สาส์น จากพราหมณ์น้อย มาช่วยรับรอง

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย p.mesa, 25 มกราคม 2010.

  1. Readome

    Readome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +130
    การที่คุณกล่าวหาผู้อื่น ว่าผู้อื่นเป็นแบบนี้ มันเป็นมโนกรรม อย่างหนึ่ง เขาผิดหรือไม่ผิดคุณก็ไม่ สามารถไปตัดสินเขาได้ แล้วคุณเคยรู้จักเขาดีแค่ไหน อย่าสร้างบาปกรรมติดใจตัวเองเลย เขาเป็นเพียงฆราวาส ไม่ใช่พระ แต่คุณไปใส่ร้ายเขา มันไม่เกิดผลดีกับคุณน่ะ คุณรู้จักเขาดีพอหรือยัง
    ว่าเขาเป็นคนอย่างไร มันเป็นกรรมน่ะ ดีอยู่ที่เขาชั่วอยู่ที่เขา เราไม่ได้ดีและไม่ได้ชั่วเพราะเขานี่ หวังว่าคงเข้าใจในเจตนาของคุณนะ
    คุณไม่รู้กำลังใจเขาน่ะ ว่าเขาทำอะไร ดีชั่วอยู่ที่ตัวของทุกคนทำ สูงต่ำอยู่ที่ทุกคนนั้นทำตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2013
  2. Readome

    Readome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +130
    แนะนำด้วยจิตเมตตา

    บุคคลใด ที่กำลังมีพฤติกรรมแอบแฝง มีจิตที่ไม่บริสุท อ้างการปฏิบัติธรรมบังหน้า เข้าไปหาหาผัว หาเมีย ในวัด สำนักสงฆ์ สถานธรรม หรือที่ๆ เขาจัดไว้สำหรับปฏิบัฏิบัติธรรม ขอให้เลิกนะ เพราะมนุษเราต่างจากสัตวเดรัจฉานตรงที่ว่า มีหิริโอบตัปปะ มีสติปัญญา ยับยั้งชั่งใจได้ว่า อะไรควรทำ ไม่ควรทำ เพราะท่านก็รู้อยู่ว่าคนที่ท่านจะไปเสพสมนั้นอยู่ในเพศอะไร กำลังทำอะไรอยู่

    ถ้าหักห้ามใจไม่ได้ ควรจูงมือกันไปที่อื่น รับผิดชอบกันไห้เต็มที่ เรื่องนี้ฝ่ายหญิงเสียหายถึงตะกูลพรรษุรุษ ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ต้องคอยหลบซ่อน หรือ เป็นคดีดังขึ้นมา เมื่อความจริงปรากฏ น่าสงสารนะ

    แถมเมื่อความรักไม่สมหวัง เพราะฝ่ายหนึ่งฝ่ายไดปฏิเสธ ก็จะต้องมีการตรวจสอบกันละเอียดยิบ เพื่อที่จะหักร้างกันไห้พินาทย่อยยับไปข้างหนึ่ง ก็น่าสงสารท่านเพศหญิง แถมมีการพาลใส่ความผู้อื่น โทษผู้อื่นต่างๆนาๆ โดยการโพสหมิ่นประมาทตามสื่อต่างๆ หรือมีการกล่าวชื่อ นามสกุล ด้วยความไม่รู้เดียงสา

    ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้เข้าก็จะเป็นคดีความขึ้นมาเป็นการตอบโต้ อันนี้ท่านต้องพิจารณาเองนะ ว่าจะเสื่อมเสียถึงเงินทอง พ่อแม่ ญาติพี่น้องหรือเป่า(สื่อเดียวนี้ก็ตรวจได้ไม่ยาก ระวังหน่อยนะ) เป็นการประจานตนเอง หรือเผาตนเองไห้เร้าร้อนโดยแท้ ยิ่งเป็นกรรมหนักเข้าไปอีก

    หวังดีนะเตือนไว้ก่อน เพื่อได้สติ เพราะเวลาทำขาดสตินะ ไช้แต่อารมญ์
    เพื่อได้แง่คิดดีๆๆ พูดดีๆ ทำดีๆๆ จะได้มีแค่ความสงบสุขถ้วนหน้า
     
  3. Readome

    Readome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +130
    เพราะในชีวิตเราเห็นมาทุกรูปแบบ เรื่องนี้มากสุด คนที่มีความคิดดีๆย่อม เวลาเข้าไปย่อมต้องห้ามใจได้ ว่าเข้าไปเพื่อละ เพื่อภาวนา วัดกายวัดใจ ถ้าเขาไปยั่วยวนหรือเจตนาแฝงเพื่อการได้ ก็หยุดซะ จะได้ไม่ลงอบายภูมิไห้ลึกลงไป

