" วันเวลาแห่งอภิมหาภัยพิบัติ "

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 29 มกราคม 2013.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    สาธุ อนุโมทนา บังเอิญจริง เหมือนกัน

    เมื่อก่อนมักชอบคิดว่า คนสมัยพุทธกาลหลายคนเขาโชคดี ที่ได้อยุ่ในยุคของพระพุทธเจ้า ได้ฟังคำพระพุทธเจ้าโดยตรง อยากได้ยินได้ฟังอย่างเขาบ้าง

    หลายเดือนต่อมา รึเป็นปีนี่แหละ ถึงมารู้ว่า มีคณะทำงาน ที่เขาแปลคำจากพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ มาเผยแผ่

    (โดยเป็นคำจากของเก่า ที่ไม่ได้แต่งใหม่ ในยุคหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว)

    โดยส่วนตัว ก็เคารพศรัทธาหลวงปู่ หลวงพ่อหลายรูป ทั้งท่านที่ดับขันธ์ไปแล้ว และยังมีชีวิตอยู่ ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ บอกสอนญาติโยม ให้ลดละกิเลสตัณหา

    รวมถึง ท่านที่ทำกิจอันเป็นการเกื้อหนุน เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริงด้วย
     
  2. ปลายธาตุ

    ปลายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +225
    ใครๆก็อยากปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ปัญหามันอยู่ที่ทราบได้อย่างไรว่าตัวหนังสือหรือคำบอกเล่าเหล่านั้นเป็นคำสอนของท่านจริงๆ ท่านไม่เคยเขียนหนังสือสักตัว หรือเราเหมาเอาว่าอันใหนเข้าท่าดีก็ทำกันไป คงไม่มีใครใด้ยินจากพระโอฐน์จริงๆสักคน ผมว่าเรากำลังทำผิดและไม่รู้ว่าที่ทำนั้นผิดเท่าใหร่ มีถูกสักเท่าไหร่ด้วย มันถึงหลากหลายแนวกันมากมายไม่รู้จบสิ้น เพียงยึดศรัทธาแห่งตนประกอบทำให้มั่นใจเท่านั้น ศรัทธานั้นใกล้เคียงกับงมงายจนเหมือนเหรียญคนละด้าน แอะอะก็อ้างตำราแต่ไม่เคยรู้ว่าตำรามาจากไหนเคยถูกแก้ไขหรือไม่อย่างไร แก้แล้วผิดไปจากเดิมไหม น่าเศร้ากะชาวพุทธที่แค่เริ่มปลูกศรัทธากันก็ผิดแล้ว:':)':)':)'( ถ้าจะมีภัยภิบัติเกิดก็น่าจะเกิดมาล้างชาวพุทธที่ศรัทธาผิดๆ มากกว่าจะล้างคนชั่ว เพราะคนชั่วแค่ตั้งใจทำชั่วแต่ตน แต่คนศรัทธาผิดๆจะเผยแพร่ความคิดการกระทำผิดๆไปยังผู้อื่นซึ่งเสียหายวงกว้างกว่าหลายเท่านัก มีใครกล้าคิดแบบผมบ้างครับ
     
  3. มะลิดำ

    มะลิดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +588
    เคยอ่าน"พุทธวจน" ของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ซึ่งท่านรวบรวมต่อจากท่านอาจารย์พุทธทาสแล้ว ขอบอกว่า อึ้ง! อยากแนะนำให้ชาวพุทธทุกคนได้อ่านกัน จะได้ไม่เสียทีที่เป็นชาวพุทธ น่าเสียดาย กรมศาสนาน่าจะพิมพ์ไปวางไว้ให้ทั่วทั้งโรงเรียน วัด ชุมชน และห้องพักในโรงแรม อย่ารวมเล่มเพราะหนาไป เลือกเฉพาะที่สำคัญๆ แล้วคาดว่าคนที่อาศัยผ้าเหลืองบังหน้าจะน้อยลง พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะมากขึ้น.
     
  4. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    อนุโมทนาสาธุ และเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ผมนั่งสมาธิทุกคืนก่อนนอนครับ
     
  5. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642

    ผมขออภัยที่จะกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับคุณ ลองตั้งใจฟังที่พระอาจารย์กล่าวดี ๆ สิครับ จะเข้าใจมากขึ้น คนที่ศรัทธาในพระพุทธองค์แม้แค่พระสูตรเดียวหรือคำสอนบทเดียวย่อมเป็นผู้ที่น่ายกย่องแล้วครับ
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ขออนุโมทนา คุณชัยบวร และทุกท่าน ผู้สร้างมหากุศล ด้วยการนั่งสมาธิเป็นประจำ สาธุ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=iVyaLAEo0Zk]พุทธวจน-อานาปานสติ - YouTube[/ame]
     
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    พระตถาคตท่านสอนว่า การกำหนดรู้ลมหายใจเข้า - ออก ให้ประโยชน์มาก
     
  8. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    หน้าที่ของพุทธบริษัท ทำยังไง จะไม่ต้องไปนรก ไม่ต้องตกอบาย ก็ไม่ได้มีอะไรที่ยากเกินจะทำได้หรอก

    [​IMG]
     
  9. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    มีเรื่องที่น่าปิติ อ่านแล้วเร้ากุศล มาฝากทุกท่าน เรื่องของคุณลุงจิตร หัวใจโพธิสัตว์

    South - Manager Online - คนดี! ถูกมองว่าบ้า “หลวงจิตร” กวาดถนนเพื่อ พ่อหลวงมากว่า 20 ปี

    กว่า 20 ปี “หลวงจิตร” กวาดถนนเพื่อ "พ่อหลวง"

    [​IMG]

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - พบคุณลุงวัย 64 ปี มีจิตอาสา และเสียสละความสุขส่วนตัว ออกทำความสะอาดถนน และปลูกต้นไม้ทุกวันมา 20 ปี โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน เผยต้องการทำความดีถวาย “ในหลวง” และจะทำจนลมหายใจสุดท้าย แม้บางครั้งจะถูกมองว่าบ้า

