รู้จากตำราความรู้เอาไปละกิเลสไม่ได้

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 9 กรกฎาคม 2014.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    10 ข้อห้ามฮวงจุ้ยห้องนอน

    ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวนี้หลายครอบครัวต่างมุ่งหน้าเดินทางออกต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนและหากิจกรรมต่างๆทำร่วมกัน สำหรับท่านที่ไม่ได้เดินทางไปไหนในช่วงวันหยุดนี้อาจารย์ขอส่งบทความและสาระดีๆถึงบ้านกันเหมือนเช่นเคย
    ในบทความตอนนี้อาจารย์ขอหยิบยกฮวงจุ้ยที่ใกล้ตัวและมีผลกระทบต่อคนที่อยู่อาศัยมาฝากในตอน
    " 10 ข้อห้ามฮวงจุ้ยห้องนอน " จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามพร้อมๆกันเลยครับ

    1. ห้ามหันหัวเตียงนอนไปยังทิศตะวันตก
    เพราะ ทำมาหากินลำบาก ค้าขายไม่ดี เจ็บป่วยไข้
    2. ห้ามนอนใต้คาน
    เพราะ ชีวิตนี้จะลำบาก หากินยาก เงินทองไม่พอใช้
    ในกรณีคนตั้งครรภ์อาจแท้งได้ คนปกติเจ็บไข้บ่อย
    3. ห้ามทำราวตากผ้าหรือกองผ้าสูงเกินคนนอน
    เพราะ เจ็บป่วยไข้ งานการถดถอย ทะเลาะเบาะแว้ง
    4. ห้ามปลูกต้นไม้(ที่มีดิน) ไว้หัวเตียง
    เพราะ อายุจะสั้น เจ็บป่วยบ่อยครั้ง สามวันดีสี่วันไข้
    5. ห้ามปลูกหรือประดับไม้หนาม ไว้หัวเตียง
    เพราะ ทะเลาะเบาะแว้งบ่อยครั้ง ทำมาหากินติดขัด
    6. ห้ามวางเก้าอี้หรือโซฟาหันเข้าหาเตียงนอน
    เพราะ เจ็บป่วยบ่อย เหมือนมีคนมานอนเฝ้าไข้
    7. ห้ามนอนตรงประตู
    เพราะ ชีวิตจะลุ่มๆดอนๆ สร้างเนื้อสร้างตัวลำบากการค้าหามาได้เท่าไรก็ไม่เหลือเก็บ เงินหมุนไม่ดี
    8. ลักษณะของเตียงนอนต้องไม่เล็กจนมือตกขอบ
    เพราะ เปรียบเหมือบการนอนของคนตาย
    9. ห้ามวางของมีคมไว้บนหัวนอนหรือหัวเตียง
    เพราะ จะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง มีปากเสียงรุนแรง
    10. ห้ามวางหรือตั้งวัตถุหนักเหนือศรีษะ เช่น แอร์
    เพราะ ชีวิตนี้จะต้องแบกรับภาระหนักตลอดไป ไม่มีความสุข การเงินไม่คล่องตัว สุขภาพย่ำแย่

    ทั้ง 10 ข้อห้ามที่อาจารย์นำมาบอกเล่าในวันนี้ถือเป็นว่าเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันหากปัจจุบันเรามีข้อไหนอยู่ก็ลองหาโอกาสปรับแก้ไขกันดูนะครับ กลับมาพบกับอาจารย์ได้ใหม่ในตอนหน้าสำหรับค่ำนี้สวัสดีครับ
    ซินแสอาจารย์ปิติณัฐ พรรณวงค์

    เครดิต : https://www.facebook.com/FengShuiPitinat/posts/1654480958152152:0
     
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    ครูบาศรีวิชีย องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
    1.ครูบา ศรีวิชัย
    2.ครูบา ขาวปี (ซ้าย)
    3.ครูบา ชัยวงศาพัฒนา
    วัดแสงแก้วโพธิญาณ จังหวัด เชียงราย
     
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ข้าพเจ้าคิดว่า บุญเก่ามีพอควร ทำให้ไม่มีกรรมเวรด้านคู่ครอง

    ด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลหนุนนำ ทำให้ข้าพเจ้าเป็นโสดมายาวนาน และคิดว่าคงไม่มีกรรมเวรด้านคู่ครอง ก็เป็นการดีอย่างหนึ่ง เพราะไม่มีพันธะ ไม่มีห่วง

    การไม่มีเมีย หรือไม่มีลูก ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วง อยากทำอะไร ก็ทำได้ตามสบาย

    หมอดูท่านหนึ่งเคยทายทักว่าข้าพเจ้าจะได้เจอคู่ครองในปี 2558 หรือ 2559 ผมก็รอดูมาใกล้กลางปี 2559 แล้ว ยังไม่มีวี่แวว และคิดว่าอย่าไปเชื่อหมอดูมากนัก หมอดูทำนายพลาดก็เยอะ และหมอดูส่วนใหญ่ก็เปิดดวงผมได้แค่บางส่วนเท่านั้น อาจเพราะหมอดูบารมีถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้

    ในหน้าที่ 9 ของกระทู้นี้ ในโพสต์ที่ #180 การได้สนทนากับผู้มีบารมีมากท่านหนึ่ง ผมเคยคุยกับเขาว่าช่วยดูเรื่องสุขภาพให้ผมหน่อย และผมมีบางสิ่งที่คนทั่วไปไม่มี ในค่ำคืนนั้นและอีกค่ำคืนหนึ่ง เขาก็ส่งจิต-ส่งญาณเข้ามาดูผม ในตอนเช้าผมตื่นมา ก็รู้สึกสับสน งงพอควร เหมือนกับผู้มีบารมีท่านนี้พยายามดู ต่างๆ นาๆ เขาคงดูไม่ค่อยออก ทำให้ตอนเช้าผมตื่นมาแบบงงๆ มึนพอควร

    ผู้มีบารมีท่านนี้ เล่าว่าได้เคยไปออกงาน ดูดวงฟรี ซึ่งนานๆ ที เป็นแบบหมอดูจิตอาสา เขาเล่าว่ามีท่านหนึ่งเข้ามาดูดวงกับเขา กล่าวว่าอยากขายที่ดิน แต่ขายไม่ได้สักที เมื่อผู้มีบารมีท่านนี้ดูให้ ก็บอกว่าขายไม่ได้ เพราะเจ้าที่ไม่ยอม คนที่มาดูบอกว่าแล้วจะเชื่อได้อย่างไร ว่าดูแม่น สักพักเขาก็หลับตา และกำหนดจิตไปยังสถานที่ดินของคนที่มาดูดวง และบอกว่าอยู่ใกล้ชายทะเล ได้บอกลักษณะสถานที่ คนที่มาดูก็ยิ้มและบอกว่าใช่ค่ะ เพราะสถานที่นั้นเป็นที่ดินแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2016
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    คัมภีร์กฎแห่งกรรม 3 ชาติ ได้บันทึกไว้ว่า “สามีภรรยา " มีกรรมร่วมกันมา ไม่ว่าจะกรรมดี หรือกรรมชั่ว ถ้าไม่มีกรรม ร่วมกันมา ก็ไม่อาจอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันได้ " บุตรธิดา " คือ หนี้ ไม่ว่าจะเป็นทวงหนี้ หรือชดใช้หนี้ ไม่มีหนี้ ไม่มาเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูกกัน”

    ดังนั้น สามีภรรยา ที่มีกรรมดีร่วมกันมา ย่อมสมานสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ส่วนสามีภรรยา ที่มีกรรมชั่ว ร่วมกัน มาแต่อดีตชาติ ย่อม ทะเลาะเบาะแว้ง บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่อาจอยู่ร่วมกัน จนวันตาย

    ส่วน " บุตรธิดา " ที่มาทวงหนี้ เป็นลูกที่ไม่เอาไหน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจไม่ วายเว้น " บุตรธิดา " ที่มาใช้หนี้ จะสำรวมระวัง รู้คุณทดแทนคุณ ไม่กล้า ทำให้พ่อแม่ ชอกช้ำใจ ชาวโลก ทุกคน เกิดมาต่างหนีไม่พ้น พบ พราก สุข ทุกข์ เศร้า อภัย แค้น รัก ชัง นี่คือผลแห่งของกรรม ปลูกเหตุเช่นไร ย่อมได้ลิ้มผลเช่นนั้น ไม่ว่าจะเหตุใด หรือ ผลใด ล้วนหนีไม่พ้น กฏแห่งกรรมทั้งสิ้น

    1. มาแทนคุณ ด้วยบุญในอดีต ที่ได้สั่งสมร่วมกันมา ด้วยพระคุณที่มีต่อกัน จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกกตัญญู” เขามาเพื่อที่จะทดแทนคุณ เป็นเด็กดี ฉลาด เชื่อฟัง เขาเหล่านี้ไม่มีทาง จะทำอะไรเสียหาย ให้พ่อแม่ต้อง กลัดกลุ้มกังวลใจ

