อยากทราบว่าการนุ่งสั้น บาปไหมค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย amygirl, 25 กรกฎาคม 2010.

  1. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    คนนุ่งกางเกงขาสั้น และเสื้อแขนกุด เวลากราบพระ จะมีสภาพอย่างไรครับ

    ตอนก้มกราบพระครับ ไม่รู้จะสงสารพระ หรือ คนข้างหลังดี

    บาปหรือไม่ ให้ไปคิดเอาเองครับ (คิดถึงตอนก้มกราบนะครับ)

    โมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2010
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    หมวด สอนเรื่องการแต่งตัว
    เทศนาโดย...ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
    ------------------------------------------------------------------------------
    [​IMG]

    1. ดูไม่ได้นะแต่งเนื้อแต่งตัวมานี่ อย่าเข้ามา เข้ามาแบบนี้ แบบศีลแบบธรรมมีทำไมไม่มาศึกษา เอามาทำไมพวกเปรตพวกผี พวกนรกอเวจี พวกส้วมพวกถาน แต่งจิ๊กโก๋จิ๊กเก๋มาอวดกัน กิเลสส้วมถานมันของวิเศษอะไร แต่งนี้แต่งแบบส้วมแบบถาน แบบสกปรกโสมม จิตใจมันเลวจิตใจมันต่ำทราม หาความดิบความดีมีวี่แววประจำใจไม่มีเลย กิริยาจึงดูไม่ได้เข้าใจไหมล่ะ มันเป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ เพราะฉะนั้นเราจึงบอก อย่าเอามานะ อย่าเอาอะไรมาให้หลวงตาบัวกิน แต่งตัวแบบนี้มา จะเอามาอวดหลวงตาบัว กูจะฟาดใส่โคตรพ่อโคตรแม่มึง ใส่หน้าผากมันเข้าใจไหมล่ะ กูไม่กินกูไม่ตาย อดกูก็อดได้สบายเลย เคยอดเคยอิ่มมา ขอให้ธรรมชุ่มใจ อย่าได้อิ่มด้วยมูม ๆ มาม ๆ แบบส้วมแบบถานอย่างนี้เลย

    พระพุทธเจ้าไม่ประสงค์อย่างยิ่งนะ ให้พากันจดจำทุกคน ดูไม่ได้นะเวลานี้ ยิ่งเลวเข้าทุกวัน ๆ เฉพาะวัดป่าบ้านตาดเห็นได้ชัดทีเดียว เขาก็เขียนติดไว้นั้นก็ยังมี เราไปอ่านดู ติดไว้นั้นก็ยังมี ความเลอะ เทอะ ๆ ของพวกเปรตพวกผีพวกส้วมพวกถาน มันไม่ได้มองดูนะ ดูหนังสือเขียนเพื่อความดีงามให้มัน มันไม่ดู มันดูแต่ของเลอะ ๆ เทอะ ๆ แต่งออกว่าโก๋เก๋อวดกัน อวดอะไรประสาส้วมประสาถาน กิเลสตัณหากามกิเลสมันเป็นของดิบของดีอะไร มันเหมือนส้วมเหมือนถาน เอามาอวดอรรถอวดธรรมได้เหรอ นี่ละมันพาสัตว์ทั้งหลายให้จมอยู่ในนรกไม่มีวันฟื้นขึ้นมา เพราะส้วมเพราะถานนี้เองเป็นเครื่องหลอกลวง

    มันชอบเท่าไรมันก็ยิ่งจมลงไป ๆ ถ้าเห็นภัยของสิ่งเหล่านี้แล้วจะฟื้นตัวขึ้นมา สะอาดสะอ้านขึ้นมา ทุกข์ทั้งหลายก็จะค่อยเบาลง ๆ ฟาดตัวเป็นต้นเหตุอันใหญ่หลวงขาดสะบั้นออกจากใจแล้วพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าไม่มีทุกข์เข้าใจไหม มีอันนี้เท่านั้นเป็นตัวทุกข์สำคัญที่ทำสัตว์โลกเดือดร้อนระส่ำระสายเต็มทั่วโลกทั่วสงสาร มีแต่กิเลส กามกิเลสราคะตัณหาเท่านั้นเป็นตัวสำคัญมากทีเดียว มันห่วงอะไรหวงอะไรกันประสากระดูก เอาผ้าห่อไว้เฉย ๆ นี่นะ พอดูได้เท่านั้นเอามาอวดกันประสากระดูก อรรถธรรมที่เลิศเลอยิ่งกว่านี้มี ทำไมไม่ฟังเสียงบ้างวะ มันน่าทุเรศเหลือประมาณนะ

