วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    ...แสงแดดทอเปล่งประกายส่องสว่าง<O:p</O:p
    มืดมิดจางใสกระจ่างส่องให้เห็น
    เสียงจังหวะของหัวใจยังคงเต้น<O:p</O:p
    ยังคงเล่นเป็นจังหวะของชีวิต
     
  2. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    :boo:[​IMG]กลอนก็ให้ความหมายและให้ข้อคิดที่ดีมาก ภาพนี้ก็สร้างความเข้าใจและเตือนความจำดี(||) (deejai)
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    คราวนี้เรามาสรุปในส่วนธรรม ว่าเราได้ก้าวหน้าเจริญในธรรมอะไรกันจากการเดินทางไปในทริปนี้กันบ้าง


    ก่อนอื่นต้องบอกว่า เป็นทริปที่เราเจอสิ่งที่แปลกประหลาด เป็นปาฏิหาริย์กันเยอะมากจนเป็นเรื่องปกติธรรมดากันไป เจอกันทุกวัน ทุกเช้าเย็น

    ซึ่งสิ่งที่ท่านมาเมตตาสงเคราะห์พวกเรานั้นก็เพื่อที่จะสร้างศรัทธาในการปฏิบัติของผู้ที่ยังไม่มีศรัทธาให้เกิดขึ้น และท่านที่มีศรัทธาแล้วให้ตั้งมั่น เป็นอจละศรัทธา

    เรื่องอภิญญาทั้งที่ได้เห็น ได้สัมผัส ได้ยิน ก็ขอให้เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ ตั้งจิตเป็นอุเบกขาเข้าไว้

    สิ่งสำคัญก็คือ การเปลี่ยนแปลงและการขัดเกลาจากภายในจิตของเรา

    ให้เราเอง มีจิตที่สะอาดขึ้น กิเลสลดน้อยลง คลายตัวลง
    ให้อภัยต่อผู้อื่นได้มากขึ้น
    มีเมตตามากขึ้น ทรงตัวเป็นปกติ
    การทรงภาพพระชัดเจนแจ่มใส
    วิปัสนาญาณแจ้งชัดในธรรม อันเป็นเครื่องหลุดพ้น

    บางท่าน มามืด จิตมีความอาฆาตพยาบาท โหดร้าย ก็พลิกจิตกลับมาเป็นสัมมาทิษฐิ จนต้องหลั่งน้ำตา
    ครั้งแรก เพราะสำนึกผิดในจิตของตนเองที่ทำไปด้วยจิตที่โกรธ พยาบาท

    แต่ครั้งที่สอง หลั่งน้ำตาเพราะธรรมปิติ ได้เห็นทางแห่งแสงสว่าง แห่งธรรมอันเป็นสัมมาทิษฐิ

    ต้องขอบคุณที่หลายท่านยอมอดทน นั่งเบียดกันในรถเพื่อตั้งใจฝึกสมาธิกันตลอดการเดินทาง ไปใกล้ ไปไกล เราฝึกสมาธิกันตลอด ไม่ปล่อยเวลาล่วงไปอย่างเปล่าประโยชน์

    บางท่านตั้งใจที่จะข่มใจตัวเอง ไปทำสมาธิกันในป่าช้า เพื่อเพาะบ่มกำลังใจและความตั้งมั่นในคุณพระพุทธเจ้า ด้วยสมาธิจิตที่มั่นคง โดยมีพี่ชานน ช่วยเป็นกัลยาณมิตรนำทางไปฝึก

    ประสพการณ์ในการได้พบ ได้สนทนาธรรม ฟังธรรม ที่พวกเราได้เก็บเกี่ยวกันตลอดทริปนี้เป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า อย่างยิ่งของพวกเราทุกคน ที่อยากแบ่งปันให้กัน

    บทเรียนที่เป็นครูเรานั้นมีทั้งสิ่งที่ถูก คือเรียนถูกว่าเป็นอย่างไร และก็เรียนผิด คือการเรียนรู้ว่า ผิดนั้นมันผิดอย่างไร เมื่อดูเมื่อรู้ เราก็ยิ่งเร่งปรับปรุงแก้ไขขัดเกลาตนเอง ขอเน้นว่าตนเอง ให้เขาถึงความดีให้มากที่สุด

    แต่จงอย่าได้ หลงว่าเราดีแล้ว เพราะเมื่อเราคิดว่าเราดีแล้ว เก่งแล้ว เราเองก็จะไม่พิจารณาในการพัฒนาตนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเป้นดังนั้นเราก้จะย่ำอยู่กับที่ ถอยหลัง ไม่ก้าวหน้า

    จิตที่อ่อนน้อมถ่อมตน มากเท่าไร ก็ยิ่งก้าวหน้าในการเรียนรู้ทุกสิ่งได้มากเท่านั้น

    จะสร้างดาบต้องเอาเหล็กมาเผา มาทุบ ให้เหล็กแกร่ง ฉันใด บางครั้งในธรรมเราก็ต้องพบกับบททดสอบที่หนักหน่วงกับจิตใจเราในเบื้องต้นเช่นกัน เมื่อยังเป็นเหล็กดิบอยู่

    ครั้นจิตเราเริ่มอยู่ในแนวทาง ในอารมณ์ปฏิบัติที่ถูกต้อง จิตมีความนอบน้อมอ่อนโยนควรแก่การแล้ว

    ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการขัดเกลากิเลส อุปมาดังการลับดาบให้มีความคม

    เหล็กดิบกระด้างมาก ก็ย่อมต้องกระหน่ำตีเป็นธรรมดา ดาบดี ตีทบกันไปมาเป็นพันๆชั้น จนมีความแกร่ง ความคมอย่างยิ่งยวด
    ดาบสามัญตีพอเป็นรูปดาบก็พอใช้งานแต่ไม่มีความแกร่งความทน

    ช่างตีดาบชั้นครู ย่อมรู้ว่าเมื่อใดต้องกระหน่ำตี เมื่อไรต้องเคาะไล่ เมื่อไรต้องแช่น้ำประสาน เมื่อไรต้องเผาไฟจนแดง

    ดังนั้นจึงขอให้เชื่อมั่นในความปรารถนาดีที่กัลยาณมิตรทั้งหลายมีให้ต่อกันด้วยว่าเป็นไปเพื่อ มุ่งความเจริญในธรรมของกัน ไม่ได้กระทำไปด้วยกำลังของกิเลส

    ดังนั้นหากผมจี้ หรือจ้ำจี้จ้ำไชใครบ้างก็ขอได้โปรดอภัยด้วยครับ

    ว่าแต่อ่านอยู่นี่ จับลมหายใจสบาย แผ่จิตอารมณ์พระนิพพานและทรงภาพพระกันได้อยู่หรือเปล่า ?
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ข้อความข้างบนนี้...

    ธรตั้งใจที่จะสะกิดผู้ปฏิบัติธรรมบางท่าน... ถ้าแรงไป ธรกราบขอขมาโทษไว้ ณ ที่นี้ค่ะ...

    ธรหวังเพียงแค่ขอให้ทุกๆ ท่าน ที่ได้อ่านข้อความนี้ หันมาดูตัวเอง พิจารณาตัวเองกันบ้าง หัดยอมรับความจริงกันบ้าง... เพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของตัวท่านเอง...

    ถ้าเรายอมที่จะ เปลี่ยนแปลง และ ขัดเกลาจิตของเราเอง ด้วยความมุ่งมั่น...

    ธรเชื่อมั่นว่า จิตของเราจะ ใส สว่าง สะอาด บริสุทธิ์ มากขึ้นตามลำดับ... จนในที่สุดเราจะบรรลุซึ่งพระนิพพาน ดินแดนแห่งเมืองแก้ว เฉกเช่นเดียวกับองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย และครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านประทับอยู่ ณ ที่นั้นได้...

    ธรเองก็ยังมีความเลวอยู่มากมาย การปฏิบัติธรรมก็ยังไม่ใช่จะก้าวหน้าอะไรนัก... ซึ่งจริงๆ แล้วธรถือว่า ตัวเองยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสะกิดเตือนใครด้วยซ้ำ...

    แต่เพราะเจตนาดีที่ไม่อยากจะให้ความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของหลายๆ ท่านต้องมา สะดุด ชะงัก หรือไม่ก้าวหน้า... เพียงเพราะ แค่คำว่า

    ความเคยชิน .... เท่านั้นเอง

    ดังนั้น ธรกราบขอขมาโทษอีกครั้งค่ะ... ที่ทำให้ขุ่นเคืองใจกัน...
     
  5. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ อชินิ มํ อหาสิ เม
    เย เจ ตํ อุปนยฺหนฺติ เวรํ เตสํ น สมฺมติ
    อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ อชินิ มํ อหาสิ เม
    เย จ ตํ นูปนยฺหนฺติ เวรํ เตสูปสมฺติ

    คำแปล
    *****
    บุคคลใด ผูกเวรว่า ผู้นี้ได้ด่าเรา ได้ตีเรา ได้ชนะเรา ได้ลักของเรา เวรของผู้นั้น ย่อมไม่ระงับลงได้ ส่วนบุคคลใด มิได้ผูกเวรไว้เช่นนั้น เวรของผู้นั้นย่อมระงับลงได้

    อธิบายความ
    ********
    คำว่าผูกเวร ในความหมายทางศาสนา หมายถึงการผูกใจเจ็บหรือพยาบาทน<WBR>ั่นเอง


    บุคคลผู้ดำรงชีวิตอยู่ในโลกยิ<WBR>่งนานเท่าใด ก็ยิ่งถูกมรสุมแห่งชีวิตมากเท<WBR>่านั้น มรสุมดังกล่าวนี้เช่น มีคนด่าเสียดสีบ้าง มีคนมาทุบตีประหัตประหารบ้าง ในการแข่งขันในเกมชีวิต เขาชนะเราบ้าง และเราอาจถูกลักถูกขโมยของอันเป<WBR>็นที่รักบ้าง
    เมื่อถูกกระทำเช่นนี้ ใครผูกเวร ผูกพยาบาท ก็ต้องจองเวรกันอยู่เรื่อยไป มีการกระทำและกระทำตอบอยู<WBR>่เสมอไม่สิ้นสุดลงได้ บางทีหลายชั่วอายุคน จองเวรกันอยู่หลายชาติก็มี
    ส่วนบุคคลผู้พิจารณาเห็นโทษของกา<WBR>รจองเวร ไม่ผูกเวรใครผิดพลาดต่อตนก็ให<WBR>้อภัยเสีย ประกอบด้วยขันติและเมตตา มีอุดมคติ ยึดคำสอนของพระพุทธเจ้าเป<WBR>็นทางดำเนินชีวิต และถือว่าบุคคลประกอบกรรมอันใด ย่อมจะได้รับผลแห่งกรรมอันนั้นด<WBR>้วยตนเอง พยายามคุ้มครองรักษาตนให้บริส<WBR>ุทธิ์อยู่ด้วยใจอันมั่นคง บุคคลเช่นนี้ย่อมไม่มีเวร เมื่อไม่มีเวร ภัยจักมีจากไหน
    แนวคิดอย่างนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับความเชื่อในเร<WBR>ื่องกฎแห่งกรรมและการเกิดใหม่ จงดูตัวอย่างเรื่องพระจักข<WBR>ุบาลในเรื่องที่หนึ่งตามที่กล<WBR>่าวมาแล้ว ท่านมีเวรในอดีตด้วยการประกอบยา ทำให้หญิงคนหนึ่งตาบอด มาในชาติสุดท้าย ท่านจึงมีภัย คือการตาบอดในขณะทำความเพียร
    อาจมีคนคัดค้านว่า ท่านตาบอดเพราะทำความเพียรโดยไม<WBR>่นอนต่างหาก หาใช่เพราะกรรมเก่าแต่ประการใดไม<WBR>่ ถามว่าก็อะไรเล่าชักนำ หรือดลบรรดาลใจให้ท่านเห็นดีเห<WBR>็นงามในการประพฤติเช่นนั้น มิใช่แรงบรรดาลแห่งกรรมเก<WBR>่าดอกหรือ?
    แรงกรรมมีอำนาจเหนือสติปัญญา สมดังที่พระศาสดาตรัสว่า นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีกำลังใดเสมอด้วยกำลังแห<WBR>่งกรรม ถ้าสติปัญญามีอำนาจเหนือแรงกรรมแ<WBR>ล้ว จะมีนักปราชญ์ หรือบัณฑิตใดเล่า จะต้องตกอับ หรือผิดพลาดในชีวิต

    ดังนั้น บัณฑิตจึงไม่ควรก่อเวร ไม่ควรผูกเวร เพื่อจักได้ระงับเวรทั้งในปัจจ<WBR>ุบันและอนาคต
    เรื่องประกอบพระติสสะ
    ***************