    2. มาล้างแค้น ด้วยกรรมในอดีต ที่ได้สร้างร่วมกันมา จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เมื่อเติบใหญ่ก็จะกลายเป็นลูกล้างผลาญ ทำให้ครอบครัวล่มสลาย เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกทรพี” เขามาล้างแค้น ดังนั้น อย่าได้ผูกเวรไว้กับเขา เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ภายนอก ยังพอป้องกันได้ แต่นี่เกิดมาเป็นลูกหลานในบ้านใน ตระกูลแล้ว จะทำอย่างไรดี ดังนั้น อย่าทำร้ายใคร อย่าฆ่าแกงกัน เพราะต่างคนต่างก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน

    3. มาทวงหนี้ ชาติก่อนหนหลัง พ่อแม่เป็นหนี้ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน หนี้ที่ว่าคือ หนี้เงิน ไม่ใช่หนี้ชีวิต เขาจึงเกิดมาเพื่อทวงหนี้คืน หากเป็นหนี้กันน้อย เกิดมาให้ดูแลปีสองปีเขาก็ตาย เราเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ เมื่อใช้หมด เขาก็ไป ต่อให้คุณรักเขามากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยใส่ใจคุณ หากเป็นหนี้เขาเยอะ เลี้ยงจนเติบใหญ่ จบมหาวิทยาลัย เรียนจบวันนั้น ก็ตายวันนั้น เขาไม่อยู่รับใช้เรา เพราะมาทวงหนี้ หนี้หมดก็จากไป

    4. มาใช้หนี้ชาติก่อนหนหลัง เขาเป็นหนี้พ่อแม่ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน เมื่อเขาเกิดมาในชาตินี้ จึงต้องทำงาน หาเงิน เหน็ดเหนื่อย เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็อยู่ที่ว่า เป็นหนี้พ่อแม่มาก น้อยเพียงใด หากเป็นหนี้มาก ก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นอย่างดี หากเป็นหนี้พ่อแม่น้อย ก็เลี้ยงดูตามอัตภาพเหมือนที่เราเคยพบเห็น เลี้ยงพ่อแม่ประหนึ่งคนรับใช้ในบ้าน เพราะอะไร เพราะมาใช้หนี้กรรม ลูกประเภทนี้ แม้จะเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็หล่อเลี้ยงแค่กาย ไม่หล่อเลี้ยงจิตใจ เลี้ยงดูโดยปราศจากความเคารพ และความกตัญญู ซึ่งต่างจากบุตรที่เกิดมา เพื่อทดแทนคุณ ประเภทนี้ไม่เพียงแต่หล่อเลี้ยงกาย ยังหล่อเลี้ยง จิตใจบุพการี ด้วย

    หลักธรรมในข้อนี้ มิใช่เพียงแค่ลูกหลาน ยังรวมทั้งญาติพี่น้อง และคนรอบข้าง ทั้งหลาย ที่เราได้รู้จัก และเคยได้อยู่ร่วมกันมา หากแต่เป็นเพราะ กรรมที่ก่อกันมา หนักหนา หรือ เบาบาง หากบุญคุณ ความแค้นหนักหนา ก็เกิดมาเป็นสามีภรรยา และลูกหลานพี่น้อง หากบุญคุณ และความแค้นเบาบาง ก็เกิดมาเป็นญาติสนิทมิตรสหาย คุณเดินซื้อของในตลาด อยู่ๆคนแปลกหน้า ก็มายิ้มให้คุณและ คุณก็ยิ้มตอบ ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อน แต่ถ้าคุณรู้สึก ขัดหูขัดตา แถมไม่พอใจ ยังถมึงตา ใส่ฝ่ายตรงข้ามอีก นี่ก็ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อนเมื่อเข้าใจในกฏแห่งกรรม เหล่านี้ เราจะได้ไม่ผูกกรรมด้านดำเพิ่ม แต่จงผูกกรรมด้านขาวซึ่งเป็นกรรมดีจะดีกว่า

    แล้วจะแก้ไขอย่างไร หากเราและลูกหลานผูกกรรมที่ ไม่ดีต่อกันมา แต่ปางก่อนแล้ว คำตอบก็คือ นำพาลูกหลานเข้าวัด หมั่นบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ศึกษาพระธรรม เมื่อต่างฝ่ายต่างศึกษาธรรม ย่อมแปรกรรมร้าย ให้กลายเป็นกรรมดีได้ ย่อมคลายความจองจำ คับแค้นให้สลายคลายลงได้ เช่นนี้ที่เราเรียกว่า "เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต เปลี่ยนร้าย กลายเป็นดี”

    ที่มา : https://www.facebook.com/piyamat.bopim/posts/504031443102791
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2016
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ประวัติชีวิต, ประสบการณ์ชีวิต ส่วนที่ 11

    ผมไปต่อสู้ชีวิตที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลยาวนาน เกือบ 20 ปี พบเจอสิ่งต่างๆ มากมาย

    ประสบการณ์เกือบได้สาวตั้งหลายครั้ง

    1.แรกๆ ที่ผมไปอยู่ที่กรุงเทพ เนื่องจากไปทำงานต่างจังหวัด พักตามโรงแรมทั้งมีระดับ และไม่ค่อยมีระดับ ได้เรียนรู้อะไรพอสมควร เช่น การเขียนบิลเปล่า ค่าลายมือและลายเซ็นต์ แล้วเอาบิลเปล่าไปทำอะไร
    1.1 รักครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่รักครั้งแรกของผม และเป็นรักเพราะความเหงา อยากมีใครสักคน ซึ่งผมเคยเขียนลงในประวัติชีวิต, ประสบการณ์ชีวิต, ความทุกข์ที่ผ่านมาแล้ว (3) ก็คือแอบชอบนักร้องสาวคนหนึ่ง ผมเคยชวนเขาไปที่ภูเก็ต เพราะผมต้องไปทำงานติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อทำงานในวันนั้นเสร็จ ช่วงกลางคืนก็ได้คุยกับนักร้องสาว ผมเข้าไปนั่งคุยกับน้องนักร้องสาวที่ห้องที่ผมเปิดให้เธอ ได้สอบถามพูดคุยประวัติส่วนตัวของแต่ละคน จวบจนราว 4 ทุ่มกว่า จากที่เขานั่งคุยด้วย เขาก็ไปนอนที่เตียง คือนอนคุยกับผม ผมนั่งที่เก้าอี้

    ผ่านไปสักพักน้องเขาคงเบื่อ หรืออะไรก็ไม่รู้ เขารีบลุกขึ้น และบอกว่าอยากนอน พี่กลับห้องได้แล้ว เมื่อผมออกมาอยู่หน้าห้อง

    ก่อนสาวจะปิดประตู น้องเขาพูดใส่ว่า "ไม่คิดว่าผู้ชายแบบนี้จะมีเหลืออยู่ในโลกอีก" แล้วก็ปิดประตูใส่หน้าผมดั่งโครม แล้วก็ล็อกประตู

    2.ครั้งหนึ่งที่ผมพักแถวบางนา กทม. เป็นหอพักรวม ห้องฝั่งตรงข้าม เยื้องๆ กันหน่อย เป็นห้องที่มีสาวๆ มาพักหลายคน เช่น สาวโรงงานทำของเล่นเด็ก, สาวโรงงานชำแหล่ะไก่, สาวออฟฟิส เป็นต้น ในครั้งหนึ่งนั้น ซึ่งเป็นวันเสาร์ สาวออฟฟิส ก็ส่ง messages มาทางแพ็คลิ้งค์ว่า "เฮียช่วยไปส่งหนูหน่อย หนูตกรถ กลัวไปเรียนไม่ทัน" ผมก็ยังนอนอยู่บนเตียง เมื่อได้อ่านแพ็คลิ้งค์แล้ว ก็รีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน และขับรถประจำตำแหน่ง(รถเก๋ง) ไปรับสาวแถวแยกบางนา และไปส่งที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่จ.ฉะเชิงเทรา ผมได้เคยไปส่งสาวคนนี้หลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่สาวคนนี้ก็มักจะส่ง messages มาทางวิุทยุติดตามตัว ว่าช่วยไปส่งเขาหน่อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากที่สนิทกันพอสมควร สาวคนนี้ก็พูดขึ้นขณะอยู่ในรถว่า "เฮีย ผู้ชายเขาไม่มีความต้องการ กันบ้างหรือ?" ผมฟังแล้วก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าสาวหมายถึงอะไร ในความเป็นจริงสาวคนนี้อายุมากกว่าผม 1-2 ปี แต่เรียกผมเป็นเฮีย เพราะผมทำงานมีรถประจำตำแหน่ง ในช่วงหลัง ผมย้ายที่อยู่ไปที่แถวม.ราม 2 จึงไม่ได้ติดต่อกับสาวคนนี้อีก

    3.อีกครั้งหนึ่งที่ผม ไปพักแถวม.ราม 2 ซึ่งแถวนั้นส่วนใหญ่เป็นหอพักให้พวกนักศึกษาม.ราม พักกัน ผมก็ไปเช่าอยู่แถวนั้น เพราะใกล้ที่ทำงาน ซึ่งที่ทำงานอยู่ที่ตึกบางนาเทาว์เวอร์

