สัมมาสมาธิ แตกต่างกับ สมาธิทั่วไปอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 6 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    น้าเอกเขาเตือนเอ็งด้วยความหวังดี เอ็งหลุดไปถึงไหน
    ตั้งสติดีๆ เลิกทำตัวเป็นผู้รู้ ไปกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เอาไว้เหนือหัว จิตใจจะได้มีสติขึ้นมา
    ทิ้งสัญญาเรื่อง ปรมัตถ์ของเอ็งทิ้งไปได้แล้ว เริ่มต้นฝึกสติใหม่ เปลี่ยนชื่อใหม่ จากหลงเข้ามา เปลี่ยนเป็นมองตน อะไรทำนองนี้ก็ได้ จะได้เป็นมงคลหน่อย ให้เพื่อนๆเรียกแต่ไอ้หลงๆ มันเป็นไปตามปากนะ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กูละกลุ้ม

    ไอ้โลกธรรม8 เนี่ยะ ผมยกมากล่าว เพราะ อาหลง อ้างเรื่อง ตีกิน นั่น

    อาหลง ควักโลกมายามาใช้เป็นเครื่องมือบังหน้าตน แล้วอาหลงจะ
    มาแถลงชี้โบ้ชี้เบ้ให้เป็นเรื่องอื่นไปทำไม ไม่ทราบ

    ถ้า ไม่ซื่อตรงต่อพฤติจิต วิญญาณขันธ์ของตนที่แล่นไปแบบนี้ ก็เลิกเสวนา
    กันเนาะ

    เชิญแบกตำราเข้าสู่นรกไปได้เลย
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....................มันมาไม่ค่อย ถูก ตรงคำว่า เจริญสติดับ นี่แหละครับ.............ถ้าเจริญสติได้ดีมันก็แยก ธาตุ ขันธิ์ ให้เห็น ก็ถือว่าดับความเห็นผิด(ในจิตสังขารขณะนั้น)...แต่บางครั้ง เจอโทสะหนักหนัก โลภะหนักหนัก มันไม่ดับ ก็ให้รู้ ว่าจิตยัง มีโทสะอีกชั้นหนึ่ง,,,เพราะฉนั้น มัน จึงต้องดู ตามความเป้น จริงของกายใจ ในปัจจุบันนั้น จริงจริง โดยไม่ได้หวังผล ความดับเป็นสำคัญ....จนจิตมันตั้งมั่นเป้นธรรมชาติ ในภายหลัง มีสติ รู้ ทันกายใจ ตรงปัจจุบัน โดยไม่ต้องแทรกแซงมัน:cool:
     
  4. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    นี่คิดเอา

    มีเยอะมาก พวกเข้าอธิฐานจิต เห็นแสงยิบยับ การันตีเองเรียบร้อยว่าเป็นอย่างนี้อย่างนั้น

    ผมถามว่า ปัญญารู้อะไร เพราะอย่างน้อยๆทิฎิบางอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามภูมิ

