ว่าด้วยเรื่อง "วิธีบรรลุมีด้วยหรือ?"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ํํํััYosei, 15 พฤษภาคม 2011.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ดีเลย คุณจิต แต่เชื่อไหมว่า ขณะที่กำลังแก้ แต่ความที่เผลอไปนิดเดียว
    มันผุกกลับเข้าไปอีก อย่างไรยกไว้ตอนท้าย ตอนนี้ ขอพาชมหอคอย
    ประตูค่าย ของศัตรูกันก่อน

    ประเด็นแรกๆ สำคัญมาก กรณีที่เป็น วิปัสสนาญานิก หรือ เอาปัญญา
    นำสมถะ สิ่งที่ต้องเจอคือ อาการอนุสัยมันขยับตัว

    คนที่ทำ สมถะนำหน้า พอเห็นตัวนี้ แทบจะเอา ตะเกียบจิ้มตาตัวเอง หรือ
    ไม่ก็ พร้ำเพ้อแต่ถ้ำ คูหา หรือ ป่า ซึ่งไปให้ตายมันก็ไม่ได้แก้ไขอะไร

    ก็โอกาสของการภาวนามาถึงแล้ว ความสมควรแก่ธรรมที่จะได้พิจารณา อนุสัย
    นอนเนื่องมาถึงแล้ว คนที่โง่เท่านั้นที่จะวิ่งกลับเข้าป่านไปนู้น

    ที่นี้ พี่จิตสังเกตุว่า เดิมที่เราเอาแต่หนี แล้วก็อินกับการหนี ว่าเป็นการทำดี

    แต่ คราวนี้พี่จิตได้ยกวิปัสสนาบ้างแล้ว ทำให้เกิดการปรารภ ค้นคว้า สอด
    สอดส่องพฤติจิต อาการกริยาของจิต ในฐานะเงาของจิต ซึ่งจะเห็นว่า

    เมื่อตากระทบรูป เกิดทิฏฐิการให้ค่า พิจารณาว่างาม เกิดกามคุณ ตรงนี้
    ยังไม่เท่าไหร่

    แต่ยามใดที่ กามคุณ ปรากฏแล้ว หากเราชำระจิตไม่ได้เต็มที่ จิตจะผันตัว
    ไปสองอย่างคือ
    1. ไปคว้าสมถะกองใดกองหนึ่งขึ้นมาแก้ไขจิต ณ ปัจจุบันนั้น (พวกพรหมโง่ สติไม่เกิด)
    2. ไปคว้าเอาความละอายแก่ใจมาแก้ไจจิต ณ ปัจจุบันนั้น (พวกเทวดาโง่ สติเกิดช้า)

    แต่ถ้าปฏิบัติธรรมมาได้อีกสักหน่อย สามารถเล็งเห็น โมหะมูลจิตแล้ว จะเล็งเห็นการ
    ไหลไปของจิต แล้วอนุโลมตามรู้ไปต่อ ไม่โง่ไปทำข้อ 1. ข้อ 2. นั่นอยู่แค่นั้น

    พอตามรู้ไปแล้ว ก็จะปรารภว่า

    จิตเกิดที่ตาไม่ไหลไปสู่รูปสะดือ(รู้นะว่า รูปตัวแทน) แต่สติมันต้านเอาไว้เป็นบัญยัติอื่น

    พอเห็นได้ว่า เอ้าจิตมันไม่หยั่งลงไปในรูป มันก็ยังไม่ทันให้ค่า ความไหลพรั่งพรู
    ทั้งทางใจ และทางกายมันก็คล้ายว่าจะเหือดหาย (อย่าไปเชื่อมัน มันเป็นเรื่อง
    ของธาตุ -- ถ้าภาวนาธาตุ22 ก็จะมันส์ แต่อันนี้แล้วแต่บารมี ทำมาน้อยไม่ต้อง
    มาพิจารณานะ เพราะ การอนุโลมแล้วจะปฏิสังขารได้ ไม่ง่าย ตกนรกได้)

