วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 - 2556

ไม่ต้องหนีไปไหน อะไรจะเกิดปล่อยมันเกิดเลย ฝึกจิตต่อไป

 

ถ้าขึ้นต้นด้วยเลขสองนี้ไม่มีอะไร เลขสามกับเลขหนึ่งก็ไม่ต้องกังวล

Start 2012 = 20_12 = 20_DECEMBER ... Just signal

 

คิดเหมือนผมเลย

อชิตะ พระอชิตะโพธิสัตว์ พุทธกาล

หลวงปู่ทวด 2125>?(ใครร้เิติมให้ด้วยนะ)
สมเด็จพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ร1 2279>2352
หลวงปู่ดู่ 2447>2533 =85

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ร8 2468>2489 =21
ปลาบู่ 2511>2517 =5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน

พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ???

 

ครั้นจะบอกว่า เค้าเตือนก็เพื่อให้เราไม่ประมาท
ก็ถามว่า ถ้าเค้าไม่เตือนเราจะประมาทได้อย่างงั้นหรือ
ถ้าเลือกไม่ประมาทเฉพาะตอนที่เค้าไม่เตือน ก็แสดงว่ายังเชื่อเค้าอยู่ตามนั้น ไม่คิดว่าเป็นการเดาสุ่ม

ภัยพิบัติที่ผ่านมา ไม่มีผู้วิเศษหน้าไหนออกมาเตือนล่วงหน้าเลย นั่นจึงเป็นช่วงเวลาที่คนตั้งอยู่บนความประมาท แต่พอออกมาเตือนล่วงหน้าเพื่อให้คนไม่ประมาท(หวาดกลัว) กลับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

เคยมีซักครั้งมั้ย?

แน่นอน อย่าวางใจกับคำว่า "เอาอยู่" แต่ก็ไม่ควรเอาไสยศาสตร์มาแสดงความมั่นใจเหนือวิทยาศาสตร์

 

..................................

 

....................................

 

ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมเรื่องบีบแตร

ทำไมชอบพากันบีบบบบบบ บีบๆๆๆแบบจะเป็นจะตาย ทำยังกับตัวเองไม่เคยพลาด

อย่างมีรถออกจากที่จอด พยายามจะจึ้กๆมาเข้าเลน เพื่อนผมมันก็ชอบบีบแตรปี๊ดดดดด!! แล้วก็แถมปี๊ดๆ 2 ที แถมสบถด่า แบบว่าเอ็งผิดมากกกกกก
แต่พอทีตัวเองพลาดมั่งโดนเค้าบีบใส่ ก็ทำเงียบ.. เบื่อเหลือเกินพวกประเภททีใครทีมัน

พ่อแม่ผมเวลามีอะไรตัดหน้าก็จะเคาะแตร แปร๊ดๆ! แค่นั้น แล้วตัวเองก็จะชะลอๆรถ จนผมติดมา
ก็ไม่รู้จะอารมณ์เสียทำไม มันไม่ได้ชน หรือเฉียดกันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด จนหัวใจจะวายซะหน่อย

..แล้วก็จะขับรถเร็วไปไหน พ่อแม่ผมอย่างมากไม่เกิน 110 เพื่อนผมพากันเหยียบ 140-160 แทบจะปลิวหลุดถนน


ฯลฯ ..อาจอธิบายไม่ครอบคลุม อัดอั้น บ่นๆๆๆ

 

สาธุๆ โพสข้อความได้ถูกใจมากครับ

 

อ่านซะที่นี่ประเทศไทย

เรื่องความลับสวรรค์ เขาห้ามาบอกเพราะเป็น สิ่งที่มนุษย์รู้ไปก็แก้อะไรไม่ได้ เพราะทุกสิ่งจัดการไปตามกรรม เมื่อคนรู้กันโดยไม่ว่าสาเหตุอะไร
{ คนได้ทิพย์จักขุ เห็น ก็ สงสารคน มาโพสบอก
คนรู้จากพระ ที่มีความน่าเชื่อถือว่า ท่านบรรลุ หรือมีญาณ ก็ สงสารคน มาเตือน มา
โพสบอก