    นี่ก็แยบน้าเอกตลอด รูปนามพิจารณาอย่าง ก็ตอบไม่ได้

    เมื่อไม่รู้ แล้วไปรู้อะไรมา เอาอะไรไปกำหนดทุกข์

    เรื่องปัญญาพระอริยะไม่ต้องไปเปรียบเทียบครับ แสงอาทิตย์กับหิ้งห้อยเลย

    อย่างน้อยๆก็ควรมีทัศนะที่ถูกต้องบ้าง เพราะเป็นผู้ผ่านมาแล้ว

    นี่ผมยังเห็นน้าเอกเดินเปะปะ อัพเกตตนทุก๓วัน

    นี่ต้องแยกให้ออก อันไหนจินตปัญญา อันไหนปัญญาญาณ



    ขออีกนิด เรื่องฝนดาวตกนั้น กระผมอยู่สายวิปัสนามาก่อน ทำไมจะไม่รู้

    อย่าไปเสียเวลาเลยน้าเอก

    สภาวะธรรม มันรู้กันได้

    ถ้าเห็นภาพในหัว ขณะนั้นคือคิด สังขารขันธ์ปรุงแต่งอยู่

    อย่าไปหลงเรื่องราวความคิด มันเสียเวลา ไม่ละกันง่ายๆหรอก

    ถามตนเองดูสิ ยินดีหรือไม่ เก็บมาปรุงหรือไม่
     
  5. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80

    ตกลงจะคุยอะไรหว่า

    เปลี่ยนแนว ตามไม่ทัน

    เราคุยสภาวะธรรม

    น้าเอกมาเพ่งนายหลง เจริญล่ะ
     
  6. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เอ่อ หมายถึง ความฝัน

    เรื่องจิตสร้างรูป ไม่ได้ไปหลงเรื่องราวที่ฝันเป็นเรื่องราว

    จึงเจริญสติดับความติดข้อง
     
  7. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เรื่องความดับ ที่หวังผลนี้ คือดับความเห็นผิด ดับสักกายทิฏฐิ

    เพราะไปหลงโกรธ หลงสภาวะธรรมเป็นเราโกรธสิ่งนี้ สิ่งนั้น

    โดยเห็นเป็น ขันธ์ทำกิจปรุงแต่ง ขึ้นมาแล้วดับไปตามจริง
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    โถ่เอ้ย อาหลง ถ้า เป็นนักวิปัสสนาจริงๆ เนี่ยะ ภูมิจิตทีปริวัตรไปในสมถะ
    กรรมฐานเนี่ยะ ผลคือ จะไม่ต้อง เพียรเหตุซ้ำอีก

    เพราะหากมันมี ญาณสัมปยุติพร้อมจริง ดั่งอ้างว่า วิปัสสนาอยู่ ภูมิจิต หรือ
    ฌาณจิต ชนิดนั้นต้อง ระลึกเก็บได้ทันที

    เมื่อเก็บได้ จะอนุโลมให้เกิดเป็นแสงดาวตกอีกก็ได้ หรือ จะปฏิโลมระงับ
    ไม่ให้เกิดวิบากเหล่านั้นก็ได้ แต่ อย่างน้อย จิตจะซ่องเสพสมถะชนิดนั้น
    ได้ดั่งของเล่น

    ได้แล้วได้เลย ไม่มีทางลืม และความที่ ฝนดาวตกจะอนุโลมก็ได้ ปฏิโลม
    ก็ได้ เพราะมันไม่มีอำนาจทำให้ จิตกระเพื่อม สั่นไหว ตรงนี้จึงเรียกว่ามีสุญญตา
    เพราะตัณหาไม่กำเริบ และความที่มีแสงก็ได้ไม่มีแสงก็ได้ เพราะเห็นความแปร
    ปรวนชัดจึงเรียกว่า อนิมิต

    ฟังให้ดีๆนะ เห็นก็ได้ แต่เห็นพร้อมกับเห็นความแปรปรวนด้วย ญาณสัมปยุตด้วย
    จึงไม่จำเป็นต้องทำลาย

    เพราะ เราดับที่ ตัณหา เราไม่ได้ดับกันที่ รูป (นามรูป)

    และความที่ ตัณหาดับ ไม่กระเพื่อม เห็นนิมิตก็ได้ ไม่เห็นก็ได้ เพราะวิบาก
    ผลมันไม่หยั่งลงสู่จิต กลับมาตั้งเป็นกรรมที่จิต ตรงนี้เลยเรียก อปัณิหิต เก็บผลงาน

    ซึ่งทั้ง3 ก็คือ 3 มิติ ที่หลวงพ่อพุธกล่าวถึง

    ดังนั้น ภพ ชาติ เนี่ยะ มันไม่เกิด แม้จะเล่นกีฬาทางจิตอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2012
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอาอย่างนี้ อาหลง นักวิปัสสนายานิก เนี่ยะ เขาจะต้องมี ภูมิสมถะ
    สักตัวหนึ่ง ที่สามารถเข้าออกได้อย่างรวดเร็ว อยู่ก็ได้ ไม่อยู่ก็ได้
    แต่ รู้ได้ว่า ตนชำนาญในกรรมฐานกองนี้ น้อม หรือ นมสิการปั๊ป

