วัดพระบาทน้ำพุ..อ่อนแรง รายจ่าย 3.5 ล้าน/เดือน

ในห้อง 'ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสัตว์' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 16 กันยายน 2005.

  1. Promnut

    Promnut สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +11
    สวัสดีทุกคน.....
    เพิ่งเข้ามาครั้งแรกดีใจมาก ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
     
  2. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    ขอร่วมอนูโมทนากับทุกๆคนด้วยนะค่ะ

    ได้ซื้อสำลี ยาพารา แอลกอฮอล์ ไปรวมกับเพื่อนๆๆบริจาคส่งไปแล้วรอบนึงค่ะ
    แล้วก้อตอนนี้ทางบริษัท Halliburton ก้อมีกล่องบริจาครวบรวมเงินกันอยู่แล้วทางบริษัทก้อจะสมทบทุนเพิ่มให้อีก ซึ่งก้อได้บริจาคเงินรวมกับทางบริษัทไปอีกรอบที่สอง แล้วคงจะพยายามช่วยต่อไปเรื่อยๆๆเท่าที่ช่วยได้ค่ะ
     
  3. Jibby

    Jibby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +130
    เมื่อ 5 ตุลาคม 2549 เวลา 18.58 น. ได้โอนเิงินจำนวน 500 บาทจาก xxxx4907507 ไปยังบัญชี 111-4-7300-7 แล้วครับ
     
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ผมได้ให้น้องในทีมกองกฐิน 108 วัดของผมโอนเงินไปช่วยเหลือแล้วตั้งแต่วันที่ 7/10/06 เป็นจำนวน 2,000 บาทครับ

    ด้วยอานิสงส์ที่ข้าได้ทำขึ้นในบัดนี้
    ข้าพเจ้าขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญนี้ จงถึงแก่ภูติ ผี ปีศาจ เปรต อสุรกาย ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรณ์ นาค ครุฑ เทวดา มาร พรหม ยมฑูติ ยมบาล และภพอื่นๆทุกภพทุกภูมิ ที่เป็นบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงของข้าที่มาถึงข้าแล้ว และที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของข้าที่มาถึงข้าแล้ว และที่เป็นผู้ที่คอยดูแลรักษาตัวข้าและผู้ที่คอยดูแลรักษาบ้านเรือน ทรัพย์สิน รถลาของข้า ตลอดจนถึงเจ้ากรรมนายเวรและเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายของข้า ขอให้ได้รับบุญนี้ทุกๆกระแสบุญ ทุกตัวทุกตน ทุกรูปทุกนาม ทุกภพทุกภูมิด้วยเถิด หากเป็นเจ้ากรรมนายเวรและเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายของข้า ขอให้กระแสบุญนี้จงแปรสภาพไปเป็นกระแสพลัง ส่งให้ออกจากร่างกายของข้าแล้วไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นเถิด หากเป็นผู้อื่นผู้ใด ภพอื่นภพใด ปราถนาสิ่งอื่นสิ่งใด ก็ขอให้บุญนี้ จงแปรสภาพไปเป็นสิ่งนั้น ให้แก่ผู้ที่ต้องการนั้นด้วยเถิด หากผู้ใดไม่ว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับข้าก็ตาม ที่เห็นบุญของข้า และสามารถอธิษฐานเอาบุญจากข้าได้ ก็ขอให้อธิษฐานเอาบุญจากข้าได้ตลอดเวลาทุกๆกระแสบุญที่เกิดขึ้นด้วยเถิด โดยไม่ต้องเกรงใจ เพราะข้าได้อุทิศเปิดไว้ให้แล้ว สาธุ”
     
  5. อำนาจ

    อำนาจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    579
    ค่าพลัง:
    +11,487
    โอนเงินไปร่วมทำบุญ วันที่ 16 ต.ค. 2549 จำนวนเงิน 500 บาทครับ ขอโมทนาบุญกับทุกท่านครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    หนึ่งชีวิตกับความคิดผู้ชายคนนี้

    วันนั้น..ถึงวันนี้

    เป็นเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
    ภาพนัยย์ตาและความรู้สึกในใจที่ไม่อาจลบเลือน
    ผ่านวัน...ผ่านเดือน...และผ่านปีภาพนี้ก็ยังเหมือนเดิม
    ผมเริ่มเรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่างจากโลกใบนี้
    จนมาวันหนึ่ง.....
    ผมรู้ว่าโลกใบนี้คือราตรีแห่งความมืดมิดของสังคมจริงๆ
    เฝ้ารอ..วอนขอให้พระอาทิตย์ส่องแสงมาเร็วๆ
    แต่ก็ริบหรี่...ริบหรี่...รอเดือน..รอปี..
    หลวงพ่อครับ....
    นับตั้งแต่ผมยังอยู่ในเยาว์วัย...
    นัยย์ตาที่เห็นภาพ..และในความรู้สึกที่เป็นอยู่
    ผมรู้..และผมเข้าใจในความรู้สึกของท่านดี
    ตอนนั้นผมคิดที่จะสละการเรียน...
    เพื่อหวังบำเพ็ญเพียรช่ายภาระกิจหลวงพ่อ
    ด้วยความคิดอันเป็นยิ่งใหญ่...แต่ด้วยวัยแค่ ม.ต้น
    หลวงพ่อครับ....
    ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่ปลูกต้นอบายมุขเพื่อทำมาหากิน
    เขารวย...เขาโบยบิน...เขาโกยกินมาช้านาน
    แล้วทิ้งผลงานอันเป็นใบเป็นผลแห่งต้นอบายมุขนั้นลงมา
    เขาไม่ไยดี...เขาไม่แยแส....แค่มองแล้วเมิน..


    จากวันนั้น..? ถึงวันนี้...?
     
  7. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    หนึ่งชีวิตกับความคิดผู้ชายคนนี้

    วันนั้น..ถึงวันนี้

    เป็นเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
    ภาพนัยย์ตาและความรู้สึกในใจที่ไม่อาจลบเลือน
    ผ่านวัน...ผ่านเดือน...และผ่านปีภาพนี้ก็ยังเหมือนเดิม
    ผมเริ่มเรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่างจากโลกใบนี้
    จนมาวันหนึ่ง.....
    ผมรู้ว่าโลกใบนี้คือราตรีแห่งความมืดมิดของสังคมจริงๆ
    เฝ้ารอ..วอนขอให้พระอาทิตย์ส่องแสงมาเร็วๆ
    แต่ก็ริบหรี่...ริบหรี่...รอเดือน..รอปี..
    หลวงพ่อครับ....
    นับตั้งแต่ผมยังอยู่ในเยาว์วัย...
    นัยย์ตาที่เห็นภาพ..และในความรู้สึกที่เป็นอยู่
    ผมรู้..และผมเข้าใจในความรู้สึกของท่านดี
    ตอนนั้นผมคิดที่จะสละการเรียน...
    เพื่อหวังบำเพ็ญเพียรช่ายภาระกิจหลวงพ่อ
    ด้วยความคิดอันเป็นยิ่งใหญ่...แต่ด้วยวัยแค่ ม.ต้น
    หลวงพ่อครับ....
    ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่ปลูกต้นอบายมุขเพื่อทำมาหากิน
    เขารวย...เขาโบยบิน...เขาโกยกินมาช้านาน
    แล้วทิ้งผลงานอันเป็นใบเป็นผลแห่งต้นอบายมุขนั้นลงมา
    เขาไม่ไยดี...เขาไม่แยแส....แค่มองแล้วเมิน..


    จากวันนั้น..? ถึงวันนี้...?
     
  8. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    หนึ่งชีวิตกับความคิดผู้ชายคนนี้

    วันนั้น..ถึงวันนี้

    เป็นเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
    ภาพนัยย์ตาและความรู้สึกในใจที่ไม่อาจลบเลือน
    ผ่านวัน...ผ่านเดือน...และผ่านปีภาพนี้ก็ยังเหมือนเดิม
    ผมเริ่มเรียนรู้อะไรหลายสิ่งหลายอย่างจากโลกใบนี้
    จนมาวันหนึ่ง.....
    ผมรู้ว่าโลกใบนี้คือราตรีแห่งความมืดมิดของสังคมจริงๆ
    เฝ้ารอ..วอนขอให้พระอาทิตย์ส่องแสงมาเร็วๆ
    แต่ก็ริบหรี่...ริบหรี่...รอเดือน..รอปี..
    หลวงพ่อครับ....
    นับตั้งแต่ผมยังอยู่ในเยาว์วัย...
    นัยย์ตาที่เห็นภาพ..และในความรู้สึกที่เป็นอยู่
    ผมรู้..และผมเข้าใจในความรู้สึกของท่านดี
    ตอนนั้นผมคิดที่จะสละการเรียน...
    เพื่อหวังบำเพ็ญเพียรช่ายภาระกิจหลวงพ่อ
    ด้วยความคิดอันเป็นยิ่งใหญ่...แต่ด้วยวัยแค่ ม.ต้น
    หลวงพ่อครับ....
    ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่ปลูกต้นอบายมุขเพื่อทำมาหากิน
    เขารวย...เขาโบยบิน...เขาโกยกินมาช้านาน
    แล้วทิ้งผลงานอันเป็นใบเป็นผลแห่งต้นอบายมุขนั้นลงมา
    เขาไม่ไยดี...เขาไม่แยแส....แค่มองแล้วเมิน..


    จากวันนั้น..? ถึงวันนี้...?
     
