วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกครับ สนทนาเพื่อเจริญปัญญาครับ

    "สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา"
    ปัญญารู้ได้ด้วยการสนทนา

    _/\_



     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    สนทนาธรรมเพื่อความเอิบอิ่มและก้าวหน้าในธรรม สนทนาแล้วควรจะมีกิเลสเบาบางลง กุศลจิตเพิ่มพูน แต่หากการสนทนาธรรมของท่านเป็นการสะสมอกุศลจิต เพิ่มพูนกิเลสให้มากขึ้น ก็ควรลองคิดดูว่าท่านกำลังสนทนาอะไร
    ตับไตไส้พุงไม่ดูดีเท่าผิวพรรณวรรณะฉันใด จิตใจก็ไม่สอดคล้องกับคำพูดเสมอไปฉันนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2008
  3. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    <!-- / message -->หากการสนทนาธรรมของท่านเป็นการสะสมอกุศลจิต เพิ่มพูนกิเลสให้มากขึ้น ก็ควรลองคิดดูว่าท่านกำลังสนทนาอะไร

    วันก่อนไปออกชุมชนกับนศ.แพทย์ู ลูกศิษย์รายหนึ่งสอนเพื่อน..
    "อย่าตัดสินคนด้วยลักษณะภายนอก เพราะคุณไม่รู้ว่าเขาถือศีลกี่ข้อหรือบรรลุธรรมขั้นไหน..."

    เพราะน้องชัชเขาเด็กจัง...
    แต่เดี๋ยวนี้พูดจาเหมือนพี่ๆแล้ว อาทิ พี่คณานันท์ พี่นากามูระ

    สาธุ
    <!-- sig -->
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** โอ้...ศาสนา ****

    คนรู้ว่า พระพุทธเจ้าหลุดพ้นด้วยสัจจะ...มีน้อยเหลือเกิน
    หาผู้ศึกษาจริงจัง ...แทบไม่มี

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ก่อนอื่น ขอโมทนากับความดีงามทั้งปวงของทุกท่านได้เผยแพร่ ความรู้ และการสนทนาธรรม
    ที่ผ่านมาด้านบน โดยเฉพาะเรื่องที่กำลังสนทนากัน..

    ดิฉันได้ประโยชน์อย่างยิ่งจากการพิจารณาข้อความของทุกท่าน
    สิ่งที่พิจารณาได้นั้น ดิฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เขียนลงให้ได้อ่านกัน

    แต่ฝากเรียนคุณ nat ว่า

    แผ่นสะพานไม้ที่ทอดผ่านบึงกว้างใหญ่ให้เดินข้ามไปนั้น
    พึงประครองสติให้มั่นคงทุกย่างก้าว
    แม้ปลาน้อยกระโดดเล่นน้ำ กลีบบัวงามที่พริ้วไหวต้องลม นกน้อยที่โบกบินไปมา
    เพียงหางตาที่เหลือบมอง ก็อาจทำให้ก้าวเท้าพลาดได้


    ขอให้เดินข้ามฝั่งไปได้โดยเร็วค่ะ


    หากกล่าวสิ่งใดพิดพลาดไป ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวข้องกับครูอาจารย์ของดิฉันทั้งสิ้น ขอฝืนมาเท่านี้


    ขอบคุณค่ะ
     
  6. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ถ้าหากใครเคยรู้สึกไม่สบายใจ ปฎิบัติแล้วไม่ก้าวหน้าให้หมั่นขอขมาพระรัตนตรัยบ่อยๆ
    เพราะบางครั้งเราประมาทรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งที่รู้ตัวก็ดีไม่รู้ตัวก็ดี

    [​IMG]

    บทขอขมาพระรัตนตรัย
    โยโทโส โมหะจิตเต นะพุทธัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะธัมมัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะสังฆัสมิง ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

    เจริญในธรรมครับทุกท่าน _/\_
     
  7. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    จากข้ออ้างอิง และข้อคิดเห็นของหลายๆ ท่านที่ผ่านมา... ขออนุญาตแสดงความเห็นบ้างค่ะ...

    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนให้เวไนยสัตว์ รู้จัก บาป บุญ คุณ โทษ โลกนี้ โลกหน้า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว... มิเช่นนั้นคงไม่เสด็จสู่ดาวดึงส์เทวโลก เพื่อโปรดพุทธมารดา ไม่ตรวจอุปนิสัยของสัตว์โลกทุกเช้า เพื่อสอนให้เลิก ลด ละ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ไม่ทรงสอนหมู่มวลเทพ - เทวา เพื่อไม่ให้ยึดติดกับภพภูมิทิพย์ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ยังหลงเข้าใจไปว่าทิพยสถานเหล่านั้นเป็นที่บรมสุขที่สุดแล้ว...

    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสอนให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายรู้จักเลือกที่จะเกิด หรือไม่เกิด... พวกเราทุกชีวิตล้วนมีทางเลือก และเราก็ได้เลือกแล้วว่าเราแต่ละคนจะเดินทางไหน... แต่ก็ใช่ว่าเราจะเปลี่ยนทางเลือกนั้นไม่ได้...

    เราสามารถเลือกที่จะเวียนเกิดเวียนตายอยู่ในภพภูมิทั้งสามนี้ก็ได้ ถ้าเรายังปรารถนาอยู่...

    เราสามารถที่จะปฏิบัติธรรม ตัดการเวียนเกิดเวียนตายนั้นก็ได้ โดยเลือกที่จะ...

    ปฏิบัติให้สำเร็จโดยการเป็นพระอริยะ ซึ่งมีด้วยกันถึง 4 ประเภท ตามแต่จริต วาสนา บารมีของแต่ละท่านที่พอใจจะเป็นแบบไหน...

    และไม่ว่าภายใน แต่ละท่านจะบรรลุได้ขั้นไหนก็ตาม...

    สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ท่านสามารถละทิ้งซึ่งอวิชชา ตัณหา อุปาทาน การยึดมั่น ถือมั่นในสมมุติ ในบัญญัติเสียได้... ท่านสามารถ จบกิจ จบการเวียนเกิด เวียนตายเสียได้... นั่นคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดมิใช่หรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2008
  8. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    แนะนำเวปไซท์ ปฏิจจสมุปบาท ครับ
    http://www.nkgen.com/1mainpage1024.htm

    ปรมัตถธรรม กระบวนธรรมของการเกิดขึ้นและดับไปแห่งทุกข์
     
  9. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    <TABLE class=MsoNormalTable style="BACKGROUND: white; MARGIN: auto auto auto -86pt; WIDTH: 95.72%; mso-cellspacing: 0in; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebe9ed; PADDING-RIGHT: 2.1pt; BORDER-TOP: white 1pt solid; PADDING-LEFT: 2.1pt; PADDING-BOTTOM: 2.1pt; BORDER-LEFT: windowtext 1pt solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 2.1pt; BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; mso-border-top-alt: solid white .5pt; mso-border-left-alt: solid windowtext .5pt; mso-border-bottom-alt: solid windowtext .5pt" width="100%"><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 7.5pt; HEIGHT: 8.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/statusicon/post_old.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape>31-01-2008, 10:43 PM <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: windowtext 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ebe9ed; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: windowtext 1pt solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ebe9ed; mso-border-left-alt: solid windowtext .5pt; mso-border-right-alt: solid windowtext .5pt" vAlign=top width="100%">kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_951849", true); </SCRIPT> <o:p></o:p>
    ทีม เสียงพระธรรมเทศนา<o:p></o:p>
    สมาชิกยอดฮิต <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 150pt; HEIGHT: 112.5pt" target="_blank" href="http://palungjit.org/member.php?u=38741" alt="" type="#_x0000_t75" o:button="t"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/image.php?u=38741&dateline=1157021142" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image002.jpg"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:39 PM<o:p></o:p>
    วันที่สมัคร: May 2006<o:p></o:p>
    ข้อความ: 4,491 <o:p></o:p>
    ได้ให้อนุโมทนา 37,233 ครั้ง <o:p></o:p>
    ได้รับอนุโมทนา 78,030 ครั้ง ใน 4,545 โพส <o:p></o:p>
    พลังการให้คะแนน: 8448 <v:shape id=_x0000_i1028 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1029 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1030 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1031 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1032 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1033 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1034 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1035 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1036 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1037 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1038 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    ร่วมสร้าง หลวงปู่อุปคุต ไว้ที่ปรียนันท์ธรรมสถาน <o:p></o:p>
    <HR align=center width="100%" color=white noShade SIZE=1>
    สืบเนื่องจากกุศลที่ อ.ไก่ของพวกเราได้ไปร่วมสร้างพระพุทธรูปเปิดโลกที่เชียแสน จึงได้มีโอกาส ได้รู้จักกับช่างหล่อพระฝีมือดี ซึ่งกำลังจะสร้างหลวงปู่อุปคุต ถวายครูบาน้อยพอดี <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ด้วยความศรัทธาและความเกี่ยวพันในอดีตของอ.ไก่ รวมทั้งพวกเราหลายๆคนที่มีต่อหลวงปู่อุปคุตและพญานาคทั้งหลาย จึงได้เป็นเหตุให้พวกเราได้มีโอกาสได้จัดสร้างหลวงปู่อุปคุตขนาดเท่าองค์จริงครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    งบประมาณในการจัดสร้างอยู่ที่ 30,000บาทครับ เนื่องจากค่าแบบ ค่าพิมพ์นั้น ทางช่างไม่คิดเพราะจ่ายรวมไปกับการจัดสร้างถวายครูบาน้อยแล้วครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    หลังจากที่พวกเราจัดสร้างหลวงปู่อุปคุตขนาดเท่าองค์จริงแล้ว จากนั้นก็จะก่อให้เกิดบ่อน้ำมนต์ และพระผงหลวงปู่อุปคุต เพื่อการสงเคราะห์ (แจกให้ฟรี)ติดตามมาครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    รายละเอียดเรื่องราวและการร่วมทำบุญขอเชิญ อ.ไก่ได้เลยครับ ขอโมทนาบุญด้วย<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    พวกเราหลายๆท่านที่ได้ใช้มโนมยิทธิไปกราบหลวงปู่อุปคุตที่สะดือทะเลแล้ว จะได้มีโอกาสทำบุญถวายท่านครับ<v:shape id=_x0000_i1040 style="WIDTH: 49.5pt; HEIGHT: 49.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/smilies/b2-good.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image005.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    sutatip_b<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_952053", true); </SCRIPT> <o:p></o:p>
    สมาชิก<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <v:shape id=_x0000_i1042 style="WIDTH: 150pt; HEIGHT: 97.5pt" target="_blank" href="http://palungjit.org/member.php?u=161251" alt="" type="#_x0000_t75" o:button="t"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/image.php?u=161251&dateline=1198213074" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image006.jpg"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:57 AM<o:p></o:p>
    วันที่สมัคร: Aug 2007<o:p></o:p>
    ข้อความ: 958 <o:p></o:p>
    ได้ให้อนุโมทนา 10,955 ครั้ง <o:p></o:p>
    ได้รับอนุโมทนา 19,039 ครั้ง ใน 962 โพส <o:p></o:p>
    พลังการให้คะแนน: 1977 <v:shape id=_x0000_i1043 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1044 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1045 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1046 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1047 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1048 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1049 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1050 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1051 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1052 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1053 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_highpos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Presario\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    โอนเข้าบัญชีรามาธิิบดีก็็้แล้วกันค่ะ แต่โพสต์แจ้งที่นี่ด้วยด้วยว่าสมทบหล่อพระอุปคุต<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ธ.ไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์เลขที่ ๐๒๖-๒-๙๕๗๙๖-๒<o:p></o:p>
    สุธาทิพ ภมรประวัติ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ได้แบบรูปถ่ายจากครูบาน้อย <o:p></o:p>
    (ครูบา อริยชาติ อริยจิตฺโต นามครูบาเก่งแต่เรียกกันครูบาน้อยเพราะท่านแค่อายุแคุ่ ๒๖ วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ. เชียงราย) ท่านเดินผ่านคนเป็นร้อยมาพบช่างหล่อ (ไม่รู้จักกันมาก่อน) แล้วก็ชี้ตัวบอกให้หล่อพระอุปคุต หน้าตัก ๒๙ นิ้วให้ (เกือบเท่าคนจริง) พอดีที่ช่างอู๋จะปิดงานหล่อพระปางเปิดโลกพอดีเป็นงานสุดท้ายในช่วงนี้ก่อนไปปฏิบัติธรรม<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    หลวงปู่อุปคุตท่านจะนั่งในดอกบัว มีพญานาค ๔ ตนกกขนากใต้ฐานบัวอย่างที่คุณคณานันท์เห็น ชูเศียรล้อมสี่ทิศเหมือนที่อยู่ที่สะดือทะเลค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    บาตรเป็นบาตรพระจริงจ้ะ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ได้คุยกับช่างวันนี้ ช่างว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ธรรมดา<o:p></o:p>
    ช่างบอกว่าคนจะสร้างพระได้ต้องมีบารมีธรรม คนที่จะมาร่วมกันก็มีบารมีธรรมมาร่วมกัน<o:p></o:p>
    บอกว่าเห็นมามากแล้วว่าเอาเงินมาโบกๆใช่จะสร้างพระได้<o:p></o:p>
    พอเล่าว่าพวกเราหลายคนมีหลวงปุ่เทพฯมานำไปสะดือทะเล พบพระอุปคุตที่นั่น ช่างก็คิดว่ามีเหตุเป็นไปที่จะได้มาหล่อพระให้พวกเรา<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    พระที่เชียงแสนก็เริ่มนิมิตเป็นปางลีลาแบบพุทธมลฑล สุดท้ายเป็นปางเปิดโลก (เหมือนองค์ที่ปรียนันท์)<o:p></o:p>
    พวกเราหาพระอุปคุตคุ้มครองจากมารอยู่ คุณอู๋็้จะต้องมาหล่อท่านให้ครูบาน้อยให้เราได้อาศัยใบบุญ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ถ้าคิดหล่อเองเริ่มจากศูนย์ ค่าแกะแบบก็สองสามหมื่นแล้ว (แกะพระผงปรียนันท์องค์์เล็กๆยังเกือบสองหมื่นเลยค่ะ เพิ่งเสร็จไปหมาดๆ)<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ตั้งใจว่าคงช่วยกันได้สำเร็จ<o:p></o:p>
    ทราบค่ะว่าช่วงนี้มีหลายงาน<o:p></o:p>
    แต่วางกำลังใจแล้ว ว่าขอเชิญส่งเงินร่วมบุญ มากน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ขอเชิญร่วมบุญกัน ตามที่อธิษฐานตามกันมา <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิค่ะ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ดร. ซิลวิโอ เอเมอรี่ เป็นต้นบุญ ๕๐๐๐ บาทค่ะ ขออนุโมทนา<o:p></o:p>
    ขออธิษฐานเงินส่วนเกินจากเจ้าภาพพระผงปรียนันท์ให้กับส่วนนี้ ๕๐๐๐ บาทค่ะ ขอให้เจ้าภาพสร้างพระผงได้รับอานิสงค์นี้โดยทั่วถึงกันนะคะ<o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <o:p> </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • BUDDA.png
      BUDDA.png
      ขนาดไฟล์:
      857.2 KB
      เปิดดู:
      28
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2008
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ช่วงนี้งานทางด้าน การสร้างพลังงานบวก ก็ดี การปลดปล่อยภพภูมิก็ดี ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยผู้ที่ได้ฌาน ญาณในระดับสูง ให้มาช่วยกันเป็นกำลังในตรงจุดนี้ อีกหลายๆท่านครับ