    พระติสสะ เกี่ยวข้องเป็นพระญาติของพระพ<WBR>ุทธเจ้าคือเป็นพระโอรสแห่งพระป<WBR>ิตุฉาของพระศาสดา จึงนับเนื่องเป็นเจ้าชายพระองค<WBR>์หนึ่งแห่งศากยวงศ์ พระติสสะ บวชเมื่อแก่แล้ว ปรากฏว่าเป็นคนมีลาภสักการะมากผ<WBR>ู้หนึ่ง ชอบห่มจีวรสีสวย รีดเรียบ และนั่งวางภูมิอยู่ที่โรงฉันซึ<WBR>่งมีเสนาสนะสงฆ์ล้อมรอบ
    วันหนึ่งภิกษุ อาคันตุกะหลายรูป มาเฝ้าพระศาสดาผ่านมาเห็นพระต<WBR>ิสสะ นั่งภูมิฐานอยู่ เข้าใจว่าเป็นพระเถระ จึงเข้าไปทำความเคารพ
    พระติสสะ ทำเฉยไม่แสดงความเคารพตอบพระผู<WBR>้ใหญ่ ไม่รู้จักประมาณตน มิได้กระทำสิ่งที่ควร เช่น สามีจิกรรม (การแสดงความเคารถอันควรแก่ฐานะ) เป็นต้น จึงถูกพระอาคันตุกะตำหนิพระต<WBR>ิสสะก็เกิดขัตติยมานะขึ้น ถือตนว่าเป็นพระญาติของพระศาสดา
    พระศาสดาตรัสตำหนิพระติสสะนานาปร<WBR>ะการที่ไม่ได้กระทำกิจอันควรแก<WBR>่อาคันตุกะ เช่น มิได้ลุกขึ้นต้องรับ มิได้ถามถึงการรับบริขาร มิได้ถามถึงธรรมเนียม, ความต้องการน้ำดื่ม ไม่นำอาสนะมาให้ มิได้ถามโดยเอื้อถึงการนวดม<WBR>ือนวดเท้า เป็นต้น
    แลแล้ว พระพุทธองค์รับสั่งให้พระต<WBR>ิสสะขอโทษพระอาคันตุกะเหล่านั<WBR>้นเสีย แต่พระติสสะไม่ยอมทำ อ้างว่าพระเหล่านั้นด่าท่านก่อน พระพุทธองค์ตรัสว่า "ติสสะ! โทษของเธอมีอยู่ จงขอโทษพระเหล่านี้เสีย" ถึงกระนั้นพระติสสะก็หายอมไม่ พระทั้งหลายจึงทูลว่าพระติสสะห<WBR>ัวดื้อ ว่ายากสอนยาก
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย! พระติสสะจะเป็นผู้ว่ายากสอนยากแต<WBR>่ในบัดนี้ก็หาไม่ แม้ในชาติก่อนก็เคยเป็นผู้ว<WBR>่ายากสอนยากมาแล้วเหมือนกัน"
    เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลขอร้องให<WBR>้เล่าเรื่องในอดีต พระศาสดาจึงทรงนำเรื่องในอด<WBR>ีตมาตรัสเล่าว่า
    ในอดีตกาล มีดาบสรูปหนึ่ง ชื่อเทวละ อยู่ในเขตหิมวันตประเทศ 8 เดือนแล้ว เข้ามาสู่เมืองพาราณสีต้องการพ<WBR>ักอยู่สัก 4 เดือน เพื่อได้ลิ้มรสเปรี้ยวและเค็มบ<WBR>้าง มาขอพักอาศัยอยู่ ณ โรงทำหม้อของช่างหม้อคนหนึ่ง
    ในเย็นวันเดียวกันนั้นมีดาบสอ<WBR>ีกรูปหนึ่ง ชื่อนารทะมาจากหิมวันตประเทศเหม<WBR>ือนกัน และมาขอพักที่โรงทำหม้อของช<WBR>่างหม้อคนเดียวกัน
    "ท่านผู้มีอายุ!" นารทะกล่าว "ถ้าไม่เป็นการหนักใจ ข้าพเจ้าขอพักในโรงทำหม้อของท<WBR>่านสักคืนหนึ่งเถิด"
    ช่างหม้อต้องการหลีกเลี่ยงความร<WBR>ับผิดชอบ จึงกล่าวว่า "ท่านผู้เจริญ! ในโรงทำหม้อของข้าพเจ้ามีดาบสท<WBR>่านหนึ่งมาพักอยู่แล้ว ก่อนหน้าท่านเพียงเล็กน้อย หากท่านตกลงกับดาบสนั้นได้ก็เช<WBR>ิญท่านตามสบายเถิด"
    นารทะจึงทำความตกลงกับเทวละๆ ยินยอม บอกว่าท่านเลือกนอนเอาได<WBR>้ตามปรารถนา
    เมื่อถึงเวลานอน นารทะได้กำหนดไว้แล้วว่า เทวละนอนตรงนั้นๆ เพื่อตนออกไปธุระเวลากลางคืนจ<WBR>ักได้ไม่กระทบกระทั่งกัน แต่พอเวลานอนจริง เทวละกลับไปนอนขวางประตูเสีย
    ตอนดึก นารทะออกไป จึงเหยียบเอาชฎา และก้านคอเทวละโกรธมาก แม้นารทะพยายามขอโทษเท่าไรก็ไม<WBR>่ยอม กล่าวคำสาปว่า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมาให้ศ<WBR>ีรษะของนารทะแตกเป็น 7 เสี่ยง
    ฝ่ายนารทะก็กล่าวบ้างว่า ใครมีความผิดขอให้ศีรษะของผู้นั<WBR>้น แตกเป็น 7 เสี่ยง
    ก็นารทะนั้นเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมา ระลึกชาติและเหตุการณ์ได้ถึง 80 กัปป์ คือในอดีต 40 กัปป์ ในอนาคต 40 กัปป์ จึงลองใคร่ครวญดูว่า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมา ศีรษะของใครจักแตก ได้รู้ว่า ศีรษะของเทวละจักแตก เกิดจิตต์เมตตา จึงใช้อานุภาพของตนห้ามพระอาท<WBR>ิตย์ไม่ให้ขึ้น
    เมื่อพระอาทิตย์ไม่ขึ้น กลางคืนนานเกินไป ประชาชนก็เดือดร้อน จึงพากันเฝ้าพระราชา ขอให้ทำให้พระอาทิตย์ขึ้น พระราชาทรงสำรวจพระจริยาวัตรทั<WBR>้งปวงของพระองค์ ก็ไม่ทรงเห็นข้อบกพร่องไรๆ ทรงเฉลียวพระทัยถึงการวิวาทของพว<WBR>กนักพรตว่าอาจมีในนครของพระองค์ จึงตรัสถามประชาชน, ทรงทราบว่า เมื่อวานนี้มีนักพรตประเภทดาบสสอ<WBR>งท่านมาพักที่บ้านช่างหม้อใกล<WBR>้เมือง
    พระราชาทรงแน่พระทัยว่า การที่พระอาทิตย์ไม่ขึ้นครั้งนี้ คงเนื่องมาจากการทะเลาะของดาบสท<WBR>ั้งสองเป็นแน่นอน จึงเสด็จไปพร้อมด้วยข้าราชบร<WBR>ิพารและประชาชนเป็นอันมาก ได้ทรงทราบเรื่องทั้งปวงจากเทวละ<WBR>ดาบส ตรัสถามว่าทำอย่างไรเทวละจึงจะพ<WBR>้นอันตราย นารทะดาบสถวายพระพรว่า ต้องให้เทวละขอโทษท่าน เมื่อท่านคลายฤทธิ์ พระอาทิตย์ขึ้นมา เทวละก็จะปลอดภัย พระราชาทรงขอร้องให้เทวละดาบสขอโ<WBR>ทษ แต่เทวละไม่ยอม พระราชาจึงรับสั่งให้จับเทวละดาบ<WBR>สแล้วให้หมอบลงแทบเท้าของนารทะ
    นารทะทูลว่า การขอโทษดังนี้ เทวละมิได้ทำด้วยความเต็มใจ หาพ้นโทษไม่ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมาศีรษะจะต<WBR>้องแตกเป็น 7 เสี่ยง นารทะจึงออกอุบายให้นำเทวละลงไปแ<WBR>ช่ในสระน้ำให้เอาดินเหนียวพอกศ<WBR>ีรษะไว้ พอท่านคลายฤทธิ์ ให้เทวละดำไปผุดที่อื่นเสีย
    เทวละดาบสได้ทำดังนั้น นารทะคลายฤทธิ์ พระอาทิตย์ขึ้นมา เทวละดำน้ำลงไปผุดในที่อีกแห<WBR>่งหนึ่ง ส่วนดินเหนียวได้แตกเป็น 7 เสี่ยง
    พระศาสดาตรัสประชุมชาดกว่า พระราชาในกาลนั้นคือ พระอานนท์ เทวละดาบสเป็นพระติสสะหัวดื้อ ส่วนนารทะดาบส คือพระองค์เอง
    แลแล้วได้ตรัสกับพระติสสะว่า
    "ดูก่อนติสสะ! เมื่อภิกษุคิดอยู่ว่า ผู้โน้มฆ่าเรา ประหารเรา ชนะเรา ลักสิ่งของๆ เรา เวรของผู้นั้น ย่อมไม่ระงับลงได้ ส่วนผู้ใดไม่คิดดังนั้นเวรของเขา<WBR>ย่อมระงับลง"

    คัดลอกจาก....อาจารย์วศิน อินทสระ
    ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
     
  6. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    เมื่อคืนมีโอกาสได้แนะนำคุณแชมป์ในเรื่องของมโนมยิทธิค่ะ... จึงนำมาให้ได้อ่านกันนะคะ...

    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ says:
    พี่ธร ทำไรอยู่ป่าวฮะ
    Dhorn says:
    ทำไมเหรอ
    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ says:
    เผื่อจะดึงคนในเวปมาคุยด้วย
    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ says:
    เค้าอยากฝึก มโน
    Dhorn says:
    เอาสิ ช่วยๆ กันนะ

    Tanachai has been added to the conversation.

    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ says:
    มาๆ แนะนำให้รู้จัก
    Tanachai says:
    ครับ
    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ says:
    อันนี้พี่ธร นะ
    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ says:
    ผมนัท
    Dhorn says:
    สวัสดีค่ะคุณธนชัย
    Tanachai says:
    หวัดดีครับ ผมแชมป์คับ
    Tanachai says:
    หวัดดคับ
    Dhorn says:
    โอเคค่ะ แชมป์
    Dhorn says:
    สนใจเรื่องมโนหรือคะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Tanachai says:
    สนใจแบบจริงๆจังๆอ่ะคับ
    Dhorn says:
    แล้วเคยฝึกมาบ้างหรือยังคะ
    Tanachai says:
    เคยฝึกที่บ้านสายลมมาสี่ห้าครั้งแล้วครับ
    Tanachai says:
    แต่ก็ยังตามเขาไม่ค่อยทัน
    Dhorn says:
    ตามไม่ค่อยทันนี่...
    Tanachai says:
    คือแบบว่า
    Tanachai says:
    เวลาอาจารย์ถามให้ตอบ ผมก็ตอบไม่ค่อยจะถูก
    Dhorn says:
    เห็นไม่ชัด หรือรับสัมผัสไม่ได้คะ
    Tanachai says:
    ผมว่า
    Tanachai says:
    ผมก็ไม่รู้ครับ
    Tanachai says:
    เพราะว่า เหมือนเห็นไม่ชัด
    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ says:
    อ้ะๆ พี่ธร เริ่มฝึกพื้น ใหม่เลยดีไหม
    Tanachai says:
    แต่มันก็ทำให้เกิดว่าที่ไม่ชัดที่มันเห็นจริงหรือเปล่า
    Tanachai says:
    ได้เลยคับๆๆ
    Tanachai says:
    เป็นพระคุณมากครับถ้าผมจะขอเริ่มใหม่
    Dhorn says:
    ก่อนจะเริ่ม
    Dhorn says:
    อย่างแรก
    Dhorn says:
    ตัดความสงสัยทิ้งไปให้หมดก่อนค่ะ
    Dhorn says:
    ให้มั่นใจว่าเราทำได้จริง
    Tanachai says:
    อืมครับ
    Dhorn says:
    วางใจเฉยๆ อย่าอยากรู้อยากเห็นอะไรทั้งสิ้น
    Tanachai says:
    อืมคับ
    Dhorn says:
    จับลมหายใจสบายๆ สักพัก
    Dhorn says:
    พร้อมภาวนา นะ มะ พะ ทะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Tanachai says:
    ให้ผมทำเลยป่ะคับ?
    Dhorn says:
    ใช่ค่ะ
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    จับลมสบายได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    ได้คับ
    Dhorn says:
    ทีนี้พิจารณาถึงความไม่เที่ยงของสังขารร่างกายเรา
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    ว่าสังขารร่างกายนี้มีแต่ความสกปรกโสโครก
    Dhorn says:
    มีแต่ความเน่าเหม็น
    Dhorn says:
    หาความสวยงามอะไรไม่ได้เลย
    Dhorn says:
    ถ้าไม่แปรงฟันแค่วันเดียวก็มีแต่กลิ่นเน่าเหม็นออกมาแล้ว
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    ถ้าไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายสักเดือน
    Dhorn says:
    คงไม่ต่างจากกองขยะที่เดินได้
    Dhorn says:
    นอกจากนั้น ในร่างกายของเราก็มีแต่โรคภัยไข้เจ็บ
    Dhorn says:
    ความหิวก็เป็นโรค
    Dhorn says:
    การเสียดแทง
    Dhorn says:
    การทรมาณจากความเจ็บป่วยทางกายยังไม่ทันจะทุเลา
    Dhorn says:
    เราก็ต้องทนทุกข์กับความเสียดแทงทางใจ
    Dhorn says:
    ต้องรับอารมณ์กระแทกกระทั้นจากคนรอบข้าง
    Dhorn says:
    ต้องคอยอดทนกล้ำกลืนจากความไม่พอใจ
    Dhorn says:
    ไม่ชอบใจ
    Dhorn says:
    ที่ต้องพบเจออยู่ทุกวัน
    Dhorn says:
    เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นทุกข์ไหมคะ
    Tanachai says:
    ทุกข์คับ
    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ says:
    ไปก่อนนะครับ ไว้จะมาถามผล ใหม่ บายฮะ

    จะจงรักภักดี ตลอดไป แม้กายจะสิ้นลมหายใจ has left the conversation.

