วิธีสกัดกิเลส สกัดด้วยสติรู้ขันธ์ 5ได้ไหมฮับ

พูดไปตั้งเยอะแยะเนี่ย
ระวังมันเข้าตัวเองบ้าง
ท่านจะทนต่อ ไม่ไหว
ปรี๊ดแตก อีก อายเค้า

 

คนที่คุณกำลังอ้างถึงเค้าไม่มีตนหละ ระวังมันจะย้อนกลับไวนะ ใส่มาแรงแค่ไหนก็เพิ่มความแรงยกกำลังกลับไปเท่านั้น

ลองสังเกตตัวเองดูก่อนว่ามีอาการร้อนรน ขัดใจ รุนแรงไหม ไม่ต้องตอบ แค่รู้ตัวเองก็พอ

 

+++ มโนมั่ว ถึงที่สุด
+++ ที่พูดออกมานี้ "ผิดทุกเรื่อง"

+++ ถาม nilakarn คำเดียวง่าย ๆ ว่า

+++ ที่พูดมานี้ เป็นเรื่องปกติทั่วไป "ไม่ต้องบอก"
+++ หากจะฟ้อง "ต้องหลักฐานครบ"
+++ และตอนนี้ "มีหลักฐาน เพียงพอ" แล้ว
+++ ขึ้นอยู่กับ "จะฟ้องหรือไม่" เท่านั้นเอง

+++ ตรงนี้ "ไม่มีปัญหา" เพราะ มันเป็นคนทำผิดกฏหมาย
+++ ส่วน nilakarn กำลัง "อยู่ฝ่ายเดียวกันกับ ผู้กระทำผิดกฏหมาย" เต็มตัว
+++ พยายาม "ช่วย ผู้กระทำผิดกฏหมาย ที่เกี่ยวกับ พรบ ลิขสิทธิ์"
+++ แน่นอน "หากผมลงมือ" แล้วมี "ข้อความเกี่ยวกับที่ nilakarn โพสท์" เมื่อไร
+++ เมื่อนั้น "ศาลย่อมเรียก nilakarn มาใต่สวน" แน่นอน
+++ ดังนั้น nilakarn พยายาม "เสือก" ให้มาก ๆ เข้าไว้ก็แล้วกันนะ

+++ อย่างที่บอก "เวปนี้เป็น เวปธรรมะ"
+++ แต่ดูพฤติกรรมของ nilakarn แล้ว
+++ คนนี้ "เป็น อธรรม เต็มตัว"
+++ ไม่สามารถ รู้ ได้เลยว่า
+++ อะไร คือ "ความถูกต้อง"
+++ แม้แต่เรื่อง "ผิดกฏหมาย"
+++ nilakarn ยังพยายาม "เชียร์ ผู้ละเมิดกฏหมาย" สุดตัว

+++ ดังนั้น "สิ่งที่ nilakarn พยายามเผยแพร่"
+++ ผู้ที่ทำตาม "ย่อมไม่พ้น อบายภูมิ" แน่นอน
+++ แค่เรื่อง "ถูก/ผิด" ธรรมดา
+++ nilakarn ยังเข้าข้อง "ผู้ละเมิดกฏหมาย" เลย

+++ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ nilakarn ก็ต้อง "ไปตามกรรม" ก็แล้วกันนะ

 

อืม ตอนนี้ ตรูรำคาญจนทนไม่ไหวละ
ตรูปรี๊ดแตกละ

เอางี้..นิลก่าน จงไปเป็นสัตว์เดรัจฉานตลอดกัปป์นี้...ก็แล้วกันนะ

 

+++ พูดไปตั้งเยอะแยะเนี่ย พูดกับใคร ไม่ได้พูดกับ เอ็ง นะ
+++ หัดแหกตาดูซะบ้างว่า "พูดกับใคร" หือ...

