**ร้านศิวิไลพระเครื่อง** วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง เกจิคณาจารย์ภาคเหนือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิวิไล, 25 พฤษภาคม 2013.

  1. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7652

    ผ้ายันต์ เขียนมือ หลวงพ่อดาบส สุมโน

    พระคุณเจ้าดาบส สุมโน พระผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ วัตถุมงคลยุคแรกของท่านทีท่านเมตตาลงอักขระด้วยมือของพระคุณเจ้าฯเอง มอบไว้ให้แก่บรรดาลูกศิษย์ได้ใช้พกพาติดตัว พุทธคุณนั้นโดดเด่นในด้านโชคลาภ ทำมาค้าขายดี ร่ำรวยเงินทอง และเมตตามหานิยม ผืนเล็กกระทัดรัดพกพาง่าย ครับ
    ลายมือหลวงพ่อชัดเจนดูง่ายหายากมากครับ


    ราคา 1999 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_86.jpg Clip_83.jpg Clip_82.jpg Clip_99.jpg

    หลวงพ่อดาบส ท่านเป็นพระอริยะเจ้า เป็นพระบุญฤทธิ์ และ อิทธิฤทธิ์ เป็นพระสุปฏิปันโนที่ควรแก่การสักการะ กราบไหว้ เมื่อท่านมรณภาพแล้วขนาดหัวใจของท่าน ยังเผาไม่ไหม้ แถมยังแปรสภาพเป็นพระธาตุ สีเขียวมรกตครูบาอาจารย์หลายท่าน ให้ความยกย่อง บางท่านให้ศิษย์ไปกราบไว้ ไปทำบุญ ไปเรียนวิชากับท่าน
    “หลวงพ่อดาบส สุมโน
    ” เดิมชื่อ “สง่า” นามสกุล “เจริญจิตต์”
    เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ กัน ยายน ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ พ.ศ.๒๔๖๗ ปีชวด ตำบลบางกระไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี
    เป็นลูกคนที่ ๖ ในจำนวนทั้งหมด ๘ คน
    บิดาชื่อ “นายเถียน” มารดาชื่อ “นางเวียง”
    ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๔ ขณะอายุได้ ๗ ปี มารดาก็ถึงแก่กรรมและต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๘ อายุได้ ๑๑ ปี “เด็กชายสง่า” ก็ต้องสูญเสียบิดาบังเกิดเกล้าไปอีกคน จึงอยู่ภายใต้การดูแลของ “คุณป้า” และเริ่มเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาที่ ๑ โรงเรียนวัดบางกระไชย จบชั้นประถมปีที่ ๔ เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๘
    ครั้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๕ อายุได้ ๑๘ ปี “คุณป้า” ได้นำ “เด็กชายสง่า” ไปบรรพชาที่ “วัดจันทนาราม จังหวัดจันทบุรี” เพื่อเรียนปริยัติธรรมซึ่งต่อมาสามารถ สอบได้ทั้ง “นักธรรมตรี” และ “นักธรรมโท”
    ในปี พ.ศ.๒๔๘๗ อายุครบ ๒๐ ปี “สามเณรสง่า” จึงอุปสมบทเป็น “พระภิกษุ” โดยมีท่าน “เจ้าคุณอมรโมลี” เป็นอุปัชฌาย์ได้ฉายาว่า “สุมโน” กระทั่งปี พ.ศ.๒๔๘๙ อันเป็นพรรษาที่ ๔ “พระภิกษุสง่า สุมโน” ได้กราบลา “พระอุปัชฌาย์” เพื่อเดินทางไปศึกษา “ภาษาบาลี” กับท่าน “เจ้าคุณรัชมงคลมุณี” วัดหนองบัว จังหวัดระยอง ต่อมาในปี
    พ.ศ.๒๔๙๐ ด้วยจิตที่มุ่งมั่นจะปฏิบัติธรรม แสวงหาธรรม จึงออกเดินธุดงค์ไป “จังหวัดเชียงใหม่” ตามเส้นทาง “อำเภอดอยสะเก็ด” สู่ “ถ้ำเชียงดาว” อำเภอเชียงดาวได้ธุดงค์พลัดเข้ามาสู่เขตพื้นที่ของ “อำเภอพร้าว” ในปี ๒๔๙๐ ถึง ๒๔๙๔ จึงพำนักและปฏิบัติธรรมใน “ป่าช้า” ของตำบลเวียง อำเภอพร้าว หรือ “วัดป่าเลไลย์” เป็นเวลาถึง ๔ ปี
    ปี พ.ศ.๒๔๙๔ “พระภิกษุสง่า สุมโน” เดินทางมาพำนักที่ “วัดเจดีย์หลวง” จัง หวัดเชียงใหม่ โดยปฏิบัติธรรมกับ “เจ้าคุณวินัยโกศล” (จันทร์ กุสโล) หรือ “พระพุทธพจนวราภรณ์” แล้วจึงออกจาก “วัดเจดีย์หลวง” ธุดงค์ไปตามเส้นทางสู่ “อำเภอดอยสะเก็ด” อีกครั้งพร้อมลัดเลาะไปตามป่าเขาถึง “ดอยพระเจ้าหล่าย” วันนั้นเป็น วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๔ ตรงกับแรม ๖ ค่ำ เดือนยี่เวลา ๑๗.๐๐ น. “พระภิกษุสง่า สุมโน” จึงตั้งสัจจะอธิษฐาน ณ ดอยพระเจ้าหล่าย ขอสละเพศบรรพชิตขอลาสิกขาบทจากการเป็น “พระภิกษุสงฆ์” โดยหันมาถือการครองเพศเป็น “ดาบส” ที่มีเพียง ผ้าอังสะและผ้าสบง เพียงสองผืนหุ้มห่อร่างกายไว ้จากนั้นจึงครองเพศเป็น “ดาบส” และปฏิบัติธรรมอยู่บน “ดอยพระเจ้าหล่าย” โดยมิได้ฉันทั้งอาหาร และน้ำถึง “๓ วัน ๓ คืน” จากนั้นจึงเดินทางลงจากดอยเพื่อธุดงค์ไปจังหวัด ต่างๆ ทั้ง แพร่ ลำปาง น่าน ยะลา ชุมพร และท้ายสุดปฏิบัติธรรมที่ “อาศรมไผ่มรกต” ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย จนมรณภาพ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๓๔ สิริอายุได้ ๗๖ ปี
    “หลวงพ่อดาบส สุมโน” นับเป็น “ผู้บำเพ็ญเพียร” ด้วยศีลาจารวัตร บริสุทธิ์ผุดผ่องจนได้พบแสงสว่างแห่งธรรมเจิดจ้า และธรรม ที่ท่านแสดงให้บรรดาศิษย์ได้ยังความสุข ความสงบ ความร่มเย็น ให้เกิดขึ้นในจิตใจของผู้ที่เคยฟังธรรมจากท่านจึงนับได้ว่าท่านเป็น “ประทีปธรรม” แห่งภาคเหนือที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ และในจิตใจ ของประชาชนตลอดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  2. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7652

    เหรียญรุ่น2หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ปี 2512 บล็อกวงเดือนของดีน่าใช้เบาๆ

    บูชาแล้วครับ

    Clip_128.jpg Clip_129.jpg Clip_130.jpg


    ...พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองลำปางน้อยคนที่จะรู้จัก....
    .....ประวัติ เล่าขานสืบมาคับ.... หลวงพ่อเมืองวัดท่าแหนเกจิแดนล้านนายุค250ถึง251กว่าที่ร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลสำคัญๆในยุคนั้นทั่วประเทศท่านเป็นสหายธรรมกับหลวงปู่ทิมวัดช้างให้ท่านหลวงพ่อเมืองท่านเก่งทางมองเห็นอดีตและอนาคต(จากบรรทึกการสนทนาของหลวงพ่อเกษม เขมโกที่ถวายตอบข้อซักถามขององค์ในหลวงเราเมื่อคราวเสด็จเยือนอาการอาพาธของหลวงพ่อเกษม ที่สุสานไตรลักษณ์)ท่านเป็นประธานปลุกเสกหลวงพ่อแช่มวัดฉลองภูเก็ตปี12ที่นายหัวไมตรี บุญสูงเศรษฐีเจ้าของเหมืองแร่เป็นประธานฆราวาสสร้างและฮือฮาโด่งดังเพราะหลวงพ่อเมืองมองเห็นว่าหลวงพ่อแช่มมาร่วมพิธีปลุกเสกจึงให้จัดอาสนะเพิ่มอีก1ที่สำหรับหลวงพ่อแช่มเป็นที่ฮือฮากันมากคิดดูว่าถ้าไม่ดีจริงคนทางใต้คงไม่นิมนต์พระทางเหนือไปเป็นประธานปลุกเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะของหลวงพ่อแช่มวัดฉลองซึ่งชาวใต้นับถือท่านมาก..คิดดูครับ..ขออนุญาตเล่าเกล็ดเล็กๆน้อยๆจากประสบการณืจริงเมื่อยุคปีพ.ศ251กว่าเป็นต้นมาหมู่บ้านที่ผมอยู่ห่างจากหมู่บ้านท่าแหนของหลวงพ่อเมืองประมาณ5ก.มช่วงฤดูฝนคือประมาณระยะช่วงนี้ชาวบ้านนอกชนบทยุคนั้นอุปกรณืทำนาที่สำคัญยิ่งคือควายชึ่งมีกันแทบทุกครัวเรือนเอาไว้ไถนาบางบ้านมีเยอะเลี้ยงกันแทบทุกหลังไอ้พวกโขมยโจรขี้ลักควายจะจ้องโขมยควายชาวบ้านก็ช่วงหน้านี้แหละเพราะหลังจากทำงานไถนาเหน็ดเหนื่อยทั้งวันตอนเย็นเสร็จงานชาวบ้านมักตั้งวงก๊งส.ร.ถ(สุราต้มกลั่น)กันแก้ปวดเมื่อยชึ่งเหนื่อยกันมาทั้งวันพอกลางคืนฝนตกตลอดบรรยากาศให้..หลับเป็นตาย..ตื่นเช้าสีหูสีตาลงกระไดบ้านมาเตรียมไถนาต่อปรากฎว่าคอกโล่งเกลี้ยงโจรลักไปหมดไม่รู้ถูกต้อนไปถึงไหนแล้วบางคนถึงกะลมจับเพราะนาก็ยังไม่เสร็จต้องถือพานดอกไม้ธูปเทียนไปหาหลวงพ่อเมืองที่วัดท่าแหนขอหลวงพ่อช่วยดูให้ว่าไอ้โจร500มันเอาไปทางไหนชึ่งหลวงพ่อมักจะบอกให้ไปทางทิศไหนก็จะเกณฑ์ชาวบ้านออกติดตามและไม่พลาดเจอแทบทุกรายจริงๆแต่จะเจอสภาพตัวเป็นๆหรือซากแค่นั้นและครับและเสือร้ายโขมยยุคนั้นส่วนใหญ่อยู่เขตติดต่ออ.แม่ทะทางทิศตะวันตกมีอยู่2อำเภอเยอะจริงมีหลายก๊กบ้างขโมยไปเรียกค่าไถ่บ้างขโมยไปชำแหละเป็นที่รู้กันในยุคนั้น..หลวงพ่อเมืองเป็นที่กล่าวขวัญรู้กันในยุคนั้นของหายไม่รู้พึ่งใครวิ่งไปหาหลวงพ่อเมืองให้หลวงพ่อนั่งทางในดูให้และมักเจอตามที่หลวงพ่อบอกทุกรายจึงเป็นที่ศรัทธาของคนสมัยนั้นมา หลวงพ่อเมือง หรือที่ชาวบ้านรู้กัน คือท่านหยั่งรู้ ฟ้าดิน

    ประวัติหลวงพ่อเมือง อุตฺตโม วัดท่าแหน
    หลวงพ่อเมือง อุตฺตโม
    วัดท่าแหน ตำบลแม่ทะ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง

    "พระผู้มีอตีตังสญาณ ผู้หยั่งรู้"

    พระครูอุดมเวทวรคุณ (นามเดิม เมืองใจทาหลี) เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2435 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปีมะโรง เป็นบุตรคนโตของ นายดวงแก้ว นางต่อม ใจทาหลี ณ บ้านเลขที่ 15 บ้านท่าแหน ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 5 คน คือ

    1. พระครูอุดมเวทวรคุณ (หลวงพ่อเมือง)
    2. นายมูล ใจทาหลี
    3. นางเกี๋ยง โยธา
    4. นายซุน ใจทาหลี
    5. นางคำใส ฟูชุม