    หอพักที่ผมพัก ชั้นล่างเปิดเป็นร้านตัดผม มีพนักงานตัดผม 2 ท่าน ท่านหนึ่งเป็นชาย อีกท่านเป็นหญิง ท่านที่เป็นหญิง เป็นแม่หม้ายลูกหนึ่ง ผมเคยคุยกะคนตัดผมท่านที่เป็นหญิง สมมุติเขาชื่อน้องสวย เมื่อผมพักที่หอนั้นนานเข้าก็ได้พูดคุยกะน้องสวยมากขึ้น จนได้รับรู้ว่าน้องสวยถูกน้องชายเจ้าของร้านตัดผม (อีกร้านหนึ่ง) กระทำการขื่นใจ และก็ท้อง วันที่เขาเล่า ก็เล่าทั้งน้ำตา

    มีอยู่ครั้งหนึ่งน้องสวยก็ไปยื่นรอรถในเส้นทางที่ผมต้องขับรถผ่าน ผมก็ชะลอรถและถามเขาว่าจะไปไหน เขาบอกจะไปคลีนิกแถวสำโรง จะไปตรวจร่างกาย ผมก็เลยบอกให้เขาขึ้นรถ ผมจะไปส่งให้ เมื่อผมไปส่งที่คลีนิกเสร็จ ผมก็ขับรถออก และไปถึงช่วงถนนสุขุมวิท ผ่านไปไม่กี่นาที น้องสวยก็แพ็คลิงค์มาบอกว่าตรวจเสร็จแล้ว ช่วยมารับหน่อย

    เมื่อผมขับรถกลับมารับเขา ผมก็ถามว่าจะไปลงที่ไหน น้องสวยก็บอกว่า "ที่ไหนก็ได้ค่ะ" ผมก็งง ลงที่ไหนก็ได้ วันนั้นผมมีงานไปซ่อมเครื่องคอมฯ ที่สาขาคลองตัน ก็ขับรถพาน้องสวยไปที่คลองตัน และผมก็ลงไปทำงาน ส่วนน้องสวยก็รอผมที่รถ เมื่อผมทำงานเสร็จ ก็ขับรถพาเธอไปนั่งอ่านหนังสือแถวม.ราม 2 ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบพระจอมเกล้า ได้ไม่กี่นาที น้องสวยก็บอกว่า ไปที่อื่นกันเถอะ เพราะกลัวคนแถวนั้นรู้จักเธอ ผมก็งงอีก วันนั้นก็มีไม่กี่งาน ช่วงใกล้เลิกงานก็พาน้องสวยไปดูหนังที่ซีคอนสแควร์ และเลี้ยงข้าว 1 มื้อ แล้วก็ขับรถกลับหอพัก เมื่อถึงหอพักน้องสวยก็ลงจากรถ และและบอกว่าจะเดินเข้าบ้านเอง ไม่ต้องไปส่ง เขาพักอยู่บ้านพักที่ใกล้หอที่ผมพัก น้องสวยกล่าวขอบคุณและเดินกลับบ้าน

    4.อีกครั้งหนึ่ง ที่ผมย้ายที่อยู่ไปพักแถวนนทบุรี เพราะผมได้ลาออกจากที่ทำงาน เพื่อเรียนอย่างเดียว ช่วงนั้น เงินเก็บผมใกล้หมด ผมก็พยายามเรียนจนจบระดับปริญญาตรี ได้วุฒิ อสบ. พระจอมเกล้าฯ แห่งหนึ่ง ผมก็พยายามหางานทำ ช่วงนั้นเป็นปี 2540 หางานยากมาก หางานจนเหนื่อยและท้อ เงินก็ใกล้หมด กลับบ้านเกิดก็ยังไม่ได้ เคยไปบนเหมือนกัน และก็สามารถหางานทำได้เป็นบริษัทด้านสื่อสารมีชื่อของประเทศ ผมทำงานที่บริษัทนี้ได้ราว 2 ปี มีอยู่วันหนึ่ง ข้างห้องซึ่งเป็นห้องตรงกันข้ามก็กวักมือเรียกให้ผมเข้าไปคุยที่ห้องเขา เขาอยู่กันสองคนผัวเมีย ผมก็เข้าไปคุยบ้างในบางครั้ง มีอยู่วันหนึ่งที่ผมคุยกะพี่ผู้ชายข้างห้อง ก็มีสาวอีกห้องหนึ่งที่ห่างออกไปประมาณ 4 ห้อง ก็ขอเข้ามาคุย คือสาวคนนี้จะมาขายรางวัลทอง คือเป็นฉลากที่มีหมายเลข ถ้าหากเลขท้ายตรงกับรางวัลที่หวยออก ก็จะได้เงิน ผมก็มีช่วยอุดหนุนบ้าง เพราสาวคนนี้ สมมุติเธอชื่อน้องสดใส นั้นเธอออกจากงาน แบบบริษัทจ้างออก ก็เลยต้องหารายได้เสริม

    มีอยู่วันหนึ่ง น้องสดใสก็โทรศัพท์มาที่ห้องผม ก็บอกว่าเฮีย ช่วยมาซ่อมโทรทัศน์ให้หน่อย เมื่อผมไปถึงที่ห้องน้องสดใส และตรวจดูเครื่องโทรทัศน์(TV) ก็พบว่าขาตั้งของเสาอากาศหนวดกุ้งหักไปข้างหนึ่ง ข้างที่หัก คาอยู่ ผมก็เอาขาที่หักออก แล้วก็ใส่ที่ตั้งเสาหนวดกุ้งลงไป ก็เป็นอันใช้ได้ แม้จะไม่แข็งแรงมาก แต่ก็พอใช้ได้

    เมื่อผมซ่อมให้เสร็จ น้องสดใส ก็หยิบเงินมาให้ผม และบอกว่าเฮีย ช่วยไปซื้อเบียร์กระป๋องมาสัก 2 กระป๋อง ป๋องหนึ่งให้เฮีย ป๋องหนึ่งให้หนู เมื่อผมกลับมาที่ห้องน้องสดใส เธอก็รับไปเปิดดื่มเกือบหมดป๋อง และขอตัวไปอาบน้ำ และเมื่ออาบน้ำเสร็จก็นุ่งกระโจมอกออกมา และกลับมาดื่มเบียร์จนหมด เธอเริ่มหน้าแดง เธอบอกผมว่า เฮียดูทีวีไปนะ หนูขอตัวนอน ถ้าเฮียจะออกจากห้อง ก็ช่วยปิดประตูล็อคให้ด้วย

    ผมดูทีวีอีกไม่กี่นาทีก็ออกจากห้องน้องสดใส และปิดประตูล็อคให้

    ผมกลับมาคิดดู น้องสดใสให้ท่าผมหรือเปล่าหนอ!!

    ....

    5.เมื่อสมัยที่ทำงานแห่งแรก เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านคอมพิวเตอร์ (ที่สองรองจาก IBM) ในครั้งหนึ่งมีจัดงานเลี้ยงพนักงาน เนื่องในวันคล้ายวันเกิดบริษัท ภายหลังเสร็จงานเลี้ยง รุ่นพี่และเพื่อนๆ ก็ชวนไปเที่ยวต่อ ได้ชวนกันไปเที่ยวแถวสะพานควาย เป็นร้านประเภทโคโยตี้หรือร้านขายเหล้า-เบียร์ เมื่อได้เวลาพอควร รุ่นพี่และเพื่อนๆ เลือกสาวๆ กันได้หมดแล้ว รุ่นพี่และเพื่อนก็มาถามผมว่าตกลงจะเลือกคนไหน ผมบอกไม่เอาดีกว่า รุ่นพี่และเพื่อนก็คะยั้นคะยอ บอกเลือกสักคน คนอื่นเขาได้กันหมดแล้ว ก็เลยเลือกสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ค่าตัวก็ราว 800 บาท เป็นงานแบบนั้นๆ แล้วก็ขับรถพากันไปที่โรงแรมม่านรูดแถวคลองตัน แล้วก็แยกย้ายกันไป ห้องใครห้องมัน

    เมื่อถึงที่ห้อง สาวโคโยตี้หรือสาวเชียร์เบียร์ก็บอกว่า พี่ไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ ผมบอกว่า คุณไปอาบก่อนเถอะครับ น้องเขาก็ไปอาบน้ำ เมื่อเขาอาบเสร็จ ก็บอกให้ผมไปอาบน้ำ ผมก็เลยบอกไม่เป็นไรครับ แค่นอนคุยสักพักก็พอ น้องเขาคงเบื่อที่ผมไม่ยอมทำอะไร ผมก็บอก ถ้าจะกลับร้านก็กลับได้เลย เขาก็โมโหรีบออกจากห้อง และไปขึ้นแท๊กซี่ ผมพยายามจะเดินไปส่ง เขาก็โกรธโมโห ขึ้นแท๊กซี่และบอกให้แท๊กซี่รีบออกรถทันที เหตุที่ผมไม่ได้ทำ(เอาสาว) คนนี้ เพราะผมทำ(เอา) สาวไม่เป็น เหตุที่เลือกสาวมา ก็เพราะไม่อยากให้เพื่อนดูถูก เวลาผ่านไปเพื่อนๆ ต่างเสร็จกิจกัน ก็มาเคาะห้องผม ผมก็แกล้งพูดว่าทำเสร็จนานแล้ว ให้สาวกลับไปแล้ว ผมยอมเสียเงินค่าตัวสาว 800 บาท แต่ไม่ได้ทำอะไร ทำไม่เป็น เวรกรรมคงไม่มีกะสาวเหล่านี้