จากปากต่อปาก ก็ มาแพร่หลายใน internet เพราะ ยุคนี้ มันไวมากกว่าเมื่อ 10 ปีก่อน ใช้ส่ง FAX ส่งจดหมายลูกโซ่ internet สมัยนั้น ผมเรียน ปวส ก็ ใช้ Modem 56K
ยังไม่ได้ รวดเร็ว ขนาดยุคนี้

จะบอกให้ว่า เรื่องที่เบื้องบน ทำงาน หนะ เรื่องจริง เพราะ เขาก็ทำไปตามกฏแห่งกรรม
คนเรามันต้องตายกันทุกคน จริงไหมครับ ผมก็ตาย คุณก็ตาย แต่แค่ว่า งานนี้ มันตายหมู่
ตายเยอะ คนที่ อยากให้คนอื่น อยู่ไปอีกหน่อย หรือได้ทำบุญเพิ่ม เพราะ คนยุคนี้ ห่างวัด
ไม่สนใจเรื่องความดีแล้ว สนใจแต่เรื่อง หาความสุขใส่ตัว กับ หาเงิน เพราะคิดว่า นี่คือ

สิ่งที่ควรเป็นไป ในชีวิต ไม่เชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า ไม่เชื่อว่า ทำดีได้ดี ไม่เชื่อว่าทำงานสุจริตมันดี เพราะ รวยช้า แต่อยากรวยเร็วๆ อยากได้อะไร เร็วๆไม่อดทน ก็เลย มีแต่คน ค้า
ยาบ้า ยาเสพติด ขายอะไรที่ทำเงินไวๆ อ้างว่า ไม่รู้จะขายอะไร ขอขายเหล้า บุหรี่ อ้างว่า
คนมันก็กินอยู่แล้ว เราไม่ขาย มันก็ไปซื้อกับคนอื่น อยู่ดี

ทำให้ ศีลธรรม ต่ำทราม สุดๆ เขาถึงต้องจัดการ ให้มัน เรียบร้อย แต่ พอ มีคนรู้ เรื่องนี้
แล้วไปบอกให้ มนุษย์รู้กันมากๆ และยังมี พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ เลื่อนภัยให้ ก็เริ่มตั้งแต่ 10 ปีก่อน นั่นหละ ท่านทั้งหลาย ท่านสงเคราะห์ ลูก หลาน กลัวจะสะสม บุญ บารมี กันไม่ทัน ก็เลย ยอมละขันต์ เอาอายุขัย ต่ออายุ มนุษย์ ลูก หลาน จะได้ มีเวลา ทำบุญ สร้างกรรมดี กัน ต่อไปได้อีกระยะ หนึ่ง ทำให้ เมื่อราวปี 254x ที่ว่าจะมีภัยพิบัติ เพราะมีคนเห็นในนิมิต พระก็เห็น แต่ว่าไม่เกิด คนส่วนใหญ่จึงคิดว่า ไร้สาระ งมงาย และ อีกมากมาย

แต่ก็กลับมุ่งไป ทำอย่างเดิมจน ปัจจุบัน สภาพสังคม มันแย่ไปกว่าเดิม มากจริงๆ
ผมว่า ทุกคนก็น่าจะเห็นนะ คน เมืองหลวง เห็นแก่ตัว ไร้น้ำใจ ชอบดูถูกคน เจอมากมาย
เวลาเขามาเที่ยว ใน จังหวัด ขับรถไม่มี น้ำใจ บีบแตร์ไล่

ไม่ต้องมา คิดว่าไร้สาระ หรือ ไม่เป็นวิทยาศาสตร์อะไรเลย

เดี๋ยวก็ ได้เห็นแล้ว

ตอนนี้ ไม่มีเวลาเหลือแล้ว การจะกลับตัวเป็นคนดี มันต้องใช้เวลา ไม่ใช่คุณอยู่ๆ จะมารักษาศีล5 มีพรหมวิหารสี่ มันทำไม่ได้หรอกภายใน 3 วัน

มันต้องบ่มเพาะมาผ่านเวลามา รอดู อย่างเดียว โพสเอาชนะกันไปก็เท่านั้น

อยากจะเชื่ออะไร ก็เชื่อ ถึงเวลานั้น ก็จะได้เห็นกับตาตัวเอง

 