    (4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบชายสูงอายุวัย 64 ปี ที่ชาวบ้านต่างเลื่องลือในความมีน้ำใจ และจิตอาสาชอบทำงานเพื่อส่วนรวม โดยเฉพาะการออกทำความสะอาดถนน และปลูกต้นไม้ทั้งในหมู่บ้านของตัวเอง และตำบลใกล้เคียงทุกวันต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 20 ปี

    [​IMG]

    โดยชายสูงอายุรายนี้คือ นายจิตร สุวรรณชาตรี อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ 5 บ้านหาร ต.บ้านหาร อ.บางกล่ำ จ.สงขลา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า หลวงจิตร คุณลุงจิตอาสาที่เสียสละความสุขส่วนตัวออกทำความสะอาดถนน

    ทั้งโกยดินริมทาง ถางหญ้าที่รกร้าง และปลูกต้นไม้ ทุกวันติดต่อกันมากว่า 20 ปี โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ และบางครั้งถูกมองว่าบ้า เพราะแทนที่จะไปทำงานส่วนตัวแต่กลับมาเสียเวลากับเรื่องที่ผู้คนมองข้าม และไม่มีใครสนใจ

    [​IMG]

    ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามข้อเท็จจริง และเรื่องราวชีวิตของ คุณลุงจิตร ที่บ้านพักเลขที่ 35/1 หมู่ 5 บ้านหาร ต.บ้านหาร อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ซึ่งพบว่า ยังมีสุขภาพ และร่างกายที่แข็งแรง และร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใสแตกต่างจากชายสูงอายุทั่วๆ ไป

    [​IMG]

    คุณลุงจิตร บอกว่า ในทุกวันจะใช้เวลาช่วงเช้าตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึงเที่ยง ขับรถกระบะสภาพเก่าคู่ชีพบรรทุกเครื่องมือทั้งจอบ เสียม คราด มีดพร้า และบุ้งกี๋ออกตระเวนทำความสะอาดถนนทั้งในหมู่บ้านของตัวเอง และในตำบลใกล้เคียง เช่น ต.ท่าช้าง ต.บางกล่ำ อ.บางกล่ำ และ ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ ซึ่งมีเส้นทางเชื่อมต่อกัน

    [​IMG]

    หากพบว่าจุดไหนที่มีดิน และหญ้าขึ้นมากลบบนไหล่ทาง หรือบนสะพานก็จะลงมือใช้จอบเสียมโกย และตัดออกเพื่อให้โล่งเตียน ส่วนเศษดิน และหญ้าก็ไม่ทิ้งให้เกะกะนำใส่รถไปใช้เป็นปุ๋ยในสวนของตัวเอง รวมทั้งยังปลูกต้นไม้ซึ่งเน้นไม้ผล และพืชสวนครัว

    เช่น มะม่วงหิมพานต์ ตะไคร้ กล้วย และมะม่วง ไว้บริเวณริมถนนที่ว่างเปล่าไม่กีดขวางการจราจรจนให้ผลผลิต ชาวบ้าน และประชาชนที่ขับรถผ่านไปมาได้เก็บกิน หรือนำไปใช้ในงานบุญต่างๆ แต่มีข้อแม้หากจะเก็บต้องเก็บไปเผื่อคนอื่นด้วย

    [​IMG]

    คุณลุงจิตร บอกว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ลงแรงทำความสะอาดถนน และปลูกต้นไม้ ไม่เคยเรียกร้อง หรือได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานใด เพียงเพื่อต้องการให้ชาวบ้านได้รับความสะดวกสบายจากการสัญจรไปมา สิ่งตอบแทนคือ คำขอบคุณ และรอยยิ้มจากผู้คนที่ผ่านไปมา ทั้งที่รู้จัก และไม่รู้จักเพียงเท่านี้ก็มีความสุข

    แม้ว่าบางครั้งจะถูกมองว่าบ้าก็ตาม แต่ตรงกันข้ามกับชีวิตในวันนี้ที่รู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้ออกไปทำงานเพื่อส่วนรวม แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทุกคนมองข้าม และไม่ใช่หน้าที่เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว แต่สำหรับตนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพราะหากตนไม่ทำก็ไม่มีใครทำ

    [​IMG]

    คุณลุงจิตร ยังบอกอีกว่า สำหรับเวลาว่างในช่วงเย็น ก็จะทำงานเย็บผ้า และเปิดร้านขายของชำเล็กๆ น้อยๆ หรือออกไปทำสวนบ้าง ชีวิตพอมีพอกิน ไม่มีรายจ่ายฟุ่มเฟือย เพราะไม่ดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่บางวันแทบไม่ต้องใช้เงิน ครอบครัวมีความสุข เพราะลูกเมียเข้าใจ

    และจะทำต่อไปจนกว่าลมหายใจสุดท้ายของชีวิต โดยสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และทำให้ไม่ท้อนั่นคือ การทำความดีเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ที่พระองค์ทรงตรากตรำงานหนักกว่าตนหลายเท่า และทำให้หายเหนื่อย และมีกำลังใจทุกครั้งที่นึกถึงพระองค์ท่าน

    [​IMG]
     
  10. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ครูบาอาจารย์ท่านสอน จำได้ขึ้นใจว่า..ผลบุญไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  12. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ทีนี้ วางเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ ที่เรียกว่าเป็นภัยส่วนร่วมไว้ก่อน มาถึงเรื่องภัยพิบัติประจำตัวของแต่ละคน ซึ่งไม่รู้ว่า มันจะมาถึงในวันเวลาไหน ด้วยรูปแบบไหน

    เพราะบางคน ก็มาแบบกระทันหัน ไม่ทันตั้งตัว ส่วนบางคน ก็มาแบบเงื้อง่า มีสัญญาณให้รู้ได้ มาแต่ไกล


    หนุ่มดวงซวย คลัตช์สิบล้อระเบิด กระเด็นใส่ ดับอนาถ คารถกระบะ

    Crime - Manager Online - หนุ่มดวงซวย คลัตช์สิบล้อระเบิดกระเด็นใส่ดับอนาถคารถกระบะ

    นนทบุรี - ตำรวจบางใหญ่รับแจ้งเหตุ อะไหล่แผ่นคลัตช์เกียร์รถสิบล้อ หลุดกระเด็นจากใต้ท้องรถสิบล้อ ข้ามฝั่งถูกชายเคราะห์ร้าย ดับคารถกระบะ สอบสวนคนขับ บอก คลัตช์ระเบิด

    เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 4 ก.พ. 56 ร.ต.ต.ธนกฤษณ์ ศาลางาม ร้อยเวรสอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งว่ามีอะไหล่รถบรรทุกสิบล้อ หลุดกระเด็นโดนรถเสียหายหลายคัน และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บริเวณถนนกาญจนาภิเษก ขาเข้าตรงข้ามซอยวัดพระเงิน จากนั้น จึงประสานแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรีบรุดไปตรวจสอบ

    ที่เกิดเหตุเป็นถนนกาญจนาภิเษกขาเข้า ตรงข้ามซอยวัดพระเงิน ในช่องทางด่วนพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ลม 3091 กทม. จอดเบียดกับราวเหล็กกั้นถนน ภายในรถพบร่างผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นผู้ขับขี่ ทราบชื่อนายจิรศักดิ์ ประทุมขำ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 5 ต.นาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียชีวิตมีบาดแผลฉีกขาดบริเวณศีรษะ มันสมองตกกระจายอยู่ภายในรถ บริเวณกระจกประตูด้านขวา และด้านหลังแตกเสียหาย

    [​IMG]

    จากการสอบสวนผู้พบเห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถบรรทุกสิบล้อยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 81-6482 ราชบุรี ซึ่งจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ เกิดอุบัติเหตุอะไหล่รถ หลุดกระเด็นข้ามฝั่ง มาโดนรถที่วิ่งอยู่เสียหายถึง 3 คัน รวมถึงรถของผู้เสียชีวิตด้วย และจากการสอบถามนายเฉลา จันทร์ทอง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/5 หมู่ 12 ต.เบิกไพร อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้ขับขี่รถบรรทุกสิบล้อให้การว่า ตนได้ขับรถบรรทุกดินมาเต็มคันและรถเสียจึงจอดไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงสายของวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา

    ในวันนี้ ช่างได้มาซ่อมจนเสร็จ โดยยืนยันว่า สามารถใช้การได้ ตนจึงขับรถออกจากจุดเดิม แต่ขับออกมาได้เพียงเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดมาจากใต้ท้องรถ จึงจอดรถทันทีเพื่อตรวจสอบ พบว่า แผ่นคลัตช์ของเกียร์แตกหลุดหายไป จนกระทั่ง มีคนมาบอกว่า อะไหล่รถที่หลุดหายไปนั้น กระเด็นไปโดนรถคันอื่นจนทำให้มีรถเสียหาย และมีผู้เสียชีวิต

    ทางด้าน ร.ต.ต.ธนกฤษณ์กล่าวว่า ผู้ตายถูกเศษชิ้นส่วน ที่หลุดออกมาจากรถบรรทุกสิบล้อ กระเด็นเข้ามาโดนผู้ตาย ที่กำลังขับขี่รถอย่างเต็มแรง จนชิ้นส่วนนั้น กระเด็นไปถูกรถอีก 2 คันเสียหาย ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบ เบื้องต้น ได้นำตัวผู้ขับขี่รถบรรทุก ไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

    [​IMG]

    สยอง เสือคณะละครสัตว์ ขย้ำครูฝึกตาย ต่อหน้าผู้ชม

    Around the World - Manager Online - คลิปสยอง!เสือคณะละครสัตว์ขย้ำครูฝึกตายต่อหน้าผู้ชม

    วิดีโอที่ถูกโพสต์ลงบนยูทิวบ์ เป็นภาพของครูฝึก อเล็กซานเดอร์ คริสปิน วัย 35 ปี ของคณะละครสัตว์เซอร์โค ซัวเรส กำลังดำเนินการแสดงร่วมกับเสือเบงกอล 2 ตัว ในรัฐโซโนรา เมื่อวันเสาร์ (3) แต่ระหว่างนั้น ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเสือเบงกอลตัวหนึ่ง จู่ๆ ก็พุ่งเข้าหาครูฝึก และตะปบร่างครูฝึก ล้มลงไปกับพื้น จากนั้น ก็จัดการขย้ำอย่างเหี้ยมโหด ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้ชม

    [​IMG]

    สื่อท้องถิ่นของเม็กซิโกรายงานว่านายคริสปิน ซึ่งเป็นคนอเมริกัน ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณคอ โดยเขาถูกนำตัวขึ้นรถฉุกเฉินส่งโรงพยาบาลกาชาด ในเมืองฮัวตาบัมโป อย่างไรก็ตาม ครูฝึกรายนี้ก็เสียชีวิตระหว่างการรักษา ผลของภาวะช็อก จากปริมาตรของเลือดลดลง

    ในวิดีโอดังกล่าว ยังพบเห็นผู้ชมต่างแตกตื่นพากันวิ่งหนีออกจากเตนท์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของคณะละครสัตว์ 2 รายก็เข้าทำร้ายเสือตัวดังกล่าวเพื่อให้มันวางมือจากคริสปิน ซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น

    ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ (5) นายวาเลนเต มาลอน เจ้าของคณะละครสัตว์ ถูกเจ้าหน้าที่ของเอตโชโจอา เมืองที่เกิดเหตุ เรียกเข้าไปสอบปากคำแล้ว แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ขณะที่ทั้งรายงานข่าวระบุว่าเสือตัวนี้น่าจะถูกเจ้าหน้าที่ฆ่าตายระหว่างความพยายามช่วยคริสปินแล้ว

    [​IMG]

    มรณานุสติ | เผชิญความตายอย่างสงบ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=iOADcD_GP0s]พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล - มรณานุสติ - YouTube[/ame]

    มรณานุสติ

    สัมภาษณ์ วรรณา จารุสมบูรณ์

    มนุษย์เลือกไม่ได้ว่าจะตายวันไหน เวลาไหน ด้วยเหตุการณ์ หรือโรคร้ายชนิดใด แต่เลือกได้ว่าจะตายอย่างสงบ ไม่เจ็บปวด ไม่ทุรนทุราย ด้วยความทุกข์ทรมาน หากรู้จักการปล่อยวางจากสิ่งยึดติดภายนอกทั้งหลาย พร้อมกับน้อมจิตให้ระลึกถึงสิ่งดีงามที่เคยทำ พร้อมกับการระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก่อนสิ้นลมเท่านั้นเอง