  9. okilu220

    okilu220 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    312
    ค่าพลัง:
    +2,090
    หลวงพ่อท่านมีมหาเมตตามากๆครับ ผมอยากให้พระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาจิตอย่างท่านสามารถช่วยคนได้อย่างไม่มีขีดจำกัด หากเป็นเช่นนั้นได้จริง โลกของเราคงจะมีความสุขขึ้นเยอะครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>My Life with HIV โลกหลังเลนส์...ของคนที่เราไม่เคยเห็นกัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>30 พฤศจิกายน 2549 09:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>PORTRAIT ภาพของต้นกับแฟนหนุ่มของเขา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>STICKY RICE ...ส่งผ่านความห่วงใยด้วยข้าวเหนียว</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>FRANGIPANI ชีวิตต้นวันนี้เปลี่ยนจากลั่นทมเป็นลีลาวดี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>MOTHER แม่</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>SYRINGE คุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อมีเข็มฉีดยาแทงเข้าไปในดวงตา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>PHOTO WITH DOG "เจ้ามีมี่ตายเพื่อให้ผมได้เกิดใหม่อีกครั้ง"</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>MSF OFFICE ที่แห่งนี้ทำให้เขาเห็นคุณค่าในตัวเอง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>T-SHIRT</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>PRISON BARS ไม่ว่าใครก็ควรมีสิทธิเข้าถึงยาต้านไวรัส</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>แสบแสงนีออนทอประกายเป็นดาวกลางเพดานในห้างสรรพสินค้าแห่งมหานคร ชีวิตจำนวนมากเดินขวักไขว่ค้นหาตัวเองด้วยการกิน-ดื่ม-ชอป

    เอชไอวีหรือที่ชาวบ้านจะเข้าใจมากกว่าถ้าใช้คำว่า เอดส์ โรคาพิบัติที่นักวิทยาศาสตร์ยังแก้โจทย์ไม่ได้ ทุกวันนี้เราทำได้เพียงประนีประนอมกับเจ้าเชื้อร้ายแต่ยังไม่มีทางกำจัด

    พรุ่งนี้ 1 ธันวาคม วันเอดส์โลก มันยังคงเป็นโรคติดต่อที่ครองความน่ากลัวอันดับ 1 ดังนั้น ใครก็ตามที่ติดเชื้อเอชไอวีอาจหมายถึงชีวิตทางสังคมของคนคนนั้นจบสิ้นไปก่อนลมหายใจสุดท้ายจะแห้งหาย แม้ข้อมูลทางการแพทย์จะบอกนักบอกหนาว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีก็คือคนปกติที่สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ แต่สังคมที่ความกลัวถูกชักจูงด้วยความเชื่อจึงยาก...ที่คนส่วนใหญ่จะยอมรับ

    โลกของผู้ติดเชื้อเอชไอวีจึงกลายเป็นโลกที่เราอาจไม่เคยมองเห็นแม้มันจะเป็นโลกใบเดียวกันกับที่เราอาศัยอยู่ ดวงตาที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกไวรัสรังแกอาจสดใสกว่าผู้ติดเชื้อ แต่น่าสงสัยนักว่าทำไมดวงตาที่สดใสกว่าจึงมองไม่เห็นกันและกัน องค์การหมอไร้พรมแดน-เบลเยียม (ประเทศไทย) จึงได้จัด โครงการ My Life with HIV โดยการให้กล้องถ่ายรูปแก่ผู้ติดเชื้อเอชไอวี 25 คน จาก 7 ประเทศทั่วโลก และให้แต่ละคนถ่ายรูปที่ตนอยากจะสื่อกับโลกออกมาคนละ 10 รูป เพื่อบอกเล่าว่าพวกเขาและเธอมีชีวิตจิตใจไม่ต่างกับผู้ที่ไม่ติดเชื้อ

    ในเมืองไทยมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการคัดเลือก 4 คน คนหนึ่งคือ แอน เด็กหญิงอายุ 13 ที่ติดเชื้อจากแม่และต้องต่อสู้กับโรคร้ายด้วยปริมาณยาจำนวนมากที่น่าจะเรียกได้ว่าใจร้ายเกินไปสำหรับเด็กวัย 13 ปี อีกสองคนคือแรงงานชาวพม่า ฝ่ายชายชื่อ ซอ ภรรยาเขาพาลูกหนีไปเมื่อรู้ว่าเขาติดเชื้อ เขาหวังว่าวันที่เขาแข็งแรงและกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ภรรยาและลูกจะกลับมา และคนสุดท้าย เทย์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ตอนนี้เธอกินยาเพื่อป้องกันลูกจากเชื้อร้ายในตัวเธอ เธอหวังว่างานในเมืองไทยจะทำให้เธอมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม

    คนสุดท้ายชื่อ ต้น เขาเป็น MSM-Men who have sex with men หรือชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และยังเป็นผู้ประสานงานโครงการชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายขององค์การหมอไร้พรมแดนฯ เอชไอวีพาเขาผ่านความเป็นความตายมาบ้าง เขาเกือบตายเพราะวัณโรค เขาเกือบสูญเสียดวงตาเพราะไวรัสขึ้นตา เขารอดมาได้ วันนี้เขาปกติดีเหมือนคนทั่วไป แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเขาค้นพบตัวเอง และรู้ว่าจะใช้ชีวิตกับเชื้อเอชไอวีอย่างไร รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่มีอยู่ต่อจากนี้เพื่อสิ่งใด

    แสบแสงนีออนทอประกายเป็นดาวกลางเพดานในห้างสรรพสินค้าแห่งมหานคร ชีวิตจำนวนมากเดินขวักไขว่ค้นหาตัวเองด้วยการกิน-ดื่ม-ชอป เรานัดเจอต้นที่นี่

    1.PORTRAIT

    *ผมชื่อต้น ผมกินยาต้านไวรัสมาแล้ว 8 ปี ทุกวันนี้ผมก็เหมือนคนปกติทั่วไป ถ้าไม่นับการต้องกินยาและตรวจร่างกายเป็นประจำ ทุกวันนี้ผมมีงาน มีคนรัก มีครอบครัวที่รักและเอาใจใส่ มีทุกอย่างที่อยากมี และมีมากกว่าที่เคยอยากมี...

    ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ต้นไม่แน่ใจว่าเขาติดเชื้อเอชไอวีจากไหนและนานเท่าไหร่ แต่เขาเริ่มสงสัยเมื่ออยู่ๆ เขาก็ป่วยเป็นวัณโรค และเริ่มมีฝ้าขาวๆ ขึ้นตามกระพุ้งแก้ม ร่างกายชำรุดเสียหายจนพ่อแม่และตัวเขาเองก็คิดว่าคงไม่รอด เขาตัดสินใจลาออกจากงานเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออกมาอยู่บ้านเพื่อรักษาตัว ถึงแม้ความตายจะอยู่ใกล้แค่ปลายเตียงต้นก็ยังไม่ยอมตรวจว่าเขาติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ เพราะเขากลัวที่จะรู้

    “การเริ่มมีฝ้าขาวในปากทำให้ตัวเองเริ่มสงสัยแล้วคงจะติดเชื้อเอชไอวี เพราะเรารู้ข้อมูลและเคยมีเพื่อนที่ติดเชื้อและเสียชีวิตไป แต่ก็ไม่คิดจะตรวจเพราะการตรวจเท่ากับการยืนยันว่าฉันเป็น แต่ฉันยังไม่อยากรู้”

    2.STICKY RICE

    ตอนนั้นพ่อแม่ของต้นต่างทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขา

    *พ่อแม่ผมทำทุกอย่างเพื่อให้ผมดีขึ้น พ่อกับม่าปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกลม ถุยน้ำลายลงไปแล้วเอาไปจี้ตามจุดต่างๆ บนร่างกาย เพื่อหวังจะดูดความชั่วร้ายออกจากร่างกายของผม

    ต้นเริ่มได้ยารักษาวัณโรคทำให้อาการดีขึ้นเป็นลำดับ ช่วงเวลานั้นเองที่แม่ของเขานำต้นลั่นทมเข้ามาปลูกในบ้าน

    3.FRANGIPANI

    “ตอนนั้นโกรธ เพราะคุณย่าเชื่อมากว่าลั่นทมจะปลูกเฉพาะในวัดเท่านั้น ไม่มีใครเอามาปลูกในบ้าน ถ้าปลูกในบ้านเมื่อไหร่จะต้องเกิดเรื่องไม่ดี แล้วแม่ก็เอามาปลูกซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่เราป่วย ย่าก็พูดว่าต้องเป็นเพราะต้นลั่นทมแน่ๆ เราเลยไปคุยกับแม่บอกว่าขุดไปทิ้งเถอะ แม่บอกว่าอะไรที่มันเกิดขึ้นในชีวิตคนมันเกิดขึ้นจากการกระทำของคนคนนั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวกับต้นไม้ เรางอนไม่พูดกับแม่เป็นอาทิตย์ แต่หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันนี้เวลามีกิจกรรมอะไรที่จะต้องปั้นดินน้ำมันเราก็จะปั้นดอกลั่นทม คนจะถามว่าทำไมเราจึงสื่อตัวเองด้วยดอกลั่นทม เราตอบว่าชีวิตเราเหมือนดอกลั่นทม ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่ใครๆ ก็รังเกียจ แต่สุดท้ายดอกลั่นทมมันมีค่า ใครๆ ก็อยากได้เราไป หลายคนติดต่อเราให้ไปอบรมให้ ไปเทรนนิ่งให้ จากลั่นทมกลายเป็นลีลาวดีที่มีค่า”

    ...บางคนกล่าวไว้ว่าไม่มีใครทำให้คุณไร้ค่าหรือสิ้นศรัทธาต่อตัวเองได้ เว้นเสียแต่คุณจะอนุญาต

    4.MOTHER

    ต้นหายจากวัณโรคแต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ตื่นขึ้นมาพบกับแผลร้อนในในปากที่ทายาอย่างไรก็ไม่หาย มีแต่ลุกลามเป็นวงใหญ่ขึ้น จนกินอะไรแทบไม่ได้นอกจากรังนก พ่อแม่และต้นขับรถมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เขาได้รับยารักษาโรคเริมเพราะหมอคิดว่าเขาเป็น แต่ตอนนั้นทั้งหมอและต้นเองก็สงสัยมากขึ้นอีกว่าเขาคงจะติดเชื้อเอชไอวี

    เขาเริ่มเปรยๆ เรื่องนี้กับแม่...

    *แม่บอกว่าครอบครัวเราจะดูแลผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครรังเกียจผม ...ตอนที่ผมอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรักษาวัณโรค น้องสาวเป็นคนคอยบดและป้อนยาให้ผม ...แต่ที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ โรคเอดส์ทำให้ผมกับพ่อใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมเคยคิดเสมอว่าพ่อไม่รัก ...แต่เมื่อพ่อรู้ว่าผมติดเชื้อ พ่อทำหลายอย่างที่ผมไม่คิดว่าพ่อจะทำ พ่อไปหาความรู้เรื่องเอดส์ เข้าอบรมร่วมสัมมนาเกี่ยวกับโรคเอดส์ และพยายามเสาะหาหนทางรักษาเท่าที่มีในขณะนั้น ตอนนี้เรา พ่อ-ลูก ใกล้ชิดกันมากขึ้น

    อาการร้อนในดีขึ้นอีกครั้ง แต่...

