สติปัฏฐานสี่ตามแนววิชชาธรรมกาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 21 สิงหาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    ถาม:
    ถ้ามีพระภิกษุผู้สอนธรรม ได้แสดงแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมให้เป็นที่เข้าใจ ในหมู่ศิษยานุศิษย์ว่า
    ท่าน
    เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นธาตุต้นธรรมที่สุดจะให้ธรรม หรือจะให้ธรรมกายแก่ผู้ใด หรือไม่ให้ก็ได้
    แล้วแต่ท่าน
    จะเป็นไปได้หรือไม่เพียงใดครับ

    และถ้าไม่จริงอย่างนั้น พระภิกษุผู้ที่พูดหรือแสดงให้เป็นที่เข้าใจ ในหมู่ผู้เข้ามาศึกษา และปฏิบัติธรรมเช่นนั้น จะถือว่าท่านมุสาหรือเปล่าครับผม


    XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

    1f5e3-png.png ตอบ :
    ปัญหานี้อาตมา จะขอแยกตอบเพียงสองประเด็นใหญ่ ๆ ก็คงจะพอเข้าใจได้ตลอดคือ
    1f449-png.png ๑) ถ้ามีพระภิกษุแสดงว่า
    ท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นธาตุ ต้นธรรม
    ที่สุดจะให้ธรรมหรือจะให้ธรรมกาย หรือจะไม่ให้แก่ใครก็ได้ แล้วแต่ท่าน
    1f49a-png.png ข้อนี้ตอบได้เลยว่า....
    ไม่จริง เป็นไปไม่ได้


    แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ เป็นผู้ทรงคุณอันประเสริฐสูงสุด
    เป็นที่ประจักษ์แก่พระสงฆ์สาวก ผู้ศึกษาและปฏิบัติตาม พระธรรมของพระองค์

    ท่านก็ยังไม่เคยแสดงพระองค์ว่า เป็นผู้ให้ธรรมหรือธรรมกายแก่ใคร

    มีแต่ทรงแสดงว่าพระพุทธองค์เป็น แต่ผู้บอกหรือชี้ทางให้ธรรม เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคล
    จะพึงบรรลุและรู้เองเห็นเอง มีเอกสารหลักฐานในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ชัดเจน โปรดดูความในพระสุตตันปิฎกมัชฌิมนิกายอุปริปัณณาสก์คุณกโมคคัลลานสูตรว่าด้วยการศึกษา
    และการปฏิบัติเป็นขั้นตอนข้อ ๑๐๑-๑๐๓
    ซึ่ง ณ ที่นี้จะคัดเอาแต่ความในวรรคสุดท้าย
    ของข้อ ๑๐๓ มาแสดงให้เห็นดังนี้
    “ ดูกรพราหมณ์เราจะทำอย่างไรได้
    ตถาคตเป็น แต่ผู้บอกหนทางให้
    และโปรดดูในบทสรรเสริญพระธรรมคุณที่พุทธศาสนิกชนสวดกันเป็นประจำที่ว่า
    “ สนทิฏฐิโกฯ ” อันผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเองและ“ ... ปัจจเวทิตพฺโพวิญญหา” อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