    พอไม่บังคับ มันก็เห็นได้ทะลุปรุโปร่ง แต่ มันไม่ล้ำออกไปเป็น กายกรรม วจีกรรม
    แต่ มโนกรรมนี้เสร็จมัน

    เสร็จยังไง ก็เรียกว่า มันแสดงให้เห็นว่า ตอนนอนหลับ ต่อให้มีสมาธิแค่ไหน มันก็
    ลากไปได้เพราะว่า ของแบบนี้เกิดใน "ภวังคจิต"

    การที่ ภวังคจิต ปรากฏ แล้วอย่าไปโทษ หรือ คิดไปทำอะไรมัน เพราะทำไม่ได้
    ใครปรุงฝันได้ ก็แปลว่าหลับไม่จริง อันนั้นอย่าไปคิดว่าเห็น ภวังคจิต แต่จงเห็นไป
    เลยว่า ฝันกลางวัน เข้าแล้ว

    ทีนี้ ภวังคจิต แบบนี้ แสดงอะไร ในทางอภิธรรมท่านถือว่า มันช่วยให้เราเข้าใจ
    "ปฏิสนธิจิต"

    การเข้าใจ ปฏิสนธิจิต คืออะไร ก็คือ ทำนายได้ว่า หากมีภวังคจิต แบบนี้อยู่
    ก็ทำนายได้ว่า มี "อุปาธิ"

    ซึ่งแปลว่า หากจะตายขึ้นมาจริงๆ อะไรจะทำนายได้ว่า เราไปเกิดเป็นอะไรต่อ
    กรณีที่ทำนิพพานไม่แจ้ง ก็ให้ดูตาม ภาพนั้นปรากฏ โดยดูที่ความหิว โหย
    หื่น กระหาย แล้วทำนายไปตามนั้น

    ที่นี้ รูปสวย หนะสำคัญแน่ แต่ไม่ร้ายเท่า


    บทส่งท้าย

    ไอ้ "จุ๊ฟๆ" นี่แหละ แค้คำๆเดียว แต่เป็นที่มาของ อุปาธิ นันทิราคะ ทั้งหมด
    ให้มันพอกพูลขึ้น แน่นหนาขึ้น

    คนเราจึงทุกข์เพราะไม่ทันความคิด ทุกข์เพราะความคิดของตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2011
  2. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เรื่อง รูปสวย ความใคร่ในกาม ขนาดจะผิดผีผิดตัวนี่ เห็นจะไม่มี
    หากแต่มันมาจ่อ อยู่ที่ ยังสำคัญในรูปสวย ที่ยึดไว้มั่น
    แรกๆ ก็ละอายในใจ ที่ทำไม๊ เราก็ปฏิบัติ มาบ้าง คิดดีแล้ว ยังไปมอง แอบมอง
    ถึงจะละอาย ก็ตามหลัง ไปแล้ว มองเรียบร้อย ปรุงเสร็จพร้อมดื่มทีเดียว
    พักหลังๆ ที่รู้จักคำภาวนา มีอะไรมากระทบ งัดเอาไม้ หน้าสามตีเลย
    ฟาดไปเลย แรกๆ ก็พอไหว ระลึกได้ เฉไปไฉมา จนมันเริ่มจะใช้ไม่ได้ผล
    อารมณ์ รุนแรง มันไม่พุ่ง ไม่กระฉูด
    แต่พวกเล็กๆ ที่เป็นมด เป็นยุง นี่ ก็ทำให้รำคาญหงุดหงิด ได้
    อย่างตอนปวดฟัน ก็ได้เห็น ได้รู้ เพิ่มขึ้น
    พอมาตอนนี้ อีกล่ะ ไม่จบไม่สิ้น
    เรียนไป รู้ไป ยิ่งเหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง
    ไอ้ที่ว่า ฉลาดๆๆ ใช้อะไรไม่ได้เลย
    มันเจ็บ ไม่จำ
    มันทุกข์ ไม่เข็ด
    ไม่ว่าจะเป็นอะไร รู้อะไร สักพักมันก็หาย ไม่มีอะไรจะเกาะ ไว้ได้สักอย่าง
    ไอ้ที่เจ็บๆ น้ำตาไหล ได้เห็นอะไรถูกใจ ดันลืมเจ็บซะงั้น
    ความธรรมดา ที่เดี๋ยวมี เดี๋ยวไม่มี
    มันทิ่มแทง เหมือนเข็มมาจิ้ม ฉึกๆ ไม่ยักกะหาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2011
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ยังไงก็อย่างไปเข้าใจผิด ว่า จิตมันไม่จำ จิตมันจำ แต่มันไม่อิ่ม