    ตอนนี้กำลังใจของหลายๆท่านในกระทู้นี้ ก็สูงมากพอกันหลายๆท่าน

    มีความมั่นคงในพระรัตนไตร มั่นคงในสัมมาทิษฐิ สิ้นความลังเลสงสัยใน การปฏิบัติและผลแห่งการปฏิบัติอย่างสิ้นเชิง เข้าใจในภาพรวมแห่งการปฏิบัติธรรมในพระบวรพุทธศาสนาอย่างชัดเจน

    ผมต้องขอกราบโมทนาในผลแห่งการปฏิบัติของทุกๆท่านผู้ใฝ่ธรรม ใฝ่ความดีด้วยครับ

    สำหรับท่านที่ได้มาติดตามอ่าน ในหน้าหลังๆและไม่ได้ไปอ่านในส่วนเริ่มต้นมา ต้องขออนุญาตให้ช่วยไปไล่อ่านตั้งแต่ช่วงต้นๆครับ เนื่องจากที่พระท่านสั่งให้สอนนี้ จะเป็นลักษณะของการปรับอารมณ์ใจให้สูงขึ้นไปทีละน้อยเป็นลำดับขั้นไปจนกระทั่งถึงการปฏิบัติในระดับสูง

    ซึ่งจากการปรับกำลังใจไปตามลำดับนี้ จะทำให้ผู้ศึกษาปฏิบัติ สามารถปฏิบัติและได้สัมผัสผลในการปฏิบัติได้รวดเร็วกว่าปกติค่อนข้างมาก อย่างที่ปรากฏผลกับหลายๆท่านที่ได้ติดตามอยู่

    และมีที่ผมต้องขออนุญาต ย้ำอีกครั้งว่า วิชชานี้ที่พระท่านเมตตาถ่ายทอดมาให้นี้ ผู้เรียนต้องเป็นผู้ประกอบไปด้วยจิตอันเป็นสัมมาทิษฐิ มุ่งนำความรู้ความสามารถที่ได้ ไปใช้เพื่อส่วนรวม ทำนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศชาติส่วนรวมเป็นสำคัญ