    5.SYRINGE

    "ทุกอย่างเหมือนมีความหวังเป็นระยะ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง วันหนึ่งตื่นขึ้นเรารู้สึกว่าทำไมตาข้างหนึ่งของฉันมันเหมือนมีม่านดำๆ บางๆ บังตา ฉันเป็นอะไรอีกแล้ว ก็ไปหาหมอตาเพื่อตรวจ หมอตาก็สงสัย เขาบอกว่าน่าจะเป็นอาการของไวรัสขึ้นตาและอาจมีช่วงระยะเวลาในการลุกลามเร็วมาก เราเลยต้องย้อนกลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อเอายาไวเริมและตรวจตา หมอบอกว่าไวรัสขึ้นตาซึ่งยืนยันได้ว่าเราติดเชื้อเอชไอวีแน่ๆ เพราะภูมิคุ้มกันเบื้องต้นของคนไทยเท่ากับ 700 ขึ้นไป ไวรัสจะขึ้นตาได้เมื่อภูมิคุ้มกันต่ำกว่า 50 แสดงว่ามันต้องต่ำมาก ตอนนั้นเราเป็นห่วงตาของเรามากจึงตัดสินใจตรวจ เพราะคิดว่าครอบครัวไม่มีปัญหาถ้ารู้ว่าเราเป็น เมื่อตรวจแล้วก็รู้ว่าเราติดเชื้ออย่างที่เราคิด และหมอยังให้เราตรวจระดับภูมิคุ้มกันกับปริมาณไวรัสในกระแสเลือด"

    ผลการตรวจทำให้ต้นรู้ว่าระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายของเขาอยู่ที่ระดับเพียง 19 แต่ปริมาณไวรัสในกระแสเลือดมีอยู่แสนกว่า!!

    เขาจึงตัดสินใจกินยาต้านไวรัส แม้ว่าจะไม่อยากกินเนื่องจากความกลัวผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น เขาพร้อมที่จะตายแต่ไม่พร้อมจะสูญเสียดวงตา อีกทั้งการต้องถูกเข็มเจาะเข้าไปในตาดำเพื่อฉีดยาฆ่าไวรัส 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เขาตั้งคำถามกลับ...คุณลองนึกว่าถ้าคุณต้องลืมตาเพื่อมองดูเข็มค่อยๆ แทงเข้ามาในดวงตาของคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร

    6.PHOTO WITH DOG

    เอชไอวีทำให้ช่องว่างระหว่างต้นกับพ่อหายไป การได้เห็นพ่อพยายามหาข้อมูล เข้าร่วมสัมมนาเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ ชักพาต้นให้เริ่มรู้จักเรียกร้องสิทธิในการได้รับยาต้านไวรัสฟรีของตน นั่นทำให้เขาได้รู้จักกับเครือข่ายผู้ติดเชื้อกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ด้วยความที่ต้องอยู่บ้านรักษาตัว ต้องนอนกอดความเซ็งนานถึง 3 ปี เมื่อถูกชักชวนให้เข้ากลุ่มเขาจึงตอบตกลง

    "ต้องบอกว่าฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ในทีแรก จนวันหนึ่งมีคนมาบอกว่าเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีประเทศไทย จะเพิ่มสาขาออกมาเป็นเครือข่ายผู้ติดเชื้อภาคตะวันตกและกำลังรับผู้ประสานงาน เขาก็ถามว่าสนใจหรือเปล่า ซึ่งเราคิดว่าคงไม่ได้และก็ไม่มีเป้าหมายอะไรในการทำงาน แค่รู้สึกว่า 3 ปีที่อยู่กับบ้านเฉยๆ มันน่าเบื่อ เราอยากเจอสังคม อยากมีเพื่อน เราก็ไปสัมภาษณ์ เอาความเป็นตัวตนของเราไปคุยกับเขา ปรากฏว่าเขาเลือกเรา"

    หลังที่กลับจากการประชุมของเครือข่ายผู้ติดเชื้อภาคกลาง และต้นตอบตกลงร่วมงาน เขากลับมาบ้านและพบว่า 'มีมี่' สุนัข 1 ใน 2 ตัวที่เขาเลี้ยงไว้ตาย

    *ยายบอกผมว่า เจ้ามีมี่ตายเพื่อให้ผมได้เกิดใหม่อีกครั้ง

    7.MSF OFFICE

    "ทำงานแรกๆ งงมาก ทำไมฉันต้องมาทำอะไรเยอะแยะมากมาย ติดเชื้อก็ติดเชื้อแล้วทำไมยังต้องมาทำงานหนักขนาดนี้ ฉันทำเพื่ออะไร แต่มันก็จะเริ่มได้เห็นมุมอีกหลายๆ มุมว่า มันไม่ใช่แค่เราคนเดียว ยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ทำ ที่สู้ เพื่อจะให้ได้สิทธิ์ของตัวเอง เราจึงเริ่มอยากทำ

    "วันหนึ่งมีคนมาถามเรา เป็นคำถามที่ทำให้เราโกรธมาก เขาถามว่าเข้ามาทำงานตรงนี้อยากได้เงินเดือนล่ะสิ เราตอบไปว่า ไม่จำเป็นเลย เพราะเข้ามาทำงานผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ติดเชื้อภาคตะวันตกได้เงินเดือน 6 พันบาท ค่าโทรศัพท์อีก 7 ร้อยบาท เช่าห้องอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีใครอยู่ได้ ชีวิตฉันอยู่บ้านดีว่า ถ้าคิดว่าฉันเข้ามาทำงานเพราะเงิน ไม่จำเป็น ไม่ทำก็ได้ แต่ตอนนั้นเราอยากทำแล้ว เพราะมุมมองชีวิตเราเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มเห็นการต่อสู้ เริ่มเห็นตัวเอง ชีวิตฉันไม่ใช่ชีวิตพนักงานบริษัทที่มานั่งคีย์ข้อมูลอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แต่ฉันต้องทำเพื่อคนอื่นด้วย"

    ทำได้ 6 เดือนต้นเริ่มมีอาการแพ้ยาอย่างรุนแรงจึงตัดสินใจลาออกเพราะคิดว่าตัวเองทำงานไม่ไหวและต้องการเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาทำงานแทน รักษาตัวจนอาการเริ่มดีขึ้นเขาก็ได้มีโอกาสรู้ว่าองค์การหมอไร้พรมแดนกำลังเปิดรับผู้ช่วยผู้ประสานงานโครงการชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ต้นรู้ว่างานนี้คือตัวเขา เขาไม่ปกปิดว่าเขาก็เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายหรือ MSM

    *ผมสนใจงานนี้มากเพราะมันเป็นชีวิตผม และผมต้องการให้เพื่อน MSM ได้เข้าถึงการรักษา เนื่องจากว่าพวกเราจำนวนมากมักจะถูกตราหน้าจากสังคมและเจ้าหน้าที่ที่ให้การรักษา

    8.T-SHIRT

    ต้นเริ่มทำงานกับองค์การหมอไร้พรมแดนเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2547

    "ถ้ามองเรื่องความหลากหลายทางเพศมันก็เป็นเรื่องยากในการทำความเข้าใจต่อสังคมอยู่แล้ว เราเจอบ่อยมากเกี่ยวกับทัศนคติของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พยาบาลบอกว่าก็เพราะเป็นอย่างนี้สิ มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่รู้จักป้องกันถึงได้ติดเชื้อ แล้วอย่างนี้ใครจะอยากเข้ามารักษา และเราก็เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้ยอมรับเราเท่าไหร่นัก เราจึงต้องใช้เวลาในการทำให้เขายอมรับเราก่อน"

    *ส่วนหนึ่งของงานผมคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติของเจ้าหน้าที่เรือนจำและบุคลากรในโรงพยาบาลเพื่อสร้างและพัฒนาบรรยากาศที่เป็นมิตรกับชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย งานอีกด้านคือการพัฒนาศักยภาพผู้ติดเชื้อและชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย เพราะพวกเขาคือกลุ่มคนที่ถูกตราหน้าอย่างมาก ผมเกลียดที่ได้ยินใครพูดว่า เป็นตุ๊ดก็ซวยแล้ว ยังเป็นเอดส์อีก ยิ่งซวยเข้าไปใหญ่ ผมเป็นทั้งสองอย่าง แต่ผมรู้สึกภูมิใจ งานของผมคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติอันเลวร้ายนี้ ...การเพนต์เสื้อยืดที่เห็นเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในค่าย

    9.PRISON BARS

    "ผู้ต้องขังก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายเหมือนกัน มันเคยมีคำถามว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเอชไอวีเขาควรจะได้รับยามั้ย เคยได้ยินหลายคำตอบที่ตอบกลับมาว่าทำไมคนพวกนี้จะต้องได้รับยา ในเมื่อเขาทำเลวมาสารพัด แต่เรามีความรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่เราอยากได้ยิน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมาก็แล้วแต่ ทุกคนมีอดีตทั้งนั้น แต่ ณ ปัจจุบันเขาเป็นคนไทย เขาต้องมีสิทธิในการรักษาเหมือนกับทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่โครงการหมอไร้พรมแดนทำในเรือนจำ และปัจจุบันผู้ต้องขังเหล่านี้ได้รับยาต้านไวรัส ได้รับการรักษา และมีกลุ่มผู้ติดเชื้อข้างในที่เราทำให้กลุ่มเขาเข้มแข็ง"

    ต้นเล่าให้ฟังถึงการทำงานกับผู้ต้องขัง พร้อมๆ กันนั้นสิ่งที่เขาเล่าก็เหมือนจะตั้งคำถามกับสังคมไปในตัวว่า สังคมจะใช้ความผิดพลาดในอดีตวัดน้ำหนักความเป็นมนุษย์ในปัจจุบันของใครสักคนอย่างนั้นหรือ