    วรรณา จารุสมบูรณ์ ผู้จัดการโครงการเผชิญความตายอย่างสงบ เครือข่ายพุทธิกา เป็นคนหนึ่งที่เชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด เธอบอกว่า ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครสามารถปฏิเสธ หรือ หลีกหนีไปจากความตาย เปรียบเสมือนสัจธรรม ที่ทุกคน ต้องประสบครั้งหนึ่งในชีวิตทั้งนั้น

    ถ้าไม่ปลงสังขารกันจริง คงไม่มีใครอยากนั่งสนทนาพาที ถึงเรื่องความตายนักหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นความตายของตัวผู้สนทนาเอง แต่วรรณามีความเห็นว่า บางครั้ง การได้สนทนาถึงความตายก็เป็นเรื่องจำเป็น เพราะไม่ใช่เรื่องของกายเท่านั้น ที่ต้องดูแล จิต ก็มีความสำคัญไม่น้อย

    “แท้จริงแล้ว ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย หรือโรคอื่น ที่กำลังรอวินาทีลาโลก มีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน คือ ล้วนมีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น แต่เป็นทุกข์ที่มาจาก ความหวาดกลัวความตาย กลัวความเจ็บปวด ห่วงสารพัดห่วง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่ดินบ้าน หรือญาติพี่น้อง ทำให้เกิดอารมณ์ที่แปรปรวน ฉุนเฉียวง่าย สุดท้ายตายอย่างไม่สงบ” ผู้จัดการโครงการเผชิญความตายอย่างสงบ กล่าวอย่างสงบ

    เธอบอกว่า ญาติสามารถช่วยผ่อนคลายความเครียด ความกังวล หรือความกลัว ที่มีอยู่ในจิตใจได้ ด้วยการใช้สัมผัสร่างกายเข้าช่วย หรืออาจช่วยพลิกตัว ช่วยบีบนวด ควรสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่ แม้จะน้อยนิดก็ตาม เช่น ทำให้ผู้ป่วยเห็นว่า เขาเป็นบุคคลสำคัญต่อญาติพี่น้อง เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึก และตระหนักว่า ถึงแม้จะเจ็บป่วย ก็ยังเป็นคนที่มีคุณค่าสำหรับคนอื่น และไม่รู้สึกอ่อนแอ

    “สิ่งสำคัญคือ ญาติพี่น้องต้องมีความอดทน อดกลั้นต่อภาวะอารมณ์ของผู้ป่วย ที่มักมีขึ้นๆ ลงๆ ต้องแสดงความรักออกมาอย่างใจจริง ไม่ว่าจะด้วยการกระทำ หรือสีหน้าท่าทาง และเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูด ให้เขาระบายความในใจ หรือความทุกข์ที่มีอยู่ในขณะนั้น เราต้องฝึกเป็นผู้ฟังที่ดี โดยตอนท้าย ต้องเตือนสติ ให้เขาไม่ยึดมั่นถือมั่น เพื่อการจากไปอย่างหมดห่วง และเป็นสุขนั่นเอง”

    นอกจากนี้ ญาติไม่ควรพูด หรือยัดเยียดให้ผู้ป่วย ต้องปลงเพียงฝ่ายเดียว แต่ควรรับฟังความคิดเห็น และเข้าใจความต้องการของผู้ป่วยด้วย และหากสามารถช่วยเหลือได้ ก็ควรรับอาสา

    วรรณาย้ำว่า การช่วยเหลือ ในสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการ ต้องไม่เกินความสามารถ จนถึงกับต้องโกหก หรือให้ผู้ป่วยมีความหวัง เช่น การรับปากว่า จะตามลูกมาให้ ทั้งที่ลูกอยู่ไกลถึงต่างประเทศ ไม่สามารถตามกลับมาได้ทัน เพราะจะทำให้ผู้ป่วยมีหวัง รอคอย หรือห่วงไปต่างๆ นานา เกี่ยวกับการเดินทางกลับมาของลูก และผิดหวัง ก่อนที่จะสิ้นลมได้

    อโนทัย เจียรสถาวงศ์ นักเขียนอิสระ ผู้บรรยายธรรมประจำยุวพุทธิกา สมาคมแห่งประเทศไทย ยกคำของท่านพุทธทาสว่าไว้ “มนุษย์ต้องฝึกตาย ก่อนที่จะตายจริง” หมายความว่า ฝึกทำใจให้ปล่อยวางจากทุกสิ่ง ดำรงชีวิตอยู่ได้ ท่ามกลางความทุกข์อย่างเป็นสุข เมื่อความตายของจริงมาเยือน ก็จะไม่สามารถมาทำร้าย ให้เราเจ็บปวด ทุรนทุราย หรือทุกข์ทรมานได้ เพราะเราได้ปล่อยวาง แล้วนั่นเอง

    "มนุษย์ มักคิดถึงความสุขที่ยึดติด การเตรียมตัวตาย เพื่อให้การตายมีประสิทธิภาพ หมดทุกข์ หมดห่วง ต้องเตรียมตั้งแต่ ยังมีกำลังวังชา ไม่ใช่เตรียมต่อเมื่อ กำลังจะสิ้นลมแล้ว เพราะอาจไม่ทันกาล ด้วยการฝึกฝนทำจิตให้มีสมาธิ สติ ปล่อยวางกับสิ่งรอบตัว ไม่ยึดมั่นถือมั่น กับทรัพย์สิน เงินทอง ตำแหน่ง หน้าที่ ทางการงาน"

    เธอขยายความต่อว่า การตายอย่างมีสติ หมายถึง เมื่อวาระของความตายคืบคลานเข้ามา ผู้ป่วยต้องมีจิตพร้อม ที่จะน้อมนำจิตใจตัวเอง ให้ระลึกถึงคุณความดี ที่เคยทำ มีจิตพร้อม ที่จะระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือพระผู้เป็นเจ้า ถึงการจะไปอยู่ในสรวงสวรรค์ของพระองค์

    “ความตายอย่างมีสติ ตามทัศนคติทางศาสนาพุทธ คือ การเผชิญความตาย อย่างสามารถน้อมจิตให้เกิดความว่างเปล่า หมายถึง การปล่อยวางสังขาร หรือร่างกาย การกระทำดังกล่าว เป็นไปได้ยากมาก ต้องฝึกเป็นคนปล่อยวาง มาตั้งแต่ต้น จึงจะทำได้ง่ายขึ้น” อโนทัย กล่าว