    ทุกรายที่ผมเล่าให้ฟัง เราต่างไม่มีอะไรกัน เพราะว่าผมทำสาว ไม่เป็น ไม่รู้ทำกันอย่างงัย และกลัวเสียฟอร์มด้วย ก็เลยยอมอด ผมเคยเล่าให้ผู้ใหญ่บางท่านฟัง ท่านบอกก็ดีแล้ว ที่ไม่มีเวรกรรมกับสาวเหล่านี้ ปัจจุบันอิสระเสรี ถ้าหากผมมีอะไรกับสาวต่างๆ ที่เล่าให้ฟังนี้ ป่านนี้คงไม่อิสระ อาจแต่งงาน มีลูกไปนานแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2016
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    การทำนายของหมอดูคู่หมอเดา

    ผมเคยถามหมอดูท่านหนึ่ง (คุณเปิดกรรม) เมื่อนาน 2-3 ปีมาแล้ว ได้เคยถามเรื่องคู่ครอง

    เขาตอบมาว่า "แฟนเป็นคนมีชื่อเสียงมากกว่าคุณ เป็นคนทีี่มีคนรู้จักมาก เดินไปไหน ด้วยกัน ไม่มีใครมองเห็นคุณ ทำใจหน่อยนะครับ คู่ใครคู่คนนั้น เลือกไหม่ได้ บุญจัดสรรกันมา ยังไงก็เจอกันแน่ ไม่เกิน ปี 2559"

    ก็รอดูว่าจะเจอไหม แต่ผมคิดว่าคงไม่เจอ เพราะอีกราว 7 เดือนก็สิ้นปี 2559 ส่วนใหญ่หมอดูมักดูดวงผมไม่ค่อยออก หรือดูได้เพียงบางส่วน
     
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    วันนี้ได้คุยกับเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยว ซืึ่งปิดร้านหลายวัน เพราะไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น เขาเล่าให้ฟังว่าไปเที่ยวที่ฮอกไกโด เมืองทางเหนือของญี่ปุ่น อากาศค่อนข้างดีมาก อูณหภูมิประมาณ 7 องศาเซลเซียน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่ฮอกไกโดไม่มีโจรขโมย ไม่มีรถมอเตอร์ไชต์ ส่วนใหญ่เขาใช้แต่รถจักรยานและรถเก๋ง สภาพอากาศอากาศค่อนข้างดี มลพิษมีน้อย คนญี่ปุ่นอัธยาศัยดี บ้านเมืองเขาสะอาด ร้านต่างๆ ของเมืองฮอกไกโดมีเพียงส่วนที่อยู่ในร้าน ส่วนที่ยื่นออกนอกร้านแบบไทยเขาไม่มี ถังใส่ขยะก็แทบหาไม่เจอ เขาบริหารจัดการดีมาก เทียบกับเมืองบ้านเรา คนละเรื่องกัน

    เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยว บอกว่าก๋วยเตี๋ยวและข้าวของชาวญี่ปุ่นอร่อยกว่าของเมืองไทย และเขาไม่ได้เน้นปลูกข้าวเพื่อการส่งออก แต่ปลูกเพื่อการบริโภคในประเทศ

    เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยว บอกว่าอนาคตอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แถวฮอกไกโดอีก ทิปไปเที่ยวครั้งที่ผ่านมา ใช้เงินไปประมาณ 1 แสน 6 หมื่นบาท ไปกัน 4 คน แบบ Back Pack ไม่มีคนนำเที่ยว แบบไปเที่ยวกันเอง ใช้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษามือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2016
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]
     
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ให้ความช่วยเหลือค่าอาหาร เงินกินข้าว หรืออื่นๆ ที่จำเป็น (โครงการบุญครั้งที่ 3)

    ตามที่ผมได้เปิดโครงการให้ความช่วยเหลือค่าอาหาร หรืออื่นๆ ที่จำเป็น (โครงการบุญครั้งที่ 2) อ้างอิงที่โพสต์นี้ : เมตตาโฮมเพจ : คาถาเงินล้าน, วิธีทำให้ค้าขายดี, บทเบิกบุญ, คาถาบูชาพระสังกัจจายน์, คำอธิษฐา��

    ภายหลังการปิดโครงการบุญครั้งที่ 2 ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ส่งอีเมล์มาขอความช่วยเหลือ

    บางท่านก็ส่งข้อความ SMS มาทางมือถือ และผมได้ช่วยไปอีกจำนวน 1 ท่าน (ภายหลังปิดโครงการบุญครั้งที่ 2 )

    ท่านผู้ใจบุญที่เคยร่วมในโครงการบุญครั้งที่ 2 ได้ติดต่อมาหาผม เพื่อขอร่วมในโครงการบุญครั้งที่ 3

    ผมได้มาพิจารณาดูแล้ว จะเปิดโครงการบุญครั้งที่ 3 ในวันที่ 1 มิถุนายน 2559

    ข้อสรุปโครงการบุญครั้งที่ 3 :
    1.ช่วยเหลือค่าอาหาร หรืออื่นๆ ที่จำเป็น โดยใน 1 เดือนจะช่วยเหลือเป็นจำนวน 3 ท่าน
    2.ท่านที่ผ่านการพิจารณา จะช่วยเหลือท่านละ 500 บาท (ส่วนที่เป็นทุนของท่านผู้ใจบุญ) และท่านละ 300 บาท (ส่วนที่เป็นทุนของผม) หรือแล้วแต่ผมจะพิจารณาตามความเหมาะสม
    3.ถ้ามีบางเดือนที่มีความจำเป็น จะต้องช่วยเหลือมากกว่า 3 ท่าน ผมจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม
    4.ถ้าภายในเดือนนั้นช่วยได้ไม่ครบ 3 คน ก็จะทบไปยังเดือนถัดๆ ไป หรือแล้วแต่ผมจะพิจารณาตามความเหมาะสม
    5.โครงการบุญครั้งที่ 3 นี้ จะช่วยเหลือเป็นจำนวน 18-20 ท่านนะครับ
    6.โครงการบุญครั้งที่ 3 นี้ ช่วยเหลือเพียงแค่ท่านละ 1 ครั้งนะครับ
    7.สำหรับท่านที่ผ่านการพิจารณาและผมได้โอนเงินช่วยเหลือให้แล้ว จะลงชื่อ-นามสกุล แบบเต็ม ในเวบนี้ประมาณ 2 เดือน เพื่อเป็นข้ออ้างอิง (Reference) เมื่อถึงเวลาแล้วก็จะคงนามสกุลแค่คำแรก ส่วนท่านที่ไม่สะดวกให้ลงนามสกุลนาน 1 เดือนก็แจ้งบอกได้ จะลงไว้ประมาณ 2 สัปดาห์หรือตามตกลง
    8.บุคคลที่ขอความช่วยเหลือ ควรใช้บัญชีธนาคารของตนเอง ส่วนท่านที่ใช้บัญชีธนาคารของคนอื่น ผมจะพิจารณาตามเหตุผลและความเหมาะสม
    9.ท่านที่ส่งอีเมล์มาหาผม ถ้าผมไม่ได้ติดต่อกลับ ภายใน 3 วัน ก็แสดงว่าไม่ผ่านการพิจารณา ไม่ต้องรอนะครับ
    10.**ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในภายหลัง เช่น การเพิ่มหรือลดเงินช่วยเหลือ, การเพิ่มหรือลดจำนวนคนที่จะช่วย หรืออื่นๆ ก็จะแจ้งให้ทราบในโพสต์นี้

    กฎกติกา :
    1.ช่วยเหลือเฉพาะคนที่ลำบากจริงๆ เท่านั้น
    2.เน้นช่วยเป็นค่าอาหาร ส่วนกรณีอื่นๆ จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป ตามความเหมาะสม
    3.การช่วยเหลือค่าอาหาร หรืออื่นๆ ที่จำเป็น จะช่วยเหลือแบบให้แล้วให้เลย ไม่ต้องคืน (แบบให้ยืมไม่มีแล้วนะครับ เพราะเสียความรู้สึก 3 ครั้งแล้ว ไม่อยากไปตามทวง เคยเจอมา 3 รายแล้ว)
    4.ควรมีการยืนยันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ว่าเรื่องที่แจ้งมาทางอีเมล์นั้นเป็นความจริง
    5.รับพิจารณาเฉพาะท่านที่มีอายุในช่วง 18-59 ปีนะครับ ส่วนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ให้ไปขอกับผู้ปกครองหรือพ่อแม่นะครับ ส่วนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปก็มีเงินชราที่รัฐบาลช่วยเหลืออยู่แล้ว
    7.สำหรับท่านที่ไม่สามารถทำตามกติกาได้ ให้ไปขอความช่วยเหลือที่เวบอื่นนะครับ
    8.การพิจารณาของผมถือเป็นที่สุด บุคคลที่ไม่พอใจภายหลังการพิจารณาของผม เช่น ไม่ยอมรับกติกา, ไม่ยอมรับการพิจารณาของผม, โวยวาย หรือว่ากล่าว หรือด่าผม หรือไม่ให้เกียรติผม จะโดนขึ้น BLACK LIST (ลงชื่อ-นามสกุล-เบอร์โทร (แบบเต็ม) และอาจลงหมายเลขบัตรประชาชนแบบเต็ม ไว้ในเวบนี้)

