ศักดิ์ ธรรมลิขิต ศิษย์สำนักปฏิบัติธรรมสูญญตา อาจารย์ ก๋ง พรหมบุตร

รบกวนด้วยค่ะ
1. อยากทราบเรื่องกรรมค่ะ ตอนนี้ด้านไหนที่มีอิทธิพลกับตัวดิฉันอยู่
2. การเงินค่ะ ทุกข์ใจจัง
3. เนื้อคู่ค่ะ จะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างคนอื่นไหม ตัวเองนึกภาพไม่ออกเลยค่ะ

ขอบพระคุณ และ อนุโมทนาบุญค่ะ

 

รับกวนอาจารย์ ศักดิ์ ด้วยครับผม
1.อยากถามว่า บางทีเหมือนในใจเราเหมือนมีใครพูดออกมา มาสอนเราบ้าง มาให้กำลังใจ มาสอนให้เราคิดตาม อย่างนี้ครับเป็นอุปทานของผมเองหรือป่าวหรือมีใครมาดลใจ เราจะเชื่อ 100 % ได้เลยหรือป่าว ขอบคุณครับผม
อนุโมทนาบุญครับ

 

คุณติดกรรมกับผู้ใหญ่ที่มีพระคุณของคุณอยู่ หาทางทำหน้าที่นี้ให้สมบูรณ์ตามกำลังของคุณ แต่ขอให้ใจของคุณเต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญูกตเวที แม้ไม่มีอะไรถือถิดมือ ก็เพียงพอสำหรับ จิตใจที่สำนึกในบุญคุณ

เรื่องการเงินช่วงนี้อย่าเพิ่งทำอะไรให้มากขึ้น ถ้าคิดจะกู้ก็ขอให้ชลอไว้ก่อน ถ้าคิดจะลงทุนก็ขอให้ศึกษาข้่อมูลอีกระยะ เพราะมันเป็นขาลง อยู่ว่าง ๆ พอมีปัจจัยเล็ก ๆน้อย ก็ไปทำบุญกับผู้ด้อยโอกาสทางสังคม เดินบนถนนเห็นขอทาน ก้อย่าเดินหนี หนึ่งบาท แลกกับจิตใจที่เต็มใจ เต็มเปี่ยม เต็มบุญ เดี๊่ยวบุญเก่าจะกลับมาเสริมครับ

ปัจจุบันที่คุณเป็นอยู่นี้ คือ ชีวิตจริงของคุณ เป็นชีวิตที่คุณไม่ควรจะดิ้นรนออกจากมัน อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ถึงคุณจะคิดว่า ไม่มีความสุข แต่มันเป็นคุณ เป็นกรรมของคุณ อยากให้ทำใจยอมรับ และ พยายามมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณ ระยะห่างของคุณกับความต้องการจริง ๆ ของคุณ มันห่างกันมาก ขอให้ใจเย็น ๆ อยู่ไปแบบนี้ก่อน และทำใจไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าต้องอยู่แบบนี้ตลอดชีวิต ไหวมั้ย ก็ตอบว่า เอาซิ อยู่ก็อยู่ อยู่ให้มันตายไปเลย แต่ต้องยิ้มนะครับ หัวใจร้องไห้ก็ช่างมัน เดี๋ยวมันเหนื่อยมันก็พักไปเอง

ชีวิตเราต้องเป็นแบบของเรา แบบนี้ ขอให้มีความสุข ทำใจ วางใจ ยอมรับ ลุกขึ้นทำหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีที่สุด ลุกกตัญญู โชคดีครับ

 

ยินดีในคำแนะนำค่ะ ทางเดียวที่อาจารย์แนะก็ปฎิบัติมาสักพักแล้ว
(มีบ้างติดขัดก็ไอ้ตัวขี้เกียจและข้ออ้างต่างๆมาบั่นทอนในการปฎิบัติ)
ที่ปฎิบัติเพราะอยากพบแสงสว่างและความกระจ่างในชีวิต

