส่งมอบศพให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตไปแล้ว แต่การฌาปนกิจอาจก่อการแพร่กระจายของกลุ่มควันที่บรรจุกัมมันรังสีขณะที่การฝังก็มีสิทธิ์ทำให้เกิดการปนเปื้อนในดินรอบพื้นที่ฝังศพ

    เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะขจัดสารปนเปื้อนและตรวจสอบ ณ จุดที่พบเลย แต่แหล่งข่าวระบุว่าการทำสะอาดศพที่เน่าเปื่อยอยู่แล้วก็อาจก่อความเสียหายแก่ศพเพิ่มเติมจนยากที่จะระบุเอกลักษณ์บุคคลได้

    ทั้งนี้แม้ไม่นับรวมศพที่ยังไม่สามารถเก็บกู้ได้รอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ แต่ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวและสึนามิที่ยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดี (31) อยู่ที่ 11,417 คน สูญหาย 16,361 คน

    Around the World - Manager Online -
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวระยองสุดทนกลิ่นเหม็นโรงงานไบเออร์ไทย ส่ง รพ.กว่า 50 ราย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 23:05 น.

    ระยอง- กลิ่นเหม็นสะสมจากโรงงานไบเออร์ไทย ตั้งแต่วันที่ 30 ส่งผลให้เด็กและผู้ใหญ่กว่า 50 ราย เกิดอาเจียน แสบคอ แสบตาและจมูก ต้องส่งเข้ารพ.ไปให้แพทย์ตรวจอาการ ที่รพ.กรุงเทพระยอง กลางดึก

    เวลา 21.00น.วันนี้( 31 มีนาคม 2554 ) นายถนอม มิ่งแม้น ประธานชุมชนประมงตากวน-อ่าวประดู่ เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมืองระยอง แจ้งว่าชาวบ้านประมงรวมทั้งเด็กกว่า 50 คน สูดดมกลิ่นเหม็นแก๊สอย่างรุนแรงเด็กมีอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน ไปดูที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด พนักงานบริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด(มหาชน)กำลังขนย้ายเด็กและผู้ใหญ่กว่า 50 คนขึ้นรถตู้และ รถยนต์กระบะ รวม 4 คัน ไปให้แพทย์ตรวจอาการที่รพ.กรุงเทพระยอง

    สาเหตุเกิดจากกรณีบริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด(มหาชน) ซื้อน้ำคอนเดนเซสจากบริษัท โกลว์ มาใช้ในขบวนการผลิตหลังจากนั้นจะส่งกลับไปให้บริษัทโกลว์ เพื่อนำไปผลิตใหม่ระหว่างที่ส่งกลับไปใหม่ เกิดท่อรั่วทำให้สารฟีนอล เข้าไปในระบบท่อส่งน้ำ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายจึงสั่งระงับทันที แต่กลิ่นเหม็นยังฟุ้งกระจายทำให้ชาวบ้านแตกตื่นเหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุการณ์ ทางการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สั่งให้นำน้ำที่ปนเปื้อนสารฟีนอลมาบำบัดใหม่ที่บริษัท ไบเออร์ไทย

    ชาวประมง กล่าวว่า บ่ายวันเดียวกันได้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้นมาอย่างรุนแรงอีก กลุ่มชาวประมงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้รับกลิ่นเหม็นเป็นระยะ สร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชนประมงดังกล่าว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประทีป เอ่งฉ้วน ผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้สั่งให้ไบเออร์หยุดการบำบัดน้ำในระบบเปิดทันที และเมื่อเวลา 20.00น. บริษัท ไบเออร์ ได้ทำการชัตดาว์นเครื่องจักร ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น เจ้าหน้าที่โรงงานกล่าวว่ากลิ่นเหม็นจากการชัตดาว์นจะเหม็นตั้งแต่เวลา 20.00น. - 24.00น. หลังจากนั้นกลิ่นเหม็นก็จะหมดไป

    นายถนอม มิ่งแม้น ประธานชุมชนประมงตากวน - อ่าวประดู่ กล่าวว่า เด็กและผู้ใหญ่กลุ่มประมง ได้รับกลิ่นเหม็นสะสมมาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม จนถึงคืนวันที่ 31 มีนาคม ทำให้เด็กๆทนกลิ่นเหม็นไม่ไหวเกิดอาเจียน แสบคอ แสบตาและจมูก จึงโทรศัพท์แจ้งไปยังโรงงานไบเออร์ไทย ให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลโดยด่วน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายทั้งเด็กและผู้ใหญ่กว่า 50 คน ส่งรพ.กรุงเทพระยองกลางดึก

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    Local - Manager Online -
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เตือนงดหิ้วผัก-ผลไม้ญี่ปุ่น ล่าสุดพบนักท่องเที่ยวนำ “ผักอูโด” ปนเปื้อนเข้าไทย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 16:31 น.
    [​IMG]

    ผัก "อูโด้" ภาพประกอบจากอินเทอร์เนต

    เตือนนักท่องเที่ยว “งดหิ้วผัก-ผลไม้จากญี่ปุ่น” เสี่ยงปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ล่าสุด อย.ได้เก็บตัวอย่างผัก-ผลไม้ จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับจากญี่ปุ่น พบการปนเปื้อน สารกัมมันตรังสี แต่อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย อย.จึงขอให้งดซื้อผัก-ผลไม้ จากญี่ปุ่นเพื่อบริโภคในช่วงเวลานี้ พร้อมเผย รายงานการเก็บตัวอย่างตรวจหาสารกัมมันตรังสีทั้งหมด 139 ตัวอย่าง ได้รับผลแล้ว 122 ตัวอย่าง ทุกตัวอย่าง อยู่ในเกณฑ์ “ปกติ”

    นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการ-อาหารและยา (อย.) ได้ดำเนินมาตรการในการเฝ้าระวังการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในอาหารที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2554 ณ ด่านอาหารและยาทุกแห่ง ซึ่งเมื่อวันที่ 29มีนาคม 2554 อย.ได้ตรวจนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้ซื้อ “ผักอูโด” กลับมารับประทาน จำนวน 1 กิโลกรัม ผลการตรวจพบไอโอดีน I-131 ปริมาณ 12.92 เบคเคอเรล/กิโลกรัม(Bq/Kg.) ซีเซียม-134 (Cs-134) ปริมาณ 3.50 เบคเคอเรล/กิโลกรัม (Bq/Kg.) และซีเซียม-137 Cs-137) ปริมาณ 5.12 เบคเคอเรล/กิโลกรัม (Bq/Kg.) จึงได้อายัดทั้งหมด แม้ว่าจะอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค อย.ขอให้ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นงดนำเข้าผัก-ผลไม้ เพราะอาจเสี่ยงการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ในช่วงเวลานี้

    เลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า จนกระทั่งถึงวันนี้ (31 มี.ค.) อย.ได้เก็บตัวอย่างอาหารให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตรวจหาสารกัมมันตรังสีจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติแล้ว จำนวน 139 ตัวอย่าง ได้รับผลวิเคราะห์ล่าสุดวันนี้ เวลา 12.30 น.จำนวน 122 ตัวอย่าง ทุกตัวอย่างอยู่ในเกณฑ์ “ปกติ”

    [​IMG]

    ผัก "อูโด้" ภาพประกอบจากอินเทอร์เนต


    ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริโภควางใจในการดำเนินงานของ อย.ซึ่งจะเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลจากทั้งในและ ต่างประเทศ รวมทั้งมีมาตรการในการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด และขอความร่วมมือผู้นำเข้าให้ระมัดระวังการ นำเข้าอาหารจากเกาะฮอนชู โดยเฉพาะผักและผลไม้ ซึ่ง อย.จะเก็บตัวอย่างทุกรายการ รวมทั้งขอให้ผู้นำเข้า ชะลอการจำหน่าย/กระจายสินค้าเหล่านี้ จนกว่าจะได้รับผลตรวจแจ้งจาก อย.

    สำหรับอาหารทะเล อย.จะสุ่มตัวอย่างเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย.จะรายงานผลการตรวจวิเคราะห์และสถานการณ์ความคืบหน้าให้ประชาชนได้ทราบ ผ่านทุกสื่อ รวมทั้ง เว็บไซต์ : : : Food and Drug Administration : :
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รายงานเผยผู้ช่วย “ลูกชายกัดดาฟี” แอบเจรจา “อังกฤษ”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 08:41 น.

    [​IMG]
    พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย


    เอเอฟพี - ผู้ช่วยอาวุโสรายหนึ่งในรัฐบาลกัดดาฟี แอบติดต่อเจรจากับรัฐบาลอังกฤษ หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน รายงานบนเว็บไซต์วานนี้(31)

    กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษปฏิเสธที่จะพูดถึงรายงานซึ่งอ้างว่าเจ้าหน้าที่อังกฤษได้เจรจากับโมฮัมเหม็ด อิสมาอีล ผู้ช่วยอาวุโสของ ซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายของกัดดาฟี อย่างลับๆ

    การ์เดียนอ้างแหล่งข่าวภายในรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเปิดเผยว่า ทั้ง 2 ประเทศมีการติดต่อกันหลายครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าเป็นความพยายามหาทางออกให้แก่กัดดาฟีนั่นเอง

    โทรเลขซึ่งถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์วิกิลีกส์ เผยว่า แม้อิสมาอีลจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักทั้งในลิเบียและบนเวทีโลก แต่เขาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของซาอิฟ อัล-อิสลาม และมีหน้าที่เจรจาสั่งซื้ออาวุธในนามของลิเบีย

    ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษเคยให้สัมภาษณ์กับการ์เดียนว่า จะไม่ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารระหว่างอังกฤษและลิเบีย

    รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยหลังจากที่ มุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบีย หลบหนีมายังกรุงลอนดอนและประกาศลาออกจากตำแหน่งเพียง 1 วัน

    รัฐบาลอังกฤษยืนยันวานนี้ (31) ว่าจะไม่ให้ความคุ้มครองใดๆ แก่ คุสซา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการเหตุระเบิดล็อกเกอร์บีเมื่อปี 1988 พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ลิเบียคนอื่นๆถอนตัวออกจากระบอบกัดดาฟี

    เมื่อวันพุธ (30) ที่ผ่านมา วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ประกาศขับไล่นักการทูตลิเบีย 5คนในกรุงลอนดอน โดยอ้างว่าเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ

    Around the World - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    น้ำมันพุ่งจ่อสูงสุดในรอบปี - หุ้นสหรัฐฯ ปิดในกรอบแคบ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 05:00 น.
    [​IMG]

    เอเอฟพี - ราคาน้ำมันพุ่งจ่อระดับสูงสุดในรอบปีเมื่อวันพฤหัสบดี (31) หลังสมุนของกัดดาฟี รุกคืบยึดคืนเมืองจากกลุ่มกบฏ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดในกรอบแคบๆ จากข้อมูลผสมผสานทางเศรษฐกิจ

    สัญญาล่วงหน้าน้ำมันไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 2.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เฉียดใกล้ระดับสูงสุดในรอบปี 106.95 ดอลลาร์ ณ วันที่ 7 มีนาคม ขณะที่เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 117.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    นักวิเคราะห์รายหนึ่งจากลินด์ วัลดอค กล่าวว่าตลาดกำลังจับตาความคืบหน้าสถานการณ์ในลิเบีย หลังล่าสุดมีรายงานว่าฝ่ายกบฏถูกกองกำลังของกัดดาฟีรุกไล่อย่างหนัก

    “ตอนที่นาโตเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ผู้คนต่างคิดว่ามันอาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ และเราได้รับรายงานว่ากบฏรุกคืบเข้าสู่เมืองแหล่งส่งออกน้ำมันสำคัญ 2 แห่ง ทว่ากบฏเหล่านั้นได้ถูกทหารของกัดดาฟีผลักดันจนต้องล่าถอยออกมา”

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้(31) ปิดผสมผสาน หลังแนวโน้มที่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจอเมริกา กลบกระแสความกังวลต่อข้อมูลทางลบในระยะสั้นและปัญหาในภาคธนาคารของไอร์แลนด์

    ดัชนีทั้ง 3 ตัวของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ แกว่งตัวกลับมาปิดใกล้กับตอนเปิดตลาด ก่อนหน้ารายงานสำคัญเกี่ยวกับตลาดแรงงานในเดือนมีนาคม ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ (1เม.ย.)

    ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 30.88 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,319.73 แนสแดค เพิ่มขึ้น 4.28 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,781.07 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.43 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,325.83 จุด

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “ซีเรีย” ตั้งคณะกรรมการศึกษา-เตรียมยกเลิก กม.สถานการณ์ฉุกเฉิน

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 18:29 น.
    [​IMG]

    กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ก้มลงจูบรูปของผู้นำซีเรีย ระหว่างการชุมนุมแสดงพลังรักในตัวผู้นำท่านนี้





    เอเอฟพี - ซีเรียกำลังตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ เพื่อออกกฎหมายฉบับใหม่ และเตรียมยกเลิกกฏหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 1963 สำนักข่าวซานาของรัฐบาลซีเรียรายงาน วันนี้ (31)

    “ด้วยดำริของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายนี้ก่อตั้งขึ้นมา เพื่อศึกษากฏหมายความมั่นคง และกฏหมายต่อต้านการก่อการร้ายฉบับใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการปูทางไปสู่การยกเลิกกฏหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน” สำนักข่าวซานา รายงาน

    “คณะกรรมการกฎหมายชุดนี้จะเสร็จสิ้นการศึกษากฏหมายฉบับใหม่ในวันที่ 25 เมษายน”

    ทั้งนี้ ประธานาธิบดี อัสซาด กำลังเผชิญกับวิกฤตแรงกดดันภายในประเทศ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนตลอดช่วงเวลา 11 ปีในการปกครองซีเรีย โดยมีผู้ประท้วงจำนวนมากชุมนุมร้องหาสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 อนึ่ง ซีเรียประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้วเกือบ 50 ปี ซึ่งมีข้อบังคับเข้มงวด ตั้งแต่ห้ามการชุมนุม และเคลื่อนไหว ไปจนถึงขั้นให้อำนาจเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ในการจับกุมตัว “ผู้ต้องสงสัย หรือ บุคคลที่อาจคุกคามความมั่นคงของรัฐ” ภายใต้กฏหมายฉบับดังกล่าว เจ้าหน้าที่ยังสามารถสืบสวนสอบสวน และแกะรอยการติดต่อสื่อสารบุคคลใดๆ ก็ได้ อีกทั้งเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ จะต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการก่อนเผยแพร่

    วันพรุ่งนี้ (1 เม.ย.) ฝ่ายผู้ประท้วงเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมกันให้มากยิ่งขึ้น หลังเสร็จสิ้นการละหมาดประจำวันศุกร์

    กลุ่มผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพประเมิน ว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 130 คนจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง โดยศูนย์กลางการชุมนุมอยู่ที่เมืองดารา ทางใต้ และเมืองลาตาเกีย ทางเหนือของซีเรีย

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลซีเรียแถลงชี้แจง ว่า มีผู้เสียชีวิตเพียง 30 รายเท่านั้น

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000040925
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “ซีเรีย” ตั้งคณะกรรมการศึกษา-เตรียมยกเลิก กม.สถานการณ์ฉุกเฉิน

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 18:29 น.
    [​IMG]

    กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ก้มลงจูบรูปของผู้นำซีเรีย ระหว่างการชุมนุมแสดงพลังรักในตัวผู้นำท่านนี้





    เอเอฟพี - ซีเรียกำลังตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ เพื่อออกกฎหมายฉบับใหม่ และเตรียมยกเลิกกฏหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 1963 สำนักข่าวซานาของรัฐบาลซีเรียรายงาน วันนี้ (31)

    “ด้วยดำริของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายนี้ก่อตั้งขึ้นมา เพื่อศึกษากฏหมายความมั่นคง และกฏหมายต่อต้านการก่อการร้ายฉบับใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการปูทางไปสู่การยกเลิกกฏหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน” สำนักข่าวซานา รายงาน

    “คณะกรรมการกฎหมายชุดนี้จะเสร็จสิ้นการศึกษากฏหมายฉบับใหม่ในวันที่ 25 เมษายน”

    ทั้งนี้ ประธานาธิบดี อัสซาด กำลังเผชิญกับวิกฤตแรงกดดันภายในประเทศ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนตลอดช่วงเวลา 11 ปีในการปกครองซีเรีย โดยมีผู้ประท้วงจำนวนมากชุมนุมร้องหาสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 อนึ่ง ซีเรียประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้วเกือบ 50 ปี ซึ่งมีข้อบังคับเข้มงวด ตั้งแต่ห้ามการชุมนุม และเคลื่อนไหว ไปจนถึงขั้นให้อำนาจเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ในการจับกุมตัว “ผู้ต้องสงสัย หรือ บุคคลที่อาจคุกคามความมั่นคงของรัฐ” ภายใต้กฏหมายฉบับดังกล่าว เจ้าหน้าที่ยังสามารถสืบสวนสอบสวน และแกะรอยการติดต่อสื่อสารบุคคลใดๆ ก็ได้ อีกทั้งเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ จะต้องได้รับการตรวจสอบจากทางการก่อนเผยแพร่

    วันพรุ่งนี้ (1 เม.ย.) ฝ่ายผู้ประท้วงเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมกันให้มากยิ่งขึ้น หลังเสร็จสิ้นการละหมาดประจำวันศุกร์

    กลุ่มผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพประเมิน ว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 130 คนจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง โดยศูนย์กลางการชุมนุมอยู่ที่เมืองดารา ทางใต้ และเมืองลาตาเกีย ทางเหนือของซีเรีย

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลซีเรียแถลงชี้แจง ว่า มีผู้เสียชีวิตเพียง 30 รายเท่านั้น

    Around the World - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ‘ปธน.อัฟกานิสถาน’ ประณาม ‘แก๊งทหารเลวมะกัน’ ฆ่าพลเรือนเล่นเป็นผักปลา

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 17:10 น.
    [​IMG]

    ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ กล่าวถึงคดีทหารสหรัฐฯ สังหารพลเรือนอัฟกานิสานเป็นครั้งแรก ระหว่างพิธีสำเร็จการศึกษา วานนี้ (30)

    เอเอฟพี - ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ผู้นำอัฟกานิสถาน เอ่ยถึงคดีฆาตกรรมสุดป่าเถื่อนจากน้ำมือทหารอันธพาลสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก วานนี้ (30) หลังพลเรือนอัฟกานิสถานจำนวนหนึ่งทั้งเด็กและคนชราถูกกลุ่มทหารที่เรียกตัวเองว่า “คิลทีม” ฆ่าและตัดชิ้นส่วนอวัยวะเก็บไว้ดูเพียงเพื่อความบันเทิง

    ในการแสดงทัศนะต่อพฤติกรรมผิดมนุษย์มนาของทหารอเมริกันดังกล่าว ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ยืนยันกับประชาชนว่า ชาวสหรัฐฯ ทั่วไปได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับทหารอันธพาลแก๊ง “คิลทีม” ซึ่งถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าฆ่าพลเรือนอัฟกานิสถาน และหั่นอวัยวะของเหยื่อออกจากร่าง

    คาร์ไซกล่าวว่า เขารู้สึกสลดใจอย่างยิ่งเมื่อได้อ่านรายงานของนิตยสารสหรัฐฯ ฉบับหนึ่งเกี่ยวกับทหารกลุ่มนี้ที่เที่ยวไล่ฆ่าเด็กๆ และผู้สูงอายุชาวอัฟกานิสถานโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทั้งๆ ที่เด็กและคนชราไม่มีทางเป็นอันตายต่อชีวิตของพวกเขาแม้แต่น้อย

    “พวกทหารสหรัฐฯ ฆ่าเยาวชนของเราเพื่อความบันเทิง พวกเขาฆ่าคนเฒ่าคนแก่ และฆ่าเด็กๆ ของเราโดยวางแผนไว้ล่วงหน้า” ประธานาธิบดีคาร์ไซ กล่าวสุนทรพจน์ต่อกลุ่มอาจารย์ ในพิธีสำเร็จการศึกษา ณ กรุงคาบูล วานนี้

    “ผมอยากให้คนสหรัฐฯ ทั่วไปได้ยินเสียงของผม และสำเหนียกไว้ว่า ชาวอัฟกันทั้งเด็กและชราถูกสหรัฐฯ กดขี่มาตลอด”

    สัปดาห์นี้นิตยสารโรลลิงสโตน ของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์ภาพชุดพฤติกรรมสุดป่าเถื่อน พร้อมรายละเอียดเบื้องลึกของกลุ่มทหารอันธพาลดังกล่าว โดยเนื้อความภายในได้อธิบายถึงวิธีการเลือกเด็กหนุ่มชาวไร่คนหนึ่งเป็นเหยื่อสังหารรายแรกของแก๊งคิลทีม เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ทหารกลุ่มนี้ยังพัวพันกับการใช้ยาเสพติดหลายชนิด และสังหารพลเรือนอัฟกานิสถานอีกหลายรายด้วยระเบิดในพื้นที่จังหวัดกันดาฮาร์ ระหว่างช่วงต้นปี 2010

    ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีทหารรายหนึ่งถูกตัดสินจำคุกแล้ว 24 ปีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาเป็นหนึ่งใน 2 คนที่เริ่มขว้างระเบิดใส่เด็กหนุ่มชาวไร่ ก่อนจะยิงทิ้งและสร้างเรื่องลวงว่าผู้เสียชีวิตเป็นฝ่ายโจมตีหน่วยทหารของเขาด้วยระเบิดมือ นอกจากนี้ หนึ่งในภาพชุดที่นิตยสารโรลลิงสโตนนำออกมาเผยแพร่ มีภาพมือขวาของเด็กชายคนหนึ่งที่นิ้วขาด ซึ่งถูกทหารแก๊งนี้ตัดเก็บไว้ ตามพฤติกรรมโหดเหี้ยม

    ในช่วงหลายเดือนต่อจากนั้น ทหารสหรัฐฯ คู่นี้ยังรวมหัวกับคนอื่นๆ ฆ่าพลเรือนอัฟกานิสถานอีกมากด้วยเหตุผลเดียวกัน กล่าวคือ เพื่อความบันเทิง นิตยสารโรลลิงสโตนรายงาน อ้างอิงข้อมูลจากพยาน ซึ่งขึ้นให้การระหว่างการพิจารณาคดีของศาลทหาร หลังพฤติกรรมดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่รายหนึ่งนำออกมาเปิดเผย