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เวบต้นฉบับ : เมตตาโฮมเพจ : คาถาเงินล้าน, วิธีทำให้ค้าขายดี, บทเบิกบุญ, คาถาบูชาพระสังกัจจายน์, คำอธิษฐา��
     
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    แวะมาดูกระทู้
     
  12. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ท่านใดต้องการความช่วยเหลือค่าอาหาร หรือเงินกินข้าว ก็ส่งอีเมล์มาหาผมได้ครับ อ่านรายละเอียดได้ที่โพสต์ #292 และที่เวบต้นฉบับ
     
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    แพทย์เชียงใหม่-รามเผย 'ขิง พุทราจีน เห็ดหูหนู' มีส่วนช่วยรักษาเส้นเลือดสมองตีบได้

    เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 ที่คลินิคโรคทางสมองและประสาท ห้อง 4 ชั้น 4 โรงพยาบาลเชียงใหม่-ราม อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นพ.ประชา กัญญาประสิทธิ์ ประสาทและศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเชียงใหม่-ราม อายุ 39 ปี เปิดเผยว่า จากการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบมาเป็นเวลานานพบว่า โรคนี้เป็นโรคที่ติดอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิต โดยปี 2557 เส้นเลือดในสมองตีบทำให้คนเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 และก่อให้เกิดความพิการเป็นอันดับ 1 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูงมาก ทั้งการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันเฉลี่ยครั้ง 15,000 บาทต่อครั้ง และการใส่สายสวนเพื่อขยายหลอดเลือดแดงเฉลี่ย 200,000 บาทต่อครั้ง

    "สาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบมี 3 ประการ ด้วยกันคือ 1.หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือลิ้นหัวใจมีปัญหา 2.เส้นเลือดที่บริเวณลำคอตีบทำให้ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ และสมองตันจากไขมันหรือหินปูนเกาะ ซึ่งคนทั่วไปที่หากมีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีโอกาสที่จะเส้นเลือดในสมองตีบได้ โดยเปรียบเทียบจากท่อน้ำที่มีอายุ มองภายนอกอาจไม่ทราบเพราะน้ำยังไหลอยู่ ไม่มีอาการ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ตีบหรือตัน ภายในย่อมเกิดสนิมเกาะและในที่สุดก็จะอุดตันได้ หรือคนที่มีโรคความดัน ไขมัน เบาหวาน และสูบบุหรี่ มีโอกาสที่เส้นเลือดจะขรุขระหรืออุดตันได้ง่าย และมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ รักษาทันก็ดีไป แต่หากไม่ทันมีโอกาสพิการ เรียกว่า ครึ่งต่อครึ่งพิการหากเป็น หรือเป็นอัมพาตได้ จึงคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้"

    นพ.ประชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลเชียงใหม่-ราม มีคนไข้ในความดูแลหลายรายที่มารักษาด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งเรามีนวัตกรรมใหม่ในการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ใช้ใส่สายสวนลงไปที่เส้นเลือดแดงผ่านไปยังเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หน้าอก คอ สมอง ขยายหลอดเลือดแดงที่สมอง แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้มีคนไข้รายหนึ่งเป็นชายมีอาการหลอดเลือดที่คอตีบเข้ามารับการรักษาเลือดไม่สามารถส่งผ่านไปเลี้ยงสมองทำให้เกล็ดเลือดอุดเป็นก้อน มีอาการอ่อนแรงและอัมพาตชั่วคราว ทางเราใช้ยารักษาและป้องกันจนอาการดีขึ้น แต่ต่อมาเกิดอาการซ้ำ มีการใช้ยาเพิ่ม 2 ตัว แต่เอาไม่อยู่ต้องผ่าตัดเพื่อทำบอลลูนขยายเส้นเลือด

    "คนไข้รายนี้กลัวการผ่าตัดมาก จึงตัดสินไม่ผ่าตัด และขอไปรักษากินยาสมุนไพร ซึ่งหมอเตือนไปว่าอาจเกิดอาการอุดตันซ้ำ ขอให้กินยาแผนปัจจุบันที่หมอให้ควบคู่ไปด้วย 6 เดือนผ่านไปปรากฎว่าว่ามีเรื่องน่าสนใจและไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น หลังจากหมอเอกซ์เรย์และฉีดสีดูเส้นเลือดที่ตีบเส้นเดิมนั้น เส้นเลือดที่เคยตีบ หรือขรุขระ กลับเรียบสวย ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว เป็นเรื่องที่หมอไม่เชื่อแต่น่าสนใจจึงสอบถามว่าไปทำอย่างไรมา คนไข้อธิบายได้ความว่าได้นำขิง พุทราจีนแห้ง และเห็ดหูหนูดำ มาตุ๋นรวมกัน ดื่มเช้า-เย็น กินแทนน้ำ ปัจจุบันหยุดยาแผนปัจจุบันไปเลย"

    นพ.ประชา กล่าวว่า รายที่ 2 มีอาการหนักมาก เพราะเส้นเลือดในสมองตีบ และเลือดออกในกระเพาะ อายุ 70 ปี ต้องให้ยารักษาประคองอาการ เพราะจะให้ยาละลายลิ่มเลือดในสมองไม่ได้ เพราะต้องรอแผลในกระเพาะหายก่อน จึงลองเล่าให้ลูกสาวฟังถึงอาการของคนไข้รายแรกว่าหายได้ด้วยสมุนไพร 3 อย่างที่กล่าวมา ซึ่งแพทย์เองก็ไม่ได้เชื่อ แต่ไม่อันตรายเลยอยากให้ลองดู เพราะยาแผนปัจจุบันใช้ไม่ได้ ปรากฎว่า 2 เดือนกลับมาตรวจใหม่เส้นเลือดเรียบดีขึ้น และได้ลองบอกคนไข้รายต่อไปที่สนิทกันว่าให้ลองนำสมุนไพรมาตุ๋นดื่ม อาจมีประโยชน์จริง ปรากฎว่าดีขึ้นทุกราย เพราะเส้นเลือดที่เคยขรุขระเรียบสวยขึ้น

    "ผมก็เกรงว่าจะเป็นดาบสองคม จึงบอกเฉพาะคนไข้ที่สนิทกัน แต่ทั้ง 16 ราย ดีขึ้นหมด เพราะเหมือนเราล้างท่อทุกวัน จึงไม่มีทางตัน คนไข้รายที่ 2 กินแทนน้ำไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย ที่สำคัญไตยังทำงานได้ดีขึ้น เพราะพุทราจีนบำรุงไต ส่วนผสมที่เหมาะสมคือ น้ำ 1 ลิตร พุทราจีนแห้ง 20-30 ผล เห็ดหูหนูดำ 10 ช่อใหญ่ หรือ 20 ช่อเล็ก ขิง 1 ขีดใหญ่ ตุ๋นประมาณ 2-4 ชั่วโมง ได้น้ำ 50-60% กินแต่น้ำ"

    นพ.ประชา กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากให้มีการพัฒนาต่อยอดในโรงพยาบาลของรัฐบาล เพราะเราไม่มีปริมาณคนไข้มากพอที่จะทำงานวิจัย แต่เมื่อรู้ว่าดีก็บอกต่อ ขณะนี้ยังไม่ได้ทำการพัฒนาและวิจัยว่าจริงหรือไม่จริง 100% แต่เห็นว่าเป็นประโยชน์ และยืนยันว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อน หากโรงพยาบาลรัฐจะทำการวิจัยโดยคนไข้จำนวนมากเพื่อดูผลก่อนและหลังว่าได้ผลกี่เปอร์เซนต์น่าจะดีและมีประโยชน์ในอนาคตในการป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ แต่ในแง่ของการรักษาเบื้องต้นสามารถมารับการรักษาและรับคำแนะนำได้ที่คลินิคโรคทางสมองและประสาท โรงพยาบาลเชียงใหม่-ราม ซึ่งทางโรงพยาบาลมีระบบช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก อาการคือ อ่อนแรง หรือชาแขนขาซีกใดซีกหนึ่งทันทีทันใดพูดไม่ชัด ไม่เป็นคำ หรือพูดไม่ได้ทันทีทันใด ปากเบี้ยว ตามืดมองไม่เห็นทันทีทันใดข้างใดข้างหนึ่ง หากมีอาการดังกล่าวให้รีบไปโรงพยาบาลทันที หากช้ากว่า 4 ชั่วโมงครึ่งอาจรักษาไม่ทันและทำให้เกิดความพิการตามมา

