วิทยาศาสตร์ทางจิต-ลึกลับ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย emaN resU, 15 มิถุนายน 2011.

  1. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=bqhSZeAw5PI]Limbless Cheerleader girl 手足のないチアリーダー - YouTube[/ame]
     
  2. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ไม่ลึกลับ แต่เป็น เรื่องลึกซึ้ง.....มาดันดึง น้ำตา หยดใสใส
    รู้สึกเต็ม ตื้นตัน ในหัวใจ.....เพราะทรามวัย นักสู้ มดตะนอย

    แขนและขา มันลา ไม่มาด้วย.....แต่ใจสวย จิตแกร่ง มิท้อถอย
    จะลุกนั่ง กินดื่ม มิต้องคอย.....แขนขาน้อย แต่ใจใหญ่ มโหฬาร

    หันมามอง ตนเอง กันบ้างหนอ.....มือเท้าพอ ดีได้ ให้สร้างสรรค์
    อย่าให้อาย เพื่อนเรา ที่พิการ.....ร่างร้าวราน แต่ใจ ช่างใหญ่โต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2014
  3. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    พิการอุบัติแล้ว.....มิยอม
    แขนกุดขาเกก้อม.....หยัดสู้
    ใจใหญ่จิตแกร่งน้อม.....บากบั่น
    คุดกุดเพียงกายคู้.....จิตไซร้ ไสววาว
     
  4. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=hbuxY54nLfw]โรค "ไบโพล่าร์ Bipolar disorder" หรือ อาการคนสองบุคลิก ไม่น่ากลัวเลย รักษาได้ - YouTube[/ame]
     
  5. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) (2005-08-10)

    ผู้เขียน : รศ.นพ.มาโนช หล่อตระกูล



    ชื่อภาษาไทยของโรคนี้ชื่ออาจฟังดูแปลกๆ แต่ถ้าได้อ่านจบแล้ว ก็จะเห็นว่าลักษณะของโรคนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ หรือหากมีใครอยากจะเสนอชื่อใหม่ที่คิดว่าน่าจะเข้าท่ากว่านี้ก็ยินดีนะครับ

    โรคอารมณ์สองขั้วเป็นความผิดปกติทางอารมณ์ ผู้ที่เป็นจะมีอารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน 2 แบบ แบบแรกมีลักษณะอารมณ์และพฤติกรรมออกเป็นแบบซึมเศร้า แบบที่สองมีลักษณะคึกคักพลุ่งพล่าน ซึ่งเรียกว่าเมเนีย (mania)

    จากภาพจะเห็นว่าผู้ที่เป็นจะอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปจากปกติเป็นช่วงๆ โดยเป็นแบบซึมเศร้าตามด้วยช่วงเวลาที่เป็นปกติดี จากนั้นอีกเป็นปีอาจเกิดอาการแบบเมเนียขึ้นมา บางคนอาจเริ่มต้นด้วยอาการแบบเมเนียก่อนก็ได้ และไม่จำเป็นต้องตามด้วยอาการด้านตรงข้ามเสมอไป เช่น อาจมีอาการแบบ ซึมเศร้า - ปกติ – ซึมเศร้า - เมเนีย

    เขามีอาการอย่างไร



    ผู้ที่เป็นจะมีอาการแสดงออกมาทั้งในด้านอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม โดยในแต่ละระยะจะมีอาการนานหลายสัปดาห์ จนอาจถึงหลายเดือนหากไม่ได้รับการรักษา