    10.CONDOMS AND PILLS

    เอชไอวีทำให้ต้นเลือกที่จะปิดตายหัวใจตัวเอง เพราะคนภายนอกอาจยอมรับแต่คงยากที่จะยอม 'รัก' เขา แต่ความรักคงเหมือนสายลม ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ จนเมื่อต้องตัวนั่นแหละจึงรู้ว่าเย็น

    "วันหนึ่งมีงานแคมป์ที่ฟ้าสีรุ้งเป็นผู้จัด เขาเชิญเราไปในฐานะคนทำงานเข้าไปเป็นน้องในค่าย เขามีกิจกรรมหนึ่งที่เรียกว่า เสวนานักสืบ คือในวันสุดท้ายจะมีคนหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยว่าเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนจะได้เรียนรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว ทางผู้จัดต้องการดูว่าคนที่เข้าค่ายคิดยังไง อยากดูเรื่องการอยู่ร่วม และเราเป็นคนที่ถูกเลือก ทุกคนจะนั่งล้อมวงหลับตา เราจะออกมานั่งตรงกลางวงแล้วให้ทุกคนลืมตาขึ้น เราได้เห็นว่าไม่มีใครแสดงอาการว่ารังเกียจ เพราะทุกคนไม่คิดว่าเป็นเรา แต่ทุกคนก็ยังอึ้งอยู่นะ แต่เขาเป็นคนเดียวที่เดินออกมาจากวง จับมือเรา กอดเรา และพูดว่าคนที่อยู่ตรงนี้ไม่รู้ว่าคิดยังไงกับเรา แต่เขาจะเป็นคนหนึ่งที่รักเราและจะรักเราตลอดไป จากนั้นเพื่อนในวงก็ค่อยๆ เดินออกมากอดเรา ให้ความรักกับเรา"

    วันนั้นเหมือนมีค้อนยักษ์ทุบสลักออกจากหัวใจของต้น เป็นเรื่องบังเอิญที่คนทุบสลักก็ชื่อ ต้น เหมือนกันและต้นคนนี้ไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด ...อาจต้องใช้หัวใจที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษจึงจะมีความรักเช่นนี้ได้

    แต่ก่อนต้นเชื่อว่าถุงยางคือสัญลักษณ์ของความไม่ไว้วางใจ วันนี้เมื่อชีวิตของต้นต้องผูกติดกับยาต้านไวรัส เขากลับมองว่าถุงยางต่างหากคือสัญลักษณ์แห่งความรักและความห่วงใยที่มีให้กันและกัน

    .............

    ต้นฝากบอกว่า “การติดเชื้อเอชไอวีคือการได้รับเชื้อเอชไอวีเข้ามาในร่างกาย การเป็นผู้ป่วยเอดส์คือเมื่อใดที่ระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำกว่า 200 แล้วเกิดโรคฉวยโอกาสจึงถือเป็นผู้ป่วยเอดส์ โรคฉวยโอกาสที่เกิดกับผู้ติดเชื้อสามารถรักษาได้ทุกโรคและกินยาต้านไวรัสหรือทำยังไงก็ได้ให้ระดับภูมิคุ้มกันมันสูงขึ้น คุณก็จะกลับมาเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี เพราะฉะนั้นในโลกนี้จึงไม่มีเชื้อเอดส์มีแต่ผู้ป่วยเอดส์”

    ปัจจุบันต้นยังคงต่อสู้เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้เข้าถึงยาต้านไวรัส และต่อสู้กับอคติของสังคมที่มีต่อผู้ติดเชื้อและกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย เอชไอวีสอนเขาว่าไม่มีอะไรในโลกลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของใครลงได้

    "มุมมองต่อชีวิตเราเปลี่ยนไปนะ เรารู้สึกว่าชีวิตเรามีค่ามากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองอยากทำอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนร่วมมากขึ้น แต่ไม่ได้รักเด็กแบบนางงามนะ เรารู้สึกว่าตัวเองมีอะไรที่อยากทำอีกหลายอย่าง ทั้งที่เมื่อก่อนเราไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำได้ เราอยากทำให้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายสามารถยืนเองได้ เข้มแข็งขึ้น"

    แสบแสงนีออนทอประกายเป็นดาวกลางเพดานในห้างสรรพสินค้าแห่งมหานคร ชีวิตจำนวนมากเดินขวักไขว่ค้นหาตัวเองด้วยการกิน-ดื่ม-ชอป และใครบางคนก็ค้นพบตัวเองด้วยสิ่งอื่น

    **************************

    เรื่อง – กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล

    หมายเหตุ * คือข้อความของต้นที่สื่อสารลงในเว็บไซต์ขององค์การหมอไร้พรมแดนฯ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปชมโลกหลังเลนส์ของผู้ติดเชื้อเอชไอวี 25 คน จาก 7 ประเทศได้ที่ www.msf.org

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ปาท่องโก๋” ชีวิตใหม่ผู้ติดเชื้อ HIV</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>30 พฤศจิกายน 2549 08:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>”รอง” ขณะกำลังสาธิตการเก็บผัก อาชีพที่ทำให้ผู้ติดเชื้ออย่างเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างมีคุณค่า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในอดีตถ้าพูดถึงผู้ติดเชื้อ HIV หรือเป็นโรคเอดส์ คงไม่มีใครอยากที่จะเฉียดกลายเข้าไปใกล้กับผู้ติดเชื้อ หรือแม้แต่กระทั่งการเดินร่วมบนถนนเส้นเดียวกันก็ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดียวและเคว้งคว้าง บางรายถึงกับต้องนอนรอความตายอยู่ที่บ้านเพราะไม่กล้าที่จะออกไปพบปะกับผู้คน

    ทว่า ปัจจุบันนี้ด้วยความล้ำหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ บวกกับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการพัฒนาตัวยาต้านเชื้อ HIV ทำให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น รวมทั้งสังคมที่ได้เปิดใจยอมรับ และหยิบยื่นโอกาสบางส่วนที่เคยสูญเสียไปให้พวกเขาได้รับกลับคืนมา

    โครงการ “ปาท่องโก๋” เป็นอีกหนึ่งภาคสังคมที่พยายามเข้ามาพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ติดเชื้อ HIV ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ติดเชื้อและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อ HIV กู้ยืมเงินนำไปประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจขาดเล็กร่วมกับผู้ที่ไม่ได้ติดเชื้อ เพื่อช่วยกันสร้างงานและอาชีพ ทำให้มีฐานะทางการเงินที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสบายใจ

    ทั้งนี้ ธุรกิจหรืออาชีพนั้นจะต้องใช้เวลาสั้น มีต้นทุนต่ำ และมีความต้องการหรือสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน ซึ่งอาชีพที่ส่งเสริมในโครงการคือ การทำเครื่องประดับ ทอผ้าห่มไหมพรม ทำพรมเช็ดเท้า การเลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ และการทำเกษตร เช่น การเพาะเห็ด ปลูกผักและผลไม้ โดยมีมูลนิธิไฟเซอร์แห่งประเทศไทยเป็นผู้ให้การสนับสนุน

    ...เนื่องในโอกาสวันเอดส์โลกที่จะมาถึงในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เราจะไปสัมผัสกับเรื่องราวชีวิตที่ “ฟื้นคืน” กลับมาใหม่ของพวกเขากัน

    พร (นามสมมติ) ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ประกอบอาชีพการเกษตร เล่าว่า ได้แต่งงานตั้งแต่ปี 2534 ด้วยความที่เป็นภรรยาจึงต้องทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีด้วยการทำงานอยู่ที่บ้าน ปรนนิบัติสามีที่ออกไปทำงานหาเงินนอกบ้านเป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง โดยที่ไม่รู้เลยว่าสามีมีพฤติกรรมอย่างไร

    จนกระทั่งวันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น นั่นคือภายหลังจากที่ “พร” คลอดลูกชายในปี 2536 เธอจึงรู้ว่าตัวเองติดเชื้อ เอชไอวี มาจากสามี

    “ครั้งแรกที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคเอดส์และได้รับเชื้อมาจากสามีรู้สึกโกรธและเกลียดเขามากๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากการทำใจ และในสมัยก่อนคนที่เป็นโรคนี้สังคมจะรู้สึกรังเกียจมาก เพราะยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องโรคและการดูแลมากนัก แม้แต่เดินผ่านมาที่บ้านเขายังไม่อยากที่จะผ่าน ทำให้รู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังในชีวิตจนถึงขั้นคิดอยากที่จะฆ่าตัวตาย”

    ต่อมาสามีเธอได้เสียชีวิตลง แต่ยังโชคดีที่ลูกไม่ติดเชื้อทำให้พรยังมีแรงและกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคร้ายนี้อย่างถึงที่สุดในฐานะแม่คนหนึ่งที่จะทำให้ลูกได้ จากนั้นไม่นานพรก็ได้รับการรักษาด้วยการรับประทานยาต้าน และได้มีเพื่อนที่ติดเชื้อเหมือนกันแนะนำให้รู้จักกับโครงการ “ปาท่องโก๋” จึงได้ขอกู้ยืมเงิน มาประกอบอาชีพเลี้ยงกบ และวัว

    “หลังจากนั้น 1 ปีแฟนก็เสีย เพราะยังไม่มียาที่จะมารักษา ทำให้เราคิดได้ว่าตอนนี้ชีวิตของเราไม่ได้อยู่เพียงลำพังเรายังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล คือ ลูก ลูกคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเรา ถ้าเราเป็นอะไรไปแล้วลูกจะอยู่กับใคร มีอยู่วันหนึ่งมีเพื่อนที่ติดเชื้อเหมือนกันได้แนะนำให้เรารู้จักกับโครงการปาท่องโก๋ จึงได้ขอกู้ยืมเงินมาเลี้ยงกบ และวัว คู่กับเพื่อนบ้านอีกคนที่เขาไม่ได้รับเชื้อ และก็สามารถนำเงินที่ได้จากการขายกบมาดูแลลูกได้อีกด้วย และที่สำคัญสังคมและคนที่บ้านก็ให้การยอมรับเราได้ไม่แสดงความรังเกียจเหมือนที่ผ่านมา”