    มันจวนจะตายแล้วได้เห็นผลประโยชน์ที่แนะนำสั่งสอนพอได้มีวี่แววบ้าง เราก็พอใจนะ อันนี้ยิ่งเลวร้ายลงไปทุกวัน ๆ มันก็โมโหละซิ พระนี้ไม่ใช่พระตายโมโหก็ได้ แต่ว่าโมโหมีกิเลสหรือไม่มีนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่งนะ โมโหนี้เอาได้ทั้งนั้นละ ปั๊วะป๊ะซัดเลย พอตี ๆ แต่ข้าไม่โมโหแต่ข้าตีเด็กได้นะ ผู้ใหญ่พอเอาอาจจะเอาเหมือนกัน แต่เด็กนี้เอาเรื่อยละเข้าใจไหม พากันจำเอานะ โห มันเลอะเทอะลงทุกวัน ๆ นะเวลานี้ ศาสนาจะไม่มีเหลือในแดนประเทศไทยเราเลยนะ มันขนาดนั้นละ ดูใครก็ดูซิ ดูไปตั้งแต่ตัวเราหัวโล้น ๆ อีตาบัวนี้ไป ดูออกไป ๆ ตามวัดตามวาต่าง ๆ พระเณรทั่วแดนประเทศไทยเป็นยังไง หลักธรรมวินัยท่านสอนไว้ยังไง การปฏิบัติตัวปฏิบัติยังไง มันกีดมันขวางธรรมหรือมันล่องไปตามอรรถตามธรรม ทำไมมันไม่ดูบ้าง ดูบ้างมันจะได้รู้เห็นเหตุเห็นผลคนเรานะ

    [เทศน์ ณ วัดป่าบ้านตาด วันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เรื่อง เห็นบุญเห็นคุณสถานที่]

    2. นี่ละการแต่งเนื้อแต่งตัวคนไทยเราดูสวยงามมาก ดูแล้วชื่นตาชื่นใจ เป็นศีลเป็นธรรม ยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน ไม่ได้เหมือนกิเลสพาแต่งเนื้อแต่งตัว ดูแล้วเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้กัน ของชาติไทยเราเป็นหลักเป็นเกณฑ์ต่อชาติตัวเองนะ อย่าไปเหลาะ ๆ แหละ ๆ คว้านู้นคว้านี้แล้วเข้ามาทำลายกฎระเบียบ หรือประเพณีอันดีงามของชาติไทยให้เสียไป ไม่สมควรอย่าง บรรพบุรุษของเราไม่เห็นด้วย เพราะท่านแต่งมาเป็นระเบียบเรียบร้อยมาตลอด บรรพบุรุษของเรา ปู่ ย่า ตา ยาย พาปฏิบัติดำเนินตลอดการแต่งเนื้อแต่งตัวสวยงามน่าดู มองเห็นกันแล้วยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นฐานะที่ควรเคารพนับถือเป็นชั้น ๆ เพราะการแต่งเนื้อแต่งตัวสวยงามที่ควรเคารพยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน

    ไม่ได้เหมือนกิเลสที่พาให้แต่ง พาให้แต่งนี่เหมือนเปรตเหมือนผี ยิ่งเข้ามาในวัดด้วยแล้ว เราจะดูไม่ได้ ดีที่เราไม่เอาค้อนปาเอา มาในวัดป่าบ้านตาด มันดูไม่ได้จริง ๆ มันถือนี้เป็นมงคล มงคลอะไรมันจะมาเผาทั้งชาติบ้านเมืองให้ล่มจม ศาสนาก็จะไม่มีเหลือนะ ยิ่งหนาแน่นขึ้น ยิ่งหน้าด้านขึ้นนะคนไทยเรา การแต่งเนื้อแต่งตัว เลยจะไม่ได้อะไรติดเนื้อติดตัว มันจะปิดเฉพาะมันเท่านั้น นอกนั้นมันจะเปิดไว้หมดเลย นี้ยิ่งดูไม่ได้ ยิ่งเลวกว่าเปรตกว่าผี อย่าทำเมืองไทยเรา เรามีหัวใจ