    ในระยะซึมเศร้า ผู้ที่เป็นจะรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมด จากเดิมชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ติดละคร หรือดูข่าว ก็ไม่สนใจติดตาม อะไรๆ ก็ไม่เพลินใจไปหมด คุณยายบางคนหลานๆ มาเยี่ยมจากต่างจังหวัดแทนที่จะดีใจกลับรู้สึกเฉยๆ บางคนจะมีอาการซึมเศร้า อารมณ์อ่อนไหวง่าย ร้องไห้เป็นว่าเล่น บางคนจะหงุดหงิด ขวางหูขวางตาไปหมด ทนเสียงดังไม่ได้ ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย อาการเบื่อเป็นมากจนแม้แต่อาหารการกินก็ไม่สนใจ บางคนน้ำหนักลดฮวบฮาบสัปดาห์ละ 2-3 กก.ก็มี เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ ได้เป็นชั่วโมงๆ ความจำก็แย่ลง มักหลงๆ ลืมๆ เพราะใจลอย ตัดสินใจอะไรก็ไม่ได้ เพราะไม่มั่นใจไปเสียหมด เขาจะมองสิ่งต่างๆ ในแง่ลบไปหมด คิดว่าตัวเองเป็นภาระของคนอื่น ไม่มีใครสนใจตนเอง ถ้าตายไปคงจะดีจะพ้นทุกข์เสียที หากญาติหรือคนใกล้ชิดเห็นเขามีท่าทีบ่นไม่รู้จะอยู่ไปทำไม หรือพูดทำนองฝากฝัง สั่งเสีย อย่ามองข้ามหรือต่อว่าเขาว่าอย่าคิดมาก แต่ให้สนใจพยายามพูดคุยกับเขา รับฟังสิ่งที่เขาเล่าให้มากๆ ถ้ารู้สึกไม่เข้าใจหรือมองแล้วไม่ค่อยดี ขอแนะนำให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็ว

    ในทางตรงกันข้าม ในระยะเมเนีย เขาจะมีอาการเปลี่ยนไปอีกขั้วหนึ่งเลย เขาจะมั่นใจตัวเองมาก รู้สึกว่าตัวเองเก่ง ความคิดไอเดียต่างๆ แล่นกระฉูด เวลาคิดอะไรจะมองข้ามไป 2-3 ช็อตจนคนตามไม่ทัน การพูดจาจะลื่นไหลพูดเก่ง คล่องแคล่ว มนุษยสัมพันธ์ดี เรียกว่าเจอใครก็เข้าไปทักไปคุย เห็นใครก็อยากจะช่วย ช่วงนี้เขาจะหน้าใหญ่ใจโต ใช้จ่ายเกินตัว ถ้าเป็นคุณตาคุณยายก็บริจาคเงินเข้าวัดจนลูกหลานระอา ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทก็จัดงานเลี้ยง แจกโบนัส มีโครงการโปรเจคต่างๆ มากมาย พลังของเขาจะมีเหลือเฟือ นอนดึกเพราะมีเรื่องให้ทำเยอะแยะไปหมด ตีสี่ก็ตื่นแล้ว ตื่นมาก็ทำโน่นทำนี่เลย ด้วยความที่เขาสนใจสิ่งต่างๆ มากมาย จึงทำให้เขาวอกแวกมาก ไม่สามารถอดทนทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้นานๆ เขาทำงานเยอะ แต่ก็ไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ความยับยั้งชั่งใจตนเองมีน้อยมากเรียกว่าพอนึกอยากจะทำอะไรต้องทำทันที หากมีใครมาห้ามจะโกรธรุนแรง อาการในระยะนี้หากเป็นมากๆ จะพูดไม่หยุด เสียงดัง เอาแต่ใจตัวเอง โกรธรุนแรงถึงขั้นอาละวาดถ้ามีคนขัดขวาง

    อาการระยะซึมเศร้าจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป มักเป็นหลังมีเรื่องกระทบกระเทือนใจ เช่น สอบตก เปลี่ยนงาน มีปัญหาครอบครัว แต่จะต่างจากปกติคือเขาจะเศร้าไม่เลิก งานการทำไม่ได้ ขาดงานบ่อยๆ มักเป็นนานเป็นเดือนๆ

    อาการระยะเมเนียมักเกิดขึ้นเร็ว และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนภายใน 2-3 สัปดาห์อาการจะเต็มที่อารมณ์รุนแรง ก้าวร้าวจนญาติจะรับไม่ไหวต้องพามาโรงพยาบาล อาการในครั้งแรกๆ จะเกิดหลังมีเรื่องกดดัน แต่หากเป็นหลายๆ ครั้งก็มักเป็นขึ้นมาเองโดยที่ไม่มีปัญหาอะไรมากระตุ้นเลย

    ข้อสังเกตประการหนึ่งคือคนที่อยู่ในระยะเมเนียจะไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติ มองว่าช่วงนี้ตัวเองอารมณ์ดีหรือใครๆ ก็ขยันกันได้ ในขณะที่หากเป็นระยะซึมเศร้าคนที่เป็นจะพอบอกได้ว่าตนเองเปลี่ยนไปจากเดิม