    1f607-png.png พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำพระมงคลเทพมุนี (สดจนฺทสโร) ก็ไม่เคยปรากฏว่าท่านเคยแสดงไว้เช่นนั้น
    มีแต่ท่านแสดง (จากข้อความที่ถอดเทปไว้) ว่าท่านศึกษาและปฏิบัติธรรมมา ตั้งแต่บวชมิได้หยุดเลยบัดนี้
    (ขณะที่สอนและบันทึกเทปนี้)
    1f9d8_200d_2642-png.png ทั้งเรียนและทั้งสอนด้วย ไม่เห็นว่าท่านได้เคยแสดงว่าท่านบรรลุธรรมสูงสุด แต่ประการใด
    แล้วยิ่งถ้าเป็นพระภิกษุที่มาบวชในพระพุทธศาสนานี้เพิ่งจะได้มาเรียนรู้ธรรมปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า แต่เพียงครึ่งๆกลาง ๆ บางส่วนจากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านได้สั่งสอนถ่ายทอดไว้ดีแล้ว ทุกแง่ทุกมุม
    จะไปวิเศษวิโสกว่าพระพุทธเจ้า
    หรือแม้แต่กว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    ซึ่งท่านได้ถ่ายทอดวิชชานี้เอาไว้ก่อนแล้ว ได้อย่างไร
    1f9d8_200d_2640-png.png ถ้าถึงขั้นจะให้ธรรมหรือให้ธรรมกาย
    หรือจะไม่ให้แก่ใคร ๆ ก็ได้ เช่นนั้นก็นับว่าพระภิกษุรูปนั้นทรงคุณวิเศษสูงกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก
    1f333-png.png ถ้าเช่นนั้นลองขอให้ท่านเหาะเหินเดินอากาศให้ดูหน่อยประไร เอาแค่คุณธรรมเพียงเศษธุลีพระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละ
    หรือลองสังเกตภิกษุรูปนั้น
    ดูว่ากิเลสประเภทโลภ โกรธ หลง
    เพียงขั้นหยาบๆนี้แหละ ว่ายังมีอยู่หรือว่าหมดกิเลสเป็นสมุเฉทปหานแล้วหรือยัง
    ถ้าเห็นว่ายังมีโลภ โกรธ หลงอยู่แล้ว
    ก็อย่าได้ไปหลงเชื่อ ถ้ามีพระภิกษุประเภทนี้นะ
    โกหกทั้งเพ
    1f449-png.png ๒) ถ้าเป็นพระภิกษุได้แสดงออกให้ใครก็ตาม
    ที่เป็นผู้ใหญ่รู้เดียงสาแล้ว ให้ได้ยินได้ฟัง
    ได้รู้และเข้าใจความ ตามที่พระภิกษุนั้นกล่าวแสดงเช่นนั้น ออกไปแม้เพียงครั้งเดียว
    ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกหรือการปฏิญญาโดยตรงหรือว่าจะเป็นการใช้เล่ห์กโลบาย
    และการแนะนำธรรมในเชิงชี้นำ ให้ศิษยานุศิษย์เห็นเป็นเช่นนั้น ด้วยเจตนาจะอวดอุตตรมนุษยธรรม
    อันไม่มีจริงในตน ตามพระวินัยพุทธบัญญัติ
    ภิกษุรูปนั้นย่อมต้องอาบัติปาราชิก
    ในฐานอวดอุตตริมนุษยธรรมอันไม่มีจริง ในตนไปทันที ณ บัดนั้น



