วิธีสกัดกิเลส สกัดด้วยสติรู้ขันธ์ 5ได้ไหมฮับ

สภาวะธรรมใดๆ มันเกิดขึ้นไม่ได้ ด้วยการท่องจำหรืออ่าน และมันไม่มีทางเข้าใจได้โดยการอธิบาย

สำหรับคนที่เดินจิตเป็น อ่านปุ๊บก็รู้ได้ว่าอันไหนของแท้ อันไหนของเทียม ภาษาของอจ.ธรรม-ชาติ คือภาษาที่ต้องเดินจิตตาม ก็จะรู้ว่าเกิดผลได้จริง ถ้าอ่านโดยไม่เดินจิตตาม ก็ไม่เข้าใจเป็นธรรมดา

และความจริงกับความเชื่อมักสวนทางกัน เสมอ

เราแค่เดินทางตามหาคนที่เราต้องการเจอ (ซึ่งก็พบแล้ว) ส่วนท่านเดินทางหาอะไรก็แล้วแต่ ขอให้เจอในสิ่งที่ตามหาก็แล้วกัน


นิทานเต่ากับปลา
เต่าตัวหนึ่ง เป็นสหายกับปลาตัวหนึ่ง วันหนึ่งได้พบกัน ปลาถามว่า

"สหายเอ๋ย, ท่านไปที่ไหนเสียเป็นนาน?"
"ไปเที่ยวบนบกมา" เต่าตอบ
"บกเป็นอย่างไร?" ปลาถาม
"อ๋อ บกงดงามมาก มีอะไรสวยๆ แปลกๆ ลมพัดเย็นสบาย มีอาหารดีเยอะ มีเสียงแปลกๆ ซึ่งเราไม่เคยได้ยินในที่นี้เลย"

"ฉันไม่เข้าใจเลย สหายเอ๋ย บกนั้น อ่อนละมุน ให้ศรีษะของเราแหวกว่าย ไปได้สะดวกเช่นนี้หรือ?"
"ไม่ใช่"
"บกไหลเอ่อไปได้ตามร่อง เช่นนี้หรือ?"
"ไม่ใช่"
"บกเย็นชุ่ม ซึมซาบ เอิบอาบ เช่นนี้หรือ ?"
"ไม่ใช่"
"บกเป็นละลอก ริ้วๆ เมื่อถูกลมพัดหรือ ?"
"ไม่ใช่"
แม้ปลาจะตั้งคำถามมาอย่างไร คำตอบก็มีแต่ "ไม่ใช่" ทั้งนั้น

ในที่สุดปลาก็หมดศรัทธา ประณามเต่าว่า "สหายเอ๋ย ท่านโกหกเสียแล้ว เอาสิ่งที่ไม่มีจริง เป็นจริง มากล่าว"

แต่เต่าก็ไม่รู้ที่จะตอบสหายของตนอย่างไรดี ในที่สุดก็ได้แต่ค่อยคลานกลับขึ้นบกอีก

เต่าได้เที่ยวไปบนบกอีกวันแล้ววันเล่า...บนบก ซึ่งสหายของเขา ไม่เคยนึกและไม่ยอมเชื่อว่ามี!

ที่มา : นิทานเต่ากับปลา จากพุทธทาสภิกขุ

 

เมื่อ ครูไหว โตะนาหญ้าขึ้นรก
เคียงข้าง ทำมาตุ

ยางมาทูต : เอ้าครู ยะจะได๋ มานี่ ?

ครูไหว : สอนเด็กอย่างเซ้าซี้ จี้ไช
...............ร่ำไห้

ยางมะทูต : สอนเด็กจี้ไช อย่างไร
...............วานบอก

ครูไหว : ส่งเสริมดึงสามารถแตกต่าง
...............เปิดให้แสดงธรรม

ทำมาตุ : +++ ครูngoสอนศิษย์แล้ว
...............ปล่อยฟรี

ครูไหว : ครูที่ดีต้องให้ศิษย์ดี แจ่มหล้า

ทำมาตุ : +++ ต้องกักขังไม่ให้แสดงวจี
...............ตนซี อยู่กรอบ เลียแข้ง นานนา

ครูไหว : ศิษย์สร้างทางตนจ้า ลิขสิทธิ
...............อ้าง ไป่มี


ยางมาทูต : ตุ๊บ ! ทุบโตะ

สิ้นเสียงทุบโต็ะ ครูไหวลอยใสหายวับ
เหลือเพียง ทำมาตุ หน้านิ่ว พึมพำ
ลิขสิทธิkuๆๆๆ "เดินสกิด"

 

สิด ... พร้อม !
เศษแก้ว ... พร้อม !
เอาล่ะ ... หันน์ !