    “ผมอ่านเนื้อหาทั้ง 9 หน้าเมื่อคืนก่อน (29) มันเป็นเรื่องน่าสลดหดหู่อย่างยิ่ง” ประธานาธิบดีคาร์ไซกล่าว “ขอพระเจ้าโปรดลงทัณฑ์พวกเขา”

    กองทัพสหรัฐฯ ได้แสดงความเสียใจต่อชาวอัฟกานิสถานอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์เกิดขึ้น ส่วนคำแถลงของเพนตากอนก็ระบุว่าการกระทำดังกล่าวขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับมาตรฐานอันดีงามของกองทัพพญาอินทรี

    [​IMG]

    ภาพของ สิบโท เจเรมี เมอร์ล็อก (ซ้าย) และ พลทหาร แอนดรูว โฮล์มส์ (ขวา) สองอันธพาลแก๊งคิลทีมในหน่วยทหารสหรัฐฯ ประจำอัฟกานิสถาน
    [​IMG]

    กุล มูดิน เด็กหนุ่มวัย 15 ปี เหยื่อรายแรกของแก๊ง “คิลทีม”
    [​IMG]

    หลังสังหารเหยื่อเพื่อความสะใจ ทหารกลุ่มนี้จะถ่ายรูป หรือตัดอวัยวะของศพเก็บไว้

    [​IMG]

    ภาพศีรษะนักรบกลุ่มตอลิบานถูกไม้ฟาดอย่างไม่ปรานีปราศรัย แม้ผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นกลุ่มหัวรุนแรง แต่การบันทึกภาพศพ และเผยแพร่ถือว่า ละเมิดกฎทหาร

    Around the World - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เว่อร์ได้อีก! เศรษฐีจีนส่ง “ฮ.” บินรับลูกสาวถึงวิทยาลัย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 08:13 น.
    [​IMG]

    ASTVผู้จัดการ –สื่อจีนฮือฮา เหตุคลิปเฮลิคอปเตอร์บินรับนักศึกษาสาวถึงสนามหญ้าในวิทยาลัยแพร่ทั่วโลกไซเบอร์ ชาวเน็ตนินทาเศรษฐีหรือลูกเศรษฐีส่งมารับแฟนสาว วิทยาลัยอ้างแค่พ่อใช้ ฮ.พ่นยาฆ่าแมลง แวะมารับลูกสาวกลับบ้าน คนบันเทิงจีนไม่เชื่อชี้อาจเป็นแผนจัดฉากหวังดันเข้าวงการ

    ASTVผู้จัดการ –สื่อจีนฮือฮา เหตุคลิปเฮลิคอปเตอร์บินรับนักศึกษาสาวถึงสนามหญ้าในวิทยาลัยแพร่ทั่วโลกไซเบอร์ ชาวเน็ตนินทาเศรษฐีหรือลูกเศรษฐีส่งมารับแฟนสาว วิทยาลัยอ้างแค่พ่อใช้ ฮ.พ่นยาฆ่าแมลง แวะมารับลูกสาวกลับบ้าน คนบันเทิงจีนไม่เชื่อชี้อาจเป็นแผนจัดฉากหวังดันเข้าวงการ[/B]


    <CENTER><IFRAME title="YouTube video player" src="http://www.youtube.com/embed/t2wxZv9QGYU" frameBorder=0 width=480 height=390 allowfullscreen></IFRAME></CENTER>


    ช่วงบ่าย เวลาประมาณ 15.40น. ของวันที่ 19 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา ที่วิทยาลัยเต๋อโจว ในมลฑลซานตง (ชานตุง) ประเทศจีน ได้มีเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กสีแดงลำหนึ่งลงจอดกลางสนามหญ้าของมหาวิทยาลัย โดยเสียงเครื่องยนต์และใบพัดที่ดังกระหึ่มของเฮลิคอปเตอร์ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดานักศึกษาของวิทยาลัย โดยหลังจากเฮลิคอปเตอร์สีแดงลงจอดก็มีชายในชุดดำผู้หนึ่งเดินลงมาพร้อมโทรศัพท์แนบหู และหลังจากนั้นไม่นานก็มีนักศึกษาสาวผู้หนึ่งวิ่งมาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ และบินจากไป

    สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว มีนักศึกษาของวิทยาลัยเต๋อโจว บางส่วนได้ควักโทรศัพท์มือถือของตนเองเพื่อมาบันทึกภาพวิดีโอเอาไว้ได้ และหลายวันต่อมาได้นำมาเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของจีน ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับชาวจีนเป็นอย่างมาก โดยมีรายงานว่าภายในเวลา 12 ชั่วโมง ที่วิดีโอคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ Youku.com ก็มีผู้เข้าชมกว่า 1.2 ล้านครั้ง

    ทั้งนี้ชาวเน็ตจีนจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสังเกตว่า หากกรณีนี้เป็นกรณีที่พ่อแม่ส่งเฮลิคอปเตอร์มารับลูกที่เป็นนักศึกษากลับบ้านก็สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมความฟุ่มเฟือยของบรรดาเศรษฐีในเมืองจีน ขณะที่บางส่วนนินทาว่ากรณีนี้อาจจะเป็นมหาเศรษฐีจีนส่งเฮลิคอปเตอร์มารับ “ภรรยาน้อย” ที่เป็นนักศึกษา หรือ ลูกมหาเศรษฐีขับเฮลิคอปเตอร์ (富二代; Wealthy second-generation) มารับแฟนสาวไปกินข้าวก็เป็นได้

    ต่อมาผู้สื่อข่าวของมณฑลซานตงได้พยายามสืบเสาะว่า เรื่องราวดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร และหญิงสาวคนที่ว่าเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยเต๋อโจวจริงหรือไม่ โดยเมื่อวันอังคารที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมาสื่อท้องถิ่นได้รายงานว่า ทางวิทยาลัยเต๋อโจวได้เรียกประชุมบุคลากรเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว

    ผลการประชุมสรุปว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยจริง ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวก็เป็นเฮลิคอปเตอร์ของบริษัทการเกษตรแห่งหนึ่งในเมืองเต๋อโจว ซึ่งบิดาส่งมารับบุตรสาวกลับบ้าน โดยก่อนหน้าที่เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวจะลงจอดในวิทยาลัยก็เพิ่งไปปฏิบัติพ่นยาฆ่าแมลงมาก่อน และแวะมารับลูกสาวกลับจากโรงเรียน โดยหญิงสาวคนดังกล่าวมีชื่อเล่นว่า “อาฉิง” ซึ่งเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักศึกษาว่าเป็นสาวสวย

    ขณะที่คนในแวดวงบันเทิงจีนตั้งข้อสังเกตว่า กรณีดังกล่าวอาจมีเบื้องหลังคือ อาจเป็นบันไดขั้นแรกในการจัดฉากเพื่อโปรโมต “อาฉิง” ให้เข้าสู่วงการบันเทิงก็ได้

    ชี้นโยบายจีนส่งเสริมเครื่องบินส่วนตัว

    ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน 2553 สื่อจีนและสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานว่า รัฐบาลและคณะกรรมการกลางการทหารของรัฐ ได้มีจดหมายเวียนระบุว่า “จีนจะค่อยๆ เปิดน่านฟ้าบางส่วนที่ระดับต่ำกว่า 1,000 เมตร ให้กับสายการบินเอกชน เพื่อส่งเสริมภาคการบินทั่วไปของประเทศ”

    ทั้งนี้เป็นที่คาดการณ์ว่า การปฏิรูปมาตรการการบินในน่านฟ้าระดับล่าง จะส่งเสริมให้ผู้คนมีเครื่องบินส่วนตัวมากขึ้น และให้การส่งเสริมภารกิจการบินพลเรือนอื่นๆ อาทิ การบรรเทาภัยทางอากาศ การขนส่งผู้ป่วยทางอากาศ เป็นต้น ส่วนข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส์ก็ระบุว่า ขณะนี้จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐีระดับพันล้านมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ หลายฝ่ายจึงมองว่า ตลาดการบินภาคเอกชนและการบินเพื่อการท่องเที่ยวของจีนจะมีศักยภาพในระยะยาว

    [​IMG]

    [​IMG]

    สื่อจีนเขียนการ์ตูนล้อเลียนเหตุการณ์ในคลิปวิดีโอในมุมมองที่ว่าวิธีการจีบสาวของเศรษฐีจีนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก
    [​IMG]

    ภาพของ “อาฉิง” นศ.สาวแห่งวิทยาลัยเต๋อโจวที่สื่อจีนเผยแพร่

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    China - Manager Online -
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กลาโหมจีนออก “สมุดปกขาว” จับตาอิทธิพลกองทัพมะกันในภูมิภาค
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 เมษายน 2554 08:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เรือบรรทุกอากาศยานของสหรัฐฯ “จอร์จ วอชิงตัน” จอดอยู่ในแถบทะเลจีนตะวันออกใกล้กับคาบสมุทรเกาหลี (กรกฎาคม 2553) (ภาพเอเยนซี)

    เอเยนซี - กระทรวงกลาโหมจีนออก “สมุดปกขาว” เมื่อวันพฤหัส (31 มี.ค.) ระบุ จีนตระหนักถึงอิทธิพลของการขยายแสนยานุภาพทางทหารของมะกันในเอเชีย

    ทางการจีนได้ออก “สมุดปกขาว” มาตั้งแต่ปี 2541 และในครั้งนี้ เป็นฉบับที่ 7 โดยรายละเอียดระบุว่า จีนไม่เคยต้องการครองความเป็นจ้าว หรือขยายสรรพกำลังทางทหารไปครอบงำประเทศอื่น การพัฒนากลาโหมจีนมีเป้าหมายเพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้ปรากฏในสายตาชาวโลก ตามที่จีนสัญญาว่าจะพัฒนาอย่างสันติ

    นอกจากนั้น สมุดปกขาวฯ ยังได้สาธยายตั้งแต่นโยบายกลาโหม วิวัฒนาการกองทัพฯจีน ไปจนถึงงบประมาณการใช้จ่ายด้านการทหาร และย้ำว่า “แม้ว่าโลกจะดูเหมือนมีสันติภาพ แต่สถานการณ์ความมั่นคงกลับซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องด้วยบางชาติกำลังแข่งขันทางทหารอย่างดุเดือด”

    ขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายและซับซ้อน

    สมุดปกขาวชี้ว่า “ขณะที่จีนต้องการลดการเผชิญหน้าทางทหาร และหันมาเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่จีนกลับถูกท้าทายจากประเทศรอบข้าง ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ มิหนำซ้ำยังมีกองกำลังของสหรัฐฯประจำการอยู่ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคาบสมุทรเกาหลี”

    สหรัฐฯ กำลังกระตุ้นพันธมิตร พร้อมๆ กับเพิ่มอิทธิพลของตน เพื่อควบคุมเอเชีย โดยจีนเห็นว่า อิทธิพลจากภายนอก (สหรัฐฯ) ที่พยายามจะกร่อนเซาะและแทรกแซงจีน กำลังมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นจนน่ากลัว

    ประเด็นใหญ่โตที่จีนรับไม่ได้ คือ การที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้ใต้หวัน ซึ่งจีนอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนไต้หวัน ดังนั้นการกระทำของสหรัฐฯ จึงทำให้เกิดความตึงเครียด และกระทบต่อสัมพันธภาพที่จีนกำลังค่อย ๆ ฟื้นฟูกับไต้หวันอย่างสันติ