    สัมภาษณ์พระราชพรหมเถรวีระ คณุตฺตโม
    นิตยสารธรรมกายเล่ม8


    kzdveglnay6utb-vs3vce3dqr-_nc_ohc-exydlc9knouq7knvgfiod0a-_nc_zt-23-_nc_ht-scontent-fbkk22-2-jpg.jpg
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    hGQDBJY3VWgiMedROG9sZwCNaMdnc&_nc_ohc=QGArqmA9PBMQ7kNvgGkeAB9&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-8.jpg
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    cqm9c7d_42zjdedyrusydfp8mnzyq-_nc_ohc-ug7sb5n87_eax9wiyoy-_nc_zt-23-_nc_ht-scontent-fbkk22-8-jpg.jpg



    #เมื่อทำวิชชาได้ละเอียดเข้าไป
    จนถึง “ปราสาททำวิชชาของหลวงพ่อ” ก็จะพบธาตุธรรมของ หลวงพ่อ และ “กลางธาตุ” ทั้งหลายของหลวงพ่อ กำลังทำวิชชาสะสางธาตุธรรม และพระนิพพาน เพื่อช่วยสัตว์โลกทั้งหลายอยู่มิได้หยุดเลย
    และเมื่อทำวิชชาละเอียดเข้าไป ก็จะทราบว่า หลวงพ่อ(สด) คือ “ต้นธาตุต้นธรรมภาคพระ” ซึ่งได้ถอยพืดกำเนิดธาตุธรรมเดิมมาสร้างบารมีเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลก ช่วยรื้อสัตว์ ขนสัตว์ที่ยังหลงติดอยู่ในไตรวัฏฏ์ให้เข้านิพพานเป็นอีกต่อไปนั้นเอง
    ส่วนผู้ที่ช่วยเหลือทำวิชชาอยู่กับหลวงพ่อ ซึ่งจะเห็นอยู่โดยรอบ ๆ หลวงพ่อนั้น ชื่อว่า “กลางธาตุ” ของท่าน
    บางรายก็ยังเป็น “กลางธาตุกายมนุษย์” (คือยังมีชีวิตเป็นมนุษย์) สร้างบารมี และทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างพระศาสนาอยู่ บางท่านก็ล่วงลับไปแล้ว และว่าโดยที่จริงแล้ว
    ผู้มีบารมีระดับกลางธาตุนั้นมีมาก แต่ปฏิบัติพระศาสนาไม่ตรงตามแนววิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า
    ก็เพราะว่า ภาคมารเขาพยายามปัดบังวิชชานี้
    และภาคมารจะปัดเข้านิพพานถอดกาย (ถ้าเขาต้านทานบารมีไม่อยู่) เพื่อให้สิ้นฤทธิ์ ที่จะช่วยเหลือสัตว์โลก
    บรรดากลางธาตุทั้งหลายเหล่านั้น จึงไม่ปรากฏอยู่ในผังปราสาทที่ทำวิชชาของหลวงพ่อ
    อนึ่ง “กลางธาตุกายมนุษย์” บรรดาที่สร้างบารมี และทำหน้าที่อยู่ในปัจจุบันนี้ หากปฏิบัติตรง และเจริญวิชชาชั้นสูงนี้ ก็จะพบอยู่ในปราสาทที่ทำวิชชาของหลวงพ่อ ตามฐานะของอำนาจ สิทธิ และสิทธิเฉียบขาด ในการปกครองธาตุธรรมของแต่ละท่าน
    แต่ถ้าผู้ใดปฏิบัติไม่ตรง หลงกลทำประโยชน์ หรือเป็นฐานให้แก่ภาคมาร (เป็น “ฐานทัพ”ให้ฝ่ายมาร)
    “ต้นธาตุต้นธรรม” ก็จะเก็บวิชชา อำนาจสิทธิของผู้นั้นเสีย แล้วอำนาจสิทธินั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นของ “ผู้ที่ปฏิบัติตรง” และสร้างบารมีสูงขึ้นมาแทนที่ใหม่ต่อไป.

    #หลักสำคัญอยู่ว่าเมื่อรู้เห็นแล้วก็อย่าคะนองใจ
    ว่าตนเก่งกล้าแล้วพยากรณ์ให้แก่ผู้อื่นฟัง หรือโอ้อวดในคุณธรรมของตน อันจะเป็นทางเสื่อมอย่างยิ่ง

    เพราะจริง ๆ แล้ว ปฏิบัติเพื่อละวางอุปาทานนะ
    คำว่า“ หยุด” นี่ เขาให้ปฏิบัติเพื่อให้หยุดทำชั่ว
    ให้หยุดปรุงแต่ง ไม่ต้องติดอะไร
    เพื่อละวาง ละวางกิเลสในใจเรา ปล่อยความยึดติดอย่าให้มี

    เอา ๑๘ กายนี้ให้มันตลอดปลอดภัย ให้ถึงธรรมกาย แล้วก็ให้เป็นธรรมกายดับหยาบไปหาละเอียดให้บริสุทธิ์ใสสว่างอยู่เสมอ รับรองไม่มีโทษ

    1f449-png.png ดังเช่นที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    ได้เคยกล่าวว่า.....

    “ ต่อแต่นี้ไป เราจะต้องเข้าให้ถึงที่สุด
    เข้าไปในกายที่สุดของเราให้ได้ เป็นกาย ๆ ออกไป
    เมื่อเป็นกาย ๆ เข้าไปแล้ว ถ้าทำเป็นแล้ว ไม่ใช่เดินท่านี้
    เดินในไส้ทั้งนั้น ในไส้เห็น ไส้จำ ไส้คิด ไส้รู้
    ในกำเนิดดวงธรรมที่ทำให้เป็นสุดหยาบสุดละเอียด
    (เถา – ชุด – ชั้น – ตอน – ภาค – พืด .....ฯลฯ)

    เดินในไส้ (หยุดในหยุด กลางของหยุดในหยุด)
    ไม่ใช่เดินทางอื่น เดินในกลางดวงปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา
    เดินไปในกลางดวงศีล ดวงสมาธิ ปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ
    นั่นเป็นทางเดินของ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์