    หากเป็นผู้มีจิตมิจฉาทิษฐิ หรือจิตคิดร้ายต่อส่วนรวมย่อมเสื่อมจากความดี จากวิชชาฌาน ญาณทัศนะทั้งปวง หรือเรียนวิชชาเหล่านี้ไม่ขึ้น

    ดังนั้นก็คงต้องย้อนกลับมาทบทวนเรื่องสัมมาทิษฐิ กันอย่างละเอียดอีกครั้ง


    สัมมาทิษฐินั้น แท้ที่จริงก็คือ องค์แห่งมรรคมีองค์แปดประการนั่นเอง แต่หากจิตไม่ตั้งในสัมมาทิษฐิตั้งแต่ต้นแล้ว การปฏิบัติธรรมทั้งหมดก็จะฟั่นเฟือ ผิดเพี้ยน ตีความผิดไปหมดสิ้น ตั้งแต่ต้น อุปมาดั่งการตั้งเข็มทิศหางเสือผิด ก็ย่อมพลาดไปจากจุดหมาย

    หลายท่านที่ปฏิบัติธรรมแต่ไม่อาจเล็งเห็นความสำคัญแห่งสัมมาทิษฐิ แล้ว ก็เป็นเหตุแห่งความผิดพลาด ล่าช้า ในการปฏิบัติธรรม

    องค์ประกอบแห่งสัมมาทิษฐินั้น ต้องประกอบต้องทิษฐิ ความเชื่ออันเป็นพื้นฐานสำคัญดังต่อไปนี้

    -เชื่อในคุณแห่ง พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ว่ามีผลจริงท่านตรัสรู้ชอบจริง ธรรมมะมีผลแห่งการปฏิบัติจริง พระอริยสงฆ์มีจริง

    หากไม่เชื่อแต่ต้นก็ป่วยการที่จะปฏิบัติ เพราะไม่เกิดผลประการใด

    ผมได้เคยพบ ผู้ที่มีจิตเป็นมิจฉาทิษฐิมากมายทั้งที่เป็นพระและเป็นฆราวาส บางคน ไม่เชื่อว่ามีพระพุทธเจ้า บอกว่าเป็นเรื่องเล่าให้คนเชื่อ ให้คนมีศีลมีธรรม กัน ที่จริงเป็นเรื่องโกหก เขาเก่งรู้ทัน

    พระบางองค์บอกกับผมว่า การปฏิบัติธรรมไม่มีผล เขาเองทำมา สองปีแล้วไม่เห็นได้อะไร ดังนั้นคนอื่นบวชมาแป้ปเดียวจะไปได้อะไร

    พระมหาเปรียญเก้าบอกผมว่า พระโสดาบันไม่มี ทำไปไม่ได้อะไร หรอก

    เจ้าคุณบางคน บอกผมว่า อานิสงค์ของการทำบุญที่จะมีสวรรค์นั้นไม่มีจริงเป็นการหากำไรเกินควร ไม่จริงหรอก

    ที่ผมได้ยกตัวอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ผมได้ประสพเองตอนเป็นพระสงฆ์ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสพยากรณ์ ว่า "พระพุทธศาสนา จะเจริญหรือเสื่อม ก็ด้วย พุทธบริษัทสี่นั่นเอง"

    และจากที่ผมได้พบเห็นมา ด้วยตนเองก็ขอบอกได้เลยว่า ท่านที่เชื่อเป็นมิจฉาทิษฐิแบบนั้น เพศลักษณะภายนอกท่านเป็นพระจริง เทศน์สั่งสอนคนจริง แต่ใจท่านไม่เชื่อ ไม่เคารพพระพุทธเจ้า ที่ผมได้เห็น มายิ่งพาผู้อื่นเช่นพระบวชใหม่ผิดตามๆกันไปทั้งหมด บ้าง ความเป็นพระไม่สมบูรณ์บ้าง สร้างทิษฐิผิดๆไปบ้าง ท้ายสุดผู้มาบวชก็กลับเสียศรัทธาในพระพุทธศาสนา ว่าเป็นเรื่องโกหก เพราะพระใหญ่เป็นมหาเปรียญเป็นเจ้าคุณยังพูดออกมาแบบนี้ ตนเองลงนรกไม่พอยังพาผู้อื่นลงนรกไปด้วยอีกเป็นจำนวนมาก

    ดังนั้นหากท่านไม่เชื่อ ไม่เคารพพระรัตนไตร ก็จบแต่แรกแล้ว ป่วยการในการปฏิบัติ เพราะไม่มีผล ต้องอธิฐานถอนจิตมิจฉาทิษฐิและกราบขอขมาพระรัตนไตรก่อน
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    -ต้องมีความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด สังสารวัฏฏ์

    การไม่เชื่อ ไม่เห็นโทษภัยในสังสารวัฏฏ์ ย่อมไม่มีจิตคิดหลุดพ้นจาการเวียนว่ายตายเกิดมีพระนิพพานเป็นที่สุด

    เพราะพระพุทธศาสนาไม่ใช่พุทธปรัชญา ไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นสัจจะธรรม ความจริง ว่า มีการเวียนว่ายตายเกิดไปตาม ภพภูมิต่างๆ มี ภพสุขคติภูมิ มีสวรรค์ พรหมโลก อรูปพรหม พระนิพพาน ภพอบายภูมิได้แก่ เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก

    ดังที่พญาลิไทท่านได้ทรง กราบนิมนต์ให้พระมาลัยท่านถอดกายทิพย์ ไปยังภพภูมิต่างๆ เพื่อกลับนำมาเล่า และบันทึก เพื่อสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้เข้าใจใน สังสารวัฏฏ์เป็นสำคัญ

    "ไตรภูมิพระร่วง"ไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่เป็นการบันทึก ตามความเป็นจริง ที่พระมาลัยท่านได้ไปมาจริงๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในยุคสมัย ของพญาลิไทท่าน พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งคนมีศีลมีธรรมสูง