    Dhorn says:
    แล้วยังอยากจะเจอทุกข์แบบนี้อีกไหมคะ
    Tanachai says:
    ไม่อยากคับ
    Dhorn says:
    ถ้างั้น
    Dhorn says:
    ยกอทิสมานกายของเราขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานเลยค่ะ
    Dhorn says:
    ทำได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    รุ้สึกส่าทำได้คับ
    Tanachai says:
    ว่า*
    Dhorn says:
    เอาแค่ว่า ได้ หรือไม่ได้ก็พอค่ะ
    Tanachai says:
    ได้คับ
    Dhorn says:
    เห็นพระท่านชัดไหมคะ
    Tanachai says:
    ชัด
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    นึกให้เห็นว่ากุศลผลบุญที่เราได้สร้างมาดีแล้ว
    Dhorn says:
    มารวมตัวกันเป็นดอกบัวแก้ว
    Dhorn says:
    ในมือของเรา
    Dhorn says:
    แล้วน้อมกราบแทบพระบาทของพระองค์ท่านค่ะ
    Dhorn says:
    ทำได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    ได้คับ
    Dhorn says:
    ดีค่ะ
    Dhorn says:
    ขอให้พระท่านสงเคราะห์นะคะ
    Dhorn says:
    ขอพระบารมีของพระองค์ท่าน
    Dhorn says:
    ขอได้โปรดบอกข้าพเจ้าว่าท่านเป็นพระองค์ไหนค่ะ
    Tanachai says:
    สามคับ
    Dhorn says:
    รับได้ไหมคะ
    Dhorn says:
    นอกจากพระองค์ท่านแล้วมีท่านอื่นอีกไหมคะ
    Tanachai says:
    มีอีกสองท่านคับ
    Dhorn says:
    เป็นองค์ไหน หรือท่านไหนคะ
    Tanachai says:
    ไม่ทราบอ่ะคับ
    Dhorn says:
    ถ้ายังงั้น
    Dhorn says:
    ขออาราธนาพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
    Dhorn says:
    พระธรรม
    Dhorn says:
    พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
    Dhorn says:
    ขอได้โปรดสงเคราะห์ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้ทราบด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า
    Dhorn says:
    เห็นได้ชัดขึ้นไหมคะ
    Tanachai says:
    ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกันครับ
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Tanachai says:
    มีสามพระองค์
    Dhorn says:
    พระองค์ท่านสูงใหญ่กว่า หรือมีขนาดเท่าพระองค์ที่สามคะ
    Tanachai says:
    อีกสองพระองค์ขนาดเล็กว่าคับ
    Tanachai says:
    องค์ที่สามสูงใหญ่ที่สุด
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Dhorn says:
    แล้วตอนนี้ องค์พระท่าน และบนพระนิพพานสว่างมากไหมคะ
    Tanachai says:
    สว่างคับ
    Tanachai says:
    ยังอยู่ไหมคับ?
    Dhorn says:
    ตอนนี้ขอให้พระท่านสงเคราะห์นำเราไปที่พระจุฬามณีเลยค่ะ
    Dhorn says:
    ถึงหรือยังคะ
    Dhorn says:
    เห็นอะไรบ้าง
    Tanachai says:
    ผมเห็นเจดีย์คับ
    Dhorn says:
    ลักษณะเป็นยังไงคะ
    Tanachai says:
    ระฆังคว่ำ
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Tanachai says:
    ใสๆ ยอดแหลม
    Tanachai says:
    ใหญ่มาก
    Dhorn says:
    มีกี่สีคะ
    Tanachai says:
    หลายสีเลยครับ
    Tanachai says:
    เหมือนเป็นแก้วที่ะท้อนแสงแล้วมีหลายๆสีอ่ะคับ
    Dhorn says:
    ใช่เลยค่ะ
    Tanachai says:
    แดง เขียว ฟ้า มีหทด
    Dhorn says:
    ทีนี้ ขอเข้าไปในพระจุฬามณีได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    ได้คับ
    Dhorn says:
    เห็นท่านใดบ้างคะ
    Tanachai says:
    ไม่มีใครเลยอ่ะคับ
    Tanachai says:
    ข้างในไม่มีใครเลย
    Dhorn says:
    ถ้ายังงั้นขอพระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน
    Dhorn says:
    ขอให้ข้าพเจ้าได้เห็น ได้ทราบตามความเป็นจริงด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า
    Dhorn says:
    ว่าเหล่าเทวดานางฟ้าไปอยู่กัน ณ ที่ใด
    Dhorn says:
    รับได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    เห็นแล้วคับ
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Tanachai says:
    ข้างในมีอยู่เยอะเลย
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Dhorn says:
    แล้วภาพพระยังใสสว่างอยู่ไหมคะ
    Tanachai says:
    ใสครับ
    Dhorn says:
    เห็นไหมคะว่ามีท่านใดประทับเป็นองค์ประธานอยู่
    Dhorn says:
    ที่ภายในพระจุฬามณี
    Tanachai says:
    เห็นครับ
    Tanachai says:
    แต่ไม่ทราบว่าใคร
    Dhorn says:
    เข้าไปกราบที่พระบาทท่านเลยค่ะ
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    ท่านองค์ใหญ่ไหมคะ
    Tanachai says:
    ใหญ่คับๆ
    Tanachai says:
    ใหญ่กว่าคนปกติเยอะเลย
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Dhorn says:
    แล้วลองขอให้ท่านสงเคราะห์ประทานพระธรรมคำสอนเฉพาะตัวเราด้วยเถิด
    Dhorn says:
    ว่าเรามีจุดไหนที่ท่านอยากจะสงเคราะห์เป็นกรณีพิเศษบ้าง
    Dhorn says:
    รับได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    ได้คับ
    Dhorn says:
    ท่านว่ายังไงบ้างคะ
    Tanachai says:
    เหมือนท่านจะช่วยเวลาผมฝึกปฎิบัติ
    Tanachai says:
    ช่วยให้ผมมีพลังมากขึ้น
    Dhorn says:
    คุณแชมป์นั่อยู่หน้าพระพักต์ท่าน
    Dhorn says:
    แล้วลองตัดสักกายทิฐิอีกสักครั้งนะคะ
    Dhorn says:
    ลองพิจารณาตามที่เคยถนัดเลยค่ะ
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    ท่านแนะนำอะไรเพิ่มเติมไหมคะ
    Dhorn says:
    หรือท่านประทานพรบ้างไหมคะ
    Tanachai says:
    ท่านว่า
    Tanachai says:
    ไม่ให้ตั้งใจจนเกินไป
    Tanachai says:
    เกร็งจนเกินไป
    Dhorn says:
    สาธุค่ะ
    Dhorn says:
    ทีนี้กราบลาท่านออกมาก่อนนะคะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Dhorn says:
    คุณแชมป์อยากไปเที่ยวที่ไหนบ้างไหมคะ
    Tanachai says:
    ก็ไม่นะครับ
    Tanachai says:
    จริงๆแล้ว
    Tanachai says:
    อยากไปดูนรกอ่ะคับ
    Tanachai says:
    ไม่เคยไปเลย
    Tanachai says:
    เห้นว่าอย่างไรคับ?
    Dhorn says:
    ขอให้พระท่านสงเคราะห์สิคะ
    Dhorn says:
    อยากไปดูขุมที่ทำความผิดเกี่ยวกับอะไรล่ะค่ะ
    Tanachai says:
    ปานาติบาทคับ
    Tanachai says:
    ฆ่าสัตว์ ฆ่าคนอื่น
    Dhorn says:
    ค่ะขอพระบารมีพระองค์ท่านนำลงไปดูเลยค่ะ
    Tanachai says:
    ไปถึงแล้วคับ
    Dhorn says:
    ถึงหรือยังคะ
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Dhorn says:
    เห็นอะไรบ้างคะ
    Tanachai says:
    แต่ไม่เห็นอะไรเลยคับ
    Dhorn says:
    มืดหรือคะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Dhorn says:
    มืด
    Tanachai says:
    มืดหมดเลย
    Dhorn says:
    ถ้ายั้งงั้นขออาราธนาพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน
    Dhorn says:
    ขอได้โปรดสงเคราะห์ให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นตามความเป็นจริงด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า
    Dhorn says:
    ว่าผู้ที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้น
    Dhorn says:
    จะต้องได้รับโทษสถานใดพระพุทธเจ้าข้า
    Dhorn says:
    เห็นภาพบ้างหรือยังคะ
    Tanachai says:
    เห็นแล้วคับ
    Dhorn says:
    เห็นยังไงคะ
    Tanachai says:
    เห็นเหมือน
    Tanachai says:
    กึ่งคนกึงอะไรสักอย่าง
    Dhorn says:
    แล้วเขากำลังทำอะไรล่ะค่ะ
    Tanachai says:
    โดนเหล้กทิ่มติดอยู่กับเสาอะคับ
    Tanachai says:
    เขาทำอะไรไม่ได้
    Dhorn says:
    ลองขอเจ้าหน้าที่ขอให้เขาขึ้นมาข้างบนสักครู่ได้ไหมคะ
    Dhorn says:
    จะได้สอบถามเขา
    Tanachai says:
    ได้แล้วคับ
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Dhorn says:
    ลองถามว่าเขาทำผิดอะไรคะ
    Dhorn says:
    หมายถึงฆ่าอะไรมา
    Dhorn says:
    จำนวนมากน้อยแค่ไหนค่ะ
    Tanachai says:
    ฆ่าปลาคับ
    Tanachai says:
    ฆ๋ามาเยอะ
    Dhorn says:
    แล้วเขาต้องรับโทษอีกนานไหมคะ
    Tanachai says:
    นานเหมือนกันคับ
    Tanachai says:
    แต่ก็ไม่ได้นานมาก
    Dhorn says:
    คุณแชมป์ตั้งจิตให้ตั้งมั่น
    Dhorn says:
    รวบกำลังบุญกุศล
    Dhorn says:
    อีกทั้งทานบารมีที่คุณเคยสร้างมาตั้งแต่ต้นกัปป์
    Dhorn says:
    มาในปัจจุบันนี้
    Dhorn says:
    และที่จะมีต่อไปในอนาคต
    Dhorn says:
    ขอให้มารวมตัวกัน
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    และอุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหลายทั้งมวลนั้นให้เขา
    Dhorn says:
    บอกให้เขาร่วมอนุโมทนาด้วย
    Dhorn says:
    เขารับได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    เขาได้รับครับ
    Tanachai says:
    เขามีความสุขด้วย
    Dhorn says:
    สภาพเขาเปลี่ยนไปไหมคะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Tanachai says:
    เปลี่ยนไป
    Tanachai says:
    ดูดีขึ้น
    Tanachai says:
    เริ่มเหมือนมนุษย์มากขึ้น
    Tanachai says:
    ผ่องใสขึ้น
    Dhorn says:
    แล้วเขายังต้องได้รับโทษอยู่ไหมคะ
    Tanachai says:
    ยังต้องรับคับ
    Dhorn says:
    ถ้าอย่างนั้นอธิษฐานรวมกุศลผลบุญทั้งหลายอีกครั้งนะคะ
    Dhorn says:
    แล้วอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของเขาทั้งหมดที่เขาเคยฆ่ามา
    Dhorn says:
    แล้วให้เขาเหล่านั้นมาร่วมกันอนุโมทนาในผลบุญนี้ และขอให้อโหสิกรรมแก่ดวงวิญญาณนี้
    Dhorn says:
    เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายยอมไหมคะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Tanachai says:
    ยอมครับ
    Dhorn says:
    แล้วผลที่เกิดขึ้นล่ะคะ
    Tanachai says:
    ร่างกายเขาเป็นนมุษย์แล้วครับ
    Dhorn says:
    ดีแล้วค่ะ
    Dhorn says:
    ทีนี้ขออาราธนาพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน
    Dhorn says:
    ขอได้โปรดแผ่พุทธเมตตา บารมีไปยังดวงวิญญาณนั้น
    Dhorn says:
    และขอให้เขาได้อนุโมทนาและรับซึ่งพุทธเมตตา และบารมีนั้น
    Dhorn says:
    ผลเป็นอย่างไรคะ
    Tanachai says:
    ดวงวิญญาณนั้นผ่องใสขึ้นมากเลยครับ
    Tanachai says:
    เขาดีใจมากด้วย
    Dhorn says:
    สาธุค่ะ
    Dhorn says:
    ทีนี้ลองถามเขานะคะว่าเขาเกี่ยวพันกับคุณอย่างไรบ้างหรือเปล่าคะ
    Tanachai says:
    เขาเคยเป็นพ่อแม่ผมมาก่อนอ่ะคั
    Dhorn says:
    ใช่ค่ะ
    Dhorn says:
    ทีนี้ก็เท่ากับว่าคุณได้ทดแทนพระคุณบุพการีแล้วนะคะ
    Dhorn says:
    สำหรับท่านนี้
    Dhorn says:
    โมทนาค่ะ
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    คุณเคยถวายสังฆทาน มีพระพุทธรูป ผ้า และของบริวารบ้างไหมคะ
    Tanachai says:
    เคยถวายสังฆทานคับ
    Dhorn says:
    และเคยถวายปัจจัยสร้างวิหารทานบ้างไหมคะ
    Tanachai says:
    เหมือนจะเคยอ่ะคับ
    Tanachai says:
    ไม่แน่ใจ
    Dhorn says:
    ไม่เป็นไรคะ
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    ทีนี้อธิษฐานนะคะ
    Dhorn says:
    ว่า
    Dhorn says:
    ด้วยอานิสงค์ที่ข้าพเจ้าเคยถวายสังฆทานนี้
    Dhorn says:
    ขอให้ท่านร่วมอนุโมทนาและได้รับซึ่งของทิพย์นั้นเช่นเดียวกัน
    Dhorn says:
    ท่านรับได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    ได้รับคับ
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Dhorn says:
    ด้วยอานิสงค์ที่ข้าพเจ้าเคยถวายผ้าไว้แก่คณะสงฆ์
    Dhorn says:
    ขอให้ท่านมีซึ่งผ้าทิพย์สวมใส่
    Tanachai says:
    ท่านได้รับแล้วคับ
    Dhorn says:
    และหากข้าพระพุทธเจ้าเคยสร้างวิหารทาน และถวายพระพุทธรูปไว้ในบวรพระพุทธศาสนานี้
    Dhorn says:
    ขอให้ท่านมีวิมานทิพย์
    Dhorn says:
    และความสว่างไสวในร่างทิพย์ด้วยเถิด
    Dhorn says:
    ท่านรับได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    ท่านสว่างแล้วคับ
    Tanachai says:
    ได้รับคับ
    Tanachai says:
    มีวิมานด้วย
    Dhorn says:
    ลองถามท่านสิค่ะว่าตอนนี้ท่านกลายเป็นเทวดาอยู่ที่ชั้นไหนแล้วคะ
    Tanachai says:
    ชั้น สี่ อ่ะคัย
    Tanachai says:
    คับ*
    Dhorn says:
    ลองถามชื่อได้ไหมคะ
    Tanachai says:
    ชื่อของท่านหรือเหรอ?
    Tanachai says:
    ชื่อของท่านหรือคับ?
    Dhorn says:
    ชื่อของชั้นสวรรค์น่ะค่ะ
    Tanachai says:
    อ๋อ
    Tanachai says:
    จาตุมหาราชิกา
    Tanachai says:
    คำนี้มันผุดขึ้นมาอ่ะคับ
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Dhorn says:
    ทีนี้กราบลาท่าน
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    แล้วขอให้พระท่านสงเคราะห์พาขึ้นไปที่พระนิพพานอีกครั้งนะคะ
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    ถึงหรือยังคะ
    Tanachai says:
    ถึงแล้วคับ
    Dhorn says:
    ทีนี้น้อมนึกก้มกราบพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
    Dhorn says:
    พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
    Dhorn says:
    ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย
    Dhorn says:
    โดยมีองค์หลวงปู่ปาน และองค์หลวงพ่อฤาษีเป็นที่สุดค่ะ
    Dhorn says:
    กราบลาทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน แล้ว
    Dhorn says:
    ค่อยๆ หายใจเข้า - ออก ช้าๆ ยาวๆ
    Dhorn says:
    สามหน หนแรกว่า พุทโธ
    Dhorn says:
    หนสองว่าธัมโม
    Dhorn says:
    หนสามว่าสังโฆ ค่ะ
    Dhorn says:
    เรียบร้อยไหมคะ
    Tanachai says:
    เรียบร้อยแล้วคับ
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Dhorn says:
    รู้สึกยังไงบ้างคะ
    Tanachai says:
    ดีมากเลยครับ
    Tanachai says:
    ปกติจะรู้สึกสงสัย
    Tanachai says:
    และไม่ชัดเจน
    Tanachai says:
    แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าได้ไปมาแล้ว แล้วก็เพิ่งกลับมา
    Tanachai says:
    ครั้งนี้เห็นชัดที่สุดเลยครับ ผมว่า
    Dhorn says:
    สาธุ ค่ะ
    Dhorn says:
    ถ้ามีเวลาว่าง
    Tanachai says:
    อนุโมทนาคับ
    Dhorn says:
    ในระหว่างวัน
    Dhorn says:
    หมั่นตัดสักายทิฐิ
    Tanachai says:
    คับ
    Dhorn says:
    ตัดสังขารร่างกาย
    Dhorn says:
    พิจารณาอริยสัจ
    Dhorn says:
    ให้เป็นปกติก็ดีนะคะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Dhorn says:
    พยายามจับภาพพระท่านให้ใสสว่าง ไว้เรื่อยๆ
    Tanachai says:
    งั้นผมขอถามอะไรนิดนึงได้ไหมคับ?
    Tanachai says:
    ครับ
    Dhorn says:
    เอาสิคะ
    Tanachai says:
    คือยังสงสัยอยู่ว่าท่านที่เป็นองค์ประทานในจุฬามณีนี่คือใครเหรอครับ
    Dhorn says:
    สมเด็จองค์ปฐมค่ะ
    Tanachai says:
    องค์ปฐม
    Dhorn says:
    ค่ะ
    Tanachai says:
    ผมเคยได้ยินแต่ไม่รู้จักน่ะครับ
    Tanachai says:
    เดี๋ยวผมไปหาประวัติเอาก็ได้ครับ
    Dhorn says:
    ท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกที่อุบัติขึ้นในโลกค่ะ
    Tanachai says:
    อ๋อ
    Tanachai says:
    ครับ
    Dhorn says:
    ทรงเรียนรู้และลองผิดลองถูกทุกอย่างด้วยพระองค์เอง
    Dhorn says:
    จึงใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีนานกว่าองค์อื่นๆ ค่ะ
    Tanachai says:
    อ๋อ ครับ
    Dhorn says:
    พยายามขึ้นไปกราบพระที่บนพระนิพพานบ่อยๆ นะคะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Tanachai says:
    เอ่อคุณธรนี้เป็นครูที่สอนมโนเลยหรือเปล่าคับ?
    Dhorn says:
    เปล่าคะ
    Dhorn says:
    ธรฝึกมโนที่วัดท่าซุง
    Tanachai says:
    อ๋อครับ
    Dhorn says:
    และกำลังพยายามแนะนำเรื่องสมาธิอยู่น่ะค่ะ
    Tanachai says:
    ครับ
    Tanachai says:
    วันนี้ต้องขอขอบคุณจริงๆครับ
    Tanachai says:
    ได้ความรู้ ได้อะไรเยอะขึ้นมากเลย
    Dhorn says:
    ยินดีค่ะ
     