    เดินไปในไส้ ไม่ใช่เดินไปในไส้เพียงเท่านั้น
    ในกลางว่างของดวงธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
    ของดวงศีล ดวงสมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ
    ว่างในว่างเข้าไป เหตุว่างในเหตุว่าง เหตุเปล่าในเหตุเปล่า
    เหตุดับในเหตุดับ เหตุลับในเหตุลับ เหตุหายในเหตุหาย
    เหตุสูญในเหตุสูญ เหตุสิ้นเชื้อในเหตุสิ้นเชื้อ
    เหตุไม่เหลือเศษในเหตุไม่เหลือเศษ ...ฯลฯ

    หนักเข้าไปไม่ถอยหลังกลับ
    นับอสงไขยไม่ถ้วน นับชาติอายุไม่ถ้วน
    ไม่มีถอยกลับกัน เดินเข้าไปอย่างนี้นะ

    พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ไม่ใช่เดินโลเลเหลวไหล
    ที่เรากราบ ที่เราไหว้ เรานับถือนะ ท่านวิเศษวิโสอย่างนี้
    นี่แหละเป็นผู้วิเศษแท้ ๆ นี่แหละเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกแท้ ๆ
    ถ้าเป็นผู้รู้จริง เห็นจริง ได้จริง เราจึงเอาเป็นตำรับตำราได้...”

    การเดินตามรอยบาทของ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์
    เราจะต้องทำวิชชา...เข้าไปถึงขนาดนั้น
    ก็เพราะเหตุผลที่หลวงพ่อว่า ...

    “ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านก็ไปถึงที่สุดเหมือนกัน
    ถ้าใครยังไปไม่ถึงที่สุด ก็ยังไม่ฉลาดเต็มที่
    ต่อเมื่อเข้าไปถึงที่สุดกายของตัวต่อไปแล้วละก็ ฉลาดเต็มที่แน่

    ต้องไปให้ถึงที่สุดให้ได้
    เมื่อไปถึงที่สุดของตัวได้ละก็
    รักษาตัวได้เป็นอิสระ ไม่มีใครมาบังคับบัญชา

    ที่บังคับเรา ให้เกิด ให้แก่ ให้เจ็บ และให้ตายอยู่เดี๋ยวนี้แหละ
    พวกมาร บังคับให้เป็นไปตามนั้น
    ส่วนพวกพระ บังคับไม่ให้เกิด ไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ และไม่ให้ตาย
    นี่พวกพระ พวกมาร บังคับกันอย่างนี้

    เวลานี้พวกพระ บังคับไม่ให้รบกัน
    แต่พวกมาร บังคับให้รบกันหนักขึ้น ”
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460


    เมื่อนึกเห็นศูนย์กลางองค์พระใจจะหยุดนิ่ง


    แล้วเราก็นึกทำความรู้สึกเป็นองค์พระ
    เรื่องนี้เป็นเรื่องสําคัญไม่ใช่มองดูเฉย ๆ ถ้ามองดูเฉย ๆ มองไปอย่างไรก็ไม่ก้าวหน้า
    ต้องนึกเข้าไปเห็น และเข้าไปเป็น
    ถ้าเห็นเพียงดวงก็นึกเข้าไปเห็น ณ ภายใน
    ทิ้งความรู้สึกภายนอกของเรา เข้าไปเห็นภายใน เหมือนกับมีกายอีกกายหนึ่งของเรา เข้าไปเห็นข้างในทำอย่างนี้จะก้าวหน้าได้
    ถ้าเห็นกายแล้วก็ให้ดับหยาบไปหาละเอียด
    คือสวมความรู้สึกเข้าไปเป็นกายละเอียดนั้นเลย
    ทิ้งความรู้สึกอันเนื่องอยู่กับกายเนื้อของเรา
    กายละเอียดปรากฏขึ้นมาเมื่อไร ก็ดับหยาบไปหาละเอียดเข้าเป็นกายละเอียดนั้น แล้วใจมันจะตกศูนย์เอง เพราะว่าใจของกายละเอียดนั้น จะทำหน้าที่เองโดยวิธีดังนี้ ใจของกายละเอียดจะทำหน้าที่เจริญภาวนาต่อ
    หยุดนิ่งเข้าไปจนถึงดวงศีล สมาธิ ปัญญา
    วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นเจตสิกธรรมที่สุดละเอียดของใจของกายนั้น แล้วก็จะถึงธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้คือ“ ใจ” ของอีกกายหนึ่งที่ละเอียด ๆ ต่อไปเหมือนกับการ ถ่ายทอดถึงซึ่งกันและกัน
    เข้าไปจนสุดละเอียดที่กล่าวมานี้นั้นก็เป็นอุบายวิธีในการเจริญจิตภาวนาให้ได้ผลดี ซึ่งพอจะสรุปหลักย่อ ๆ ได้ ๔ ประการคือ
    ๑. เห็นดวงให้เดินดวง คือนึกเข้าไปเห็นจุดเล็กใสศูนย์กลางดวง ให้ใจหยุดในหยุดกลางของหยุด
    กลางของกลางดวง ให้เห็นใสละเอียดไปจนสุดละเอียด
    ๒. เห็นกาย ให้เดินกายคือดับหยาบไปหาละเอียดคือนักเข้าไปเห็นจุดเล็กใส ที่ศูนย์กลางกายละเอียดที่ปรากฏขึ้นใหม่ ให้ใจของกายละเอียดนั้นเจริญภาวนาหยุดในหยุดกลางของหยุด ให้เห็นใสละเอียดทั้งดวงทั้งกายทั้งองค์ฌาน
    ๓. โดยวิธีเหลือบตากลับนิด ๆ (ไม่ต้องลืมตา) ขณะเจริญภาวนาจะป้องกันมิให้สายตาเนื้อไปแย่งงานจิตภาวนา ของตาใน และจะช่วยให้ใจหยุดนิ่งกลางของหยุด ณ ศูนย์กลางกายศูนย์กลางกายได้ดี
    ๔. เข้ากลางทำให้ขาวคือให้นึกเข้าไปหยุดในหยุดกลางของหยุด ณ ศูนย์กลางดวง หรือธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ของกายที่ใส ละเอียดที่สุดไว้เสมอ