    เจ้าหน้าที่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน เกิ้ง เอี๋ยนเซิง ชี้ว่า จีนทำงานอย่างหนักเพื่อลดความตึงเครียดทางทหารกับไต้หวัน แม้ว่าไต้หวันจะอ้างว่าแผ่นดินใหญ่หันหัวขีปนาวุธไปทางไต้หวันก็ตาม

    นอกจากนั้น เนื้อหาในสมุดปกขาวได้ระบุถึงคาบสมุทรเกาหลี และอัฟกานิสถาน ว่ากำลังเป็นพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงจากภัยจักรวรรดิ

    เกิ้ง เผยด้วยว่า “อย่างไรก็ตาม จีนก็ต้องการสานสัมพันธ์กับสหรัฐฯ” พร้อมกับกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาสูงสุดกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เฉิน ปิ่งเต๋อ จะเดินทางเยือนสหรัฐฯในเดือนพ.ค. นี้ สืบเนื่องจากที่รมต.กลาโหม โรเบิร์ต เกตส์ ของมะกันเยือนจีนในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

    เมื่อต้นเดือนมี.ค. โฆษกรัฐสภาฯ จีนเผย ว่างบประมาณด้านกลาโหมของจีนในปี 2554 เพิ่มขึ้น 12.7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 601,100 ล้านหยวน (ประมาณ2,790,972.4 ล้านบาท) ท่ามกลางความกังวลของญี่ปุ่น อินเดีย มะกัน และอีกหลายประเทศ

    ในงบการใช้จ่ายด้านกลาโหม สมุดปกขาวระบุเพิ่มว่า “การเพิ่มงบกลาโหมปีนี้ จีนมีเหตุผลและอยู่ในระดับที่เหมาะสม”

    งบการใช้จ่ายด้านทหารของจีนประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร การบำรุงและฝึกอบรม และอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งแต่ละรายการมีงบประมาณแบ่งออกเท่า ๆ กัน

    ใน 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากงบประมาณกลาโหมจีนจะนำมาใช้เพื่อการทหารแล้ว ยังได้นำมาใช้ในการบรรลุภารกิจอื่น ๆ อาทิ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ และการล่องเรือคุ้มกันเรือขนส่งอาหารไปยังบริเวณที่เสี่ยงอันตรายในอ่าวเอเดน น่านน้ำโซมาเลีย ฯ

    ขณะที่สหรัฐฯ นั้น เมื่อเดือนก.พ. เพนตากอนก็ประกาศงบกลาโหมในปี 2555 ไม่รวมกับค่าใช้จ่ายในสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน มีมูลค่าถึง 553,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 16,868,103.7 ล้านบาท) ซึ่งยังคงสูงสุดในโลก
    China - Manager Online -
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นักเรียกร้องการปฏิวัติดอกมะลิถูกจับ 3 คนรวด

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 19:36 น.

    [​IMG]
    เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - จีนเพิ่มการปราบปรามฝ่ายต่อต้านรัฐบาล หลังจากมีเสียงเรียกร้องการปฏิวัติ “ดอกมะลิ” ภาคแผ่นดินใหญ่ทางอินเทอร์เน็ต เลียนแบบการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลในโลกอาหรับเวลานี้ โดยจับนักเคลื่อนไหว 3 คนรวดภายในหนึ่งสัปดาห์

    นักเคลื่อนไหวคนล่าสุด ซึ่งถูกจับคือนาย เฉิน เหว่ย วัย 42 ปี ซึ่งอาศัยในมณฑลเสฉวน เขาถูกจับที่เมืองสุยหนิงในข้อหา “ยุยงปลุกปั่นให้เกิดการล้มล้างอำนาจของรัฐ”

    “นอกจากทางการห้ามฉันพบกับเขา ตั้งแต่มีการจับกุมเมื่อเดือนก่อนแล้ว ยังเตือนไม่ให้ฉันพูดคุยกับสื่อมวลชนต่างชาติอีกด้วย” นางหวัง เซียวเยี่ยน ซึ่งเป็นภรรยา เปิดเผยเมื่อวันพุธ (30 มี.ค.)

    “ตอนนี้ฉันกำลังกังวลว่าสามีอาจถูกจำคุกนานถึง 10 ปีเหมือนหลิว เสียนผินก็เป็นได้”

    นายหลิว ซึ่งเป็นนักต่อต้านรัฐบาลในเมืองสุยหนิงถูกศาลตัดสินด้วยโทษสถานหนักดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน โทษฐานพยายามล้มล้างอำนาจรัฐ นอกจากนั้นในช่วงสัปดาห์นี้ นักต่อต้านอีก 2 คนในมณฑลเสฉวนคือนายหราน อวิ้นเฟย และนายติง เหมา ถูกฟ้องด้วยข้อกล่าวหาเดียวกัน

    สำหรับกรณีของนายเฉิน เหว่ยนั้น เขาถูกตำรวจนำตัวออกจากบ้านเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ด้วยข้อหาโพสต์ข้อความในเว็บไซต์ เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุม “ดอกมะลิ” กันทุกวันอาทิตย์

    ทั้งนี้ การปฏิวัติดอกมะลิ เป็นคำที่ชาวตูนิเซียเรียกขานชัยชนะของพวกตนในการ โค่นล้มอำนาจประธานาธิบดีเบน อาลี ผู้นำตูนิเซียได้สำเร็จ ด้านรัฐบาลจีนเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พร้อมกับส่งกำลังตำรวจหลายร้อยนายคอยลาดตระเวนในกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และอีกหลายสิบเมืองในทุกวันอาทิตย์ นอกจากนั้น นับตั้งแต่กลางเดือนก.พ. เป็นต้นมา ยังได้ควบคุมตัวนักเคลื่อนไหว บล็อกเกอร์ และนักกฎหมายกว่า 100 คน ซึ่งต้องสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับการชุมนุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางการได้รอให้การประชุมสภาประชาชนประจำปีเสร็จสิ้นเมื่อกลางเดือนมี.ค.เสียก่อน จึงได้ดำเนินการจับกุมอย่างเป็นทางการ

    นายนิโคลาส บีเกอลิน นักวิจัยอาวุโสของกลุ่มฮิวแมน ไรต์ส ว็อตช์ ในนครนิวยอร์กระบุว่า การจับกุมคนทั้งสามเป็นเรื่องการเมืองอย่างเห็นได้ชัด

    ด้านนาย หยาง เหิงจวิ้น นักเขียนชาวออสเตรเลีย เชื้อสายจีน ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ (27 มี.ค.) ได้โทรศัพท์ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูงแล้วว่า เขาปลอดภัยดี หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ ก่อนหน้าที่จะขาดการติดต่อได้ไม่นาน นายหยางได้โทรศัพท์บอกกับเพื่อนคนหนึ่งว่า เขาอยู่ที่สนามบินก่วงโจว และกำลังถูกชาย 3 คนสะกดรอยตาม

    ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์เอบีซี ของออสเตรเลีย นายหยางระบุว่า ที่ขาดการติดต่อไป เพราะเขาไม่สบาย และโทรศัพท์มือถือมีปัญหา

    China - Manager Online -
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตำรวจระดมรถเกราะ สลายประท้วงไล่ที่สร้างเขื่อน เจ็บนับสิบ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 15:53 น.

    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าควบคุมสถานการณ์การรวมตัวประท้วงของฝูงชนบนถนนในเขตสุยเจียง มณฑลอวิ๋นหนาน(ยูนนาน) เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2554(ภาพเอเอฟพี)


    เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - ชาวบ้านในเขตสุยเจียง มณฑลอวิ๋นหนาน(ยูนนาน) จำนวนมากกว่า 2,000 คน รวมตัวปิดกั้นถนน ประท้วงเรียกร้องค่าชดเชยจากการถูกเวนคืนที่อยู่อาศัยและที่ดินเพาะปลูก เพื่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

    ศูนย์ข้อมูลเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยแห่งฮ่องกง เผย(31มี.ค.) ว่า ชาวบ้านราว 2,000 - 3,000 คน ในเขตสุยเจียง มณฑลอวิ๋นหนาน ได้มารวมตัวกันเมื่อวันศุกร์(25มี.ค.) พร้อมกับปิดกั้นถนนในวันถัดมา และเมื่อวันอังคาร(29มี.ค.) ได้เกิดเหตุปะทะรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธ ราว 1,500 นาย ได้เข้ามาสลายการชุมนุม ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 50 คน เป็นชาวบ้าน 30 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 20 คน

    ขณะที่ รัฐบาลท้องถิ่นสุยเจียง ระบุ เหตุปะทะครั้งรุนแรงนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 17 คน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน

    กลุ่มสิทธิมนุษยชน เผยว่า ชาวบ้านผู้ประท้วงได้ขว้างอิฐใส่กลุ่มตำรวจที่พยายามเข้ามาจับกุม ขณะที่ รายงานข่าวระบุว่า มีการส่งยานพาหนะหุ้มเกราะเข้ามาเสริม ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงต้องล่าถอยในที่สุด

    หลู กวงฝู พยานรู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เผยว่า “เราผิดหวังมาก ที่ไม่ได้รับเงินค่าชดเชยจากการถูกเวนคืนที่ดินและที่อยู่อาศัย”

    พร้อมเผยว่า “เรารู้สึกโกรธมากขึ้น เมื่อทราบว่า ผู้ถูกเวนคืนที่ ซึ่งอยู่อาศัยในอีกฟากของแม่น้ำ และอยู่ในความดูแลของรัฐบาลท้องถิ่นซื่อชวน ได้รับเงินสงเคราะห์พิเศษสำหรับที่อยู่อาศัย คิดเป็นตารางเมตรละ 4 หยวน และได้รับค่าชดเชยที่ดิน 28,000 หยวนต่อ 1 หมู่(亩)(1 หมู่เท่ากับ 0.4 ไร่) ขณะที่ ทางการท้องถิ่นมาบอกกับพวกเราซึ่งเป็นชาวบ้านอวิ๋นหนัน ว่า จะได้เงินช่วยเหลือสำหรับที่อยู่อาศัยแค่ตารางเมตรละ 1 หยวน และได้รับค่าชดเชยที่ดินหมู่ละ 17,000 หยวน”

    ชาวบ้านผู้ไม่เผยนามอีกคนหนึ่ง กล่าวเสริมว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เรายังต้องจ่ายเงินให้กับรัฐบาลท้องถิ่น เป็นจำนวน 2,000 หยวน สำหรับบ้านหลังใหม่ ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เราย้ายไป”

    ศูนย์สิทธิมนุษยชน เผยว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าว ส่งผลให้ชาวบ้านในเขตสุยเจียง ราว 40,000 คน พร้อมกับชาวบ้านในเขตผิงซาน และในบางพื้นที่ของมณฑลซื่อชวน(เสฉวน) อีกราว 60,000 คน ต้องย้ายออกไป

    ทั้งนี้ เขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำเซี่ยงจยาป้า(向家壩) ตั้งอยู่ตอนบนของแม่น้ำแยงซีเกียง ในมณฑลอวิ๋นหนาน เป็นที่คาดการณ์ว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 6,400 เมกะวัตต์ โดยเริ่มกำหนดการสร้างในปี 2555 และจะแล้วเสร็จในปี 2558

    China - Manager Online -
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตำรวจระดมรถเกราะ สลายประท้วงไล่ที่สร้างเขื่อน เจ็บนับสิบ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2554 15:53 น.