    ในระยะซึมเศร้าหากคนใกล้ชิดสนใจมักสังเกตไม่ยากเพราะเขาจะซึมลงดูอมทุกข์ แต่อาการแบบเมเนียจะบอกยากโดยเฉพาะในระยะแรกๆ ที่อาการยังไม่มาก เพราะดูเหมือนเขาจะเป็นแค่คนขยันอารมณ์ดีเท่านั้นเอง แต่ถ้าสังเกตจริงๆ ก็จะเห็นว่าลักษณะแบบนี้ไม่ใช่ตัวตนของเขา เขาจะดู เวอร์ กว่าปกติไปมาก



    อาการในระยะซึมเศร้า


    อาการในระยะแมเนีย

    · มีอาการซึมเศร้า หรือเบื่อหน่าย ความสนใจหรือความเพลินใจในสิ่งต่างๆ ลดลงอย่างมาก

    · มีอารมณ์ครึกครื้น แสดงออกอย่างเต็มที่ หรืออารมณ์หงุดหงิดมากเกินปกติ

    · รู้สึกตนเองไร้ค่า เป็นภาระ หรือรู้สึกผิด

    · รู้สึกว่าตนเองเก่ง หรือมีความสำคัญมาก

    · นอนไม่หลับ หรือนอนมากกว่าปกติ

    · ต้องการนอนลดลง

    · เชื่องช้า หรือกระวนกระวาย

    · ความคิดพรั่งพรู แล่นเร็ว

    · อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง

    · มีพลัง มีกิจกรรม โครงการต่างๆ มากมาย

    · สมาธิลดลง ลังเลใจ

    · วอกแวก สนใจไปทุกสิ่งทุกอย่าง

    · คิดอยากตาย

    · หุนหันพลันแล่น ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

    · เบื่ออาหาร ผอมลง

    · พูดมาก หรือพูดไม่หยุด

    · ไม่ตระหนักว่าตนเองผิดปกติไปจากเดิม



    การวินิจฉัย

    ไม่มีการตรวจพิเศษเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคนี้ ข้อมูลหลักในการวินิจฉัยคือ การซักประวัติอาการ ความเป็นไปของโรค ความเจ็บป่วยทางจิตในญาติ การใช้ยาและสารต่างๆ หรือโรคประจำตัว เพราะยาบางขนานหรือโรคทางร่างกายบางโรคอาจมีอาการทางจิตเหมือนกับโรคอารมณ์สองขั้วได้ แพทย์จะนำข้อมูลได้จากผู้ที่เป็นและญาติ ร่วมไปกับการตรวจร่างกายและตรวจสภาพจิตมาประมวลกันเพื่อการวินิจฉัย

    โรคนี้เป็นกันบ่อยไหม

    พบว่าคนเรามีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ประมาณร้อยละ 1 หญิงและชายพบได้พอๆ กัน มักพบมีอาการครั้งแรกระหว่างอายุ 15-24 ปี

    แล้วโรคอารมณ์สองขั้วเกิดจากอะไรล่ะ



    โรคอารมณ์สองขั้วไม่ได้เป็นจากเขามีจิตใจอ่อนแอหรือคิดมากอย่างที่คนอื่นมักมองกัน แต่เป็นจากความผิดปกติทางสมอง พบว่าผู้ที่เป็นโรคนี้มีการทำงานของสมองและสารเคมีในสมองซึ่งทำหน้าที่สื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทแปรปรวนไป

    ผู้ที่เป็นโรคอารมณ์สองขั้วมักมีประวัติญาติป่วยเป็นโรคทางอารมณ์ ลูกของเขามีโอกาสเกิดโรคนี้มากกว่าคนทั่วไปประมาณ 8 เท่า สิ่งที่ถ่ายทอดเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เมื่อผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นเหล่านี้พบเหตุกดดันทางจิตใจ เช่น ตกงาน ญาติเสียชีวิต หรือมีการเสพยาใช้สารต่างๆ ก็จะไปกระตุ้นให้แนวโน้มการเกิดโรคที่แฝงเร้นอยู่นี้สำแดงอาการออกมา