  7. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    มีบางท่านที่สงสัยในการปฏิบัติ... ธรเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆ ท่าน...

    ลองอ่านกันดูนะคะ...

    ขออนุญาตแนะนำนะคะคุณ bluecolor...

    - ช่วงที่เห็นแสงสีไม่ว่าจะเป็นสีม่วง หรือสีน้ำเงิน... เป็นช่วงของสมาธิเริ่มต้นค่ะ เมื่อเกิดแสงสว่างสีขาวตรงหน้านั้น เป็นโอภาส... เป็นนิมิตที่เกิดจากการทำสมาธิในกองของอานาปานสติ จับลมหายใจค่ะ... นิมิตในช่วงนี้ยังไม่ใช่นิมิตจริงค่ะ...

    - สิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้ คือ เป็นผู้ดูอยู่เฉยๆ ค่ะ ไม่ว่าจะรู้ จะเห็นอะไรในช่วงนี้ อย่าไปยึด อย่าไปสนใจ ดูอย่างเดียวเลยค่ะ... ในช่วงนี้ลมหายใจของคุณจะหายไป ไม่ต้องตกใจนะคะ... ไม่ต้องหันกลับมาดึงลมหายใจใหม่ วางจิตเฉยๆ เบาๆ ไปตลอด ทรงอารมณ์จิตเบาๆ สบายๆ ไปเรื่อยๆ...

    - อย่าอยากรู้อยากเห็นอะไรทั้งสิ้น... ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จิตของคุณกำลังจะเข้าสู่ปฐมฌาน... คุณยังสามารถได้ยินเสียงภายนอกได้อยู่แต่คุณจะไม่ได้ไปสนใจ หรือนึกรำคาญเสียงเหล่านั้นแต่อย่างใดค่ะ...

    - ต่อจากนั้นให้คุณวางกำลังใจ เฉย ไปเรื่อยๆ ดู ไปเรื่อยๆ จิตเขาจะค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปสู้ฌานที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ...

    - แต่อยากเตือนสักนิดหนึ่งค่ะ... ในช่วงนี้จิตคุณจะสามารถรับสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นภาพ หรือเสียง ทั้งที่ดี และไม่ดี ทั้งที่น่าดูน่าชม และที่ไม่พึงปรารถนา และน่าหวาดกลัวค่ะ... ดังนั้นอยากจะขอแนะนำให้คุณปฏิบัติสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทั้งก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติกรรมฐาน และหลังจากตื่นนอนในตอนเช้าของทุกวันค่ะ (เพราะบางที ในระหว่างวัน อยู่ๆ จิตเขาจะรวมตัวเองบ้าง นั่นจะทำให้คุณรับสัมผัสต่างๆ ทางจิตได้โดยบางทีคุณยังไม่ทันได้ตั้งตัวค่ะ)...

    ๑. จับลมสบาย... ช่วงนี้อย่าเพิ่งจับนานจนเกิดนิมิตนะคะ เอาแค่พอจิตสบายๆ ก่อนค่ะ

    ๒. จับภาพพระให้ใสสว่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้... คือ นึกถึงภาพพระองค์ที่คุณชอบก็ได้ค่ะ... ทรงอารมณ์ใจนี้ไว้สักระยะ... พร้อมกับน้อมจิตยอมรับนับถือองค์พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด ไม่มีที่พึ่งอื่นใดจะประเสริฐไปกว่านี้อีกแล้ว... นึกน้อมยอมรับขอให้ข้าพเจ้าเป็นสัมมาทิฐิไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน... เสร็จแล้วนึกให้เห็นภาพตัวเองก้มลงกราบที่พระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และครูบาอาจารย์ทั้งหลายพร้อมๆ กัน... แต่ถ้ายังทำไม่ได้ ก็นึกกราบพระองค์เดียวไปก่อนค่ะ...

    ๓. กราบขอขมากรรมต่อองค์พระรัตนตรัย โดยการอธิษฐานว่า...
    "- ข้าแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ หากข้าพระพุทธเจ้าได้เคยคิดประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อองค์พระรัตนตรัย อันมีองค์สมเด็จ
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระธรรม องค์พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย อีกทั้งครูบาอาจารย์ทั้งหลาย พรหมเทพเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
    ด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี... ในชาติปัจจุบันนี้ก็ดี หรือในชาติที่เป็นอดีตก็ดี... ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึง
    การณ์ก็ดี...
    - ขอองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน... ได้โปรดอดโทษทั้งหลายเหล่านั้นให้แก่ข้าพเจ้านับแต่
    บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"
    ก้มลงกราบพระบาททุกๆ พระองค์อีกครั้ง

    ๔. น้อมนึกถึงศีลที่คุณเองถือปฏิบัติอยู่... ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ก็ตาม... (โดยปกติ เวลาที่ใช้ชีวิตประจำวันคุณอาจถือศีล ๕ อยู่ แต่คุณสามารถอาราธนาถือศีล ๘ ได้โดยกำหนดถือเฉพาะในช่วงเวลาที่คุณกำลังทำสมาธิอยู่ได้ เมื่อปฏิบัติธรรมเสร็จ คุณก็กลับมาถือศีล ๕ ตามเดิม... ไม่เสียทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ) โดยน้อมนึกว่า...
    "ณ ขณะนี้ ศีล ๕ (๘) ของข้าพเจ้าสมบูรณ์ บริบูรณ์ดีทุกประการ... ข้าพเจ้าไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ได้ลักขโมยผู้ใด ไม่ได้ผิดลูกผัว - เมียใคร ไม่ได้พูดโกหกมดเท็จใดๆ ไม่ได้เสพสุราของมึนเมา หรือเล่นการพนันแต่อย่างใด... (ไม่ได้ทานอาหารหลังเที่ยง, ไม่ได้ใช้เครื่องไล้ของหอม เว้นจากการฟ้อนรำ ดูสิ่งบันเทิงเริงรมย์ ไม่ได้ใช้เครื่องประดับตกแต่งใดๆ, ไม่ได้นอนบนที่นอนสูงใหญ่)"

    ๕. หลังจากนั้นให้คุณน้อมนึก อโหสิกรรมให้แก่ผู้ที่เคยล่วงเกินคุณมา
    "- ข้าพเจ้าอโหสิกรรม ยกโทษให้แก่ พรหม-เทพเทวา สรรพสัตว์สิ่งมีชีวิต มนุษย์ อมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ภูติผีปีศาจ ดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายที่เคยล่วงเกินข้าพเจ้ามาด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี... ในชาติปัจจุบันนี้ก็ดี ในชาติที่เป็นอดีตก็ดี... ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี...
    - ข้าพเจ้าไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ ทั้งสิ้น และขอให้พวกท่านทั้งหลายมีความสุขกาย สุขใจ พ้นจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวล มีดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงที่สุดแห่งธรรม และมีพระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเทอญ"

    ๖. เมื่ออโหสิกรรมให้ผู้อื่นเสร็จแล้ว... ให้คุณน้อมนึกถึงกุศลผลบุญ อีกทั้งความดีงามทั้งหลายที่คุณเคยสร้างมาดีแล้วให้มารวมตัวกันที่ดวงจิตของคุณ (นึกให้เห็นดวงจิตของคุณสว่างไสวแพรวพราว) พร้อมกับอธิษฐาน ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรของคุณ ดังนี้...
    "- ข้าพเจ้าขอน้อมอุทิศส่วนกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำมาตั้งแต่ต้นกัปต้นกัลป์ จนมาถึงปัจจุบันนี้ และที่จะทำต่อไปในอนาคต... ให้แก่ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย... ขอให้ทุกๆ ท่านมาร่วมกันอนุโมทนาและได้รับซึ่งกุศลผลบุญเหล่านี้นับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน...
    (ตอนนี้ให้นึกเห็นรัศมีความสว่างของกุศลผลบุญ ความดีงามทั้งหลายจากดวงจิตของเราแผ่ออกไปคลุมร่างของเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา)
    - และข้าพเจ้าขออโหสิกรรมต่อท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินพวกท่านไปด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี... ในชาติปัจจุบันนี้ก็ดี หรือในชาติที่เป็นอดีตก็ดี... ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี...
    - ขอให้พวกท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมทั้งหลายเหล่านั้นให้แก่ข้าพเจ้านับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ"