    เราเป็นลูกคนไทยขอให้ระลึกถึงชาติไทยเรา ปู่ ย่า ตา ยาย เราพาดำเนินยังไง อย่าระลึกถึงเรื่องฟืนเรื่องไฟที่จะมาเผาไหม้บ้านเมืองของเรา อย่าคิด อย่าพากันตำหนินะพี่น้องทั้งหลาย การแต่งเนื้อแต่งตัวตามกฎระเบียบของเมืองไทยเราไม่มีอะไรเสียหาย เราดูมาตลอดนะ เอามาเทียบมาเคียงทุกอย่างก็เพื่อชาติไทยของเรานั้นเอง การแต่งเนื้อแต่งตัว ประเพณีของคนไทยเต็มตัวแล้วสวยงามหมด คนเฒ่าคนแก่มองเห็นกัน เคารพกันยิ้มแย้มแจ่มใส

    ไม่ได้เหมือนกิเลสตัณหาเป็นฟืนเป็นไฟ เข้าไปแล้วเป็นไฟต่อกันเลยไม่มีวัย กิเลสเข้าไปเป็นอย่างงั้น ทำให้จิตใจกำเริบเสิบสาน หาความเคารพกันไม่ได้นะ มีแต่ราคะตัณหา แต่สำหรับธรรมะนำมาเป็นขนบประเพณีอันดีงามนี้ เช่น การแต่งเนื้อแต่งตัว ไปที่ไหนสวยงามน่าดู เคารพกันได้อย่างสนิทใจ ยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน ด้วยการแต่งเนื้อแต่งตัวนี่สำคัญมากนะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้

    [เทศน์ ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๖]

    ที่มา : www.luangpee.net/forum/?topic=4303.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2010
  3. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    อนุโมทนาครับคุณคมน์ ดีแล้ว ชอบแล้ว สาธุ
     
  4. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    มาตรฐานเราเป็นแบบหนึ่ง

    แต่บรรทัดฐานของวัดส่วนใหญ่ในประเทศนี้ เป็นแบบนี้

    เป็นการให้สำรวมทางกายที่เรามีต่อวัด ที่มีต่อพระรัตนตรัย
    การแต่งกายลักษณะนั้น อาจไม่เคยมีใครกล้าบอกตรงๆ ว่าไม่ควร
    แต่เป็นบรรทัดฐาน ของสังคมพุทธ ไม่ว่า วัดไหน สายไหน
    วัดพระธรรมกายหรือบ้านตาดก็กำหนดแนวทางคล้ายกันในเรื่องนี้ ลองเข้าไปดูภาพบรรยากาศในวัดก็ได้

    ตัวเราจึงต้องประเมินใหม่จากสายตาคนรอบข้างอย่างจริงจัง
    การแต่งกายให้สำรวมตามสถานที่นั่นคือการสำรวมจิตเราพัฒนาตัวเรา

    ตัวเราอาจไม่ได้คิดแต่คนอื่นที่เห็นอาจจะคิด ตัวเราไม่ได้คิดเรื่องกาม
    รูปนี้เป็นกามคุณอย่างหนึ่ง ที่คนอื่นเขาเห็นอาจคิดฟุ้งไปต่างๆ นานาได้

    การเปิดจิตรับฟังจะทำให้เราเห็นภาพของตนเองชัดขึ้น

    หากจะดึงดันแต่งแบบนี้เข้าวัดอีก ก็ไม่มีใครกล้าว่า เพราะไม่ใช่กิจ
    แต่กรรมที่เกิดขึ้นแน่ๆ ในอนาคตคือ การที่จะไม่ได้รับความเคารพนับถือจากคนอื่น
    และจะเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ จากสังคม โดยที่เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
    เพราะความที่เราไม่สำรวมระวังนั่นเอง

    ไตร่ตรองให้รอบคอบและช่วยกันรักษาพระศาสนาให้ยืนยาวเถิด
     
  5. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    1.เราออกไปนอกบ้านมีหญิงสาววัยรุ่นเดินมาใส่กางเกงขาสั้น ใจเกิดความกำหนัด ควรจะโทษหญิงสาววัยรุ่นหรือว่าควรโทษใจเราเอง

    2.รู้ทั้งรู้ว่าพระสงฆ์ท่านยังตัดกิเลสไม่ได้ ก็ใส่สั้นๆ เข้าวัดก็คงไม่แตกต่างจากที่ธิดาพญามารพยายามล่อลวงพระพุทธเจ้า(ต่างกันตรงที่พระพุทธเจ้าทรงดับกิเลสแล้ว)