    แนวทางการรักษา

    การรักษาด้วยยา เป็นการรักษาหลักในโรคนี้ แทพย๋จ่ายยาร่วมกับการช่วยเหลือให้คำปรึกษาทางจิตใจเพื่อช่วยผู้ที่เป็นในการปรับตัวกับสังคม และจัดการกับปัญหาต่างๆ ในชีวิต

    1. การรักษาในระยะอาการกำเริบ

    ระยะเมเนีย ยาที่นิยมใช้ได้แก่

    · ลิเทียม (lithium) เป็นยาช่วยควบคุมอาการทางอารมณ์ การออกฤทธิ์ในการรักษาของลิเทียมต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป ในระยะแรกจึงอาจต้องให้ยาขนานอื่นร่วมไปด้วย

    · วาลโปรเอท (valproate) และคาร์บามาซีปีน (carbamazepine) เป็นยากันชักแต่ในทางจิตเวชใช้เป็นยาทำให้อารมณ์คงที่เหมือนลิเทียม

    · ยารักษาโรคจิต ใช้เพื่อลดอาการพลุ่งพล่าน หรืออาการโรคจิตเช่นประสาทหลอน หลงผิดที่อาจเกิดในช่วงที่อาการมาก

    ระยะซึมเศร้า

    · ยาแก้ซึมเศร้า ใช้เพื่อลดอาการซึมเศร้า ท้อแท้ ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์จึงออกฤทธิ์ในการรักษา

    แล้วจะต้องกินยาไปนานเท่าไร ? โดยทั่วไปหากเป็นการป่วยครั้งแรกหลังจากที่แพทย์รักษาจนผู้ป่วยอาการกลับสู่ปกติแล้ว จะให้ยากินต่อไปอีกจนครบ 6 เดือน แล้วค่อยๆ ลดยาลงจนหยุดไป โดยทั่วไปก็ใช้เวลาเกือบปี

    พบบ่อยคือพออาการดีขึ้นหลังกินยาไปได้ 1-2 เดือนผู้ป่วยก็ไม่มาพบแพทย์ ไม่ยอมกินยาต่อ เพราะคิดว่าหายแล้ว หรือกลัวติดยา กลัวว่ายาจะสะสม ในความเป็นจริงแล้วยาทางจิตเวชที่จะมีติดก็คือยานอนหลับเท่านั้น (ซึ่งจิตแพทย์เองก็ไม่นิยมใช้) ยาอื่นไม่พบติดยาแน่ๆ ที่สำคัญคือหากหยุดยาเร็วจะมีโอกาสกลับมามีอาการกำเริบอีกสูงมากเพราะตัวโรคยังไม่ทุเลาลงเต็มที่ เหมือนกับเป็นโรคปอดบวมแต่กินยาแก้อักเสบแค่ 2 วัน พอหยุดยาปอดก็แย่ลงอีกแน่ๆ

    2. การป้องกัน

    ผู้ที่มีอาการกำเริบ 2 ครั้งขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นแบบเมเนียหรือซึมเศร้า ควรกินยาป้องกันระยะยาว โดยทั่วไปแพทย์จะให้กินนานอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป

    อยู่อย่างเข้าใจโรคอารมณ์สองขั้ว

    การกินยาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สามารถควบคุมอาการได้ดี รวมทั้งสามารถป้องกันการกำเริบในครั้งต่อไป และควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษาตลอดจนผลข้างเคียงจากยา แพทย์อาจปรับยาเป็นช่วงๆ ตามแต่อาการของโรค ควรบอกแพทย์อย่างไม่ปิดบังถึงอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆ โดยเฉพาะหากไม่แน่ใจว่าเป็นช่วงที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงหรือไม่

    การปฏิบัติตัวที่สำคัญในโรคนี้ได้แก่การรักษาความสม่ำเสมอในการดำเนินกิจวัตรพื้นฐานประจำวัน ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการนอน พบว่าการนอนน้อยติดต่อกันหลายวันทำให้อาการแกว่งไกวได้ จึงควรเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการนอนดึก หรือดื่มแอลกอฮอล์

    ในช่วงที่เริ่มมีอาการเมเนียให้เลี่ยงการตัดสินใจที่สำคัญๆ หาหลักควบคุมการใช้เงิน (เช่นฝากเงินไว้กับภรรยา) หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กระตุ้นอารมณ์มากๆ ให้คนใกล้ชิดและญาติคอยเตือนเมื่อเห็นว่าตนเองมีพฤติกรรมที่อาจไม่เหมาะสม