    ๗. ท้ายที่สุดให้คุณน้อมนึกถึงความสุข สดชื่น ความอิ่มเอม เปรมปรีด์ ความดีงามทั้งหลายที่คุณเคยสร้างมาดีแล้วอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งกุศลผลบุญทั้งหลาย พรหมวิหารสี่ และอภัยทานที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในดวงจิตของคุณให้มารวมตัวกัน (นึกให้เห็นดวงจิตของคุณสว่างไสวแพรวพราว) พร้อมกับอธิษฐานแผ่เมตตาอัปปมาณฌานว่า...
    "- ข้าพเจ้าขอน้อมถวายส่วนกุศลผลบุญ อีกทั้งพรหมวิหารสี่ อันมี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พร้อมอภัยทาน แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ องค์พระธรรม องค์พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆ ต่อกันมาโดยมี... (ใส่ชื่อครูบาอาจารย์ที่คุณเคารพลงไป) เป็นที่สุด อีกทั้งท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย บูรพกษัตริย์ไทย บรรพชนไทย นักรบไทยทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน... พรหมเทพเทวา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โดยมีท่านท้าวจตุมหาราช และท่านพญายมราชเป็นที่สุด...
    - ขอทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน ได้โปรดมาร่วมกัน รับและอนุโมทนาในส่วนกุศลผลบุญทั้งหลายเหล่านี้ และขอได้โปรดมาเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลผลบุญในครั้งนี้ของข้าพเจ้าด้วยเทอญ...
    (น้อมนึกให้เห็นว่าในมือคุณมีดอกบัวแก้วสว่างไสวแพรวพราว ซึ่งเกิดจากกุศลผลบุญของคุณมารวมตัวกันเป็นดอกบัวนั้น... แล้วน้อมถวายแด่ทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน)
    - และข้าพเจ้าขอน้อมอุทิศส่วนกุศลผลบุญ อีกทั้งพรหมวิหารสี่ อันมี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พร้อมอภัยทาน ให้แก่เหล่าสรรพสัตว์สิ่งมีชีวิต มนุษย์ อมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ภูติผีปีศาจ ดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายทั่วสากลจักรวาล อนันตจักรวาลนี้... ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี... ขอให้ทุกๆ ท่านจงมาร่วมกันอนุโมทนาและรับซึ่งส่วนกุศลผลบุญทั้งหลายเหล่านี้เฉกเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับนับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน... ขอให้ทุกๆ ท่านมีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลันเทอญ"

    ๘. เสร็จแล้ว อธิษฐานว่า...
    "ด้วยอานิสงค์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้จากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนี้แล้ว... ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีองค์พระศรีรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย พรหมเทพเทวาทั้งหลายที่เป็นสัมมาทิฐิ เทวดาอารักษ์ประจำตัวข้าพเจ้า... ขอได้โปรดคุ้มครองทั้งกายหยาบ และอทิสมานกายของข้าพเจ้าจากสิ่งไม่ดี มิจฉิทิฐิ และดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายตลอดทุลมหายใจเข้า - ออก ทั้งยามหลับและตื่น ทั้งยามที่รู้สึก และไม่รู้สึกตัวก็ตาม นับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"


    ๙. ทำสมาธิตามที่คุณถนัด...

    ๑๐. เมื่อปฏิบัติกรรมฐานเสร็จแล้ว... ให้อุทิศส่วนกุศล และแผ่เมตตาอัปปมาณฌานอีกครั้งค่ะ...

    ..........................

    ด้วยพระบารมีแห่งองค์พระรัตนตรัย และกุศลผลบุญที่บังเกิดขึ้นนี้... ขอได้โปรดมารวมตัวกันและส่งผลให้ทุกๆ ท่านมีดวงจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อภัยทาน มีความสุขทั้งทางโลก ทางธรรม เป็นสัมมาทิฐิ... มีดวงตาเห็นธรรม... เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป... เข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลัน... และมีพระนิพพานเป็นหลักชัยโดยถ้วนทั่วกันด้วยเทอญ
     
  8. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    นักรบธรรมลิขิตฟ้า

    (นักรบเวียงกาหลง)</O:p>
    โดย นักรบธรรม

    <O:p> </O:p>

    ในปี พ.ศ. 1819 สามกษัตริย์โพธิสัตว์ได้กระทำสัตย์ปฏิญาณเป็นพระสหายกัน มีพ่อขุนงำเมืองแห่งเมืองพะเยา พ่อขุนรามคำแหงแห่งอาณาจักรสุโขทัย และพ่อขุนเม็งรายแห่งอาณาจักรล้านนา ดินแดนทั่วหล้าอาณาเขตของกษัตริย์ทั้งสาม พระพุทธศาสนาต่างเจริญรุ่งเรืองเพราะได้รับการดูแลอุปถัมภ์ดีที่สุดเพราะทั้งสามพระองค์ต่างเป็นพุทธมามกะอย่างเคร่งครัด มีวัดจำนวนมากถูกสร้างขึ้นมาด้วยจิตศรัทธามั่นทั้งเป็นของเจ้าเมือง เสนาอำมาตย์ชั้น ผู้ใหญ่ และชาวบ้านร่วมกันและต่างมีนักพรต นักบุญ พระสงฆ์ คอยดูแลปฏิบัติรักษามิได้ขาด เหล่าผู้เจริญทั้งหลายช่วยกันทำนุบำรุงพระศาสนาตามหน้าที่เฉพาะของตน <O:p></O:p>
    โดยเฉพาะนักรบและบัณฑิตทั้งหลายต่างได้รับการอบรมฝึกปรือจากพวกเขาเหล่านั้นและถูกคัดเลือกเข้ามารับใช้บ้านเมือง ซึ่งทหารเอกส่วนมากมาจากวัดและสำนักต่าง ๆ นักบุญประเภทฤๅษีดาบสทั้งหลาย มักจะเป็นผู้สืบทอดวิชายุทธ์ เวทย์มนต์คาถาอาคม แต่นักบวชเป็นพระสงฆ์ถูกห้ามโดยบัญญัติเป็นวินัย ให้มุ่งเน้นเส้นทางโลกุตระธรรมมุ่งหนทางหลุดพ้นอย่างเดียว ในทางปฏิบัติแล้วเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ธรรมของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยังมีกรรม มีหนี้ ทางธรรมจักต้องชำระเสียก่อน พวกเขาจะเข้าไม่ถึงแก่นธรรมอันละเอียด ยังค้างคาใจไม่รู้สิ้น เกิดจากเข้าใจคำสอนของพระศาสดาไม่ถ่องแท้ และหลงกระทำผิดไปโดยสุจริตด้วยเจตนา ความบริสุทธิ์ใจนั่นเองสร้างทั้งความดีให้แก่มวลมนุษย์ชาติและความทุกข์ระทมให้เกิดขึ้นอีกฝ่ายจนจะต้องมาแก้ไขด้วยตนเองจึงจะพ้นวิบากกรรมนี้ <O:p></O:p>
    ดังนั้นหน้าที่ของพวกเขาแต่ละคนยังต้องข้องเกี่ยวกับทางโลก แม้จักบวชเป็นพระสงฆ์ก็ตัดไม่ขาด ยังคอยสอนสั่งศิษย์ในทางฤทธิ์อภิญญาอยู่ก็มี ส่วนใหญ่จะอยู่ในสถานะนักบุญชอบ ท่องเที่ยวคอยช่วยเหลือผู้คนตามสถานที่ต่าง ๆ ผลกรรมในอดีตที่เคยเบียดเบียนก่อให้เกิดความทุกข์ต่อผู้อื่นเป็นสื่อนำทางไปพบพาน<O:p></O:p>
    นักรบธรรมก็คือพวกเขา มีทั้งเป็นนักพรตฤๅษี หรือพระสงฆ์บ้าง ก็แล้วแต่สถานการณ์ในเวลานั้นกำหนดหน้าที่ที่ต้องทำร่วมกัน แล้วแต่ความหนักเบาของผลกรรมที่สร้างมา และถึงแม้จะอยู่คนละแห่งต่างแคว้นห่างใกล้กันแค่ไหนต้องมีเหตุปัจจัยผลักดันให้มาทำงานร่วมกัน เป็นวิบากกรรมของหมู่คณะหนีไม่พ้นต้องได้ชำระสะสางกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ภายใน 7 วันพวกเขาก็มากันครบไม่ขาดแม้แต่คนเดียว ประวัติความเป็นมาส่วนตัว ส่วนมากจะเป็นกำพร้าหรือไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่เด็กไม่รู้ปีเกิดและมีที่อยู่แน่นอน เคลื่อนย้ายไปมา สุดท้ายไปเป็นศิษย์วัดอาศัยข้าวบาตรพระหรือคอยรับใช้ฤๅษีดาบสเรียนวิชาคาถาอาคมตามป่าเขา มีความรู้ทางไสยศาสตร์ และความชำนาญในการใช้อาวุธเป็นอย่างดีทุกคน อายุตั้งแต่ 25 ถึง 35 ปีโดยเฉลี่ย ใช้ชีวิตสมถะไม่ตัดสินใจจะมีอาชีพอะไรแน่นอน ทั้งเรื่องคิดจะมีครอบครัวหรือจะเป็นนักบวชเจริญ รอยตามครูบาอาจารย์ก็ตาม ยังคงว่างเปล่าจนกระทั่งมาสมัครเป็นทหารอาสาไปสู้กับมองโกลเมื่อได้เห็นประกาศรับสมัคร <O:p></O:p>
    พวกเขาทั้งสามร้อยคนได้รับการทดสอบพิสูจน์ความสามารถและผ่านทุกคนจากหลวงปู่ดาบส บางคนไม่มีอาวุธที่ถนัดติดตัวมาเพียงหยิบยืมมาชั่วคราวจากคนอื่นก็สามารถแสดงฝีมือได้อย่าง ยอดเยี่ยม พวกที่ถนัดอาวุธยาวประเภททวนง้าวจะไม่มีเป็นของตนเอง ส่วนใหญ่ขายเลี้ยงชีพ อ้างว่าพกพาลำบาก กลุ่มที่มีความชำนาญธนูจะมีติดตัวเป็นของตนเอง แต่ทรุดโทรมมากแสดงความประสงค์ให้ทำให้ใหม่ แต่จำเพาะ 100 นาย มีดาบเป็นอาวุธคู่ใจมาไม่ต้องการเปลี่ยน เมื่อแบ่งคัดสรรความถนัดแล้วมีกลุ่มทวนง้าวหอก 100 คน ที่เหลือมีธนูเป็นอาวุธพิเศษประจำกาย<O:p></O:p>
    การมาปรากฎตัวของพวกเขาในยามนี้ช่วยให้ทุกคนปลดเปลื้องความทุกข์ในใจทั้ง พ่อขุนเม็งราย และเสนาอำมาตย์แม่ทัพนายกอง โหราจารย์ ที่ปรึกษาชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งเจ้าเมืองทั้งหลาย ทุกอย่างมีคำตอบตามเงื่อนไข ไม่ต้องตัดสินใจด้วยตนเองเพราะไม่มั่นใจ เป็นดังนี้แล้วคณะเจ้าเมืองและผู้ติดตามต่างเดินทางกลับไปยังเมืองของตน เป็นธุระหน้าที่ของเสนาอำมาตย์แม่ทัพนายกองเจ้าหน้าที่ของเมืองหลวงดำเนินการต่อ พ่อปู่ดาบสฟ้าคำรณเจ้ายอดเมืองขอเวลาทำความรู้จักมักคุ้น สอบถามความต้องการของแต่ละคนจึงนัดหมาย อีก 2 วันเข้าพบประชุมกับคณะทำงานของพ่อขุนเม็งรายขอรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดเพื่อวางแผนยุทธวิธีในการรบและเตรียมสิ่งที่ต้องการแล้วค่อยกำหนดการเดินทางให้เร็วที่สุด เจ้ายอดเมืองและอาจารย์ปู่ฤๅษีได้ขอเข้าเฝ้าพ่อขุนเม็งรายอย่างใกล้ชิดเพื่อขอคำแนะนำพิเศษและละเอียดเกี่ยวกับพระเจ้ากุบไลข่าน จึงทราบว่ามองโกลเป็นชนเผ่าหนึ่งที่ยังมีความเจริญทางวัฒนธรรมน้อยอยู่ถึงได้มีความโหดร้ายและป่าเถื่อน มีความ ฮึกเหิมคะนองศึก ธรรมชาติสภาพแวดล้อมทำให้ร่างกายแข็งแรง ตัวใหญ่มีความคล่องแคล่ว เป็นคุณสมบัติความสามารถเฉพาะเผ่าพันธุ์ ย่อมมีสัญชาติญาณในการต่อสู้เอาตัวรอดได้ดีเยี่ยมเยี่ยงสัตว์ออกหาล่าเหยื่อเพื่อนำมาเป็นอาหาร<O:p></O:p>
    อีกประการหนึ่งศึกสงครามที่ผ่านมาของพวกเขาที่รบชนะกองทัพจีน ชนชาติที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุด เป็นการต่อสู้กันระหว่างคนป่าเถื่อนกับคนมีอารายธรรมเป็นเส้นทางวัฏสงสาร ที่มีขึ้นมีลงสูงสุดลงสู่สามัญ เป็นธรรมดา เมื่อคนมีความสุขสบาย มักประมาทลืมตัวและสุดท้ายศีลธรรมเสื่อมในที่สุด ภัยก็เยี่ยมเยือน ทั้งจีน สิบสองปันนา และพุกาม ผู้คนกำลังหลงเพลิดเพลิน ภัยพิบัติจึงมาถึงตัว แต่สำหรับอาณาจักรล้านนาของพ่อขุนเม็งรายกำลังเริ่มจะฟื้นฟู เจ้ายอดเมืองกับพวกนักรบลิขิตธรรมกรรมเก่ากำหนดให้มาทำงานร่วมกันในภารกิจปกป้องแผ่นดินจากน้ำมือของพวกอนารยชน ปู่ดาบสฟ้าคำรณ ไคร่ครวญได้ดังนี้แล้วมีความยินดีเกิดขึ้นในใจ มีสีหน้าคลายกังวล ได้ให้คำมั่นแก่พ่อขุนเม็งรายว่าสามารถปกป้องอาณาเขตได้แน่นอนจึงว่าพระเจ้ากุบไลข่านอายุท่านก็มากแล้ว การเดินทางมารบก็เพียงต้องการแสดงความสามารถให้เท่าเทียมผู้เป็นบิดาเท่านั้น ไม่ได้ต้องการมายึดครองแต่ประการใด เห็นได้จากพวกเขา ทำลายและเผาทิ้งสิ่งของรวมทั้งผู้หญิงและเด็กก็ถูกฆ่า เพราะไม่ต้องการจะปกครองหรือมีไว้ให้มันสิ้นเปลืองกำลังพล <O:p></O:p>
    ระยะทางก็ห่างไกลเหลือเกิน พูดกันก็เข้าใจยาก ทหารรบมานาน เบื่อหน่ายคิดถึงบ้านอาจจะไม่มีความคิดจะรุกคืบข้ามแดนมารบกับเรา กลศึกที่รอบคอบชนะได้ไม่ยากนัก ท่านปู่ฤๅษีให้ความเห็นสนับสนุนเหตุผล<O:p></O:p>
    พ่อขุนเม็งรายมีความหวังขึ้นมาบ้างจึงทุ่มเทจัดหาสิ่งของตามที่ต้องการ และได้ สั่งการให้นำม้าศึกสายพันธุ์เหงื่อโลหิตที่ดีที่สุดของพระองค์ท่านให้กับเจ้ายอดเมือง นอกนั้นก็เป็นสุดยอดม้าอาชาไนยที่กำลังคะนองทั้งหมด สามารถเดินทางโดยไม่พักเลยตลอดทั้งวัน ทหารทั้ง 300 นายได้ เลือกม้าที่ตนต้องการ และถูกกับอัธยาศัยซึ่งกันและกันประหนึ่งว่าพูดจาภาษาเดียวกัน เป็นที่พึงพอใจกันทั้งหมด เมื่อทุกประการได้สมประสงค์ของนักรบธรรมอาสาแผ่นดิน ฝ่ายพราหมณ์โหราจารย์ทั้งหลายได้หาวันเป็นมงคลสำหรับการออกรบเพื่อทำพิธีทางศาสนาสร้างขวัญกำลังใจให้กับทหารและประชาชนผู้แนวหลังในทันที<O:p></O:p>
     