    "ปัจจุบันหมอก็กินน้ำตุ๋นจากสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด เพราะเชื่อว่าแก้เส้นเลือดอุดตันทั่วร่างกาย ลดไขมัน ทุกคนในครอบครัวกินหมด โดยเฉพาะพี่ชายหมอ ซึ่งก็เป็นหมอเช่นกัน หลังลองกินแล้วไปเล่นกีฬาหนักๆ ไม่มีอาการปวดขาจากกล้ามเนื้อขาดเลือดอย่างที่เคยเป็นเลย ซึ่งหมอดีใจเพราะไม่อยากรักษาคนในครอบครัวที่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบเช่นกัน ส่วนตัวไม่อยากให้คนไทยเป็นโรคนี้เพราะเป็นแล้วจะพิการ โดยเฉพาะหัวหน้าครอบครัวที่เป็นแล้วทำให้ครอบครัวล่มสลาย จึงมีความหวังดีมาบอกต่อ โดยไม่หวังผลธุรกิจ"

    ///////////////////////////// หากว่าต้มลำบาก ทางเราได้อำนวยความสะดวก เรามีเป็นชา ขยายหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดตืบ ลดไขมันในตับ บำรุงไต
    ส่วนประกอบ ขิง พุทราจีน เห็ดหูหนูดำ เห็ดหลินจือ หญ้าหวาน บดผงรวม 30ซองเล็ก (30x2g) 250 บาท

    วิธีรับประทาน 1ซองเล็ก ใส่น้ำร้อน 1แก้วใช้ช้อนนวดซองให้ตัวยาละลายออกมา ดื่มวันละ สองเวลา 1ซองเล็ก เติมน้ำร้อนได้หนึ่งครั้ง

    [​IMG]

    ที่มา : https://www.facebook.com/JINTAWANHERB/posts/297549067036066:0
     
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    อานิสงส์ของการมีสัจจะ
    พระภาวนาวิสุทธิคุณ

    มีเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องคล้ายกัน บ้านตาแป๊ะแก่คนหนึ่ง อยู่กันสองคนกับยายซิ้ม เขานัดหมายกันนั่งชั่วโมงหรือสองชั่วโมงจำไม่ได้ เวลานั่งแล้ว ใครจะเรียกมาหาใครจะมาลักขโมยไม่สนใจไม่ต้องฟังเสียง ถ้านาฬิกาไม่กริ๊งไม่เลิก ตั้งสัจจะและพระที่คล้องคอก็ไม่มี เมียนั่งโน้นผัวนั่งนี่ บ้านนั้นมีเครื่องลายครามเยอะแยะหมด แล้วก็มีลูกสาวคนหนึ่งผอม สะโพก ๒ ศอกได้มั้ง ขณะนี้ลูกสาวน่ะ สามีเป็นนายพันเอก อย่าไปออกชื่อเขาเลย เป็นลูกอาจารย์กองทัพอากาศ เดี๋ยวนี้ยังอยู่แต่ปลดเกษียณแล้ว

    ก็ได้ความว่าลูกสาวมาเยี่ยมเตี่ยกับแม่ แล้วทีนี้เตี่ยกับแม่ก็นั่งบริกรรมพองหนอยุบหนอ ถ้าไม่ได้กำหนดไม่ออก ถือสัจจะ พอดีรถปิคอัพเข้ามา ขโมยปล้นมีเอ็ม ๑๖ มาก็ยิง ยิงเลย ยิงไม่ออก ยิงโด่งออก แล้วโจรก็มาคลำดูที่คอ สองคนก็ภาวนาพองหนอยุบหนอตลอด ลูกสาวกำลังรับประทานอาหารอยู่ กำลังจิ้มไก่ย่างใส่ปาก เคี้ยวไปยังไม่ทันกลืนนะ พอเสียงปืนโป้งปั้งทำไง ก็รีบเข้าไปใต้เตียง ไม้ชิงชันสูงคืบเดียวนะ เข้าไปได้สะโพกเบ้อเร่อเข้าได้สบายมาก แล้วก็ไก่ย่างยังอยู่ในปาก

    มันเป็นเรื่องอัศจรรย์อันหนึ่ง ยิงก็ไม่ออก มันจะมาฆ่าตาแป๊ะคนนี้ มีเครื่องลายครามขนใส่รถหมด ข้าวของเงินทองขนใส่รถ ยายซิ้มพองหนอยุบหนอ คิดหนอ ๆ ก็พองหนอยุบหนอต่อไป แหมเขาแน่จริง ๆ ขโมยก็ขึ้นรถไป ออกไปถึงตรอกนั้น ร้อนถึง จักรินเทวราช สั่งมาตุลีเทพบุตรบอกให้สารวัตรใหญ่เข้าไปในตรอกนี้ให้ได้ เกิดสังหรณ์ในใจ ตำรวจสารวัตรใหญ่เป็นพันตำรวจโทก็สั่งลูกน้องเข้าในตรอกนี้ซิ มันสงสัย ก็สวนกันรถขโมยพอดีเลย พอสวนรถขโมย มันเปิดไฟเห็นตำรวจมันก็โดด ตำรวจโดดตาม พอตำรวจโดดตามจับได้หมด
    เลยผลสุดท้ายก็ถามว่า เอามาจากบ้านใคร โจรก็บอกกับตำรวจว่าเอามาจากบ้านตาแป๊ะนี่ เลยถอยหลังกลับไป พอรถขโมยไปจอดรถ รถสารวัตรใหญ่ไปจอด สองคนนั่งพองหนอยุบหนอ ยังไม่ออกจากกัมมัฏฐานเลย เลยตำรวจก็ปลุกตาแป๊ะ ไม่ลุก สักประเดี๋ยวนาฬิกากริ่ง ตาแป๊ะก็ออกพอดีเจอตำรวจบอกว่า เอ...ไอ้ผู้ร้ายบอกว่าเอาปืนยิงไม่ออก เลยคลำที่คอบอกว่าไม่มีพระ ไม่มีพระเครื่องรางของขลังแต่ยิงไม่ออก บอกนี่โดนปล้นรู้ไหม ตาแป๊ะบอกรู้ แต่กำหนดได้ว่าอย่างนี้นะ รู้นะไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่เข้าพลสมาบัติ รู้เลยอยากได้เอาไป รู้หนอ ๆ พองหนอ ยุบหนอต่อไป อยากได้เอาไป ๆ ถ้าเป็นของลื้อ ๆ เอาไป ถ้าเป็นของอั๊วอยู่ พองหนอ ยุบหนอ ๆ อยากได้เอาไป ๆ

    พอพูดกันสักพัก ก็มีเสียงเรียกให้ช่วย ตำรวจก็มองหา เอ...อยู่ที่ไหนแปลก อยู่ใต้เตียงเวลาเข้าได้ออกไม่ได้ สะโพกตั้งศอก เลยเข้าไปยกเตียงไม้ชิงชันออกมา ไก่ยังอยู่ในปาก จะกลืนก็ไม่กลืน ไม่มีพองหนอ ยุบหนอ เตี่ยกับแม่ทำ ลูกสาวไม่ได้ทำ ในที่สุดก็ได้ของคืนหมด แต่เตี่ยกับแม่ในที่สุดก็บอกตำรวจว่าไม่เอาเรื่องเอาความ ไม่ติดตามฝากหลวงไป แล้วแต่เถอะว่าเสียสละแล้ว บอกว่าจะติดคุกติดตะราง อโหสิกรรม แล้วพวกขโมยก็มากราบตาแป๊ะกราบยายซิ้ม แล้วตำรวจก็ถามว่า เป็นยังไงถึงยิงไม่ออก มีพระอะไร ตาแป๊ะบอกมีพระพองหนอยุบหนอ ลื้อเอาไปใช้เถอะยิงไม่ออกแน่ พระพองหนอ พระยุบหนอ
    ในที่สุด ตำรวจมาที่วัดนี่ เดี๋ยวนี้เป็นนายพันเอก เป็นนายพลตรีไปแล้ว ตำรวจบอกเอาพระตาแป๊ะพองหนอยุบหนอขลังจริง ๆ ปืนยังยิงไม่ออก เพราะว่าคุณนายชื่อว่าสะโพกศอกกว่า ๆ นี้นะเข้าไปได้บอกว่าคุณนายเข้าไปได้ยังไง บอกว่าฉันก็ไม่รู้ ตกอกตกใจพรวดเข้าไปใต้เตียง เตียงไม้ชิงชัน เวลาออกออกไม่ได้ สะโพกติดก็ต้องไปช่วยกันยกเตียงไม้ชิงชันออกมาเห็นไหม มันก็เป็นได้อย่างนี้