+++ บอกไว้แล้วว่า "แยกไว้คนละท่อน" ท่อนนี้เป็น "กรณีศึกษา"
+++ ข้าคุยกับ น้าจร ไม่ได้คุยกับเอ็งซักกะนิด

+++ แค่อ่าน "แยกท่อน" ยังไม่เป็น
+++ ก็อย่า "อุตริพูด" เรื่อง แยกขันธ์ นะ
+++ สติปัญญาไอ้หมอนี่ ช่าง "ทุเรศ" จริง ๆ
+++ เสียเวลากับไอ้หมอนี่จริง ๆ ว่ะ

+++ 555 อ่านเป็น "ปรี๊ด" เอ้า "ปิ๊ด ปี้ ปิ๊ด" ไปเรื่อย ๆ
+++ หึหึหึ 555 เบิกบานดีจริง ๆ .....

 

ก็อุตส่าหาที่ลงให้แล้วแต่ลงไม่ได้ มันไม่ได้บังเอิญหรอกคับมันสัมพันธ์กัน อาจเป็นไปได้แต่หาที่ลงให้คือ เนื้อแท้ของธรรมมาจากพระศาสดาและพระขีณาสพ แต่แม้ว่าจะไม่สามารถและยอมรับธรรมจากคนอื่นไปใช้เพื่อพิจารณาก็น่าจะเคารพธรรมนั้นเช่นกัน เพราะไม่มีหรอกธรรมที่บันทึกจะเชลยทุกอย่าง ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงว่า พระพุทธศาสนาเป็นปรัชญา แต่ความจริงที่ไม่บังเอิญคือถ้าเป็นปรัชญาคนเข้าใจและเรียนแบบตามนั้นคงพ้นทุกข์ทุกคน คงไม่พาตนไปหาคุกหาตะราง แย่กว่านั้นคือหานรก

 

+++ นี่คือข้อความที่ nilakarn ส่งมาทาง PM

+++ หากใครติดตามมาตั้งแต่ "ต้นเรื่อง" จากตรงนี้

https://palungjit.org/threads/681074/page-4#post-11006012

+++ ก็จะรู้ได้เองว่า nilakarn มีพฤติกรรม "เพ่งโทษ" มาตั้งแต่ต้น เริ่มจากตรงนี้

https://palungjit.org/threads/681074/page-7#post-11011702

+++ แล้วก็ "พูดมั่วตลอดเวลา" ไม่ว่าอ่านอะไรก็ไม่รู้เรื่อง
+++ มีอาการ "สติปัญญา ต่ำทราม ตลอดเวลา"

+++ คำพูดนี้ จึงเป็นการ "โกหก" เพราะการกระทำของ nilakarn เป็น "ศัตรู"

+++ นี่ก็ "โกหก" เพราะการกระทำของ nilakarn เป็น "การใส่ร้ายป้ายสี" มาตลอดเวลา
+++ เสือกบอกว่า "หวังดี" แต่ความจริงนั้น "หวังร้าย" ตลอดเวลา
+++ คนที่ "รู้เหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น" จะชัดเจนในเรื่อง "อาฆาต พยาบาท" จาก nilakarn ได้เอง
+++ และตรงนี้ "เคยพยากรณ์" ไว้นานแล้ว จากที่นี่

https://palungjit.org/threads/512443/page-60#post-10137959

+++ แม้ว่ามันจะลบโพสท์ไปแล้ว แต่ ผมมี QUOTE เอาไว้

+++ จะให้ "วางเอ็ง" หนะเหรอ ปัญญาอ่อนเกินไปแล้ว
+++ เมื่อ "เอ็ง" เข้ามาหาเรื่องก่อน มันก็ต้อง "โดนอัดให้สติ" ต่อไป
+++ คำพูดกับการกระทำของเอ็ง "มันเข้ากันไปได้"
+++ ทำอย่างหนึ่ง แต่ พูดไปอีกอย่างหนึ่ง
+++ ใช้คำพูดให้ดูดี แต่การกระทำนั้น "เลวอย่างยิ่ง"