ขอบพระคุณอาจารย์ที่ชี้แนะค่ะ

 

คุณเชื่อหรือไม่ว่า คำตอบส่วนใหญ่ที่ผมนำมาตอบท่านที่เข้ามาถามแทบทั้งหมด เกิดจาก คำพูดที่ไม่มีปาก เหมือนกับที่คุณถามยังไงยังงั้น สมัยก่อน ผมก็เคยคิดว่าตนเอง คงมีอาการสมองฟั้นเฟือน จิตวิปลาส แต่ ณ วันนี้ รู้แล้ว ว่า จิตของคนเรามี 2 ส่วน ร่างกายของเราอยู่ตรงกลาง จิตฝ่ายดีสีขาว จิตฝ่ายอกุศลสีคล้ำ ทั้สองส่วนทำงานตลอดเวลา ตามที่อาการกระทบสัมผัสตา หู จมุก ลิ้น และร่างกาย ไปกระทบกับสิ่งอะไร คุณจะยอมรับ คุณจะรู้สึกขัดแย้ง แต่สุดท้าย มีผู้ชนะคนเดียว คือ ผู้ที่สั่งให้คุณกระทำสิ่งนั้น ๆ ได้ ท้งหมดนี้ คือ กำลังบุญ และกำลังบาป ฝ่ายใดมีมากในขณะนั้น ก็จะ ทำให้ชีวิตของคุณเดินไปทางนั้น ดังนั้น พระพุทธเจ้า จึงให้สโลแกนของศาสนาว่า ละชั่ว ประพฤติดี ทำกุศลให้ถึงพร้อม ( ทุกอย่างตั้งอยู่บนฐานของ ศีล 5)

พยายามเข้าใจตนเอง แต่อย่าเข้าข้างตนเอง มีดี และดีกว่า แต่ไม่มีดีที่สุดในการเริ่มต้น อนุโมทนาครับ

 

ถูกต้องที่สุดค่ะ คุณธรรมลิขิต

หนูขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ ที่ท่านพูดมาถูกต้องทุกอย่าง
และในใจหนูก็เตรียมใจ ทำใจไว้อยู่แล้ว ว่าหนีไม่พ้น และตอนนี้ก็ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด ทำไงได้ เค้าเป็นแม่ของเรานี่คะ แต่คงต้องใช้เวลาในการทำใจและยอมรับ และหนูจะพยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุดค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

อาจารย์ค่ะ
ดิฉันจะต้องชดใช้วิบากกรรมแห่งกายนี้อีกนานไหมค่ะ

จะหมดหนี้สินที่มีอยู่ด้วยงานที่หนูทำอยู่ตอนนี้รึป่าวค่ะ

ดิฉันกำลังศึกษาศาสตร์ของการดูดวงเพื่อเป็นที่พึ่งของคน
ที่หาทางออกแห่งปัญหาชีวิต(เพราะการดูดวงหรือทำนาย ณ ปัจจุบันเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว ถ้าไม่มีเงินก็ดูไม่ได้ คนที่ลำบากอย่างที่สุด บางคนอยากได้คำปรึกษา แต่ก็ทำไม่ได้) สัจจาธิฐานแห่งการช่วยคนเหล่านี้ให้พ้นทุกข์ ดิฉันจะทำได้ไหมค่ะ

ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ

 

คนที่มีกำลังมาก ทำงาน 1 ชิ้น ได้ของขนาดใหญ่ ต้องใช้แรงมาก
คนที่มีกำลังน้อย ทำงาน 1 ชิ้น ได้ของขนาดเล็ก ใช้แรงเพียงน้อย