    ด้วยความสู้ชีวิตในบทบาทของคำว่าแม่ไม่ย่อท้อว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างทำให้พร ประสบความสำเร็จในชีวิตของเธอเป็นอย่างดี ปัจจุบันนี้ พรได้อุทิศตนในการให้ความรู้การดูแลสุขภาพ ตลอดจนการให้กำลังใจผู้ติดเชื้อร่วมกับโรงพยาบาล โดยทำงานประจำในการเป็นอาสาสมัครในสถานีอนามัย คอยให้คำปรึกษาและออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ผู้ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับเธอให้ลุกขึ้นสู้และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างภาคภูมิใจ

    รอง (นามสมมุติ)อายุ 39 ปี อาชีพทำสวนผัก เป็นหนุ่มโสดไม่ได้แต่งงาน แต่เนื่องจากในวัยหนุ่มรองเป็นคนที่รักสนุก ใช้ชีวิตแบบสำมะเลเทเมาทุกเย็นหลังจากที่ทำงานเสร็จ รองและเพื่อนๆ จะตั้งวงสังสรรค์กันทันทีและก็ไปเที่ยวกลางคืน และเพราะน้ำเมาเป็นเหตุทำให้รองเมาไม่ได้สติและไปเที่ยวที่สถานบริการโดยที่ไม่ได้มีการป้องกันทำให้เขาได้รับเชื้อ เอชไอวี โดยไม่รู้ตัว

    “ตอนนั้นผมเป็นคนที่รักสนุกจึงไปเที่ยวกับเพื่อนๆ โดยไม่ได้ป้องกันจึงทำให้ได้รับเชื้อมาอย่างไม่รู้ตัว และสมัยก่อน สังคมจะรังเกียจผู้ที่ติดเชื้อมาก ผมรู้สึกกลัวว่าคนจะไม่ให้การยอมรับ จึงไม่ได้เปิดเผยตัวว่าตัวเองเป็นผู้ติดเชื้อ ช่วงนั้นผมเครียดมากจนถึงขั้นคิดจะเอามีดมาเชื้อคอตัวเองเพื่อที่จะได้ตายหนีปัญหาทุกอย่าง แต่มีเพื่อนบ้านมาเห็นจึงช่วยเหลือผมไว้ ผมจึงเล่าเรื่องที่ผมติดเชื้อให้กับเพื่อนบ้านฟัง และเขาก็ให้กำลังใจผม ผมจึงคิดว่าชีวิตนี้เราจะต้องสู้ ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เรายังมีแม่ที่รักและเป็นห่วงเรา”

    หลังจากที่รองทิ้งมีดที่กำลังลงทัณฑ์ตัวเองลง รองหันมาหาวิธีที่จะรักษาตัวเองด้วยการทานยาต้านเชื้อเอชไอวี และเข้ารับการอบรมการดูและรักษาสุขภาพที่สถานีอนามัย และได้มีเพื่อนผู้ติดเชื้อเหมือนกันแนะนำให้รู้จักกับโครงการปาท่องโก๋ เขาจึงกู้ยืมเงินจำนวน 30,000 บาทมาทำสวนผักและขายส่งให้กับแม่ค้าที่มารับซื้อถึงที่สวนผัก

    “วันนั้นผมไปอบรมสุขภาพที่สถานีอนามัยประจำตำบลและได้ไปพบเพื่อนที่ได้รับเชื้อเหมือนกัน และเขาได้แนะนำให้ผมไปเป็นสมาชิกปาท่องโก๋ เพื่อที่จะได้กู้ยืมเงินมาประกอบอาชีพ ผมจึงไปกู้เงินที่โครงการเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาทเพื่อมาปลูกพริก ปลูกทั่ว มะเขือ และเก็บขายให้กับแม่ค้าเพราะเขาจะมารับซื้อถึงที่บ้าน ปีที่ผ่านมาผมได้กำไรจากการขายของถึง 3,000 บาท ทำให้ผมมีเงินมีรายได้เข้ามา ผมรู้สึกภาคภูมิใจว่าคนที่เป็นโรคเอดส์อย่างผมก็สามารถใช้ชีวิต และหารายได้มาเลี้ยงตัวเองได้ และทำให้ผมกล้าที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างที่ไม่ตั้องหวาดกลัวเหมือนอย่างที่ผ่านมา”

    ทางด้าน พี (นามสมุติ) เป็นผู้ที่ไม่ได้รับเชื้อเอชไอวี แต่ได้จับเป็นคู่บัดดี้กับรองซึ่งทั้งคู่ต้องทำงานร่วมกัน เล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกที่รู้ว่ารองติดเชื้อเอชไอวี รู้สึกตกใจมากกว่าที่จะรังเกียจ เพราะรู้ดีว่าปัจจุบันนี้ได้มียาต้านที่ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ จึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจ นอกจากพีไม่ได้แสดงความรังเกียจในตัวผู้ติดเชื้อแล้ว เขายังให้กำลังใจและคอยช่วยเหลือผู้ที่ติดเชื้อเสมอ บางครั้งเขาจะขับรถอาสาพาผู้ที่ติดเชื้อไปหาหมอที่อนามัย และก็จะนำผลผลิตที่ผู้ติดเชื้อเอดส์ไปขายที่ตลาดโดยไม่ได้คิดค่าตอบแทน

    “ตอนแรกที่ รองไปขอให้ผมมาช่วยเป็นคู่บัดดี้เพื่อที่จะไปกู้เงินมาปลูกผัก ผมก็รับปากทันที เพราะก่อนหน้านี้ผมก็เคยทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้อยู่แล้ว ผมคิดว่าคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ต้องการความรักและการยอมรับจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดมากที่สุด เพื่อที่จะทำให้เขาคิดว่าเขายังมีค่าอยู่”

    ...และทั้งหมดนั้นคือตัวอย่างชีวิตของ 2 นักสู้ชีวิตที่แม้จะติดเชื้อเอชไอวี แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ และยืนหยัดที่จะต่อสู้ต่อไปเพียงแต่ขอ “โอกาส” ให้พวกเขาเท่านั้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>AIDS : ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 ธันวาคม 2549 16:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=143 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=143>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ปัญหาผู้ติดเชื้อ HIV หรือผู้ป่วยเอดส์ คนไทยเราได้ยินคำนี้มานานกว่า 22 ปี ในช่วงแรก ๆ ของการมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีในเมืองไทย ขณะนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ผู้คนทั่วไปตื่นตระหนกตกใจกลัวไปทั่วบ้านเมือง ที่สงสัยกันมาก ๆ ก็คือ เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายและที่สำคัญ ใครติดโรคร้ายนี้แล้วรับรองว่าต้องจบที่ความตายกันทุกคน

    บทเรียนของคนเป็นเอดส์ ในสังคมไทยได้สะท้อนถึงมุมมองต่าง ๆ วิธีคิดที่หลากหลาย รวมถึงการปฏิบัติต่อคนเป็นเอดส์ก็มีหลายหลากเช่นกัน อาทิ ผู้ที่ติดเชื้อแล้วควรปฏิบัติตนอย่างไร ครอบครัว ชุมชน สังคม ควรมีท่าทีอย่างไรกับคนเป็นเอดส์ บุคลากรทางการแพทย์ควรปฏิบัติอย่างไรผู้ป่วยจึงจะมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ประเด็นต่าง ๆ ปัญหาต่าง ๆ ก็ถูกตั้งคำถาม หาคำตอบตลอดระยะเวลาดังกล่าว และตราบเท่าปัญหาเอดส์ยังอยู่คู่กับเมืองไทย คู่กับสังคมโลก ปัญหาเอดส์ก็คงจะถูกตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบอยู่เรื่อยไป...

    อะไรคือคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเป็นเอดส์...

    UNAIDS รายงานว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 39.5 ล้านคน ปีนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4.3 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ 2.9 ล้านคน ทุก ๆ 8 วินาที มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์เพิ่มขึ้น 1 คน หรือ วันละ 11,000 คน

    UNAIDS พบว่า สำหรับคนไทย 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในปี 2548 เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว กระทรวงสาธารณสุขเองก็รณรงค์ให้คู่สมรสตรวจเลือดก่อนแต่งงาน รณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัย

    สำหรับกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ชายกับชาย เฉพาะใน กรุงเทพฯ มีการติดเชื้อ ปี 2546 = 17 % ปี 2548 = 28 % ส่วนชายที่ขายบริการใน กรุงเทพฯ ติดเชื้อเอชไอวี 19 % ภูเก็ต 14 %
    และเชียงใหม่ 11 %

    เอดส์ ยังคงเป็นปัญหาในด้านการให้ความรู้ ความเข้าใจ การป้องกันที่ถูกวิธี ตลอดถึงการดูแลเอาใจใส่ให้คนเป็นเอดส์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเมื่อเริ่มรู้ตั้งแต่ติดเชื้อจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต

    มีคำถามมากมายที่เราเคยได้ยินกันทุกวัน...

    เมื่อไร... เมืองไทยและสังคมโลก จะไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี / เอดส์
    ใคร... จะเป็นผู้คิดค้นยารักษาผู้ป่วยโรคเอดส์
    วิธีการใด...ที่จะทำให้คนไม่ติดเชื้อเอชไอวีไปตลอด
    เอดส์... จะอยู่คู่กับโลกใบนี้นานแค่ไหน...