    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าควบคุมสถานการณ์การรวมตัวประท้วงของฝูงชนบนถนนในเขตสุยเจียง มณฑลอวิ๋นหนาน(ยูนนาน) เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2554(ภาพเอเอฟพี)


    เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - ชาวบ้านในเขตสุยเจียง มณฑลอวิ๋นหนาน(ยูนนาน) จำนวนมากกว่า 2,000 คน รวมตัวปิดกั้นถนน ประท้วงเรียกร้องค่าชดเชยจากการถูกเวนคืนที่อยู่อาศัยและที่ดินเพาะปลูก เพื่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

    ศูนย์ข้อมูลเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยแห่งฮ่องกง เผย(31มี.ค.) ว่า ชาวบ้านราว 2,000 - 3,000 คน ในเขตสุยเจียง มณฑลอวิ๋นหนาน ได้มารวมตัวกันเมื่อวันศุกร์(25มี.ค.) พร้อมกับปิดกั้นถนนในวันถัดมา และเมื่อวันอังคาร(29มี.ค.) ได้เกิดเหตุปะทะรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธ ราว 1,500 นาย ได้เข้ามาสลายการชุมนุม ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 50 คน เป็นชาวบ้าน 30 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 20 คน

    ขณะที่ รัฐบาลท้องถิ่นสุยเจียง ระบุ เหตุปะทะครั้งรุนแรงนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 17 คน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน

    กลุ่มสิทธิมนุษยชน เผยว่า ชาวบ้านผู้ประท้วงได้ขว้างอิฐใส่กลุ่มตำรวจที่พยายามเข้ามาจับกุม ขณะที่ รายงานข่าวระบุว่า มีการส่งยานพาหนะหุ้มเกราะเข้ามาเสริม ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงต้องล่าถอยในที่สุด

    หลู กวงฝู พยานรู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เผยว่า “เราผิดหวังมาก ที่ไม่ได้รับเงินค่าชดเชยจากการถูกเวนคืนที่ดินและที่อยู่อาศัย”

    พร้อมเผยว่า “เรารู้สึกโกรธมากขึ้น เมื่อทราบว่า ผู้ถูกเวนคืนที่ ซึ่งอยู่อาศัยในอีกฟากของแม่น้ำ และอยู่ในความดูแลของรัฐบาลท้องถิ่นซื่อชวน ได้รับเงินสงเคราะห์พิเศษสำหรับที่อยู่อาศัย คิดเป็นตารางเมตรละ 4 หยวน และได้รับค่าชดเชยที่ดิน 28,000 หยวนต่อ 1 หมู่(亩)(1 หมู่เท่ากับ 0.4 ไร่) ขณะที่ ทางการท้องถิ่นมาบอกกับพวกเราซึ่งเป็นชาวบ้านอวิ๋นหนัน ว่า จะได้เงินช่วยเหลือสำหรับที่อยู่อาศัยแค่ตารางเมตรละ 1 หยวน และได้รับค่าชดเชยที่ดินหมู่ละ 17,000 หยวน”

    ชาวบ้านผู้ไม่เผยนามอีกคนหนึ่ง กล่าวเสริมว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เรายังต้องจ่ายเงินให้กับรัฐบาลท้องถิ่น เป็นจำนวน 2,000 หยวน สำหรับบ้านหลังใหม่ ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เราย้ายไป”

    ศูนย์สิทธิมนุษยชน เผยว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าว ส่งผลให้ชาวบ้านในเขตสุยเจียง ราว 40,000 คน พร้อมกับชาวบ้านในเขตผิงซาน และในบางพื้นที่ของมณฑลซื่อชวน(เสฉวน) อีกราว 60,000 คน ต้องย้ายออกไป

    ทั้งนี้ เขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำเซี่ยงจยาป้า(向家壩) ตั้งอยู่ตอนบนของแม่น้ำแยงซีเกียง ในมณฑลอวิ๋นหนาน เป็นที่คาดการณ์ว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 6,400 เมกะวัตต์ โดยเริ่มกำหนดการสร้างในปี 2555 และจะแล้วเสร็จในปี 2558

    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000040804
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บันทึกกลางกรุง : London UNCUT Alternative !!
    [​IMG]

    ทุกครั้งที่ลมหนาวพัดมา มันจะพัดความสุขเข้ามาเสมอ ตั้งแต่ปีใหม่ที่รอคอยการกลับคืนสู่บ้าน
    ของคนที่รักในครอบครัว รอยยิ้ม ของขวัญ เทศกาลวันหยุด ฯลฯ
    แต่ครั้งนี้แตกต่าง
    เป็นลมหนาวที่เราไม่สามารถวางใจแบบ 'หนาวกายแต่อุ่นใจ'
    ทว่า มันเป็นลมหนาวนอกฤดูกาลที่นำมาซึ่งน้ำ และตามด้วยน้ำตา.. ตั้งแต่สึนามิและพายุฝนทางใต้
    ที่รุกรานความเป็นอยู่ของเรา ให้ตื่นขึ้นมาเผชิญกับชีวิตอันไม่จีรังอย่างแท้จริง




    [​IMG]




    หัวข่าวออนไลน์ช่วงหลัง มีเรื่องให้ได้ติดตามหลายเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน รวมทั้งภาพประท้วงของ
    สหภาพแรงงานเมืองผู้ดีที่ปล่อยผ่านตาไปโดยไม่อ่านไม่ได้ ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า การประท้วงที่
    พร้อมเพรียงเช่นนี้ ต้องนับย้อนหลังไปราวสามสิบปีทีเดียว ช่วงทศวรรษหลังของสหภาพแรงงาน
    อังกฤษ การประท้วงเป็นเรื่องสภาพการจ้างเสียสวนใหญ่ และมักจะเป็นเรื่องของแต่ละองค์กรหรือ
    กลุ่มอาชีพงาน เช่น บริษัทการท่าอากาศยานฯ [BAA] ที่ทำให้ฝ่ายบริหารต้องลงมาคุยโดยมิชักช้า
    ก่อนจะบานปลาย เพราะพนักงานในสนามบินฮีธโรร่วมกันนัดหยุดปฏิบัติงานโดยพร้อมเพรียง ...
    จึงได้ผลชะงัดยิ่ง




    บริษัทนี้ นางมากาเรต แทตเชอร์ นายกรัฐมนตรีหญิง (เหล็ก) ได้แปรรูปจากองค์กรของรัฐให้เป็นบริษัท
    มหาชนในตลาดหลักทรัพย์และยังได้ขายทรัพย์สินของประเทศทอดตลาดไปหลายรายการ ส่วนบริตเรล
    [BritRail- British Rail] การรถไฟแห่งอังกฤษที่มีประท้วงบ้างอย่างสม่ำเสมอนั้น ยังคงรักษาสภาพความ
    เป็นรัฐวิสาหกิจอันทรงประสิทธิภาพแบบดั้งเดิมไว้ได้ ฮา..ฮา..!





    ศรษฐกิจย่ำแย่ของแดนผู้ดีเหมือนได้รับเชื้อโรคติดต่อมาจากสหรัฐคราวป่วยด้วยโรคฟองสบู่จากอสังหาริมทรัพย์
    ที่ฟุ้งกระจายข้ามมาไกลเมื่อสามปีก่อน ราวปี 2008 ต่อ 2009 ผู้ที่อยู่ในอังกฤษบอกว่าสองปีที่ผ่านมานี้ ราคา
    บ้านลดลงมากเมื่อเทียบกับหลายปีก่อน ผู้อยากขายก็ขายไม่ได้ราคา..ขาดทุน ผู้อยากซื้อมี แต่ไม่มี
    เงินซื้อ .. นี่แหละพิษสงของทุนนิยมตัวจริง !


    [​IMG]





    นรุ่นใหม่ของที่นี่เขาย้ายบ้านกันบ่อย และอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนมือกันบ่อยไม่ว่าจะเป็นเช่า เช่าซื้อ หรือ
    ขายขาด ขึ้นกับจะไปทำงานที่ใด ซึ่งก็ย้ายงานกันบ่อยเช่นกัน ทั้งนี้ เพราะงานดีๆ มีกระจายอยู่ทั่วไปใน
    หัวเมืองใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะทางเหนืออย่างแมนเชสเอร์ ลิเวอร์พูล เบอร์มิงแฮม หรือลีดล์ คน
    ต่างจังหวัดที่นั่นจึงไม่เลือกที่จะทำงานในลอนดอนนักหากไม่ใช่ลอนดอนเนอร์ที่แท้จริง ด้วยค่าครองชีพ
    ที่สูงลิบและคุณภาพชีวิตแบบเมืองใหญ่ พลุกพล่าน ไม่น่าอภิรมย์เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ในภูมิภาคที่
    กล่าวมา หรือเมืองเล็กที่สงบแต่มีครบทุกเรื่อง



    [​IMG]


    Ed Miliband ผู้ได้รับเลือกเป็นผู้นำพรรคแรงงานคนล่าสุด






    ย้อนกลับมาถึงการประท้วงใหญ่ขององค์กรแรงงานทั่วประเทศ ความจริงได้ยินมาตั้งแต่ปลายที่แล้วที่สมัชชา
    แรงาน TUC หรือ Trade Union Congress ประกาศจับมือกับสมาพันธ์ทุกองค์กรและทุกสายอาชีพ
    ทั้งแรงงาน และคนทำงาน เช่นบุคลากรทางการศึกษา การบริการ การธนาคาร หรือแม้แต่หมอและนักเรียน
    นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ไม่เห็นด้วยกับค่าเล่าเรียนที่ปรับสูงมากชึ้นทุกปี นับได้ว่าถ้วนหน้า ทั่วประเทศครั้ง
    ใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏสภาพแห่งความร่วมใจ และภาพการประท้วงเช่นนี้ในสังคมยุคปัจจุบันนับแต่สมัยของ
    นางมากาเรต แทตเชอร์



    [​IMG]



    [​IMG]





    ข้าพเจ้าไม่มีเวลาเข้าไปศึกษาชัดเจน มากไปกว่าว่า การประท้วงครั้งนี้เป็นการแสดงออกไม่เห็นด้วยกับการตัด
    งบประมาณภาครัฐ การตัดพนักงาน และตัดค่าจ้าง พูดง่ายๆ คือ ตัด..ตัด..และตัด.. ยังมีการขึ้นภาษี
    การค้า อีกค่าเงินปอนด์ที่ตกต่ำลงเทียกับสกุลเงินอื่นในโลก ทำให้แหล่งอาชีพของคนอังกฤษเช่นในยุโรป
    หรืออเมริกาไม่ได้เป็นทางเลือกที่ดีอีกต่อไป เพราะต่างมีค่าเงินที่ตกต่ำลง เทียบกับสกุลเงินคน(เคย)จน
    แถบเอเซีย จะหันมาทำธุรกิจขนาดเล็กแบบ เอส เอ็มอี ในบ้าน ก็มาเจอคันไถขูดภาษี แถมเงินฝืด
    (ไม่มีเงินใช้) พร้อมๆ กับเงินเฟ้อ (เงินในกระเป๋าไร้ค่าเทียนกับราคาของกินของใช้แพงลิ่ว) จึงเห็นทั้ง
    ป้ายประท้วง UNCUT ...NOCUT และ STOP CUT !!