    ในช่วงซึมเศร้า เลี่ยงการตัดสินใจที่สำคัญๆ เช่น ลาออกจากงาน การออกกำลังกาย โดยในผู้ที่มีอาการซึมเศร้าไม่มาก จะรู้สึกว่าจิตใจคลายความเศร้า และแจ่มใสขึ้นได้ หากอาการมากอยู่ อย่ากดดันตัวเองให้ทำสิ่งต่างๆ ได้เหมือนเดิม ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยังต้องการการพักผ่อน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ การกระตุ้นตนเองมากไปกลับยิ่งจะทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ที่ทำไม่ได้อย่างที่หวัง

    การเข้าใจจากคนใกล้ชิดและญาติมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ผู้ที่เป็นมีกำลังใจในการรักษาให้ตนเองกลับสู่ปกติ ญาติยังมีส่วนสำคัญในการสังเกตว่าผู้ที่เป็นมีอาการกลับเป็นซ้ำหรือไม่ โดยในช่วงแรกที่อาการยังไม่มาก ผู้ที่เป็นจะไม่ทราบว่าตนเองเปลี่ยนแปลงไป

    สรุป

    โรคอารมณ์สองขั้วเป็นจากความผิดปกติทางสมอง ไม่ได้เกิดจากคิดมากหรือพ่อแม่เลี้ยงดูไม่ดี โรครักษาได้ ยาใหม่ๆ มีมาก หากไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นหรือเปล่าก็ไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาก่อนก็ได้ คนที่เป็นแล้วก็ควรติดตามการรักษาอย่างส่ำเสมอ มีปัญหาอะไรก็บอกแพทย์ เพื่อที่จะได้ปรับให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุด ญาติมีส่วนสำคัญมาก พบว่าผู้ป่วยที่ญาติเข้าใจ สนับสนุนให้กำลังใจ จะมีอาการโดยรวมแกว่งไกวน้อยกว่าครอบครัวที่ไม่เข้าใจหรือไม่สนใจผู้ป่ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2014
  6. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    "วจีทุจริต" หมายถึง การทำชั่วทางวาจาหรือการทำชั่วด้วยการพูด มี 4 ประการคือ

    1. พูดเท็จหรือพูดโกหก

    2. พูดคำหยาบ

    3. พูดส่อเสียด

    4. พูดเพ้อเจ้อ


    ทั้ง 4 ประการดังกล่าวข้างต้น เป็นที่รู้และเป็นที่เข้าใจกันเป็นอย่างดีในหมู่ชนผู้นับถือพระพุทธศาสนาว่านี่คือคำสอนของพระพุทธองค์ และจัดอยู่ในส่วนของข้อห้ามมิให้ปฏิบัติ เนื่องว่ามีโทษและมีวิบากกรรม คือผลทำให้เกิดความเดือดร้อนทั้งในส่วนของผู้พูด และคนที่ผู้พูดพาดพิงถึงหรือเป็นคู่กรณีในการปะทะกันด้วยคำพูดในลักษณะของการทำสงครามปาก

    ส่วนในบรรดาวจีทุจริตข้อไหนมีโทษอะไร และมากน้อยกว่ากันนั้น ถ้ามองจากการเรียงลำดับจากข้อ 1-4 แล้วก็พอจะอธิบายขยายความโดยอาศัยแนวทางแห่งคำสอน ทั้งในส่วนของศีล และส่วนของธรรมแล้ว พออนุมานได้จากมากไปหาน้อยดังนี้

    1. การพูดคำเท็จหนักหรือมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพูดโกหกทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นเรื่องไม่จริง และพูดเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อและตนเองได้ประโยชน์จากการเสียประโยชน์จากความเชื่อนั้น

    2. การพูดคำหยาบ หมายถึง การใช้ภาษาซึ่งผู้คนในสังคมยอมรับไม่ได้ในด้านเนื้อหา หรือภาษา ใครก็ตามถ้าพูดในลักษณะนี้จะถูกปฏิเสธจากผู้ฟังที่มีสถานภาพทางสังคมที่ถือว่าภาษาหรือเนื้อหาที่ว่านี้ชั่วช้า และต่ำทราม ไม่ควรพูด ไม่ควรแสดงออกในทางสาธารณะ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับกาลเทศะ และสถานภาพของผู้ฟัง