  9. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    นักรบธรรมลิขิตฟ้า
    (นักรบเวียงกาหลง)</O:p>
    โดย นักรบธรรม

    ในวันพิธีก่อนออกเดินทาง เสียงกลองสะบัดชัยรัวดังสนั่น สลับเสียงฆ้องเป็นช่วง ๆ กลิ่นควันธูปหอมลอยคละคลุ้งอบอวนทั่วบริเวณ ผู้คนขวักไขว่เฝ้าชะเง้อแย่งกันดู ทหารกล้า 300 นายนั่งคุกเข่าต่อหน้าพระสงฆ์ พ่อขุนเม็งรายนั่งเป็นประธานฝั่งตรงกันข้ามในอาคารพิธีที่สร้างขึ้นมาเฉพาะงาน เสียงพราหมณ์สวดอัญเชิญเทวดา ต่อด้วยพระสงฆ์สวดมนต์ชัยมงคลคาถา และก่อนจะมีการรดน้ำมนต์ให้กับทหาร พราหมณ์เจ้าพิธีการสวดของพรเทพเทวดาต่อหน้าเครื่องเซ่นไหว้เสียงดังก้องกังวาล มีความหมายลึกล้ำเข้าถึงหัวใจของ ผู้ฟัง สร้างความฮึกหาญให้กับผู้เป็นนักรบ และประชาชนที่มาเฝ้าดูชมเป็นอย่างยิ่ง

    * จุดธูปเทียน น้อมเศียรเกล้า พระภาคเจ้า พุทธองค์ พระธรรม อันมั่นคง อริยะสงฆ์ ทั่วแผ่นดิน<O:p></O:p>
    * เทพพรหม ทั่วไตรภพ ผู้เจนจบ ฤทธิ์บดินทร์ บูรพาจารย์ ทั่วธานินทร์ ทั้งอดีต ปัจจุบัน<O:p></O:p>
    * ขอกราบ ด้วยเศียรเกล้า ด้วยจิตเฝ้า และใฝ่ฝัน ช่วยเหลือ เอนกนันต์ ผู้ยังหลง ทะเลกรรม<O:p></O:p>
    * เหล่าข้าฯ จักเคลื่อนทัพเป็นรูปฉัตร กองทัพธรรม เทพพรหม ผู้ลึกล้ำ โปรดส่งญาณ บารมี<O:p></O:p>
    * ความชั่ว ใดขวางทาง ให้ลอยกว้าง ลงนที มารร้าย พรายภูติผี แค่ชี้นิ้ว ก็มลาย<O:p></O:p>
    * นักรบ นี้เดินผ่าน กิเลสมาร ให้กลับกลาย เป็นมิตร บ่คิดร้าย จิตใจกาย มองเห็นธรรม<O:p></O:p>
    * เวลา มาถึงแล้ว จักเคลื่อนแถว นักรบธรรม พุทธองค์ โปรดทรงนำ บารมี ชี้นำทาง<O:p></O:p>
    * ฤกษ์ชัย ใสแวววาว แม่กาขาว มังกรช้าง นักรบธรรม ย้ำเส้นทาง โลกทั้งสาม ชยันต์โต<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ขณะทำพิธี ท้องฟ้าแปรปรวนเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด เมฆครึ้มบดบังแสดงอาทิตย์ มีละอองฝนโปรยปราย พอเย็นฉ่ำ เกิดรุ้งกินน้ำโค้งบนจรดส่องฟ้ามีเจ็ดสีครบสวยงาม เป็นนิมิตสัญญาณ การรับรู้ของเหล่าเทพเทวาทั้งทหารกล้าและผู้เฝ้าชมต่างแสดงความยินดีมีความมั่นใจชัยชนะกลับมา ผู้คนส่งเสียงดังต่างชี้ชวนให้คนข้างเคียงเห็นอย่างที่ตัวเองเห็นก่อน พร้อมกับวิจารณ์ในด้านดีต่าง ๆ นานา บางคนตะโกนก้องด้วยความปราโมทย์อย่างบอกไม่ถูก เหล่าเสนาอำมาตย์ แม่ทัพนายกองผู้มีประสบการณ์ในพิธีก่อนออกทัพไปสู้รบกับข้าศึกล้วนแสดงความมั่นใจแววตาไม่แสดงออกมาด้วยเพราะมารยาท แต่ทหารชั้นผู้น้อยที่เคยผ่านศึกสงครามมาหลายสนามรบ นึกถึงการเฉลิมฉลองไว้ล่วงหน้าที่มีอาหารของกับแกล้มเหล้าอยู่ต่อหน้าทันทีด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องสงสัย แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ได้ยินว่าทหารเพียงกำมือเดียวจะทำอะไรได้ ต่อให้ยกไปเป็นแสนก็ยากที่จะ สู้กับมองโกลได้ แต่เมื่อเห็นปรากฏการณ์บนท้องฟ้ากลับมามีความคิดตรงกันข้ามทันที<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2008
  10. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ใต้อุ้งปีกแม่กา
    (นักรบเวียงกาหลง)

    โดยนักรบธรรม



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2008
  11. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    รายงานผลการฝึกของน้องเจน เข้า PM ธรค่ะ...

     
  12. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    [​IMG]
    29:05:08


    (*) (^) แฮะ ๆๆ พี่ธร เอาลงเรย - -" เขิล [Embarrass
    (อ่านที่ตัวเองพิมพ์ไป พิมพ์ผิดเยอะเรยยคนอ่านต้องแปลภาษาไทยเป็นภาษาไทยอีกที :555:)

    เมื่อเช้า ก็เหมือนมีอะไรมาหล่นใส่หลังคา ดังปั๊ง !!!
    ประมาณว่าที่หล่นมาเนี้ยยชิ้นใหญ่มากก หลังคาทะลุเปล่าม่ะรู้ - -"
    แล้วตามด้วยชิ้นเล็ก เสียงดัง ป๊ะ ๆๆ แป๊ะ

    นู๋ นึกว่า อุกาบาศ หรือ ก้อนอะไรหล่นลงบ้านน :555:
    ตกใจเสร็จ แล้วก็นอนต่อค่ะ 555+ ......

    [​IMG]

    ปล. ต้องขอบคุณพี่นากา ก๊าบ ๆ มากค่ะที่ให้ DVD & CD
    มาฟังก่อนไปฝึกค่ะ เรยใหลไปง่ายหน่อย อิอิ

    แฮะ ๆๆ เพิ่งเริม ฟังที่หลวงพ่อเทศน์ได้ 5 วันกว่า ๆๆ เอง :555::555::555::555::555:

    (*) เชิญรับ DVD MP3 ธรรมะ + E-book หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ฟรี ! (*)

    เพราะฟังที่หลวงพ่อเทศน์
    แถบยังฟังกลับไปกลับมาต้องหลายครั้งในเรื่อง..
    คำสอนที่มหาวิหารแก้ว 100 เมตร (y)

    จำขึ้นใจก่อนฝึกเรยว่าต้อง ตัดนิวรณ์ ทั้ง 5 ออกเสียก่อนฝึก !!

    (^) ความพอใจใน รูป + เสียง + กลิ่น + รส + สัมผัส = วิสัยของกามารมณ์
    (^) ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
    (^) ความง่วงเหงาหาวนอน
    (^) ความคิด " ฟุ้งซ่าน "
    (^) " ความลังเลสงสัย " ข้อนี้สำคัญมากกกกกก !!

    จิตเรยไม่คิดไรมาก แถมตอนอยู่ใกล้ ๆๆ อ.เล็ก
    รู้สึกสัมผัสได้ ถึงกระแส แห่งความสงบ เย็น นิ่ง เบา
    เรย ยิ่งง่ายในการ จูนคลืน ให้ สงบ เย็น ตามไปด้วยค่ะ ;)

    (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose)
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2008
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>U.G.<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:53 PM
    วันที่สมัคร: Mar 2008
    ข้อความ: 2 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 700 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 51 ครั้ง ใน 2 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->สรุปบทเรียนจากการฝึกสมาธิ (น้องตุ๊ก)
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ.คณานันท์ และอ. คุณธร คะ

    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทีมงาน โดยเฉพาะอ. ทั้งสองท่านอย่างมาก ที่มาสอนสมาธิน้องๆ ที่ออฟฟิศนะคะ... ได้ผลดีมากเลยค่ะ สำหรับครั้งแรกนี้ ทุกคนได้เมตตาฯ และบางคนได้มโนฯ ในครั้งนี้... น้องๆ เค้าจะสรุปบทเรียนจากการฝึกครั้งแรกนี้มาให้ค่ะ.. แล้วไลท์จะทยอยส่งให้อ. ไว้สำหรับเป็นข้อมูล feedback นะคะ...