    3.ใจผู้ชาย ต่อให้ผู้หญิงนุ่งมิดชิดแค่ไหน ใจมันก็หาช่องทางไปจนได้นั่นแหละ ดูขาไม่ได้ก็ดูเอว ดูเอวไม่ได้ก็ดูนม ดูนมไม่ได้ก็ดูแขน ดูแขนไม่ได้ก็ดูต้นคอ ดูต้นคอไม่ได้ก็ดูผม ดูอะไรไม่ได้เลยก็คิดว่าเห็นหมดแล้ว ฯลฯ

    4.บาปไม่บาปก็คงขึ้นอยู่กับเจตนา แต่อย่างไรเสียการแต่งกายเข้าวัดก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและกาลเทศะเป็นสำคัญ ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยง(เดี๋ยวนี้วัดหลายๆ แห่งก็มีผ้านุ่งให้นุ่งก่อนเข้าโบสถ์ ในกรณีที่นุ่งกระโปรงหรือนุ่งสั้น)

    5.ไฟราคะมันร้อนต่อทุกๆ ฅนที่มีกิเลส ถ้าหลีกเลี่ยงที่จะโหมไฟราคะที่ยังคงมีอยู่ในผู้ที่ยังไม่หลุดพ้นก็อย่าพยายามส่งเสริมโอกาสเหล่านั้น

    6.นานปีทีหนเข้าวัดสักที นุ่งมิดชิดนิดนึงคงไม่ถึงขั้นลงแดง

    7.ถ้ายังอยากนุ่งสั้นๆ บอกผมได้(ชอบ)

    8.ไฟราคะมันร้อนจริงๆ นะ
     
  6. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมเห็นด้วยกับข้อความนี้ครับ

    โมทนา
     
  7. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ผมคิดว่าอยู่ที่เจตนามากกว่าครับ ต่อให้ผู้หญิงไม่นุ่งสั้นถ้าผู้ชายจะมองให้ลามกก็มองได้
    แต่ถ้าเจตนานุ่งสั้นเพื่อต้องการยั่วกิเลส แบบนี้คงบาป เพราะไปทำให้อกุศลด้านราคะ
    ของคนอื่นกำเริบ ซึ่งราคะก็เป็นอกุศล แต่ถ้าไม่เจตนาผมคิดว่าไม่บาปหรอก แต่การ
    แต่งกายก็ควรให้เหมาะสมและให้เกียรตืสถานที่ก็จะดีไม่น้อยครับ....
     
  8. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ที่จริงการใส่สั้นไปทำบุญได้บุญก็อาจจะมีนะคะ

    เช่นในกรณีว่า ยิ่งสั้นมากๆ พุทธบริษัททั้งหลายเมื่อแลเห็นความอวบล่ำขนจักแร้ยาวพริ้วสไวล้อลม ขาเท่าค้อนทุบหมูปุ่มป่ำ ขนหน้าแข้งยาวหงิกงอ คอตันๆ ฟันเหลืองๆ บัดนั้นพากันปลงทั้งหมดทั้งสิ้นว่าเออหนอบุญทำกรรมแต่งแท้ๆน้อ ก็อาจจะมีนะคะ


    เพราะคนทำบุญไปวัดเค้าก็หวังบุญกุศลไว้เก็บกินภายหน้าบ้าง หรือบรรลุธรรมไรไรบ้าง

    ส่วนมากก็ต้องเอื้อเฟื้อมีใจส่งเสริมการปฏิบัติธรรมของพระของเจ้าทั้งสิ้น
    ทีเค้าให้ข้าวพระไปกินขบฉันก็ส่งเสริมยังสังขารของพระในการบำเพ็ญเพียรตบะเผากิเลสเลสในให้สิ้นไปในสงสาร
    แล้วเหล่าโยมผู้ขี้โลภบุญอย่างเราก็จะทำบุญกับพระดีก็ได้บุญมากๆต่อไป
    การทำให้พระสะดุ้งปลดปลงในสังขารก็เป็นอีกอุบายหนึ่งในการพิจารณาก็ได้นะ




    ปล. แต่ข้าพเจ้าไม่เคยนะ แค่ผมยุ่งแบบซูเปอร์ไซย่าเท่านั้นละ
     
  9. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ทำไมถึงคิดเช่นนั้นครับ

    ปกติถ้าผมไม่เห็นด้วย ผมตอบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม อยู่แล้วครับ