    3. การพูดส่อเสียด หมายถึง พูดกระทบกระเทียบชาติกำเนิดในทางลบ หรือพูดถึงข้อด้อยของบุคคลในฐานะปัจเจกบุคคลที่ฟังแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด นอกจากความสะใจของผู้ที่เกลียดชัง หรือยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับผู้พูด

    4. การพูดเพ้อเจ้อ หมายถึง การพูดเหลวไหลไร้สาระ ไม่ก่อให้เกิดสติปัญญาใดๆ อันเกิดจากการฟัง ทั้งยังทำให้ผู้พูดไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในสายตาของผู้ฟังด้วย

    เกี่ยวกับวจีทุจริต พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ในหลายโอกาส และผู้ฟังหลากหลาย แต่จะยกมาเป็นตัวอย่างสองประการซึ่งปรากฏในปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่มที่ 22 หน้า 282 และในทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่มที่ 24 หน้า 224 ดังต่อไปนี้

    เกี่ยวกับโทษของคนพูดมาก

    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษ 5 ประการนี้ในบุคคลผู้พูดมาก” คือ

    1.1 ย่อมพูดปด

    1.2 ย่อมพูดส่อเสียด (ยุยงให้แตกร้าว)

    1.3 ย่อมพูดคำหยาบ

    1.4 ย่อมพูดเพ้อเจ้อ

    1.5 สิ้นชีวิตไปแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคคติ วินิบาต นรก”

    2. คนที่มีขวานเกิดมาในปากด้วย

    “คนที่เกิดมาแล้วมีขวานเกิดมาในปากด้วย คนพาลเมื่อกล่าวคำชั่ว ชื่อว่าใช้ขวานนั้นฟันตนเอง"

    ผู้ใดสรรเสริญคนที่ควรติ ติคนที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้นชื่อว่าใช้ปากเลือกเก็บความชั่วไว้ จะไม่ประสบความสุขเพราะความชั่วนั้น”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กรกฎาคม 2014
  7. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    น้ำเวียนไหล เลี้ยววน จนลงแอ่ง.....แล้วหมดแรง กำลัง ละล่องไหล
    จึงเวียนอยู่ สู่วน ไม่ไหลไป.....เนิ่นนานไซร้ กลิ่นเฉ่า เฉ่าลอยมา

    น้ำมันเน่า เพราะมัน ไม่เคลื่อนไหว.....ไม่ได้ไหล ถ่ายเวียน เปลี่ยนองศา
    ได้แต่ย่ำ วนอยู่ เหมือนคนบ้า......แอ่งของข้า จับเจ่า กลิ่นเน่าโชย
     
  8. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    อันว่า"อิ่ม" ก็อิ่ม เพราะไม่หิว.....ที่ยังหิว เพราะว่า ยังโหยหา
    ใคร่กินดื่ม อาหาร ขื่อ"ปัญญา".....ครั้นเพลา อิ่มเข้า หิวก็คลาย

    อันว่า"สุข" ก็สุข เพราะไม่ทุกข์.....ที่ยังทุกข์ เพราะใจ มันสาดส่าย
    เมื่อได้ดับ อาการ ดิ้นรนใจ.....ทุกข์ก็หาย ใจสุข ไม่เสื่อมทราม
     
  9. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +711
    Admin ดูแลด้วย
     
  10. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ถ้าจักมา ดูแล เราวอนเว้า.....ขอเป็นเจ้า หน้าที่ มีรูปสวย
    สาวสะพรั่ง หุ่นดี ใจงามด้วย.....โปรดมาช่วย ดูแล ทั้งกายใจ
     
  11. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    อันชิวหา นิ่มนิ่ม พลิกดิ้นได้.....จักดีร้าย ชี้ได้ เพียงปลายลิ้น
    ชี้ให้ดี ก็ดี ได้ดั่งจินต์.....ครั้นพลิกลิ้น ร้ายกลั้ว ตัวเป็นภัย

    สัตว์มีลิ้น ครวญพิศ ให้แน่นหนัก.....ว่าจักชัก ชิวหา เยี่ยงอย่างไหน
    จักใช้ลิ้น สร้างสรรค์ หรือบรรลัย.....พรหรือภัย เลือกได้ พึงใคร่ครวญ
     