    หลาย ๆ คนคงจะได้ยินคำถามเหล่านี้มานาน และยังคงมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบที่ไหน อย่างไร ถึงจะเข้าใจในคำตอบทุก ๆ คำถาม

    เราคนไทยนับว่าโชคดีที่ได้เกิดมาในแผ่นดินไทย มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านได้ปกครองพสกนิกรด้วยทศพิธราชธรรมตลอดระยะครองราชย์ 60 ปี ตลอดพระชนมายุ 80 พรรษา

    พระองค์ท่านได้พระราชทานคำสอน ประดุจดังน้ำทิพย์ชโลมจิตใจคนไทยมานาน หลาย ๆ คนได้นำคำสอนของพระองค์ท่านไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันแล้ว ยังให้เกิดประโยชน์สุขทั้งของตนเองและส่วนรวม

    หลาย ๆ ปีที่ผ่านมา เราท่านทั้งหลายได้ยินคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงกันมานาน ในแทบ ๆ ทุกวงการต่างก็ให้ความสนใจในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านกันอย่างทั่วถึง



    เศรษฐกิจพอเพียงสามารถใช้ในการแก้ไขปัญหาเอดส์ได้จริงหรือ

    ผู้เขียนในฐานะได้คลุกคลีตีโมงกับปัญหาเอดส์มานานพอสมควร ก็พอจะบอกได้อย่างเต็มร้อยว่า ใช้ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม 100 %

    1. ผู้ติดเชื้อเอชไอวี : ผู้ติดเชื้อทุกคนแทบไม่อยากจะกลายเป็นผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย หากเลือกได้ก็เลือกที่จะใช้ชีวิตปกติ ไม่เป็นผู้ป่วย แต่บางคน เช่น เด็ก แม่บ้าน หรือแม้กระทั่งพ่อบ้านที่ไม่ทราบว่าได้รับเชื้อจากใคร ที่ไหน หรือแม้กระทั่งพระภิกษุที่ติดเชื้อเอชไอวี เมื่อเป็นผู้ติดเชื้อแล้ว ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่แพร่เชื้อไปสู่คนอื่น ขณะเดียวกันก็ปรับวิถีชีวิตของตนเองในลักษณะของพออยู่ พอกิน พอเพียงเพื่อดูแลรักษาสุขภาพให้มีความสุข ระบบการกินก็ต้องระวังอาหารแสลงที่จะเป็นอันตรายต่อโรค และการกินยา เป็นอยู่หลับนอนก็ต้องเป็นไปตามระบบการรักษาโรคที่ดี

    2. ผู้ป่วยเอดส์ : จากผู้ติดเชื้อเมื่อเป็นผู้ป่วยเอดส์แล้ว อาการของโรคต่าง ๆ ที่แทรกซ้อนก็มากมาย อาทิ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ มีไข้ตลอดเวลา ผอม ไม่มีแรง หรือแม้กระทั่งเชื้อราขึ้นสมอง ควบคุมตนเองไม่ได้ ผู้ป่วยเอดส์เองก็ต้องดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เรียกร้อง ต่อรอง รู้จักคิด วิเคราะห์ตนเอง มองชีวิตตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ญาติพี่น้องเองก็ต้องเอาใจใส่ ให้กำลังใจหมั่นไปเยี่ยมเยียน หรือแม้กระทั่งการเตรียมตัวตายในวาระสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบสุข ก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ

    3. หมอ - พยาบาล : เป็นอาชีพที่มีความสำคัญกับสุขภาพของผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์เป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการดูแลรักษาสุขภาพขององค์รวม ผู้ป่วยเอดส์ได้พบหมอ พยาบาลที่มีความรู้ ความเข้าใจผู้ป่วยอย่างแท้จริง การดูแลรักษาโรคก็ประสบความสำเร็จไปแล้วมากกว่า 60 % ผู้ป่วยหลายคนมีความหวังว่าวันหนึ่งข้างหน้าต้องมียารักษาโรคเอดส์หายขาดได้ ระบบการดูแลรักษาของหมอ พยาบาล อยู่ในระดับพอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ไม่ทุ่มเทในการทดลองในการใช้ยากับผู้ป่วยเอดส์มากเกินไป หรือมีธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์เพื่อผู้ป่วยเอดส์ หรือละเลย เอาใจใส่ สนใจในการดูแลรักษาผู้ป่วยเอดส์

    4. ครอบครัว : ผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์ต้องการครอบครัวที่อบอุ่น มีความรัก ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง พ่อ แม่ ลูก พี่น้อง ผู้ป่วยหลายคนต้องการที่จะดูแลรักษาสุขภาพในครอบครัว ที่บ้านอยู่ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้อง และมีความหวังที่จะอยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตที่บ้านเช่นกัน แต่ในความเป็นจริง มีหลายครอบครัวปฏิเสธผู้ป่วยที่จะอยู่ร่วมกันในบ้าน อาจจะทำให้ผู้ป่วยหมดหวัง กำลังใจ ท้อแท้ หรือผู้ป่วยบางคนอาจจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย ดังปรากฏในข่าวประจำวัน ครอบครัวต้องให้ความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยเอดส์ ไม่ตามใจผู้ป่วยมากเกินไปที่จะกระทบถึงสุขภาพ เช่น การไม่สนับสนุนให้ทานอาหารแสลง เครื่องดื่มประเภทมึนเมา หรือยาเสพติด หรือละเลยในการดูแลสุขภาพผู้ป่วยในเรื่อง อาหาร เสื้อผ้า ระบบการกินยา ขับถ่าย ความสะอาดของบริเวณสถานที่อยู่ แม้กระทั่งจิตใจก็ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นำผู้ป่วยไปทำบุญ ท่องเที่ยว ทำกิจกรรมของสังคม ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองมีค่า มีความหมายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

    5. ชุมชน : ระบบคนรอบข้างผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์เองก็มีความสำคัญยิ่ง ต่อสุขภาพโดยส่วนรวม เราเคยได้ยินว่า บางชุมชน บางหมู่บ้าน ผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์สามารถอยู่ร่วมกันได้ในชุมชนเป็นอย่างดี ไปมาหาสู่กัน ทักทาย คอยเอาใจใส่ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต จนแม้กระทั่งสุดท้ายของชีวิต ก็สามารถไปร่วมงานศพ ร่วมในการเผาศพกันได้

    แต่ขณะเดียวกัน ยังมีบางหมู่บ้าน ชุมชน ความรู้ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกับผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อยังมีในระดับน้อย บางหมู่บ้านแทบไม่เข้าใจเลยก็มี เรามักจะได้ยินเสมอ ๆ ว่า พบผู้ป่วยเอดส์ในหมู่บ้าน ชาวบ้าน พร้อมผู้นำชุมชน นำผู้ป่วยเอดส์ไปไว้ที่อื่น หรือแม้กระทั่งว่า นำผู้ป่วยไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย กลางทุ่งนา ทำอย่างไรจะให้ผู้นำชุมชน สมาชิกในชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยได้อย่างสุขสบาย

    ในอนาคตข้างหน้า สิ่งที่ผู้เขียนอยากเห็นคือ ผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์ในขณะนี้ พบในทุกหมู่บ้าน ชุมชน ขณะเดียวกันในเมืองไทย ยังไม่มีชุมชนตัวอย่างที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้ป่วย

    เอดส์ จัดการคุณภาพชีวิตที่ดีเชื่อมโยงระหว่างสมาชิกกับของคนในหมู่บ้านไปยังผู้ป่วยเอดส์อย่างครบวงจร สามารถเป็นแบบอย่าง รูปแบบนำร่องไปสู่มิติของการอยู่ร่วมกันอย่างถาวรในอนาคต

    6. ศาสนา : เมืองไทยเรา มีคนนับศาสนาในหลาย ๆ ศาสนา แต่ละศาสนาความเชื่อล้วนเข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่มีคนไทยนับถือมากที่สุด นอกจากนั้นก็มีศาสนาอื่น ๆ ที่มีผู้นับถือรอง ๆ กันมา เช่น
    คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู สิกข์ หรือความเชื่ออื่น ๆ

    สถาบันศาสนา ได้รับความไว้วางใจ เป็นที่พึ่งพิงทั้งกายและใจในภาวะปกติและในสภาวะที่ต้องขอความช่วยเหลือ วัด พระสงฆ์ บุคลากรในศาสนา มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทยมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ยิ่งความเจริญของวัตถุมากเท่าใด ความต้องการของจิตใจก็ต้องการมาก ฉันนั้น

    ในแวดวง ศาสนา กับ ผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์ ในสังคมไทย ระยะหลังมานี้ได้รับความสนใจค่อนข้างน้อย อาจจะเป็นเพราะว่า ศาสนาไม่ค่อยเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์เท่าใดนัก ส่วนที่ช่วยเหลือกันอยู่ก็อยู่ในบทบาทที่จำกัด ทำงานกันไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่ถ้าหากมองในภาพรวม สถาบันศาสนาเอง มีศักยภาพที่มากมายทั้งด้าน ทรัพยากร บุคลากร ความรู้ความสามารถในการที่จะช่วยแก้ปัญหาด้านเอดส์อย่างจริงใจและต่อเนื่อง

    ที่สำคัญที่สุด สถาบันศาสนา สามารถเป็นที่พึ่งทางจิตใจทั้งผู้ป่วยเอดส์ ยังมีชีวิตอยู่ การมีขวัญกำลังใจของผู้ติดเชื้อที่จะต้องดำเนินชีวิตต่อไป รวมถึงระยะสุดท้ายของชีวิตและการเยียวยาครอบครัวด้วยธรรมโอสถ

    7. การเมือง : เป็นสถาบันหลักของทุก ๆ ประเทศ ประชากรในประเทศได้รับความสุข อยู่กันด้วยความสมานสามัคคี ระบบการเมืองต้องมั่นคง ประกอบด้วยนักการเมืองที่มีคุณธรรม จริยธรรมในการปกครองบ้านเมือง ระบบการเมืองเองต้องมองภาพรวมของประเทศชาติให้มีความชัดเจนในทุก ๆ ด้าน มองถึงอนาคตของประชากร ของประเทศชาติอย่างเข้าใจ ผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์ คือกลุ่มประชากรของประเทศ มีกำลัง ศักยภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ระบบการเมืองเป็นผู้กำหนดเศรษฐกิจ การจัดการชีวิตของผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเอดส์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ประเทศที่มีระบบการเมืองที่ดีย่อมส่งอานิสงค์ไปถึงผู้ป่วยเอดส์ ผู้ติดเชื้อให้มีคุณภาพชีวิต สุขภาพกาย สุขภาพจิตดีไปด้วย

    เราเหล่าพสกนิกรที่ได้มีโอกาสเกิดมาในร่มใบบุญขององค์พระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ท่านปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม ข้อคิด คำสอนของท่าน

    โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาปรับใช้กับวิถีชีวิตได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคนนั้นจะอยู่ในอาชีพใด สถานภาพใด ย่อมเสมือนน้ำทิพย์สร้างภูมิคุ้มกัน อย่างพอเพียง มีเหตุผล ประกอบด้วยคุณธรรม จริยธรรมเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว

    ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี น้อมรับกระแสพระราชดำรัสที่ได้กล่าวไว้เมื่อ
    4 มิถุนายน 2540 “ ปัจจุบันโรคเอดส์ เริ่มเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ ก็อยากให้มีการต่อสู้เรื่องโรคเอดส์ เพราะโรคเอดส์ก็เป็นโรคที่คนกลัวเหมือนกัน เพื่อให้โรคเอดส์เป็นโรคที่ไม่น่ากลัวเหมือนโรคเรื้อน หากทำได้เหมือนช่วยผู้ป่วยโรคเรื้อน ถือว่าเป็นการดีมาก ฝากไว้เป็นการบ้าน ข้อคิด และขอให้ทุกคนเข้มแข็งฝ่าฟันอุปสรรคต่อไป...”