    พระเณร ผู้ที่ประพฤติธรรมอยู่ในนั้นก็ไม่ไช่อรหัน ไม่ไช่อิฐ หิน ปูน ทราย จึงจะได้ไร้ความรู้สึก มันอยู่ในขั้นตอนที่เขากำลังจะทำดี กำลังฝึกอยู่ ท่านก็ไม่ควรทำตัวเป็นมาร ไปขวางมรรคผลของเขา เพื่อสนองตัญหาราคะของตน เพราะที่ๆสนองตัญหาราคะมีอยู่ทั่วไปในทางโลก ทำไมไม่เดิน พอมีผู้รู้ธรรมตรงนี้มาพูดท่านก็ขัดเครืองใจโกรธแค้น นั่นก็เป็นกรรมของท่าน

    สมดังที่พระพุทธองตรัสว่า
    " สัตว์โลกทั้งหลาย ย่อมเป็ไปตามกรรม กรรมย่อมจำแนกสัตวไห้หยาบ และประณีต "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2013
  4. Readome

    Readome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +130
    ก็กลายเป็นว่า ผู้ที่โพสด่าว่าไห้ร้ายคนอื่น เป็นผู้รับกรรมเสียเอง ขอไห้พูดความจริงนะ ศีลข้อสองนะ ถ้าจะโหกก็เดินหนีไป อย่าพูดเสียเลยดีกว่า จะได้กรรมไม่หนักมาก เรียกว่า ปิดวาจา

    ข้อคิดของคนโบราณที่ว่า " คนดีๆ เขาไม่ไปหาผัว หาเมียในวัด สถานธรรม เพราะเขารู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ "

    ฉะนั้น ครูบาอาจารสมัยก่อนจึงเรียกบุคคลประเภทนี้ว่า มาร วึ่งเราก็เห็นด้วย บ่ได้ว่าใครนะ แต่เป็นคำแนะนำดีๆ ที่ตกทอดมา ผู้มีปัญญาย่อมมองเห็นธรรมในโพสนี้
     
  5. Readome

    Readome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +130
    ส่วนบางท่าน ที่แฝงตัวเข้าไปในสถานธรรม วัด หรือที่ๆที่เขามีการปฏิบัติธรรมอยู่ แล้วไปทำกรรมเรื่องชู้สาวนั้น ถือว่าเป็นกรรมหนักมากๆๆๆๆๆ
    สมัยก่อนครูบาอาจารหลายท่านเรียกว่า มาร บางที่ท่านใช้คำแรงกว่านี้ เรียกว่า หยาบมากๆ ไมอาจพูดได้

    บางที่เขาไม่สนองหือไม่ไห้ประยชน์ตน ก็กล่าวร้ายไห้เขาเสียหายต่างๆนาๆ ว่าง่ายๆ คือ ไม่ตามใจในราคะของตนนั้นแหละ อันนี้งัยที่ว่าหนักมากๆ

    ผู้มีปัญญานั้น ย่อมพิสูจได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องฟังคำใส่ร้ายยุแยงจากใคร เพราะการตรวจสอบสมัยนี้เจริญมาก คนเเหล่านี้เจริญด้วยสติปัญญา มีการศึกษาด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นจึงต้องตรวจสอบหลายด้านด้วยตนเอง
    ส่วนผู้ทำกรรมนั้น ย่อมไม่เจริญในทุกเรื่อง มีแต่ตกตํ่าทุกสถาน ทำมาหากินไม่ขึ้น เป็นท่สาบแช่งของเทพเทวดาทั้งหลาย เมื่อไกล้ตายกรรมชั่วเหล่านี้จะมารวมตัวฟุ้งขึ้นมาในจิต เรียกว่า กรรมนิมิต หรือ อาสันนกรรม เมื่อนั้นย่อมรู้ชัดเอง แต่ก็สายเกินไป เพราะย้อนเวลาไปแก้ไข เพื่อจะทำกรรมดีนั้น ไม่ได้อีกแล้ว
    การที่แต่งเรื่องที่ไม่มีมูลควาจริง และกล่าวคำใส่ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย จะด้วยผลประโยชน์ไดก็ตาม เขาย่อมมีความเล่าร้อนเอง เสียหายเองเมื่อความจริงแท้ปรากฏ และยังเป็นการประจานตนเองโดยไม่รู้ตัว นี่แหละคือผลกรรมที่สะท้อนกลับ

    ส่วนข้อเท็จจริงนั้นต้องพิสูจฯ โดยเข้าไปคลุกคลี จึงจะรู้ชัดว่า จริงเท็จประการได เรียกว่ายิงสาวยิ่งเจอ

    ส่วนเราผู้รับฟังนั้นก็ฟังอยู่่ และก็ปลงใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลก มีมากจนชินเป็นธรรมดาเสียแล้ว
    สมดังที่พระพุทธองตรัสว่า
    " สัตว์โลกทั้งหลาย ย่อมเป็ไปตามกรรม กรรมย่อมจำแนกสัตวไห้หยาบ และประณีต "

    สวัสดี ขอไห้ทุกท่านมีความสุขกับความดีที่ทำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...