    ภูมิสมาธิจิตจะต้อปรากฏที่ใจ หทัยวัตถุทันที มี ฌาณสัมปยุุติกับ
    จิตอย่างเป้นสาธารณะทันที แล้วไม่หายไปด้วย ขณะที่จิตทำวิปัสสนา
    ต่อ

    อาหลง ก็ลองกล่าวเสียหน่อยว่า วิหารธรรม ที่ชำนาญ นั้นคืออะไร

    กล่าวบอกมาแค่นี้ ก็จะตะเพิดให้ มาร อย่างผมเนียะ กระเจิดกระเจิงได้
     
  10. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    น้าเอกรู้ไหม ว่ารูปนาม นั้นแหละตัณหา โดยความเป็นปัจจัยให้เกิด

    ที่ไหนมีทุกขื ที่นั้นมีสมุทัย

    กลับไปทวนดูใหม่เถิด

    เรื่องนิมิตนี่น่าจะจบได้แล้ว ไปสังเกตุตนดู ทิฏฐิเป็นอย่าไร

    ส่วนเรื่อง ๓ มิติ น่ะตอบใจตัวเองดูว่า จิตรู้ทีละขณะหรือไม่

    ถ้าคิดว่าเห็น ก็ไม่พิจารณาให้ดี ว่าภาวะนั้น ขันธ์๓ไม่ได้หายไปไหน



    ส่วนเรื่องเห็นนิมิตก็ได้ไม่เห็นก็ได้นั้น ไม่ต้องมากล่าวครับ

    หัดลืมตาซะบ้าง มันจะแยกได้ ว่าเห็นสีตรงหน้า กับคิดในหัว สิ่งไหนจริง

    สิ่งไหนเป็นปัญญา ถ้าหลงเรื่องราวสัญลักษณ นิมิต อนุพยัญชนะก็จบข่าวเด็ด
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ......................จริงจริงเห้นโดยไม่ต้องคิดก็ได้ แต่พระท่าน ว่า แรกแรก คิดพากย์ แบบพี่หลงก่อน แต่นานไป ไม่ต้องพากย์แล้ว....จิตรู้ส่วนหนึ่ง สิ่งที่ถูกรู้ส่วนหนึ่ง. พอมันแยกแล้ว เราจะไปหวังให้มันเป้นสมุจเฉทหรือ ตทังคปหานไม่ได้ มันแล้วแต่ สติ ที่มันระลึกได้ตรงสภาวะธรรมที่ปัจจุบันจริง แล้วทำไปเรื่อยเรื่อย ตาม สติปัฎฐานสี่ จนวันหนึ่งมัน ตั้งมั่นโดยอัตโนมัติเอง.(..อันนี้เป็นการเห็นการรู้โดยไม่ต้องมีบัญญัติว่าปรมัตถ์หรือไม่ ไม่อย่างนั้น ก็เรียกว่าทำเกิน หรือ ทำไม่ถูก)
     
  12. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    พูดไปเยอะ น่าจะเดาได้ว่าธาตุ พลิกไปสมถะและวิปัสสนา

    ยังไงมันก็ไม่มีนิมิต ต่อให้เพ่งจ่อ ตั้งมั่นอย่างไร มันรู้ที่ลักษณะ


    ถามกลับนะ น้าเอกว่าการเข้าออกของน้าเอกนี้

    เกิดจากน้าเอกเองรึเปล่า ที่เข้าออกอยู่
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เห้อ นี่ก็ชัดเลยว่า ภาวนาไม่พ้น ภพ3 โลกมันมี 3 นะคร้าบ

    เห็นแต่ มุมเดียว กอดเข่าเจ้าจุก จะรู้ไหมว่า โลก3 นี่เกิดกันยังไง

    ไอ้ที่บอกว่า รูปนาม เกิด เป็นสัญญาณของ สมุทัย นี่ มันกล่าวตำราโต้งๆ
    เลย กล่าวแบบคนอ่านเริ่มต้น ไม่ลงมือปฏิบัติด้วยซ้ำ เป็นไปได้เหรอเนี่ยะ