    ปืนยิงไม่ออกก็คือสัจจะ ความจริง และก็ว่าคล้องพระไปเป็นกิโลนะ โป้งตายไปหลายราย เพราะไม่นึกถึงคุณพระอยู่ในใจเลย ไม่มีสัจจะ เสียสัจจะ เอาพระไปคล้องเสียเวลาเปล่า ๆ พระพุทธเจ้าไม่ช่วยแน่ อาตมาขอยืนยัน
    อาตมาไปชายแดน ถามหัวหน้าหน่วยเป็นพันตรี บอกมีไหมปืนยิงไม่ออกยิงไม่เข้า มีคนเดียว นอกนั้นตายเรียบ โดนปืนตายทั้งนั้น แต่คนนี้ไม่ตาย โดนเอ็ม ๑๖ หล่นจากเขาค้อเป็นเวลานานแล้ว ตอนนั้นเป็นสิบโท เดี๋ยวนี้เป็นร้อยเอกแล้ว อาตมาบอกขอมาสัมภาษณ์ซิ แต่นายพันตรีก็ไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ด้วยอะไร
    อาตมาก็มากล่าวอีกถึงอิสลาม เป็นชาวอิสลาม พ่อเขาเป็นแขกแม่เป็นชาวพุทธ ก็เอาตะกรุดมาให้อาจารย์ดู ถักเสียสวยเลยคล้องคอไว้ นายพันตรีก็ไม่รู้ว่ามีอะไรดีเป็นอิสลาม ทำไมมันเหนียว ทำไมทหารไทยตายซะเรียบ ในเขาค้อนี่เองเลยเพชรบูรณ์ไปนี่ ติดต่อกับพิษณุโลก อาตมาไปมา ที่ไปนี่ก็เอาของไปแจกไม่ใช่เอาเหรียญไปแจกนะ เอาขนมเอากระยาสารท ขนมเปี๊ยะ เอาพวกน้ำปลาไปแจกทหารชายแดน ๒๔ ลังเรียบไม่พอแจก ทหารชอบไม่ใช่ไล่แจก อาตมาถามบอกขอดูซิ อิสลามบอกหลวงพ่ออย่าจับ เอาไม่จับได้ไง คนละศาสนาถือหรือ ไม่ใช่หรอกครับ เดี๋ยวผมจะเล่าถวาย
    พอผมจะมาสนามรบนี้ผมก็ไปลาลุง ๆ ผมเป็นทายกพระ แต่ทีนี้แม่ผมได้กับป๋าที่มาจากเมืองนอก ก็ต้องตามป๋าไปอิสลาม แล้วก็บอกมาขอของดีลุงจะให้อะไร ลุงบอกเอาผ้านุ่งแม่เจ้ามา แล้วลุงจะทำให้ เอาผ้านุ่งมาตัด ๆ เข้าแล้วก็เอาเชือกถักเสียสวยเลย แล้วก็ให้คล้องคอ แล้วบอกให้หลานตั้งนะโมเอาแบบพุทธ ท่อง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ๓ หน แล้วนึกถึงพระเจ้าของเจ้าก็ตามใจ บิดามารดาปกปักรักษา คุณครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณทั้งหลายแค่นี้แหละแล้ว เจ้าอิสลาม ๑. เหล้าหยดเดียวไม่กิน ๒. การพนันไม่เล่น ๓. ผู้หญิงไม่เที่ยว สามอย่างเท่านั้น หล่นจากภูเขาก็ไม่เป็นไร เขาเลิกเสื้อให้ดู บอกบอบช้ำไปเลย แต่ทีนี้เพื่อนทหารของผมก็กินเหล้าเข้าไปในหมู่บ้าน กลับไปก็ไปเหยียบกับระเบิดตาย
    นี่แค่ผ้านุ่งแม่ ปืนยังยิงไม่เข้า เขาไปทำเป็นตะกรุดคล้องคอ อาตมาจับเขาถึงไม่ให้จับ บอกว่านี่เป็นผ้านุ่งแม่ผม เลยให้นายพันตรี บอกอยู่ด้วยกันมานาน ไม่รู้ไม่เห็นเล่าให้ฟัง กลัวทหารจะล้อว่าเอาผ้านุ่งมาคล้องคอ ว่าอย่างนี้ เดี๋ยวทหารบางคนก็ว่าไม่ใช่ผ้านุ่งแม่ เอาผ้านุ่งเมียมาคล้องคอ นี่บางทีแม่มาหาก็หาว่าเมียมาหา ทหารที่นั่นเป็นอย่างนี้เขาเล่าให้อาตมาฟัง นี่ก็เรื่องจากชีวิตปฏิบัติธรรม ถึงจะเป็นอิสลามหรือไม่ก็ตามเขามีสัจจะของเขา เหล้าไม่กินเลยแม้แต่หยดเดียว พระเจ้าก็ช่วยได้ นี่ผ้านุ่งแม่ก็ช่วยได้ เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว ผ้านุ่งแม่ก็ซักให้ไม่ได้ ทีผ้านุ่งเมียซักได้นะ เห็นบางคนเขาพูดกัน ข้อเท็จจริงอย่างไรไม่รู้ เห็นบางคนเขาพูดกัน บางคนถูกผ้าผู้หญิงไม่ได้เพราะกลัวเสื่อม อาตมาว่าไม่จริง อยู่ที่ใจ เสื่อมไม่เสื่อมอยู่ที่ใจ ไม่อยู่ที่ผ้านุ่งผู้หญิงหรอก

    ธรรมเทศนา..
    พระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์
    วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

    ที่มา : https://www.facebook.com/VeruwanKG/posts/1002939456428425:0
     
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    เล่าสู่กันฟัง....
    เช้าวันหนึ่งของเมื่อนานมากแล้ว........ ดิฉันได้ไปกราบหลวงพ่อที่วัด เมื่อไปถึงวัดหลังจากได้กราบนมัสการหลวงพ่อแล้ว ดิฉันก็คุยเรื่องจำนวนคนที่มาเข้ากรรมฐาน เพราะหลวงพ่อท่านจะโปรดและมีความสุขมากที่คุยเรื่องนี้ ท่านเน้นการสร้างคนจริงๆ ท่านบอกว่า "คนที่มาเข้ากรรมฐานเป็นร้อยเป็นพัน สำเร็จซักหนึ่งคน เราก็ดีใจแล้ว"
    จากนั้นท่านก็คุยเรื่องอื่นๆ ซักพักดิฉันก็กราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อเจ้าคะ หนูอยากถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่ ๑ อยากได้แบบมีรางวัลพิเศษ ได้เงิน ๘๑ ล้านเจ้าค่ะ" (เพราะเพิ่งฟังข่าวมาในรถว่ามีคนโชคดีถูกรางวัลใหญ่นี้ก็เลยอยากจะรวยอย่างเขาบ้าง) หลวงพ่อท่านมองหน้าดิฉันด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยเมตตา ท่านตอบว่า "น้อยไป!" (ดิฉันฟังแล้วอึ้งไปเลย) ท่านบอกว่า "เอาคาถาบทนี้ไปสวดนะ" แล้วท่านก็หยิบกระดาษมาจดให้ ท่านให้สวดคู่กับคาถาธาตุเศรษฐี ซึ่งคาถาทั้ง ๒ บทนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก และดิฉันใช้สวดมาจนทุกวันนี้.....
    ตั้งนะโม ๓ จบ
    (ไม่ทราบชื่อคาถาบทนี้)
    นะ อะ นะ อุ นะ มะ
    มะ อะ มะ อุ มะ นะ
    อะ นะ อะ มะ อะ อุ
    อุ นะ อุ มะ อุ อะ
    คาถาธาตุเศรษฐี
    อิติมะมะ มีมามูล
    พูลมามี มามะมะ
    นะมะพะทะ
    แต่ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะสวดคาถานี้ ดิฉันอยากจะขอแนะนำจากประสบการณ์ที่ได้สนทนากับหลวงพ่อ ว่า:-
    ๑) หากคุณพ่อคุณแม่ยังมีขีวิตอยู่ ให้ไปล้างเท้าให้คุณพ่อคุณแม่ พร้อมขอขมา ขออโหสิกรรม และ ขอพรจากท่านทั้งสอง
    ๒) ให้รักษาศีล ๕ อย่าได้บกพร่อง
    การจะรำ่รวยเท่าไรขึ้นอยู่กับบุญกรรมที่ได้สร้างสมมาทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ แต่การสวดคาถา ๒ บทนี้จะเป็นการเร่งพลังให้สัมฤทธิ์ผลมากขึ้นและเร็วขึ้น!
    หมายเหตุ : ถ้าสวดมนต์ด้วยคาถา ๒ บทนี้แล้วมั่งมีศรีสุขขึ้นมาแล้ว ขออย่างเดียว อย่าลืมวัดอัมพวัน สิงห์บุรีนะคะ !!
    เกร็ดความรู้จากหลวงพ่อ ท่านสอนว่า :-
    "ให้ปูผ้าขาวผืนใหญ่ไว้ในห้องพระ หน้าโต๊ะหมู่บูชาเพื่อเทวดาจะได้มานั่งสวดมนต์"
    (ตั้งแต่ทำตามที่หลวงพ่อสอน ทุกปีตอนสรงน้ำพระช่วงสงกรานต์ ดิฉันรู้สึกอัศจรรย์ใจมาก ที่สังเกตเห็นว่าพระพุทธรูปในห้องพระมีฝุ่นเกาะน้อยมากๆ
    ลองไปทำตามดูนะ ได้ผลเป็นอย่างไรส่งข่าวกันบ้างนะคะ)