    บางคนใช้สมถะ ตีผัวะๆ ไปอย่างนั้น จนกระทั่ง อิ่มของเขา มันก็
    คลาย ตอนคลายมันก็เห็นช่องทางรอด โยนิโสเป็น ก็เข้าไปได้
    โยนิโสไม่เป็น ก็อะไรว๊า ตะกี้อะไรว๊า แล้วจะเข้าไปให้เห็นอีก
    คราวนี้ เป็น พระสีเบอร์5ไป ตำหนิก็ไม่ได้ ชี้ก็ไม่ได้

    ต้องอยู่ใกล้ๆแล้วถีบ แต่อันนี้มันเรื่องของคนมีวาสนาต่อกัน คนทั่วไป
    ไปถีบ รับรองเละ

    * * * *

    คุณจิต น่าจะเห็นคำว่า ขยัน กับ ขี้เกียจ ตามภาษาพระจริงๆแล้ว
    ก็ตอนเห็น ปวดฟัน หากเรายัง อ่อนให้กับสรรพอาการ อันนั้นเรียกว่า
    ขี้เกียจ ดังนั้น ก็ว่ากันไปตามความขยัน เลือดตาแทบกระเด็นทั้งนั้นแหละ

    แต่ทางสบายมันก็มี แต่ต้องอนุโลมไป แล้วพิจารณาคุณและโทษให้ได้เสมอ

    การมาเห็นว่า แค่ยุงก็มีรำคาญ แค่มดก็มีรำคาญ อันนี้ใช้ได้แล้ว แต่ก็
    อย่างเดิม หากขีเกียจก็ลืมเห็น หากขยันก็พิจารณาหมด แล้วมันจะละเอียด
    กว่านี้อีก แค่จิตเกิดทางตา จิตเกิดทางหู จิตเกิดทางกาย จิตเกิดทางจมุก
    ....... จะเห็นหมดแหละว่า กิเลสมูลจิต หน้าสลอนได้ในทุกๆที่ !!???

    หากต่อตรงนี้ไปอีก ไม่มีมด ไม่มียุงนะ จะมีแต่ อุปาทานมันเกิดก็สร้าง
    ความรำคาญได้ -- ตรงนี้ สมถยานิกจะบอกว่า บ้า แต่หากมาทางปัญญา
    นิดหน่อย ตรงนี้เขาเรียกว่า ภาวนาแล้วกิเลสสะเทือน หนังมันเริ่มถลอก

    ทำไม กิเลสมูล จิตมันหน้าสลอนได้ทุกที่

    เพราะอะไร......

    เพราะอะไร......

    ไม่รู้ ดูเอาเอง เพราะเลยตรงนี้ได้ จะเข้าถึง ความไม่ต้องอาศัยฟังจากใคร
    ( หมดอาจารย์ --- ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชื่อว่า เป็นผู้ไม่มีอาจารย์ )

    เรียกว่า จะเริ่ม ฟังธรรมในตนเป็น มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เสียที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2011
  4. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    สองเรื่อง สองราว

    เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ ที่เกิดจากร่างกายนี้ กระทบถูก ใจนี้กระทบถูก
    มันไหลไป ตามน้ำบ้าง ทวนน้ำบ้าง แช่นิ่งบ้าง จมจ่อบ้าง มันก็เกิดอยู่ ตั้งอยู่ไม่นาน ก็หายไป

    เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ ที่เกิดจากร่างกายนี้ กระทบถูก ใจนี้กระทบถูก
    บังคับไว้ ไม่ให้ไหล บังคับไว้ไม่ให้ทวน บังคับไว้ให้นิ่ง ไม่สัดส่าย
    สว่าง สงบ ระงับ คลาย สุข สันติ มันก็เกิดอยู่ ตั้งอยู่ ไม่นานก็หายไป

    วางเฉย จะเอา ไม่สุข ไม่ทุกข์ หนีทั้งสุขทั้งทุกข์
    มันก็ไม่พ้น
    จะตื่นอยู่ จะหลับตา ลืมตา
    จะนอนอยู่ จะฝัน ไม่ฝัน
    จะนั่งสมาธิอยู่ นิ่งสว่าง มีนิมิต
    มันก็ไม่พ้น ที่จะต้อง พบสุข พบทุกข์

    จับสุข ก็ เห็นทุกข์
    จับทุกข์ ก็ เห็นสุข
    จะวิ่งไปเฉย ก็เห็นสุข เห็นทุกข์

    ...
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆ เค เค มาดูเร็ว อันนี้ "ทองพูล โคกโพ ราษฏร์เต็มขั้น"
    มะนุดเต็มภูมิ ซะใจกว่าของมะนุดขะมำชินอีก
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เอ๊อออออ ก็เนี่ยแหละทุกข์ ชัดไหมล่ะ คำว่าทุกข์ที่พระหลายๆท่านสอนว่า

    ชีวิตนี้มันมีแต่ทุกข์ เห็นทุกข์ซะขนาดนี้ จิตมันไม่สะเทือนเลยนะ

    ยังกอดทุกข์ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยทุกข์

    ซึ้งใจไหมนั่น อย่างที่หลวงปู่มั่นสอนหลวงตามหาบัวไง

    นอนจมสมาธิมันสุขเหมือนเนื้อติดฟัน เดินปัญญามันมีแต่รู้ทุกข์ เป็นทุกข์ มันถึงได้ปัญญารู้ทุกข์ไง

    จะเอายังไงล่ะ นอนเกยตื้นเป็นสุขเป็นสุข ขึ้นอึดทึด หรือจะเอาเดินปัญญารู้ทุกข์

    อิอิ เข้าใจไหม เข้าไหม ชีวิตเป็นทุกข์ จิตนี้มีแต่หาทุกข์ใส่ตัว แม่นบ่ออ้ายยย

    คุณขมิ้นเหลืองอ่อน เขารำพันไว้ไง

    ความเกิดเป็นมนุษย์ เป็นทุกข์และน่ากลัวอย่างยิ่ง แหะ แหะ

    เกิดเป็นอย่างอื่นไม่มีทางเห็นแบบนี้หรอกนะ รู้ยัง ภพภูมิมนุษย์ประเสริฐยังไง

    ทางนิพพานคือรู้ทุกข์ รู้ว่าสุขและทุกข์มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์อย่างยิ่ง บังคับให้เป็นสุขถ่ายเดียวไม่ได้

    คิดเป็นก็เย็นสบาย คิดไม่เป็นก็ยังเย็นสบาย ได้อีกเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2011
  7. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เห็นดี เห็นงาม
    เกิดความอยาก ใคร่ดี ใคร่กุศล
    พอเห็นทุกข์ จับสะเทือน จับการสัดส่าย
    จิตมันพุ่งไปจับ ภาวนา จำได้ว่า ทำแบบนี่ มันสุข มันระงับได้
    เห็นจะๆ จับได้ ดีใจ สุขดีหนอ ทำได้แล้วหนอ กลับมาสุข เหมือนที่เคยสุขแล้วหนอ
    สบายๆ ชิวๆ ไร้ที่ติ จริงๆ
    พอเริ่มทำได้ มันก็แอบทำเรื่อยๆๆๆ นอนสบายใจ ยิ้มสบายใจ ...
    ถ้าไม่มีปวดฟัน ให้เห็น ก็ยัง นอนนิ่ง
    หลอกว่ามีตัว ไม่สู้หลอกว่ามีใจ
    ...
    หลอกว่าไม่มีฟัน ดีกว่าหลอกว่าไม่ปวดฟัน
    ยังไง ยังไง มันก็ได้แค่หลอก
    ฟันยังอยู่ ปวดฟันก็ยังอยู่
    ร่ำๆ ว่า ถอนทิ้งซะดีไหม๊
    จะได้ไม่ต้องมีฟัน ไม่ต้องปวดฟัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2011
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    บ้าไปซะแล้ว