    ลองมาย้อนดูยุคสมัยปัจจุบันนี้ มีมหาปราชญ์ทางพุทธ ที่คนยกย่องกันแต่ศีลธรรมกลับเสื่อม คนกลับละทิ้งธรรม ละทิ้งความดี เพราะเลิกเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เห็นพระบวรพุทธศาสนาเป็นเพียงปรัชญา ถกธรรมมะ สนนทนาธรรมโดยเน้นวาทะแสดงภูมิ แสดงปัญญา ด้วยมานะทิษฐิว่าฉันฉลาดลึกซึ้งในธรรม ยิ่งทำให้อธิบายยากๆ ให้คนฟังยากๆได้ยิ่งทนงตนว่า ธรรมมะของฉันลึกซึ้ง พาให้คนเข้าใจผิดๆไปอีกว่าว่าธรรมมะเป็นเรื่องยากเป็นเรื่องลึกซึ้ง ยากเย็น มีผู้มีปัญญาสูงส่งเท่านั้นจึงจะเข้าใจในธรรมได้

    ซึ่งโดยพุทธประสงค์ นั้น ท่านทรงปรารถนา ปรารถที่ผลแห่งการปฏิบัติ ปรารถนาให้ผู้ฟังธรรมได้เข้าถึงธรรมได้โดยง่าย และชาวบ้านมากมาย เด็กผู้มีอายุน้อย 7 ขวบอีกมากที่ฟังธรรมแล้วบรรลุธรรม โดยฉับพลันตั้งมากมาย นับไม่ถ้วน แม้เป็นคนเข็ญใจพระพุทธเจ้าท่านก็โปรด ประดุจ มหาคงคาอันเอ็นดูต่อหมู่สัตว์เสมอกัน

    เหตุนี้ปฏิสัมภิทาญาณจึงมีองค์แห่งการบรยายธรรมเป็นอนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ ทำให้ธรรมมะที่ยากเป็นเรื่องง่าย และธรรมมะที่ง่ายๆ จำแนก ย่อยละเอียดลึกซึ้งพิสดารได้ เพื่อให้ธรรมนั้นแตกฉานกระจ่างในจิตยิ่งขึ้น เพื่อยังประโยชน์ในการสงเคราะห์คนทั้งปวงให้เข้าถึงธรรมได้โดยง่าย

    -เชื่อในกรรมและผลของกรรม เชื่อบุญ เชื่อบาป

    เพราะหากไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษแล้ว ศีลห้าย่อมไม่มีในจิตของคนผู้นั้นแน่นอน ย่อมทำเลวทรามต่ำช้าได้โดยไม่ยับยั้งช่างใจ ไม่มีหิริโอตปะ ความเกรงกลัวละอายใจต่อบาปกรรม ทำอนันตริยกรรมได้โดยง่าย

    คนส่วนใหญ่ที่ทำผิด คิดร้าย เป็นพาลชนทั้งหลาย ล้วนเเต่เป็นผู้ไม่เชื่อเวร เชื่อกรรม

    อลัชชีในศาสนาก็เกิดจากผู้ที่ไม่เชื่อเวรกรรม ไม่เชื่อนรกสวรรค์ มาศึกษาตามที่ผิดอีกก็กลับมาเห็นเป็นมิจฉาทิษฐิซ้ำอีกว่า เวรกรรมไม่มีสวรรค์นรกไม่มี การอยู่ในเพศพระเป็นที่สบาย มีคนให้คนถวาย อยู่ดีกินดี ก็เลยลวงโลก ไม่เคารพในพระธรรมวินัยแต่อย่างไร แม้แต่คุรุอาบัติมีปาราชิก ก็ทำได้โดยไม่ละอาย พอถูกจับได้ความชั่วก็ปรากฏ ก็ทราบว่าเหตุเกิดจาก ไม่เชื่อในเวรกรรม ไม่เชื่อว่ามีสวรรค์นรก ไม่เชื่อบุญเชื่อบาปแต่อย่างไร

    เมื่อเชื่อกรรมและผลของกรรมจิตก็ย่อมตั้งมั่นอยู่ในกุศล ในบุญ ในความดี เป็นสำคัญ

    เมื่อจิตน้อมในความดี ก็ย้อมใกล้พระนิพพาน ใกล้มรรค ใกล้ผล การปฏิบัติธรรมก็ปฏิบัติขึ้น ไม่ดำมืด

    -เชื่อว่า การปฏิบัติธรรมมีผล มรรคผลมีจริง พระอริยเจ้า มีจริง พระนิพพานมีจริง

    เพราะหากไม่เชื่อว่า การปฏิบัติจะมีผลแล้ว ก็ป่วยการในการปฏิบัติเช่นกัน จะทำในสิ่งที่ตนไม่เชื่อไปเพื่ออะไร

    บางท่านบอกว่า ณ .ปัจจุบันนี้ไม่มีพระอริยเจ้า ไม่มีพระอรหันต์แล้ว ก็ขอบอกได้เลยว่า ที่ท่านเข้าใจว่าไม่มีก็เพราะดวงจิตท่านมืดบอดต่อธรรม ต่อพระอริยเจ้า ที่จริงท่านมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน และจะดำรงสืบสานพระบวรพุทธศาสนาต่อไปตราบถ้วน ห้าพันปี ดังนั้นไม่ต้องห่วงกันในเรื่องนี้

    ส่วนท่านที่เข้าใจว่านิพพานสูญนั้น พระท่านบอกว่า บางท่าน มีจิตเป็นสัมมาทิษฐิ ทุกอย่างแต่ไปเข้าใจว่า นิพพานสูญนั้น ท่านนับว่าเป็นการสำคัญผิด หากแม้นว่ายังไม่ตายจากชาตินี้ก็ยังนับว่า อาจเปลี่ยน ทิษฐิกลับมา เป็นสัมมาทิษฐิได้

    เรื่องนี้ผมเองก็ต้องยอมรับว่าตนเองก็เคยเลวมาก่อน เรียนผิดมาก่อนเช่นกัน สมัยที่ศึกษาธรรมมะด้วยตนเอง อ่านแต่ตำราของ.... ก็พลอยพาไปเข้าใจว่าพระนิพพานสูญไปกับเขาด้วย จึงเข้าใจได้อย่างดีว่า อารมณ์ และความคิดที่เข้าใจว่า นิพพานสูญนั้นเป็นอย่างไร