    Cr.Kob Satawin

    ที่มา : https://www.facebook.com/VeruwanKG/posts/1004094916312879
     
  16. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    เมื่อวานก่อนและเมื่อวานได้คุยกับผู้มีบารมีอีกท่านหนึ่ง ท่านเกิดในตระกูลใหญ่ รู้จักคนใหญ่โตมากพอควร เป็นนักปฎิบัติธรรม ปฎิบัติจนผ่านเวทนาแล้ว ได้สนทนานานพอประมาณ ได้สาระความรู้พอควร อาทิ

    1.ท่านบอกว่าท่านเป็นหลายโรค เช่น โรคภูมิแพ้ ท่านแนะนำว่า ให้อุทิศบุญให้เชื้อโรคในร่างกาย ช่วงหลังก็ดีขึ้น

    2.ท่านบอกว่าพระเจ้าตากองค์จริงคือองค์ที่ไว้หนวด ซึ่งก็ตรงกับที่ผมเคยได้นิมิตเกี่ยวกับพระเจ้าตาก เมื่อสมัยเคยปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน เห็นเป็นภาพพระเจ้าตาก แบบองค์ที่มีหนวด น่าเกรงขาม

    3.ได้คุยกันหลายเรื่อง พอคุยไปถึงเรื่องพระสมเด็จ ผมก็ถามว่าพระสมเด็จนั้นจะเห็นเป็นแสงสีอะไร เขาก็ตอบมาว่า เป็น "สีทอง" ซึ่งก็ตรงกับที่ผมรู้มานานหลายปีแล้ว

    4.ช่วงหนึ่งของการสนทนา ท่านได้พูดถึงการสวด "พระคาถาเมตตาหลวง" ซึ่งพระคาถาเมตตาหลวง ผมก็รู้มานานพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่ได้นำไปลงที่เวบผม เพราะได้เคยนำ มหาเมตตาใหญ่ ไปลงนานเป็นปีแล้ว พระคาถาเมตตาหลวงเสมือนเป็นบทย่อของมหาเมตตาใหญ่ และคาถามหาเมตตาใหญ่นั้นยาวกว่ามาก

    คาถาเมตตาหลวงนั้นเป็นพระคาถาที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านมักจะใช้ภาวนาเป็นการเจริญเมตตาไปยังสรรพสัตว์ไม่มีประมาณ ให้หมู่สัตว์และเทวดาได้รับความร่มเย็นเป็นสุขโดยทั่วกัน

    ต่อมาหลวงปู่ขาว อนาลโย แห่งวัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี ได้รับถ่ายทอดพระคาถาบทนี้ไว้ และได้มอบให้แก่หลวงปู่เมตตาหลวง หรือพระญาณสิทธาจารย์ (สิงห์ สุนทโร) แห่งวัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

    พระคาถาเมตตาหลวง ยังมีอีกฉบับหนึ่งที่เป็นฉบับประยุกต์ที่หลวงพ่อคล้าย ฐิตธัมโมหรือหลวงพ่อธรรมรส นำมาจากหลวงปู่เมตตาหลวง(พระญาณสิทธาจารย์) และโดยเพิ่มเติมเข้าไปอีกพอสมควร

    5.ท่านบอกว่า หาเช่าบูชาพระเครื่อง-วัตถุมงคล ครูบาเหนือชัย เพราะได้นิมิตหรือได้เห็นพระบารมีครูบาเหนือชัย เป็นประกายพรึบปรากฎสว่างไสว กว้างไกล ซึ่งก็ใกล้เคียงกับที่ผมเคยสัมผัสถึงพลังของครูบาเหนือชัยแบบครอบจักรวาล และท่านบอกว่าได้อธิษฐานว่าขอให้ได้เช่าบูชากับบุคคลที่...... (ที่ใส่จุดๆ ไม่เปิดเผยนะครับ)

    6.ผมได้ขอคำแนะนำ ท่านได้บอกว่า จะได้แฟนหรือมีเมีย ในช่วงอายุ 50 เป็นหญิงรวย ... จะมาอุปถัมป์ช่วยเหลือ

    หมอดูชื่อคุณเปิดกรรม บอกว่าผมจะได้เจอเนื้อคู่ภายในปี 2558-2559 ตกลงผมจะเชื่อใครดี??
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2016
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    สมาชิกเวบพลังจิต หรือบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเวบพลังจิต ที่เก่งๆ ก็มีเยอะ

    บางคนมีญาณ ฌาน หรืออิทธิฤิทธิ์ ที่ล้ำหน้า แต่ปัญญาธรรมอาจยังไม่เกิดมาก

    บางคนไม่ค่อยมีญาณ แต่ปัญญาธรรมเกิดมาก

    อย่าวัดคนที่เรื่องญาณ ฌาน หรืออิทธิฤิทธิ์ แต่ให้วัดคนที่ความมีคุณธรรม ความเป็นคนดี ความเป็นผู้เสียสละ ความมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ซึ่งก็คือความเป็นผู้มีจิตวิญญาอันยิ่งใหญ่
     
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ท่านที่มาอ่านเอาความรู้ กด Like หรืออนุโมทนาได้นะครับ
     
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    การหลงโลก ติดวัตถุ ติดชาติภพ ติดกาม

    หากจิตไม่คิดออกจากชาติภพ เพราะวันเวลายังไม่ถึง กำลังบุญบารมีไม่พอ จิตก็ยังหลงโลก ยึดในวัตถุ

    บางคนเกิดมาในครอบครัวคนรวย แรกเกิดก็มีเงินในบัญชีเป็นล้าน เรียนจบป.ตรี พ่อแม่ก็ซื้อรถเก๋งให้ เรียนจบพ่อแม่ก็ฝากงานดีๆ มั่นคงให้ และอาจหาเมียสวยๆ รวยๆ ให้

    การไม่หลงโลก หมายถึงใช้ปัญญาพิจารณา คำว่าเศรษฐี มันไม่จีรัง ชาตินี้อาจเป็นเศรษฐี มีเงินเป็นร้อยล้าน หรือพัน-หมื่นล้าน บางท่านทำงานราชการก็มั่นคง มีครอบครัวทีี่อบอุ่น สบายทั้งชาติ แต่ต้องไม่ลืมว่า ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นเศรษฐีอีกไหม ชาติหน้าจะได้ทำงานดีๆ อีกไหม ชาติหน้าจะได้เจอคู่ครองดีๆ อีกไหม

    ถึงจะทำงานเป็นหมอ หรือเป็นครู หรืออื่นๆ ก็ใช่ว่าจะพ้นทุกข์ เมื่อชีวิตการเกิด ทุกคนที่เกิดมาล้วนต้องเจอความทุกข์

    ความทุกข์พื้นฐานที่ทุกคนล้วนเจออยู่แล้ว ก็เช่น ทุกข์จากความหิว ทุกข์จากความร้อน หนาว ทุกข์จากไม่สบายกาย ทุกข์จากความไม่สมหวังในสิ่งที่ตนเองอยากได้

    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ พระอริยเจ้า สมัยก่อนบวช ท่านได้คิดพิจารณา หากทำนาต่อไปอีก เกิดอีก 100 ชาติ ก็อาจต้องทำนาอีก และเพราะวาระแห่งการบรรลุธรรมของท่านมาถึงแล้ว ท่านจึงออกบวช เพราะจิตเบื่อหน่ายทางโลก สุดท้ายท่านก็บรรลุธรรม ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว

    แต่ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ จะรวยหรือจน หากไม่บรรลุธรรม ชาติหน้าก็คงต้องเกิดอีก แล้วจะได้เกิดเป็นมนุษย์ไหม?

    หากได้เกิดเป็นคน บางคนพอรู้ธรรม ก็พยายามทำบุญหนีกรรม สะสมเสบียงบุญ ทำแบบนี้เรื่อยๆ เพราะไม่มั่นใจว่าจะบรรลุได้ในชาติปัจจุบัน มันก็ไม่จบ วนเวียน ใช้กรรม เสวยบุญ สร้างกรรม ทำบุญหนีกรรม วนเวียนไม่จบ

    การวนเวียนในวัฏฏะสงสาร ไม่อาจพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2016
  20. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,406
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    [​IMG]

    ไม่ควรโหมทำงาน จนต้องเอาเงินที่สะสมมาไปใช้ที่โรงพยาบาล

    เคยอ่านเจอท่านหนึ่ง ไปหาหมอ หมอบอกเป็นมะเร็งระยะ 2 เขาบอกยังไม่พร้อมผ่าตัด เพราะงานโครงการสำคัญยังไม่เสร็จ ขอทำงานให้เสร็จก่อน สุดท้าย งานเกือบเสร็จ และไม่มีโอกาสได้ผ่าตัดแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...