    นอกจาก ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ต้องรู้จักเตรียมตัวตายแล้ว คนที่มีสุขภาพปกติ ก็ควรรู้จักใช้ชีวิตอย่างมีสติ รู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับสิ่งใดในชีวิต ผู้บรรยายธรรมประจำยุวพุทธิกา สมาคมแห่งประเทศไทย บอกว่า ตัวเธอเอง ได้ฝึกให้สติแนบอยู่ที่ใจอยู่เสมอ และระลึกมรณานุสติทุกวัน แต่ยังนับว่าน้อย ถ้าจะให้ดี ควรระลึกถึงมรณานุสติทุกนาที เพื่อมีชีวิตที่ไม่ยึดติด กับความสุขสบายในโลกนี้

    อโนทัย ยังบอกด้วยว่า มนุษย์แต่ละคน มีจินตนาการถึงโลกหลังความตาย แตกต่างกันไป ทั้งในความเชื่อส่วนตัว ความเชื่อและคติทางศาสนา บางศาสนา กล่าวถึงเรื่องนรก และสวรรค์ แต่สำหรับเธอแล้วมองว่า ความตายที่เป็นสุขอย่างแท้จริงคือ การทำจิตใจให้หลุดพ้นจาก โลภ รัก โกรธ หลง ด้วยการปล่อยวาง ก่อนที่จะสิ้นลม

    “การสนทนาถึงความตาย ไม่ได้ต้องการให้คนกลัว แต่ต้องการเตือนสติ ให้มนุษย์ให้เตรียมตัวไว้ เพราะท้ายที่สุด เมื่อความตายมาถึง การฝึกฝนนั้น จะช่วยให้ความเจ็บป่วย ไม่สามารถทำอะไรเราได้ กายอาจจะป่วย แต่ใจไม่ได้ป่วยไปด้วย ดังคำที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า หากกายป่วยแล้ว ใจยังป่วย ก็ถือว่าขาดทุน เนื่องจาก ไม่รู้จักนำความดีที่เคยทำ มาใช้ประโยชน์ในเสี้ยวชีวิตเลย” ผู้บรรยายธรรม ประจำยุวพุทธิกา สมาคมแห่งประเทศไทย ยกพุทธวจนะ มาเตือนสติ
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    สรุปว่า ภัยพิบัติส่วนตัว ที่ทุกคนเจอแน่ และต้องเจอแล้วเจออีก วนไปเรื่อยๆ มันมีทั้งสุข มีทั้งทุกข์ ทั้งเกิด ทั้งแก่ ทั้งเจ็บ ทั้งตาย คือสภาพอันไม่เที่ยง ลุ่มๆ ดอนๆ

    ดีไม่ดี ถ้ายังเวียนว่ายไม่หยุด แล้วได้เกิดในยุคอีกหลายแสนปีข้างหน้า ที่โลกมันอยู่ไม่สบาย เพราะกายภาพทางดินฟ้าอากาศมันแย่ขนาดหนัก ตามคลิปยูทิวบ์ในหน้าแรก ที่พระอาจารย์ ท่านถ่ายทอดคำพระตถาคต ล่ะก็ สภาพคงดูไม่จืด

    แต่พระพุทธเจ้าท่าน ได้บอกวิธีพ้นจากภัยเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างถาวรไว้ให้แล้ว โดยไม่ต้องมีการเสียทรัพย์ ไม่ต้องเดินทางไกลไปแสวงบุญที่ไหน

    เอาแค่ ทุกนาทีที่ยังมีชีวิต จิตยังแนบอยู่ในกายนี้ ก็ทำให้ดีที่สุด เหมือนว่า นี่เป็นวันสุดท้ายของชีวิต อย่างที่คุณลุงจิตร ท่านทำ เรียกว่า ทาน ศีล ภาวนา ให้สม่ำเสมอ

    ละลดซะ เรื่องโลภ เรื่องโกรธ เรื่องหลง พอจิตใส ใจสว่าง ทุกอย่างก็จะดีตามๆ กันมา ตามเหตุ ตามปัจจัย ไม่ต้องไปแก้เคราะห์สะเดาะกรรม ทำพิธีพิสดารอะไร

    นี่แหละ พุทธแท้ๆ ไม่มีไสย ไม่ลึกลับ มีแต่ความตื่น รู้ และเบิกบาน สะอาด สว่าง สงบ

    [​IMG]
     
  14. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,852
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ขอบันทึกไว้ด้วยนะ มีบางอย่างในข้อความนี้ในนี้แสดงถึงความรู้คนเขียนพอมีความรู้ธรรมะ

    เวลาเขียนน้อยเขียนได้เล็กน้อย

    ไหนเข้ากระทู้เตือนภัยแล้ว ก็บอกภัยใหญ่คงอาจมาแน่ จากฟังมาและอ่านมากนะ เช่นช่วงในอายุเราก็ได้ ที่บอกไว้ว่า การอิงการเห็นภัยต่างๆไว้กับว่าการเห็น เมื่อดวงจันทร์มาใกล้โลกมากที่สุด . ... ตอนนี้หรือตอนนั้น

    เพราะจะมีอีกทีก็อีกประมาณ200ปีนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2013
  15. noobowza

    noobowza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +27
    ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะด้วยมีข้อสงสัยว่า คำสอนของพระอาจารย์อ้างจากพุทธวจนะของพระพุทธเจ้า แต่เห็นมีข้อความกล่าวว่ามีหนังสือที่ท่านแต่งรวบรวมจากคำสอนของท่านพุทธทาสเป็นหนังสือที่ดีมาก เลยสงสัยว่าหลักคำสอนของท่านพุทธทาสที่ว่าสวรรค์ไม่มีนรกไม่มี(อันนี้หมายถึงสวรรค์จริง นรกจริงนะคะไม่ได้หมายถึงเรื่องเปรียบสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ) มันขัดแย้งกับคำสอนพระพุทธเจ้าอย่างสิ้นเชิง แล้วเหตุใดจึงมีหนังสือที่รวบรวมจากคำสอนของท่านพุทธทาสคะ และเคยได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องการสวดปาฎิโมกจาก227 เหลือเพียง 150 คือไม่นับในคำสอนบอกกล่าวของพระอริยสาวกนอกเหนือจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยทำให้มีข้อข้องใจเพิ่มค่ะ
     