    โมทนา
     
  10. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    จริง ๆ แล้ว ถ้าคุณน้ำ อ่านที่หลวงตามหาบัวสอน
    และพิจารณาให้ดี คงจะได้คำตอบแล้วนะครับ

    ที่สำคัญ คุณน้ำไปบูชาวัตถุมงคลที่วัดบ่อย
    ลองถามพระในวัดดูครับว่า แต่งแบบที่คุณน้ำว่า เหมาะสมหรือไม่

    ถ้าคุณจะบอกว่า แต่งไปวัดแค่สามนาที ไม่เห็นเป็นไร ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ
    เป็นสิทธิเสรีภาพในการแต่งกายครับ แต่ประเพณีวัฒนธรรมของไทยนั้น
    การแต่งกายไปวัดต้องสำรวมครับ

    เรื่องการแต่งกาย ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องมาถกกันให้เสียเวลา
    เพราะคำตอบเห็นชัดเจนอยู่แล้ว หลาย ๆ วัดก็รณรงค์แล้ว
    พระอริยสงฆ์อย่างหลวงตามหาบัวท่านก็เตือนแล้ว

    ผมเองไม่ค่อยชอบโต้ตอบกับสุภาพสตรีครับ
    แต่ที่ต้องตอบ เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน เลยต้องเตือน
    ไม่ได้มีจิตที่จะประชด หรือ ทำให้รู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด

    คนที่เตือนกัน แม้จะรู้ว่า อีกฝ่ายอาจรู้สึกไม่ดี
    แต่ก็จำเป็นต้องเตือน เมื่อเตือนแล้วไม่รับฟัง
    ก็ควรจะวางอุเบกขา เพราะไม่งั้นจะทำให้ใจตนหม่นหมองได้ครับ

    โมทนา
     
  11. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    พี่อ่านหลายเรื่องหลายแนวจ้ะ

    เราจะไปโทษชาวบ้านที่มองคนแต่ภายนอกก็ไม่ได้จ้ะเพราะเหตูที่ภายในจิตใจคนเรานั้นยากแท้หยั่งถึง เว้นเสียแต่ผู้บำเพ็ญตนจนมีเจโตปริยญาณคือผู้รู้จิตใจสัตว์ทั้งหลายท่านจึงจะดูออก มนุษย์อื่นๆจึงอาศัยที่เห็นภายนอกเป็นลำดับแรกในการจำแนกและจดจำกันย่อมเป็นธรรมดา

    พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้สิ้น
    และมีเมตตาต่อสัตว์ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่รู้จักรู้ใจ อัธยาศัยอันลึกสุดใจของผู้ใด

    จึงได้อบรมพระภิกษุสงฆ์และพุทธบริษัท ๔ ว่านอกจากการสำรวม ใจ วาจาแล้ว การสำรวมกายอยู่ในลำดับแรกๆ เพื่อมิให้มหาชน
    เมื่อพบพระที่สำรวมกายดีจะไม่เผลอตำหนิพระอริยะให้เกิดกรรมหนักมหาศาลสิ้นกาลนานสืบไป

    การสำรวมกาย การนุ่งห่มให้สำรวมจึงมีความสำคัญดังนี้แล
     
  12. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    สงสัยท่านพี่ชอบแนว คนเขียน รันม่า หุหุ ดูจากภาพประกอบ
     
  13. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ใช่จ้ะ ชอบรันม่าเพราะดูไม่ค่อยมีพิษภัย
    แต่ที่เผลออ่านพระไตรปิฎกก็เพราะตอนเด็กคิดว่าเหมือนนิทานแต่เป็นเรื่องจริงก็เลยอ่านมาเรื่อยๆ เพราะมีหลายเล่มดี และบ้านไม่มีทีวี (เมื่อก่อนนะ) ไม่อ่านหนังสือเรียนอย่างเดียว
     
  14. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    น้ำก็ติดการ์ตูนเหมือนกันค่ะ ดูได้เรื่อย ๆ ถ้าไปแข่งรายการแฟนพันธ์แท้ สงสัยมีสิทธิเหมือนกัน ไม่แน่ค่ะ เสียดายรายการเขาเลิกไปซะก่อน
     
  15. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เสียดายเรื่องโคท่าโร่ (ที่เล่นคาราเต้) นะ

    [​IMG]