คนที่สั่งสมบารมีมี และมีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์เมื่อใด ก็จะมีแรงหนุนให้อยากทำแต่สิ่งที่เคยตั้งปณิธานไว้ในอดีต และสานต่อ ทำต่อ แต่การเกิดแต่ละครั้ง บุญอย่างเดียวคงไม่ทำให้คุณได้เกิดมา คุณหอบกรรมติดมาด้วย ดังนั้น การจะทำตามที่หวังแต่ละครั้ง คุณต้องใช้มือหน้าก่อสร้าง และ เกี่ยวลากวิบากกรรม ยิ่งงานใหญ่ คุณ ก้จะยิ่งรู้สึกว่า ทำไมมาถ่วงกันอย่างนี้ อยากทำดี ทำไมไม่ราบรื่น
นี่คือโจทย์วัดพลังใจของผู้มีจิตตั้งมั่น และ เป็นการถอนรากถอนโคนของอกุศลกิจที่คุณห้อยติดมาด้วย

ช่วงเบาบางอีกพักใหญ่ คุณต้องล้ม ๆ ลุก ๆ ลาก ๆ อีกพักใหญ่ หลายสิ่งอยากช่วย หลายสิ่งกำลังมองดูคุณอยู่ ลุ้นให้คุณถึงเส้นที่เขาเหล่านั้นจะได้ลงมาช่วย มันเป็นจังหวะ และเป็นการรอจังหวะ เวลาทุกอย่างลงตัว คุณแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง แต่ก็ร่างกายของคุณ ณ เวลานั้น เหลือน้อยแล้วนะครับ แต่พลังใจเต็มเปี่ยม คุณจะจำไม่ได้ถึงคำว่า ท้อใจ เพราะคุณก้าวข้ามฝั่งกำแพง คำว่า ท้อมาแล้ว และก็จะไม่ได้เจอแบบหนัก ๆ เช่นนี้อีกหลายยก หลายชาติ

หนี้ของคุณเป็นหนี้ที่มีรากฐานมั่งคงทีเดียว และ จะเป็นตัวถ่วง และตัวที่ช่วยให้คุณมีกำลังใจในการตู่อสู้ชีวิต เพื่อให้คุณต้องฝ่าฟัน ต้องฝืน ต้องพะวง สารพัด มีหนี้ ก็มีหนี้หมด แต่หมดเพราะใช้หมด ไม่มีโชคช่วย แต่มีปัจจัยที่จะเข้ามาเกื้อหนุน เมื่อวาระของบุญเก่าเริ่มวนเข้ารอบมา จุดแตกจะเกิดขึ้น คุณจะได้รับอานิสงค์จากเวลานั้น อดทนต่อไปอีกหน่อยนะครับ

ก็ที่พวกกระผมกำลังทำอยู่นี้แหละครับ หลายคนก็มีงานประจำ หลายคนก็ยอมอดนอน พยายามใช้วิชาความรู้ ที่มีกันไม่มาก และตั้งใจอยากจะช่วยให้ทุกข์ที่อยู่ในใจ ได้เห้นว่า ชีวิตนี้ยังมีหวัง มีคำตอบ ถึงแม้ว่า ทุกคำตอบจะต้องทำเอง ทุกคนที่เข้ามาถาม เข้ามาดู ก็ยอมรับ และมีรอยยิ้มกลับไปแทบทุกคน

ยินดี หากเส้นทางนี้ จะมีผู้ที่มีจิตเป็นกุศลเพิ่มขึ้นมาอีกคน อนุโมทนาสาธุ ครับ

 

อยากให้ดูให้หน่อยคะ ว่าในชีวิตนี้ ปัญหาที่รับอยู่จะจบหรือไม่ หรือต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต แล้วทำไม คนที่ทำกรรมร่วมกับเรา เขาไม่ได้รับการชดใช้กรรมเลย เขาสุขสบายดีทุกอย่าง

 

รบกวนสอบถามอาจารย์ค่ะ
1. การปฏิบัติธรรม
2. การงานมีโอกาสได้เปลี่ยนตำแหน่งหรือไม่ ถ้ามีได้แค่ไหนคะ
ขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