เยี่ยมมากค่ะท่านพี่ ^_^

 

ต้องเข้าใจว่าเช่นนี้ก่อนนะครับว่า

สำหรับห้องภัยพิบัตินี้

บางคนบางท่านที่เข้ามาอ่าน ต้องมีหนึ่งใจนำมาก่อน คือ "สนใจ"

เมื่อรับทราบข้อมูลปริมาณมหาศาล ก็ต้องมีอีกหนึ่งใจ คือ "ชั่งใจ"

ถ้าข้อมูลทั้งหลายเหล่านั้น ไม่สอดคล้อง กับ ตรรกะส่วนบุคคล ตรรกะทางพุทธศาสนา ตรรกะทางวิทยาศาสตร์ เขาก็อาจมีข้อขัดแย้งจนเกิดอีกหนึ่งใจผุดขึ้นมา คือ "คลางแคลงใจ"

แต่ถ้าข้อมูลเหล่านั้นถูกกลั่นกรอง มีความน่าเชื่อถือ มีความเป็นไปได้มาก ท่านผู้อ่านเหล่านั้น จะเข้าสู่อีกโหมดของใจ คือ "ตัดสินใจ"

ในกรณีที่ผลลัพธ์ที่เขาตัดสินใจ คลาดเคลื่อนทั้งเวลาและเหตุการณ์ ซ้ำแล้วซ้ำอีก สิ่งที่เขาจะมอบให้แก่คุณคือ "ความไม่ไว้ใจ"

และถ้าผู้โพสข้อความเตือนภัยจากข้อมูลแหล่งใดก็ตาม ถ้ามีเจตนาอันเป็นกุศลจิตอันประเสริฐ และมุ่งหวังความปลอดภัยจากภัยพิบัติในส่วนรวม อันนี้ผมก็ขอ "ขอบคุณจากใจ"

แต่ถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน เอาค้อนที่เรียกว่า อัตตา ผลัดกันตีไปมา อันนี้ ผมเองก็ขอจบด้วยความ "เหนื่อยใจ"





ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมลงท้ายด้วย "ใจ" ... หรืออาจเป็นเพราะ ทุกสิ่งเริ่มที่ใจ และก็สำเร็จที่ใจ

อย่าเครียดกันมากเดี๋ยวรอยยิ้มจะสูญพันธ์ไปจากโลก อันนี้แหละ โลกาวินาศ ของจริง

 

พิมพ์ตัวใหญ่มากมายเพื่ออะไร ตัวพอดี ๆก็ได้ครับ ผมว่ามันอ่านยากกว่าน๊ะครับ

 

เขียนได้ดี..........

 

อะไรจะเกิดมันก้อต้องเกิด โลกเราอยู่คู่กับภัยพิบัติตลอดเวลาอยู่แล้ว นอกจากว่าจะเข้านิพพาน ถึงจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีก

 

ลิ้งค์ถอดคำสัมภาษณ์พ่อ ดช.ปลาบู่ คำต่อคำ

kan kondee

 

ปีใหม่นี้ขอให้ทุกท่านเที่ยวให้สนุก หาเวลาทำให้ผู้มีพระคุณมีความสุข เพราะอาจจะเป็นปีใหม่สุดท้ายของยุคสมัยที่ท่านจะได้ทำแบบนี้

เขื่อนภูมิพลยังไม่แตกหรอกครับในปลายปี 54 นี้ พระองค์โลกุตตระท่านบอกว่าจะเกิดขึ้นหลังจากเกิดมหาภัยพิบัติใหญ่ที่มาจากทางทะเล หลังจากนั้นแหละแผ่นดินจะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น จะเกิดแผ่นดินไหวแผ่นดินแยกอย่างหนัก ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องเขื่อนแตก ให้กังวลเรื่องของมหาภัยพิบัติทางทะเลก่อนครับ รอดจากภัยทางทะเลแล้วค่อยกังวลเรื่องเขื่อนแตกครับ

ดินแดนที่จะปลอดภัยในเบื้องต้นมีแค่ดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น

พระองค์โลกุตระท่านบอกว่าให้บอกเขาไป ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ช่างเขา ท่านบอกว่าท่านจะไปบอกไปเตือนทุกๆคนในทุกๆสถานที่ที่มีผู้ปฏิบัติธรรม