 

เอ่อคือว่า เขียนภาษาไทยให้ถูกๆกันหน่อยได้ไหม นี่ใช่ห้องพุทธศาสนาหรือเปล่า????? จะบิดกันทำไม ไม่เข้าใจ

 

หันต์ตุ๊ด... เค้ายังงั้นแหล่ะ
อาการหนักขึ้นทุกวันทุกวัน
แต่เขียนบทกวีเก่ง ต้องยอมรับ
สมชื่อเอกวีร์ฮับ( คงจบเอกไทยมาเดาๆ นะ)

 

+++ จากอดีตยาวนานจนนับเวลาไม่ได้ "มีผู้ปรารถนา นิพพาน แบบนี้" มานับไม่ถ้วน
+++ "ผู้ไร้ขันธ์" ที่ติดอยู่ในนี้ อยู่กันมายาวนาน และอยู่ในนี้ กันมาช้านาน
+++ นิพพาน ของผู้ที่ "เชื่อแบบหัวชนฝา ว่า ต้องไม่มีอะไรเลยนั้น" ย่อม "ตกลงมาที่นี่"
+++ ที่นี่ "ไม่มีทุกข์ อันเกิดจากขันธ์" ไม่มีปรากฏการณ์ของ "ขันธ์ รวมทั้ง กิริยาจิต ทุกชนิด"
+++ "ผู้ไร้ขันธ์" ที่อยู่ในนี้ ไม่มีอาการของ "อัตตา ตัวตน" เหลืออยู่เลย
+++ สภาพเป็นแบบ "ตัวใครตัวมัน" แม้อยู่กันแบบหนาแน่น แต่ก็ "โดดเดี่ยว อ้างว้าง" เหมือนกันหมด
+++ เป็นสภาพ "นิรทุกข์" เหมือนกันทั้งหมด
+++ เพียงแต่ "ไม่ใช่แดนเกษม ที่พระพุทธองค์ กล่าวถึง" เท่านั้น

+++ เคยสื่อความเข้าใจไปใน "กลุ่มไร้ขันธ์" ในนี้มาแล้ว
+++ ได้ความเข้าใจกลับมาว่า "ปฏิบัติถึงที่สุดแล้ว ก็ มาอยู่ตรงนี้เอง"
+++ สื่อความเข้าใจไปอีกว่า "ปรารถนาอยู่ตรงนี้เหรอ"
+++ ได้ความเข้าใจกลับมาอีกว่า "ไม่ปรารถนา"
+++ สื่อความเข้าใจไปอีกว่า "แล้วทำไม ไม่หาทางออกมา"
+++ ได้ความเข้าใจกลับมาอีกว่า "ไม่รู้จะออกทางไหน"

+++ ในสภาพ "ไร้กาย ไร้ขันธ์ ในอสังขตธรรม" ไม่สามารถที่จะ "เกาะ" อะไรออกมาได้เลย
+++ ในสภาพนี้ นั้น "ไร้กาลเวลา" ณ สถานที่นั้น "กาลเวลา และ สัพสิ่ง หยุดสนิท ไม่มีอะไรขยับ"
+++ แต่มี "สติ แจ่มใส ชัดเจน" มีแต่สติที่แจ่มใสชัดเจนนี้ "เป็นที่พึ่ง เพียงประการเดียว เท่านั้น"

+++ เท่าที่ทราบ "ยังไม่มี ผู้ไร้ขันธ์ใด ๆ ออกมาได้ด้วย สภาวะอื่นเลย"