    <HR>

    บทความโดย เฉลิมพล พลมุข : มูลนิธิธรรมรักษ์

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]
    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0103021249&day=2006/12/02

    วันที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5847​

    อายซื้อ"ถุงยาง"-นร.กรุงติดเอดส์มากสุด


    แถมฮิตสลับคู่นอนทั่วปท.ป่วยล้านคน



    อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยผลสำรวจเอดส์ พบนักเรียน-นักศึกษา อายุ 15-24 ปีมีแนวโน้มติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้น กทม.มียอดสะสมสูงสุด 92 ราย โดยเฉพาะระดับเด็กชั้น ม.5 มีอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมาก สาเหตุจากค่านิยมผิดๆ เรื่องสลับคู่นอน มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ไม่ใช้ถุงยางอนามัย เพราะอายไม่กล้าซื้อ และมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันในระดับต่ำ ส่วนสถิติผู้ป่วยเอดส์ในไทย ตั้งแต่ปี 27 จนถึงขณะนี้รวมกว่า 1 ล้านคน เสียชีวิตแล้ว 8.5 หมื่นคน เผยคืบหน้าโครงการทดลองวัคซีน ถ้าสำเร็จปี 52 ไทยจะเป็นประเทศแรกที่มีวัคซีนป้องกันเอดส์

    เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเนื่องในวันเอดส์โลกว่า รายงานของสำนักระบาดวิทยาพบแนวโน้มเยาวชนอายุตั้งแต่ 15-24 ปี ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยที่เป็นนักเรียน นักศึกษาได้รับรายงานรายแรกเมื่อปี 2530 เป็นเพศชาย อายุ 23 ปี จำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างปี 35-39 และผู้ป่วยลดลงระหว่างปี 40-42 โดยปี 43 มีรายงานผู้ป่วยสูงสุด 70 ราย หลังจากนั้นเริ่มมีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ แต่หลังจากนั้นกลับพบแนวโน้มเยาวชนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยกลุ่มนักศึกษาระดับอุดมศึกษาสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษา ดังนั้น ต้องเร่งรณรงค์ให้กลุ่มเยาวชนตระหนักถึงการป้องกันสอดรับกับคำขวัญวันเอดส์โลกปีนี้คือ "เอดส์หยุดได้...ร่วมใจรักษาสัญญา (Stop AIDS Keep the Promise)"

    "กรุงเทพฯ มีจำนวนผู้ป่วยเอดส์ในกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา อายุ 15-24 ปี สะสมสูงสุด 92 ราย ส่วนจังหวัดในภูมิภาคที่มีจำนวนผู้ป่วยสะสมสูงสุด 10 ลำดับแรก คือ เชียงราย เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช นนทบุรี พะเยา ขอนแก่น ระยอง ลำปาง สงขลา และสมุทรปราการ ตามลำดับ" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว

    น.พ.ธวัชเผยด้วยว่า เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุและเพศ พบว่าเพศชายมีแนวโน้มพบผู้ป่วยมากกว่าเพศหญิงในทุกช่วงเวลา ปัจจัยเสี่ยงรับเชื้อทางเพศสัมพันธ์พบมากกว่าการติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น และเมื่อพิจารณาจากผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีในจังหวัดต่างๆ ในกลุ่มเยาวชนชาย-หญิง อายุระหว่าง 15-24 ปี ระหว่างปี 47-49 พบว่ามีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในระดับต่ำ การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกก่อนอายุ 15 ปี และมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่สมรสหรือคู่ครองในระดับที่ค่อนข้างสูง และมีการใช้ถุงยางอนามัยในระดับต่ำ

    "เยาวชนหญิงในหอพักส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์และอนามัยเจริญพันธุ์ในระดับจำกัด นอกจากนี้เยาวชนกลุ่มหนึ่งมีความเห็นว่า การใช้ถุงยางอนามัยไม่เป็นธรรมชาติ บางคนกล่าวว่าไม่สามารถหาถุงยางอนามัยมาใช้ได้ง่าย และรู้สึกกระดากอายที่จะซื้อ หรือไปขอจากสถานีอนามัย โรงพยาบาล ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมากยิ่งขึ้น" น.พ.ธวัชกล่าว

    อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เมื่อแยกเป็นเฉพาะกลุ่มพบว่า ในกลุ่มเยาวชนและแรงงานมีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน จากการสำรวจเยาวชนชั้นมัธยม 1-6 พบว่าช่วงที่มีการติดเชื้อมากคือชั้นมัธยม 5 จะมีอัตราการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มกว่าเดิม เนื่องจากค่านิยมผิดๆ เรื่องการสลับคู่นอน การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การใช้ถุงยางอนามัยที่น้อย โดยเพศชายใช้เพียงร้อยละ 25 เพศหญิงใช้ร้อยละ 15

    "เยาวชนผู้ติดเชื้อรายใหม่มักมีพฤติกรรมทางเพศผิดๆ จากความเชื่อที่ว่าคู่นอนของตนยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มามาก ทำให้อัตราการติดเชื้อรายใหม่ในเยาวชนไม่ลดลง จึงจำเป็นต้องทำให้เยาวชนที่จะมีเพศสัมพันธ์ตระหนักถึงการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ ร่วมกับการรณรงค์เพื่อไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร" น.พ.ธวัชกล่าว

    ด้านน.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เนื่องในวันเอดส์โลก องค์การอนามัยโลกและโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้ทุกประเทศทั่วโลกร่วมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ ภายใต้คำขวัญ "เอดส์หยุดได้...ร่วมใจสัญญา" เพื่อหยุดยั้งและลดผลกระทบจากโรคเอดส์ และให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการรักษาและป้องกันเอดส์อย่างทั่วถึงภายในปี 2553

    "โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติคาดว่าในปี 2549 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์กว่า 39 ล้านคน เสียชีวิตเกือบ 3 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 11,000 คน ในไทยคาดว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมมาตั้งแต่ปี 27 จนถึงขณะนี้รวม 1 ล้านกว่าคน เสียชีวิตแล้ว 85,456 คน ยังมีชีวิตอยู่ 306,066 คน สาเหตุหลักของการติดเชื้อกว่าร้อยละ 80 มาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย" ปลัดสาธารณสุขกล่าว

    น.พ.ศุภชัย ฤกษ์งาม ผู้อำนวยการโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลองระยะที่ 3 กล่าวว่า โครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลและกรมการแพทย์ทหารบก ศึกษาในกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ติดเชื้อเอชไอวี อายุ 18-30 ปี ซึ่งสมัครเข้าร่วมโครงการ 16,402 คน โดยใช้วัคซีนสังเคราะห์ 2 ชนิด คือ แอลแวค (ALVAC) และเอดส์แวค (AIDS VAX) เป็นวัคซีนปูพื้น และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยการทดลองจะแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะได้รับวัคซีนเอดส์ทดลอง อีกกลุ่มหนึ่งจะได้รับสารเลียนแบบวัคซีน จะได้รับการฉีดวัคซีนทั้งหมดคนละ 6 เข็ม เป็นเวลา 6 เดือน

    น.พ.ศุภชัยกล่าวต่อไปว่า อาสาสมัครรายแรกเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 46 ขณะนี้มีอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนครบทุกเข็มเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา กว่า 14,000 คน หลังฉีดทุกคนสบายดี ไม่มีอาการข้างเคียงร้ายแรง ใช้ชีวิตได้ตามปกติ กำลังอยู่ระหว่างการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเป็นระยะทุก 6 เดือน อาสาสมัครรุ่นแรกจะครบระยะติดตามผล 3 ปีในเดือนพ.ค.50 และรุ่นสุดท้ายจะครบ 3 ปีในปี 52 จากนั้นจะใช้เวลาวิเคราะห์ข้อมูล ประสิทธิผลของวัคซีนประมาณ 1 ปี และจะสรุปผลการศึกษาได้ภายในปี 52 หากวัคซีนที่ทดลองประสบผลสำเร็จไทยจะเป็นประเทศแรกที่จะมีวัคซีนป้องกันโรคเอดส์
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1003 background=/images2006/hm_01.jpg border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=9>[​IMG]</TD><TD class=Text><!-- วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ.2549 -->วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=585 align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD width=8>[​IMG]</TD><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=16>[​IMG]</TD><TD background=/images2006/edu_bg.jpg>[​IMG]</TD><TD width=137>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top height=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เยาวชนติดเชื้อเอดส์สะสมในกทม.สูงสุด</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] สำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรคระบุกทม.ครองแชมป์ผู้ป่วยเอดส์ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษามีผู้ป่วยสะสม92รายพบแนวโน้มการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มจากพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ รู้สึกอายที่จะซื้อถุงยางอนามัย “การใช้ถุงยางอนามัยไม่เป็นธรรมชาติ”


    เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2549 นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแสดงความเป็นห่วงกลุ่มเยาวชนเนื่องในวันเอดส์โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปีว่า รายงานของสำนักระบาดวิทยา พบแนวโน้มเยาวชนอายุตั้งแต่ 15-24 ปี ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ได้รับรายงานรายแรกเมื่อ พ.ศ. 2530 เป็นเพศชาย อายุ 23 ปี จำนวนผู้ป่วยในกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่าง พ.ศ. 2535 - 2539 และผู้ป่วยลดลงระหว่าง พ.ศ. 2540 – 2542 โดยปี 2543 มีรายงานผู้ป่วยสูงสุด 70 ราย หลังจากนั้นเริ่มมีแนวโน้มลดลงอย่างช้า ๆ แต่หลังจากนั้น พบแนวโน้มเยาวชนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยกลุ่มนักศึกษาระดับอุดมศึกษาสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ รองลงมา คือ ระดับมัธยมศึกษา ดังนั้น ต้องเร่งรณรงค์ให้กลุ่มเยาวชนตระหนักถึงการป้องกัน สอดรับกับคำขวัญวันเอดส์โลกปีนี้คือ “เอดส์หยุดได้...ร่วมใจรักษาสัญญา” (Stop AIDS Keep the Promise)
    “กรุงเทพมหานคร มีจำนวนผู้ป่วยเอดส์ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา อายุ 15 - 24 ปี สะสมสูงสุด 92 ราย ส่วนจังหวัดในภูมิภาคที่มีจำนวนผู้ป่วยสะสมสูงสุด 10 ลำดับแรก คือ เชียงราย เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช นนทบุรี พะเยา ขอนแก่น ระยอง ลำปาง สงขลา และสมุทรปราการ ตามลำดับ” นพ.ธวัช กล่าว และเมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุและเพศ พบว่า เพศชายมีแนวโน้มพบผู้ป่วยมากกว่าเพศหญิงในทุกช่วงเวลา ปัจจัยเสี่ยงรับเชื้อทางเพศสัมพันธ์พบมากกว่าการติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น โดยพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีจากมารดาจำนวน 8 ราย ส่วนโรคติดเชื้อฉวยโอกาส หรือกลุ่มอาการที่พบมากที่สุด คือ วัณโรค ปอดบวม
    นพ.ธวัช กล่าวด้วยว่า เมื่อพิจารณาจากผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี ในจังหวัดต่าง ๆ ในกลุ่มเยาวชนชาย-หญิง อายุระหว่าง 15 - 24 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2547 - 2549 พบว่ามีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในระดับต่ำ การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกก่อนอายุ 15 ปี และมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่สมรส หรือคู่ครองที่อยู่ด้วยกันในระดับที่ค่อนข้างสูง และมีการใช้ถุงยางอนามัยในระดับต่ำ ทั้งนี้ สอดคล้องกับรายงานการประเมินสถานการณ์อนามัยเจริญพันธุ์และเอชไอวี/เอดส์ในเยาวชนไทย โดยทีมเยาวชน พบว่า เยาวชนหญิงในหอพักส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์และอนามัยเจริญพันธุ์ในระดับจำกัด ซึ่งเยาวชนหญิงกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า “เราเรียนรู้เกี่ยวกับโรคบางโรคในโรงเรียน ส่วนโรคอื่น ๆ จะรู้จากประสบการณ์ตรงของเพื่อน บางครั้งเราก็หาข้อมูลจากเว็บไซต์ ส่วนแผ่นพับต่าง ๆ ไม่ได้ให้ข้อมูลมากนัก นอกจากนี้ เยาวชนกลุ่มหนึ่งมีความเห็นว่า “การใช้ถุงยางอนามัยไม่เป็นธรรมชาติ” บางคนกล่าวว่า “ไม่สามารถหาถุงยางอนามัยมาใช้ได้ง่าย และรู้สึกกระดากอายที่จะซื้อหรือไปขอจากสถานีอนามัย โรงพยาบาล” ซึ่งการมีพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมากยิ่งขึ้น

    -->
    สำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรคระบุกทม.ครองแชมป์ผู้ป่วยเอดส์ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษามีผู้ป่วยสะสม92รายพบแนวโน้มการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มจากพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ รู้สึกอายที่จะซื้อถุงยางอนามัย “การใช้ถุงยางอนามัยไม่เป็นธรรมชาติ”
    เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2549 นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแสดงความเป็นห่วงกลุ่มเยาวชนเนื่องในวันเอดส์โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปีว่า รายงานของสำนักระบาดวิทยา พบแนวโน้มเยาวชนอายุตั้งแต่ 15-24 ปี ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ได้รับรายงานรายแรกเมื่อ พ.ศ. 2530 เป็นเพศชาย อายุ 23 ปี จำนวนผู้ป่วยในกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่าง พ.ศ. 2535 - 2539 และผู้ป่วยลดลงระหว่าง พ.ศ. 2540 – 2542 โดยปี 2543 มีรายงานผู้ป่วยสูงสุด 70 ราย หลังจากนั้นเริ่มมีแนวโน้มลดลงอย่างช้า ๆ แต่หลังจากนั้น พบแนวโน้มเยาวชนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยกลุ่มนักศึกษาระดับอุดมศึกษาสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ รองลงมา คือ ระดับมัธยมศึกษา ดังนั้น ต้องเร่งรณรงค์ให้กลุ่มเยาวชนตระหนักถึงการป้องกัน สอดรับกับคำขวัญวันเอดส์โลกปีนี้คือ “เอดส์หยุดได้...ร่วมใจรักษาสัญญา” (Stop AIDS Keep the Promise)
    “กรุงเทพมหานคร มีจำนวนผู้ป่วยเอดส์ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา อายุ 15 - 24 ปี สะสมสูงสุด 92 ราย ส่วนจังหวัดในภูมิภาคที่มีจำนวนผู้ป่วยสะสมสูงสุด 10 ลำดับแรก คือ เชียงราย เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช นนทบุรี พะเยา ขอนแก่น ระยอง ลำปาง สงขลา และสมุทรปราการ ตามลำดับ” นพ.ธวัช กล่าว และเมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุและเพศ พบว่า เพศชายมีแนวโน้มพบผู้ป่วยมากกว่าเพศหญิงในทุกช่วงเวลา ปัจจัยเสี่ยงรับเชื้อทางเพศสัมพันธ์พบมากกว่าการติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น โดยพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีจากมารดาจำนวน 8 ราย ส่วนโรคติดเชื้อฉวยโอกาส หรือกลุ่มอาการที่พบมากที่สุด คือ วัณโรค ปอดบวม
    นพ.ธวัช กล่าวด้วยว่า เมื่อพิจารณาจากผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี ในจังหวัดต่าง ๆ ในกลุ่มเยาวชนชาย-หญิง อายุระหว่าง 15 - 24 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2547 - 2549 พบว่ามีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในระดับต่ำ การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกก่อนอายุ 15 ปี และมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่สมรส หรือคู่ครองที่อยู่ด้วยกันในระดับที่ค่อนข้างสูง และมีการใช้ถุงยางอนามัยในระดับต่ำ ทั้งนี้ สอดคล้องกับรายงานการประเมินสถานการณ์อนามัยเจริญพันธุ์และเอชไอวี/เอดส์ในเยาวชนไทย โดยทีมเยาวชน พบว่า เยาวชนหญิงในหอพักส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์และอนามัยเจริญพันธุ์ในระดับจำกัด ซึ่งเยาวชนหญิงกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า “เราเรียนรู้เกี่ยวกับโรคบางโรคในโรงเรียน ส่วนโรคอื่น ๆ จะรู้จากประสบการณ์ตรงของเพื่อน บางครั้งเราก็หาข้อมูลจากเว็บไซต์ ส่วนแผ่นพับต่าง ๆ ไม่ได้ให้ข้อมูลมากนัก นอกจากนี้ เยาวชนกลุ่มหนึ่งมีความเห็นว่า “การใช้ถุงยางอนามัยไม่เป็นธรรมชาติ” บางคนกล่าวว่า “ไม่สามารถหาถุงยางอนามัยมาใช้ได้ง่าย และรู้สึกกระดากอายที่จะซื้อหรือไปขอจากสถานีอนามัย โรงพยาบาล” ซึ่งการมีพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมากยิ่งขึ้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ส.ต.ต.ตระกูลศัก

    ส.ต.ต.ตระกูลศัก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอบคุณมากครับผม ส.ต.ต.ตระกูลศักดิ์ ไชยแสนขอขอบคุณท่านที่ได้ให้ซีดีธรรมะของหลวงปู่หลายรูป ไม่ว่าจะเป็นเสียงเทศน์คำสอนจาก หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่เทสน์ หลวงตามหาบัว หลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ เป็นต้นผมได้รับแล้ว 2 แผ่นจาก ท่านขอโทษด้วยที่ผมจำชื่อท่านไม่ได้ก็เลยไม่ได้ประกาศชื่อท่านไว้เพื่อให้ท่านอื่นชื่มชมกับคุณความดีของท่านในครั้งนี้ และขอประกาศให้ทราบครับว่าท่านใหนอยากได้ผมจะไร้ท์แผ่นจัดส่งไปให้ฟรีครับบอกชื่อและที่อยู่ด้วยครับ ด้วยความยินดีครับ
     
  16. Donadonado

    Donadonado Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +35
    ... รัฐบาล น่าจะช่วยเหลือให้มากกว่านี้น่ะ หรือทำอะไรให้สมกับเป็นรัฐบาลจริงๆหน่อยก็คงดีกว่านี้มากเลย ...
     
  17. แก้วบูรพา

    แก้วบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +2,807
    ผมได้โอนเงิน 300 บาทเข้าบัญชี ธ.นครหลวงไทย วันที่ 25/12/49 ครับ
     
  18. pongsathorn

    pongsathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +121
    โอนเงินมาร่วมบุญ 200 บาทครับ
    โอนวันที่23/12/49 เวลา 14.31
    จากบัญชี 0160608 เข้าบัญชี 2890846971
     
  19. tia123

    tia123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +368
    ร่วมบริจาค

    ขอร่วมบริจาค จำนวนเงิน 1,220 บาท โอนเข้าชื่อบัญชี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2007
  20. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    วันจันทร์ที่29มกราคม2550 ชมรมพุทธทีโอที มีกำหนดการทำบุญตักบาตรเนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2550 ณ หน้าอาคาร1สำนักงานใหญ่ ถ. แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.ระหว่างเวลา 7.30-8.30 น.ครับ
    โดย พระอจ.อลงกตจากวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี พร้อมพระสงฆ์รวมเป็น9รูป ขอเชิญผู้สนใจและสนับสนุนร่วมบุญกุศลสร้างบารมีกันครับ สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...