 

โดยส่วนตัว คาดว่า พื้นที่ปลอดภัย คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจังหวัด เช่น นครราชสีมา

พื้นที่อันตราย คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก จะเจอภัยแผ่นดินไหว

ตลอดปี 54 มีแผ่นดินไหวระดับเล็กๆ บ้าง กลางๆ บ้าง (ระดับกลาง จะลึกลงไปใต้ดินเยอะพอสมควร หลักสิบกิโล) เกิดขึ้นหลายที่ทั่วโลก

ยิ่งแถวพม่า ยิ่งไหวถี่ ก็มีแนวโน้มเชื่อมต่อมาถึงทางเหนือของไทย ซึ่งมีรอยเลื่อนแผ่นดินไหวเยอะแยะอยู่แล้วตรงนั้น

โอกาสที่แผ่นดินจะไหวขนาดหนัก สำหรับบ้านนี้เมืองนี้ เป็นไปได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ยกเว้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย

อีกเรื่อง คนเหนือโบราณ พูดไว้ว่า "น้ำปิง จะกลายเป็นสันดอย"

คาดว่า หมายถึง การเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์กายภาพ ครั้งใหญ่ ใน จ. เชียงใหม่ (จะเมื่อไหร่ ไม่รู้)

สาเหตุอาจจะเกิดขึ้นจาก มีแผ่นดินไหวรุนแรง ระดับใกล้เคียงกับ ที่ทำให้เมืองโยนก (อยู่ในเชียงราย ปัจจุบัน) พังทลายกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ (เวียงหนองล่ม)

ซึ่งพอความรู้สมัยใหม่เจริญ ทางธรณีวิทยา ก็เจอจริงๆ ว่า ทางเหนือของไทย ไล่มาตั้งแต่แม่ฮ่องสอน ยันอุตรดิตถ์ มีรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่ยังขยับขับเคลื่อนอยู่ และมีมากกว่าภาคอื่นจริง

หลายจังหวัด ที่อยู่ในเขตรอยเลื่อนพวกนี้ มีบ่อน้ำร้อนใต้ดิน รึไม่ก็มีน้ำพุร้อน แสดงถึงพลังงานความร้อนใต้พิภพ ที่ยังทำงานอยู่

รอยพวกนี้ มันมาจากจีน แผ่มาที่พม่า แล้วลามมาถึงไทย มันมีอยู่ของมันมาตั้งแต่โบราณ แล้วทุกวันนี้ก็ยังอยู่ ไม่ได้ลบเลือนไปไหน





13 รอยเลื่อนในประเทศไทย ประกอบด้วย

<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>
1. "รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง" ครอบคลุม พื้นที่ จ.เชียงรายและเชียงใหม่

<O></O>
2. "รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน" ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอน และตาก

<O></O>
3. "รอยเลื่อนเมย" ครอบคลุม จ.ตาก และกำแพงเพชร

<O></O>
4. "รอยเลื่อนแม่ทา" ครอบคลุมจ.เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย

5. "รอยเลื่อนเถิน"ครอบคลุม จ.ลำปาง และแพร่

6. "รอยเลื่อนพะเยา" ครอบคลุม จ. ลำปาง เชียงราย และพะเยา

<O></O>
7. "รอยเลื่อนปัว" ครอบคลุม จ.น่าน

<O></O>
8. "รอยเลื่อนอุตรดิตถ์" ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์

<O></O>
9. "รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และราชบุรี

<O></O>
10. "รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และอุทัยธานี

11. "รอยเลื่อนท่าแขก"ครอบคลุม จ.หนองคาย และนครพนม

<O></O>
12. "รอยเลื่อนระนอง" ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ชุมพร ระนอง และพังงา

13. "รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย" ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานีกระบี่ และพังงา


ส่วน ภาคกลาง และ กรุงเทพฯ จะเจอภัยน้ำท่วม และแผ่นดินทรุด ตลิ่งพัง เพราะพื้นดินบริเวณนี้ มีการทรุดตัวต่อเนื่อง และลักษณะดินเป็นดินอ่อน โดยเฉพาะกรุงเทพฯ