    คุณเอา กฏแห่งกรรม วิบาก วาสนา ไปทิ้งไว้ไหนไม่ทราบ แบบนี้ก็
    ไม่แปลกหรอก ที่ มุ่งเอาแต่ กุศลกรรม กับ อกุศลกรรม

    ภูมิจิตไม่พลิกมาเห็น กริยาจิตเสียที

    ถ้าแบบนี้นะ อย่ามากล่าวเลยว่า รู้ถ้วนนาม นามขันธ์ กองวิญญาณยัง
    ไม่ได้เศษการเห็นเลย

    ภาวนายังไงว๊าาาาา

    แบบนี้ ไม่ใช่วิปัสนึกแล้วนะ หากวิปัสนึกนี่ ยังพอมี สมถะ เป็นอานสงค์
    ให้ผลก่อนกรรมอื่นบ้าง

    แต่นี่เล่นไม่มี สมถะ เจือในจิตเลย แต่ คิดเอาโต้งๆ เลย

    ตรรกศาตร์ล้วนๆ เลยนะนี่

    กลุ้มใจแทน

    ถ้าแบบนี้ ก็นะ ไม่ต้องบอกเรื่อง วิหารธรรม และ หมดประโยชน์

    แบบนี้ ผมก็หมายเอาที่เพื่อนๆ ละกันว่า จะสนุกกับเมตตาแต่ละคน
    ได้แค่ไหน อย่าให้ อุเบกขาถูกเผาเสียสิ้นละกาน ดูๆไว้ด้วย เนาะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2012
  14. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ................. พี่หลงยังกังวล เรื่องขันธิ์ มีอยู่หรือไม่ นะสิ ผมบอกได้เลย ถ้ายังไม่บรรลุ มันยังมีอยู่แน่ไม่ต้องกังวล.....แต่ สภาวะธรรมที่ปัจจุบันนั้นสิ ที่สติต้องระลึกรู้ตามความเป็นจริง...(สิ่งที่ปรากฎขณะนั้น) ขันธิ์ที่ไม่ปรากฎ จึงไม่ควรกังวล และไม่ควรกังวล ว่าตัวเองดับอะไรไม่ได้ด้วย....เพราะการรู้ตามจริง ก็เป็นการแยก ธาตุ ขันธิ์ และผู้รู้ ให้เห็นอยู่แล้ว....และ ต่อ มาอยู่ที่ ความเพียรแค่ นั้นเอง:cool:
     
  15. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ใหม่จะใช้เวลานานในการสังเกตุรู้ ว่านี้เป็นธรรมอะไร มันมีตรึก เป็นสัมมาสังกัปปะ

    พอปัญญาแก่รอบ เกิดปุ๊บก็รู้ปับ สติมันเกิด ไม่จำเป็นคชต้แงตรึกอะไรให้มาก

    รู้เหมือนขบวนรถไปวิ่งผ่านหน้า ใช้เวลาไม่กี่วินาที

    ทีนี้เพื่อดับความติดข้องต่างๆ ยังมีหู ตา จมูก ลิ้น ที่แส่ไปรับอารมณ์

    ต้องเบื่อมันด้วยการพิจารณาเห็นกระบวนการรับอารมณ์ที่อายตนะ จนจบรู้

    เห็นชัดแก่ใจว่า เป็นเรื่องแส่อารมณ์ ไปยึดธาตุ ยึดสี มาเป็นภพ

    ดับความพอใจในหู ตา จมูก ลิ้น


    ถ้าจำได้ ผมก็พูดเรื่องอินทรีย์สังวร เจริญสติปัฏฐาน ลงวิปัสสนาภูมิอยู่

    มันจะชัดความเป็นรูปนาม ปัจจัย ไตรลักษณ์ ในปัจจุบันที่ปรากฏ
     
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ตกลงก็คือควรปฏิบัติสมาธิ ทั้งสองแบบอยู่ดีใช่ไม....