    หลวงป๋า
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png


    MMj-dGz5YEXZgn2KCp7FLYAu3asEC&_nc_ohc=bql945YwuyYQ7kNvgENdAy0&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,317
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    ญาณพระธรรมกายจะช่วยให้เห็นดวงธรรมที่ทำให้ เป็นมนุษย์หรือสัตว์นั้น และจิตของสัตว์นั้นเอง “ดับ” แล้วก็ “เกิด” ใหม่อีก เป็นช่วงๆ ตาม ผลบุญกุศลหรือบาปอกุศล กล่าวคือ
    ถ้าขณะใกล้ตาย คือในระหว่างที่จิตเข้าสู่มรณาสันนวิถีนั้น จิตเป็นกุศล แต่บุญบารมี ยังไม่พอที่จะหลุดพ้นจากกิเลสได้โดยสิ้นเชิง อายตนะของสุคติภพ ได้แก่ โลกมนุษย์ เทวโลก หรือพรหมโลก ก็จะดึงดูดกายละเอียดหรือกายทิพย์นั้นไปบังเกิดในภพหรือภูมิ ด้วยแรง กุศลกรรม ตามกำลังแห่งบุญบารมีของผู้นั้นต่อไป กิริยาที่กายใจ จิต และวิญญาณดับ เกิดๆๆ เพื่อเปลี่ยนจากภพ หรือภูมิหนึ่ง ไปสู่ภพหรือภูมิที่สูงกว่าทีละขั้นๆ ไปจนกว่าจะถึง ภูมิที่พอดีกับกำลังบุญกุศลที่ให้ผลอยู่นั้น อุปมาดั่งงูลอกคราบ หรือดั่งบุคคลถอดแบบฟอร์ม เครื่องแต่งตัวจากฟอร์มหนึ่ง ไปสู่ฟอร์มที่สวยละเอียดประณีตกว่าฉะนั้น


    [​IMG]แต่ถ้าจิตในขณะใกล้จะตาย เป็นอกุศล หรือสิ้นวาสนาบารมี อายตนะทุคคติภพ ได้แก่ อายตนะภพของเปรต, อสุรกาย, สัตว์นรก, หรือสัตว์เดรัจฉาน ก็จะดึงดูดดวงธรรมและ
    กายละเอียดของผู้นั้น ให้ไปบังเกิดในภพหรือภูมินั้น ด้วยแรงอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้ ตามส่วนแห่งอำนาจของผลบาปอกุศลที่กำลังให้ผลต่อไป
    ญาณหยั่งรู้จุติปฏิสนธิของสัตว์นี้ เรียกว่า “จุตูปปาตญาณ” ให้ฝึกฝนปฏิบัติให้ชำนาญ ในระยะเริ่มแรก จะต้องกระทำเป็นขั้นตอน ตามสายธาตุธรรมเดิมเสมอไป แม้จะติดขัดบ้าง ก็จะเป็นแต่เพียงในระยะต้นๆ หรือที่จิตยังไม่ละเอียดดีพอ ต่อไปก็จะค่อยๆ ชำนาญไปเอง