+++ เฮ้ย nilakarn ให้ "จำใส่หัวกระบาลเอาไว้ให้ดี"
+++ "เอ็งไม่ใช่เพื่อน" "การกระทำของเอ็ง เป็นศัตรู"
+++ เอ็งอยู่กับฝ่ายที่เป็น ปาราชิก และ ฝ่าฝืนกฏหมาย
+++ เอ็งเห็น "การทำชั่ว เป็นความดี" สันดานอย่างเอ็ง "คบไม่ได้"
+++ เอ็งควร "ปล่อยวาง ความชั่ว ที่อยู่ในตัวเอ็งให้ได้เสียก่อน"
+++ ไม่ใช่มาบอกให้ "คนอื่นวางโน่น นี่ นั่น" เอ็งนั่นแหละ "ต้องวาง"

+++ ถ้าเอ็ง PM มาอีก "ข้าก็จะ เปิดเผย" ออกมาอีก
+++ เพราะเอ็ง "ไม่ใช่เพื่อน" จากการกระทำของเอ็งเอง
+++ ดังนั้น "อย่าเสือก PM มาอีก" ก็แล้วกัน

 

ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านด้วยความเคารพครับ

ถึงเวลาสนทนาธรรมตามกาล ขออนุญาตตอบคุณ ศิษย์โง่ และต้องขออภัยที่ช้าเกินไป เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะต้องตอบ

ข้าพเจ้านั้น ถูกดูแลอยู่ตลอดเวลาจากครูบาอาจารย์และเทวดาทั้งหลาย เมื่อไหร่ที่กระทำการใดอันเป็นเหตุที่เกิดจากความไม่สำรวมระวังใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ข้าพเจ้าจะถูกตักเตือนอย่างรุนแรงทุกครั้งไป และในหลายครั้งที่มีบุคคลอื่นอยู่ในเหตุการณ์ร่วมกับข้าพเจ้า และโดนผลกระทบพร้อมกับข้าพเจ้า

เช่น มีครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าและเพื่อนรวมสามคน พูดคุยเรื่องลามกในรถที่มีพระเครื่องอยู่เต็มหน้ารถไปหมด (มีเป็นร้อยองค์) ในขณะที่กำลังเดินทางอยู่นั้น ก็เกิดเสียงดังปังพร้อมกับรถที่สั่นสะเทือนเหมือนถูกอะไรพุ่งชน เพื่อนจึงชลอรถ และพวกเราพากันสังเกตรอบข้าง แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ รถที่วิ่งสวนหรือวิ่งตามก็ไม่มี คนที่เดินอยู่สองข้างถนนก็เดินกันตามปกติ ไม่มีอาการตกใจจากเสียงระเบิดที่รถของข้าพเจ้า พอจอดรถตรวจสอบดู ก็ไม่พบสิ่งปกติใดๆ จึงหยุดความคึกคะนองกันโดยทันที

หรือเมื่อข้าพเจ้าบอกกับเพืีอนๆว่า หากแถวนี้มีผีข้าพเจ้าก็ไม่กลัว มาหลอกข้าพเจ้าได้เลย เจอมาเยอะแล้ว แล้วคืนนั้นข้าพเจ้าก็โดนเหยียบท้องจนตื่นและยังจุกที่ท้อง แม้จะมีสติสมบูรณ์แล้วก็ตาม (เมื่อเข้าไปถาม ก็พบว่าเป็นยักษ์ที่เฝ้าสถานที่นั้นอยู่ แต่ท่านก็ไม่ได้โกรธอะไร ท่านแค่เตือนว่าอย่าลำพองจนเกินไป) ฯลฯ

ส่วนเรื่องนิมิตต่างๆนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าเป็นสิ่งไร้ประโยชน์แต่ประการใด หากแต่เรารู้จักนิมิต เราก็จะรู้ได้ว่า นิมิตที่เกิดนั้น มันคืออะไร เป็นการเตือนสติเรา หรือสอนเรา หรือไร้สาระ ฯลฯ