    แต่ ท่านพุทธทาสท่านว่า นั่นมันเรื่องของปุถุชน

    จะให้ดีต้อง บ้าวิสามัญ เนาะ ไปให้ถึงเนาะ

    ตายก่อนตายได้มันก็หมดที่ตั้ง

    [​IMG]


    อ้อ พระพุทธองค์ท่านเตือนว่า

    "หากจะหลอกว่ามีใจ มาหลอกตนว่ามีกายดีกว่า"
     
  9. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ................กระทำชอบแล้วครับพี่ ผมเองก็ได้มองอีกด้านนึงด้วยครับ............(y):d
     
  10. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    แต่ยามใดที่ กามคุณ ปรากฏแล้ว หากเราชำระจิตไม่ได้เต็มที่ จิตจะผันตัว
    ไปสองอย่างคือ
    1. ไปคว้าสมถะกองใดกองหนึ่งขึ้นมาแก้ไขจิต ณ ปัจจุบันนั้น (พวกพรหมโง่ สติไม่เกิด)
    2. ไปคว้าเอาความละอายแก่ใจมาแก้ไจจิต ณ ปัจจุบันนั้น (พวกเทวดาโง่ สติเกิดช้า)

    แต่ถ้าปฏิบัติธรรมมาได้อีกสักหน่อย สามารถเล็งเห็น โมหะมูลจิตแล้ว จะเล็งเห็นการ
    ไหลไปของจิต แล้วอนุโลมตามรู้ไปต่อ ไม่โง่ไปทำข้อ 1. ข้อ 2. นั่นอยู่แค่นั้น