    [​IMG]แต่มีหลักสำคัญอยู่ว่า เมื่อรู้เห็นแล้วก็อย่าคะนองใจว่าตนเก่งกล้าแล้ว พยากรณ์ ให้แก่ผู้อื่นฟัง หรือโอ้อวดในคุณธรรมของตน อันจะเป็นทางเสื่อมอย่างยิ่ง


    [​IMG]อนึ่ง การน้อมเข้าสู่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เพื่อดูขันธ์ของตนเองและของ ผู้อื่นในชาติภพก่อนๆ ก็ดี หรือการน้อมเข้าสู่จุตูปปาตญาณเพื่อดูจุติและปฏิสนธิ ของสัตว์ทั้งหลายก็ดี หากได้ยกวิปัสสนาญาณขึ้นพิจารณาทบไปทวนมาด้วยแล้ว ย่อมมีลักษณะที่เป็นสติปัฏฐาน ๔ ไปในตัวเสร็จ
    กล่าวคือการพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม เป็น ภายในบ้าง เป็นภายนอกบ้าง, เป็นทั้งภายในและภายนอกบ้าง ดังที่กล่าวมาแล้วเนืองๆ อยู่ ก็จะเห็นชัดในสามัญญลักษณะ คือ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ของสังขารธรรมทั้งหลาย ที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่งอย่างชัดแจ้ง จนเห็นเป็นธรรมดาในความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปของสังขารของสัตว์ทั้งหลาย ช่วยให้เกิดธรรมสังเวชสลดใจในการ เวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ทั้งหลาย ที่ยังติดอยู่ในสังสารจักร และไตรวัฏฏะ (กิเลสวัฏฏะ กรรมวัฏฏะ และวิปากวัฏฏะ) อยู่ในภพ ๓ นี้ไม่มีที่สิ้นสุด ไปนรกบ้าง สวรรค์บ้าง มนุษย์บ้าง สัตว์เดรัจฉานบ้าง เป็นสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เปลี่ยนแปลงไปต่างๆ น่าสะพรึงกลัวและน่าเบื่อหน่าย ยิ่งนัก
    ต้องทิ้งสมบัติพัสถาน บุตร ภรรยา และบิดามารดาแต่เก่าก่อน หมุนเวียนเปลี่ยนไป ตามเครื่องล่อเครื่องหลง ดุจดังว่าความฝัน เอาเป็นของเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เป็นอย่างนี้ หมดทั้งตัวเราเองและสัตว์อื่น เหมือนกันหมด ทุกรูปทุกนาม


    แล้วให้ยกวิปัสสนาญาณทั้ง ๑๐ ประการ ขึ้นพิจารณา ทบไปทวนมา ทับทวีให้มากเข้า ก็จะเห็นภัยในวัฏฏสงสาร บังเกิด ธรรมสังเวชสลดจิตคิดเบื่อหน่ายในสังขารและนามรูป เมื่อปัญญารู้แจ้งสว่างชัดขึ้น ทำลายอวิชชา เป็นมูลรากฝ่ายเกิดดังนี้ ตัณหาและทิฏฐิ ก็เบาบางหมดไปตามระดับคุณธรรมที่ปฏิบัติได้

    สามารถปล่อยวางอุปาทานในขันธ์ ๕ ได้ยิ่งขึ้น สิ้นรัก สิ้นใคร่ สิ้นอาลัยยินดีในการครองขันธ์และทำนุบำรุงขันธ์เกินความจำเป็น
    เมื่อรู้เห็นเช่นนี้ แม้อยากจะไปเสียให้พ้นจากสังขารนี้ ก็ยังไม่อาจจะกระทำได้ เหมือนดังนกที่ติดอยู่ในกรง หรือปลาที่ติดเบ็ด จึงได้แต่วางเฉย เพิกเฉยในสังขาร เป็นสังขารุเปกขาญาณ


    หลวงป๋า







    [​IMG]

    ที่มา https://web.facebook.com/profile.ph...u-gApwnG3pshseZB7ax5q5ujjjVN1w&__tn__=-UC,P-R
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...