    กำลังสนุกเลย แต่คนเขียนดันป่วย ไม่แน่ใจว่า ตอนนี้คนเขียนตายหรือยัง หุหุ
     
  16. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    การ์ตูนเหรอ โอ้มันนานมากแล้วครับ ผมชอบฮามิช ตีนระเบิด ลายเส้นเนี้ยบกว่าการ์ตูนญี่ปุ่นอีก หุหุ ขอขี่แกะไล่หน่อยเอ้ยแพะสิ
     
  17. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ใช่แล้ว โคทาโร่เก่งมหัศจรรย์มาก
    มีเรื่องหมัดเทพเจ้าดาวเหนือด้วยนะ
    แสดงว่าเราเกิดยุคเดียวกัน
    (อ่านตอนประถม)

    คุณน้องน้ำใจกว้างมากนะที่อุตส่าห์ลงรูปไปวัดมาให้ติชม

    การ์ตูนเหรอ โอ้มันนานมากแล้วครับ ผมชอบฮามิช ตีนระเบิด ลายเส้นเนี้ยบกว่าการ์ตูนญี่ปุ่นอีก หุหุ ขอขี่แกะไล่หน่อยเอ้ยแพะสิ

    ไม่รู้จักเรื่องนี้สงสัยเกิดไม่ทันจริงๆ ขออภัยค่ะ ๕๕๕
     
  18. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    ทำไมถึงเป็นบาป

    ยังกัมมังกริสสันติ กัลยานังวา ปาปกังวา ตัสสะทายาทาภวิสสันติ
    บุคคลทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตามต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น


    บางคนที่ไม่ได้ศึกษาให้ดี ยังงง ว่าทำไมเป็นบาปกรรม เรื่องของฉัน ห้ามไม่ได้หรอก อย่ามายุ่ง

    หากการแต่งกายนี้ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนา อยู่ในที่ทางโลกทั่วไป ตามศูนย์การค้า งานมอเตอร์โชว์ ชายหาด อาจไม่มีผลอะไรมากนัก และไม่เกี่ยวกับใคร อาจเสี่ยงกับการมองจากคนอื่นเท่านั้น

    แต่การแต่งกายหมิ่นเหม่แบบนี้ไปในสถานที่ควรสำรวมมีผลอย่างมาก
    คือการก่อให้กำเนิดกามราคะ ในสถานที่สำรวมของบรรพชิตที่ต้องการดับกามราคะ

    เพราะกามเกิดมาจากการสัมผัส ในเบื้องต้นคือจักษุสัมผัส ที่มองเห็น เกิดความเพลิน นันทิราคะ ดูแล้วเพลิน อยากดูเพศตรงข้าม กระตุ้นต่อมกามราค ยั่วยวนโยงไปถึงกามราคะการต่อไปอีก คนที่แต่งกายแบบเข้าวัดนี้จึงเป็นผู้ก่อกรรมโดยไม่รู้ตัว

    กรรมคือการกระทำ การแต่งตัวออกจากบ้านไป ตัวคนที่แต่งไปจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่หากประเมินได้ว่ามีคนดูอยู่ มีคนมองอยู่ ควรระวังแต่ต้นเหตุ การเปิดเนื้อหนังมังสามาก รัดรูปเน้นหน้าอก,รัดนมมาก ผู้ชายไม่ว่าใครหากยังตัดกามราคะไม่ได้ หากมองเห็นก็ถูกกระตุ้นต่อมราคะทั้งนั้น อันนี้ถือได้ว่าเป็นกรรมแล้ว

    เพราะการกระทำที่ส่งเสริมกิเลส ก่อและกระตุ้นไฟราคะให้ลุก ไปในสถานที่ควรสำรวม แต่ไม่สำรวม เป็นกรรมที่ก่อขึ้นโดยตัวเอง

    ยิ่งวัดเล็กๆ บ้านนอก ยิ่งต้องสำรวมมากขึ้นไปอีกหลายเท่า การอยู่กับพระสองต่อสองก็ไม่ควรอย่างยิ่ง ควรมีคนที่สามเป็นเพื่อน การแต่งกายแนบเนื้อรัดรูปไปวัดหมิ่นเหม่ต่อการเข้าใจผิดจากคนอื่นเข้าไปอีก ทำให้พระได้รับการนินทาจากชาวบ้าน ว่ามีสีกามาหาแต่งตัวมาหาพระแบบนี้จะมาสึกพระหรือ และ ฯลฯ