แม้แต่เรื่องการมาสอนธรรมหรือการทดสอบจิตใจทางนิมิต ข้าพเจ้าเองก็โดนมาตลอด การทดสอบจิตใจมิใช่การลองดีเรา แต่เป็นการสอนเราในตัว ว่าเราหลงตนอยู่หรือไม่ เราพลาดอะไรไป สภาวะจิตที่แท้จริงเราเป็นอย่างไร เวลาที่เหล่าเทพเทวดาจะทดสอบเรานั้น ท่านจะทดสอบในสภาวะที่จิตเราขาดสติควบคุม คือ เป็นจิตแท้ๆของเรา ว่ามันมีดีมีชั่วฝังอยู่อย่างไร หรือสภาพปกติที่จิตเราเป็นอยู่หรือมีอยู่ ณ.ขณะนั้นๆ เพราะหากทดสอบช่วงที่เรามีสติ เราจะสามารถควบคุมจิตให้ระลึกหรือทำแต่สิ่งที่ดีๆ ซึ่งไม่ใช่ความแท้จริงของจิตเราที่มีอยู่ หรือเป็นอยู่ ณ.ขณะนั้นๆ

ส่วนการที่รู้ในเส้นทางแล้ว ทำไมข้าพเจ้าจึงไม่รีบเพียรทำเสีย นั่นเป็นเพราะ ข้าพเจ้ายังไม่ถึงพร้อมในอินทรีย์และพละ หรือง่ายๆคือ เหตุปัจจัยยังไม่พร้อม ทำให้ยังคงต้องผจญชีวิตต่อไปในโลกไปก่อน ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าท่านผู้ปฏิบัติท่านอื่นจะเป็นเหมือนกันหรือไม่ เมื่อปฏิบัติไปเราจะเห็นหรือรู้ทางเดินของเราไปเรื่อยๆ เมื่อปฏิบัติแล้วสำเร็จแล้วในส่วนที่เห็นที่รู้ เราก็จะเห็นหรือรู้ในทางเดินของเราต่อไปอีก คือเห็นเป็นขั้นๆไป แต่เห็นแล้วรู้แล้วแต่ยังทำไม่ได้ก็เพราะเหตุปัจจัยที่ไม่พร้อมนี่เอง

และทุกอย่างที่ข้าพเจ้ารู้ข้าพเจ้าเห็นหรือประสบผ่านมานั้น ข้าพเจ้าไม่เคยปักใจเชื่ออะไรไปก่อนเลย ใช้การเทียบกับคำสอน และโดยการพิจารณาอย่างละเอียด แล้วจึงค่อยพอจะเชื่ออยู่บ้าง

ส่วนเรื่องการจะสำเร็จมรรคผลนั้น หากจะเทียบดูโดยคร่าวๆแล้ว หากยังเป็นผู้ไม่สนใจในธรรมเลย ยังสนุกอยู่กับโลก ท่านจะยังเป็นผู้นับชาติที่สิ้นสุดมิได้เลย ไปจนถึง
ท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดเวลาไม่ว่างเว้น นั่นแหละจึงเริ่มนับชาติได้ 7 ชาติ 3 ชาติ 1 ชาติ ตามความละเอียดของธรรมที่ท่านปฏิบัติได้ พิจารณาโดยตนเอง ว่าเราปฏิบัติตนอย่างไรในแต่ละวัน

ส่วนเรื่องการไม่ติดใจในสิ่งใดนั้น ข้าพเจ้าขออนุญาตขยายความสักนิดหนึ่ง คือจิตยังมีไปวนอยู่ แต่ทำสิ่งนั้นไม่นานก็คลาย ไม่ปล่อยให้ไหลไปจนจบการกระทำในสิ่งนั้นๆ นี่คือไม่ติดของข้าพเจ้า เช่น พอได้ยินเสียงเพลงที่เคยชอบ ก็ฟัง เออเพราะดี แต่ไม่นานมันก็ไม่สนใจ ไม่ฟังจนจบ อย่างนี้ แต่จะเห็นได้ว่า มันยังมีเชื้ออยู่ จากการที่ยังหวนคิดถึงอยากฟังเพลงนั้น อยากดูหนังเรื่องนี้ แต่ถ้าไม่ได้ทำในขณะนั้นๆ ก็จะปล่อยผ่านไป ไม่ดิ้นรนแสวงหา หรือถ้าได้ทำก็ทำไม่จบอย่างนี้ ที่เหลือคือขจัดเชื้อที่มีอยู่นี้ที่ทำให้ต้องหวนไปคิดถึงนี้ให้หมดสิ้นไป สำหรับเรื่องนี้