+++ ตามที่คุณ Supop ยกมานั้น "1. โลกันต์นรก 2. หมดกรรม 3. ใช้เวลานานมาก"
+++ ให้ทราบไว้ว่า "ที่นั้น 1. ไม่ใช่ทุกข์ 2. ไม่มีขันธ์กรรม และ 3. กาลเวลา หยุดสนิท"
+++ ดังนั้น สิ่งที่คุณ Supop ยกมานั้น "ไม่สามารถที่จะ เทียบ อะไรได้เลย"

+++ ที่คุณ Supop ยกมานั้น 1. ทุกข์ 2. สังคตะธรรม 3. กาล
+++ ทั้ง 3 ประการนี้ "ไม่มีในนั้น"
+++ หากคุณ Supop สามารถทำ "สมถะ" จนถึงขั้น "อจลธัมโม (สัพสิ่งหยุด)" ได้
+++ แล้วปล่อยให้ "ความเป็นตน (อัตตา)" เสื่อมสลาย คลายตัวไปเอง ได้
+++ คุณ Supop อาจได้มีโอกาส เข้ามา "ศึกษา ประสพการณ์" ในนี้ได้เอง
+++ บอกไว้ก่อนล่วงหน้าว่า "สภาวะธรรมนี้ สามารถเข้าได้ หลายทาง"
+++ แต่ทางออกจริง ๆ มีได้ทางเดียวเท่านั้น คือ "สติ ที่ได้มาจาก สัมโพชฌงค์" เท่านั้น

+++ ใครจะฝึกอะไร ทางไหน ก็แล้วแต่
+++ หากไม่มาทาง "โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ" แล้ว
+++ โอกาสที่จะ พลัดหลุด เข้ามาที่นี่ มีสูงมาก สุด ๆ
+++ เอกายนมัคโค เป็น "ทางเดียวเท่านั้น" ที่จะ "ไม่หลงมา" ที่นี่

+++ สรุป การโพสท์ของผม ในกระทู้นี้โดยรวม คือ
+++ 1. โพสท์ให้ เฉพาะ ส่วนบุคคล คือ คุณ kenny2
+++ 2. เป็นโพสท์เตือน เรื่อง "โพธิสัตว์ ที่ไม่ได้มาจาก โพธิปักขิยธรรม (โพธิธรรม)"
+++ 3. โอกาสที่ "โพธิสัตว์ ที่ไม่ได้มาจาก โพธิธรรม" จะลงเอย อย่างไร
+++ 4. ลักษณะที่ จะลงเอย โดยคร่าว ๆ เด่น จะมี 15 ประการ
+++ 5. เป็นลักษณะ "เหมือน นิพพาน ในตำรา" แต่ "ไม่ใช่" นิพพานของ พระพุทธเจ้า
+++ 6. ระบุชี้ "หนทางออก" จากสภาวะนี้ ไว้แล้ว
+++ 7. เตือนให้อยู่ใน "โพธิธรรม (โพธิปักขิยะ)" เท่านั้น อย่าหลุดออกมานอกทาง

+++ ปรากฏการณ์ ในกระทู้นี้ ที่ "ร้อนรน แสดงตัวออกมา" ในภาพของ "นักปฏิบัติ" คือ

+++ 1. บุคคล "ปัญญาอ่อน" ที่ไม่มี "สติ" ที่จะอ่านและ กลั่นกรอง สิ่งที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ออกมาได้เลย
+++ 2. บุคคลจำพวก "แมงกะตุ๊ด" ย่อมเป็นธรรมดา ที่พวกนี้จะ "ไม่สามารถ ได้สภาวะธรรม ใด ๆ ทั้งสิ้น"
+++ 3. บุคคลจำพวก "เพ่งโทษ" ย่อมเล็งเฉพาะ "สิ่งที่ตนไม่พอใจเท่านั้น" และก็ "ย่อมได้ในสิ่งที่ตน ไม่พอใจ" ต่อไป

+++ ส่วนบุคคลที่ "มี สติ/ปัญญา" ที่สามารถอ่านและ กลั่นกรอง สิ่งที่เป็นประโยชน์ออกมาได้ ก็จะ "ได้ประโยชน์"

+++ บุคคลที่ "ไม่รู้" และ มีแต่ ตา ที่เสาะแสวงหา "ความไม่พอใจ แต่เพียงอย่างเดียว" ก็ย่อมได้ไปตามนั้น ตามเคย
+++ บุคคลที่ เพ่งโทษ "ย่อมไม่ต่างอะไรไปจาก บุคคลปัญญาอ่อน" แต่จะได้รับ "โทษ ตามที่ ตัวดู มันปรารถนา" นั่นแล...