    มารู้จักพระนิพพานจริงๆ ก็จากการปฏิบัติ จนรู้ได้ เห็นได้ กระจ่างแจ้งแก่จิตตนเองว่าที่พระพุทธองค์ท่านได้ตรัสสอนอาไว้เป็นอย่างไร

    ไอ้อารมณ์นิพพานสูญ กับสภาวะธรรมที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์นั้น แตกต่างกันอย่างไร ละเอียดปราณีตต่างกันอย่างไร

    รวมทั้งหลายๆท่านที่ปฏิบัติได้ปฏิบัติถึงก็ได้ พิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตนเองทุกคน


    ดังนั้นอยากสิ้นสงสัยก็ขอให้มาปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะผู้ที่ทำได้ ก็จะเกิดศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรม

    ธรรมนั้น

    บางท่านก็ไม่รู้ในธรรม

    บางท่านก็รู้ธรรม แบบได้ยินมาบ้าง เคยอ่านมาบ้าง

    บางท่านรอบรู้ในธรรม เชี่ยวชาญในธรรม แต่ใจไม่เคยได้สัมผัสธรรม

    บางท่านรู้ธรรมเพียงข้อเดียว แต่เข้าใจในธรรม พยายามปฏิบัติ

    บางท่าน รู้ธรรมและเข้าใจในธรรม

    บางท่าน รู้ธรรมและเข้าใจในธรรมอย่างกระจ่างแจ้งจนปรากฏการเปลี่ยนแปลงในจิตเข้าสู่ธรรม

    บางท่าน รู้ธรรม และจิตสัมผัสธรรมอย่างลึกซึ้ง รู้แจ้ง แทงตลอดในธรรม มีจิตที่เห็นพระคุณแห่งรัตนไตรได้อย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ช่วยพาตนและสัตว์ทั้งหลายให้รอดจากสังสารวัฏฏ์ จากนรกภูมิ จากอวิชชาทั้งปวง จนเกิดศรัทธามั่นคงเป็นอจลศรัทธา มั่นคงในพระรัตนไตรไม่แปรเปลี่ยน


    ขอท่านทั้งหลายจงถอดถอนจิตจากมิฉาทิษฐิทั้งปวง จากดวงจิต น้อมจิตเข้าสู่สัมมาทิษฐิอันพิสุทธิ์ เข้าถึงธรรมอันสมเด็จพระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ท่านได้ทรงมีพุทธประสงค์ด้วยเทอญ.
     
  12. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ขออนุโมทนาที่พี่คณานันท์เขียนค่ะ เพราะน้องเองก็เคยคิดแบบมิจฉาทิษฐิมา
    ก่อน แต่เชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและเชื่อว่ากฏแห่งกรรมมีจริง ต้องขอบคุณค่ะที่พี่ได้ให้ความรู้ต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อตัวน้องและท่านอื่นๆด้วย
     
  13. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    พี่คณานันท์พูดถึง ไตรภูมิพระร่วง เลยขอยกข้อความมาให้อ่านกัน

    ไตรภูมิพระร่วง ของพญาลิไท

    "พระพุทธเจ้าและพระองค์ ๆ โปรดเทพยดามนุษย์ทั้งหลายเข้าสู่นิพพาน ผิวคณนาได้ ๒๔ อสงไขยแล ๑๑๖๐ โกฏิก็มี มิก ๑๐๖,๖๖๖ คนเป็นกำไรโสดเถิงนครนิพพานอันประเสริฐยิ่งภูมิทั้งหลาย ๓ นี้แล ฯ ทั้งอนันตจักรวาฬอันเป็นเอกาทสกจบโดยสังเขปแล ฯ ผู้ใดจะเถิงแก่มหานคยนิพพานบมิรู้ฉิบหาย บมิรู้แปรปรวนไปม "

    อ่านเพิ่มเติมที่
    พระนิพพาน จากคำครูอาจารย์
    http://www.geocities.com/pranipan/

     
  14. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    หากผมเคย กระทำการอันใด ซึ่งเจือด้วยมิจฉาทิฏฐิ กระผมก็ขอถือเอาโอกาสนี้ ขอขมากรรมนั้นด้วยครับ ขอให้ทุกๆท่านและตัวผมเอง มีจิตตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฏฐิ ทุกภพชาติ ตราบสำเร็จซึ่งมรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้ด้วยเทอญ สาธุ ขอสัญญาว่าต้องหายเลวให้ได้ครับ
     
  15. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    [​IMG]

    สังโยชน์ 3 ข้อแรก
    1. สักกายทิฏฐิ คือ ความยึดมั่นถือมั่นว่า กายเป็นเรา เป็นของเรา
    2. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัยไม่รู้จริงไม่รู้ทันในธรรมทั้งปวง
    3. สีลัพพตปรามาส คือ ความประมาทไม่รักษาศีลและวัตรของตนเอง หรือ รักษาอย่างลูบคลำ ไม่รู้ ไม่เข้าใจในเหตุผลของการรักษา ไม่รู้ประโยชน์ของการรักษา และโทษของการไม่รักษาศีลอย่างแจ้งชัด รวมทั้งการปฏิบัติผิดและไม่สมควรแก่ธรรมตามฐานะของตน


    3 ข้อแรกนั้นเป็นการตัดสังโยชน์ เป็นอารมณ์พระโสดาบัน

    สังโยชน์ข้อแรกนั้นตัดด้วยการทรงมรณานุสติกรรมฐานอยู่เสมอ

    สังโยชน์ข้อที่สองนั้นคือความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย ให้ปฎิบัติจนหมดความสงสัยเชื่อว่าคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริง บาป-บุญ คุณ-โทษมี กฎแห่งกรรมมีจริง เห็นทุกอย่างเป็นสัจธรรม