  16. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    แนะนำคุณแพรบัว ไปเข้ากระทู้นี้ของคุณหนูตา

    ถาม-ตอบ“สัตตานัง” - Buddhism Audio

    ถาม-ตอบ“สัตตานัง”

    Artist: พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล
    Album: พุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉัน วันอาทิตย์ที่ 10 ก.พ. 2556 ณ วัดนาป่าพง
    ไฟล์แนบข้อความ
    ฟัง live_20130210_2.mp3 (124.91 MB, 417 views)


    วันที่ ๑๐ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสผ่านไปทางปทุมธานี
    เคยตั้งใจไว้ว่า..จะเข้าไปกราบพระอาจารย์ ไม่อยากพลาดโอกาสนี้ ที่จะแวะเข้าไปที่วัดนาป่าพง

    [​IMG]

    ลุ้นสุดๆ จะเจอท่านมั๊ยนะ..!?

    และก็ได้นั่งฟังพุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉันจากพระอาจารย์
    ลุ่มลึก แตกฉาน (ความรู้สึกจากที่นั่งฟัง)
    เนื้อหาที่พอจับใจความตามสติปัญญาที่มี ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของ “สัตตานัง”
    หลังจากฟังแล้ว รู้สึกปิติ ปลาบปลื้ม
    ธรรมของพระพุทธเจ้า ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง และไพเราะในที่สุด แล้วจริงๆ

    [​IMG]
     
  17. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ภัยพิบัติอย่างหนึ่งของชาวพุทธ คือ พระปลอม เพราะเป็นเรื่องเขย่าศรัทธาให้สั่นคลอน

    จนต่อไป อาจทำให้ชาวบ้าน ไม่อยากเชื่อถือคำสอนพระตถาคต เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่คนทุศีลปลอมเป็นพระ เลยพาลเหมาเอาว่า ทั้งศาสนามีแต่ของเก๊

    เรื่องนี้ จำเป็นต้องตีปี๊บบอกกันให้รู้ทั่วๆ จะทำแบบกวาดขยะไปซุกไว้ใต้พรมไม่ได้ เพราะอย่างนั้น ปัญหาไม่ได้ถูกแก้ มีแต่ถูกปกปิด

    [​IMG]

    [​IMG]

    มารศาสนาภายใต้ผ้าเหลือง ปล้นบุญประชาชน

    Daily News - Manager Online - ระวัง! มารศาสนาภายใต้ผ้าเหลือง ปล้นบุญประชาชน

    ในยุคที่ค่าแรงขึ้นข้าวของมีราคาแพงตาม ทำให้ผู้คนหันมาทำผิดกฎหมายกันมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่วงการพระสงฆ์ มีกลุ่มคนที่ไม่มีความละอายต่อบาปนุ่งผ้าเหลืองสวมจีวรบังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง

    ปัญหาเหล่านี้มีให้พบเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ตามข่าวในโทรทัศน์ ตามหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลาย ๆ ฉบับ ความเชื่อความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระพุทธศาสนาก็เริ่มเสื่อมถอยลงไปเรื่อย ๆ บางคนทำบุญไปทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าบุญที่ทำลงไปนั้นทำกับพระจริงหรือพระปลอม

    พระปลอมเกลื่อนเมือง ทำบุญที่วัดปลอดภัยที่สุด

    พระมหาธีรพล เจ้าอาวาสวัดตลาดใต้ ได้กล่าวว่า พระบวชปลอมในยุคสมัยนี้ มีให้เห็นอยู่มาก ก่อนที่จะทำบุญแต่ละครั้งอยากให้ญาติโยมมองให้ดี ๆ หรือหากไม่มั่นใจว่า พระตรงหน้านั้นเป็นพระจริงหรือพระปลอม ก็ให้เข้าไปทำบุญที่วัดเลย เป็นอันดีที่สุด

    “สำหรับมารศาสนา ที่ใช้ผ้าเหลืองหากินกับชาวบ้านนั้น ถือได้ว่าเป็นพวกบาปหนา ทำศาสนาเสื่อม

    การบวชจึงเป็นอีกวิธีหนึ่ง ในการหนีความผิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นหนทางให้เหล่ามารศาสนา หลบหนีเข้ามาใช้ผ้าเหลืองบังหน้า

    เช่นการหนีคดี หรือบางรายมาบวชเพราะไม่มีงานทำและใช้ผ้าเหลืองเพื่อหาเงินโดยส่วนใหญ่จะได้เงินจากปัจจัยที่ชาวบ้านนำมาให้

    เมื่อได้เงินตามจำนวนที่ต้องการก็จะสึกออกไป โดยขณะที่อยู่ใต้ผ้าเหลืองก็ไม่ได้ปฏิบัติตามวินัยของสงฆ์เลยแม้แต่น้อย”


    ด้านนางมณี พูนทรัพย์ แม่ค้าขายข้าวแกงใส่ถุงหน้าวัดตลาดใต้ได้บอกว่าตนดูไม่ออกว่าคนไหนพระปลอมคนไหนพระจริง แต่ถ้าเป็นพระที่อาศัยอยู่ในวัดนั้นตนจำได้ทุกรูป เพราะอาศัยพื้นที่วัดนี้ขายของมานานแล้ว

    จะมีก็แต่พระที่มาจากวัดอื่น เวลาเราใส่บาตรแล้วพบพระวัดอื่นมาเราก็จะไม่ทำบุญกับพระรูปนั้นเพราะเราไม่คุ้นหน้า จะรอจนกว่าพระที่คุ้นหน้ามาถึงจะออกมาตักบาตรหน้าบ้าน

    หลอกตาประชาชน ไม่รอดสายตาตำรวจพระ

    พระรัตนเมธี เจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าจุฬามณี เจ้าคณะเขตบางซื่อ และหัวหน้าพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร บอกถึงการทำงานของตำรวจพระ 250 รูปทั่ว กทม.ว่า ตำรวจพระทั้งสิ้น 35 เขต แต่ละเขตจะปฏิบัติงานไม่ต่ำกว่า 5 รูป ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