พอดีกับ ทุกวันนี้ น้ำแข็งที่ขั้วโลก ยังละลาย รึเปลี่ยนสถานะ จากของแข็งกลายเป็นของเหลว ก็คือกลายเป็นน้ำปริมาณมหาศาลอยู่เรื่อยๆ

แน่นอน พอมวลน้ำมีเพิ่มขึ้น มันก็เข้าสู่วงจรปกติของธรรมชาติ คือระเหยกลายเป็นไอ ไปรออยู่ในอากาศ แล้วกลายเป็นฝน ตกลงมาบนผืนดิน

แต่เมื่อมวลอากาศเย็นปะทะมวลอากาศร้อน มันก็จะเกิดเป็นพายุ ที่หอบมาทั้งลมทั้งฝน สุดท้ายก็ตกลงมาบนแผ่นดินอีกเหมือนเก่า

การที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น จากน้ำแข็งที่ละลายออกมา ก็คือการเพิ่มน้ำให้ไหลบ่าไหลล้นเข้าไปในแผ่นดินของทวีปต่างๆ โดยเฉพาะด้านที่ติดกับชายฝั่งทะเล

หลังจากแผ่นดินถูกน้ำท่วมนานๆ จน เนื้อดินรึมวลดินไม่เกาะตัว คือเปื่อยยุ่ยแยกออกจากกัน ด้วยความที่มีน้ำเข้าไปแทรกตัวอยู่ในเนื้อดิน

ดินก็เลยทรุด แยก เลื่อน ไหล เป็นปัญหาภัยธรรมชาติ ที่ตามกันมา<!-- google_ad_section_end -->

ภาคใต้ ทั้งฝั่งอ่าวไทย ฝั่งอันดามัน จะเจอภัยคลื่นลม และการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรง



www.ngthai.com/ngm/0909/feature.asp?featureno=5

<TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD class=topicHead align=center>โลกร้อน กระทบชายฝั่งทะเลทั่วโลก</TD></TR><TR><TD class=detailFont>
มติชน : คอลัมน์ จับกระแสโลกร้อน


หลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก กล่าวถึงความรุนแรงของปัญหาภาวะโลกร้อนว่า อาจมีความรุนแรงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ณ เวลานี้ทุกคนไม่ควรละเลยความสำคัญของปัญหาดังกล่าว

โดยเฉพาะผลกระทบโลกร้อนอาจเพิ่มปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ซึ่งมีสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ และจากธรรมชาติ อาจมีความรุนแรงและเกิดขึ้นรวดเร็วมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ภาวะโลกร้อนสามารถเป็นปัจจัยเสริมความรุนแรงของสาเหตุจากธรรมชาติที่ก่อให้เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เนื่องจากผลกระทบทำให้เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศโลก และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล

ส่งผลให้พายุและคลื่นที่พัดเข้าหาชายฝั่งทะเล ความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้นและมีการเปลี่ยนทิศทาง จนเกิดการกัดเซาะรุนแรงจนสูญเสียเนื้อที่ชายฝั่งและเกิดแผ่นดินทรุดตัวตามแนวชายฝั่งเพิ่มขึ้น ทำให้ชุมชนต้องอพยพย้ายที่อยู่อาศัย และรัฐต้องเสียงบประมาณป้องกันปัญหาดังกล่าวเพิ่มขึ้น

หลายประเทศมีสภาพปัญหาที่ใกล้เคียงกันเกี่ยวกับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลดังกล่าว เช่น ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีการสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลลุกล้ำเข้าสู่ปากแม่น้ำและท่วมชายฝั่ง

รวมทั้งการลดลงของชายหาดในหลายแห่ง ดังนั้น สถาบัน Institute of Science and Public Affairs แห่งมหาวิทยาลัยมลรัฐฟลอริดา ได้ทำการการศึกษาในปี 2007

เพื่อคาดการณ์การสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ปี 2006-2080 ในบริเวณรอบฟลอริดา เพนนินซูลา พบว่าแนวโน้มความสัมพันธ์ของช่วงเวลาและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นเส้นตรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของระดับก๊าซเรือนกระจก การศึกษานี้ทำให้ทราบแนวทางการวางแผนทางเศรษฐศาสตร์และการป้องกันในอนาคต