    สังโยชน์ข้อที่สามนั้นรักษาศีลจนศีลรักษาเรา (รักษาจิตรักษาใจของเราข้อเดียวได้ก็ครอบคลุมทั้งหมด)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • devasapa.jpg
      devasapa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.9 KB
      เปิดดู:
      366
  16. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ความรู้สึก หรือทัศนะต่อศีลของชาวบ้านกับผู้ปฏิบัติจะต่างกัน

    ชาวบ้านเขาถือว่าศีลคือข้อห้าม ถ้าฝ่าฝืนจะบาป นักปฏิบัติเห็นว่าศีลเป็นเครื่องสบายกายสบายใจ ทำแล้วจิตสงบสบาย

    ชาวบ้านจะถือศีล ก็ต้องสมาทานเป็นข้อๆ นักปฏิบัติตั้งใจละอกุศล เจริญกุศลในจิต แล้วเกิดศีลขึ้นมาเอง

    ชาวบ้านเห็นว่าศีลทำให้กายและวาจาเรียบร้อย นักปฏิบัติเห็นว่า ใจที่เป็นปกติเรียบร้อย ไม่หลงตามกิเลสคือศีล เมื่อใจเรียบร้อยแล้ว กายวาจาก็เรียบร้อยไปด้วยโดยไม่ต้องควบคุม

    ศีลของชาวบ้านจะขาดหรือไม่ ต้องอาศัยการตีความ เช่น จะปาราชิกเพราะเสพเมถุนนั้น อวัยวะต้องล่วงเข้าไปชั่วเมล็ดงาขึ้นไป ฯลฯ ศีลที่ต้องตีความเป็นศีลโลกๆ เหมือนรัฐธรรมนูญที่ต้องตีความกันเรื่องๆ ส่วนศีลเหนือโลกไม่ต้องตีความ เพราะผู้ปฏิบัติที่มีสติสัมปชัญญะย่อมไม่นำตนเข้าสู่ภาวะล่อแหลมต่อการเสียศีล

    ความแตกต่างกันนี้เอง ทำให้ชาวบ้านเขาถือศีลได้อย่างกะพร่องกะแพร่ง ส่วนผู้ปฏิบัติที่แท้จริงจะมีศีลโดยไม่ต้องสมาทานและรักษา
    เพราะสติสัมปชัญญะที่รักษาจิตตนเองนั้นแหละ คือเครื่องทำศีลให้สะอาดบริสุทธิ์ไปในตัว


    โดย พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช วัดสวนสันติธรรม
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณ Desire ครับ


    รบกวนถามคุณคณานันท์ครับ

    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->คุณคณานันท์

    ผมได้อ่านจากหนังสือกรรมฐาน 40 ของหลวงพ่อฤาษีฯ ท่านเขียนไว้ว่า พระโสดาบันคือ ศีลห้าบริสุทธิ์ วางจากการยึดมั่นถือมั่นในกาย และวางอารมณ์จิตไว้ที่พระนิพพาน (ถ้าผิดหรือไม่ครบ ช่วยแก้ไขให้ด้วยครับ) แต่ฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านว่า วางจากกายแต่เพียงอย่างเดียวยังไม่ใช่โสดาบัน ต้องวางจากการยึดมั่นถือมั่นในตัวจิตด้วย

    สับสนครับ อย่างไรจึงถูก อย่างไรจึงจะเข้าใจได้ง่าย
    เมื่อปฏิบัติทางวิปัสสนาญาณไปแล้ว จะรู้อย่างไรว่า เราละจากกายได้จริงหรือยัง จะเช็คตัวเองจากอะไรดีครับ

    รบกวนช่วยแก้ไข และแนะนำเพิ่มเติมให้ด้วยครับ
    กราบขอบพระคุณ

    ------------------------------------------------------


    ในสังโยชน์สิบ ข้อที่หนึ่งคือ สักกายทิษฐิ ความสำคัญมั่นหมายในกายนั้น

    ถึงเป็นสังโยชน์ข้อเดียวกัน ที่พระอริยเจ้าท่านต้องตัด ต้องละ นับตั้งแต่ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ไปจนถึงพระอรหันต์นั้น

    พระท่าน สอนว่า มีกำลังใจในการตัด สังโยชน์ข้อนี้ไม่เสมอกัน

    สำหรับ พระโสดาบัน มีกำลังใจ และปัญญาเข้าใจใน ร่างกายนี้ว่ามีความตายไปในที่สุด จิตมีความปล่อยวางในร่างกาย รู้เท่าทันในสังขารร่างกาย ในระดับหนึ่ง

    พระโสดาบันท่านจึงยังมี ครอบครัว ได้ ยังทำงานหาเลี้ยงชีพได้ ยังอยากสวย อยากรวยอยู่ แต่อยู่ในขอบเขตของศีลที่บริสุทธิ์ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เข้าใจในความไม่เที่ยงของร่างกาย เจริญมรณานุสติอยู่เป็นนิจ เข้าใจในความตายว่า เรามีความตายกันในที่สุดทุกๆคน (เหตุนี้พระโสดาบันจึงมีประเภทที่ต้องมาเกิด สามชาติ เจ็ดชาติ ก่อนบรรลุอรหันต์ ขึ้นกับระดับความปล่อยวางรู้เท่าทันขันธ์ห้า ร่างกาย) ส่วนท่านที่เป้นพระโสดาบัน แต่ขณะจิตก่อนตาย เกิดวาระบุญให้ผล เห็นทุกข์ในการเจ็บไข้ไม่สบาย ไม่เอา กาย เบื่อเกิด ตัดไปพระนิพพาน บรรลุเป็นพระอรหันต์ก่อนดับจิตเสียก็มีมากมายนับไม่ถ้วน


    พระสกิทาคามี ก็มีความเข้มข้นของจิตในความเข้าใจในร่างกายนี้ สูงขึ้นละเอียดขึ้นไปตามลำดับ ความรู้เท่าทันร่างกายนอกจากความตายก็เห็นความไม่สะอาด เห็นปฏิกูลสัญญาชัดเจนขึ้น จิตเริ่มห่างจากทางโลกมากขึ้น เห้นภาระทางโลกเป็นความทุกข์ เห็นทุกข์ที่เกิดจากร่างกาย การต้องไปปรนเปรอรับใช้ร่างกายว่าเป็นทุกข์ หาของดีๆให้มันกิน มันก็แก่ หาเสื้อผ้าสวยๆให้มัน มันก็เก่า ก็เหม็น มันป่วยต้องหาเงินทองมารักษามัน ใจเริ่มน้อมเห็นโทษของการยึดมั่นในกายมากขึ้นๆ