  12. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842

    "ข้าขุด คุ้ยแคะ แกะเกา"


    ...เรานั่งทวน หวนคิด ปริศนา
    ซ่อนวิชา ลึกล้ำ เหลือกำหนด
    แม้ชิวหา พลิกไป ไม่พยศ
    คงงามงด จรดใจ ให้อิ่มเอม

    ...ดั่งเกมกล ลดเลี้ยว ให้เสียวลิ้น
    ฟังแล้วดิ้น พราดไป ในภาษา
    หรือว่าชื่น ฉ่ำใจ ได้ปัญญา
    คุ้ยวิชา หาเจอ บำเรอใจ


    ...ขอบคุณไป ให้ท่าน พรานพิเศษ
    กลอนซ่อนเวทย์ มนต์ไว้ ใครจะเห็น
    เป็นวิชา งามใจ ถ้าใช้เป็น
    ทำให้เด่น โดดได้ ในโลกา



    สุนทรทู่ / กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  13. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ตัวอักษร วางไว้ เช่นใบดาบ.....คารมทาบ ลับไว้ ให้คมแฝง
    ปัญญายึด เป็นด้าม กระชับแรง.....จักฟันแทง เชือดเฉือน เหมือนดั่งดล
     
  14. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842

    ...ซ่อนตัวตน ซุกไว้ ใต้อักษร
    ชอบแอบซ่อน ซุกซน ให้ค้นหา
    พรานพิเศษ ตาไว ใจฤทธา
    ดันเห็นข้า ซ่อนดาบไว้ ใต้บทกลอน ๕๕๕



    สุนทรทู่ / กระต่ายป่า ข้างวัด

    .
     
  15. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ในคัมภีร์ มีกล่าว อยู่คำหนึ่ง.....คำที่ซึ่ง หลายคน งงสงสัย
    อันว่าคำ "ง้วนดิน" คือสิ่งใด.....กังขาใจ ตีความ จนลามเลือน

    "ง้วนดิน"คือ ดาวเคราะห์ ที่เหมาะสม.....มีธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุไฟเคลื่อน
    ธาตุดินหิน แร่หลาก มิแชเชือน.....เข้ามาเยือน สิงดู สู่"ง้วนดิน"
     
  16. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    "ตาเนื้อ"นอก หลอกหว่าน มายาพิษ.....ให้หลงคิด ติดใจ คลั่งไคล้หลง
    ยิ่งเชื่อความ ตามมัน ยิ่งจมลง.....เพราะมันโกง กินกัด มัดความจริง

    "ตาใน"บอก ปัญญา จักอยู่ด้วย.....เพียงท่านช่วย หลับตา งดสุงสิง
    ลาจากโลก มายา สู่ความจริง.....ทุกสรรพสิ่ง กระจ่าง ด้วย"ตาใจ"
     
  17. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    "วันแม่"... วันหนึ่ง ซึ่งอุปโลกน์ขึ้นเพื่อ"แม่"

    ธรรมเนียมปฏิบัติของลูก กราบแม่ ทำบุญ มะลิ กินข้าว ของขวัญ ระลึกพระคุณ

    ธรรมเนียมปฏิบัติของแม่ พินิจลูกตนเอง สำรวจดูว่าตนเองได้ปฏิบัติหน้าที่ของพรหม มารดา แม่พิมพ์ ปฐมครู ได้ดีมากน้อยเพียงไร ยังมีสิ่งใดขาดตกบกพร่องหรือต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ ได้อบรมจริยา คุณธรรม สำนึก มารยาทที่เหมาะสม ให้ลูกตนเองได้ดีมากน้อยแค่ไหน

    "แม่"... จักยิ่งใหญ่แลสำคัญได้ มิใช่เพราะมีลูกมาก มิใช่เพียงเพราะให้กำเนิด มิใช่เพราะยศฐาบรรดาศักดิ์ มิใช่ทรัพย์สินสมบัติมรดกที่มอบให้
    "แม่"... จักยิ่งใหญ่แลสำคัญได้ ด้วยคุณธรรมที่อบรมถ่ายทอดให้ลูก ด้วยแบบอย่างที่เหมาะสม เช่นมีอิทธิบาทสี่เป็นแบบอย่างให้ลูก ด้วยการปลูกฝังสำนึกและมารยาทที่เหมาะควรให้ลูก ฯ