    นี่คุณนะ เห็นศรัทธาหลวงพ่อพุธท่าน แต่ไอ่วรรคท้ายนี้นะ...ควรจำไว้ใช้บ้าง....ไม่ให้เสียชื่ออาจารย์นะ ...

    ถอดเทปนี่ไม่บอกหัวข้อเลยนี่เขาจะสืบจะค้นอย่างไรได้หละ...อย่างนี้ใครพูดก็เอามาอ้างถอดเทปหลวงพ่อท่านก็ได้สินะ.....ศรัทธาท่าน จะเผยแผ่ธรรมท่าน อย่าให้เขาได้มาตำหนิ เขาจะตำหนิความละเอียดรอบคอบถึงการศึกษา และ ความชำนาญในการเผยแผ่ได้...จะรู้ได้อย่างไรว่าที่พูดนี่หลวงพ่อพุธจริง....ไม่ใช่คุณพูดเอง....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2012
  17. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ........................อันนี้ ถูกนะครับ แต่มัน จะไม่ค่อยถูก ถ้าไปเพ่ง หรือ ดักรู้ มันก่อน......คำว่าวิหารธรรม หรือ จิตตั้งมั่น มันช่วยตรงนี้....ไม่ไปนั่งเฝ้าคอยรู้ หรือ รู้ ตามยถากรรม ก็เกินไป หุ หุ มันต้อง ตั้งมั่นหน่อย...ตรงนี้สิ ตรงนี้:cool: ตรงนี้ ย้อนไปที่ หัวข้อกระทู้เลยครับ!!!:cool:
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ไม่ใช่ตำราหรอก ปัญญาพิจารณาความเป็นปัจจัย มันก็เห็นเองตามนั้น

    ถ้าตำรากล่าว แต่เราไม่เห็นจริง แล้วนำมากล่าว ก็อายปากเปล่าๆ

    ความซื่อสัตย์ต่ออารมณ์ตนเองนั้นมีอยู่

    จำได้ว่าเมื่อกี๋ตอบ สมถะ เรื่องธาตุไป ก็ธาตุนี้แหละโคตรสมถะเลย

    ส่วนเรื่องตรรกะ เรื่องคนติดตำรา วางไปเถิดน้าเอก มันไม่จำเป้นต้องยกมา

    สำนวนเราก็ไม่ใช่คนติดตำราอะไร

    แปลกเนอะ น้าเอกพูดสภาวะอะไรมาผมเข้าใจ แต่นายหลงพูดสภาวะอะไรไป

    กลับไปว่าติดตำรา จำเขามา ทำไม่ได้จริง ^^

    วันที่เห็นว่าทำได้เมื่อไหร่ ช่วยให้เครดิตผมด้วยจะดีมากๆ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    โอ้ย ขำ กล้าบอกมาได้ว่าสติเกิด
    หลงเอ้ย ไปไกลแล้ว
    เอาแบบนี้ ว่างๆช่วยแนะนำข้าหน่อยว่า สภาวะของข้าคืออะไร และข้าควรก้าวเดินอย่างไรต่อไปเพื่อให้เข้าถึงธรรม ในแบบของเอ็ง ว่างๆมาแนะนำหน่อยนะ
    พรุ่งนี้จะมาอ่าน
     
  20. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    นี่ก็น่ารำคาญจริงๆ

    ธรรมล้วนเป็นปัจจัย หากใส่ใจรู้ในธรรมเฉพาะๆ ก็จะเห็นไตรลักษณืในธรรมนั้น

    หากใส่ใจความเป็นปัจจัยให้เกิดไม่ขาดสาย ก็จะเห็นไตรลักษณืในลักษณะปปัจจัยเกิดดับไม่ขาดสาย

    ทีนี้มันก็มีวิถีอีก จะดูอะไรล่ะ ดูอายตนะก็ใส่ใจตรงกระทบ

    เรื่องรู้ตามยถากรรม ไม่น่าเอามาคุยน่า ไม่น่าเอามาคุย
     

แชร์หน้านี้

Loading...