    เมื่อเยาว์วัยได้เข้าเล่าเรียนศึกษากับอาจารย์คันธรฐ ที่วัดท่าแหน โดยเรียนอักขระภาษาภาคพายัพ (ภาษาพื้นเมือง) จนจบหลักสูตร เมื่อท่านได้เรียน อักขระพื้นเมือง ตลอดจนเจ็ดตำนานและสิบสองตำนานจบแล้ว จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2449 ณ วัดท่าแหน โดยมีอาจารย์ตันธวงศ์ วัดสันดอน ต.ดอนไฟ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์
    เมื่อบรรพชาเป็นสามเณร ก็ได้เล่าเรียนตำรับตำราต่างๆ และเมื่ออายุครบบวช จึงได้ทำการอุปสมบท ในวันที่ 21 มิถุนายน 2455 ณ วัดท่าแหน โดยมีพระคันธวงศ์เป็นผู้อุปชฌาย์ พระคันทะรต เป็นพระกรรมวาจารย์ พระปิ่นไชย วัดบ้านหลวง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้ปฏิบัติศาสนกิจอยู่วัดท่าแหน ก็ได้มีความสนใจใคร่เรียนรู้วิธีปฏิบัติสมถะ วิปัสสนากัมมัฏฐานจึงได้ค้นคว้าจากตำราเก่าแก่ และทดลองปฏิบัติเรื่อยมา โดยไปศึกษาค้นคว้านอกสำนักบ้าง โดยมีหลักฐานจากการบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่สืบต่อกันมา อาทิเช่น

    1. ไปจำพรรษา ณ วัดสันดอน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง 1 พรรษา
    2. ไปจำพรรษา ณ วัดพระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง 1 พรรษา
    3. ไปจำพรรษา ณ วัดศรีหมวดเกล้า อ.เมือง จ.ลำปาง 1 พรรษา
    4. ไปจำพรรษา ณ วัดสันดอน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง 1 พรรษา
    ซึ่งทั้งนี้ไปเพื่อค้นคว้าศึกษาด้านสมถะวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลวงพ่อเมือง ท่านเสาะแสวงหาหนทางวิธีวิปัสสนากัมมัฏฐานไปแทบทั่วทุกแห่ง เมื่อครั้งที่พระเทพวิสุทธิโสภณ (อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง) ในปี พ.ศ.2473 ขณะนั้นยังเป็นพระสิงห์คำได้ไปตรวจตราคณะสงฆ์แทน เจ้าคณะมณฑลพายัพกับพระมหาปู อัตตลีโว อดีตเจ้าคุณอุบาลีคณูปมาจารย์ วัดพระสิงห์เจ้าคณะภาค 5 ได้ตรวจไปจนถึงวัดท่าแหน พบหลวงพ่อเมืองอยู่ในกุฎิมืดทึบไม่มีหน้าต่าง มีแต่ช่องลมเล็กๆ ประมาณคืบเศษ มีเนื้อตัวผอมเหลือง จึงได้ถามหลวงพ่อเมืองว่าเป็นโรคอะไร หลวงพ่อเมืองก็ได้ตอบว่าไม่เป็นอะไร และภายหลังได้ทราบว่า หลวงพ่อเมืองท่าเป็นพระชอบอยู่ป่าช้าเจริญสมถะ และวิปัสสนากัมมัฏฐานเพ่งกสิณอยู่เป็นนิจ กระทั่งวันหนึ่ง หลวงพ่อเมืองได้เป็นพบคำภีร์โบราณ (หนังสือภาคพายัพ) ในตู้พระไตรปิฎก ณ วัดบ้านหลุก ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ได้ทราบถึงวิธีปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในขณะที่อ่านนั้น ท่านก็ได้สัมผัสกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกลิ่นหอมมาก หลวงพ่อเมืองไม่เคยได้สัมผัสกลิ่นชนิดนี้มาก่อน ดังนั้นหลวงพ่อเมืองจึงขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดบ้านหลุก นำเอาตำราวิปัสสนากัมมัฏฐานนี้กลับไป วัดท่าแหน เพื่อศึกษาและปฏิบัติ โดยศึกษานานอยู่ 6 ปี จึงสามารถกระทำจิตใจให้แน่วแน่เป็นสมาธิได้ คือสามารถรวมใจเป็นดวงเดียว ซึ่งเรียกกันว่า บริกรรมนั่งทางใน จนสามารถนั่งทางในมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่คนธรรมดาสามัญมองไม่เห็นได้ ตั้งแต่นั้นมาก็มีลูกศิษย์ลูกหาให้ท่านนั่งทางในดู หลวงพ่อเมืองก็สามารถทำนายทายทักให้ถูกต้องแม่นยำ หรือแม้กระทั่ง หลวงพ่อเกษม เขมโก ยังได้เอ่ยกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ทรงตรัสถามหลวงพ่อเกษมว่า "ชาติที่แล้วพระองค์ทรงเป็นนักรบใช่หรือไม่" หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ตอบพระองค์ท่านว่า "เราไม่รู้สิต้องไปถามหลวงพ่อเมือง ท่านมีอตีตังสญาณ" แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อเกษม ทราบดีว่า หลวงพ่อเมือง ได้สำเร็จในการปฏิบัติธรรมถึงขั้น ทิพย์จักษุฌาน ซึ่งเป็นระดับความสำเร็จของการปฏิบัติกัมมัฏฐานขั้นสูงชั้นหนึ่ง

    หลวงพ่อเมือง ได้ช่วยเหลือประชาชนด้วยความกรุณา โดยไม่เลือกชั้นวรรณะมีหรือจน ท่านปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเท่าเทียมทั่วกัน โดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยาก ท่านช่วยเหลือประชาชนในด้านสุขภาพ และเดือดร้อนประการอื่นๆ ด้วยการนั่งสมาธิแล้วแจ้งให้ผู้มาขอความช่วยเหลือได้ทราบถึงมูลเหตุ และแก้ไขด้วยวิธีต่างๆ เช่น ทำบุญให้ทาน หรือกำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคและเป็นมูลเหตุให้เกิดความเดือดร้อนที่ได้ขุดพบ ซึ่งทั้งนี้เป็นผลที่พอใจของทุกคน ฝูงชนจึงได้หลั่งไหลไปสู่วัดท่าแหนไม่ขาดสายบางวันก็มาเต็มคันโดยสาร และค้างคืนที่วัดก็มี ที่กรุงเทพมหานครก็เช่นกันหากหลวงพ่อเมืองมาพัก ณ วัดใด ฝูงชนจะพากันไปวัดนั้นอย่างคับคั่ง

    ถึงแม้นท่านจะมีความเมตตาธรรมต่อผู้อื่นทั่วไปอย่างไรก็ตาม แต่ทุกชีวิตที่เกิดย่อมที่จะหนีไม่พ้นสังขารไปได้ ดังนั้นเมื่อปลายแห่งชีวิต โรคภัย ไข้ เจ็บ ก็เริ่มคุกคามหลวงพ่อเมือง จนกระทั่งศิษยานุศิษย์ได้นำท่านไปรักษายังโรงพยาบาลหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายได้นำท่านไปทำการผ่านตัด และรักษาที่โรงพยาบาลสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ แต่อาการของหลวงพ่อก็ไม่ดีขึ้น ในที่สุดเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้น ศิษยานุศิษย์จึงได้นำท่านกลับมายังวัดท่าแหนและแล้วหลวงพ่อเมืองก็ได้ถึงแก่มรณภาพ ณ วัดท่าแหน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2519 เวลา 21.39 รวมอายุได้ 85 ปี ซึ่งนำความเศร้าโศกเสียใจมาสู่ญาติพี่น้องและคณะศิษยานุศิษย์ ประชาชนทั่วไป ที่ได้สูญเสียท่านพระครูอุดมเวทวรคุณ (หลวงพ่อเมือง อุตฺตโม)ไปอย่างไม่มีวันกลับ

    อ้างอิงจากหนังสือ พระเครื่องเมืองลำปาง 2556 หน้า 119-120 โดย ธีรเดช จังตระกูล(ต้น ลำปาง)
    ดูน้อยลง




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  3. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7653

    เหรียญรุ่นแรกครูบาจินา วัดท่าข้าม อำเภอฮอด ปี 2516

    1 ในศิษย์ ของครูบาเจ้าศรีวิชัยเหรียญประสบการณ์ของเมืองฮอดครับ

    ราคา 2500 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_105.jpg Clip_107.jpg Clip_108.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  4. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7654

    เหรียญรุ่นแรกครูบาคำปัน ปภากโร วัดนาแส่ง จ.ลำปางบล็อกหน้าหนุ่ม นิยม เลี่ยมเก่าเดิม ๆ

    สุดยอดเหรียญประสบการณ์กระสุ่น M 16 ไม่ระคายผิว
    เหรียญดีน่าใช่มากๆครับ


    ราคา 1650 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    065_n.jpg?_nc_cat=105&ccb=1-3&_nc_sid=8bfeb9&_nc_ohc=qlJF8nYKEnEAX_muBPy&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 402_n.jpg?_nc_cat=102&ccb=1-3&_nc_sid=8bfeb9&_nc_ohc=2IpBJtAZCr4AX-K66Jf&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 498_n.jpg?_nc_cat=109&ccb=1-3&_nc_sid=8bfeb9&_nc_ohc=DMCpbMV1LykAX9gVsnr&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  5. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7655

    ล๊อคเก็ตรุ่นแรก หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่งปี 18 เลี่ยมเงินพร้อมใช้


    จัดสร้างในปี ปี 2518 ก่อนสร้างเหรียญรุ่นแรกด้านหน้า รูปหลวงปู่ตอนหนุ่ม ด้านหลังนางกวัก ล้อมด้วยคาถาพระเจ้า 5 พระองค์ ( นะโมพุทธายะ ) ด้านขวา คาถาธาตุทั้ง 4 ( นะ มะ ปะ ทะ )

    และด้านล่าง คาถาหัวใจพระสีวลี ( นะจาลิติ ) มีพุทธคุณเด่นมากทางด้านเมตตา แคล้วคลาดปลอดภัย ตอนเด็กๆ ในหมู่จะแขวนกัน คนในพื้นที่หวงแหน เพราะรู้ในประสบการณ์ของล๊อคเก็ตรุ่นนี้ครับ ประสบการณ์มากมาย ที่เป็นข่าวฮือฮาตอนนั้นคือเข็มฉีดยาแทงไม่เข้า คนในพื้นที่รู้กันดีคับ หายากกว่าเหรียญรุ่นแรก เลี่ยมเงินยกซุ้มหัวสิงห์สวยไป น่าเก็บน่าใช้มากๆคับ


    คุณ j999 บูชาแล้วครับ

    315_n.jpg?_nc_cat=107&ccb=1-3&_nc_sid=8bfeb9&_nc_ohc=uxCk1oOxctUAX_ADquz&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 677_n.jpg?_nc_cat=101&ccb=1-3&_nc_sid=8bfeb9&_nc_ohc=BzrOX5cll6wAX8kNcRB&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2021
  6. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7656

    เหรียญรุ่น3ครูบาดวงดีวัดบ้านฟ่อน ปี 2549 เนื้อทองแดง ปี 2549 เนื้อทองแดง ผิวรุ้ง ตอกโค๊ตหมายเลข1437สวยๆ

    หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก พระมหาเถระผู้ทรงคุณอันประเสริฐและมีอายุพรรษากาลสูงสุดในล้านนาไทยยุค
    ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีจริยาวัตรอันงดงาม และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่ง ที่มีศรัทธาญาติโยมมาเคารพสักการบูชา อยู่มิขาดได้ทุกวันโดยมีศรัทธาญาติโยมจากต่างตำบล ต่างอำเภอ ต่างจังหวัดเดินทางมาขอพรและประพรมน้ำพระพุทธมนต์มิได้ขาด หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก นับเป็นพระผู้มีอริยะคุณอันยอดเยี่ยมยิ่งที่หาได้ยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ได้ปฏิบัติธรรมคงจะเข้าใจอย่างแจ้งชัด แบบไม่ต้องลังเลสงสัย ว่า หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก เป็นพระอริยเจ้าเฉกเช่นใด ยากที่คนที่ไม่ได้ปฏิบัติจะย่อมรุ้ได้ว่า วัดบ้านฟ่อน นั้นมีพระอริยเจ้าอันมีจิตที่เยือกเย็นเบาสว่างใสมากขนาดใด ซึ่งล้วนแล้วแต่ผู้ที่ปฏิบัติเข้าถึงจะย่อมรู้ชัดได้ แต่ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมย่อมไม่รู้ เลยพากันไปกราบไปหลงตามกระแสคำโฆษณาในที่ต่าง โดยไม่อาจทราบด้วยภูมิธรรมใดๆเลยว่า ที่วัดบ้านฟ่อนนั้น มีพระอริยเจ้าที่สามารถกราบได้แบบสนิทใจ มีพลังจิตดวงจิตที่ชุ่มเย็นหลุดพ้นแล้ว เข้าสู่ภูมิวิสุทธิจิต และวิมุตติโดยชัดแจ้ง นั่นคือ หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก พระมหาเถระผู้ทรงคุณอันประเสริฐและมีอายุพรรษากาลสูงสุดในล้านนาไทยยุค ปัจจุบันนี้ และวัถุตมงคลของท่านมีประสบการณ์ของผู้ที่ได้ครอบครอง วัตถุมงคลของท่าน ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ที่มากมายครับ หน้าเก็บไว้บูชาครับ
    เหรียญยอดนิยมอีกรุ่นของท่านครูบาดวงดี ตอกโค๊ตหมายเลขชัดเจนครับ
    เนื้อทองแดง ผิวรุ้ง ตอกโค๊ตหมายเลข1437สวย ๆ


    ราคา 2800 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    510_n.jpg?_nc_cat=102&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=KiZqzo-agPgAX96xsD2&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 295_n.jpg?_nc_cat=110&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=IK0HBYKebXAAX_H-xlA&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 229_n.jpg?_nc_cat=109&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=adzjSWjBrxYAX9Wxs3H&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  7. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7657

    ชุดวัตถุมงคลครูบาชัยวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เลี่ยมเดิมจากวัด เส้นเกศา จีวร เม็ดพระธาตุข้าวบิณฑ์

    วัตถุมงคลของครูบาชัยวงค์ที่ทางวัดได้จัดสร้างขึ้น เลี่ยมเดิมจากวัด เป็นฝีมือพระเณรและลูกศิษย์ในวัดช่วยกันเลี่ยมให้หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตให้ แล้วนำออกแจกจ่าย และให้บูชาทางแผนกวัตถุมงคลให้ผู้ที่เลี่อมใสศรัทธาในหลวงปูครูบาชัยวงค์ เก็บไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับของที่ได้นำมาเลี่ยมหลวงปู่ท่านได้มอบให้ มีทั้งเส้นเกศา สำหรับพุทธคุณนั้นใช้ทางด้านเมตตามหานิยม เป็นวัตถุมงคลอีกชิ้นหนึ่งที่น่าเก็บไว้บูชา เจตนาการสร้างบริสุทธิ์ สิ่งของทุกอย่างได้รับมอบจากหลวงปู่ทั้งนั้น แบบมาตรฐาน เลี่ยมหัวกระสุน จัดสร้างทันหลวงปู่ แท้ดูง่าย แบ่งปันสำหรับผู้ศรัทธา
    ของมงคลสูงค่า น่าบูชาครับ


    ราคา 1350 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    068_n.jpg?_nc_cat=101&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=EMY-NJZaKNMAX_OOgq8&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 736_n.jpg?_nc_cat=102&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=IGrjgNdjx5EAX_emwds&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 727_n.jpg?_nc_cat=104&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=EXdwUtshDYoAX8w0Axg&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 836_n.jpg?_nc_cat=102&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=tW9fHfmwnIgAX-GxajZ&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 483_n.jpg?_nc_cat=109&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=qIffBPWfCNcAX_q5uEW&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg Clip.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  8. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7658

    ประคำหวายหินหลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม สวยเชือกเดิม แห้งเก่าดูง่าย


    หลวงปู่ครูบาวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ท่านได้สร้างจาก108 ที่ทำจากเม็ดลูกหวาย เม็ดลูกลาน พญาไม้ โดยได้นำวัสดุดั่งกล่าวนำมากลึงและร้อยเป็นสร้อยลูกประคำ 108 เม็ด ตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน สำหรับใช้ในการภาวนากรรมฐาน
    หลวงปู่ครูบาวงศ์ฯ ท่านอธิฐานจิตปลุก ขึ้นกรรมฐาน ไว้ให้ลูกศิษย์ไว้ใช้ในการภาวนา หลวงปู่เคยบอกว่า... “ประคำนี้ดีใช้ภาวนาทำกรรมฐาน ต่อไปจะหายากต้องเอาทองคำเส้นเท่ากันมาแลก”และท่านยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า... “ประคำเป็นเครื่องมือสู่พระนิพพาน” ...เป็นปริศนาธรรมให้เรานำไปคิดพิจารณาครับ การนับภาวนาสร้อยประคำนั้น มีกุศโลบายต่างๆ มากมายในการที่จะทำให้การภาวนาสัมฤทธิผลมากที่สุด การนับลูกประคำก็เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การทำภาวนามีผลดี เเละจิตใจสงบนิ่ง
    ประคำเป็นเอกลักษณ์ของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาพวกเรามักจะสังเกตเห็นสร้อยประคำแบบนี้ที่สวมใส่ไว้กับองค์หลวงปู่เสมอ เรียกว่าลูกประคำ มี 108 ลูก ตามจำนวนพระคุณของพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ 54พระธรรมคุณ 38 สังฆคุณ 14 รวมเป็น 108 พอดี
    เป็นสัญลักษณ์แทนคุณพระรัตนตรัย และความเป็นมงคลทั้งหลายในจักวาล หากนับจำนวนได้ 108 นั่นคือคุณแห่งพระพุทธองค์ คุณแห่งพระธรรม และคุณแห่งพระสงฆ์ คุณแห่งพระพุทธเจ้านั่นคือบทพระพุทธคุณ (อิติปิโส) พระธัมคุณ (สวาขาโต) คุณพระสงฆ์ (สุปฏิปันโน) นับตามอักขระในบทพระพุทธคุณจะพบว่ามีจำนวน 56 คำ พระธรรมมี 38 คำ พระสงฆ์มี 14 คำ รวมกันได้ 108 และยังหมายถึงสัญลักษณ์มงคล 108 อย่าง
    วิธีการนับลูกประคำของหลวงปู่
    ตั้งนะโม 3 จบ
    รอบ 1 อิติปิโสภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุทโธ (บริกรรม)....พุทโธพุทโธ พุทโธ .....
    รอบ 2 สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม (บริกรรม)....ธัมโม ธัมโม ธัมโม.....
    รอบ 3 สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ....(บริกรรม) สังโฆ สังโฆ สังโฆ.....
    รอบ 4 (บริกรรม)...เมตตา เมตตา เมตตา .....
    รอบ 5 (บริกรรม)...กรุณากรุณา กรุณา .....
    รอบ 6 (บริกรรม)...มุทิตา มุทิตา มุทิตา .....
    รอบ 7 (บริกรรม)...อุเบกขา อุเบกขา อุเบกขา .....
    รอบ 8 (บริกรรม) " อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง .....
    รอบ 9 (บริกรรม) " ทุกขัง ทุกขัง ทุกขัง .....
    รอบ 10 (บริกรรม) " อนัตตา อนัตตา อนัตตา ....
    - ความหมายของประคำ 108 เม็ด เริ่มนับทีละเม็ด บทสวดพระพุทธคุณ "อิ ติ ปิ โส ภะ คะ วา อะ ระ หัง สัม มา...."
    - พระธรรมคุณ " สะ หวาก ขา โต ภะ คะ วะ ตา ธัม โม ..."
    - พระสังฆคุณ " สุ ปะ ฏิ ปัน โน ภะ คะ วะ โต สา วะ กะ สัง โฆ " ครบพอดี 108 เม็ด
    - บางเส้นมีเพิ่มอีก 1 เม็ด คือ พระนิพพาน รวม 109 เม็ด
    เส้นนี้ เก่าผ่านการใช้มาตามธรรมชาติ ถึงยุค เชือกเดิม ดูง่ายมากครับ ประคำเอกลักษณ์ของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ปัจจุบันหาได้ยากยิ่งแล้วครับ

    เส้นนี้เม็ดสวย เนื้อฉ่ำสวย แตกลายงา เชือกเดิมดูง่าย แบบนี้หายากมาก ครับ


    บูชาแล้วครับ

    156_n.jpg?_nc_cat=109&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=9-XGBBWy9VEAX88J8JT&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 604_n.jpg?_nc_cat=100&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=FIPona1xXDgAX88Pc8d&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg c_oc=AQk9DfF-23hS8V9nFMvNlHLwNJBb3tO4nwro6EOGfGq69ZUVk7dDR03hlCtsHkn0vZk&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg 528_n.jpg?_nc_cat=104&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_ohc=AO3DGUCh72MAX8VSza2&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg Clip_2.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  9. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,968
    ค่าพลัง:
    +5,381
    ขอจองครับ
     
  10. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รับทราบการจองขอบพระคุณครับ
     
  11. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7659

    เหรียญคุ้มเกล้า โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ใหญ่ เนื้อเงิน

    ดำเนินการจัดสร้างเมื่อปีพ.ศ.2522 โดยมูลนิธิมูลนิธิคุ้มเกล้าฯในพระบรมราชูปถัมภ์
    วัตถุประสงค์ :
    เนื่องในวาระครบรอบ 30 ปีของการให้บริการโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เมื่อ 27 มีนาคม 2522 กองทัพอากาศได้ดำริสร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินขนาดใหญ่สูง 12 ชั้นที่ทันสมัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลและเสริมสร้างบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมบรรดาผู้ป่วยทั้งหลายไปชั่วกาลนาน โดยสิ้นค่าใช้จ่ายกว่า 600 ล้านบาท จากเงินที่ประชาชนทั่วประเทศร่วมใจกันบริจาค
    พุทธลักษณะ
    ด้านหน้า : เป็นพระบรมฉายาลักษณ์
    ด้านหลัง : มีพระปรมาภิไธยย่อ “ภ.ป.ร.”
    พิธีลงอักขระแผ่นยันต์อักขระที่ใช้สร้าง ′เหรียญคุ้มเกล้า′
    แผ่นแรกเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2526 โดยมี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประธาน พร้อมด้วยพระเถระอีก 60รูป ที่ได้มาร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ภายในพระอุโบสถของวัดราชบพิธ
    หลังจากนั้นได้นำแผ่น ทอง นาก เงิน ไปให้พระเถราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั่วประเทศ จารึกอักขระจนครบ 1,250 รูป อาทิ
    - พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดุลย์)วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ ลงอักขระวันที่ 16 กันยายน 2526
    - พระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ลงอักขระแผ่นทอง นาก เงิน ณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ 19 สิงหาคม 2526
    - พระสุพรหมยานเถร (หลวงปู่พรหมจักร)วักพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน ลงอักขระ 21 สิงหาคม 2526
    - พระอุดมสังวรเถร(หลวงพ่ออุตตมะ)วัดวังวิเวการาม จ.กาญจนบุรี ลงอักขระ 5 ตุลาคม 2526
    - พระสุนทรธรรมภาณี(หลวงพ่อแพ)วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ลงอักขระวันที่ 3 ตุลาคม 2526
    - พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์ (หลวงปู่เทสก์) วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ลงอักขระ 5 สิงหาคม 2526
    - หลวงพ่อเกษม เขมโก วัดป่าช้าไตรรัตนาราม อ.เมือง จ.ลำปาง ลงอักขระ 22สิงหาคม 2526
    - พระครูสุวรรณประดิษฐการ(หลวงพ่อจ้อย)วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ อ.ดอนสัก จ.สุราษฏร์ธานี ลงอักขระ 11 ตุลาคม 2526
    - สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. เป็นต้น
    พิธีเททองหล่อ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทรงเททองหล่อพระพุทธรูปคุ้มเกล้าฯ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งตรงกับวันที่ ′หลวงปู่แหวน สุจิณโณ′ มีอายุครบ 97 ปี เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2527 โดยมีสมเด็จพระสังฆราช พร้อมด้วยพระเถระผู้ใหญ่ผู้ทรงคุณอีก 9 รูป เจริญชัยมงคลคาถา ในโอกาสนี้ได้ทรงทำพิธีหลอมแผ่นทอง นาก เงิน ที่ได้ทำพิธีลงอักขระแล้ว เป็นชนวนนำไปสร้างวัตถุมงคลคุ้มเกล้าต่อไป
    พิธีพุทธาภิเษก
    ประกอบพิธีพุทธาภิเษกหมู่อย่างยิ่งใหญ่มโหฬาร 4 วัน 4 คืน ตั้งแต่วันที่ 6-9 เมษายน พ.ศ.2527 โดยทำการโยงสายสิญจน์จากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามมายังปะรำพิธี ณ ท้องสนามหลวง นิมนต์พระเถรานุเถระผู้ทรงคุณ เกจิอาจารย์ดัง 108 รูปจากทั่วประเทศผลัดเปลี่ยนกันนั่งปรกปลุกเสกตลอดรวม 4 คืน อาทิ
    - สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ประธานฝ่ายสงฆ์จุดเทียนชัย
    - สมเด็จพระญาณสังวรฯ เป็นประธานดับเทียนชัย
    - หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    - หลวงพ่อเกษม เขมโก ลำปาง
    - หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพา สุรินทร์
    - หลวงปู่สาม วัดป่าไตรวิเวก
    - หลวงพ่อสิม วัดถ้ำผาปล่อง
    - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    - หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม
    - หลวงพ่อหลุย วัดเจติยาวิหาร
    - หลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า
    - หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    - หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน
    - หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
    - หลวงพ่อพวง วัดศรีธรรมาราม
    - หลวงพ่อพุฒ วัดมณีสถิตย์
    - หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน
    - หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้
    - หลวงพ่อคำแสน วัดถ้ำผาเงา
    - หลวงพ่อโอด วัดจันเสน
    - หลวงพ่อบุญมี วัดท่าสะต๋อย เป็นต้น
    สำหรับวัตถุมงคลรุ่นคุ้มเกล้า ในวันแรกของพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงจุดไฟพระฤกษ์ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มอบให้พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. อัญเชิญเข้าขบวนแห่มายังปะรำพิธี จากนั้นในเวลา 19.19 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จมาจุดเทียนชัยจากไฟพระฤกษ์ เริ่มพิธีพุทธาภิเษกจนถึงรุ่งอรุณของวันที่ 4 สมเด็จพระญาณสังวรฯ เป็นประธานดับเทียนชัย เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีพุทธาภิเษก


    บูชาแล้วครับ

    ew.jpg rr.jpg uu.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  12. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7660

    เหรียญในหลวงทรงผนวช หลังพระธาตุดอยตุง ๒๕๑๖ เนื้ออัลปาก้า

    เมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยกระทรวงมหาดไทย ได้สร้างพระธาตุองค์ใหม่ขึ้นครอบพระเจดีย์เดิมไว้ในคราวที่ครูบาศรีวิชัยร่วมกับชาวบ้านได้ทำการบูรณไว้โดยสร้างเป็นเจดีย์องค์ระฆังขนาดเล็กสององค์บนฐานแปดเหลี่ยม ตามศิลปะแบบล้านนา ในปี พ.ศ.2470 โดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นพุทธบูชาและจัดหารายได้เพื่อการบูรณะองค์พระบรมธาตุ ในปีนั้นด้วย ดังนี้
    ประวัติการสร้าง
    พระสิงห์หนึ่งดอยตุง ขนาด 5-9 นิ้ว
    พระกริ่งสิงห์หนึ่งดอยตุง ( ก้น ช ) เนื้อนวโลหะ สูง 3 ซ.ม. ฐานกว้าง 1.5 ซ.ม. จำนวนสร้าง 10,000 องค์ ส่วนเนื้อทองคำจัดสร้างตามสั่ง
    เหรียญพระบรมธาตุดอยตุง 3 แบบ มีเนื้อทองคำ อัลปาก้า ทองแดงรมดำ ทองแดงกะไหล่ทอง
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าให้สมเด็จพระบรมโอรสรธิราช เสด็จแทนพระองค์ในการเททอง ณ มณฑลพิธีวัดเจดีย์หลวง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย วันที่ 8 มกราคม 2516 และมีพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วัดพระเจ้าล้านทอง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ตรงกับวันวิสาขบูชา 16 พฤษภาคม 2516 เวลา 15.05 น.(จุดเทียนชัย) นับเป็นพิธีใหญ่มีเกจิอาจารย์ทั่วประเทศร่วมปลุกเสก มีพระเถราจารย์นั่งปรกอธิฐานจิต (ชุดที่แรก) เวลา 19.30 น. พระพิธีธรรมสำนักวัดราชนัดดารามวรวิหาร เจริญพระคาถาพุทธาภิเษก
    พระครูภาวนาภิรัตน์ (ครูบาอินทจักร) วัดบ่อน้ำหลวง จ.เชียงใหม่
    พระครูพรหมจักรสังวร(ครูบาพรหมจักร) วัดพระบาทตากผ้า จ.ลำพูน
    พระครูสุตตาธิการี(หลวงพ่อทองอยู่) วัดหนองพระองค์ จ.สมุทรสาคร
    พระครูจันทรโสภณ(หลวงพ่อนาค) วัดทัศนารุณสุนทริการาม กรุงเทพฯ
    พระวิบูลย์เมธาจารย์ วัดดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี
    พระครูนนทกิจวิมล(หลวงพ่อชื่น) วัดตำหนักเหนือ จ.นนทบุรี
    พระครูสาครกิจโกศล(หลวงพ่อจ้อน) วัดเจ็ดริ้ว จ.สมุทรสาคร
    พระครูพิพัฒน์ศิริธร(หลวงพ่อคง) วัดบ้านสวน จ.พัทลุง
    หลวงพ่อนำ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
    หลวงพ่อเตียง วัดเขาลูกช้าง จ.พิจิตร
    พระครูพิพิธพัชรศาสตร์(หลวงพ่อจ้วน) จ.เพชรบุรี
    พระครูพิพิชวิหารการ(หลวงพ่อเทียน) วัดกษัตราธิราช จ.พระนครศรีอยุธยา
    พระครูปัญญาโชติคุณ(หลวงพ่อเจริญ) วัดทองนพคุณ จ.เพชรบุรี
    พระครูสมุห์อำพล วัดอัมพวา กรุงเทพฯ
    หลวงพ่อมิ่ง วัดกก กรุงเทพฯ
    ชุดที่สอง เวลา 01.30 น. พระพิธีธรรมสำนักวัดเลา เจริญพระคาถาจักรพรรดิ์ตราธิราช พระอาจารย์ไสว สุมโน วัดราชนัดดารามวรวิหาร กรุงเทพฯ(เจ้าพิธี)
    พระอาจารย์สม วัดหัวข่วง จ.ลำปาง
    พระครูพิบูลธรรมภาณ วัดภูเขาแก้ว จ.อุบลราชธานี
    หลวงพ่อแสน วัดท่าแหน จ.ลำปาง
    หลวงพ่อเปี่ยม วัดเทพธิดาราม กรุงเทพฯ
    พระครูชุณห์ วัดเขาชายธง จ.นครสวรรค์
    พระราชมุนี(หลวงพ่อโฮม) วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
    พระอริยเมธี วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
    พระครูสมุห์ละมัย วัดพระศรีมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
    พระครูประภาสธรรมาภรณ์(หลวงพ่อลำยอง) วัดบางระกำ จ.พิษณุโลก
    พระครูสาธุกิจวิมล(หลวงพ่อเล็ก) วัดหนองดินแดง จ.นครปฐม
    พระอาจารย์สมวงษ์ วัดวังแดงเหนือ จ.พระนครศรีอยุธยา
    หลวงพ่อแดง วัดบางเกาะเทพย์ศักดิ์ จ.สมุทรสงคราม
    พระครูศรีปริยัตยานุรักษ์ วัดพันอ้น จ.เชียงใหม่
    พระอาจารย์สิงห์คำ วัดล่ามช้าง จ.เชียงใหม่
    พระอาจารย์สิงห์คำ วัดเหมืองง่า จ.ลำพูน
    พระราชปัญญาโมลี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย วัดเจ็ดยอด
    พระพุทธวงศ์วิวัฒน์ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย วัดพระแก้ว
    พระครูพินิตธรรมประภาส วัดมิ่งเมือง จ.เชียงราย
    พระครูโสภณธรรมมุนี วัดศรีโคมคำ อ.พะเยา
    พระครูเมธีธวัชคุณ วัดราชคฤห์ อ.พะเยา
    พระครูนิวัษฐ์สัทธาคุณ วัดอำมาตย์ อ.เทิง
    พระครูธีรธรรมวิวัฒน์ วัดกาสา อ.แม่จัน
    พระครูหิรัญญเขตคณารักษ์ วัดศรีบุญเรือง อ.แม่จัน
    เจ้าอธิการฝ้าย จันทโก วัดเหมืองแดง อ.แม่สาย
    พระอาจารย์ตี๋ สุวรรณโชโต วัดพรหมวิหาร อ.แม่สาย
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    ถือเป็น ของเมืองเชียงราย พระดีครบทุกด้านสมควรมีไว้ใช้บูชา

    น่าใช้มากครับ

    บูชาแล้วครับ

    ][.jpg IMG_8770.jpg




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  13. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7661

    เต่าเทียน รุ่นแรกของครูบาบุญยัง วัดห้วยน้ำอุ่น

    หลวงปู่ครูบาบุญยัง ปุญญังกโร อริยสงฆ์แห่งเมืองลี้ ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ ท่านเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของครูบาชัยยะวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ได้เจริญรอยสืบทอดในปฏิปทาของครูบาชัยยะวงศาอย่างเข้มงวด ไม่ฉันอาหารที่มีเนื้อสัตว์และฉันเพียงมือเดียวใน1 วัน หลวงปู่ครูบุญยังมีพลังญาณสมาธิแก่กล้า และมีเมตตามาก
    เต่าเทียนหลวงปู่ครูบาบุญยังท่านได้สร้างตามตำรา #เต่ามหาลาภของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม สร้างจากสีผึ้งปิดตาพระพุทธเจ้าของพระพุทธรูปวัดห้วยน้ำอุ่น ปี 2554 #สร้างเพียง73องค์เท่าอายุของครูบาฯฝังตะกรุดเกศาเจิมแป้งมนต์
    พุทธคุณเด่น ทางด้าน เมตตา มหานิยม ก็ดีเด่น พุทธคุณเต่าเทียน มีความขลังมากเพราะครูบาท่านปลุกเสก1ไตรมาสหรือสามเดือน สายเมตตา โชคลาภ เสริมดวง ดีมากครับ


    บูชาแล้วครับ

    f.jpg [[.jpg u.jpg tt.jpg d.jpg Clip_13.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  14. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7662

    พระผงครูบาสม วัดป่าแดด(วัดมงคลวราราม) อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ปี 2516

    พระผงอัฐิหรือกระโหลกหน้าผากครูบาสม วัดป่าแดด ผู้เป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้แก่ครูบาสิงห์แก้ว แห่งวัดปากกอง ครูบาสมท่านเป็นสหธรรมมิกกับท่านครูบาเจ้าศรีวิไชย “ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ ครูบาสม มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ทั้งการหายตัว แปลงกายเป็นเสือ จนได้รับสมญานามว่า เสือสม จากชาวบ้าน และอื่นๆอีกมากมาย อย่างเช่น การนอนบนยอดใบตองกล้วย กระโดดลงน้ำบ่อหายตัว เป็นต้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ครูบาปากกองไปขอเป็นศิษย์ครูบาสม ไปด้วยกัน 3 รูป ครูบาสมท่านได้จำแลงกายเป็นเสือ พระอีก 2 รูปวิ่งหนี แต่ครูบาปากกอง ได้นิ่งนั่งลงต่อหน้าเสือ ครูบาสมท่านจึงได้รับครูบาปากกอง เป็นศิษย์เอก ถ่ายทอดวิชาให้หมด เป็นที่มาของตะกรุดต่าง ๆ ของครูบาปากกอง จะมีชื่อว่าเสือนำหน้าหลายรุ่น แต่ครูบาสมท่านไม่ได้สร้างเหรียญวัตถุมงคลไว้จึงไม่ค่อยมีใครรู้จักท่าน จะมีก็แต่ตะกรุดที่นำให้ญาติโยม”
    ***สำหรับพระผงรุ่นนี้ ครูบาสิงห์แก้ว วัดปากกองเป็นเจ้าพิธีในการจัดสร้าง โดยท่านเป็นผู้ดำริจัดสร้าง โดยผงที่นำมาจัดสร้างนั้นเป็นผงพุทธคุณนานาชนิดที่ท่านได้รวบรวม อาทิเช่น ผงอิทธิเจ(ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) ผงปัทธมัง ผงตรีนิสิงเห ที่สำคัญคืออัฐิ(กะโหลกหน้าผาก)ของท่าน ครูบาสม วัดป่าแดด
    สำหรับพระผงครูบาสม วัดป่าแดด นี้ท่านครูบาสิงห์แก้ว วัดปากกอง(ผู้เป็นศิยษ์เอก) จะพกติดย่ามทุกครั้งที่ไปร่วมงานปลุกเสก พุทธคุณนั้นเน้น ป้องกันภูตผี ปีศาจ คุณไสย เป็นมหาอำนาจ เมตตามหานิยม