    หากข้าพเจ้ายังทำงานอยู่ทางนั้นก็ขอร่วมสังฆกรรมด้วยคนแน่ .. ฮา..ฮา..



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]

    นาฬิกาหน้าห้าง Fortnum & Mayson ตึกเก่าแก่ย่านพิคาดิลลี มีเสียงระฆังไพเราะทุก ๑๕ นาที
    และตู๊กตากลไก Mr.Fortnum & Mr.Mayson ออกมาปรากฎด้านซ้ายขวาของนาฬิกทุกชั่วโมง




    วกสหภาพ TUC ก็ไม่ต่างกับพันธมิตรเสื้อเหลืองบ้านเรา ที่ไปแคะค้นจนเจอว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่เลี่ยงภาษี
    จำนวนมหาศาล ขณะที่เงินเฟ้อในอังกฤษสูงลิบและขยับแบบก้าวกระโดดขึ้นทุกปี จนรายได้ที่ว่าสูงแล้ว
    กลับชักหน้าไม่ถึงหลังพอๆ กับพี่ไทย แต่ยังมีศักดิ์ศรีกว่าที่เมื่อตกงาน จะมีระบบสวัสดิการดูแลคนตกงาน
    ได้นานด้วยเงินประกันการว่างงานที่เก็บไว้ในอัตราที่สูงน่าขนลุกถึง 30 % ซึ่งเป็นตัวเลขในสมัยที่ข้าพเจ้า
    ทำงานที่นั่น .. หากปัจจุบันนี้ต่างออกไป น้องธัญญาบล็อกเกอร์คนเก่งแห่งอังกฤษจะแก้ไขให้ค่ะ ฮา...



    [​IMG]






    เขียนมาเสียยืดยาวเพื่อเป็นน้ำจิ้มให้ได้โพสภาพการประท้วงใหญ่ใจกลางกรุงลอนดอนไปยังไฮปาร์คไว้เป็น
    ที่ระลึก ใครจะรู้ว่า วันเหล่านี้จะยังอีกไหม เมื่อธรรมชาติเริ่มเอาคืน เพราะทุนนิยมยุคใหม่ (มีถิ่นกำเนิดอยู่
    ที่นี่ และไปเจริญงอกงามทั่วโลก!) ไม่ได้มีจิตใจต่อธรรมชาติมากพอ .. ไฮปาร์คที่ใครๆ ก็ใช้เป็นที่เดิน
    เล่น ปิคนิค เอกเซอร์ไซส์ และหย่อนใจ ยามไม่มีกิจกรรมประท้วง .. มหานครศูนย์กลางยุโรป ที่ๆ
    ข้าพเจ้าเคยออกมาเดิน ในวันหยุดได้เพียงครั้งละมุม ส่วนใหญ่จะเป็นมุมที่รถไฟใต้ดินจอด มุมที่เรียกว่า
    ไฮปาร์คอนเนอร์ไง !




    [​IMG]



    [​IMG]

    5 5 5 ! intergrated learnign at work .. ^^



    [​IMG]

    ป้ายนำมาวางไว้ใช้ใหม่วันหลังอย่างเป็นระเบียบ หากยังจะ CUT & CUT !!




    โปรดอภัยชาวอังกฤษที่อาจรู้สึกย่ำแย่กับสถาณการณ์เมื่อสุดสัปดาห์จากการประท้วง แต่คนไทยรักชาติ
    เช่นข้าพเจ้าอดนึกถึงบรรยากาศเสื้อดำเสื้อแดงไม่ได้ทีเดียว เมื่อเห็นชายฉกรรจ์เสื้อดำแฝงตัวเข้ามาก่อ
    ความรุนแรงในห้างใหญ่และร้านมีชื่อย่านพิคคาดิลลี่ ถนนรีเจนท์ และย่านช้อปปิ้งถนนออกซ์ฟอร์ด
    ที่เป็นทางมุ่งตรงไปยังมาเบิลอาร์ชและไฮด์ปาร์ค



    [​IMG]

    คลับคล้ายคลับคลา ความรุนแรงหน้าห้างใหญ่ .. Fortnum & Mayson @ Picadilly



    [​IMG]

    London Metropolitant Police @ Picadilly


    ขอย้ำว่าผู้ประท้วงส่วนใหญ่นับแสนเป็นแบบเสื้อเหลือง มองๆ ดูมีสเว็ตเตอร์ทับเสื้อหลากสีอีกที ค่ะ
    มีจุดยืนที่จะชุมนุมอย่างสันติในที่สาธารณะ .. ฮา
    แต่ทางนั้น เขายังมีเพื่อปากท้อง .. ของเราอดไม่ว่า.. ขอแผ่นดินคืนมา ..
    ขอนอกเรื่อง London Protest ตอนจบสักเล็กน้อย.. ^^



    [​IMG]



    [​IMG]




    ขอบคุณภาพจาก Daily Mail และจากสำนักข่าวออนไลน์

    บันทึก : athenaz

    http://mblog.manager.co.th/athenaz/London-UNCUT-Alternative/
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหราชอาณาจักรปรับระบบวีซ่านักเรียนใหม่ คุมเข้มเรื่องทำงาน/อังกฤษไม่ผ่านหมดสิทธิ์

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2554 03:19 น.

    รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรประกาศแผนงานปรับปรุงระบบวีซ่านักเรียนครั้งใหญ่ รัฐมนตรีอังกฤษเผยวัตถุประสงค์ ช่วยลดการทำผิดระเบียบ พร้อมป้องกันสถาบันไร้คุณภาพ คุมเข้มแอบเข้ามาทำงาน / ภาษาอังกฤษไม่ผ่านมาตรฐานมีสิทธิ์โดนส่งกลับประเทศ

    สหราชอาณาจักรนับเป็นอีกดินแดนที่โดดเด่นด้านการให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่นักเรียนนักศึกษาต่างชาติ จึงเป็นจุดหมายหลักของนักเรียนนักศึกษาจำนวนมากที่ประสงค์จะเลือกไปศึกษาต่อในต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรได้ทำการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบวีซ่านักเรียน และวันนี้รัฐมนตรีมหาดไทยประกาศผลที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นในรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร
    [​IMG]

    โดยผลจากการสำรวจ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปัญหาการใช้วีซ่านักเรียนผิดวัตถุประสงค์แล้ว ยังช่วยป้องกันและเสริมสร้างชื่อเสียงของสหราชอาณาจักรไปทั่วโลกในฐานะที่เป็นผู้ให้การศึกษาที่มีคุณภาพสูง

    เทรซ่า เมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า นอกจากนักเรียนต่างชาติจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรแล้ว ยังช่วยทำให้ระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก

    “จุดมุ่งหมายของการปรับปรุงระบบวีซ่า มิใช่เพื่อหยุดยั้งนักเรียนที่มีความประสงค์จะเข้ามาศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรอย่างแท้จริง แต่เพื่อช่วยลดจำนวนการฝ่าฝืนกฎระเบียบและช่วยปกป้องนักเรียนจากโรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพ การเปลี่ยนแปลงที่กำลังประกาศในวันนี้จะเป็นการปรับเปลี่ยนเส้นทางของนักเรียนให้เป็นเพียงการพำนักแบบชั่วคราว และมีไว้สำหรับนักเรียนที่มีความรู้ความสามารถตรงตามมาตรฐานเท่านั้น โดยระบบใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาเข้ามาศึกษาต่อเพียงอย่างเดียว มิใช่เพื่อมาทำงาน และสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ในขณะที่นักเรียนเหล่านี้พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร”
    [​IMG]

    สำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบวีซ่าที่สำคัญ มีดังนี้

    - ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ.2555 สถาบันการศึกษาต่างๆที่ต้องการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ จะต้องเป็นสถาบันที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงสุดและได้รับการรับรองจากองค์กรตรวจสอบคุณภาพทางการศึกษา ภายในสิ้นปี พ.ศ.2555 โดยข้อกำหนดนี้จะช่วยให้ทางมหาวิทยาลัย โรงเรียนเอกชน และวิทยาลัยการศึกษาที่รับรองโดยรัฐบาลยังคงประสบความสำเร็จในการดำเนินงานภายใต้วีซ่านักเรียนระบบใหม่ ซึ่งหมายถึงว่า สหราชอาณาจักรยังคงต้อนรับนักเรียนต่างชาติที่มีคุณภาพสูงเข้าไปศึกษาต่ออย่างต่อเนื่อง

    -พื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีของนักเรียนถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าทางสหราชอาณาจักร ได้รับนักเรียนที่มีความรู้ความสามารถเข้าศึกษาต่อ และกลุ่มนักเรียนเหล่านี้สามารถเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างกว้างขวางต่อไป นักเรียนที่เข้ามาศึกษาในระดับปริญญา จะต้องสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับสูงกว่าระดับกลางค่อนไปทางสูงขึ้นไป (B2 Level)

    -นักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและนักศึกษาที่ได้รับทุนศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยจะยังคงได้รับสิทธิทำงาน แต่นักเรียนอื่นๆ จะไม่มีสิทธิทำงาน และมีข้อจำกัดการทำงานในหลักสูตรการเรียนที่มีการทำงานควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการศึกษาที่ไม่ใช่ระดับมหาวิทยาลัย

    -เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแห่งสหราชอาณาจักรสามารถปฏิเสธการเข้าเมืองของนักเรียนที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษโดยไม่ใช้ล่ามได้ และเนื่องจากเหตุผลที่เห็นได้ชัดเจนว่านักเรียนผู้นั้นมีระดับภาษาอังกฤษไม่ผ่านมาตรฐานที่กำหนดไว้

    -เฉพาะนักเรียนระดับปริญญาโทหรือเอกที่เรียนในมหาวิทยาลัย และนักเรียนที่ได้รับทุนจากรัฐบาลเท่านั้น ที่สามารถพาผู้ติดตามไปได้

    -กำหนดระยะเวลาโดยรวมที่สามารถอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรในสถานภาพของวีซ่านักเรียนได้ไม่เกิน 3 ปี สำหรับการเรียนระดับต่ำกว่าปริญญาตรีในขณะนี้ และ 5 ปี สำหรับการเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป
    [​IMG]

    -เพื่อเป็นการแสดงออกว่านักเรียนเหล่านี้มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเราจึงอนุญาตให้นักเรียนต่างชาติที่จบการศึกษาแล้ว สามารถอยู่ต่อเพื่อทำงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทางได้ ในอนาคต พวกเขาเหล่านี้ จะต้องทำงานที่ใช้ทักษะเฉพาะทางกับผู้ว่าจ้างที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น(Tier 2 Sponsor) ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรับประกันว่า นักเรียนต่างชาติจะทำเฉพาะงานที่มีคุณค่าต่อสหราชอาณาจักรและต่อตัวนักเรียนเอง หรือนักเรียนสามารถเลือกที่จะเดินทางกลับไปยังประเทศของตนเองได้

    ด้าน นายแดเนียล พรู๊ฃ อัครราชทูตสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า สหราชอาณาจักรเห็นคุณค่าของนักเรียนไทยจำนวนหลายพันคนที่มีความตั้งใจจะไปเรียนในสหราชอาณาจักรอย่างแท้จริงในแต่ละปีเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากพวกเขาจะได้พัฒนาทักษะ ความรู้ และความสามารถที่แฝงอยู่ของตนเองแล้ว พวกเขายังมีส่วนร่วมสำคัญในการสนับสนุนชีวิตการศึกษาในสหราชอาณาจักร