และจากการรายงานของ Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) ปี 2007 เช่นกัน พบว่าประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มีระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยระดับน้ำทะเลทั่วโลกประมาณ 25% หมายถึงระดับน้ำในมหาสมุทรอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ 80 เซนติเมตร ในปี 2100 ข้างหน้า

ทั้งพบว่ามีความถี่และความรุนแรงของพายุเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งชายฝั่งถูกน้ำท่วมในหลายแห่ง โดยเฉพาะทางแถบเมือง Cairn และแถบตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนแลนด์ ของออสเตรเลีย

ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีความยาวค่อนข้างมาก กล่าวคือ ฝั่งอ่าวไทย มีความยาวชายฝั่งตลอดแนว 1,878 กิโลเมตร และชายฝั่งทะเลอันดามัน 937 กิโลเมตร (จากข้อมูลกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง)

ตลอดทั้งสองแนวชายฝั่งมีทรัพยากรทางทะเลหลากหลายชนิดทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย อาทิ การท่องเที่ยว การทำประมงชายฝั่ง การคมนาคมทางน้ำ หากเกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่มขึ้นก็อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจตามมา

เมืองไทยและทุกประเทศต้องร่วมมือกันวางแผนป้องกันทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพราะการไหลเวียนของกระแสน้ำทะเลและมวลอากาศของโลกมีการเชื่อมโยงถึงกันอยู่ตลอดเวลา

</TD></TR></TBODY></TABLE>



<TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD class=topicHead align=center>ใครจะเชื่อไม่เชื่อ สุดแต่วิบากรรมแต่ละคน จะจัดสรร
</TD></TR><TR><TD class=detailFont>






</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เหตุที่ผมมาโพสต์เช่นนี้ เนื่องจากมีบางคนได้อ่าน ได้ฟัง แล้วเชื่ออย่างงมงาย เชื่ออย่างหัวปักหัวปำ ผมก็แค่มาเตือนสติเท่านั้นเองครับ ว่าอย่าเชื่ออะไรอย่างงมงายหรือหัวปักหัวปม โดยไม่ทำการทำงานกันเลย คิดแต่หาทางป้องกัน หาทางแก้ไขเหตุการณ์ ผมอยากเตือนให้เชื่ออย่างมีสติ เชื่ออย่างมีเหตุมีผล เชื่อเพราะได้รู้ ได้เห็น ได้พิสูจน์ด้วยตนเอง หรือจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ที่น่าเชื่อถือ

เอาเป็นว่าผมไมได้มาต่อต้านเจ้าของกระทู้ แต่อยากมาเตือนคนที่เชื่ออย่างไม่มีเหตุผลและงมงายเกินไป

เพราะเด็กชายปลาบู่ไม่ได้จะเกิดเป็นพระศรีอริยเมตไตรย และไม่เคยเกิดเป็นรัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๕ แต่อย่างใด แต่ที่มีเรื่องอ่านและเล่าว่าทายนั่นทายนี่ถูกเพราะ ชาติก่อนเด็กชายปลาบู่ได้เคยเกิดเป็นหมอดู เวลาตายจิตก็เลยจำ เลยทำนายทายทักซะมากมาย ทุกท่านก็ย่อมรู้อยู่ว่าหมอดูทายทักถูกบ้าง ผิดบ้างเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นจงเชื่ออย่างมีเหตุมีผล และอย่าหลงงมงายจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ครับผม

 

ขอบคุณครับคุณคนบรรพต สำหรับข้อมูล

ภัยพิบัติใหญ่ย่อมเกิดกับทุกคนแน่ไม่มีผิด ไม่ต้องทำนาย. คือความตายนั่นเอง

 

ถอดเทปคำสัมภาษณ์พ่อ ด.ช.ปลาบู่ แบบคำต่อคำ (ภาคหลัง) ช่วยให้วิเคราะห์ข้อเท็จจริงได้ดีกว่าและเร็วกว่า ดูวีดีโอครับ เพราะเรากวาดสายตาอ่านเฉพาะที่สำคัญได้

kan kondee