 

ถูกต้องครับ ขณะนี้คุณกำลังทุกข์ใจขนาดหนัก เครียดจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ คุณกำลังอยู่ ณ มุมของห้อง มุมของชีวิต คุณหันหลังให้กับทุกสิ่ง แล้วนั่งลง หันหน้าเข้ามุมของกำแพง มันมืด แล้วเวลาคุณหันกลับมา คุณก็เห็นทุกคน มีแต่ความสุข ทั้ง ๆ ที่ทุกคนอยู่ในห้องเดียวกัน

คุณกำลังทำร้ายจิตใจของตนเอง คุณ และ คนเหล่้านั้น แม้จะอยู่ในที่เดียวกัน สถานการณ์เดียวกัน (ตามรู้สึกของคุณ ) แต่คนเรานั้น เกิดมาจากกรรมของแต่ละคน การที่ได้มาอยู่ด้วยกันเพราะมีกรรมร่วมกันบางอย่าง แต่ในเส้นทางที่เดิน ก็มีทางแยก นั่นและ ของแต่ละคน คุณไม่ได้เป็นคนที่เดินแล้วผิดทาง แต่เพราะเส้นทางที่คุณสร้างขึ้นมานั้น เป็นเหตุให้การตัดสินใจกับปัญหาต่าง ๆ เป็นแบบที่คุณคิด

การสลัดออกจากพันธนาการของจิตใจ จะทำให้คุณเห็นช่องทางอีกครั้ง คุณยังมีไพ่ตายอยู่ แต่คุณไม่พร้อม และไม่ยอมรับในความเป็นตัวของคุณเอง มองอยู่แค่อดีต กับ ปัจุจุบันที่ ไม่มีอะไรดีเมื่อเทียบกับคนอื่น ( สังเกตนะครับว่า คุณจะมีความทุกข์ เพราะคุณเอาตัวและใจของคุณไปเที่ยบกับคนอื่น ) แต่จริง ๆ แล้ว คุณ มีพัฒนาการหลายอย่างที่แตกต่างจากเมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่ใจคุณมีความคาดหวังสูง ดังนั้ันสิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้ถูกนำมาเป้นฐาน แลต่อยอด

กำลังใจ คือ พลังชีวิตของคุณ และคุณต้องนำมันกลับขึ้นมา ไม่นานครับ คุณจะพบความสว่างอีกครั้ง ชีวิตคุณไม่ได้มีแค่นี้ มีวันหน้าที่สดใสรออยู่จริง ๆ ขอยืนยัน โชคดีครับ :VO

 

รบกวนด้วยคะ

ดิฉันและสามีมีแนวทางในการดำเนินชีวิตคล้าย ๆ กันขอถาม 2 คนเลยนะคะ

1.อยากทราบแนววิธีในการปฏิบัติเพื่อความก้าวหน้าในวิปัสนากรรมฐานของทั้ง 2 คนค่ะ ว่าจริตจะไปทางไหนถึงจะดี และจะเจริญถึงขั้นใหน
2.อยากทราบเจ้ากรรมนายเวรเกี่ยวกับการงาน ว่าเราจะต้องทำอย่างไรค่ะ

 

ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับการชี้แนะที่ได้ อย่างหนึ่งที่รู้คือ ประสบความสำเร็จแน่ๆแม้จะนานซักหน่อย สำหรับข้อสุดท้าย เป็นสิ่งดีๆที่ควรสานต่อค่ะ ยินดีที่เราได้รู้จักกันค่ะ

 

สอบถามด้วยครับ

อยากพบผู้ที่จะสามารถแนะแนวทางในการปฏิบัติธรรมให้เจริญก้าวหน้าได้ จะเจอหรือเปล่าครับ และเมื่อไหร่จะเจอ และอยากทราบเกี่ยวกับการงานครับว่าทำอะไรถึงจะถูกกับตัวเองทำแล้วจะเลี้ยงครอบครัวได้