    “ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆในครั้งนี้ จะป้องกันการใช้วีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่านักเรียนเหล่านี้จะยังคงได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดจากสหราชอาณาจักร เราตระหนักในคุณค่าของนักเรียนเหล่านี้ จึงดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพียงเล็กน้อยสำหรับนักเรียนในระดับปริญญาตรีและสูงกว่าในระดับมหาวิทยาลัย และจะยังคงเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่เพิ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาแล้วประสงค์จะอยู่ต่อเพื่อทำงานที่ใช้ทักษะเฉพาะทาง ได้ต่อไป”

    รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ สามารถสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.ukba.homeoffice.gov.uk

    Campus - Manager Online -

    ความคิดเห็นที่ 1
    ใครไปLondonครั้งแรก ลองสังเกตดูHeathrow นึกว่ามาอินเดีย มีแต่แขก มุสลิม อาหรับ พี่มืด กระจายอยู่เต็มไปหมด ออกลูกออกหลาน เอาเมียเอาญาติมาอยู่
    จิงป่ะ

    ความคิดเห็นที่ 2
    Londoner = คนอินเดียแล้วอะ ตอนนี้
    Test
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2011
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โดย อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์
    Siam Intelligence Unit และเว็บมาสเตอร์ Blognone.com
    บทความนี้เป็นการเสวนาและอภิปรายประเด็นต่อจากบทความ “ลุกฮือในโลกคู่ขนาน” ของ ‘บุญชิต ฟักมี’ บนเว็บไซต์มติชนออนไลน์ ซึ่งเขียนถึงกรณีการประท้วงของสมาชิก Pantip.com เว็บบอร์ดชื่อดังของประเทศไทย ต่อการปฏิบัติตัวของเว็บมาสเตอร์และการยึดสมาชิกภาพ (ซึ่งเรียกกันว่า ‘ยึดล็อกอิน’ หรือ ‘ยึดอมยิ้ม’) ของสมาชิกจำนวน “เกินร้อย” ซึ่งถือเป็น “วิกฤตศรัทธา” ครั้งใหญ่ของเว็บบอร์ดชื่อดังที่มีประวัติอันยาวนานแห่งนี้
    ในฐานะที่ผู้เขียนก็มีสถานะเป็น “เว็บมาสเตอร์” คนหนึ่ง และเคยเป็นอดีตผู้ใช้งาน Pantip.com เมื่อนานมาแล้ว (ปัจจุบันไม่ได้เข้าเว็บไซต์ Pantip.com เป็นประจำอีกแล้ว) จึงอยากเสนอมุมมองในประเด็นต่างๆ ทั้งในฐานะผู้ใช้งานและเว็บมาสเตอร์ไปพร้อมๆ กัน
    หมายเหตุ: บทความนี้มีรากความคิดมาจากการสนทนาใน Facebook กับ ‘บุญชิต ฟักมี’ และสหายบางท่าน จากนั้นจึงพัฒนามาเป็นบทความเต็มรูปแบบในภายหลัง
    [​IMG]
    ประเด็นที่ 1: บทบาทหน้าที่ของเว็บมาสเตอร์ ‘ในอุดมคติ’

    บทบาทหน้าที่การเป็น ‘เว็บมาสเตอร์’ หรือผู้ดูแลเว็บไซต์ เป็นงานที่เรียกได้ว่าเป็นได้ง่ายก็ไม่ผิดนัก เหตุเพราะปัจจุบันการสร้างเว็บไซต์ทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็สามารถเป็นเจ้าของเว็บไซต์ได้แล้ว และถ้ามีกึ๋นเพียงพอ มีความขยันขันแข็ง การสร้างเว็บไซต์ที่มีผู้ชมในระดับ ‘พอสมควร’ ไม่ใช่เรื่องยากเลย
    แต่ในมุมกลับกัน จำนวนคนที่เคยเป็นเว็บมาสเตอร์ และมีประสบการณ์ในการดูแลเว็บไซต์ (โดยเฉพาะเว็บไซต์ขนาดใหญ่) ก็ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในภาพรวม เหตุผลส่วนหนึ่งคงมาจากการสร้างเว็บไซต์นั้น แม้จะง่ายในทางเทคนิคและใช้เงินไม่มาก (ในบางครั้งอาจฟรี) แต่การปฏิบัติจริงจำเป็นต้องทุ่มเททั้งเวลา แรงกาย แรงใจ ไม่ใช่น้อย ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากยังพอใจที่จะคงสถานะ ‘ผู้ใช้อย่างเดียว’ มากกว่า อีกทั้งโครงสร้างตลาดเว็บไซต์เองที่เอื้อให้มี ‘รายเล็ก’ ได้ไม่มากนัก ทำให้ผู้ที่มีประสบการณ์ดูแลเว็บไซต์ขนาดใหญ่ยิ่งมีจำนวนน้อยลงไปอีก ผู้ที่เข้าใจ “หัวอกของเว็บมาสเตอร์” จึงมีน้อย และก่อให้เกิด “ช่องว่างของความคาดหวัง” ที่แตกต่างกันระหว่างผู้ใช้เว็บกับผู้ดูแลเว็บ
    “หัวอกของเว็บมาสเตอร์” คืออะไร? เว็บมาสเตอร์ต้องเจอกับอะไรบ้าง
    งานของเว็บมาสเตอร์ (ซึ่งอาจรวมไปถึง ‘เกมมาสเตอร์’ หรือ GM ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ดูแลโลกในเกมออนไลน์ด้วย) โดยทั่วไปแล้วก็คือการดูแลให้เว็บไซต์ทำงานได้เป็นปกติ งานประจำวันทั่วไปที่เว็บมาสเตอร์ทุกแห่งจะเจอเหมือนกันคือการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เช่น การรีเซ็ตรหัสผ่าน ลบสแปม ลบข้อความที่โพสต์ซ้ำ เป็นต้น
    งานในระดับที่ซับซ้อนขึ้นมาหน่อยก็คือการ “กำกับดูแล” (ซึ่งในที่นี้หมายถึงคำว่า regulate ในความหมายเดียวกับองค์กรกำกับดูแลทั้งหลาย) เนื้อหาและสมาชิกของเว็บไซต์ กระบวนการโดยทั่วไปคือเว็บไซต์จะมีกฎที่ประกาศไว้ล่วงหน้า จากนั้นเว็บมาสเตอร์จะคอยสอดส่องว่าสมาชิกทำผิดกฎหรือไม่ หรือบางครั้งก็เข้ามาตรวจสอบเมื่อได้รับแจ้งจากสมาชิกคนอื่นๆ แล้วจึงใช้ดุลพินิจตัดสินใจดำเนินการแก้ไขด้วยวิธีต่างๆ เช่น ลบเนื้อหา ย้ายหมวดเนื้อหา แบนหรือลบสมาชิก
    การกำกับดูแลเนื้อหาและสมาชิกภาพถือเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีการโพสต์เนื้อหาต่อวันจำนวนมาก เว็บมาสเตอร์ที่มีประสบการณ์จะคุ้นเคยกับกลเม็ดสารพัดที่ผู้ใช้งานพยายามจะหลีกเลี่ยงกฎที่ตั้งไว้ (ตัวอย่างง่ายๆ คือ การเว้นช่องว่างระหว่างคำเพื่อหลบฟิลเตอร์กรองคำหยาบ) ปัจจุบันงานเหล่านี้ยังไม่สามารถเขียนโปรแกรมอัตโนมัติเพื่อแบ่งเบาภาระของเว็บมาสเตอร์ได้ ต้องใช้แรงงานมนุษย์พิจารณาทีละชิ้นไป อีกทั้งเว็บไซต์เป็นสื่อที่มีการโพสต์เนื้อหาตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด การอ่านกระทู้เพื่อ ‘กรอง’ เนื้อหาที่ผิดกฎจึงเป็นภาระที่หนักหน่วงมาก
    นี่ยังไม่รวม “ความผิดทางอาญา” ที่เว็บมาสเตอร์จะต้องเผชิญ ตาม พ.ร.บ. ความผิดทางคอมพิวเตอร์ 2550 อีกด้วย ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นแล้วในกรณีของคุณจีรนุช เปรมชัยพร เว็บมาสเตอร์เว็บไซต์ประชาไทที่ถูกดำเนินคดีจากข้อหา “การโพสต์ของผู้ใช้เว็บบอร์ดคนอื่น” จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เว็บมาสเตอร์ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเชิง “ป้องกันตัวเองก่อน” (defensive) มากขึ้นหลัง พ.ร.บ. มีผลบังคับใช้
    หน้าที่ ‘เว็บมาสเตอร์’ นั้นเป็นสถานะที่ “ทำยังไงก็โดนด่า” เพราะถึงแม้การทำผิดกฎบางอย่างนั้นสามารถแยกแยะได้ชัดเจน (เช่น การโพสต์สแปมทีละมากๆ หรือการตั้งกระทู้ผิดห้อง) แต่กรณีที่เกิดขึ้นเยอะกว่ามากนั้นเป็นเรื่องอัตวิสัย (subjective) ซึ่งผู้ใช้แต่ละคนย่อมมีดุลพินิจต่างกัน ไม่ว่าจะตัดสินออกมาอย่างไร เว็บมาสเตอร์ก็หลีกเลี่ยงการถูกด่าได้ยาก
    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เพื่อบรรยายว่าหน้าที่ของเว็บมาสเตอร์มีอะไรบ้าง และ ‘หัวอก’ ของเว็บมาสเตอร์เป็นอย่างไร จริงๆ แล้วงานของเว็บมาสเตอร์แทบไม่ต่างอะไรกับ ‘ผู้พิพากษา’ ที่จะต้องพิจารณาให้คุณให้โทษกับสมาชิก เพียงแต่เว็บมาสเตอร์เกือบทั้งหมดไม่เคยเรียนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความด้วยซ้ำ
    แนวทางการปฏิบัติตัวของ ‘เว็บมาสเตอร์ในอุดมคติ’ ควรเป็นอย่างไร? เรื่องนี้ไม่มีตำราบอกไว้ แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียนคิดว่าควรมีหลักการพื้นฐานดังนี้
    • <LI style="POSITION: relative">เว็บไซต์ต้องมีกฎระเบียบที่ชัดเจน ประกาศล่วงหน้าให้ผู้ใช้และสมาชิกของเว็บทราบว่าทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ (ส่วนสมาชิกจะอ่านหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องนึง) <LI style="POSITION: relative">กฎใหม่ไม่มีอำนาจย้อนหลัง และการประกาศกฎใหม่จะต้องทำในที่สาธารณะ ให้สมาชิกส่วนใหญ่รับทราบและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของกฎ <LI style="POSITION: relative">เว็บมาสเตอร์จะใช้อำนาจได้เฉพาะตามที่ระบุในกฎเท่านั้น (เช่น ถ้าประกาศว่าตั้งกระทู้ผิดห้องจะแบน 3 วัน ก็ไม่มีสิทธิ์ถอนสมาชิกภาพ) ไม่มีกฎลับเด็ดขาด
    • การพิจารณากรณีนอกกฎที่ประกาศเอาไว้ เว็บมาสเตอร์จะต้องปฏิบัติด้วยดุลพินิจที่สมเหตุสมผลตาม common sense และพยายามไม่ให้เกิดผลเสียทางลบต่อสมาชิกถ้าเป็นไปได้ (เสร็จเรื่องแล้วค่อยประกาศเป็นกฎภายหลังเพื่อป้องกันเหตุแบบเดียวกันในอนาคต)
    (จะเห็นว่าหลักการเกือบทั้งหมดเหมือนกับหลักการทางนิติศาสตร์ทั่วไป รวมถึงการกำกับดูแลและการออกนโยบายสาธารณะ ซึ่งเป็นวิชาทางรัฐศาสตร์ด้วย)
    อย่างไรก็ตาม ในเมื่อ “ศาล” ยังมีปัญหามากมายในการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบที่วางเอาไว้ (ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากคดีทางการเมืองในรอบ 4-5 ปีให้หลังนี้) แล้วเว็บมาสเตอร์ในฐานะ “ปัจเจกชนคนทั่วไป” จะไม่ผิดพลาดก็คงเป็นไปไม่ได้ มิหนำซ้ำ ผู้ใช้เว็บจำนวนไม่น้อยก็มีพฤติกรรมแย่ๆ มากมาย เช่น เกรียน การเยาะเย้ย เสียดสีวิธีการทำงานของเว็บมาสเตอร์ ในบางครั้งอาจไปไกลถึงการโจมตีเรื่องส่วนบุคคล (personal attack) ด้วยซ้ำ
    ในกรณีของ Pantip.com ผู้เขียนมีความเห็นว่าเว็บมาสเตอร์ทำเกินกว่าเหตุไปมาก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นความรับผิดชอบของเว็บมาสเตอร์โดยตรง แต่ในกรณีทั่วไปนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์บางส่วนเกิดจากพฤติกรรมแย่ๆ ของสมาชิกเว็บ “บางคน” เช่นกัน
    ประเด็นที่ 2: การอพยพและทางเลือกของผู้ใช้ Pantip.com