    ราคา 1550 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    wq.jpg p.jpg w.jpg $RUSQXWX.jpg Clip_14.jpg Clip_15.jpg Clip_16.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  15. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7663

    พระสิวลี เนื้อผงกฐิน พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์ ปี 52

    มวลสารสุดยอด พุทธคุณ เมตตามหานิยม โชคลาภ

    องค์นี้พิเศษ เห็นเส้นเกศา ชัดเจนครับ


    ราคา 750 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900


    IMG_8806.jpg rft.jpg Clip_17.jpg
    Clip_18.jpg
    พระอาจารย์พรสิทธิ์ ธมฺมธโร วัดสว่างอารมณ์ อ.สันป่าตอง
    ศิษย์เอก หลวงปู่ครูบาบุญปั๋น วัดป่าแดด

    พระอาจารย์พรสิทธิ์ ธมฺมธโร วัดสว่างอารมณ์ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ หนึ่งใน พระเกจิอาจารย์ดัง รูปปัจจุบัน ผู้เป็น ลูกศิษย์ และถวายตัว เป็นศิษย์เอก ตั้งแต่ สมัยเมื่อยังหนุ่ม จนถึง ปัจจุบัน โดยได้ตำรา วิชา ต่างฯ ของหลวงปู่ครูบาบุญปั๋น ปภากโร หรือ ( พระครูปภากรพิสุทธิ์) วัดป่าแดด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
     
  16. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7664

    พระกริ่งเชียงแสน วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ปี 2515
    พระรุ่นนี้จัดสร้างโดยคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระพุทธสิหิงค์จำลองเมื่อ วันที่ 9 เมษายน 2515และมีพระเครื่องพิมพ์ต่างๆที่สร้างและปลุกเสกในพิธีเดียวกันนี้หลายๆพิมพ์ เช่น พระพิมพ์พระร่วงรางปืน พระกริ่งเชียงแสน,เหรียญครูบาศรีวิชัยหลังพระธาตุ ,เหรียญพระพุทธสิหิงค์,เหรียญพระเจ้าเสตังคมณี วัดเชียงมั่น,เหรียญหลวงพ่อทันใจ ,เหรียญเจ้าคุณพระราชสิทธาจารย์,เหรียญเจ้าคุณพระอภัยสารทะ วัดทุงยู เป็นต้น
    เป็นมหาพิธีพุทธาภิเศกใหญ่ โดยมียอดพระคณาจารย์ 108 รูปร่วมกันปลุกเสกมากมายดัง ที่รู้จักในสมัยนั้นได้แก่
    -หลวง ปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    -หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    -หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    -อาจารย์นำ แก้วจันทร์
    -หลวงพ่อเกษม เขมโก
    - หลวงพ่อกวย ชัยนาท
    เป็นต้น


    บูชาแล้วครับ

    พระกริ่งดอยสุเทพ 150 a.jpg
    พระกริ่งดอยสุเทพ 150 b.jpg
    พระกริ่งดอยสุเทพ 150 c.jpg
    Clip_19.jpg
    Clip_20.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  17. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7665

    เหรียญรุ่นแรก ครูบาเทือง วัดบ้านเด่น เนื้อเงินหายาก สภาพสวยไม่ผ่านการใช้ ผิวเดิม มาพร้อมกล่องเดิม หายาก


    ครูบาเทือง นาถสีโล ประวัติความเป็นมาของ ครูบาเทือง นาถสีโล (พระครูไพศาลพัฒนโกวิท) เจ้าอาวาส วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแคน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อายุ ๔๑ ปี พรรษา ๒๑ แม้ว่าทั้งอายุและพรรษาไม่มาก แต่ท่านมีปฏิปทา น่ากราบไหว้ สงบเสงี่ยม หากจะประมวลภาพรวมความเป็น ครูบาของท่าน จะได้ดังนี้ “ครูบาอ่อนน้อมถ่อมตน-ฝึกฝนปฏิบัติ-เคร่งครัดพระธรรมวินัย-จิตใจสุขุมเยือกเย็น-บำเพ็ญบารมี-ทำความดีเป็นนิจ-จิตเมตตาเสมอ”
    ตั้งแต่บวชเป็นสามเณรจนกระทั่งบวชเป็นพระ ครูบาเทือง ได้บำเพ็ญบุญบารมี ตามรอยแห่งครูบา ศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาทุกประการ ถ้าพูดถึงทานการบริจาค ครูบาสามารถสร้างศาสนสถาน ถาวร วัตถุ ไม่แต่เฉพาะใน จ.เชียงใหม่ เท่านั้น ทุกจังหวัดในภาคเหนือครูบา ได้ประดิษฐานพระพุทธ ศาสนาอย่างทั่วถึงและมั่นคง ท่านสร้างทั้งโบสถ์ วิหาร เจดีย์ พระพุทธปฏิมา ศาลากุฏิสงฆ์ ฯลฯ
    ในด้านการปฏิบัติ ครูบานับเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เข้าถึงธรรม โดยวิธีปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเคร่ง ครัด โดยเฉพาะวิปัสสนากรรมฐาน ในด้านการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ครูบาเสียสละปัจจัยไทย ธรรมที่มีผู้ถวาย บริจาคช่วยเหลือแก่ส่วนราชการ องค์กร ชมรม สโมสร ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะ ชาวไทยภูเขา ตั้งแต่ข้าว ผ้า ยา บ้าน การศึกษา น้ำประปา ไฟฟ้า ถนนหนทาง มากมายมหาศาล “เป็นพระต้องพูดจริง ต้องทำจริง และต้องรู้จริง” เป็นคติธรรม ที่ครูบาเทืองยึดปฏิบัติเรื่อยมาผลจาก ความจริงที่ท่านบำเพ็ญ เพียรภาวนา ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช เทศนา พัฒนาชุมชนบน พื้นฐานของข้อ วัตรปฏิบัติที่ปราศจากการใส่ร้ายป้ายสีโจมตีบีทา ครูบารักษาศีล ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน ฝึก สอนใจตนเอง ตลอดเวลา


    ราคา 3999 บาทสนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_2.jpg Clip_13.jpg Clip_14.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  18. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7666

    เหรียญหลวงพ่อบุญจันทร์ วัดถ้ำผาผึ้ง เนื้อนวะ

    หลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร
    วัดถ้ำผาผึ้ง อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่

    ท่านเป็นพระธุดงค์กรรมฐานที่มีปฏิปทาเด็ดเดี่ยว
    เป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    หลวงปู่เที่ยวธุดงค์จากภาคอีสานขึ้นมาปฏิบัติธรรมทางภาคเหนือ และได้มาตั้งสำนักที่ถ้ำผาผึ้ง หลวงปู่ท่านอดอาหารเพื่อเร่งความเพียรเป็นเวลานานถึง ๑ พรรษาทำให้กระเพาะของท่าน ไม่ทำงานไปข้างหนึ่ง แต่จิตของท่านนั้นได้ถึงซึ่งความเกษมเป็นที่สุด

    ชีวประวัติ ท่าน น่าสนใจมากๆ ครับ ท่าน เป็น คน เมืองพล จ ขอนแก่น ชีวิต ของท่านต้องประสบกับหลายๆเหตุ การณ์ ที่น่าเศร้า ใจ ไม่ว่า จะเป็นการ เสียชีวิต ของโยมมารดา ที่ ถูก ฆ่า ตัด คอ ต่อหน้าต่อตา และ โรคภัย ไข้เจ็บ มากมาย กระนั้น แม้ ท่าน ไม่สามารถ พูดได้ ก็ยัง เขียน ให้ เณร สอนญาติโยม ท่านเป็นพระ ที่ มีความเพียร มากๆครับ หลังจาก ท่าน ละสังขาร อัฐิ ของท่าน ก็ กลายเป็นพระธาตุ เหรียญประสบการณ์ของหลวงพ่อบุญจันทร์ครับ ถือว่าเป็นเหรียญ ที่ หายาก อีกเหรียญ หนึ่ง ในตำนานของพระล้านนา และพระสายป่ากัมฐานครับ


    ราคา 1450 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_15.jpg Clip_16.jpg


    หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร เป็นพระป่าวิปัสสนากรรมฐานในสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม, หลวงปู่แหวน สุจิณโณ, ท่านพ่อลี ธัมมธโร, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
    หลวงปู่บุญจันทร์ ท่านมีปฏิปทาน่าเคารพศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านเป็นผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวเด็ดขาดผาดโผนมาโดยตลอด ภายหลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว ท่านมีจิตเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างหนักแน่น จึงได้กล่าวกับโยมพ่อว่า ทรัพย์สินที่ไร่ที่นาทั้งหลายให้ขายให้หมด หากท่านอยู่ในพระพุทธศาสนาไม่ได้ สึกออกมาท่านจะหาเอาเอง หากหาไม่ได้ก็จะกินดินแทนข้าว และยังได้บอกกับโยมพ่อด้วยว่า ทรัพย์สินของโยมพ่อก็ขายให้หมดด้วย แล้วเอาเงินไปทำบุญ โยมพ่อเองก็ให้ออกบวชเสีย หลวงปู่บุญจันทร์ เป็นพระผู้ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว อาจหาญตามแบบครูบาอาจารย์ที่ท่านได้ปฏิบัติมา ท่านเป็นอภิชาตบุตรโดยแท้ เพราะได้ชักนำให้โยมพ่อบวชพระและโยมแม่บวชชี เพื่อปฏิบัติธรรมจวบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของโยมทั้งสอง

    คำพูดนี้เป็นของ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ที่มักจะพูดกับชาวบ้าน อ.ฝาง หรือ อ.ไชยปราการ เมื่อไปกราบหลวงปู่แหวน ซึ่ง “อาจารย์บุญจันทร์” ที่ท่านพูดถึงก็คือ หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร วัดถ้ำผาผึ้ง อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่
    หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร นามเดิมท่านชื่อ นายบุญจันทร์ พงศ์สวัสดิ์ เกิดวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๙ ขึ้น ๑๕ ค่ำ วันอังคาร เกิด ณ เมืองพล อำเภอพล ตำบลเมืองเก่า จังหวัดขอนแก่น