    โดยตำรวจพระมีหน้าที่ตรวจตราตามสถานีขนส่งต่างๆ อย่างสถานีขนส่งหมอชิต หัวลำโพง ส่วนใหญ่เป็นช่วงหลังเที่ยงคืน เพื่อคอยนิมนต์พระที่อาศัยหลับนอนตามสถานีขนส่งต่างๆ มาตรวจสอบและตอนเช้าช่วงพระออกบิณฑบาต หากพบพระนั่งหรือยืนปักหลักรับบิณฑบาต จะนิมนต์มาตรวจสอบ

    “เราจะนิมนต์พระที่ยืนหรือนั่งปักหลักไปพบกับเจ้าคณะเขต หรือเจ้าคณะแขวง เพื่อให้ท่านตรวจสอบว่า เป็นพระจริงหรือพระปลอม หากเป็นพระจริง ก็จะว่ากล่าวตักเตือนว่า อย่ามาทำแบบนี้อีก และแจ้งให้วัดต้นสังกัดทราบ

    หากตรวจสอบว่าไม่ใช่พระ เป็นฆราวาสปลอมตัวมาก็จะให้สละสมณเพศ แล้วส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์

    แต่ทว่า การทำงานของตำรวจพระ ต่อกรณีนิมนต์พระที่ยืนหรือนั่งปักหลักบิณฑบาตมาตรวจสอบว่า เป็นพระจริงหรือพระปลอมไม่ง่ายนัก พระรัตนเมธีบอกว่า การเวียนเทียน การนั่งหรือยืน ปักหลักบิณฑบาต ซึ่งเป็นลักษณะความผิดที่พบมากที่สุดนั้น

    เพราะเกิดจาก คนที่ไม่ใช่พระมักฉวยโอกาส มองเห็นรายได้จากอาหารและปัจจัยที่ประชาชนมีจิตศรัทธาถวายพระสงฆ์เป็นช่องทางทำมาหากินโดยหลอกลวงประชาชน โดยที่ประชาชนไม่รู้ว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอม

    โยมท่านใด ที่จะทำบุญตักบาตรพระ ถ้าเห็นพระนั่งอยู่กับเก้าอี้ก็ดี อย่าไปใส่บาตรเลย พระเวลาบิณฑบาตจะต้องเดินตามลำดับ ไม่ยืนที่ใดที่หนึ่งประจำ หรือมีพระยืนรออยู่ มีโยมยืนอยู่การนั่งผิดแน่นอน ไม่ถูกหลักพระวินัย ปัจจุบันก็มีนั่งอยู่

    พระพุทธองค์เคยสอนไว้ เวลาให้ทานต้องเลือกให้ เลือกให้แก่บุคคลที่ควรให้มันจึงจะได้บุญ อยากให้ประชาชนแจ้งมาแต่โยมบางคนกลัวทำบาป คนที่คิดแบบนั้นทำบาปแล้วต้องแจ้ง จึงถือว่าทำบุญ กำจัดสิ่งไม่ดีออกจากศาสนาจะบาปได้อย่างไร”


    ข้อสังเกตพระปลอม 7 ประการ

    1.ย่ามใหญ่ ภายในย่ามอาจมีผ้าขนหนู เสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟัน อย่างครบคันรวมอยู่ในย่าม

    2.จีวรไม่สะอาด เพราะต้องนอนตามสถานีรถไฟ

    3.มีบาตรและกลดพระติดตัวในย่านชุมชนเมือง ซึ่งกิจของพระธุดงค์ต้องเดินห่างจากชุมชนเมือง 25 กม.เป็นการเดินในป่าไม่ใช่ในเมือง

    4.นอนมั่วทุกแห่ง

    5.แหล่งที่พักไม่แน่นอน

    6.สัญจรอยู่ตลอดเวลา

    7.อธิฐานพรรษาไม่ถูก ไม่มีใบสุทธิ

    เทียบสถิติพระปลอม ถึงลดลงแต่ก็ยังมีเหลืออยู่

    นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ.ได้สรุปปัญหาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระภิกษุสามเณรที่มีอาจารไม่สมควรแก่สมณวิสัย ในรอบปีงบประมาณ 2555 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554-กันยายน 2555

    พบว่า มีการร้องเรียนว่าพระบิณฑบาตขาดความสำรวม 227 รูป, เข้าร่วมงานโดยไม่ได้รับนิมนต์ เร่ร่อนไม่สังกัด 7 รูป, ปักกลดตามย่านชุมชน พักค้างแรมตามบ้าน ดื่มสุรา 19 รูป, เรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต 51 รูป, ปลอมบวช 18 รูป โดยพบปัญหาการร้องเรียนสูงสุด

    คือช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2555 รวม 143 รูป เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีพุทธศาสนิกชนทำบุญมากที่สุด

    สำหรับมาตรการการดำเนินการแก้ไขปัญหาพระภิกษุสามเณรที่มีอาจารไม่สมควรนั้น พศ.และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ถวายคำแนะนำ 86 รูป, เจ้าคณะผู้ปกครองภาคทัณฑ์และสั่งให้กลับสังกัด 112 รูป, เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ดำเนินการให้ลาสิกขา 106 รูป, ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย

    กรณีปลอมบวชและเข้าเมืองผิดกฎหมาย 18 รูป สำหรับสังกัดพระภิกษุสามเณรที่มีอาจารไม่สมควร พบว่าในเขตกรุงเทพมหานคร 74 รูป สังกัดวัดในส่วนภูมิภาค 230 รูป สังกัดวัดในต่างประเทศ 18 รูป

    “เทียบสถิติปีที่ผ่านมา การกระทำผิดของพระสงฆ์ สามเณรถือว่าลดลง เพราะ พศ.มีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น

    แต่กำลังเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่อขับเคลื่อนการดูแล คุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

    และจะมีโทษทางอาญากับพระภิกษุ สามเณรที่กระทำความผิดเพิ่มขึ้นด้วย ก็จะทำให้เกิดระบบต่อการดูแลพระพุทธศาสนาเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม"
     