    มอง"ลูก"... แล้วพิเคราะห์ดูว่าสิ่งไร สิ่งไรที่เหมาะสม เราได้มอบให้ลูกของเราแล้วหรือยัง
    ถ้าภายในห้วงความคิดของ"แม่"... มีแต่กระแสว่า เราให้สิ่งใดกับลูกไปแล้วบ้าง สิ่งนั้นเหมาะสมหรือไม่ แล้วมันยังมีสิ่งใดคงขาดไป มุ่งมั่นคอยใส่ใจเติมเต็ม ปรับปรุง ป้องกันทุกข์ภัยมลทิน..... พึงกล่าวว่านี้คือ "แม่" ที่น่าสรรเสริญ เป็น"บุพาการี"แท้
    ถ้าภายในห้วงความคิดของ"แม่"... มีแต่กระแสว่า เราจักได้สิ่งใดจากลูกคนนี้และหรือลูกเหล่านี้บ้าง สิ่งนั้นเราจักได้ช้าหรือเร็ว มีสิ่งใดที่เราอยากได้จากลูกอีก คิดและเรียกร้องจากลูกอยู่เนืองๆด้วยเพียงอยาก มิใช่จำเป็น ลูกจักประสบกับทุกข์ภัยมลทินใดๆก็ไม่ใส่ใจเพียงต้องการให้ตนเองสมใจเป็นพอ..... พึงกล่าวว่านี้คือ "แม่" ที่เป็นแต่เพียง "แม่ค้า" ไม่น่าสรรเสริญ

    ภาระในการดูแลครรภ์ตั้งแต่อนูบาลจนถึงแก่กาลกำเนิดวาระ ภาระความเจ็บปวดในวาระการกำเนิดนั้นๆ... เป็นภาระที่สำคัญอันหนักหน่วงก็จริง แต่การให้กำเนิด"ลูก"แล้วไม่เป็น"แม่"ที่ควรสรรเสริญนั้น ก็ย่อมทิ้งภาระอันหนักหน่วงเอาไว้ให้"ลูก"ที่ต้องผจญอยู่กับโลกเหมือนศิษย์ไม่มีครู เหมือนเดินป่าแต่ไม่มีเข็มทิศ เหมือนคืนแรมที่ปราศจากแสงจันทร์

    จงเป็น"แม่"ที่เป็น"บุพการี"แท้ ..... อย่าเป็น"แม่"ที่เป็นแต่เพียง"แม่ค้า"เลย

    ขอให้"ลูก"ทุกคนมีความสุข แลขอให้"แม่"จงมีความสุขอยู่บนความสุขของลูกนั้น

    Farewell.
     
  18. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    พ่อครัวใหญ่ ปรุงรส กระยาหาร.....รสชาติมัน เผ็ดแปลบ แสบชิวหา
    กลืนลงศอ คอร้อน เหมือนไฟทา.....ปั่นป่วนพา ทั่วท้อง เมื่อต้องกลืน

    แล้วส่งมอบ เครื่องดื่ม รสชาติเด็ด.....เมื่อดื่มเสร็จ สลดหด หู่สุดฝืน
    แต่เพื่อชัย ชำนะ จึงต้องกลืน.....พระเจ้ายื่น สิ่งใด พึงใจยอม
     
  19. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    มองดูลม ไหลเข้า นอกสู่ใน.....ลมเลื่อนไหล จากใน ออกสู่นอก
    นี่ก็คือ ชีวิต รำพึงบอก.....ปราณย้าหยอก ออกเข้า เท่านั้นเอง
     
  20. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    พระปฏิมา ทองทับ ประดับทั่ว.....ทองแปะตัว เกตุศก จนหน้าสวย
    เดินอ้อมไป ด้านหลัง ให้งงงวย.....ใยมิสวย สดตา เหมือนหน้าองค์

    คงเป็นเพราะ "อัตตา" มาดลจิต.....แปะทองติด คิดไป ตามใจหลง
    ลืมเลือนเรื่อง สร้างสรรค์ สมดุลย์ทรง.....มองเพียงตรง แต่หน้า ก็ว่างาม
     

แชร์หน้านี้

Loading...