ส่วนของกระทู้นั้น สติไม่ได้ตัดกิเลส แต่ปัญญาต่างหากที่ตัดกิเลส สติแค่เพียงทำให้รู้ให้เห็นว่ามีอะไร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แต่ปัญญาที่เกิดจากการที่เรารู้ เราเห็น ว่าอะไร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทำให้เราไปตัดวงจรของมันออกได้ ทีนี้ก็อยู่ที่ปัญญาที่เรามี ว่ามีความรู้แค่ไหน ละเอียดถึงแค่ไหน ก็ทำได้ถึงเท่านั้นตามกำลัง

ปัญญาเรามีตลอดที่เรารู้เราเห็น การจะตัดสิ้นภพชาติให้ขาด อยู่ที่กำลังของปัญญาที่เรามี
ขออนุโมทนา

คงพอเท่านี้

ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ

 

นกอินทรีย์ เรียนวิชาพละ เรียน
ตอน เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง

มิจฉากระติก กระดิกสิคัน จะเหน
ว่าเรียนตอนเที่ยง

พอไปเหนว่า เรียนตอนเที่ยง ก้เกิด
การทำรัง วางไข่ สะสมอินทรีย์ เพื่อ
เกิดใหม่ไปเรียนวิชาพละ โอ้ละพ่อ
วนอยู่ใน หุบเหว

จะภาวนา ก้ ทะลึ่ง เรียนเพื่อ สะสม

รหัส พ. รหัส ม. รหัส องค์กรอิสระ
เง้า ผ้า สักราด

ในพระไตร ปิฏก พระพุทธองค์ทรง
ยิ้มเหนไรฟัน ระอา ต้อ บุตรเศรษฐี
ที้มี นกอินทรีย์ เรียน พละกล้า ....

หากได้ ฟังธรรม ตอน ล้มละลาย
ใหม่ๆจะสำเร็จอรหันต์ฉับพลัน

ตอนเริ่มขอทาน หากฟังธรรม ยังได้
อนาคามี

ตอนเริ่ม....ฯ

สุดท้าย นอนกลิ้งอยู่ธรนีประตู ณ
เวลานี้ ฟังธรรม จะไม่ได้ อะไรเลย

นกอินทรีย์ เรียนวิชาพละ เหนว่า
สะสมเต็ม เรียนตอนเที่ยง

เฮีย!! ส่งมาเกิด แน่นวล

 

ข้อคิดที่ดีคือ ถ้าดีไม่พอ อย่าลองดี มันจะวุ่น แค่นั้นยังน้อย เบามากๆ กระทำตนให้ดี ดีที่จิตใจเป็นจุดเริ่มต้น แม้ดีแล้วถึงตรงนั้นก็คงรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร จบ

 

ถ้าไม่อยากให้ใครเข้าใจก็ไม่ต้องพูดคงไม่ผิดอะไร จะอ้อมไปอ้อมมาทำไม รู้ไหมมันเสียเวลา นึกถึงตนเองสิ กว่าจะคิดและเขียนคำพวกนี้ยากขนาดไหน คนอ่านจะยากกว่าอีกกี่เท่า ถึงจะรู่ตามที่ต้องการสื่อออกไป

 

อ่ะก๊ากกกกกกกกกกกก..อ่านไปด้วย ขรรมไปด้วย
พูดได้ถั่วต้วมมวกๆ....
โอ๊ยยยยยขรรมๆๆๆๆๆๆ