  18. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ตัวอย่างพระปลอม

    [​IMG]

    http://bbznet.pukpik.com/scripts/view.php?user=peehjubjub&board=5&id=2&c=1&order=numview

    ดิฉัน เป็นเจ้าของมินิมาร์ทแห่งหนึ่งย่าน บางบอน ซึ่งดิฉันได้เปิดร้านนี้ได้ ประมาณยังไม่ถึงเดือนดี แต่เพราะเศรษฐกิจทำให้ร้านของดิฉันก็ขายได้แบบพออยู่ได้ แต่แล้วประมาณวันที่ 7 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ก็เกิดเรื่องจนได้ คือมีการขโมยของภายในร้าน ดูเหมือนอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผู้ที่ขโมยกลับใช้ผ้าเหลือง เพื่อกระทำความชั่วดังกล่าว

    โดยเวลาประมาณ 18.30 น. ก็มี ชายผู้หนึ่งได้แต่งกายด้วยผ้าเหลืองเป็นพระเข้ามาภายในร้าน ทำทีเหมือนซื้อของ เลือกและชวนพนักงานขายหน้าร้าน และก็ถามพนักงานว่าอยู่คนเดียวไม่กลัวโดนยิงตายหรือไง พนักงานก็งง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

    บุคคลดังกล่าวก็ยังคงชวนคุยเลือกสิ่งของมาให้พนักงานช่วยเลือกให้หน่อยระหว่างที่มีลูกค้าอื่นเข้ามาซื้อของ บุคคลดังกล่าวก็ได้เดินไปทางหลังเคาร์เตอร์แคชเชียร์ ทำทีดูของแล้วก็ได้หยิบเหล้าไปจำนวน 1 ขวด แล้วใส่ย่ามที่สะพายมา

    จากนั้น อีกสักพักก็เดินมาที่เดิมอีกแต่คราวนี้หยิบแบรนด์ จำนวน 1 โหล แล้วยัดใส่ย่ามอีกเช่นเคย ซึ่งพนักงานขายก็คิดว่าเป็นพระคงไม่มีอะไร จนกระทั่งมีคนมาถามพนักงานว่า ทำไมพระซื้อแบรนด์เยอะจังเห็นใส่ถุงอยู่หน้าร้านได้จ่ายเงินหรือยัง พอพนักงานเช็คของจึงรู้ว่าสินค้าได้โดนขโมยไปแล้ว และถ้าสังเกต

    จะเห็นว่าตอนที่เดินเข้ามาภายในร้านตอนแรก จะเห็นย่ามนั่นดูของเยอะผิดปกติ ผิดวิสัยของพระที่จะมีของมากมายในนั้นได้ จากการสอบถามคนแถวนั้น ก็ได้ความว่า แถวนั้นไม่ค่อยมีคนใส่บาตรเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นพระปลอม

    ทำให้คนแถวนั้นไม่ค่อยศรัทธาพระเท่าไหร่ ของถึงแม้จะมีมูลค่าไม่มาก แต่ดิฉันก็คิดว่า ไม่อยากให้มันเอาผ้าเหลืองมาทำให้ศาสนาเสื่อม เหมือนกับพวกมารสังคม และพร้อมกันนี้ดิฉันได้ส่งภาพจากกล้องวงจรปิด ได้เผยแพร่รูปดังกล่าวเพื่อให้ผู้คนได้ระมัดระวังกับมิจฉาชีพที่แฝงมากับผ้าเหลือง
     
  19. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    ถ้าชาวพุทธ อ่านและศึกษาคำตถาคตจากพระไตรปิฎกให้มาก จะเข้าใจแจ่มแจ้งว่า พระพุทะองค์บัญญัติวินัยสงฆ์เอาไว้ยังไงบ้าง ก็จะไม่ถูกพระทุศีล รึคนปลอมเป็นพระ มาหลอกรับประทาน
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [​IMG]

    http://radio.prd.go.th/mukdahan/ewt_news.php?nid=1291&filename=index

    ตำรวจมุกดาหาร จับพระปลอม นั่งดวดเหล้าในตลาด

    เมื่อเช้าวันที่ 29 มี.ค. 2555ร.ต.ท.สมบูรณ์ ศรีทาเลิศ รอง สวป.สภ.เมืองมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากบรรดาแม่ค้าในตลาดสดเทศบาล 1 ว่า พบพระสงฆ์มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม นั่งดื่มเหล้าบริเวณตลาดสดเทศบาล 1 ภายในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร จึงเข้าตรวจสอบ

    พบชายแต่งการเป็นพระ นั่งดื่มยาดอง เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมและนำตัวไปสอบสวน จากการสอบสวนพระรูปดังกล่าว ได้ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นพระปลอม และไม่มีบัตรประจำตัวพระภิกษุสงฆ์

    ทราบชื่อ นายคำพอง ปรือทอง อายุ 42 ปี ชาว อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ส่วนการเดินทางมามุกดาหารในครั้งนี้ เพื่อมาเยี่ยมพี่ชายซึ่งเปิดร้านขายส้มตำอยู่ภายในตลาดดังกล่าว หลังพบพี่ชายแล้ว ได้มาซื้อยาดองนั่งดื่ม กระทั่ง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม

    แม่ค้าภายในตลาดเกรงว่า ชายซึ่งปลอมเป็นพระดังกล่าว จะเข้ามาเพื่อหลอกลวงประชาชนเพื่อขอเรี่ยรายเงิน เนื่องจากมุกดาหารเป็นเมืองการค้าและเมืองท่องเที่ยว ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก หากมีกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งปลอมตัวมาในคราบพระ จะทำให้นักท่องเที่ยวหลงเชื่อและถูกหลอกลวงได้โดยง่าย นำมาซึ่งความเสื่อมเสี่ยชื่อเสียงของจังหวัด

    และพฤติกรรมของนายคำพองดังกล่าว ยังเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาด้วยจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ

    อย่างไรก็ตาม นายคำพอง ไม่ได้มีประวัติหลอกลวงประชาชน หรือมีคดีติดตัวมาก่อน และการมาที่มุกดาหาร เพียงเพราะมาเยี่ยมพี่ชายเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงให้ถอดผ้าเหลืองออก และนายคำพองเอง ยังได้ขอเงินเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นค่ารถเดินทางกลับบ้านไปอีกด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...