    พระอนาคามี นั้นท่านได้เห็นโทษภัยในร่างกายชัดเจน จนจิตตัดวางจากทางโลก มุ่งสู่การบวชหรือเป็นผู้ไม่ครองเรือน หมดการกำหนัดยินดีในกายของตนและบุคคลอื่นอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น จิตท่านจะน้อมมาถือศีลแปดเองโดยไม่ต้องฝืนไม่ต้องบังคับ เป็นไปเอง ไม่ต้องการปรุงแต่งกายด้วยของหอมของสวยงามเพราะเห็นความไม่เที่ยง (แต่หากยังเป็นฆราวาส ท่านก็อาจอนุโลมตามสังคมโดยไม่ละเมิดศีล เช่น ใช้ยาดับกลิ่นกายในการออกไปในที่ชุมชน แต่ไม่ได้เป็นไปเพื่อ กามฉันทะ)

    ท่านจะเห็นกายตนเอง กายบุคคลอื่นประดุจซากศพ บ้าง โครงกระดูกบ้าง หมดจิตคิดหลงว่าเป็นของสวยงาม กำลังใจ กำลังปัญญา ในขันธ์ห้าของท่านชัดเจนมั่นคง


    พระอรหันต์ นั้น อวิชชาที่ครอบงำให้เข้าใจว่าร่างกายนี้ เป็นของสวยงามก็ดี เป็นที่น่ายินดีรักใคร่ก็ดี เป็นสิ่งที่หนุ่มสาวตลอดกาลตลอดสมัยก็ดี เป็นสิ่งที่อมตะยืนยาวตลอดไปก็ดี เป็นของสะอาด เป้นความสุขก็ดี

    ล้วนหลุดสลายออกไปจากจิตของท่านจนหมด ท่านได้รู้แจ้งแทงตลอดในความเป็นจริงทุกประการแห้งสังขารร่างกายแบบกระจ่างแจ้งในจิตในใจ ไม่ใช่รู้สักแต่ว่ารู้ แต่เป็นการ"รู้แจ้ง" จนจิตปล่อยวางหลุดพ้นจนถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายออกไปจนหมดสิ้น

    ไม่เอาอีกแล้ว การเกิด ไม่เอาอีกแล้วการมีร่างกายนี้ ไม่เอาอีกแล้วความทุกข์ทั้งปวง อันเนื่องมาจากร่างกายนี้ทั้งสิ้น



    จะเห็นได้ว่า เป็นสังโยชน์ข้อเดียวกัน แต่ความเข้มข้นของกำลังใจไม่เท่ากันครับ

    อันที่จริงเห็นความตาย เห็นความไม่เที่ยง จิตก็ย่อมปล่อยวางจากการยึดติดในร่างกายก็ดี ทรัพย์สมบัติก็ดี ไปอีกมากครับ เราไม่ตายจากเขา เขาก็ตายจากเรา เราลองพิจารณาดูว่า หากคนที่เรารักตายไปเราจะทำใจ เข้าใจได้ไหม ว่ามันเป็นธรรมดาในสังขารของทุกๆคน

    เราลองพิจารณาดูว่า หาก เราต้องตายไปในคืนนี้ เราทำใจได้ไหม ทำความดีเพียงพอหรือยัง หากตาย เราจะไปไหน

    น่าตกใจนะที่ เรื่องนี้ทุกๆคนจะต้อง ประสพ(อย่างแน่นอน) แต่ไม่เคยคิดกันเอาไว้ก่อนเลย

    พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงมีปัจฉิมโอวาสว่า ท่านทั้งหมดจงอย่าได้ประมาท จงยังความประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"

    นั่นคือท่านหมายความว่า แม้พระองค์ท่านเองก็ไม่อาจพ้นจากความตายไปได้ แล้วเราประมาทในความตายหรือไม่เพียงไร ทำความดี มีสุขคติภูมิเป็นที่ไปหรือไม่ ทุกคืน ทุกวัน จงพิจารณาว่าหากเราตายไปในวันนี้ ในนาทีนี้ เราจะไปไหน ดังนั้นขอให้ทุกท่านจงพิจารณาตัดสังโยชน์ข้อนี้ออกจากจิตอยู่เป็นนิจ ท่านก็จะไม่เป็นผู้ประมาท ในชีวิตในร่างกายนี้


    ขอความเจริญในธรรม กำลังในวิปัสนาญาณจงเพาะบ่มในดวงจิตอันงดงามด้วยแสงธรรมทุกดวงด้วยเทอญ.




    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2008
  18. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เกิดมาก็รอตายแล้ว
    เพื่อนเป็นหมดสูติ ทำคลอดเด็กออกมา มีโครโมโซมคู่หนึ่งสามแท่งใน๑เซลล์
    เ็ด็กเกือบเดือน ตอนนี้จะไม่รอดแล้ว
    พ่อแม่เตรียมซูหมอ อ้างว่าปล่อยให้รอดมาทำไม ค่าคลอดก็เสีย ค่ารักษาก็เสีย
    ไม่รู้จักไตรลักษณ์ ไม่สามารถรักษาพรหมวิหารได้

    อีกหน่อยใครมีลูกก็คลอดเองนะ หมอเขาจะเลิกกันหมดแล้ว
    เล่าให้ฟังค่ะไว้เตือนตน
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    เมตตา
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อยากจะขอรบกวนให้คุณคณานันท์ ช่วยสอนเรื่องการฝึกกสิณ ในกระทู้นี้อีกครั้งได้ไหมครับ พอดีวันที่ 5 มกราคม ไม่ได้ไปฟังครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...