    ไฟราคะว่าร้อนมากแล้ว ไฟนรกเพราะการแต่งกายไม่สำรวมมันร้อนยิ่งกว่า
    ลองอ่านประวัติประสบการณ์ท่านหลวงปู่คำคะนิงที่ลงไปเยี่ยมนรกหน่อยจะได้รู้ว่าการอวดอวัยวะตนเองเพราะหลงรูปกายให้อวดคนอื่นดู รูปโฉมโนมพรรณนั้นมันส่งผลกรรมมากเพียงใด กว่าจรู้ตัวก็สายเสียแล้ว

    เตือนขนาดนี้แล้วอยากแต่งอีกก็ตามใจ จะแต่งก็แต่งไปไม่มีใครกล้าว่าหรอกครับ แต่เห็นว่าเป็นผู้ใฝ่ธรรมเข้ามาในเวบพลังจิต น่าจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง ไม่ควรหลงรูปเพราะเป็นบ่อเกิดกามทั้งหลาย

    ยังกัมมังกริสสันติ กัลยานังวา ปาปกังวา ตัสสะทายาทาภวิสสันติ
    บุคคลทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตามต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น


    เอวัง
     
  19. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    ผลกรรมจากการอวดเนื้อหนัง

    นางงามนางแบบ



    หลวงปู่คำคะนิงเดินเที่ยวชมเมืองนรกต่อไป เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง สว่างไสวรุ่งเรืองดุจแสงฟ้าแลบอยู่แปลบปลาบ เป็นยกพื้นเวทีกว้างคล้ายสะพานทอดยาวโค้งลงไปในสระน้ำอันกว้างใหญ่ สระน้ำนั้นลุกไหม้เป็นเปลวไฟแดงฉานโชติช่วง น่าสะพรึงกลัว ก็รู้ว่าเป็นขุมนรก

    บนสะพานนั้นมีหญิงสาวรูปร่างอรชรสวยงามจำนวนมาก พากันเดินออกจากเวทีมีม่านผืนใหญ่มหึมา หญิงสาวเหล่านั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์สวยงาม เดินนวยนาดลงจากเวที ทอดแขนทอดขามาตามสะพาน

    จ่ายมบาลอธิบายว่า มนุษย์ผู้หญิงเหล่านี้เป็นพวกนางงามนางแบบ กำลังเดินโชว์ร่างกายและเสื้อผ้า หลวงปู่คำคะนิงยืนงุนงงประหลาดใจยิ่ง

    นางงาม นางแบบ เสื้อผ้าอาภรณ์อันสวยงามฉูดฉาดสะดุดตาเหล่านั้น เดินเรียงรายตามกันออกไปยืนอยู่กลางสะพาน แล้วเยื้องกรายเปลื้องเสื้อผ้าออกก่อน เหลือแต่ร่างเปลือยล่อนจ้อนอุจาดนัยน์ตา แต่ละนางร่างสวยงามด้วยส่วนสัดปานนางฟ้า

    จากนั้นก็มีนกอินทรีตัวใหญ่บินมาจากไหนไม่รู้ นัยน์ตานกอินทรีแดงฉานพวยพุ่งออกมาเป็นเปลวไฟ มันบินมาตรงหน้าหญิงสาวแต่ละนางที่ยืนเปลือยกายอยู่
    แล้วใช้จะงอยปากอันคมกริบจิกเข้าที่หน้าผากหญิงสาว กระชากทีเดียว หนังศีรษะและเส้นผมก็ลอกออกมาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า กลายเป็นหนังทั้งแผ่น หญิงสาวนางนั้นส่งเสียงหวีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

    เมื่อนกอินทรีจิกลอกเอาหนังออกไป ก็เหลือแต่ร่างที่แดงฉานไปด้วยเลือด น่าขยะแขยงชวนขนพองสยองเกล้า จะมองหาความงามเมื่อตะกี้นี้ไม่พบเลย นกอินทรีได้จิกกินนัยน์ตาทั้งสองข้างก่อน แล้วจึงจิกเอาเนื้อแดง ๆ ออกมาเผยให้เห็นอวัยวะภายใน คือ ตับไตไส้พุง น่าขยะแขยง ไม่สวย ไม่งาม