    คนแรก จากน้องตุ๊ก (คนที่เมตตามากๆ และอยากช่วยอาม่า อ่ะคะ)


    ========================

    บทเรียนที่ได้รับจากการฝึกวิปัสสนากับอาจารย์คณานันท์

    ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2551

    <O:p</O:p
    จากการที่ได้ฝึกจับลมสบาย และแผ่เมตตาแล้ว มีความรู้สึก สุข สงบมากๆ ค่ะ เป็นความสุขสงบทางใจ ที่ไม่ได้เกิดจากทางโลกทั้งๆ ที่ก่อนหน้าที่จะมา ดิฉันมีความทุกข์อยู่ค่อนข้างมากๆ การฝึกจับลมสบาย และแผ่เมตตาแล้ว เมื่อใจเราสงบสุข เราก็สามารถแบ่งปัน หรือแผ่เมตตาไปยังทุกสรรพสิ่งบนโลก ให้ทุกสิ่งบนโลกได้รับความรัก ความเมตตาจากเราด้วยเช่นกัน แม้แต่คนที่เราเคยโกรธ เคยเกลียด เราก็สามารถแผ่เมตตาให้เค้าได้เช่นกัน หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จัก หรือสรรพสิ่งบนโลกที่เราไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ เราก็สามารถแผ่เมตตาให้ได้เช่นกัน ทำแล้วก็จะทำให้หัวใจเรา มีแต่ความชุ่มเย็น เป็นความสุขที่ดิฉันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนค่ะ
    <O:p</O:p
    ส่วนเรื่องของอาร์มสตรอง จริงๆ เคยอ่านหนังสือ เรื่องของกำลังใจไม่ใช่จักรยาน มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้วเช่นกัน แต่พออาจารย์มาเล่าให้ฟังอีกครั้ง ดิฉันก็รู้สึกมีพลังที่จะทำสิ่งที่ดีๆ ต่อไป ความท้อแท้ สิ้นหวังก็หมดไป หรือบางอย่างที่เราคิดว่าเราทำไม่ได้ จนทำให้หลีกหนีมัน ก็คิดที่อยากจะลองทำ หรือจากการเอาทิชชูหั่นดินสอ ตอนแรกก็คิดว่าคงทำไม่ได้ แต่พออาจารย์บอกว่าเราทำได้ และเราเชื่อตามนั้น เราก็ทำได้จริง ๆ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของพลังใจจริงๆ ค่ะ เมื่อก่อนบางครั้งจะคิดว่าตนเองไม่มีคุณค่า มองตัวเองว่าไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไร แต่ตอนนี้ทำให้เปลี่ยนความคิดใหม่ คิดว่าตัวเองมีค่า และมีประโยชน์มากมาย สามารถช่วยเหลือใครๆ ได้อีกมากมาย

    นอกจากนี้ เคยอ่านหนังสือ หรือมีคนสอนว่าไม่ให้ยึดติด ให้พยายามปลง หรือปล่อยว่างกับสิ่งต่างๆ ที่เคยมี แล้วมันไม่มีอีกต่อไป หรือกับบุคคลต่างๆ ที่เคยอยู่กับเรา และต้องสูญเสียเค้าไป ใจเราก็เป็นทุกข์ ถึงพยายามจะปล่อยว่าง หรือในช่วงที่เกิดทุกข์ก็พยายามพ้นจากตรงนั้นมาให้เร็วที่สุด แต่ยังไงก็ยังทุกข์อยู่ดี บางครั้งความทุกข์ก็เกิดจากใจที่เราไปปรุงแต่งมัน จริงๆ เรื่องที่ทำให้เสียใจ มันจบไปตั้งนานแล้ว แต่ใจเราก็ยังคงปลุงแต่ง ทำร้ายตนเองต่อไป แต่พอได้ฟังที่อาจารย์บอกว่า ร่างกายไม่ใช่ของๆ เรา ร่างกายเป็นแค่บ้านเช่า ที่เราเช่าอยู่เท่านั้น ทำให้ดิฉัน เกิด insight ขึ้นมา เหมือนเห็นแจ้งเลยว่าคำพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการ ทำให้เราหลงรูป หรือว่าหลงใหลไปในทางโลกน้อยลง และมีความประสงค์ที่อยากจะบรรลุนิพาน ไม่ต้องการที่จะเวียน ว่าย ตาย เกิดอีกต่อไป เพราะการเกิดมามันเป็นทุกข์ ต่อให้เกิดมารวย สวย เก่ง มีพร้อมทุกอย่างแค่ไหน แต่ทุกคนก็จะต้องรู้จักทำว่าความทุกข์ ความทุกข์จะคอยวนเวียนมาหาเราตลอด ไม่มีใครหนีพ้น ซึ่งการพ้นจากทุกข์ได้นั้น ก็คือการได้ไปนิพานนั่นเอง
    <O:p</O:p
    จากการฝึกดิฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก หรือไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนสามารถทำได้ และบอกต่อให้คนรอบข้างทำได้เช่นกัน เช่นกรรมฐานยิ้ม ที่เป็นการยิ้มออกมาจากข้างใน หรือการถือศีล 5 อาจารย์พูดเรื่องการขาดศีล 5 ว่าเป็นเรื่องที่เบียดเบียนคนอื่นๆ ทำให้ตนเอง เห็นภาพ และเข้าใจได้ชัดเจนทันที และการรักษาศีลเมื่อก่อนจะคิดว่าตนเองคงจะถือศีล 5 ไม่ได้แน่ๆ โดยเฉพาะข้อที่ 4 เพราะตนเองเป็นคนชอบพูดจาไร้สาระ แต่ได้เทคนิคจากอาจารย์ว่าในเบื้องต้น คือให้ทำในเวลานอนก่อนและค่อยๆ เขยิบเวลาให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ หรือเรื่องที่จะช่วยให้อาม่าได้ไปสบายขึ้น ก็มีกำลังใจ ความสบายใจที่เราสามารถช่วยเหลือผู้มีพระคุณได้อย่างถูกทาง และจากความรู้สึกที่เคยมีความติดค้างกับเรื่องในอดีต “เรื่องที่เคยเก็บหอยขมให้ยายแกง” จากสิ่งที่อาจารย์ช่วยเคลียร์ให้ ทำให้สบายใจขึ้น เพราะไม่อยากนั้นคงจะมีความรู้สึกผิดติดตัวไปอีกเรื่อยๆ หรือเรื่องที่จะช่วยให้คนรอบข้างไม่ฆ่าสัตว์ ให้เห็นว่าทุกชีวิตมีค่า เท่ากับชีวิตของเรา

    ดิฉันคิดว่าดิฉันโชคดี ที่ได้ฝึกวิปัสสนาเมื่อวาน การฝึกทำให้ดิฉันเปลี่ยนมุมมอง แนวคิด และคิดว่าได้มาถูกทางแล้วค่ะ จะพยายามฝึกต่อไปเรื่อยๆ และถ้าเป็นไปได้ หรือมีความรู้พอ ก็อยากจะช่วยคนอื่นๆ ที่ไม่รู้แบบดิฉันด้วยค่ะ ศศิวิมล บูราณทวีคูณ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอโมทนากับความก้าวหน้าในการปฏิบัติและการตื่นจากภายในด้วยครับ สาธุ

    เป็นบารมีของพระที่ท่านเมตตาสงเคราะห์ครับ
     
  14. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    วันนี้มีเรื่องแปลกมาเล่าค่ะ..

    บ่ายวันนี้ ลูกชาย(ซันซัน)นอนหลับ มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาตื่นขึ้นมา แล้วรีบลุกขึ้นมานั่งทั้งงัวเงียๆ หันรีหันขวางเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง แล้วหลุดออกมาว่า..."หมวก หมวก..."

    จังหวะนั้น เราก็มองลูกอยู่ ใจก็นึกสงสัย... คงฝันมั้ง

    "ซันฝันเหรอลูก ฝันใช่มั้ย? ฝันถึงหมวกเหรอ.."

    พลันปรากฏภาพชฎาสีทองขึ้นมาในจิต (เฮ้ย!! ตอนนั้นก็ตกใจเหมือนกัน มาได้ไง?)

    เลยถามไปว่า "หมวกสูงๆใช่มั้ย? มียอดแหลมๆ ยาวๆ" ซันซันพยักหน้า ตายังลืมไม่ได้เต็มที่ และยังกังวลกับหมวกอยู่

    "หมวกสีทองใช่มั้ยลูก สีเหลืองๆ ทองๆ" พยักหน้าอีก ยังหันมองไปทั่ว...หาหมวก

    "หมวกสูงๆ ยาวๆ สีทอง ใช่มั้ย?" ย้ำเพื่อความมั่นใจ

    ซันซันพยักหน้าอีกครั้ง "หนูฝันไปน่ะลูก" เจ้าตัวเล็กยังงัวเงีย...แล้วทิ้งตัวลงนอนต่อ หลับไปอีกนาน...

    ตื่นขึ้นมาคราวนี้ แม่ถามใหม่ "ซันฝันเห็นหมวกเหรอลูก" ซันซันทำหน้าเหรอหรา

    "หมวกสีทอง แหลมๆ สูงๆ..." ซันซันส่ายหัวดิก...........




    คงต้องรออาจารย์มาเฉลยความนัย [​IMG]
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    แม่ซื้อพาเด็กไปเที่ยวจ้า จากนั้นก็ลบสัญญาไม่ให้จำได้ แต่เรื่องราวและสิ่งต่างๆก็ถูกบันทึกลงในจิตเรียบร้อยแล้ว

    ช่วงนี้เร่งปฏิบัติแม้แต่เจ้าตัวเล็กตัวน้อย

    ผู้ใหญ่อย่างเราอย่าได้ละทิ้งการปฏิบัติกันนะ
     
  16. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    มารายงานต่อค่ะ..



    เช้านี้ ซันซันโดนปลุก 6.30 น. งัวเงีย ไม่ยอมลุก โยเย อยากนอนต่อ

    ด้วยความสงสัยอะไรบางอย่าง...ที่ยังคงคาใจอยู่ เลยเข้าไปถาม..

    "ซันซัน ฝันว่าไปเที่ยวมาหรือปล่าวลูก"

    เจ้าตัวเล็กพยักหน้า ตาปิด

    "ไปเที่ยวไหนมา สวยใช่มั้ย?" พยักหน้า...

    "มีคนเยอะแยะเลยหรือปล่าว?" พยักหน้า คอพับคออ่อน..

    "ใส่หมวกสูงๆ ยาวๆ แหลมๆ ทั้งนั้นเลยใช่ปะ?" พยักหน้าอีกครั้ง โผล่ตาดำมาครึ่งดวง

    "เป็นที่สว่างๆ สบายๆ..." มองหน้าแม่นิ่ง แต่เผยตาดำมาเกือบหมดแล้ว..

    "สนุกไหม?" พยักหน้า ตามีแวว..ยิ้ม

    "อยากไปอีกไหม?" พยักหน้า.."อีก" เห็นยิ้มนิดนึงที่มุมปาก ก่อนหลับตา ตั้งท่าจะหลับอีกครั้งหนึ่ง



    ท่าจะไปเที่ยวสวรรค์มา (ช่วงที่ซักถามลูกอยู่เราก็เหมือนเห็นภาพนั้น..)
     
  17. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    เมื่อวันเสาร์ได้เดินทางไปอุตรดิตถ์ร่วมทำบุญหล่อพระเชียงเเสนเหล็กน้ำพี้
    ขนาด80นิ้วที่วัดไชยมงคล และได้ไปกราบพระพุทธชินราชที่พิษณุโลกค่ะ
    ก็ขอนำบุญมาให้ทุกท่านได้อนุโมทนากันค่ะ
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พุทธโกมุท<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 06:12 PM
    วันที่สมัคร: May 2007
    อายุ: 33 ปี
    ข้อความ: 204 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2,762 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 3,782 ครั้ง ใน 202 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 296 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->สมาธิเมื่อคืนวันเสาร์
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เมื่อคืนวันเสาร์ สามารถถอดจิตออกมาได้อีกครั้งครับ คราวนี้พอออกมาแล้วรู้สึกโงนเงน ทรงตัวไม่ได้ นึกถึงที่พี่คณานันท์ให้ตั้งสติก่อน ก็ทำตามค่อยๆลุกนั่ง ยืนขึ้นขยับแขน ขยับขา ครั้งนี้ไม่ลืมที่จะอธิษฐานปักหมุดไว้ ตามที่พี่แนะนำ จากนั้นก็ยกแข้งยกขา พอคุ้นเคยดีก็เลยซ้อมมวยซะเลย ยืนที่หน้ากระจก แต่เห็นภาพตัวเองเป็นเงาๆ ดำๆ มองไม่ชัด (สงสัยคราวหลังต้องเปิดไฟทิ้งไว้ก่อนนอนครับ)
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    พุทธโกมุท : ดอกบัวรองพระบาทของพระพุทธเจ้า เมื่อคราวประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. nimmita

    nimmita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +409
    [​IMG]

    source: จาก forwardmail ขอขอบคุณผู้แปลและเผยแพร่ครับ




    _________________​


    [​IMG]


    "สามเหลี่ยมชีวิต" วิธีรอดตายจากแผ่นดินไหว

    FROM DOUG COPP'S ARTICLE ON THE "TRIANGLE OF LIFE"
    จากบทความของดัก คอบบ์ เรื่อง "สามเหลี่ยมชีวิต"

    Edited for MAA Safety Committee brief
    เรียบเรียงสำหรับการสรุปให้คณะกรรมการด้านความปลอดภัย MAA

    My name is Doug Copp. I am the Rescue Chief and Disaster Manager of the American Rescue Team International (ARTI), the world's most experienced rescue team. The information in this article will save lives in an earthquake.

    ผมชื่อ ดัก คอบบ์ ผมเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยและผู้จัดการด้านพิบัติภัยของทีมกู้ภัยนานาชาติแห่งสหรัฐฯ ซึ่ง
    เป็นทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก ข้อมูลในบทความนี้จะช่วยชีวิตคนในกรณีแผ่นดินไหว


    I have crawled inside 875 collapsed buildings, worked with rescue teams
    from 60 countries, founded rescue teams in several countries, and one of
    the United Nations experts in Disaster Mitigation for two years. I have
    worked at every major disaster in the world since 1985.

    ผมเคยคลานเข้าไปในตึกที่ถล่มมา 875 ตึก เคยทำงานกับหน่วยกู้ภัยจาก 60 ประเทศ ก่อตั้งหน่วยกู้ภัย ในหลายประเทศ และเป็นเหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการอพยพผู้คนกรณีเกิดพิบัติภัยขององค์การ สหประชาชาติมา 2 ปี ผมได้ทำงานกับพิบัติภัยใหญ่ๆ ในโลกมาตั้งแต่ปี 1985

    In 1996 we made a film, which proved my survival methodology to be correct. We collapsed a school and a home with 20 mannequins inside. Ten mannequins did "duck and cover," and the other ten mannequins used my "triangle of life" survival method. After the simulated earthquake, we crawled through the rubble and entered the building to film and document the results. The film showed that there would have been zero percent survival for those doing duck and cover; and 100 percent survivability for people using my method of the "triangle of life."