 

คำถามในใจของคุณจริง ๆแล้วคงจะเป็นข้อ 2 นะครับ ก่อนคุณจะพบการเปลี่ยนแปลง คุณจะได้รับข้อเสนอที่เป็นทางเลือกให้คุณตัดสินใจ ก็ขอให้คูณพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ อย่าทำอะไรตามใจ ตามที่อยากได้ ขอให้ดูองค์ประกอบของตัวเลือก เพราะทางหนึ่งในหลายทางนั้น ดูจากปลายทางแล้ว คุณอยากได้มาก แต่จริง ๆ คุณจะพบกับอุปสรรคมากมาย และ ต้องตามแก้ปัญหาตลอด

ส่วนการปฏิบัติธรรม คุณทำได้ดีในฐานของคุณแล้ว ก็ขอให้คุณรักษาให้สม่ำเสมอไป อย่าได้ขาด และควรชักชวนเพื่อน ๆ คนที่ไม่รู้จัก ให้เข้าไปด้วย จะได้เป็นบุญเสริมให้คุณ พบกับความสว่างในชีวิตในโลกปัจจุบัน


สาธุ

 

ผมส่งทาง pm ไปนะครับ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

 

คุณเป็นคนที่ศึกษามามาก รู้มามาก พบข้อสรุปต่าง ๆ มามาก และมีโอกาสก็จะเดินทาง พร้อมที่จะแสวงหา การแสวงหาของคุณ ไม่มีวันจบ หากคุณยังไม่ได้เริ่มต้น

เพียงแค่คุณหยุด และนั่งดูใจ อาการเต้นของใจ ไม่ใช่ชีพจรนะครับ การคิดต่าง ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ทันทีที่คุณหยุดกิจกรรม และ เข้านั่งในที่สงบ สิ่งที่เกิดขึ้นในจิต คือ สิ่งที่คุณควรแยกให้ออก ว่า ตัวจิตจริง ๆ ของคุณมันคือตรงไหน และ มีสภาพอย่างไร นี่คือจุดเริ่มต้น

ลองวางความรู้ที่มีทั้งหมด แล้วนั่งลง หลับตา ใจคิดว่า นั่งตรงนี้ นั่งตรงนี้ ช้า ๆ ช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ การบริกรรมนี้ ต้องระวัง อย่าให้บริเวณคอเกิดอาการเกร็ง เพราะนั่นเท่ากับเป็นการท่องบริกรรมในใจที่มีคอเป็นตัวกระตุ้นและส่งต่อ คุณจะอยู่ได้ไม่นาน ก็นึกเพียงเท่านี้ พยายามให้จิตนึกแต่คำนี้ ไม่เกิน 10 วินาที คุณจะคิดแทรกเข้ามา อะไรก็แล้วแต่ รีบเอาคำว่า นั่งตรงนี้ แล้วไม่ต้องไปคิดต่อ ยิ่งมีความคิดแทรก คุณยิ่งต้องบริกรรมให้ช้า เนิบ ๆ ช้าที่สุด

ผมแนะนำได้เท่านี้ เพราะพัฒนาการของจิตมันมีอยู่ และมันจะจัดสรรตัวของมันให้ยกระดับขึ้น ใช้เวลา จะเร็วหรือช้า วัดกันไม่ได้ อย่าไปเทีียบกับคนอื่น บุญที่สะสมมามันต่างกัน การมีโอกาสปฏิบัติก้ต่างกัน แม้ในชาตินี้ชาติเดียว ก็ไม่เท่ากันแล้ว


ส่วนเรื่องงาน ถึงแม้คุณจะมีอะไรทำก็ตาม แต่ใจคุณไม่ได้ทำไปด้วย คือ ใจไม่ชอบปัจจบันที่คุณเป็นอยู่ และถ้าหากคุณคิดจะหางานในช่วงนี้ ขอให้ชะลอไว้ก่อน เพราะไม่ใช่ช่วงที่จะได้อะไรเลย