+++ บุคคลที่ "มี สติ/ปัญญา" ย่อมได้รับ "คุณ" ไปตามระดับ สติ/ปัญญา นั้น ๆ
+++ บุคคลที่ "ไร้ สติ/ปัญญา" ย่อมกลั่นกรองเอาไปแต่ "โทษ" ไปตามระดับ "นิสัยยะปัจจัยโย" นั้น ๆ

+++ นี้แล... "กรรม/วิบาก" ย่อมเป็นของ "ส่วนบุคคล" ทุกอย่าง "มันแสดงตัวตนของมัน ออกมาเอง" นั่นแล ...

 

+++ ไอ้/อี พวกนี้มาจากชมรม "ตุ๊ดดะหัม" ไม่ได้มาจาก "พุทธธรรม" มันก็จะออกมาอย่างนี้แหละ
+++ จิตของมัน "บิดตัวมันเอง" ไม่มีใครไปบิดให้
+++ นี่เป็นการแสดงออกของ "กรรม" ในส่วน นิสสัยยะปัจจัยโย
+++ อันมาจาก "วิปากะปัจจัยโย (วิบาก)" นั่นเอง
+++ จนกว่าจะ "สิ้นสุดวงจรวิบาก" เพียงแต่ว่า
+++ ในวงจร "วิบาก" นี้ มันจะ "ทำกรรมชั่ว" อีกมากเท่าไร
+++ แล้ว "วงจร วิบาก ตลบกลับ" จะมหึมาปานใด ก็แล้วแต่ พวกมันทำเอาเอง
+++ ขนาด พระพุทธเจ้า ยังไม่ปรารถนาจะข้องเกี่ยวกับ แมงกะตุ๊ด เหล่านี้
+++ ปล่อยให้ ผู้มี สติ/ปัญญา กลั่นกรองกันเอาเอง ก็แล้วกัน ตามสะดวก นะครับ

 

ขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านด้วยความเคารพครับ

ขอขอบคุณ คุณธรรมชาติที่กรุณาตอบให้ครับ

ถ้าเช่นนี้สภาวะน้ำกลิ้งบนใบบัวที่อยู่ในใจของข้าพเจ้าเสมอมา ก็คงช่วยได้ เพราะช่วยให้พ้นสภาวะไม่ดีมาแล้ว

ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าเท้าความนิดนึงครับ

ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าปักใจกับสภาวะนี้ก็เมื่อตอนที่ดูหนังเรื่องพระพุทธเจ้าที่คีนูรีฟเล่นน่ะครับ (ได้ดูตั้งแต่ออกฉายครั้งแรกๆเลยนะครับ) ตอนที่กำลังนั่งบัลลังก์พิจารณาธรรมใต้ต้นศรีมหาโพธ์น่ะครับ
(ข้าพเจ้าหมายถึงว่า ไม่ว่าจะมีสิ่งใดมากระทบ ก็ไม่สามารถปนเปื้อนเราได้ คืออยู่กับสิ่งเหล่านี้ได้แต่ไม่ปนเปื้อนเราอีกน่ะครับ ไม่ใช่แค่สภาวะจิตตั้งมั่นนะครับ ไม่รู้ว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าอธิบายหรือเปล่า)
พอข้าพเจ้าดูปุ๊ป ก็เกิดแวบในใจของข้าพเจ้าเลยครับ ว่าสภาวะแบบนี้แหละที่ข้าพเจ้าจะต้องเป็นให้ได้ ซึ่งเหมือนกันกับเพื่อนพระของข้าพเจ้าท่านหนึ่ง ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะบวชและเป็นพระสุปฏิปันโนได้ ท่านบอกว่าเมื่อสมัยตอนยังเด็ก ท่านเคยไปวัดกับแม่แล้วเห็นรูปปั้นเป็นพระธุดงค์ แล้วท่านมีความชอบแล้วคิดว่าท่านอยากจะเป็นอย่างนั้น ต่อมาเมื่อท่านได้บวช ท่านก็เป็นพระธุดงค์เต็มตัว แบบที่ว่าท่านไม่นอนวัดเลย ท่านชอบป่าเขา หรือตามถ้ำมากกว่า