    เมื่อปี 1996 เราได้ทำภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งซึ่งได้พิสูจน์ว่าวิธีการรักษาชีวิตของผมถูกต้อง เราได้
    ถล่มโรงเรียนและบ้านที่มีหุ่นมนุษย์ 20 ตัวอยู่ภายใน หุ่น 10 ตัว "มุดและหาที่กำบัง" และอีกสิบตัวใช้วิธีการรักษาชีวิตแบบ "สามเหลี่ยมชีวิต" ของผม หลังจากแผ่นดินไหวทดลอง เราคลานผ่านซากปรักหักพังและเข้าไปในตึกเพื่อถ่ายภาพและเก็บข้อมูลของผลที่เกิด ในภาพยนต์แสดงให้เห็นว่าอัตราการอยู่รอด ของพวกที่มุดและหาที่กำบังคือศูนย์ และโอกาสรอด 100% สำหรับพวกที่ใช้วิธี "สามเหลี่ยมชีวิต" ของผม


    This film has been seen by millions of viewers on television in Turkey and
    the rest of Europe, and it was seen in the USA, Canada and Latin America on the TV program.

    ภาพยนต์ชุดนี้ได้ผ่านสายตาของผู้ชมโทรทัศน์เป็นล้านๆ คนในตุรกี และส่วนที่เหลือของยุโรป เคยออกอากาศทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา คานาดา
    และลาตินอเมริกา


    The first building I ever crawled inside of was a school in Mexico City
    during the 1985 earthquake. Every child was under its desk. Every child was crushed to the thickness of their bones. They could have survived by lying down next to their desks in the aisles.

    ตึกแห่งแรกที่ผมได้คลานเข้าไปคือโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเม็กซิโกซิตี้ในแผ่นดินไหวปี 1985 เด็กทุก คนอยู่ใต้โต๊ะเรียน เด็กทุกคนถูกอัดแบนจนกระดูกแหลก พวกเขาอาจจะมีชีวิตรอดด้วยการนอนราบกับพื้น
    ตรงบริเวณทางเดินข้างๆ โต๊ะเรียนของตัวเอง


    At that time, the children were told to hide under something. Simply
    stated, when buildings collapse, the weight of the ceilings falling upon
    the objects or furniture inside crushes these objects, leaving a space or
    void next to them. This space is what I call the "triangle of life". The
    larger the object, the stronger, the less it will compact. The less the
    object compacts, the larger the void, the greater the probability that the
    person who is using this void for safety will not be injured.

    ในเวลานั้น เด็กๆ ได้รับคำแนะนำให้หลบใต้อะไรบางอย่าง อธิบายอย่างง่ายๆ เมื่อตึกถล่ม น้ำหนัก
    ของเพดานที่ตกลงมาบนสิ่งของหรือเครื่องเรือนที่อยู่ภายในจะทับทำลายสิ่งของเหล่านั้น เหลือที่ว่างหรือ
    ช่องว่างข้างๆ มัน ที่ว่างเหล่านี้คือสิ่งที่ผมเรียกว่า "สามเหลี่ยมชีวิต" สิ่งของชิ้นยิ่งใหญ่ ยิ่งแข็งแรง
    โอกาสถูกทับอัดยิ่งน้อย โอกาสที่สิ่งของถูกทับอัดยิ่งน้อย ช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น
    โอกาสที่คนที่อาศัยช่องว่างเหล่านั้นหลบภัยจะไม่เป็นอันตรายก็ยิ่งมาก


    The next time you watch collapsed buildings, on television, count the
    "triangles" you see formed. They are everywhere. It is the most common
    shape.

    ครั้งต่อไปที่คุณดูอาคารที่ถล่มในโทรทัศน์ ลองนับ "สามเหลี่ยม" ที่เกิดขึ้นที่คุณเห็นดู มันทีอยู่เต็มไปหมดทุกที่ เป็นรูปทรงที่เห็นได้มากที่สุดอยู่ทั่วไป


    ---------------------------------------------------------------

    TEN TIPS FOR EARTHQUAKE SAFETY
    สิบวิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว


    1) Almost everyone who simply "ducks and covers" when buildings collapse are crushed to death. People who get under objects, like desks or cars, are crushed.

    1) เกือบทุกคนที่ "มุดและหาที่กำบัง" เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ
    โต๊ะหรือรถยนต์ถูกอัดทับ


    2) Cats, dogs and babies often naturally curl up in the fetal position.
    You should too in an earthquake. It is a natural safety/survival instinct.
    You can survive in a smaller void. Get next to an object, next to a sofa,
    next to a large bulky object that will compress slightly but leave a void
    next to it.

    2) แมว หมา และเด็กทารก โดยธรรมชาติมักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา คุณควรทำเช่น
    กันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาติญาณเพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิตรอดในช่อง
    ว่างที่เล็กกว่า ไปอยู่ข้างๆ สิ่งของ ข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบนไปบ้างแต่ยัง
    เหลือที่ว่างข้างๆ มันไว้

    3) Wooden buildings are the safest type of construction to be in during an earthquake. Wood is flexible and moves with the force of the earthquake. If the wooden building does collapse, large survival voids are created. Also, the wooden building has less concentrated, crushing weight. Brick buildings will break into individual bricks. Bricks will cause many injuries but less squashed bodies than concrete slabs.

    3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหว ไม้มีความยืดหยุ่นและเคลื่อน ตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่มจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และอาคารไม้
    ยังมีน้ำหนักทับทำลายที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อนอิฐเหล่านี้
    เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ แต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต


    4) If you are in bed during the night and an earthquake occurs, simply roll
    off the bed. A safe void will exist around the bed. Hotels can achieve a
    much greater survival rate in earthquakes, simply by posting a sign on the back of the door of every room telling occupants to lie down on the
    floor, next to the bottom of the bed during an earthquake.

    4) หากคุณกำลังนอนอยู่บนเตียงตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียงกลิ้งลงจากเตียง ช่องว่างที่
    ปลอดภัยจะเกิดรอบๆ เตียง โรงแรมจะสามารถเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้ โดยเพียงติด
    ป้ายหลังประตูในทุกห้องพักบอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว


    5) If an earthquake happens and you cannot easily escape by getting out the door or window, then lie down and curl up in the fetal position next to a sofa, or large chair.

    5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนี้ออกมาง่ายๆ ทางประตูหรือหน้าต่าง ก็ให้นอนราบและ ขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟาหรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ

    6) Almost everyone who gets under a doorway when buildings collapse is
    killed. How ? If you stand under a doorway and the doorjamb falls forward or backward you will be crushed by the ceiling above. If the doorjamb falls sideways you will be cut in half by the doorway. In either case, you will be killed!

    6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอด เพราะอะไร? หากคุณยืนอยู่ตรงช่องประตูและวง กบประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลัง คุณจะโดนเพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้าง
    คุณจะถูกตัดเป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น!


    7) Never go to the stairs. The stairs have a different "moment of
    frequency" (they swing separately from the main part of the building).The
    stairs and remainder of the building continuously bump into each other
    until structural failure of the stairs takes place. The people who get on
    stairs before they fail are chopped up by the stair treads - horribly
    mutilated. Even if the building doesn't collapse, stay away from the
    stairs. The stairs are a likely part of the building to be damaged. Even if
    the earthquake does not collapse the stairs, they may collapse later when
    overloaded by fleeing people. They should always be checked for safety,
    even when the rest of the building is not damaged.

    7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี "ช่วงการเคลื่อนตัว" ที่แตกต่างไป
    (บันไดจะมีการแกว่งแยกจากตัวอาคาร) บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคารจะชนกระแทกกันอย่างต่อเนื่อง
    จนเกิดปัญหากับโครงสร้างของบันได
    คนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่มถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้น
    บันได--ถูกแยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ บันไดเป็นส่วนของ
    อาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหาย ถึงแม้แผ่นดินไหวจะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมา เมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปจากคนที่กำลังหนี มันควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอ ถึงแม้ส่วนที่
    เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม

    8) Get near the Outer Walls Of Buildings or Outside Of Them if possible.
    It is much better to be near the outside of the building rather than
    the interior. The farther inside you are from the outside perimeter of the
    building the greater the probability that your escape route will be
    blocked.

    8) ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคารหรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่
    ใกล้ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนในของอาคาร คุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภาย
    นอกของอาคารมากเท่าไหร่ โอกาสที่ทางหนี้ของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก


    9) People inside of their vehicles are crushed when the road above falls in
    an earthquake and crushes their vehicles; which is exactly what happened
    with the slabs between the decks of the Nimitz Freeway. The victims of the San Francisco earthquake all stayed inside of their vehicles. They were all killed. They could have easily survived by getting out and sitting or lying next to their vehicles. Everyone killed would have survived if they had been able to get out of their cars and sit or
    lie next to them. All the crushed cars had voids 3 feet high next to them, except for the cars that had columns fall directly across them.

    9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัดเมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะแผ่นดินไหวและทับรถของพวกเขา นี้เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีตระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจากแผ่นดินไหวที่ซานฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ง่ายๆ ด้วยการออกจากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขาสามารถออกจากรถ
    และนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่ข้างๆ ยกเว้นรถที่ถูกเสาคานตกทับกลางคันรถ


    10) I discovered, while crawling inside of collapsed newspaper offices and
    other offices with a lot of paper, that paper does not compact. Large
    voids are found surrounding stacks of paper.

    10) ผมค้นพบ--ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และสำนักงานอื่นที่มีกระดาษจำนวน
    มาก--ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่างขนาดใหญ่รอบๆ กองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน



    Spread the word and save someone's life.
    กระจายข้อมูลนี้และช่วยชีวิตคนบางคน


    http://www.thaiblades.com/forums/showthread.php?t=49969
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post1247340 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สายน้ำผึ้ง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1247340", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:42 AM
    วันที่สมัคร: Aug 2006
    ข้อความ: 49 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 13 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 524 ครั้ง ใน 47 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1247340 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->บทปลงสังขาร ต้านภัยพิบัติ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สังขารร่างกาย ต้องตายเป็นผีอยู่ในโลกนี้ไม่มีแก่นสาร
    ทรัพย์สินเงินทองเป็นของสาธารณ์ไม่ใช่ของท่านลูกหลานต้องลา
    อย่ามัวประมาท โอกาสยังมีอย่าหลงโลกีย์จะมีปัญหา
    โลกนี้แท้จริงเป็นสิ่งมายาเป็นสิ่งลวงตาใช่ว่าจีรัง
    สังขารร่างกาย อยู่ไม่กี่ปีก็ตายเป็นผีไม่มีความหวัง
    เกิดแก่เจ็บตายร่างกายผุพังทุกวันเดินทาง สู่ยังกองฟอน
    จะห้ามไม่ฟัง จะรั้งไม่หยุดเป็นสิ่งสมมติตามพุทธะสอน
    อำนาจใดใดอย่าไปวิงวอนให้ช่วยเราตอน ที่วันสิ้นใจ
    สังขารเรานี้ เป็นสิ่งสังเวชมันเป็นสาเหตุสังเกตเอาไว้
    เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวปวดร้าวอาลัย หิวอิ่มเกินไปก็ไม่อยู่นาน
    หนาวก็จะตาย ร้อนไปก็จะแย่ลำบากแท้แท้นี่แลสังขาร
    ต้องกินต้องถ่ายทนไปทุกวันดูน่าสงสารคิดกันให้ดี
    สังขารร่างกาย ทั่วไปเน่าเหม็นมีของกากเดน มองเห็นทุกที่
    ไหลเข้าไหลออกย้อนยอกมากมีล้วนเป็นสิ่งที่มีอยู่ทั่วกัน
    น้ำเลือดน้ำหนองล้วนของปฏิกูลไหลมาเป็นมูล พอกพูนหลายชั้น
    ข้างนอกเน่าเหม็นมองเห็นทุกวันอีกข้างในนั้นล้วนขั้นไม่งาม
    สังขารร่างกายไม่ใช่ตัวตนเกิดมาเป็นคนไม่พ้นโดนหาม
    ต้องนอนเปลือยกายให้ไฟลุกลาม เมื่อเจ้าโดนหาม สู่เชิงตะกอน
    ผู้ดีเข็ญใจก็ตายเหมือนกันอย่าหลงสังขาร ปลงกันไว้ก่อน
    ลูกหลานหญิงชายส่งได้แน่นอนก็แค่กองฟอนแล้วย้อนกลับมา
    สังขารร่างกายล้วนตายเป็นศพ ถูกแผ่นดินกลบ อยู่ในป่าช้า
    หมู่หนอนชอนไชตอมไต่กายาเป็นเหยื่อนกกาหมูหมาในดง
    กระดูกเกลื่อนกลาดเรี่ยราดทั่วไปเอ็นเล็กเอ็นใหญ่ไร้จุดประสงค์
    ต้องถูกทอดทิ้ง นอนกลิ้งในดงเป็นป่ารกพงเฝ้าดงกันดาร
    กระทำให้แจ้งเจาะแทงตลอด ให้จิตนี้ปลอดหลุดรอดสังขาร
    หยุดความกระหายมุ่งไปนิพพาน ไม่หลงสังขารทั่วกันด้วยเถิด
    จะได้หยุดเกิด มันไม่ประเสริฐตราบใดยังเกิดอยู่ในสงสาร
    รีบภาวนาเพื่อละอัตตาข้ามพ้นมายาทั่วหน้ากันเทอญ...
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...