    บิดาชื่อ นายเพียร พงศ์สวัสดิ์ มารดาชื่อ นางสงบ พงศ์สวัสดิ์ มารดาและบิดาเป็นชาวนา อาชีพทำนาทำสวน เมื่อเกิดมาแล้วมารดาและบิดาก็ได้เลี้ยงดูเจริญขึ้นตามลำดับ จนมีอายุได้ ๘ ปี ก็ได้ฝากให้เรียนหนังสือ ที่โรงเรียนประชาบาลเมืองพล จนเรียนจบประถมสี่ ก็ได้ออกจากโรงเรียนมาอยู่ที่บ้าน ช่วยบิดามารดาทำนาทำสวน
    ครั้นอายุได้ ๑๗-๑๘ ปี ชีวิตความเป็นหนุ่มก็กำลังเจริญขึ้น กิเลส ความโลภอยากได้ยินดี มันก็เจริญขึ้น จึงต้องทำงานต่างๆ ทำนาบ้าง ทำสวนบ้าง ค้าขายบ้าง หาปู หาปลา ทั้งวันทั้งคืน เพื่อเอามากิน เอามาเลี้ยงพ่อแม่ เอามาขาย เอาเงินเก็บหอมรอบ ริบ เพื่อจะมีครอบครัวในอนาคต จนอายุเจริญขึ้น ย่างเข้า ๒๑ ปี พ่อแม่ก็ปรารภเรื่องจะให้มีครอบครัว เจ้าตัวเองก็เลยคิดว่า ถ้าไปมีครอบครัว แล้วกลัวจะไม่ได้บวช ฉะนั้น เมื่อพิจารณาตกลงใจว่า จะต้องบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่เสียก่อน ถ้าอยู่ในศาสนาไม่ได้ สึกออกมา ก็ค่อยมีครอบครัวทีหลัง จึงบอกความประสงค์ให้พ่อแม่ทราบ ท่านก็ยินดีอนุโมทนาด้วย
    ต่อมาท่านจึงนำไปฝาก ท่านอาจารย์ทองสุข ที่วัดป่ามัชฌิมวาส บ้านคึมชาติ เมืองพล เพื่อฝึกหัดครองนาคและฝึกขัอวัตรปฏิบัติในเบื้องต้น เช่น หัดกราบไหว้ หัดปฏิบัติครูบาอาจารย์ หัดกินข้าวหนเดียว หัดท่องครองนาค และฝึกทำนองมคธ ภาษา หัดไหว้พระสวดมนต์ ปฏิบัติครูบาอาจารย์ ถวายน้ำใช้น้ำฉัน ตักน้ำใส่โอ่ง ส่วนบริขารเครื่องบวชนั้นบิดามารดาท่านเป็นเจ้าภาพจัดหา ตระเตรียมไว้เสร็จเรียบร้อย ไปหัดนาคอยู่ ๑๕ วัด บิดาท่านก็ได้ไปติดต่อพระอุปัชฌาย์ ซึ่งเวลานั้นมี พระครูอนุโยคธรรมฌาน เป็นพระอุปัชฌาย์ มี อาจารย์มหาประสงค์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้บรรพชาและอุปสมบทที่พัทธสีมา วัดสระจันทร์ เมื่ออายุ ๒๑ ปี วันที่ ๓๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๙๐ เวลา ๑๐.๓๐ น. ณ วัดสระจันทร์ ตำบลเมืองเกา อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น
    เมื่อเสร็จการบรรพชาอุปสมบทแล้ว ก็ได้ลาพระอุปัชฌาย์ ไปจำพรรษาที่วัดป่ามัชฌิมวาส บ้านคึมชาติ มีท่านอาจารย์ทองสุข เป็นอาจารย์ ได้มอบกายถวายตัวเป็นศิษย์ท่าน ท่านก็แนะนำสั่งสอน ให้ท่องทำวัตรเช้าเย็น แนะนำให้ท่องสวดมนต์ แนะนำให้ท่องนวโกวาท แนะนำให้ดูหนังสือนักธรรมตรี ครั้นถึงเวลาเช้า ก็นำทำวัตรเช้า ตอนเย็นก็นำทำวัตรเย็น ตอนเช้า ตื่นระยะเวลา ตี ๓-๔ ก็ลงมาที่ศาลา ปัดกวาดบนศาลา เสร็จก็ปูเสื่อ ปูอาสนะ ที่นั่งของอาจารย์ และพระตามลำดับ ตั้งน้ำฉัน ตั้งกระโถนเตรียมบาตร เมื่อถึงเวลาออกบิณบาตประมาณ ๗ โมง ก็ไปบิณฑบาต บ้านคึมชาติบ้าง บ้านเหล่านาคีบ้าง บิณฑบาตเสร็จก็กลับมาฉันที่ศาลาภายในวัด จัดแจงอาหารแจกจ่ายกันทั่วถึง แล้วก็ลงมือฉันด้วยสำรวม ฉันเฉพาะในบาตร ฉันวันละครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อฉันเสร็จก็นำบาตรไปล้าง แล้วนำมาเช็ดให้แห้ง เอาผึ่งแดดพอสมควร แล้วก็เอาใส่สลกตั้งไว้ แล้วก็ช่วยกันปัดกวาดศาลา เก็บเสื่อเก็บอาสนะ เก็บกระโถน ที่ล้างแล้วก็เอามาเช็ดให้แห้ง แล้วนำไปเก็บไว้ให้เรียบร้อย ต่อมาก็เก็บบาตร และเครื่องใช้ของตนไปกุฏิ เอาบาตรและบริขารอื่นไปไว้แล้ว ก็เตรียมท่องหนังสือสูตรไหน ที่ยังไม่ได้ก็เตรียมท่องต่อไป
    ระหว่างที่เป็นนวกภิกษุผู้บวชใหม่ กิจที่จะต้องศึกษายังมีมาก ต้องอาศัยความเพียร ความอดทน บางทีท่องหนังสือไป มันเหนื่อย ก็หยุดพัก ภาวนา พุทโธ พุทโธ บางทีก็พิจารณากายในอาการสามสิบสอง โดยความเป็นปฏิกูลบ้าง บางครั้ง ก็ กำหนดลมหายใจเข้าออก พร้อมทั้งคำบริกรรม พุทโธ พุทโธ
    ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง มีโยมชาวบ้านเขาตาย เขาก็มานิมนต์พระไปให้บุญคนตาย คือนิมนต์ไปสวดมาติกาและบีงสุกุล ก็มานึกในใจว่า คนเราเกิดมาแล้วก็ต้องแก่ เจ็บ ตาย เวลาตายลง เขามีบ้านมีเรือน ก็เอาไปไม่ได้ เขามีวัตถุ ข้าวของ เงินทองก็ เอาไปไม่ได้ บางคนทรัพย์สินเงินทองข้าวของมากมี เวลาตายเป็นผี เอาไปไม่ได้ ความตายนี้ไม่มีอะไรป้องกัน คนเกิดมาแล้ว ต้องแก่ เจ็บ ตาย กันทั้งนั้น อย่าว่าแต่คนอื่นจะตายเลย ตัวเราก็จะต้องตายเหมือนกัน เมื่อความตายมาถึงเรา เราจะเอาอะไรในกายนี้ แม่แต่ผมเส้นเดียวก็เอาไม่ได้
    เมื่อพิจารณาไป ก็เกิดสังเวชสลดใจ จึงได้พิจารณากายตัวเอง ถึงมรณานุสติ มากเข้า ต่อนั้นมา การพิจารณากายคสติ กับมรณานุสติ มักจะไปด้วยกัน แต่ในตอนนั้น มันเป็นพรรษาแรก ไหนจะเจริญกรรมฐานบ้าง ไหนจะไปท่องสวดมนต์บ้าง ไหนจะไปดูธรรมะบ้าง ไหนถึงเวลาทำข้อวัตรก็ต้องเบ่งเวลาไปทำ รู้สึกว่าการเจริญกรรมฐานยังได้น้อย
    บางครั้งตัณหา กิเลส มันก็แสดงออกไปภายนอก เพราะไปนึกถึงเรื่องอดีต ที่พ่อ แม่แบ่งนาไว้ให้ แบ่งสวนไว้ให้ แบ่งวัวแบ่งควายไว้ให้ และพ่อก็ไปขอสาวไว้ให้ แม่ก็ไปขอสาวไว้ให้ ถ้าสึกมาเมื่อไร ก็จะได้แต่งงานกัน
    คิดทางโลก ซึ่งเป็นเรื่องกามวัตถุ เมื่อคิดไปแล้วมันก็คิดทบทวน มาหาคนที่ตาย เห็นไหมผู้หญิงคนนั้นตาย เขาก็เอา เผาไฟ ไฟก้ไหม้หมด ไหม้หัว ไหม้หน้าตา ที่สวยงามๆ ไหม้แขน ไหม้มือ ไหม้ตัว ไหม้ขา ไหม้แข้ง ไหม้ตีน ไหม้หมด ทั้งหนังเนื้อเส้นเอ็นและกระดูก แม้แต่ตัวเขา ก็เอาอะไรไม่ได้ มีวัตถุข้าวของเงินทองมากมายได้อะไร ใจรู้ไหม ใจเห็นไหม ใจนี้มันตายไหม ถ้าใจมันตาย ไปด้วยกัน เอาไปเผาหมดทั้งกาย ทั้งใจเห็นจะดี ไม่มีกาย ไม่มีใจแล้ว เห็นจะไม่มี ทุกข์ยากลำบากอะไร แต่ในหนังสือธรรมะ ท่านว่า ใจไม่ตาย กายตาย ใจไปเกิดอีก เป็นนั่นเป็นนี่ เป็นเรื่องของกรรม ถ้าทำกรรมดี ใจก็ไปเกิดที่ดี ถ้าทำกรรมชั่ว ใจก็ไปเกิดที่ชั่ว
    เมื่อมีความเห็นอย่างนี้ใจก็น้อมไปในการเจริญกรรมฐานมากขึ้น ตายไม่ได้อะไร สึกไปทำไมา ถ้าสึกไปเอาเมีย เมียมัน ก็ตาย ตัวเราก็ตาย คนทั้งโลกตายกันทั้งนั้น ไม่มีใครได้อะไร สมบัติเครื่องใช้ในโลกชั่วคราว ดูซิ เศรษฐีมีเงิน ร้อยล้านพัน ล้านตายลง บาทเดียวก็เอาไม่ได้ ในเวลามีชีวิตอยู่ลุ่มหลงมัวเมาหาแต่วัตถุ ข้าวของเงินทอง เมาเสียจนมืด สิ้นบุญกุศล จะให้ทานก็กลัวแต่มันจะหมด เรื่องหมดไม่ชอบ ชอบแต่เรื่องร่ำรวยมั่งมี ยิ่งมียิ่งตระหนี่ขี้เหนียว เศรษฐีบางคนเอาทรัพย์ไปซ่อนไว้ เอาไปฝังไว้ กลัวลูกหลานเขาจะแย่งเอาไป เวลาตายก็ไปเป็นผี เฝ้าเงินเฝ้าทอง ยิ่งทำโทษหนักให้แก่ตัวเอง เพราะหลงมืดมน ไม่สนใจในธรรมะ จึงไม่รู้จักประโยชน์การใช้เงิน
    ในใจมันหลงมัวเมา ในกิเลสกามและวัตถุกาม จนมืดมนอนธการ หลงบ้านเรา หลงผัวเรา หลงเมียเรา หลงลูกเรา หลงหลานเรา หลงญาติมิตรพี่น้องเรา ใจเมาในสังขารจนตาย ก็ไปเกิดกับสังขารอีก เป็นอย่างนี้มาหลายร้อยหลายพันกัปมาแล้ว ยังหลงต่อ ไปในอนาคต
    คนคงจะระลึกได้รู้ใจละมั้ง ไม่ว่าแต่วัตถุข้าวของเงินทองภายนอก ตัวของคุณนี้แหละ ตายจริงๆนะ ถือเอาอะไรเลย ก็ไม่ได้ในาร่างกายนี้ ใช้รอเวลาเท่านั้นแหละ ใจอย่าไปลุ่มหลงมัวเมามันนัก ใจที่ไม่ตายนี้ มีทรัพย์สมบัติอะไรบ้าง
    อริยทรัพย์ สัทธาธนัง ใจมีไหม
    อริยทรัพย์คือศีลธนัง ใจมีไหม
    อริยทรัพย์คือหิริธนัง ในมีไหม
    อริยทรัพย์คือ โอตตัปปธนัง ใจมีไหม
    อริยทรัพย์คือ สุตธนัง ใจมีไหม
    อริยทรัพย์คือ จาคธนัง ใจมีไหม
    อริยทรัพย์คือ ปัญญาธนัง ใจมีไหม