ซึ่งข้าพเจ้าอยากจะบอกว่า นี่มันเป็นสิ่งที่ทำมาแล้วแล้ว จิตมันมีความเป็นอย่างนั้นอยู่ภายใน จึงไปตามกรรมแบบนั้นครับ

อีกนิดหนึ่งครับ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้คิดหวังไปไกลขนาดจะต้องเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้นะครับ แค่มีสภาวะนั้นอยู่ในใจลึกๆเสมอครับ

เอาเท่านี้ก่อนละกันครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

ดูที่พยานบุคคลแวดล้อมรอบๆตัว ก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะครับ

 

เราเตือนท่านธรรมชาติ เพราะว่าเค้าจะไปเป็น อาจารย์ ของคนอื่น
เราเคยเตือนท่านมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อหลายปีก่อน
แต่ก็ไร้ผล กลับโดน ท่านธรรมชาติ กับ ท่านนพกานต์
ตอกกลับแต่อย่างเดียว ไม่รับฟังเหตุผลอันใด
เราก็เลยปล่อยวาง เพราะว่าขี้เกียจเถียงกับ ลิ่วล้อ ของเค้า
แต่ตอนนี้เราอยากจะเตือนเค้าเป็นครั้งที่สอง
หากเตือนสามครั้ง แล้วไม่ยอมรับฟัง
ก็ถือได้ว่า เราได้ทำงานของเรา สำเร็จแล้ว
ใครจะมาขอร้อง หรือ ว่าเราอีกไม่ได้
เราทำตามกิจของเราแล้ว

ส่วนผู้อื่นที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
ก็ฝึกของตนเองไป อย่าได้ลงมาเกลือกกลั้วใน สนาม นี้

 

ถูกต้องกับใครครับ ถูกต้องกับพวกท่าน พวกเดียว
แต่ไม่เข้าพวกกับใครเลย เราฝึกเพื่อลดความมี
ไม่ใช่ไปสร้างเงื่อนไข ให้มัน มี ขึ้นมา
ฝึกแล้วต้องไม่มีอะไรเหลืออยู่
สิ่งที่เหลืออยู่ จะกลายเป็น
กิจที่ท่านเกาะมันไม่ยอมปล่อย
มันก็ไม่จบกิจ ยิ่งฝึกยิ่งอยากมี ไม่ยอมปล่อยวาง
มันสวนทางกับคนอื่นไหม

 

มันก็เป็นอาการเดียวกับ การเข้าญาน ทุกอย่างแหละครับ
ยิ่งเข้าญานลึกๆ ก็ยิ่งสุขขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่ง อรูปญานที่สี่ ยิ่งเหมือน คนแก่ขี้หลงขี้ลืม
มันจะลืมทุกอย่างเกือบหมด
ทั้งลืม ทุกข์ ลืม สุข ลืมตัวตน
ไม่ค่อยรู้ตัว จิตไม่ส่ายออกนอก
แต่ก็เบลอๆ คล้ายคน ครึ่งหลับครึ่งตื่น
ถ้าถึงอาการเช่นนี้ ต้องออกบวชจะดีมาก
ถ้าเป็น ฆราวาส จะกลายเป็น คนขี้ลืม
ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะจะนึกอะไรไม่ค่อยออก
มันตื้อๆ ไปหมด ไม่ดีต่อการเรียนหนังสือ
หรือ เรียนอะไรซักอย่าง แต่ดีต่อ การบรรลุธรรม

 

จิ๊กซอ ควรจะต่ออย่างนี้ คือ

เห็นครั้งที่หนึ่ง จะเห็น กายไม่เที่ยง กายเป็นทุกข์ กายนี้ไม่ใช่ของเราจริงๆ

เห็นครั้งที่สอง จะเห็น เวทนาไม่เที่ยง เวทนาเป็นทุกข์ เวทนาไม่ใช่ตัวเราจริงๆ

เห็นครั้งที่สาม จะเห็น จิตไม่เที่ยง จิตเป็นทุกข์ จิตไม่ใช่ตัวเราจริงๆ

เห็นครั้งที่สี่ จะเห็น ธรรมก็ไม่เที่ยง ธรรมก็ยังมีทุกข์ ธรรมก็ยังไม่ใช่ของเราจริงๆ