    พอตามรู้ไปแล้ว ก็จะปรารภว่า

    จิตเกิดที่ตาไม่ไหลไปสู่รูปสะดือ(รู้นะว่า รูปตัวแทน) แต่สติมันต้านเอาไว้เป็นบัญยัติอื่น
    (y):d
    .........................................................................................
    ....ขอน้อมนำไปพิจารณานะครับพี่เอก...เมื่อวันที่สิบหกที่ผ่านมาไปเยี่ยมสำนักสงฆ์ไม่ไกล้ไม่ไกลจากบ้านนัก เมื่อว่างจากงานเคยไปหัดวิปัสนากรรมฐานที่นั่นระยะเวลาหนึ่ง....เมื่อไปถึงพูดคุยกับพระอาจารย์ท่านหนึ่งท่านเล่าว่ามีน้องคนหนึ่งที่เรียนที่นั่นเป็นประธานหล่อพระพุทธรูปองค์หนึ่งให้ไปดู..เมื่อได้ยินก็เกิดความรู้สึกอิจฉาปรุงฟุ้งขึ้นมาในใจทันทีก็นึกตำหนิตัวเองว่าคิดได้ต่ำทรามขนาดนั้น..เกิดเป็นความขุ่นข้องหมองใจขึ้นมา..ก็ตามดูเรื่อยๆพร้อมพิจารณาไตรลักษณ์,พิจารณาคุณ-โทษ จนจางคลายลง จบลงที่เราเข้าไปยึดเองจึงทุกข์เขาทำบุญกุศลแต่เรามันหลงบ้าไปเอง..แต่ก็ไม่หมด ผ่านไปรุ่งขึ้นวันวิสาขบูชา ช่วงบ่ายไปหัดปฏิบัติธรรมที่นั่น ยังนึกถึงอยู่เบาๆ คือมันเกิดความรู้สึกอยากรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่เราเข้าไปยึดไปเป็น ก็ตามดูจิตในอกเรื่อยๆดูบ้างไม่ดูบ้าง..เวลาผ่านไปเท่าไรจำไม่ได้ ก่อนช่วงเย็นมานึกได้อีกทีเมื่อมีคำตอบแว๊บมา ทราบว่าสาเหตุของความอิจฉาคือความโอ้อวด อวดมั่งอวดมี ขี้โม้ สรุปว่าจบลงที่ตัวเราเองนั่นแลที่สร้างกรรมขึ้นมาเองมาเป็นวิบากมาเป็นอนุสัยให้บังเกิดแก่จิต อิจฉาเป็นโมหะเกิดจากความกำหนัดยินดีในภวตัณหา..ทุกข์ถ้าไม่เกิดขึ้นมาก็แย่เหมือนกันแฮะ.....เหตุของทุกข์มันเป็นลักษณะธรรมคู่เช่นนี้หรือครับ.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2011
  11. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ป้าด...นี่โง่ ขนาด...
    อ่าน ย้อนไป ในหลายกระทู้ ที่เคยเขียนไว้
    ไม่รู้ แล้วอวดรู้
    คิดว่ารู้ แต่ไม่รู้
    เห็นผิด ...
    ขนาดความจริง ที่เกิด กับตัว กับใจตัวเอง ยังไม่รู้
    แล้วจะไปเห็นจริง ทำเป็นรู้จริง เรื่องอื่น ที่นอกตัว นอกใจได้ยังไง
    ขนาดตัวนี้ ใจนี้ ยังงมโข่ง มีแต่โคลน
    ยังต้อง เรียน ต้องศึกษา ต้องปฏิบัติ อีกเยอะจริงๆ
    วันนี้ ก็เพิ่งจะอ่าน บทความธรรมะพอรู้เรื่อง
    ไม่ได้ ตาแตก ตาแหก
    แล้วทำเป็นรู้ ทำเป็นเข้าใจ
    ไม่ได้ ช่วยให้ดี หรือแย่ มากกว่าเก่าเลย
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ฮึ่ย อย่าไปตำหนิจิตตัวเอง โดนมันหลอกทุกทางแหละ

    ลุยไปเงียบๆ เถอะหน่า ค่อยๆย่อง อย่าเอะอะ มารเขาสบ
    ช่อง ลากลงต่ำหมด เสียของ
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    พี่จิต เคยได้ยิน โวหารที่ว่า "อย่าดูถูก พระราชาที่อ่อนวัย" ไหม

    ตะไว้นะ

    ที่นี้ พี่จิตเคยได้ยินเรื่อง คนปรามาสคนอีกคนหนึ่ง ต่อมาคนนั้นเป็นอริยะเจ้า
    ทำให้คนที่เคยปรามาสคนนั้น เสวยกรรมเทียบเท่าปรามาสอริยเจ้าไหม

    ที่นี้ พี่จิตเคยอธิษฐานแจ้งนิพพานในชาตินี้หรือยัง......

    สุดท้ายและ

    พี่จิตปรามาสจิตตัวเองที่กำลังเติบโตในอนาคต

    โอ้ย เวรกรรม ปิดมรรคผลตัวเองนะนั่น ปรามาสตัวเองแท้ๆ ยังมะรอดเลย

    จิตเขาเป็นเราซะที่ไหน ดังนั้น ว่ากันไปตามเหตุปัจจัย อบรมจนกว่าจะนำสุข
    อย่างยิ่งมาให้นั่นแหละ ไม่ต้องโทษกัน เกี่ยงกัน เนาะ
     
  14. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    อืม.....ผมเองก็นึกตำหนิตัวเองอยู่เหมือนกัน....ได้อ่านคำตอบของพี่เอกแล้วชวนให้คิดพิจารณา.....(y):d
     