    จากที่เขียนไปในประเด็นก่อนแล้วว่า การพิจารณาตัดสินกรณีพิพาทของเว็บมาสเตอร์ (ทั้งเว็บมาสเตอร์ทั่วไปและเว็บมาสเตอร์ของ Pantip.com) ย่อมมีปัญหาเสมอ และไม่มีทางที่เว็บมาสเตอร์จะสามารถพิจารณากรณีพิพาทอย่างเที่ยงธรรม ถูกใจทุกคนได้
    คำถามถัดไปที่จะตามมาก็คือ ผู้ใช้เว็บ Pantip.com มีทางเลือกอย่างไรบ้าง ต่อความไม่พอใจและการลุกฮือครั้งนี้
    ผู้เขียนมีความเชื่อส่วนบุคคลว่า “อินเทอร์เน็ต” เป็นตลาดเสรี (ตราบเท่าที่ไม่โดน ศอฉ. และกระทรวงไอซีทีบล็อค) ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ ได้อย่างอิสระ กำแพงในการเปลี่ยนเว็บไซต์ (ศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์คือ barriers to exit) มีเพียงการกดปุ่ม x ที่มุมขวาบนของเบราว์เซอร์เท่านั้น ไม่ชอบเว็บนี้ก็เปลี่ยน จบ
    เจ้าของเว็บไซต์ย่อมมีสิทธิ์เต็มร้อยในการบริหารจัดการเว็บไซต์ไปตามทิศทางที่ตัวเองต้องการ แต่ในมุมกลับกัน ตลาดเสรีของ “การเข้าใช้งานเว็บไซต์” ก็จะเป็นตัวบีบให้เว็บไซต์แต่ละแห่งต้องแข่งขันกันที่คุณภาพ เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาใช้งานมากขึ้น (ซึ่งก็จะสะท้อนออกมาเป็นรายได้จากค่าโฆษณาหรือค่าสมาชิกที่มากขึ้นตามไปด้วย) เว็บไซต์ที่มีการบริหารจัดการแย่ ๆ ก็จะถูกลงโทษจากระบบตลาดเอง
    ด้วยเหตุนี้ สมาชิก Pantip.com จึงมีทางเลือกแค่ “อยู่” หรือ “ไป” ถ้าเลือกที่จะอยู่ด้วยเหตุผลต่างๆ ก็ต้องยอมทนรับสภาพกันไปในลักษณะนี้ (เว้นเสียแต่ว่าจะไปขอซื้อหุ้นจากคุณวันฉัตร ก็อาจจะได้สิทธิ์กำหนดทิศทางบ้างเล็กน้อย) แต่ถ้าเลือกที่จะไป ก็มีบางอย่างที่ต้องแลกเช่นกัน
    Pantip.com มีความเป็น “ชุมชน” ลักษณะเดียวกับชุมชนทางกายภาพ ผู้ใช้จึงเกิดความผูกพันอยู่บ้างบางส่วน barriers to exit จึงเยอะขึ้นตามไปด้วย เช่น การย้ายเว็บจะทำให้เสียตัวตน ชื่อเสียง กลุ่มเพื่อน ที่สั่งสมมานานไป
    การเลือก “อยู่” คงไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก (แม้ในทางปฏิบัติแล้ว Pantip.com เองก็ต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองผู้ใช้ ตามแรงกดดันจากตลาดผู้ใช้ที่อาจลดลงเพราะไม่พอใจนโยบาย) สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือการเลือก “ไป” ว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง
    จริงๆ แล้วการ “ไป” จาก Pantip.com ไม่ใช่เรื่องใหม่ สมาชิกทุกรุ่นมีฝ่ายที่เลิกเล่นไปด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย เป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว แต่ถ้านับเฉพาะกรณีใหญ่หน่อย ก็คงเป็นกรณีของบอร์ดการเมือง โต๊ะราชดำเนิน ซึ่งมีความร้อนแรงตามสถานการณ์การเมืองในโลกจริง ตอนแรกโต๊ะราชดำเนินยังเป็นการสนทนาทางการเมืองทั่วไป แต่เมื่อการแบ่งขั้วทางการเมืองเริ่มเด่นชัด การปะทะเริ่มมีให้เห็น สุดท้าย “สงครามแห่งราชดำเนิน” ก็จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสนับสนุนเสื้อแดงในปัจจุบัน จนผู้ที่นิยมอุดมการณ์ของเสื้อเหลืองต้องแยกตัวออกไปตั้งเว็บใหม่ (เช่น เว็บบอร์ดเสรีไท) แม้หลังจากนั้นฝ่ายเสื้อแดงเองก็ย้ายออกจากโต๊ะราชดำเนินด้วยเหตุผลด้านกฎระเบียบของ Pantip.com ที่หยุมหยิม (ซึ่งเข้าใจได้ในฐานะเว็บมาสเตอร์ว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว) ไปสู่เว็บไซต์ของฝ่ายตัวเองที่ควบคุมทิศทางได้ง่ายกว่า
    การย้ายออกไปเปิดเว็บไซต์เฉพาะกลุ่มเป็นเรื่องที่ต้องใช้แรงกายแรงใจไม่น้อย ที่แน่ๆ กลุ่มสมาชิกที่แยกตัวออกไปจะต้องปฏิบัติงานของเว็บมาสเตอร์ด้วยตนเอง (ไม่สามารถ free ride ใช้ของฟรีจากแรงงานเว็บมาสเตอร์ Pantip.com ได้อีกแล้ว) การดึงดูดสมาชิกที่น่าสนใจในจำนวนที่มากพอก็ต้องใช้พลังสูง เว็บไซต์เฉพาะกลุ่มจำนวนมากล้มเหลวและต้องซมซานกลับมาใหม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเว็บเฉพาะทางเฉพาะกลุ่มออกไปประสบความสำเร็จเช่นกัน
    กล่าวโดยสรุป ผู้เขียนสนับสนุนให้สมาชิกที่ไม่พอใจ Pantip.com แยกตัวออกไปตั้งเว็บไซต์เฉพาะกลุ่มตามประเด็นที่สนใจ เพราะการสร้างเว็บไซต์-เว็บบอร์ด-บล็อก-ชุมชนออนไลน์ ทำได้ง่ายมากในเชิงเทคนิคและเศรษฐกิจ เหตุผลที่สกัดกั้นไม่ให้เกิดขึ้นก็เหลือแค่เพียงความตั้งใจส่วนบุคคลเท่านั้น (ซึ่งไม่ได้มีกันทุกคน)
    ในเมื่อรู้ฝีมือหรือความสนใจของกลุ่มสมาชิกที่สนิทสนมกันดีแล้ว การแยกตัวออกไปไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเท่าไรนัก เพราะเอาจริงแล้ว เราเข้า Pantip.com เพราะต้องการสนทนากับสมาชิก “บางคน” ที่น่าสนใจเป็นหลัก สมาชิกขาจรอื่นๆ เป็นแค่ของแถม ถ้าสามารถรวบรวมสมาชิกในกลุ่มเดียวกันได้มากพอ การแยกตัวออกไปก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศการสนทนาต่างไปจากเดิมจนรับไม่ได้
    นอกจากนี้การแยกตัวออกจาก Pantip.com ยังถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังตัวเว็บให้ต้องปรับตัวอีกด้วย ถ้ายอดคนเข้าเว็บลด สปอนเซอร์ก็จะตามไล่บี้ทีมผู้บริหารเว็บเอง
    ส่วนสมาชิกที่ตัดสินใจไม่แยกตัวด้วยเหตุผลต่างๆ ก็คงทำได้แค่ “บ่น” กับ “หวัง” เท่านั้น ก็เว็บของเขานี่
    ประเด็นที่ 3: รูปแบบที่เปลี่ยนไปของ ‘ชุมชนออนไลน์’ ยุคใหม่

    ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ยังไม่มีข้อสรุป แต่เป็นคำถามที่คิดว่าน่าสนใจค้นคว้าอย่างมาก
    คำถามก็คือ ด้วยพัฒนาการของอินเทอร์เน็ตที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จำเป็นหรือไม่ที่เราจะต้องมี “พื้นที่ส่วนกลาง” อย่าง Pantip.com เหมือนกับที่ผ่านๆ มา?
    เว็บบอร์ดยังจำเป็นหรือไม่ ในเมื่อเราสามารถสนทนากับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพ ผ่านคอมเมนต์ใน “บล็อก” ของเขาได้โดยตรง? เรายังจำเป็นต้องเข้าเว็บบอร์ดทุกวันหรือไม่ ในเมื่อเราเห็น Facebook Status สมาชิกเว็บบอร์ดที่สนิทชอบพอกันทุกเช้า? อีกทั้งเราสามารถเสวนาแบบกลุ่มในที่คนอื่นๆ จากไหนไม่รู้ร่วมแจมได้ผ่าน Twitter สร้างการเสวนาปลายเปิดที่ต่อยอดมุมมองไปได้เรื่อยๆ
    แน่นอนว่าเว็บบอร์ดกับ social network ไม่ใช่บริการที่เหมือนกันทั้งหมดและแทนกันได้เสียทีเดียว แต่ในเมื่อมันสามารถสร้าง “การสนทนาของบุคคลที่น่าสนใจ” ได้ในลักษณะเดียวกัน บางทีเว็บบอร์ด (และเว็บไซต์แบบรวมศูนย์) อาจจะไม่สำคัญเช่นเดิมอีกต่อไปแล้ว?
    ความคิดเห็นต่อกรณียึดล็อกอิน Pantip.com และการ ‘ลุกฮือ’ ของสมาชิก | Siam Intelligence
     

แชร์หน้านี้

Loading...