เมื่อเห็นได้ถึง ขั้นที่สี่ ก็รอจบกิจได้เลย ไม่ต้องไปเกิดอีก

ส่วนใครพิจารณาถึงขั้นไหนแล้ว ก็ลองเปรียบเทียบเอา
ส่วนใครไม่เข้าใจ ก็แสดงว่า ยังต้องรอครูสอนที่ดี มาสอนให้

 

สุดแล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกันนะ ตัวใครตัวมันแล้วหละงานนี้ อยากได้แบบไหนก็ตามสะดวกเลย

 

+++ nilakarn เอ๋ย "ช่างปัญญาอ่อน" จนถึงที่สุดเลยนะเอ็ง
+++ เอ็งบอกว่า "เอ็งเคยเตือนข้านั้น" เอ็งบิดเบือนคำพูดแบบ "ตุ๊ด" ไม่มีผิด
+++ จริง ๆ แล้วเป็น "ข้าเตือนเอ็ง" นั่นแหละ ถึง 3 ครั้งมาแล้ว
+++ ฝึกอีท่าไหนว่ะ กำลังจะกลายเป็น "ตุ๊ด" อีกตัวแล้ว
+++ สำหรับเอ็ง น่าจะเป็น "ตุ๊ดพันธ์ปัญญาอ่อน" นะ มันเข้ากันได้ดี
+++ อีกประการหนึ่ง "จิ๊กซอ" ยัดแมงของเอ็ง "เอาไปปัญญาอ่อน ที่อื่นไป"
+++ ยิ่งปฏิบัติ ก็ ยิ่งปัญญาอ่อน ตอนนี้กำลังจะ "กลายเป็นตุ๊ด บิดเบือนคำพูด" ไปอีกตัวแล้ว
+++ เอาให้แน่ ๆ นะว่า "กระทู้ไหน ที่เอ็งเตือนข้า" ให้ยกมา

+++ ใครอยาก "รู้จักสันดานของ nilakarn" ให้เข้ามาอ่านได้ที่ โพสท์ข้างล่างนี้

https://palungjit.org/threads/512443/page-60#post-10137959

+++ ของคุณ nopphakan ก็ "ยืนยัน" อีกที่ว่า สันดาน nilakarn เป็นอย่างไร

https://palungjit.org/threads/512443/page-61#post-10148508

+++ ใครที่เข้าไปอ่าน ก็จะ "รู้จัก สันดาน nilakarn" ได้เอง "ไม่ยากหรอก"
+++ หุหุหุ...ๆๆๆๆๆๆๆๆ เอิ๊กเอิ๊กเอิ๊ก...ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

+++ สิ่งที่กลิ้งอยู่ แยกออกจาก "ตน" ก็พ้นได้
+++ แต่สภาวะที่ผมกล่าวถึงนี้ "ไม่มีตน" มีแต่สภาวะ แค่นี้ก่อนนะ

+++ ตรงนั้นคือ อาการที่ "ดำรงค์สติมั่น" หากทำได้
+++ อาการที่คุณ Supop กล่าวมาทั้งหมด จะเป็นตรงตามนั้น นะครับ

 

ลุงแมว อย่าเพิ่งหมดไฟครับ

สู้ๆ

อิอิ

 

เมื่อบอลแพ้. เราถึงโผล่มา
ท่านจะได้เจอเรา เมื่อบอลแพ้

ขอเสพดราม่า เงียบๆฮับ
ชอบที่นี่ เหล่า @venger
กำลังก่อสงคราม Civil War
คนดูอย่างป๋มบันเทิงฮับ คริคริ

 

เบื่อจิงๆ
เรียกตัวมาติดทีมแต่ละคน
ฟอรมตกทั้งนั้น ตัวฟอรมดีไม่เรียก
ฟุตบอลมันก็จะวนลูปแบบนี้
ตื่นกันซะที เจอไปดอกนี้


อ้าวลืมโทษ ๆ นีกว่าเพจฟุตบอล^^