  15. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    ท่าน jittinon เคยไปรับอะไรเขามา

    ผลที่เกิดมันเกิดจากการพูดนำว่าสภาวะแบบนั้นนี้ แต่ก็มีประโยชน์อยู่บ้างตอนที่สอนให้
    ภวนานี้แหละและคนทำก็ตั้งใจด้วยชิ มันก็เกิดผล

    แต่วัดกันจริงนะผมว่าไม่คุ้มกัน ที่จะต้องไปรับคำภวนาเป็นทอดๆแบบนั้น อันนี้ผมสังเกตุเอานะ (ผิดถูกยังไงก็ขอรับ)

    ถ้าถึงพร้อมอาณาปานสติที่พระพุทธเจ้าประทานไว้ให้นึ้ ก็ได้ตั้งแต่ต้นจนจบได้เลยนะผมว่านะ

    อัตตาหิ อัตตโนนาโถ นี้แหละ ผิดถูกกลัวอะไร เมื่อใจไฝดี มันต้องมีทางออกให้ได้ นะท่านนะ
     
  16. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ที่ผ่านมา
    ลังเลๆ...สงสัย... เห็นเค้า ว่าก็ว่าไป
    เห็นเค้าทำ ก็ทำตามไป
    เห็นว่าดี ก็ดี
    เห็นว่าไม่ดี ก็ไม่ดี
    เชื่อครึ่งๆ กลางๆ
    ทำครึ่งๆ กลางๆ
    ...
    ทำ ทำ เรื่อยๆ ดูเรื่อยๆ
    เห็น รู้ พิจารณา จนบางที วิตกจริต
    ใช้ความคิดมากไป
    วางความคิดมากไป
    อันนี้ดีไหม สิ่งนี้ดีไหม
    ถาม จน เลิกถาม
    ตอบ จน ไม่มีคำตอบ
    ...
    บางวัน อ่าน จนฟุ้งซ่าน
    บางวัน หงุดหงิดไปทุกอย่าง
    ...
    ที่พิมพ์ไป
    อาจจะใช้คำ แรงไปหน่อย
    ไม่ได้มีเจตนา กดข่ม
    เพียงแต่ ความจำเก่า มันเด้งมาสมทบ
    จากกระทู้เก่าๆ ...ผุดขึ้นมา ขอรับ...ก็ต้องขออโหสิ กับผู้ที่เคยกล่าว
    และขออโหสิให้ตัวเอง
    กราบขอบพระคุณ คุณพี่เอกวีร์ คุณพี่ขวัญ ขอรับ
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มีแปลกกว่านั้นอีกนะ

    เช่น สำคัญว่าจิตตนเสมอกับอะไรสักอย่างหนึ่ง อันนี้ ก็จัดว่า ทำให้ยับยั้ง เหมือนกัน

    แล้วที่สุดเป็นอย่างไร ....?

    สงสัยมีเทศนาของหลวงปู่หล้า หรือ หลวงปู่บุญฤทธิ์ จำไม่ได้ ถามเอาจาก
    ปราบเทวดา ได้ ถ้าหากจะฟังเอาบันเทิงธรรม
     
  18. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ผิดถูกกลัวอะไร ?
    วัดกันจริง ผมว่าไม่คุ้มกัน ?
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เรื่อยๆ เนาะ มาฟังเพลงกัน

    [music]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=22684[/music]

    ชาร์ทแบทสักหน่อย ( วิชาหยิบยืมบารมี อย่าลืมคืนพระพุทธองค์หละ )
     
  20. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ......แต่..เอ..แต่ถ้าเราไม่ตำหนิตนเองแล้วจะมีความอยากเพื่อการค้นหาคำตอบมาเพื่อพัฒนาตนเองหรือครับ......พิจารณาคุณ-โทษ เมื่อเห็นทั้งสองด้านแล้วการไม่เข้าไปยึดคือทางสายกลาง,จุดสมดุลย์ คือทางที่ควรเดินซิหนอ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...