    ถ้าใจมีอริยทรัพย์ท่านเรียกว่า ใจไม่จน
    ถ้ามีโภคทรัพย์ข้าว ของเงินทอง บ้านเรือน เรือกสวนไร่นา อันเทรัพย์เครื่องใช้ในโลก ใจเอาไม่ได้ ร่างกายตายแล้ว ก็ทิ้งไว้ในโลกทุกคน จะตายกันหมดทุกคน จะไม่ได้อะไร แม้ขันธาธิโลก ก็ทิ้งเอาไว้ในโลก ฉะนั้นท่านผู้รู้จึงเตือนเอาไว้ว่า อย่าประมาทตาย ตายนะ รีบกินรีบใช้ รีบทำบุญ เดี๋ยวตาย อย่าไปมัวอ้างกาล อ้างเวลาอยู่
    ในปีแรกนี้ การศึกษาธรรมะ การเล่าเรียนก็ดำเนินต่อไปเพราะได้คติธรรม คือ มรณานุสติ สอนใจ เมื่ออยู่จำพรรษา วัดป่าคึมชาติ จนออกพรรษาแล้ว ก็ได้กราบลาท่านอาจารย์ ์ไปเยี่ยมโยมบิดา มารดาที่บ้านแฮด ก็ได้พักที่วัดป่า มีหลวงพ่อ อิสสโร ท่านอยู่ที่นั้น เมื่อพักอยู่ที่นั้น ก้ได้ฟังธรรมจากท่าน แนะนำสั่งสอนมีหลายอุบาย แต่อารมณ์กรรมฐาน ท่านใช้ กายคตาสติ กับพุทโธ ใจบริกรรมพุทโธ แล้วพิจารณา ในอาการสิมสิบสอง พิจารณาในความเป็นของปฏิกูลบ้าง พิจารณาความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ อนัตตาบ้าง
    ครั้นอยู่ต่อมา ท่านก็เป็นโรคเท้าบวม หลังเท้าของท่านบวมเป็นหนอง เดินไปมาลำบาก การถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะต้องใช้กระโถน ญาติโยมช่วยหายามารักษา ท่านทั้งยาทา ทั้งยากิน ทั้งยาประคบ แต่อาการไม่ทุเลา อาการบวมพองกลัดหนองข้างใน ฉันก็ไม่ค่อยได้ นอนก็ไม่ค่อยหลับ เราก็ได้เฝ้าดูแลการรักษพยาบาลท่าน มาในคืนหนึ่ง ปรากฏอาการเจ็บปวดรุนแรงมาก เราก็เอายาทาให้และช่วยตักเตือนท่าน ให้ระลึกพุทโธ และเตือนท่านให้ละความยึดมั่นถือ มั่น บางครั้งเราก็เป่าให้ท่าน แต่รู้สึกว่า อาการของ โรครุนแรงมาก เท้าที่แตก หนองไหลออกมา แทนที่ว่าอาการจะเบาลง กลับกำเริบแรงกล้า จนถึงเท่านสิ้นลมหายใจตายลงในคืนนั้นเอง
    พระเณรที่เฝ้าอยู่และญาติโยมได้เห็นก็เกิดสังเวชสลดใจ จนถึงเวลาเช้า ก็ไปบอกญาติโยม ทางในบ้าน และส่งข่าวไปถึง ท่านอาจารย์สีโห ท่านก็ได้พาพระเณร มาจากวัดป่าสุมนามัย อำเภอบ้านไผ่ เมื่อท่านมาแล้วก็ได้บอกให้โยมทำหีบ เมื่อทำ เสร็จแล้ว ก็เอาขึ้นมาที่ศาลา เพราะท่านพักอยู่ศาลา ทำพิธีรดน้ำศพแล้วก็เอาศพของท่านบรรจุลงในหีบ ทำพิธีสวดมติกา และชักอนิจจา ต่อมาเมื่อคณะสงฆ์มีท่านอาจารย์สีโห เป็นประธาน พร้อมพระเณร ญาติโยม ก็ได้พากันทำฌาปกิจ ที่วัดนั่นเอง เวลาจูงศพท่านไปขึ้นเชิงตะกอน แล้วทำพิธีชักผ้าบังสุกุลเสร็จ ก็พากันใส่ดอกไม้จันทน์แล้วก็เผาที่นั่นเอง
    ขณะที่เผาศพของท่าน ก็ได้ยืนดูพิจารณาไฟที่ไหม้ ไหม้กระดาษ ไหม้โลงพังออก เห็นตัวท่านไฟไหม้ผ้าจีวรที่คลุม ไหม้สบง ไหม้อังสะ ไหม้หัว ไหม้หน้า ไหม้ตา ไหม้หู ไหม้จมูก ไหม้ปากและไหม้ลำคอ ไหม้แขน ไหม้มือ ไฟไหม้อก ไฟ ไหม้ลำตัว ไฟไหม้หลัง ไฟไหม้สีข้างทั้งสอง ไฟไหม้ท้อง ไฟไหม้ขา ไฟไหม้แข้ง ไฟไหม้หนัง แล้วก็ไหม้เนื้อ ไหม้เข้าไปใน เส้น ไหม้ม้าม ไหม้เนื้อหัวใจ ไหม้ตับ ไหม้ไต ไหม้ไส้พุง มีเลือด น้ำเหลืองหลั่งไหลออกมา ไฟก้ไหม้ไปจนหมดเหลือแต่ กระดูกขาว กองอยู่ ปนกับถ่าน
    นี้แลหนอจุดจบของร่างกาย ไม่ว่าคน ไม่ว่าสัตว์ ตายแล้วไม่เผากัฝัง มองเห้นเด่นชัดว่า ตายไม่ได้อะไร จบลงแค่ตาย จบลงแค่เผา แค่ฝัง หมดทุกข์ เรื่องบริหารร่างกาย ไม่ต้องกินข้าวกินน้ำ ไม่ต้องทำงานทำการ ข้าวของเงินทอง บางคนหา ไว้เยอะ เมื่อยังไม่ตาย เมื่อตายแล้ว เอาอะไรไม่ได้ ฉะนั้นนักปราชญ์บัณฑิต จึงเตือนให้ระลึกถึงบุญ ตรวจตรองบุญว่า บุญ บารมีเราพอหรือยัง ถ้ายังไม่พอ ให้รีบทำนะ เดี๋ยวตาย จะเสียใจว่า ไม่ได้ทำบุญ ผู้จะรับผลบุญผลบาป ก็คือใจที่ไม่ตาย เมื่อ พิจารณาเขาก็มาพิจาณาเราตายเหมือนกัน ล่วงพ้นความตายไม่ได้ ก่อนความตายมาถึง ต้องรวบรวมบุญ กุศลมรรคผล ให้ถึงพร้อมภายในใจ
    เมื่อเสร็จสิ้นการทำฌาปนกิจเศษอัฐิธาตุของท่านแล้ว ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลอีกครั้งสุดท้าย อุทิศส่วนบุญกุศลไปให้แก่ ท่านอีก ครั้นต่อมา พระเณรครูบาอาจารย์ที่ท่านมาในงาน ท่านกลับไปวัดท่านยังเหลืออยุ่สามรูป ก็มีแต่พระบวชใหม่ เพิ่ง ได้พรรษาเดียว จิตใจก็หว้าเหว่ นึกหาครูบาอาจารย์อีก เพราะตนยังเป็นผู้ศึกษาอยู่ทั้งทางปริยัติและทางปฏิบัติ ก็คิดจะลาญาติ โยมไปจังหวัดอุดร จึงได้ไปหาโยมบิดา เล่าความประสงค์ให้ท่านฟัง โยมบิดา บอกว่าจะเอานาไว้ให้ จะเอาสวนให้ จะเอา วัวให้ จะเอาควายให้ ถ้าสึกออกมา ก็จะหาภรรยาให้ จะมอบทรัพย์สมบัติให้ ก็เลยพูกับท่านว่า พ่อ ไม่ต้องห่วงอาตมา ถ้า อาตมาอยู่ในศาสนาไม่ได้ สึกออกมา จะหาเอาเอง ถ้าหาเอาเองไม่ได้ จะพามันกินดิน ได้พูดกับท่านอย่างนี้ และได้บอกท่านว่า เอาขายเสียให้หมด แล้วเอาเงินไปทำบุญ โยมพ่อเองก็ให้ออกบวชเสีย
    เมื่ออาตมาพูดท่านก็ฟัง แล้วท่านก็พูดออกมาว่า จะขายให้หมดแล้ว จะออกบวช เมื่อได้พูดปรับเความเข้าใจกันแล้ว อาตมาก็ลาท่าน พ่อไปส่งที่สถานีรถไฟบ้านแฮด อาตมาก็ขึ้นรถไฟไปอุดร ไปขอจำพรรษาที่วัดทิพยรัตน์ มีท่านอาจารย์ฐิน เป็นเจ้าอาวาส เมื่อจำพรรษาที่วัดทิพย์รัตน์ ก็ได้เรียนนักธรรมโท และท่องสวดมนต์แปลด้วย และได้ท่องปฏิโมกข์ด้วย จนออกพรรษาได้ทราบข่าวว่า หลวงปู่ชอบ จำพรรษาอยู่หนองวัวซอ จึงคิดว่าจะไปกราบนมัสการท่าน เพื่อขอฟังธรรมคำสั่ง สอน จึงได้ไปขออนุญาติท่านอาจารย์ฐิน ก็เลยเตรียมเอาบริขารของตน ลาท่านเดินทางไป
    เมื่อถึงวัดบ้านเล่า ท่านอาจารย์แพท่านเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็เลยพูดให้ฟัง ว่าหลวงปู่ชอบ ท่านขึ้นไปเชียงใหม่แล้ว ไม่ทัน ก็เลยลาท่านอาจารย์กลับมาวัดทิพย์อีก จนรับกฐินเสร็จ ก็ได้ลาท่านอาจารย์ฐิน บอกท่านว่า จะไปเชียงใหม่ เพื่อตาม หาหลวงปู่ชอบ ก็ได้ออกเดินทาง ผ่านบ้านตาดไปอำเภอผือ ไปขอพักที่วัดป่าอำเภอผือ มีอาจารย์บุญมา อยู่ที่นั่น เริ่มสวดปาฏิโมกข์ ครั้งแรกที่วัดป่า อำเภอผือนั้น
    ครั้นวันหลังต่อมา ก็ได้ลาอาจารย์บุญมา ออกเดินทางไปพักวัดบ้านค้อ มีอาจารย์คำมีอยู่ที่นั่น ได้พักที่วัดป่าบ้านค้อ หลายวัน ต่อมาก็ได้ลาอาจารย์คำมี เดินทางต่อไป พักที่พระบาทบัวบก ต่อมาก็ย้ายไปพักที่ถ้าพระนาผักหอก พักภาวนาอยู่ที่ นั่นหลายวัน ต่อมาก็ได้ไป พักที่บ้านคึมสะโนด มีบ้านสามหลัง ตอนในพรรษา หลวงปู่หล้า ท่านได้จำพรรษาที่นั้น เมื่อ ออกพรรษาแล้ว ท่านก็ย้ายไปอยู่ถ้ำพระนาหลวง ก็คิดจะไปกราบนมัสการ เพื่อขอฟังธรรม ข้อปฏิบัติจากท่าน ต่อมาก็ได้ลา โยมที่นั่นเดินทางไปพักที่บ้านน้ำซึม ต่อมาก้ได้ไปพักที่บ้านนาเก็น โยมบ้านนาเก็นนี้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น คนหนึ่งชื่อผู้ใหญ่เหี่ยว ไปเห็นที่ไร่ที่นาดี ก็เลยสึกมีครอบครัวอยู่ที่นั่น
    ก็ได้พักภาวนาอยู่ใกล้บ้านนาเก็น เขาไปทำที่พักให้ข้างทางช้าง ช้างออกจาดงมาก็มากินน้ำ สมัยนั้นสี่สิบกว่าปีมาแล้ว ช้าง เสือ กวาง ฟาน หมู ไก่ป่า อย่างนี้ชุกชุม โยมเาทำที่พักข้างทางช้าง เขาจะลองดูว่าอาตมาจะกลัวไหม บุญรักษาอาตมา ก็มีคำว่าบริกรรมภาวนา พุทโธ พุทโธ เท่านี้เป็นอารมณ์อยู่ภายในใจ แต่ปรากฏว่าช้างไม่ลงมากินน้ำ ช่วงที่อาตมาพักภาวนา อยู่ที่นั้น พักภาวนาอยู่หลายวัน ก็เลยลาโยม เดินทางไปบ้านสว่าง ที่วัดป่าบ้านสว่างนั้น มีหลวงปู่จันทร์อยู่ หลวงปู่จันทร์ ท่านก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น พักภาวนาอยู่กับท่านหลายวัน เลยขอให้โยมเขาพาไปหาหลวงปู่หล้า ที่ถ้ำพระนาหลวง ท่านได้ย้ายไปอยู่ที่ถ้ำผาตัก ขอให้โยมไปส่ง เขาไม่รู้จักก็เลยไม่ได้พลหลวงปู่หล้า จึงได้กลับมาพักที่วัดป่าบ้านสว่างอีก
    %B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87.jpg
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    เมตตาเสด็จทรงเป็นองค์ประธานในพิธีฉลองอุโบสถ วัดถ้ำผาผึ้ง บ้านถ้ำผาผึ้ง ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ โดยมี “พระอาจารย์บุญจันทร์ จนฺทวโร” (องค์ขวาสุด)

    และหลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร ตลอดจนคณะพระภิกษุมาร่วมกันถวายการต้อนรับ
    ต่อมาได้ลาหลวงปู่จันทร์ เดินทางผ่านบ้านปากลาง เดินทางผ่านดงปากเจียง ในดงนนี้มีช้างมาก มีช้างสีดอตัวหนึ่ง ไม่กลัวคน เห็นคนมันจะไล่ โยมเขาบอกว่า ครูบาเดินผ่านดงนี้ ให้ระวังช้าง ถ้าเห็นช้างหมู่ให้เป่ามือ มันจะแตกหนีไป ถ้าเห็นช้างสีดอ ให้หลบให้ดีมันจะไล่ เราก็มีของดีคือ พุทโธ ไม่ต้องกลัว พุทโธป้องกันภัยอันตรายทุกอย่าง เดินไปจนเป็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่า จึงข้ามพ้นจากดง ไปถึงบ้านหนอง บ้านนี้อยู่ฝั่งโขง ก็เดินผ่านบ้านหนองไปใกล้จะถึงบ้านหาดเบี้ย จึงพักปักกลด นอนจนถึงรุ่งเช้า บิณฑบาตบ้านหาดเบี้ย โยมใส่บาตรดีเหลือเกิน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ เมื่อฉันแล้วล้างบาตร เช็ด บาตรแห้งดีแล้ว ก็เอาผ้าครอง สิ่งของเอาใส่ในบาตร เตรียมเดินทางต่อไป

    จำพรรษาที่ลำปาง คือ วัดป่าสำราญนิวาส เกาะคา ลำปาง ขณะที่ท่านนั่งทำสมาธิอยู่นั้น มีคนวิกลจริตเดินเข้ามาในวัด ถือมีดมาไล่ฟันคนในวัด ผู้คนแตกตื่นกันหมด ยิ่งไปกว่านั้น คนวิกลจริตผู้นั้นวิ่งตรงเข้าไปหาโยมแม่ของท่าน ซึ่งปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่น ท่านได้ยินเสียงอึกทึกจึงออกมาดู ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นในวัด คนวิกลจริตผู้นั้นวิ่งเข้าไปที่กุฏิโยมแม่ของท่าน แล้วเงื้อมีดฟันลงที่คอโยมแม่เกือบขาด โยมแม่สิ้นใจต่อหน้าของท่าน ขณะที่เข้าไปช่วย ปรากฏว่า เมื่อภาพอันเสียดแทงใจทำลายจิตใจของมนุษย์ปุถุชนอย่างรุนแรง เมื่อท่านเห็นแล้วท่านพิจารณาและหันหลังกลับไปที่กุฏิของท่าน ภาวนาเพื่อดับความสลดสังเวชอย่างสงบ
    เมื่อเริ่มแรกที่ท่านมาสร้างวัดถ้ำผาผึ้งใหม่ๆ ท่านต้องระเบิดหินเพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างวัด และทางเดิน ท่านไม่ได้ใช้ระเบิดลูกเกลี้ยง แต่ท่านใช้ไดนาไมต์มาระเบิดหิน พอวางชนวนเสร็จท่านก็เดินออกไป
    น่าแปลกใจ ระเบิดไม่ทำงานสักที ท่านจึงเดินไปดู พระเณรที่อยู่ด้วยก็เฉย ไม่ไปด้วย คิดว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อท่านเดินไปถึงจุดฝังไดนาไมต์ ระเบิดก็ทำงานทันที เสียงระเบิดดังบึ้มๆๆ สนั่นหวั่นไหว ฝุ่นฟุ้งตลบเป็นวงกว้าง พระเณรต่างตาลีตาเหลือกมองหน้ากัน ท่านเดินออกมาเอามือปัดอังสะสองสามที ไม่เป็นไรเลยแม้แต่น้อย
    หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร วัดถ้ำผาผึ้ง อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ผู้ที่ได้รับฉายาจากองค์ท่านหลวงปู่ชอบว่า “พระอรหันต์ผู้ประเสริฐดั่งพระจันทร์วันเพ็ญ“
    หลวงปู่ชอบท่านเล่าเรื่องหลวงปู่บุญจันทร์วัดถ้ำผาผึ้งเชียงใหม่ให้ฟัง ท่านบอก ท่านบุญจันทร์เป็นลูกศิษย์เราอีกองค์หนึ่งที่รู้ธรรมเร็วตั้งแต่พรรษาเจ็ด เราอยู่บ้านหนองอ้อกับท่านอาจารย์ขาว

    เรานิมิตเห็นช้างเผือกมาหมอบลงต่อหน้าเอาดอกไม้ธูปเทียนถวายเรา เราพูดเรื่องนี้ให้อาจารย์ขาวฟัง อาจารย์ขาวท่านบอกอาจารย์ชอบจะได้ช้างเผือกมาเลี้ยงอีกเชือกหนึ่ง..
    ไม่กี่วันท่านบุญจันทร์ก็มาหาเรา ตอนค่ำวันนั้นเราเดินจงกรมอยู่ข้างที่พักเห็นท่านบุญจันทร์แบกบาตรสะพายกลดเข้ามาหา ท่านถามเราว่าอาจารย์ อาจารย์ชอบท่านพักอยู่นี่บ่ เราก็บอกเรานี่แหละคืออาจารย์ชอบ ท่านบุญจันทร์คุกเข่าลงพนมมือไหว้เรา..
    เราถามไปจั่งใด๋มาจั่งใด๋ถึงได้มาหาเราถึงที่นี่ ท่านบุญจันทร์บอกข้าน้อยมาจากเมืองขอนแก่นตั้งใจจะมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านอาจารย์อ่อนบอกว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาพักอยู่ที่นี่ข้าน้อยเลยตามมาหา ตอนท่านจันทร์มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์เรา ท่านจันทร์พรรษาสี่(หน้าหนาวต้นปี ๒๔๙๔)..
    ท่านจันทร์เล่าเรื่องภาวนาให้เราฟัง จิตท่านจันทร์สว่างนิ่งมาสามสี่ปีหาทางออกไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะออกจากอาการที่จิตเป็นแบบนี้ได้..
    เราบอกนี่จิตท่านมันเป็นสมถะเต็มภูมินะ จิตเป็นแบบนี้ยังไม่พ้นทุกข์ ภูมิชั้นนี้ยังเป็นภูมิโลกไม่ใช่ภูมิพระ ภูมิแบบนี้ฤษีชีไพรก็เป็นได้เหมือนกัน เราก็บอกท่านจันทร์ให้ถอนจิตออกมาจากชั้นอัปปนาสมาธิ

    ให้ทรงจิตอยู่กึ่งกลางระหว่างอัปปนากับอุปจาระ หมุนจิตเข้ามาพิจารณาในกายของตน พิจารณากายส่วนไหนก็ได้ตามที่นิสัยของจิตมันชอบ ให้พิจารณาเข้าออกๆอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจิตมันจะชำนิชำนาญแตกฉานในอสุภกรรมฐาน..
    จิตท่านจันทร์จะชำนาญในการพิจารณากระดูก ท่านจันทร์พิจารณากระดูกจนแตกละเอียดอยู่ถ้ำปากเปียงเชียงใหม่ ท่านจันทร์ถามเราว่า
    ข้าน้อยพิจารณากระดูกจนแหลกป่นปี้หมดแล้ว
    เราก็ถามว่าได้กำหนดตั้งรูปมันขึ้นมาพิจารณาอีกบ่
    ท่านจันทร์บอกข้าน้อยกำหนดขึ้นมาเป็นรูปได้ พอจะพิจารณากระดูกทั้งหลายก็แตกสลายป่นปี้ไปหมด มันจะพังพาบๆอยู่อย่างนี้..
    เราบอกท่านจันทร์ ท่านพ้นกามในสิ่งที่เป็นของหยาบไปได้แล้ว ถึงท่านจะกำหนดรูปขึ้นมาได้ พอเดินปัญญาเข้าไป สิ่งเหล่านี้ก็จะพังพาบลงทันที เพราะจิตมันขาดกันไปแล้วกับธรรมส่วนที่เป็นของหยาบ จิตท่านพ้นจากรูปธรรมที่เป็นของหยาบไปแล้ว ต่อไปให้พิจารณาในส่วนที่เป็นนามธรรมซึ่งเป็นของละเอียด..
    ให้ท่านจับเงื่อนเวทนาเข้าไปให้เห็นสัญญา พิจารณาสัญญาเข้าไปให้เห็นสังขาร พิจารณาสังขารเข้าไปให้เห็นวิญญาณ พิจารณาวิญญาณเข้าไปให้เห็นอวิชชาปัจยการ เมื่อเห็นอวิชชาปัจยการแล้ว ทุกอย่างมันจะถูกมหาสติมหาปัญญาทำลายลงไปทั้งหมด จิตจะเป็นธรรมธาตุยิ่งใหญ่..
    ถึงตอนนั้นท่านบ่ต้องไปถามใครอีกแล้วว่าท่านเป็นอะไร..
    หลังจากองค์ท่านหลวงปู่ชอบให้อุบายธรรมแก่ หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร ท่านก็มาพักอยู่ที่สำนักสงฆ์ห้วยน้ำริน หลวงปู่บุญจันทร์ท่านรับเอาอุบายธรรมจากองค์ท่านหลวงปู่ชอบไปปฏิบัติ
    หลวงปู่บุญจันทร์ท่านพิจารณาในนามธรรมซึ่งเป็นธรรมอันละเอียดอ่อนอยู่ห้าหกเดือน..
    หลวงปู่บุญจันทร์ ท่านก็บรรลุมรรคผลเป็นพระอรหันต์ “ฉฬภิญโญ” เมื่อปีพุทธศักราช พ.ศ.๒๔๙๖ ที่ วัดถ้ำปากเปียง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่..
    เรื่องนี้หลวงปู่ชอบท่านย้ำให้บันทึกไว้ ท่านบอกต่อไปถ้าเราตายไปแล้วท่านจะถามใครไม่ได้อีกในเรื่องภาคปฏิบัติ..


    ๒๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๖ ที่ห้องพักหลวงปู่ชอบศาลาบำเพ็ญกุศลวัดป่าโคกมน

    B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%BA%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A3.jpg

    หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร วัดถ้ำผาผึ้ง อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่

    หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร ท่านได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๓ สิริอายุ ๗๔ ปี

    หลวงปู่บุญจันทร์ จันทวโร ท่านเป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งที่อัฐิ, เกศา เป็นพระธาตุเฉกเช่นเดียวกับพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านอื่นๆ ปฏิปทาของหลวงพ่อบุญจันทร์ ท่านมุ่งเน้นไปในทางอบรมสั่งสอนธรรมะให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนญาติโยมที่มากราบนมัสการเป็นสำคัญ

    %B8%81%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3.jpg

    พระธาตุหลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร แปรสภาพจากเถ้าอังคาร
    %B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8.jpg
    อัฐิธาตุหลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร กำลังแปรสภาพเป็นพระธาตุ
    %B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8.jpg
    เกศาหลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร กำลังแปรสภาพเป็นพระธาตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2021
  19. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16,143
    ค่าพลัง:
    +1,341
    รายการที่ 7667

    ล็อกเก็ตตัดรุ้ง พิมพ์ใหญ่ ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง ปี 45


    “พระครูวรวุฒิคุณ” หรือ “หลวงปู่ครูบาอิน อินโท” หรือ “ครูบาฟ้าหลั่ง-ฟ้าลั่น” อมตะมหาเถราจารย์แห่งนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ผู้สูงยิ่งด้วยศีล จริยาวัตร และพุทธาคม เชี่ยวชาญสรรพวิชาตามตำราโบราณล้านนา จนเป็นที่ประจักษ์ทั่วไป ดังคำกล่าวของบรรดาพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ว่า

    “ขอเธอจงไปกราบครูบาอินที่เชียงใหม่และขอศึกษาวิชาจากท่านให้ดีๆ เถิด ท่านเป็นพระผู้เก่งกล้าสามารถมากจริงๆ” เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม บ้านบ้านเเค ตำบลบางขุด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

    “ดีอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว พระของครูบาอิน ไม่ต้องเสกอะไรอีกแล้ว” เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

    “จิตของครูบาอิน ประภัสสรยิ่งแล้ว” เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อชม วัดโป่ง จังหวัดชลบุรี

    “ครูบาอิน ท่านมีจิตมีจิตบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งเลยทีเดียว” เป็นคำกล่าวของครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

    “หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งนั้น ดีที่หนึ่งเลย” เป็นคำกล่าวของหลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

    “ครูบาอินท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบนะ” เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต บ้านลูกกลอน ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ฯลฯ
    จำนวนการสร้าง ล็อกเกตใหญ่ หลังบรรจุ ตะกรุดเงิน เกศา ชานหมาก จีวร พร้อมห่วง 600 องค์ (มี 3 สี สีละ 200 องค์)


    คุณ j999 บูชาแล้วครับ

    Clip_36.jpg Clip_37.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2021
  20. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,968
    ค่าพลัง:
    +5,381
    ขอจองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...