ชะตาชีวิตของคุณจะพยายามบีบให้คุณไม่ต้องเป้นลูกจ้างใคร ดังนั้น ฝากไว้พิจารณานะครับ การลงทุนถ้ายังไม่พร้อมย่อมมีความเสียง และธุรกิจส่วนตัวแบบข้างถนน คือจุดเริ่มต้น และต้องไม่ใช่แบบ เฟรนด์ไชน์

โชคดีนะครับ อย่าคิดมาก ลองคิดง่าย ๆ ทำอะไรก็ได้ที่คุณไม่คิดว่า อยากทำ

 

เนื่องจาก อาจารย์ที่ดูแลกำกับพวกผมอยู่ ต้องการให้ทุกท่านที่จะดูคำทำนายชีวิต ถามทางหน้าบอร์ด ดังนั้นขอความกรุณา ลงไว้ที่หน้าบอร์ดด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

เรียน คุณศักดิ์ ธรรมลิขิต

1.มีความหนักใจ ที่เก็บมากว่าสิบปี จะฝ่าฟันผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร

2.ครอบครัวจะถึงกับล่มสลายหรือไม่

 

การปฏิบัติของคุณทั้งสองนั้น ต้องมีองค์ประกอบร่วมอีก คือ คุณจะต้องอยู่ในกลุ่มที่มีการสร้าง และ บูรณะปฏิสังขร บางสิ่งที่จะเป็นฐานของพระศาสนา นั่นคือ สภาพแวดล้อมนะครับ ที่จะเอื้อให้คุณทั้งสอง เริ่มมีบุญปัจจุบันมาหนุนเนื่อง ที่ไหน เมื่อไหร่ ไม่จำกัด และไม่ต้องอยูี่ซ้ำที่

ขอเพียงในขณะที่คุณปฏิบัติ คุณพยายามมองให้เห็นอุปาทาน ว่า คืออาการอย่างไร เพราะรู้สึกว่า ตัวนี้เป็นตัวทำให้คุณไขว้เขว หลงทาง อยู่เรื่อย ๆ
อุปาทานที่พวกคุณพบคือ เห็นไปเอง และหลงว่าเป็นของจริง คุณก็มีความยินดีพอใจ เมื่อไหร่สิ่งนั้นไม่ปรากฎอีก คุณก็ทุกข์อีก

ดังนั้น ขอให้หยุดการใช้นิมิตต่าง ๆ ไว้ เพื่อปรับสมดุลของการปฏิบัติ จะช่วยลดการเกิดอุปาทานได้ในระดับหนึ่ง

นอกจากนั้น การมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน คุณมักจะฟุ้งซ่านเกี่ยวกับการปฏิบัติ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว การมีสติในขณะทำงานปกตินั้น คือ การรับรู้ และคอยแยกแยะความคิดที่จะออกนอกปัจจุบันตรงหน้า นี่คือสมาธิจริง ไม่ใช่นิ่งแล้วไม่รับรู้

คุณถามเรื่องงาน ก็มาถามในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังจะจบลงและกำลังจะเริ่มต้นใหม่ แบบที่เรียกว่า ดีที่สุดก็แล้วกัน ไม่นาน บอกได้แค่นี้ จะว่าอึดใจเดียว เดี๋ยวก็จะผิดหวัง สิ่งเก่า ๆ กำลังจะหมดช่วงเวลาของมันแล้ว และสิ่งใหม่ บอกได้เลยว่า คุณคาดไม่ถึง

โชคดีนะครับ ขอให้ประคับประคองการปฏิบัติให้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง และขอให้คุณพบสัจธรรมที่ควรสำหรบชีวิตพวกคุณ สาธุ