    จากนั้นนกอินทรีจิกกินตับไตไส้พุงจนหมดสิ้น เหลือแต่ร่างโครงกระดูกจะหาความสวยงามไม่ได้เลย กลายเป็นร่างโครงกระดูกยืนสั่นสะท้านอยู่
    ฝ่ายหญิงสาวคนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้น ก็มีความหวาดกลัวอย่างสุดขีด พากันกระโดดหนีลงไปในสระนรกที่เป็นเปลวไฟลุกโชติช่วงแดงฉานนั้น ก็ถูกเปลวไฟนรกลุกเผาไหม้ ส่งเสียงร้องกรีดแหลมระเบ็งเซ็งแซร่ด้วยความเจ็บปวด

    แต่แล้วก็มีเหล็กคล้ายหอกเผาไฟแดง ๆ แทงทะลุร่างหญิงสาวเหล่านั้นส่งขึ้นมาจากขุมไฟนรก ร่างที่ไหม้เหลือแต่กระดูกขาวโพลนก็กลับกลายเป็นร่างหญิงสาวสวยงามเหมือนเดิม มีเสื้อผ้าอาภรณ์สวมใส่เหมือนเดิมทุกอย่าง
    ต่อจากนั้นก็ถูกนกอินทรีโผบินเข้าจิกกระชากเสึ้อผ้าออกเหลือแต่กายเปลือยล่อนจ้อน แล้วจิกหนังลอกออกทั้งแผ่น จิกกินเนื้อ กินตับไตไส้พงเหมือนที่กระทำกับหญิงสาวคนแรก

    ส่วนหญิงสาวคนอื่น ๆ มีความหวาดกลวัส่งเสียงหวีดร้องวุ่นวายระเบ็งเซ็งแซร่นั้นจะวิ่งหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ เพราะมีหอกเผาไฟแดง ๆ แทงขึ้นมาจากขุมนรกเพลิง จี้สกัดหน้าหลังไว้รอบข้างไปหมด
    หลวงปู่คำคะนิงสลดสังเวชเป็นที่ยิ่ง ไม่ทราบว่าหญิงสาวเหล่านั้นมีความผิดสถานใด ถึงต้องมาถูกกระทำลงโทษอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตถึงปานนี้

    จ่ายมบาลล่วงรู้วาระจิตได้ตอบว่า หญิงสาวเหล่านี้สมัยเป็นมนุษย์ชอบประพฤติตนทางอนาจาร คืออวดร่างกายของตนเปลือยร่างต่อสาธารณะ และหลงใหลลุ่มหลงในเสึ้อผ้าอาภรณ์เครื่องตกแต่งประดับกายอย่างไม่ลืมหูลืมตา สามารถกระทำชั่วได้ในทุกสิ่งเพื่อแสวงหาเงินมาซึ้อเสื้อผ้าอาภรณ์ประดับตัวเองอวดคนอื่น

    เป็นผู้หญิงประเภทฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไม่รู้จักศาสนาคำสั่งสอนของศาสดาองค์ใด ไม่เชื่อในคุณธรรมความดีใด ๆ ไม่ละอายแก่ใจ เชื่อแต่ว่า เกิดมาชาตินี้ชาติเดียว ต้องแสวงหาความสุขสนุกสถานให้เต็มที่ กิน ถ่าย เสพกามและนอนเท่านั้น อย่างอื่นไม่คิด ชาติหน้าไม่มี บาปบุญไม่มี นรกไม่มีดังนั้นเมื่อหญิงสาวเหล่านี้ตายแล้วจึงต้องมาเสวยกรรมอยูในนรกเช่นนี้


    จาก : หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี บุกเมืองพญานาค และท่องนรก

    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk-main-page.htm
     
  20. สายน้ำผึ้ง

    สายน้ำผึ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +379
    ไม่รู้หรอกนะว่าบาปไม่บาปเพราะไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใคร
    แต่ผลกรรมของการกระทำย่อมตกกับตัวผู้นั้นเป็นของเฉพาะตน
    คนเรามีปัญญาไม่เสมอกันเพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะไปบอกไปสอนได้ทุกคน
    แต่สำหรับส่วนตัวคิดว่าไม่เหมาะสมแน่นอนค่ะแม้ว่าคนที่สวมใส่เสื้อผ้าไม่ได้คิดอะไร แต่กรรมของการที่ใส่เสื้อผ้าไม่สำรวมก็คือการโดนคนอื่นต่อว่าอยู่นี่ไงที่เห็นได้โดยชัดๆ
    และในสมัยพุทธกาลท่านเรียกการแต่งตัวที่เปิดเนื้อหนังมังสาอย่างทุกวันนี้ว่าการนุ่งชั่ว ห่มชั่ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...